มีสุข มีทุกข์ อะไรก็จะเขียนไว้ที่นี่

ทำงาน 8 ปี 4 เดือน 6 วัน ได้อะไรบ้าง

ผมเริ่มงานกับบริษัทนี้มา ตั้งแต่ วันที่ 22 เดือน ตุลาคม ปี 2544 จำได้ว่าได้รับเงินเดือนงวดแรกพันกว่าบาท เพราะคิดค่าแรงแค่ 9 วัน ตอนนั้นผมแทบไม่มีเงินเลย ตอนเข้ากรุงเทพมีเงินติดตัวมาไม่กี่พัน มาม่ากับขนมปังจึงเป็นอาหารหลัก จะพูดว่าเริ่มจากไม่มีอะไรก็น่าจะได้ แต่ถ้านับหนี้เงินกู้เพื่อการศึกษาอีก แสนกว่าๆ ก็เท่ากับเริ่มจากติดลบ

ตอนนั้นเงินเดือนคนที่จบปริญญาอยู่ที่ประมาณ 7000 (ข้าราชการให้ 6450) ผมก็เริ่มจากจุดนั้น เรียกว่าถ้าไม่วางแผนให้ดีก็แทบไม่พอใช้เลยทีเดียว เพราะเนื่องจากผมไม่มีเพื่อนจึงไม่มีใครช่วยแชร์ค่าเช่าบ้าน จึงต้องจ่ายคนเดียว แถมยังต้องส่งเงินให้แม่อีก เพราะว่าผมเป็นคนเดียวในบ้านที่มีเงินเดือน เหลือใช้เองประมาณ 4000 เงินเก็บไม่ต้องพูดถึงไม่มีให้เก็บแน่นอน

หลังผ่านไป 3 เดือนผมก็ผ่านโปร ได้รับการเงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 9000 ผมก็เลยเพิ่มเงินที่ส่งให้แม่เพิ่มมากขึ้น และเริ่มมีเงินเก็บประมาณเดือนละ 1000 บาท แต่ด้วยเหตุที่ผมเข้ามาตัวเปล่าไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใดๆ ก็เลยต้องซื้อโน่นซื้อนี่ ทำให้เก็บเงินไม่ได้เท่าที่ตั้งใจ (จำได้ว่ามาซื้อไม้แขวนเสื้อก็ช่วงนี้ ก่อนหน้านั้นเอาลวดมาดัดใช้เป็นไม้แขวนเสื้อ)

เนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายเกี่ยวกับความก้าวหน้าของพนักงาน จึงทำให้การปรับเงินเดือนเป็นไปอย่างเชื่องช้า และไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าที่ควร แถมตำแหน่งที่ผมทำถูกมองว่า ไม่ใช่พนักงานขายจึงไม่ได้คอมมิสชั่น ไม่ใช่ช่างจึงไม่ได้เปอร์เซ็นต์ และไม่ใช่พนักงานธุรการจึงไม่ได้โบนัส (สรุปแล้วตูอยู่แผนกไหนกันแน่) แม้แต่การจะลาก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครเซ็นต์ สุดท้ายก็เลยไม่ลามันเสียเลย นั่นเป็นจุดเริ่มของการทำงานแบบไม่ขาด ไม่ลา ไม่สาย

ผ่านไปประมาณ 4-5 ปี ก็จึงมีความเปลี่ยนแปลง ผู้จัดการสาขาคนเก่าออกไป คนใหม่เข้ามา จากที่อยู่แบบไร้ตัวตน ไร้แผนก ก็มีคนมองเห็นความสามารถ และมีโอกาสได้แสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ ไม่รู้ว่าสงสารหรือเห็นคุณค่า จากนั้นไม่นานก็ได้รับการปรับเงินเดือนขึ้นมาเป็น 12000 ทำให้สามารถส่งเงินให้เม่ได้มากขึ้น และมีเงินเก็บมากขึ้นมาตามลำดับ

จนในทีสุดก็ย้ายเข้ามาทำงานสำนักงานใหญ่ และได้รับการปรับเงินเดือนอีกครั้งเป็น 15000 และได้รับโบนัสเป็นครั้งแรก ถึงจุดนี้ผมก็เพิ่มเงินที่สุดให้แม่เป็น เดือนละ 5000 ซึ่งคิดว่าเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด แน่นอนว่าเงินเก็บเริ่มมากขึ้น ไม่นานนักเงินในบัญชีก็ขึ้นถึงหลักแสนจนได้

แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการปรับเงินเดือนเป็นพิเศษอีกเลย จะมีการปรับบ้างก็ไม่มากมาย เป็นการปรับตามปกติ แต่สองสามปีทีผ่านมาก็ไม่มีการปรับอีกเลย ส่วนโบนัสหลังจากงดมาสองสามปี ปีนี้ก็ได้มาตามปกติ แน่นอนว่าเงินเก็บเพิ่มขึ้นตามลำดับ

ตามแผนที่วางไว้คือ ผมจะเก็บเงินให้ใด้สัก้อนก่อนจะกลับไป ใช้ชีวิตอย่างสงบที่ต่างจังหวัด ผมตั้งใจไว้ว่าภายใน สี่ถึงหกปีนี้จะสามารถเก็บเงินได้ครบตามต้องการ แน่นอนว่าผมไม่ได้หวังว่าจะต้องรวย ผมอยากจนด้วยซ้ำ อยากจนอย่างมีความสุขสงบ มีคุณภาพชีวิตที่ดี อารมณ์แจ่มใจ มีอิสระในการใช้ชีวิต

เมื่อรวมยอดงเงินฝากที่มีในบัญชีต่างๆ แล้ว ตอนนี้ผมก็เก็บเงินได้ หกสิบเปอร์เซ็นต์ของจำนวนที่ต้องการแล้ว


Create Date : 02 เมษายน 2553
Last Update : 2 เมษายน 2553 10:48:06 น. 6 comments
Counter : 807 Pageviews.  

 
สู้ๆค่ะ ชีวิตไม่สิ้นต้องดิ้นกันต่อไปค่ะ


โดย: CraZy@F_T วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:12:07:34 น.  

 
น่าชื่นชมจัง คุณใช้ชีวิตเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอนจริง ๆ

มีส่วนที่ใช้ ส่วนที่เก็บออม แต่ส่วนที่ตอบแทนพระคุณ

ผู้ให้กำเนิดด้วย ปายขอให้คุณไปถึงเป้าหมายในเร็ววันนะคะ

คนอยากจนผู้ยิ่งใหญ่


โดย: คนที่ใช่ ในวันที่ผิด วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:13:07:41 น.  

 
คุณเป็นคนที่เข้มแข็งสามารถทำตามเป้าหมายของชีวิตได้ดีจริงๆค่ะ ชื่นชมๆ







โดย: puy_naka63 วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:15:43:16 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:16:35:31 น.  

 


โดย: thanitsita วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:19:49:06 น.  

 
ขอชื่นชมในความคิดค่ะรู้จักใช้ชีวิตอย่างมีสติ คุณมีเงินเก็บมากกว่าพี่เสียอีก ทั้งที่พี่มีเงินเดือนเยอะกว่าสองเท่าพี่ไม่มีโอกาสแก้อดีตแต่พี่จะสอนลูกให้ได้แบบคุณค่ะ


โดย: Goedmorgen52 วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:14:48:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

mrpipo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ประชาธิปไตยจงเจริญ
[Add mrpipo's blog to your web]