โลกเท้าช้าง
ในปี ค.ศ. 2150 ในยุคสมัยที่โลกใบกลมที่เคยสีฟ้านั้นกลายเป็นโลกใบกลมสีน้ำตาลดำไปด้วยสีของเขม่าควันและผืนดินอันแห้งแล้ง ผู้คนต่างอพยพกันออกมาจากโลกที่เคยสีฟ้าแห่งนี้ไปอยู่ดาวดวงอื่นๆ เหลือไว้เพียงกองขยะที่ถูกนำมาทิ้งจากดาวดวงต่างๆที่มนุษย์ได้อพยพไปอยู่ และมีหุ่นยนต์คอยทำงานในการจัดการกับขยะที่นำมาทิ้งเท่านั้น ในบรรดาดาวแต่ละดวงที่มนุษย์ต่างแยกย้ายกันไปอยู่นั้น จะไม่เรียกกันว่าดาว พวกเขานั้นจะเรียกดาวของเขาว่าโลก เหมือนๆกับที่บรรพบุรุษของเขาเคยเรียกดาวที่อาศัยอยู่กันมานานนับพันปีว่าโลก ขึ้นกับดาวที่เขาไปอยู่กัน ดาวบางดวงถูกตั้งเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์ไฮเทคก็เรียกกันว่าดาวไฮเทค ดาวบางดวงเป็นดถูกกำหนดไว้เป็นดาวเลี้ยงสัตว์ก็เรียกกันว่าดาวปศุสัตว์ ดาวบางดวงก็เป็นดาวที่มีที่พักตากอากาศสวยๆอยู่มากมายก็ถูกเรียกว่าดาวพักร้อน เป็นต้น ผู้คนสามารถเดินทางไปมายังโลกใบต่างๆของเขาเหล่านี้ได้ด้วยยานอวกาศความเร็วกึ่งแสง เครื่องเคลื่อนย้ายโมเมกุล หรือ รถไฟอวกาศนั่งนับดาวกันตลอดทางก็ยังคงมี บนโลกใบหนึ่งในมุมบางมุมของจักรวาล เป็นโลกที่ผู้คนต่างพูดกันถึงเรื่องความรักและการใช้ชีวิตในแง่มุมต่างๆ ซึ่งบนโลกใบนี้นั้นมักเปรียบความรักเป็นเหมือนเท้าช้าง โลกใบนี้จึงถูกผู้คนเรียกกันว่า “โลกเท้าช้าง” คาดว่าคนพวกนี้คงมาจากประเทศนึงในแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นแน่แท้ โลกใบนี้มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และก็สามารถแบ่งกลุ่มของผู้คนบนโลกเท้าช้างใบนี้ได้ ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่หนุ่มสาว ยายปู่ อากู๋อากิ๋ม มักจะเปรียบฝ่ายชายให้เป็นช้างเท้าหน้ากัน ด้วยเหตุเพราะฝ่ายชายนั้นเป็นผู้ที่ออกไปนอกบ้านทำมาหากินนอกบ้าน มีหน้าที่การงานที่ได้ค่าตอบแทนดี โดยที่ฝ่ายหญิงเองอยู่คอยดูแลบ้าน เป็นแม่บ้านที่ดี หนุ่มบางคนก็ออกไปทำงานวิจัยให้อุลตร้าแมน ว่าจะทำยังไงให้แปลงร่างได้เกินกว่า 5 นาที ไม่ต้องแปลกใจก่อนหน้านี้มีคนวิจัยไปแล้วทำให้ครอบครัวอุลตร้าแมนแปลงร่างได้ถึง 5 นาที หนุ่มบางคนก็ออกไปทำงานกับมดเอ็กซ์ที่ปัจจุบันเปิดสถานพยาบาลรับเลี้ยงไดโนเสาร์ โดยลงหุ้นกับกลุ่มมนุษย์กิ้วๆที่ตกงานจากหัวหน้าใหญ่ เพราะเบื่อที่จะตีกันแล้ว หนุ่มบางคนก็ออกไปทำงานขายไอเดียลับๆให้กับครอบครัวเนสซี่ ว่าควรจะออกไปหลอกให้มนุษย์ตกใจเล่นในหน้าตาแบบไหนดี เพราะแบบเก่าๆเขาจับได้ไล่ทันหมดแล้ว หนุ่มบางคนก็ออกไปทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ให้กับโรงงานผลิตโดเรม่อน ว่าจะพัฒนาโปรแกรมต่อไปยังไงดี เวอร์ชั่น Mark III 25.4 ก็เริ่มถูกตีตลาดด้วยหุ่นยนต์อีทีที่ไฮแทคกว่าจากกาแลคซี่อื่น กลุ่มที่สอง ก็เป็นกลุ่มที่หนุ่มสาว ป๊าม้า อาเจ็กอาแจ้ มักจะเปรียบฝ่ายหญิงให้เป็นช้างเท้าหน้า ด้วยเหตุที่เปี่ยมล้นด้วยความสามารถมากกว่าฝ่ายชาย แม้ว่าทั้งคู่จะออกไปทำงานพร้อมกันก็ตามแล้วปล่อยให้ลูกเล่นกับโดเรม่อนไป บ้างก็เป็นสาวแกร่งไปทำงานเป็นคู่หูให้กับแบทแมนรุ่นที่ 67 คอยออกไปปราบเหล่าโจรอันชั่วร้าย แถมได้นั่งยานเหาะสีดำรุ่นใหม่ล่าสุดจากกาแลคซีอื่นด้วย บ้างก็เป็นสาวหวานไปทำงานโรงงานน้ำตาลสดแบบเม็ดอัดตราต้นสนที่คนไทยมาตั้งโรงงานไว้ที่โลกต้นตาลโน่น บ้างก็เป็นสาวนักคิดไปทำงานครีเอทีฟให้กับหนังสือพิมพิ์ซิงเสียนเยอะเป้า เพื่อออก E-Book มาตีตลาดแข่งกับมติชนสุดสัปดาห์ ในชื่อ อาเป้าต้นสัปดาห์ บ้างก็เป็นสาวนักพัฒนาไปทำงานอสังหาริมทรัยพ์ให้กับนินจาเต่าที่ดำมุดดำผ่านจนเจอบ่อน้ำมัน ร่ำรวยจนจากน้ำมันมาลงทุนสร้างคอนโดอวกาศ กลุ่มที่สาม จะเป็นกลุ่มที่ต่างฝ่ายต่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเก่งกว่าใคร ไม่มีใครยอมเป็นช้างเท้าหน้าและช้างเท้าหลัง แต่หนุ่มสาวกลุ่มนี้อยู่บนโลกเท้าช้างหนิหน่า แล้วกลุ่มนี้จะได้ข้อสรุปอย่างไร ในเมื่อหนุ่มก็ทำงานให้กับ Microsoft ที่กำลังพัฒนา “Winhole รุ่นใหม่ล่าสุด ฝ่ายสาวก็เก่งไม่พ้นกัน ทำงานกับ Apple ที่เป็นตัวตั้งตัวตีออกพัฒนา I-Board อยู่เช่นกัน หรือในเมื่อหนุ่มก็แอบทำงานให้กับขบวนการห้าสีขี่หุ่นยนต์ชนสัตว์ประหลาด ฝ่ายสาวก็แอบไปทำงานให้กับชาร์ลีแองเจิ้ลรุ่นที่หนึ่งร้อย คอยเตะเหล่าร้าย และในเมื่อหนุ่มเองก็เป็นถึงนายกเด็กแว้นอวกาศ ฝ่ายสาวเองก็เป็นนายกฝั่งเด็กสก๊อยซ์อวกาศด้วยเช่นกัน กลุ่มคนกลุ่มนี้มีทางออกคือ ต่างคนก็ต่างไม่ยอมเป็นช้างเท้าหน้ากัน ใช้ชีวิตกันไปตามปกติ อยู่กันตามปกติ ไม่มีใครเหนือใคร จนถูกผู้ใหญ่หัวโบราณ มองว่าไม่มีหลักไม่มีฐานอะไร ครอบครัวต้องมีผู้นำสิ แต่วันนึงระหว่างที่ผมนั่งทานโกโก้ปั่นไปเพลินๆ ผมเองแอบได้ยินหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ทำงานด้วยกันอยู่ที่ดาวปศุสัตว์หลังจากเขาทั้งสองคนมานั่งทานอาหารเย็นหลังเลิกงานที่โต๊ะใกล้ๆผม เขาสองคนคุยกันว่า หนุ่มมั่งมี : เธอ รู้ไหมว่าป๊ากับม้าเรา อยากให้เราเป็นช้างเท้าหน้า สาวศรีสุข : แล้วไม่ดีเหรอ เราก็อยากให้เธอเป็นช้างเท้าหน้านะ หนุ่มมั่งมี : ไม่เอาอะศรีสุข เราไม่อยากเป็นช้างเท้าหน้าหนิ เธอก็เก่งออก เรายังต้องคอยให้เธอให้คำปรึกษาเราตลอดเลย สาวศรีสุข : ไม่หรอก หนุ่มมั่งมี : จริงๆ เธอเองเก่งกว่าเรานะ เธอเองก็น่าจะเป็นช้างเท้าหน้าให้ครอบครัวเรานะ สาวศรีสุข : ไม่ได้หรอกมั่งมี ป๊ากับม้าเราเองก็บอกว่าเราเป็นผู้หญิง จะเก่งมากแค่ไหนยังไงก็ต้องให้เกียรติผู้ชายเขาเป็นช้างเท้าหน้า หนุ่มมั่งมี : เฮ้อ.... ( ถอดหายใจเหือกใหญ่ ) บริกรหนุ่ม : คุณสองคนจะรับอะไรดีครับ หนุ่มมั่งมี : เราสั่งอาหารกันดีกว่า ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง สาวศรีสุข : งั้น... เราทานหมูสี่ชั้นนึ่งมะนาวนะ อยากทานมานานแล้วเห็นว่าร้านนี้ทำอร่อยมาก หนุ่มมั่งมี : ดี... งั้นเราสั่งผัดหมี่โคราชนะ เห็นว่าร้านนี้เป็นเจ้าเก่า เขาทำกันมาตั้งแต่โลกยังเป็นสีฟ้าเลยนะ บริกรหนุ่ม : เราเป็นเจ้าเก่าที่สุดชุบแป้งทอดครับ สาวศรีสุข : หือ มีด้วยเหรอเจ้าเก่าที่สุดชุบแป้งทอด บริกรหนุ่ม : มีสิครับ ตอนแรกๆเราก็เป็นเจ้าเก่าแหละครับ แล้วก็มีเจ้าอื่นมาเปิดทีหลังแต่ขึ้นชื่อว่าเจ้าเก่า เถ้าแก่ผมเลยตั้งชื่อว่าเจ้าเก่ากว่า หนุ่มมั่งมี : แล้วก็มีเจ้าอื่นมาเปิดเป็นเจ้าเก่าที่สุดใช่ไหม ?? บริกรหนุ่ม : ใช่ครับ เถ้าแก่ปวดหัวเลย ไม่รู้จะทำไงดี แกเลยไปทำกุ้งชุบแป้งทอด แล้วหลานแกทักว่า กุ้งชุบแป้งทอดใหญ่กว่าไม่ชุบ แกเลยได้ไอเดียมาตั้งชื่อนี่แหละครับ สาวศรีสุข : อ๋อ... แล้วถ้ามีเจ้าใหม่มาเปิดอีกหละ แบบว่า เจ้าเก่าที่สุดชุปแป้งทอดสองชั้น ?? บริกรหนุ่ม : งั้น คงปล่อยเขาไปเถอะครับ เอ่อ... เอาเป็นว่าสั่งหมูสี่ชั้นนึ่งมะนาว กับ ผัดหมี่โคราชเจ้าเก่าชุบแป้งทอดนะครับ เครื่องดื่มหละครับ ?? หนุ่มมั่งมี : ขอเป็นน้ำเปล่าสองละกันนะ บริกรหนุ่ม : ขอเลยเหรอครับ คงจะไม่ได้ครับ หนุ่มมั่งมี : แหม น้องนี่ก็ อารมณ์ขันเยอะนะเรา ยังไงเดี๋ยวพี่มีอะไรจะเรียกมาสั่งเพิ่มนะ .... เวลาผ่านไปสักครู่ .... สาวศรีสุข : นี่มั่งมีเรานึกออกแล้ว หนุ่มมั่งมี : นึกออกเรื่องอะไรเหรอศรีสุข สาวศรีสุข : ก็เรื่องของเราไง ว่าใครจะเป็นช้างเท้าไหน หนุ่มมั่งมี : ยังไงเหรอ สาวศรีสุข : ก็เราสองคนต่างก็ไม่อยากเป็นช้างเท้าหน้ากันใช่ไหมหละ หนุ่มมั่งมี : ใช่ แล้วเธอมีทางออกยังไงเหรอ สาวศรีสุข : ก็ เราก็เป็นช้างเท้าซ้ายกับช้างเท้าขวาไง เราเดินไปด้วยกัน ทำอะไรไปพร้อมๆกัน ใช้ชีวิตไปพร้อมๆกัน จะว่าไปก็เหมือนข้างซ้ายกับข้างขวานี่แหละ หนุ่มมั่งมี : เก่งจังศรีสุข เธอนี่เก่งสมกับเป็นแฟนเราเลยนะ สาวศรีสุข : แหม เธอก็ เราก็แค่อยากให้เราทั้งคู่สบายใจกัน และก็คิดว่าพ่อแม่เราทั้งสองฝ่ายน่าจะเข้าใจได้นะ ว่าเราไม่อยากมีใครเด่นดีกว่าใคร หนุ่มมั่งมี : เราก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือน ว่าแต่เราขอเป็นช้างเท้าซ้ายนะ สาวศรีสุข : ไม่เอาอะ ( ศรีสุข ทำเสียงไม่พอใจ ) หนุ่มมั่งมี : ทำไมหละศรีสุข ไหนว่าเราจะเป็นเท้าข้างกันไง สาวศรีสุข : เปล่าหรอก มั่งมีก็รู้ว่าเราถนัดซ้าย เราต้องเป็นเท้าซ้ายสิ หนุ่มมั่งมี : แหม ก็นึกว่าอะไร แบบนั้นก็ได้ ตกลงว่าเราเป็นช้างเท้าขวา และ เธอก็เป็นช้างเท้าซ้ายนะ สาวศรีสุข : ไม่เอาอะ ( เสียงไม่พอใจเกิดขึ้นอีกครั้ง ) หนุ่มมั่งมี : คราวนี้อะไรอีกหละศรีสุข สาวศรีสุข : ก็เราไม่อยากเป็นช้างเท้าซ้ายแล้ว หนุ่มมั่งมี : อ้าว แล้วเธอจะเปลี่ยนใจมาเป็นช้างเท้าขวางั้นเหรอ สาวศรีสุข : เปล่าหรอก มั่งมีก็ เธอก็รู้ว่าเราชอบแมว เราเป็นแมวเท้าซ้าย แล้วเธอก็เป็นแมวเท้าขวาละกันนะ นะ นะ นะ นะ นะ หนุ่มมั่งมี : หือ สาวศรีสุข : นะ นะ นะ นะ นะ ( เสียงอ้อนยังคงอยู่ ) หนุ่มมั่งมี : อะ อะ อะ ก็ได้ แมวก็แมว สาวศรีสุข : มั่งมีน่ารักที่สุดเลย หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็จ่ายค่าอาหารแล้วก็เดินควงกันออกไปอย่างมีความสุข....
Create Date : 09 กรกฎาคม 2555 | | |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2555 20:55:16 น. |
Counter : 384 Pageviews. |
| |
|
|
|