Group Blog
 
All blogs
 
ปราสาทสด๊กก๊อกธม

เริ่มกันเลยกับสถานที่แรก
ปราสาทสด๊กก๊อกธม (สล๊อกก๊อก) อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว



ปราสาทนี้จริงๆเราเคยไปหลายครั้ง(ที่แน่ๆไม่ต่ำกว่า2 แต่กี่ครั้งนี่จำไม่ได้) ที่ไปก็เพราะไปออกภาคสนามกับที่คณะน่ะแหละ (อยู่คณะนี้ได้กำไร โฮะๆๆ เที่ยวบ่อย)
รูปที่เอามาให้ดูนี่ถ้าจำไม่ผิดจะประมาณต้นปี47 ช่วงที่อากาศหนาวมาๆน่ะค่ะ
ไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟัง ถึงความหนาวสุดๆในการไปฟิลด์ครั้งนี้ สุดยอดดดดดดด
555 มาเข้าสู่โหมดสาระกันดีกว่า

ปราสาทสด๊กก๊อกธมตั้งอยู่ในบริเวณภาคตะวันออกของไทย กรุณาอย่าคิดว่าปราสาทหินมีแต่ในภาคอีสานเชียว ในภาคตะวันออกก็มีค่ะ โดยเฉพาะแถวปราจีนกับสระแก้ว หลายแห่งอยู่ ปราสาทนี้อยู่ใกล้กับชายแดนประเทศกัมพูชา ซึ่งในอดีตเคยมีข้อพิพาทระหว่าไทย-กัมพูชา ในเรื่องการอ้างกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของปราสาทหลังนี้มาแล้ว โดยฝ่ายไทยได้ยกเหตุผลว่าตัวปราสาทตั้งอยู่ในบริเวณที่ลึกเข้ามาในประเทศไทยพอสมควร (1.5 กม.) ซึ่งปัญหาในเรื่องการแย่งกรรมสิทธิ์นี้ มักเกิดขึ้นบ่อยๆกับปราสาทที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องด้วยสาเหตุที่ว่าปราสาทเหล่านี้แม้ว่าจะตั้งอยู่ในดินแดนไทยตามข้อตกลงเรื่องการแบ่งเขตแดนก็ตาม แต่ก็เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในวัฒนธรรมเขมร โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกับปราสาทในประเทศกัมพูชาเกือบทุกประการ ซึ่งนี่ก็เป็นข้ออ้างของฝ่ายกัมพูชาในการอ้างกรรมสิทธิ์ โดยนอกจากปราสาทสด๊กก๊อกธมนี้แล้ว ก็ยังมีปราสาทอื่นอีก เช่น ปราสาทเขาพระวิหาร หรือ ปราสาทตาเมือนธม เป็นต้น

ปราสาทสด๊กก๊อกธมนี้ เป็นที่รู้จักมากว่า 100 ปีแล้ว โดยถือว่าเป็นปราสาทสำคัญแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก เพราะว่า ปราสาทที่สร้างขึ้นในวัฒนธรรมเขมรที่อยู่ในภาคตะวันออกนั้นส่วนใหญ่ได้ปรักหักพังไปหมดแล้ว เหลือปราสาทสด๊กก๊อกธมแห่งนี้ที่ถือว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด แต่อย่างไรก็ตามปราสาทหลังนี้ในปัจจุบันถือได้ว่าอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมค่อนข้างมากแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นการเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่บางส่วนก็เป็นผลมาจากการถูกระเบิด เนื่องจากในอดีตปราสาทหลังนี้เคยเป็นที่ตั้งของกองกำลังเขมรแดง และมีการฝังกับระเบิดไว้ด้วย แต่ในปัจจุบันได้ทำการกู้ระเบิดออกไปหมดแล้ว (แต่ขอบอก ตอนเราไปนะ เค้ายังให้เดินกันเป็นกลุ่มอยู่เลย เหอๆๆ อย่าเพ่นพ่านมิเช่นนั้นขาท่านอาจขาดไม่รู้ตัว เอิ๊กกกกส์)

สภาพทั่วไปของปราสาท

ปราสาทสด๊กก๊อกธมนี้ เป็นศาสนสถานประจำชุมชน โดยสร้างขึ้นเนื่องในศาสนาพราหมณ์สามารถกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปะได้ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 – ต้นพุทธศตวรรษที่ 17 ตรงกับศิลปะขอมแบบบาปวน เป็นปราสาทหลังเดียว สร้างด้วยหินทราย หันหน้าไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นลักษณะที่สามารถพบได้ในศาสนสถานทั่วไป ทางด้านหน้าปราสาทมีทางเดินยาวที่ทอดเชื่อมไปยังบารายขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวปราสาทออกไปประมาณ 400 เมตร ที่สองข้างทางของทางเดินมีเสานางเรียงตั้งอยู่เป็นระยะ แสดงถึงความสำคัญของปราสาทหลังนี้ ซึ่งทางเหนือของบารายก็มีร่องรอยของถนนโบราณที่ทอดยาวเข้าไปในเขตของประเทศกัมพูชาเชื่อมต่อไปยังบารายตะวันตกที่เมืองพระนคร ซึ่งปรากฏหลักฐานว่าได้ถูกขุดขึ้นในสมัยพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 (พ.ศ.1593-1609) ซึ่งถนนโบราณนี้นั้นจะเป็นการตัดถนนขึ้นพร้อมกับการสร้างปราสาท หรือตัดขึ้นมาภายหลังนั้น ก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด แต่จากจารึกที่พบ แสดงให้เห็นว่าปราสาทนี้ค่อนข้างมีความสำคัญมาก มาตั้งแต่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 แล้ว จึงเป็นไปได้ว่าถนนที่เห็นอาจเป็นถนนที่ตัดขึ้นเดิมพร้อมกับการสร้างปราสาท เพื่อเป็นการเชื่อมระหว่างปราสาทกับเมืองพระนครก็เป็นได้

ปราสาทหลังนี้มีขอบเขตล้อมรอบด้วยกัน 3 ชั้น ดังนี้

ชั้นนอกสุด เป็น กำแพงซึ่งก่อด้วยศิลาแลง ทางด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ที่ซุ้มประตูทางเข้าด้านละ 3 ช่อง ที่ซุ้มทางเข้าช่องกลางทางทิศตะวันออก(ด้านหน้า) มีหน้าบันสลักเป็นรูปศิวะนาฏราช ส่วนทางด้านหลังนั้นสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์

ขอบเขตชั้นที่ 2 นั้น มีการชุดเป็นคูน้ำล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน โดยเว้นไว้เฉพาะส่วนที่เป็นถนนซึ่งขนาบด้วยเสานางเรียงซึ่งต่อมาจากด้านหน้าปราสาทเท่านั้น

ขอบเขตชั้นในสุด เป็นแนวกำแพงซึ่งก่อด้วยศิลาทราย มีซุ้มประตูทางเข้าทั้ง 4 ทิศ แต่เข้าได้จริงแค่ทางด้านทิศตะวันออกและตะวันตกเท่านั้น ส่วนซุ้มทางด้านทิศเหนือและใต้ แม้ว่าจะมีการก่อศิลาขึ้นเป็นลักษณะของซุ้มแต่ก็เป็นแต่ซุ้มประตูหลอก ไม่สามารถใช้งานได้จริง ลักษณะพิเศษอีกอย่างของขอบเขตชั้นนี้ก็คือ ซุ้มประตูทางเข้ามีการก่อยอดขึ้นไปให้มีลักษณะคล้ายปราสาท

เมื่อพ้นขอบเขตชั้นในสุดเข้าไป ก็ถึงตัวปราสาทประธาน เป็นปราสาทหลังเดียว ก่อด้วยศิลาทราย โดยมีลักษณะพิเศษคือ มีเสานางเรียงล้อมรอบตัวปราสาทประธาน ซึ่งโดยปกติแล้วเสานางเรียงมักจะอยู่ที่สองข้างทางของทางเดินเท่านั้น

ที่ด้านหน้าของปราสาทประธาน ยังมีบรรณาลัย อีก 2 หลัง โดยทั้ง 2 หลังได้หันหน้าเข้าหาปราสาทประธาน (ทิศตะวันตก)

ในบริเวณใกล้ๆกันกับบริเวณปราสาท ได้มีการนำทับหลังและหน้าบัน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยประดับอยู่ที่ตัวปราสาท ได้ถูกนำมาวางเรียงเอาไว้บนพื้น โดยได้มีการพยายามจัดตำแหน่งให้ตรงกับที่เคยถูกประดับที่ตัวปราสาท ซึ่งเมื่อสังเกตลักษณะของกรอบหน้าบันบางชิ้น จะเห็นได้ว่าลักษณะของนาคที่อยู่ในส่วนปลายของกรอบหน้าบันนั้น เป็นนาคแบบบาปวนอย่างชัดเจน นั่นคือเป็นนาคหัวโล้น (ยังไม่มีกระบังหน้าเหมือนในสมัยนครวัด)

ในปัจจุบันปราสาทสด๊กก๊อกธมได้ปรักหักพังลงไปค่อนข้างมาก และกำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะ โดยกรมศิลปากรค่ะ

ต่อไปเรามาดูรูปกันดีกว่า ตอนนั้นยังไม่มีกล้องดิจิตอลเป็นของตัวเอง แล้วกล้องฟิล์มก็ดันเป็นแมนนวลที่ใส่ฟิล์มขาวดำไว้(เทอมนั้นเรียนถ่ายรูปด้วยเลยถือโอกาสทำงานส่งอาจารย์ไปในตัว 555) ต้องขอบคุณคุณเพื่อน ที่อุทิศกล้องตัวเองให้เป็นเหมือนกล้องสาธารณะ ขอบคุณนะคร๊าบบบบบบ


อันนี้ให้เห็นกันชัดๆ ว่าตอนไปเค้ากำลังซ่อมแซมอยู่ ปัจจุบันได้ข่าวว่าก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ยังมีการขุดค้นอยู่ แต่คิดว่าตัวปราสาทน่าจะบูรณะใกล้จะเสร็จแล้ว


เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ระหว่างหินเก่า กับแท่งซีเมนต์ใหม่ที่กรมศิลป์เอาไปเสริม(แต่เดี๋ยวเค้าต้องทำให้สีใกล้เคียงกันแหละค่ะ) ตอนไปดูก็แบบ เออตลกดี อะไรจะสีขัดกันได้ขนาดนั้น เรียกได้ว่าเป็นการไปเห็นปราสาทตอนกำลังบูรณะจังๆเป็นครั้งแรก


นี่ค่ะบรรณาลัยที่ว่า นักวิชาการส่วนใหญ่อธิบายว่ามันเป็นคล้ายๆห้องสมุดที่เก็บคัมภีร์น่ะค่ะ พบในปราสาทหินเกือบทุกหลัง


หน้าบันและทับหลังส่วนประดับโคปุระ(ซุ้มประตู) ถ้าสังเกตดีๆลวดลายที่หน้าบันจะเป็นภาพนารายณ์บรรทมศิลป์ค่ะ


ให้ดูทับหลังกันชัดๆ ช่างชาวเขมรนี่เค้าเก่งนะคะ ที่เห็นน่ะหินทรายล้วนๆ สลักกันได้อย่างกับสลักสบู่ นับถือๆ


บริเวณด้านนอกถัดจากตัวปราสาทมาหน่อย เค้าก็จะจัดการเอาพวกทับหลังและหน้าบัน มาวางเรียงกันค่ะ เพราะใช้วิธีบูรณะแบบอนัสติโลซิส ก็คือ จะรื้อและทำสัญลักษณ์ที่หินทุกก้อน แล้วเอามาเรียงต่อกันใหม่แบบต่อจิ๊กซอว์ ในภาพเป็นหน้าบันหนึ่งในหลายๆอัน ที่ถูกยกลงมาเรียงข้างล่างก่อน เพื่อรอคิวกลับไปติดตั้งไว้ในตำแหน่งเดิมค่ะ (บางชิ้นเค้าอาจจะยกไว้ไปที่พิพิธภัณฑ์ด้วย)


รูปสุดท้าย เป็นส่วนปลายหน้าบันค่ะ ถ่ายให้เห็นกันชัดๆว่านาคหัวโล้นน่ะเป็นยังไง (เดี๋ยวนาคแบบมีกระบังจะเป็นอีกแบบหนึ่งค่ะ ถ้ามีโอกาสจะเอามาให้ดูกัน)

จบแล้วสำหรับreview ปราสาทสด๊กก๊อกธมอย่างคร่าวๆ ข้อมูลนำมาลงเป็นส่วนหนึ่งของรายงานที่ทำส่งอาจารย์จากการไปฟิลด์คราวนั้น พวกเกร็ดนิดๆหน่อยๆที่สะสมมา ใครเข้ามาดูลองช่วยคอมเมนต์หน่อยก็ดีนะคะ แลกเปลี่ยนความรู้กัน แล้วถ้าสงสัยหรือติดใจตรงไหนก็มาคุยกันได้ค่ะ เป็นมือใหม่ทำบล็อค แต่ก็อยากเอาประสบการณ์ดีๆ ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับคนอื่นบ้าง รบกวนขอคำติชมด้วยนะคะ

แล้วเจอกันคราวหน้าค่ะ ไว้เดี๋ยวขอไปเลือกก่อนว่าจะเอาปราสาทไหนดี ใครอยากฟังเรื่องที่ไหนบอกมาได้นะคะ ถ้าเคยไปจะหามาใส่ให้ค่ะ



Create Date : 13 ตุลาคม 2549
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2549 18:13:52 น. 19 comments
Counter : 1433 Pageviews.

 
พี่มอสขา พี่มอสเรียนโบราณฯหรือคะ

แบล็คชอบมากๆเลยค่ะ เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์

อยากเรียนบ้างจังค่ะ ถ้าไม่ได้จบด้านนี้แต่ใจรักอยากต่อโทด้านนี้จะพอได้ไหมคะพี่ แหะๆ

มีคำถามค่ะ

บาราย คือ สระน้ำที่ขุดขึ้นใช่หรือเปล่าคะ ถ้าไม่ใช่คืออะไรคะพี่

ส่วนที่ต่อๆไป แล้วแต่พี่มอสสะดวกเลยค่ะ แล้วจะแวะมาอ่านอีกนะคะ


โดย: แบล็คเองค่ะ IP: 58.9.56.34 วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:15:34:47 น.  

 
ใช่ค่ะน้องแบล็ค พี่จบคณะโบราณคดีค่ะ แต่เอกประวัติศาสตร์ศิลปะ โทโบราณคดี
ถ้าใจรัก ต่อโทด้านนี้ก็ยังไม่สายค่ะ มีหลายคนที่เพิ่งมาเรียนโบราณฯตอนป.โท

ตอบคำถาม

ใช่แล้วค่ะ บารายเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่ขุดขึ้น เน้นว่าใหญ่มากๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ
คาดว่าน่าจะใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคภายในเมือง(บางคนก็ว่าอาจถูกใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาด้วย) แล้วตามศาสนสถานใหญ่ๆ ก็มักจะมีบารายประจำเกือบทุกที่
เรียกได้ว่าคนเขมรสมัยก่อนรู้จักการจัดการชลประทานเป็นอย่างดีค่ะ

แล้วโดยเฉพาะอย่างเมืองพระนคร(นครวัด นครธม)ในเขมร จะมีบารายขนาดใหญ่อยู่ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกเลยค่ะ ดูเหมือนจะใหญ่กว่าตัวศาสนสถานเองซะอีก แต่ปัจจุบันตื้นเขินไปเกือบหมดแล้วนะคะ (พี่ไม่แน่ใจ เหมือนว่าจะเป็นบารายตะวันตกนะคะที่ยังมีน้ำอยู่ แหะๆๆ ขอไปดูหนังสือก่อนเดี๋ยวมาคอนเฟิร์มค่ะ)


โดย: +mosminly+ วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:20:50:10 น.  

 
พี่มอสขา ขอบคุณมากๆเลยค่ะ พี่มอสตอบละเอียดดีค่ะ ชอบค่ะ



โดย: แบล็คค่ะ IP: 58.9.56.34 วันที่: 15 ตุลาคม 2549 เวลา:1:32:44 น.  

 
แวะมาดูสด๊ก...โบราณสถานที่ทางการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ตั้งแต่เหยียบย่างเข้าสระแก้ว แต่ไม่ยักบอกระยะทาง

ตอนที่ไปหลายปีแล้ว ยังไม่มีการบูรณะมากมาย ต้นไทรยังไม่ถูกตัด

ที่นั่น มีคนไปบนบานขอลูกแล้วสมหวัง




โดย: กระจ้อน วันที่: 15 ตุลาคม 2549 เวลา:8:30:04 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณกระจ้อน

อืม เห็นด้วยเรื่องป้ายแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ ไม่ใช่เฉพาะที่นี่นะคะ อีกหลายๆแห่งที่เคยไปด้วยค่ะ อะไรที่ควรมีก็ไม่มี อะไรที่ไม่จำเป็นต้องมีดันมีซะเยอะ เฮ้อออออ

ตอนที่ไปครั้งแรก ยังดูเงียบสงบนะคะ นักท่องเที่ยวไม่เยอะมากนัก ยังมีทำเพิงข้อมูลของโบราณสถานเล็กอยู่เลย(อยากจะเรียกว่าเพิงจริงๆค่ะ) แต่ไม่ได้ไปหลายปีแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

แต่ตอนนั้นไม่ได้สังเกตจริงๆค่ะว่ายังมีต้นไทรอยู่หรือเปล่า จำได้แต่ว่าแถวนั้นมีไม้ใหญ่อยู่หลายต้นเชียวค่ะ


โดย: +mosminly+ วันที่: 15 ตุลาคม 2549 เวลา:13:27:13 น.  

 
oh i'd love to visit this place too kap. thanks so much for sharing interesting information.


โดย: mac IP: 124.121.192.42 วันที่: 29 ตุลาคม 2549 เวลา:0:32:55 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่ให้ความรู้ดีๆมีสาระ


โดย: moomint IP: 125.25.9.71 วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:11:18:35 น.  

 
ปราสาทสด๊กก๊กธมนี้ใหญ่โตแค่ไหน ใหญ่กว่าเมืองต่ำมากน้อนแค่ไหนครับ ผมเคยดูรูปถ่ายปราสาทนี้ ส่วนที่เป็นโคปุระมีการสลักหินทรายเป็นรูปทรงหลังคา 2 ชั้น ดูคล้ายๆ ตัวมณฑป ของปราสาทใหญ่ๆ เดาๆว่าน่าจะเป็นปราสาทเดียวในไทยที่มี โคปุระแบบนี้ เมลล์มาแลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ


โดย: amonrain@hotmail.com IP: 124.121.4.107 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:3:08:19 น.  

 
ดีใจที่ ณ วันนี้ คนไทยและชาวต่างประเทศรู้จักปราสาทสะด๊กก๊กธม ในฐานะคนที่นี่ ก็ยินดีและต้อนรับทุกท่านเข้าชมตามอัธยาศัย


โดย: อุ้ม IP: 202.91.19.206 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:23:41:47 น.  

 
สวยมากๆๆชอบมากค่ะ


โดย: ปอริจัง IP: 124.157.228.6 วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:18:58:07 น.  

 
ศิลาจารึกก็เป็นของกัมพูชาตัวหนังสือ
ทั้งหมดก็เป็นของกัมพูชาเพราะฉะนั้น
ทุกอย่างก็เป็นของเรา
ไอ้พวกไทยมันมาอ้วดว่าเป็นของไทย
มันไม่ใช่เป็นของกัมพูชาเท่านั้น
ไทยไม่รู้เหรอประเทศกัมพูชาตามประวัติศาสตร์
ในแผนที่เก่าของกัมพูชาคือแผนที่ Angkor Wat
หรือนครวัดประเทศกัมพูชาแต่ก่อนติดกับประเทศมาเลซี่
และประเทศพม่า


โดย: yearytuk IP: 61.7.149.226 วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:14:05:58 น.  

 
ดีใจที่ ณ วันนี้ คน Cambodia และชาวต่างประเทศรู้จักปราสาทสะด๊กก๊กธม ในฐานะคนที่นี่ ก็ยินดีและต้อนรับทุกท่านเข้าชมตามอัธยาศัย



โดย: yearytuk IP: 61.7.149.226 วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:14:09:11 น.  

 
ดีใจมากที่ผมเกิดมาคน កម្ពុជា​ Cambodia กัมพูชา
มีโชควาสนาดีมากที่เกิดมาเป็นกัมพูชา
កើតមកមួយជាតិ​ ចិត្តមិនចង់ឃ្លាត​​​ ពីស្រុកកំនើត
ទោះមានក្រក្តី ទីឋានធ្លាប់កើត​ ប្រាងវស្សាខ្នើត
នៅស្រស់បំព្រង ។
មោទនះណាស់ ខ្ែមរចាំបានច្បាស់ នេះគន្លង
បានកើតជាខ្ែមរ សុភាពទំនង​ ដូនតាធ្លាប់គ្រង
ទឹកដីលើ្វយត្រើយ។


โดย: yearytuk IP: 61.7.149.226 วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:14:18:52 น.  

 
ถึง mosminly.
ดิฉันส่งข้อความไปหาคุณค่ะ เพื่อขออนุญาตนำรูปปราสาทสด๊กก๊อกธมไปใช้
ประกอบเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือที่รับจ้างค่ะ โดยดิฉันจะลงชื่อเพื่อของคุณ
ไว้ใต้ภาพ ว่า (ภาพ : mosminly) รบกวนตอบกลับสักนิดค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
อำไพวรรณ /umpaiwanp@gmail.com


โดย: อำไพวรรณ IP: 58.9.189.164 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:59:34 น.  

 
เพิ่งไปมาเลยค่ะ

อากาศร้อนมาก

ชอบบารายค่ะ อึ้งไปเลย ใหญ่มาก

ปราสาทสวยมากๆ เขายังบูรณะกันอยู่เลยค่ะ

เดินขึ้นไปดูมาด้วย ขั้นบันไดแคบมาก อาจารย์บอกว่า เค้าไว้สำหรับฝึกมารยาท การเดิน ของคนชั้นสูง

ไปมาแล้วได้ความรู้มากค่ะ

เสียอย่างเดียวเดินทางนานไปหน่อย


โดย: นิสิตเอกประวัติศาสตร์ IP: 119.42.93.185 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:40:40 น.  

 
ไปมาแล้วครับ ตอนนี้ ต.ค.2553 บูรณะใกล้เสร็จแล้ว

องค์ปราง เสร็จสมบูรณ์แล้ว แล้วก็มีคุณลุงใจดี คอยให้ความรู้

ตลอดเส้นทาง (ไม่ได้ถามชื่อลุง แต่ลุงจะออกผอม ๆ หน่อย+

ผิวคล้ำ) คุณลุงให้ความรู้เป็นฉาก ๆ เลย ทราบว่า เป็นเจ้าหน้าที่

ของกรมศิลปากร ที่เห็นยังบูรณะอยู่เห็นจะเป็นส่วนของกำแพงรอบ ๆ ปราสาท และตัวกำแพงชั้นในเป็นจุด ๆ

ลองไปเที่ยวกันดู แต่อย่าลืมเตรียมน้ำดื่มไปด้วย ร้อนมาก
ห้องน้ำก็พอมีครับ แต่ไม่ได้ดีมากมาย ^^


โดย: ูsoarer11@hotmail.com IP: 183.89.171.93 วันที่: 25 ตุลาคม 2553 เวลา:13:08:04 น.  

 
ถ้าจะไปชมสามารถไปได้เลยมั้ยคะ เห็นอาจารย์บอกว่าต้องขออนุญาติ อะคะ กลัวไปถึงแล้วเค้าไม่ให้เข้า เสียใจแย่เลย


โดย: ไอซ์ IP: 111.84.153.48 วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:13:58:25 น.  

 
ถ้าเป็นช่วงนี้คิดว่าขออนุญาตก่อนจะดีกว่าค่ะ เพราะตัวปราสาทอยู่ใกล้กับชายแดนมากค่ะ เพื่อความปลอดภัยและเดินทางไม่เสียเที่ยวติดต่อประสานงานไปก่อนดีกว่าค่ะ

ปล. ดีใจที่ทราบข่าวว่าปราสาทใกล้จะบูรณะเสร็จแล้ว ที่นี่ถือเป็นครูของเราในเรื่องการบูรณะปราสาทเลยค่ะ


โดย: mosminly IP: 158.108.137.43 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:13:02:49 น.  

 
กลุ่มเพื่อน 5.63 โรงเรียนอุตรดิตถ์ ขอเชิญเพื่อนๆสมาชิกทุกมหาสาขาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ร่วมทริปอีสานสัญจร ""ม่วนซื่นโฮแซว แอ่วแดนอีสาน 5.63 เบิกบาน ยามนำกันถิ่นดอกคูณ" ณ จังหวัดขอนแก่น วันที่ 23-24 ก.ค. 2554 สนใจเดินทางมาร่วมงานเชิญติดต่อได้ที่ เรืองวิทย์ ล้อศิริรัตน์ 081-5453575 วิชรัตน์ บุปผาพันธ์ 0892060812 กมนวรรณษ์ วัฒนศรีทานัง 0898559931 และ พ.ต.ท.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ 0817862143


โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.4 วันที่: 18 กรกฎาคม 2554 เวลา:12:42:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

+mosminly+
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หลังไมค์ถึงมอสซี่เชิญกดเลยค่ะ
Friends' blogs
[Add +mosminly+'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.