เริ่มกันเลยกับสถานที่แรกปราสาทสด๊กก๊อกธม (สล๊อกก๊อก) อ.ตาพระยา จ.สระแก้วปราสาทนี้จริงๆเราเคยไปหลายครั้ง(ที่แน่ๆไม่ต่ำกว่า2 แต่กี่ครั้งนี่จำไม่ได้) ที่ไปก็เพราะไปออกภาคสนามกับที่คณะน่ะแหละ (อยู่คณะนี้ได้กำไร โฮะๆๆ เที่ยวบ่อย)รูปที่เอามาให้ดูนี่ถ้าจำไม่ผิดจะประมาณต้นปี47 ช่วงที่อากาศหนาวมาๆน่ะค่ะไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟัง ถึงความหนาวสุดๆในการไปฟิลด์ครั้งนี้ สุดยอดดดดดดด555 มาเข้าสู่โหมดสาระกันดีกว่าปราสาทสด๊กก๊อกธมตั้งอยู่ในบริเวณภาคตะวันออกของไทย กรุณาอย่าคิดว่าปราสาทหินมีแต่ในภาคอีสานเชียว ในภาคตะวันออกก็มีค่ะ โดยเฉพาะแถวปราจีนกับสระแก้ว หลายแห่งอยู่ ปราสาทนี้อยู่ใกล้กับชายแดนประเทศกัมพูชา ซึ่งในอดีตเคยมีข้อพิพาทระหว่าไทย-กัมพูชา ในเรื่องการอ้างกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของปราสาทหลังนี้มาแล้ว โดยฝ่ายไทยได้ยกเหตุผลว่าตัวปราสาทตั้งอยู่ในบริเวณที่ลึกเข้ามาในประเทศไทยพอสมควร (1.5 กม.) ซึ่งปัญหาในเรื่องการแย่งกรรมสิทธิ์นี้ มักเกิดขึ้นบ่อยๆกับปราสาทที่ตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องด้วยสาเหตุที่ว่าปราสาทเหล่านี้แม้ว่าจะตั้งอยู่ในดินแดนไทยตามข้อตกลงเรื่องการแบ่งเขตแดนก็ตาม แต่ก็เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในวัฒนธรรมเขมร โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกับปราสาทในประเทศกัมพูชาเกือบทุกประการ ซึ่งนี่ก็เป็นข้ออ้างของฝ่ายกัมพูชาในการอ้างกรรมสิทธิ์ โดยนอกจากปราสาทสด๊กก๊อกธมนี้แล้ว ก็ยังมีปราสาทอื่นอีก เช่น ปราสาทเขาพระวิหาร หรือ ปราสาทตาเมือนธม เป็นต้นปราสาทสด๊กก๊อกธมนี้ เป็นที่รู้จักมากว่า 100 ปีแล้ว โดยถือว่าเป็นปราสาทสำคัญแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก เพราะว่า ปราสาทที่สร้างขึ้นในวัฒนธรรมเขมรที่อยู่ในภาคตะวันออกนั้นส่วนใหญ่ได้ปรักหักพังไปหมดแล้ว เหลือปราสาทสด๊กก๊อกธมแห่งนี้ที่ถือว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด แต่อย่างไรก็ตามปราสาทหลังนี้ในปัจจุบันถือได้ว่าอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมค่อนข้างมากแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นการเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่บางส่วนก็เป็นผลมาจากการถูกระเบิด เนื่องจากในอดีตปราสาทหลังนี้เคยเป็นที่ตั้งของกองกำลังเขมรแดง และมีการฝังกับระเบิดไว้ด้วย แต่ในปัจจุบันได้ทำการกู้ระเบิดออกไปหมดแล้ว (แต่ขอบอก ตอนเราไปนะ เค้ายังให้เดินกันเป็นกลุ่มอยู่เลย เหอๆๆ อย่าเพ่นพ่านมิเช่นนั้นขาท่านอาจขาดไม่รู้ตัว เอิ๊กกกกส์)สภาพทั่วไปของปราสาทปราสาทสด๊กก๊อกธมนี้ เป็นศาสนสถานประจำชุมชน โดยสร้างขึ้นเนื่องในศาสนาพราหมณ์สามารถกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปะได้ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ต้นพุทธศตวรรษที่ 17 ตรงกับศิลปะขอมแบบบาปวน เป็นปราสาทหลังเดียว สร้างด้วยหินทราย หันหน้าไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นลักษณะที่สามารถพบได้ในศาสนสถานทั่วไป ทางด้านหน้าปราสาทมีทางเดินยาวที่ทอดเชื่อมไปยังบารายขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวปราสาทออกไปประมาณ 400 เมตร ที่สองข้างทางของทางเดินมีเสานางเรียงตั้งอยู่เป็นระยะ แสดงถึงความสำคัญของปราสาทหลังนี้ ซึ่งทางเหนือของบารายก็มีร่องรอยของถนนโบราณที่ทอดยาวเข้าไปในเขตของประเทศกัมพูชาเชื่อมต่อไปยังบารายตะวันตกที่เมืองพระนคร ซึ่งปรากฏหลักฐานว่าได้ถูกขุดขึ้นในสมัยพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 (พ.ศ.1593-1609) ซึ่งถนนโบราณนี้นั้นจะเป็นการตัดถนนขึ้นพร้อมกับการสร้างปราสาท หรือตัดขึ้นมาภายหลังนั้น ก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด แต่จากจารึกที่พบ แสดงให้เห็นว่าปราสาทนี้ค่อนข้างมีความสำคัญมาก มาตั้งแต่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 แล้ว จึงเป็นไปได้ว่าถนนที่เห็นอาจเป็นถนนที่ตัดขึ้นเดิมพร้อมกับการสร้างปราสาท เพื่อเป็นการเชื่อมระหว่างปราสาทกับเมืองพระนครก็เป็นได้ปราสาทหลังนี้มีขอบเขตล้อมรอบด้วยกัน 3 ชั้น ดังนี้ชั้นนอกสุด เป็น กำแพงซึ่งก่อด้วยศิลาแลง ทางด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ที่ซุ้มประตูทางเข้าด้านละ 3 ช่อง ที่ซุ้มทางเข้าช่องกลางทางทิศตะวันออก(ด้านหน้า) มีหน้าบันสลักเป็นรูปศิวะนาฏราช ส่วนทางด้านหลังนั้นสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ขอบเขตชั้นที่ 2 นั้น มีการชุดเป็นคูน้ำล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน โดยเว้นไว้เฉพาะส่วนที่เป็นถนนซึ่งขนาบด้วยเสานางเรียงซึ่งต่อมาจากด้านหน้าปราสาทเท่านั้น ขอบเขตชั้นในสุด เป็นแนวกำแพงซึ่งก่อด้วยศิลาทราย มีซุ้มประตูทางเข้าทั้ง 4 ทิศ แต่เข้าได้จริงแค่ทางด้านทิศตะวันออกและตะวันตกเท่านั้น ส่วนซุ้มทางด้านทิศเหนือและใต้ แม้ว่าจะมีการก่อศิลาขึ้นเป็นลักษณะของซุ้มแต่ก็เป็นแต่ซุ้มประตูหลอก ไม่สามารถใช้งานได้จริง ลักษณะพิเศษอีกอย่างของขอบเขตชั้นนี้ก็คือ ซุ้มประตูทางเข้ามีการก่อยอดขึ้นไปให้มีลักษณะคล้ายปราสาทเมื่อพ้นขอบเขตชั้นในสุดเข้าไป ก็ถึงตัวปราสาทประธาน เป็นปราสาทหลังเดียว ก่อด้วยศิลาทราย โดยมีลักษณะพิเศษคือ มีเสานางเรียงล้อมรอบตัวปราสาทประธาน ซึ่งโดยปกติแล้วเสานางเรียงมักจะอยู่ที่สองข้างทางของทางเดินเท่านั้น ที่ด้านหน้าของปราสาทประธาน ยังมีบรรณาลัย อีก 2 หลัง โดยทั้ง 2 หลังได้หันหน้าเข้าหาปราสาทประธาน (ทิศตะวันตก)ในบริเวณใกล้ๆกันกับบริเวณปราสาท ได้มีการนำทับหลังและหน้าบัน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยประดับอยู่ที่ตัวปราสาท ได้ถูกนำมาวางเรียงเอาไว้บนพื้น โดยได้มีการพยายามจัดตำแหน่งให้ตรงกับที่เคยถูกประดับที่ตัวปราสาท ซึ่งเมื่อสังเกตลักษณะของกรอบหน้าบันบางชิ้น จะเห็นได้ว่าลักษณะของนาคที่อยู่ในส่วนปลายของกรอบหน้าบันนั้น เป็นนาคแบบบาปวนอย่างชัดเจน นั่นคือเป็นนาคหัวโล้น (ยังไม่มีกระบังหน้าเหมือนในสมัยนครวัด)ในปัจจุบันปราสาทสด๊กก๊อกธมได้ปรักหักพังลงไปค่อนข้างมาก และกำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะ โดยกรมศิลปากรค่ะต่อไปเรามาดูรูปกันดีกว่า ตอนนั้นยังไม่มีกล้องดิจิตอลเป็นของตัวเอง แล้วกล้องฟิล์มก็ดันเป็นแมนนวลที่ใส่ฟิล์มขาวดำไว้(เทอมนั้นเรียนถ่ายรูปด้วยเลยถือโอกาสทำงานส่งอาจารย์ไปในตัว 555) ต้องขอบคุณคุณเพื่อน ที่อุทิศกล้องตัวเองให้เป็นเหมือนกล้องสาธารณะ ขอบคุณนะคร๊าบบบบบบอันนี้ให้เห็นกันชัดๆ ว่าตอนไปเค้ากำลังซ่อมแซมอยู่ ปัจจุบันได้ข่าวว่าก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ยังมีการขุดค้นอยู่ แต่คิดว่าตัวปราสาทน่าจะบูรณะใกล้จะเสร็จแล้วเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ระหว่างหินเก่า กับแท่งซีเมนต์ใหม่ที่กรมศิลป์เอาไปเสริม(แต่เดี๋ยวเค้าต้องทำให้สีใกล้เคียงกันแหละค่ะ) ตอนไปดูก็แบบ เออตลกดี อะไรจะสีขัดกันได้ขนาดนั้น เรียกได้ว่าเป็นการไปเห็นปราสาทตอนกำลังบูรณะจังๆเป็นครั้งแรกนี่ค่ะบรรณาลัยที่ว่า นักวิชาการส่วนใหญ่อธิบายว่ามันเป็นคล้ายๆห้องสมุดที่เก็บคัมภีร์น่ะค่ะ พบในปราสาทหินเกือบทุกหลังหน้าบันและทับหลังส่วนประดับโคปุระ(ซุ้มประตู) ถ้าสังเกตดีๆลวดลายที่หน้าบันจะเป็นภาพนารายณ์บรรทมศิลป์ค่ะให้ดูทับหลังกันชัดๆ ช่างชาวเขมรนี่เค้าเก่งนะคะ ที่เห็นน่ะหินทรายล้วนๆ สลักกันได้อย่างกับสลักสบู่ นับถือๆบริเวณด้านนอกถัดจากตัวปราสาทมาหน่อย เค้าก็จะจัดการเอาพวกทับหลังและหน้าบัน มาวางเรียงกันค่ะ เพราะใช้วิธีบูรณะแบบอนัสติโลซิส ก็คือ จะรื้อและทำสัญลักษณ์ที่หินทุกก้อน แล้วเอามาเรียงต่อกันใหม่แบบต่อจิ๊กซอว์ ในภาพเป็นหน้าบันหนึ่งในหลายๆอัน ที่ถูกยกลงมาเรียงข้างล่างก่อน เพื่อรอคิวกลับไปติดตั้งไว้ในตำแหน่งเดิมค่ะ (บางชิ้นเค้าอาจจะยกไว้ไปที่พิพิธภัณฑ์ด้วย)รูปสุดท้าย เป็นส่วนปลายหน้าบันค่ะ ถ่ายให้เห็นกันชัดๆว่านาคหัวโล้นน่ะเป็นยังไง (เดี๋ยวนาคแบบมีกระบังจะเป็นอีกแบบหนึ่งค่ะ ถ้ามีโอกาสจะเอามาให้ดูกัน)จบแล้วสำหรับreview ปราสาทสด๊กก๊อกธมอย่างคร่าวๆ ข้อมูลนำมาลงเป็นส่วนหนึ่งของรายงานที่ทำส่งอาจารย์จากการไปฟิลด์คราวนั้น พวกเกร็ดนิดๆหน่อยๆที่สะสมมา ใครเข้ามาดูลองช่วยคอมเมนต์หน่อยก็ดีนะคะ แลกเปลี่ยนความรู้กัน แล้วถ้าสงสัยหรือติดใจตรงไหนก็มาคุยกันได้ค่ะ เป็นมือใหม่ทำบล็อค แต่ก็อยากเอาประสบการณ์ดีๆ ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกับคนอื่นบ้าง รบกวนขอคำติชมด้วยนะคะแล้วเจอกันคราวหน้าค่ะ ไว้เดี๋ยวขอไปเลือกก่อนว่าจะเอาปราสาทไหนดี ใครอยากฟังเรื่องที่ไหนบอกมาได้นะคะ ถ้าเคยไปจะหามาใส่ให้ค่ะ
แบล็คชอบมากๆเลยค่ะ เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
อยากเรียนบ้างจังค่ะ ถ้าไม่ได้จบด้านนี้แต่ใจรักอยากต่อโทด้านนี้จะพอได้ไหมคะพี่ แหะๆ
มีคำถามค่ะ
บาราย คือ สระน้ำที่ขุดขึ้นใช่หรือเปล่าคะ ถ้าไม่ใช่คืออะไรคะพี่
ส่วนที่ต่อๆไป แล้วแต่พี่มอสสะดวกเลยค่ะ แล้วจะแวะมาอ่านอีกนะคะ