ความสุขจากการให้อภัย
“ผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถให้อภัยใครได้เพราะการให้อภัยได้นั้นนับเป็นความเข้มแข็งแท้จริง” มหาตมะคานธี

หากคุณให้ความรักความไว้วางใจ ช่วยเหลือใครสักคน แต่ภายหลังเขากลับไปคบคิดกับคนอื่นให้ร้ายคุณพูดถึงคุณในทางที่เสียหาย จนคุณต้องได้รับความอับอาย คุณจะให้อภัยเขาคนนั้นได้ไหม

๑. ให้อภัยได้ถ้าคนนั้นได้รับโทษอย่าสาสมเสียก่อน
๒. ให้อภัยได้ เพราะเป็นสิ่งดีที่จะให้อภัยดังเช่นที่พ่อแม่ หรือศาสนาสั่งสอนมา
๓. ให้อภัยได้เพราะจะช่วยให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
๔. ให้อภัยได้เพราะเป็นการแสดงออกของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข

ท่านผู้อ่านจะเลือกข้อใดที่ตรงใจท่านมากที่สุด

ผมได้ลองถามนักศึกษาแพทย์ปี๕ ที่เรียนวิชาจิตเวชศาสตร์อยู่รวม ๓๓ คนคำตอบที่ได้จากลูกศิษย์แพทย์กลุ่มนี้น่าสนใจทีเดียวครับมีตอบข้อหนึ่งอยู่ ๑๓ คนตอบข้อสองอยู่ ๑๒ คน ตอบข้อสามอยู่ ๕ คน และตอบข้อสี่อีก ๓ คนที่กล่าวมานี้คงไม่ถึงกับเป็นโพลสำรวจนะครับ เพียงอยากจะให้เห็นว่าคนเราแต่ละคนมีมุมมองในเรื่องการให้อภัยที่แตกต่างกันมาก

มนุษย์มีแนวโน้มในจิตใจแต่กำเนิดที่จะโต้ตอบทางลบมากขึ้นต่อคนที่แสดงออกทางลบต่อเราธรรมชาตินี้เองเป็นที่มาของการแก้แค้นกันและตอบโต้กันจนไม่รู้จบสิ้นสิ่งนี้เกิดจากอะไร นอกจากมนุษย์แล้ว สิ่งมีชีวิตอื่นมีพฤติกรรมการแก้แค้นเช่นมนุษย์หรือไม่จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบปรากฏการณ์ของการแก้แค้นเกิดขึ้นได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชั้นสูงบางชนิดด้วย เช่น ลิงชิมแปนซีและพบต่ออีกว่า เมื่อการแก้แค้นเกิดขึ้นการกระทำนั้นมักจะมีความรุนแรงมากกว่าที่ถูกกระทำในตอนแรกจึงมีแนวโน้มให้เกิดวงจรการล้างแค้น ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆซึ่งเราพบเห็นตัวอย่างการโต้ตอบที่รุนแรงมากมายในสงครามและประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติการให้อภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยตัดและลดทอนการแก้แค้นซึ่งมีแต่จะเพิ่มความสูญเสียทั้งสองฝ่าย

พัฒนาการ ของการให้อภัยผู้อื่นเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางจิตใจด้วย พบว่า คนเราสามารถให้อภัยได้มากขึ้นตามอายุคือคนในวัยสูงอายุจะให้อภัยผู้อื่นได้ง่ายกว่าคนในวัยผู้ใหญ่และมากกว่าคนในวัยรุ่นซึ่งน่าจะสะท้อนถึงโลกทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปในคนที่ผ่านชีวิตมานานกว่า มีความเข้าใจเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้นนอกจากนี้พัฒนาการของการให้อภัยยังมีลักษณะที่เป็นลำดับขั้นเหมือนที่มนุษย์เรามีพัฒนาการทางร่างกายจากคลานเป็นนั่ง จนถึงการยืนและเดินตามลำดับ คือใน ขั้นต้นการให้อภัยจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ที่กระทำผิดได้รับการล้างแค้นหรือการลงโทษอย่างสาสมเสียก่อนขั้นกลาง คือ การให้อภัย เป็นสิ่งควรทำเนื่องจากเป็นสิ่งที่สังคมและคำสั่งสอนของพ่อแม่หรือศาสนาสอนไว้ ในขั้นสูงคือการให้อภัยควรทำเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมและในขั้นสูงสุดคือเป็นการแสดงออกของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข( Unconditional love )

ความจริงแล้วการให้อภัยกลับกลายเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ที่ให้อภัยเองเพราะการให้อภัยคือการปลดปล่อยตนเองจากซากอดีตที่เจ็บปวดเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ดังที่ คอร์รี่ เทน บูม ( Corrie ten Boom ) ผู้ช่วยเหลือชาวยิวจากค่ายกักกันของนาซีได้กล่าวว่า “ การให้อภัยคือการปลดปล่อยนักโทษ และนักโทษผู้นั้นก็คือคุณนั่นเอง ”และจากประสบการณ์ตรงของเธอเองที่ได้บันทึกไว้ว่า “ ในท่ามกลางเหยื่อที่ถูกนาซีทำทารุณกรรมนั้นผู้ที่สามารถสร้างชีวิตใหม่ได้ดีและสามารถดำรงชีวิตที่เป็นสุขได้คือผู้ที่สามารถให้อภัยต่อความเลวร้ายเหล่านั้น ”

ผลดีอีกประการคือผู้ที่มักให้อภัยผู้อื่นได้ง่ายจะมีความเป็นปฏิปักษ์น้อยไม่หลงตัวเอง ไม่ชอบครุ่นคิดวนเวียน เป็นคนที่มีนิสัยพูดง่าย ไม่เรื่องมากทำให้กังวลและซึมเศร้าน้อยกว่า ป่วยเป็นโรคประสาทน้อยกว่ามีลักษณะที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นมากกว่าการให้อภัยจึงเป็นเสมือนภูมิคุ้มกันโรคทางจิตเพิ่มสุขภาพจิตที่ดีสำหรับตัวผู้ให้อภัยนั้นเองผมจึงอยากชวนท่านผู้อ่านได้ทบทวนไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและตั้งใจอย่างแน่วแน่เพื่อที่จะช่วยกันปลดปล่อยความเคืองแค้นที่ยังฝังใจเพื่อให้จิตใจได้รับอิสรภาพและเกิดความสุขสงบทางใจ

การที่จะให้อภัยแก่บุคคลผู้ที่เคยทำให้เราเจ็บปวดแม่ชีเทเรซ่าสอนว่า
“เพื่อที่จะให้อภัยใครบางคนที่ทำให้เราปวดร้าวเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่กับผู้ที่เคยทำให้เราผิดหวังเพื่อที่จะคงความเสียสละไว้แม้เคยถูกหลอกลวง เหล่านี้แม้หากจะเจ็บปวดแต่เป็นการให้อภัยและเป็นรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว”

Secret Box
• การให้อภัยเป็นเครื่องพัฒนาการของจิตใจ
• การให้อภัยที่สูงที่สุดเป็นการแสดงออกของความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข
• จงเริ่มด้วยการตั้งจิตที่แน่วแน่ในการให้อภัยใครบางคนที่เคยทำให้เราเจ็บปวด
• การให้อภัยจะนำให้เกิดอิสรภาพและความสุขในชีวิต

ที่มา : บทความจากนิตยสารซีเคร็ต



Create Date : 21 มีนาคม 2555
Last Update : 21 มีนาคม 2555 12:46:44 น.
Counter : 501 Pageviews.

3 comment

Namkhiang-Nitcha
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]