Group Blog
All Blog |
อย่างไรเรียกว่าสังฆทาน อย่างไรเรียกว่าสังฆทาน พระไพศาล วิสาโล บทความนี้ตีพิมพ์ลงในหนังสือ ทำสังฆทานอย่างไรใ้ห้ได้บุญ โดยสำนักพิมพ์ สบายะ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - คนไทยที่นับถือพุทธศาสนา ไม่ว่าอยู่ที่ใด มักหาโอกาสทำบุญอยู่เสมอ และการทำบุญที่นิยมกันมากก็คือการทำสังฆทาน ยิ่งชาวพุทธไทยที่อยู่ต่างประเทศด้วยแล้ว ชอบทำสังฆทานมากกว่าการทำบุญชนิดอื่น รวมถึงการใส่บาตร ส่วนหนึ่งก็เพราะสังฆทานนั้นสามารถทำได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังเชื่อว่าสังฆทานนั้นมีอานิสงส์มาก อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสังฆทานได้แพร่หลายไปมาก กล่าวคือเข้าใจว่าหมายถึงการถวายทานแก่พระภิกษุ ถ้าถวายแก่พระรูปใดก็ถือว่าเป็นสังฆทานทั้งนั้น แต่ความจริงแล้วการถวายทานแก่พระรูปใดรูปหนึ่งอย่างเจาะจง ไม่เรียกว่าสังฆทาน แต่เรียกว่า ปาฏิบุคลิกทาน สังฆทานนั้นหมายถึงการการถวายทานแก่สงฆ์หรือพระทั้งคณะโดยไม่เจาะจงที่พระรูปใดรูปหนึ่ง เพราะคำว่า สงฆ์นั้นหมายถึงหมู่คณะ มิได้แปลว่า พระภิกษุอย่างที่มักเข้าใจกัน การถวายแก่สงฆ์หรือพระทั้งคณะ เป็นบุญกิริยาที่พระพุทธองค์ตรัสว่ามีอานิสงส์มาก และมากยิ่งกว่าการถวายแก่บุคคลอย่างเจาะจง แม้ท่านนั้นจะเป็นถึงอริยบุคคลก็ตาม ดังมีพุทธพจน์ว่า เราไม่เห็นว่าของที่ให้แก่บุคคล (ปาฏิบุคลิกทาน)มีผลมากกว่าของที่ให้แก่สงฆ์ โดยปริยายใด ๆ เลย ในขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระไตรปิฎก มีเรื่องเล่าถึงการพบปะระหว่างเทพธิดาคู่หนึ่งซึ่งเคยเป็นพี่น้องกันในชาติก่อน เทพธิดาผู้พี่หรือนางภัทรามีความสงสัยว่าเหตุใดตนจึงบังเกิดในสวรรค์ชั้นต่ำกว่าผู้น้อง ทั้ง ๆ ที่เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ตนถวายทานแก่พระภิกษุบ่อยครั้งกว่า เทพธิดาผู้น้องหรือสุภัทราตอบว่า นี้เป็นเพราะตนได้ถวายสังฆทานคือถวายทานแก่หมู่สงฆ์ ซึ่งมีผลมาก จนไม่อาจประมาณได้ว่ามีอยู่เท่าไร ส่วนผู้พี่นั้นถวายทานแก่ภิกษุ ด้วยความเลื่อมใสเป็นรายบุคคล ดังนั้นจึงมีผลไม่มาก หลักการสำคัญประการหนึ่งของพุทธศาสนาคือ ให้ความสำคัญแก่หมู่คณะหรือส่วนรวมมากกว่าตัวบุคคล ส่วนหนึ่งก็เพราะพุทธศาสนาหรือพระธรรมคำสอนจะยั่งยืนสืบต่อไปได้ก็เพราะหมู่คณะ มิใช่เพราะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แม้ผู้นั้นจะมีคุณวิเศษเพียงใดก็ตาม แต่ก็ต้องมีอันเป็นไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง การฝากพระศาสนาไว้กับคนใดคนหนึ่งจึงเป็นเรื่องเสี่ยงอย่างยิ่ง ตรงกันข้ามกับหมู่คณะซึ่งมีการสืบต่อได้ยาวนานกว่า การให้ความสำคัญแก่หมู่คณะมากกว่าตัวบุคคลนี้เอง ที่ทำให้พระพุทธองค์ทรงส่งเสริมสังฆทานมากกว่าปาฏิบุคลิกทาน ดังพระองค์ได้ทรงบำเพ็ญเป็นแบบอย่าง เช่น เมื่อพระนางมหาปชาบดีโคตมีนำผ้าไตรที่ทรงตัดเย็บเองมาถวายแด่พระพุทธเจ้า พระองค์ได้ปฏิเสธ และตรัสว่า ดูกรพระนางโคตมี โปรดทรงถวายแก่สงฆ์เถิด เมื่อท่านถวายแก่สงฆั ทั้งเราทั้งสงฆ์จักเป็นอันได้รับการบูชา ถ้าเราเข้าใจความหมายที่แท้ของสังฆทาน เราจะไม่มุ่งทำบุญถวายทานแก่เจ้าอาวาส พระเกจิอาจารย์ หรือพระอริยบุคคลเพียงรูปใดรูปหนึ่งเท่านั้น แต่ยังจะให้ความสำคัญกับการอุปถัมภ์พระสงฆ์ในวัด ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างศาสนทายาทเพื่อสืบทอดภารกิจของเจ้าอาวาสหรือพระผู้เป็นสุปฏิปันโนหลังจากท่านได้ละสังขารไป อีกทั้งยังเป็นการอุปถัมภ์พระศาสนาให้มีความยั่งยืนในระยะยาวด้วย เพราะดังได้กล่าวแล้วว่าพระศาสนาจะยั่งยืนได้มิใช่เพราะความสามารถของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้นแต่เพราะมีคณะสงฆ์ที่เข้มแข็งช่วยกันสืบทอดพระธรรมคำสอน ดังนั้นจะถวาย ถังเหลือง หรือไม่ก็ตาม หากถวายแก่สงฆ์ หรือมีพระรูปใดรูปหนึ่งรับในนามของสงฆ์ ก็ถือว่าเป็นสังฆทานทั้งสิ้น เมื่อถวายแล้วก็ขอให้เกิดความปีติอิ่มเอิบใจในบุญที่ได้ทำ |
Namkhiang-Nitcha
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] Link |