กรรมลิขิต
กรรมลิขิต(๑) กัลยาณการี กัลยาณัง ปาปการี จะ ปาปกัง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คัดลอกจากหนังสือ กรรมลิขิต โดย ธัมมะวัฑโฒ ภิกขุ
กรรมหมายถึงการกระทำที่ประกอบด้วยเจตนาเมื่อจงใจแล้วก็ย่อมทำกรรมทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ เรียกว่า กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ตามลำดับ กรรมจึงเป็นคำกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว แต่คนทั่วไปมักเข้าใจว่า กรรมหมายถึงบาปหรือเคราะห์ เป็นการเข้าใจไปในทางร้ายแต่อย่างเดียว เช่น คนที่เกิดมาจนหรือพิการ ก็พูดว่าคนมีกรรม พุทธศาสนาสอนว่า ความเป็นอยู่หรือชะตาชีวิตของคนเรานั้นไม่ขึ้นกับเวลาตกฟาก ไม่ขึ้นกับอำนาจดวงดาว ไม่ขึ้นกับอำนาจพรหมลิขิต แต่ขึ้นอยู่กับกรรม กรรมต่างหากเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตหรืออนาคตของคนเรา ทุกคนต่างลิขิตโชคดีโชคร้าย ลิขิตความเจริญความเสื่อมให้แก่ชีวิตด้วยกรรมของตนเอง กล่าวคือ ถ้าอยากได้ดีมีความสุขความเจริญ ก็ต้องทำแต่กรรมดี ในทางตรงกันข้าม ถ้าทำกรรมชั่ว ชีวิตก็จะมีแต่ความทุกข์ความเดือดร้อน เป็นไปตามพระบาลีที่ว่า"กัลยาณการี กัลยาณัง ปาปการี จะ ปาปกัง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" คนที่เชื่อมั่นในหลัก "กรรมลิขิต" ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ย่อมทำแต่ความดีหลีกหนีความชั่ว รู้จักพึ่งตนเอง ขยันทำกิจการ ไม่เกียจคร้าน ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่สร้างวิมานในอากาศ ประสงค์สิ่งใดก็ลงมือทำ เพื่อให้เป็นจริงตามปราถนา เมื่อมีอุปสรรคเกิดขึ้นก็ไม่ย่อท้อ พยายามหาทางแก้ไขและต่อสู้จนประสบความสำเร็จ คนประเภทนี้แม้จะเกิดมายากจน เพราะอำนาจของกรรมชั่วที่ทำไว้ในอดีตก็มักจะก่อร่างสร้างตัวจนฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น ด้วยอำนาจกรรมดีที่ทำในปัจจุบัน ไม่มัวแต่เพ้อฝันอยากได้ดีลอยๆ โดยไม่ลงมือทำ ถ้าความอยากได้ดีลอยๆ โดยไม่ต้องทำอะไร จะเป็นเหตุให้สำเร็จความปราถนาแล้ว ใครเล่าในโลกนี้จะยากจน หรือพลาดจากสิ่งที่หว้ง กรรมลิขิต(๒)นิยาม ๕ ตามหลักของพุทธศาสนา นิยามหรือกฏธรรมชาติ มี ๕ อย่างคือ ๑.พืชนิยาม กฏแห่งพืช ธรรมดาของพืช เช่น ปลูกถั่วได้ถั่ว (ไม่ใช่งา) ออ้ยมีรสหวาน ดอกทานตะวันหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ ๒.อุตุนิยาม กฏแห่งฤดู ธรรมดาของฤดู เช่นฝนตก แดดออก ลมพัด ลมไม่พัด น้ำขึ้น น้ำลง ดอกบัวกลางวันแย้ม กลางคืนหุบ ดอกแก้วต่างต้นบานพร้อมกัน ๓.กรรมนิยาม กฏแห่งกรรม ว่าด้วยการกระทำของมนุษย์ คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ๔.จิตนิยาม กฏแห่งจิต ธรรมชาติของจิต เช่น เกิดดับตลอดเวลารับอารมณ์ทีละอย่าง ๕.ธรรมนิยาม กฏแห่งธรรมะ คือ สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา การที่สิ่งมีชีวิตต้องวนเวียนเกิดแก่เจ็บตาย ยากจะหลุดพ้นได้ ก็เป็นไปตามธรรมนิยามนี้เอง
เนื่องจากนิยามมี ๕ (แต่นิยามอื่นล้วนสรุปลงในธรรมนิยาม)ปรากฏการณ์ต่างๆ จึงเกิดจากกฏธรรมชาติหลายอย่างรวมกัน ดังนั้นความเข้าใจที่ว่า ทุกสิ่งในโลกล้วนขึ้นกับธรรมนิยาม จึงเป็นความเข้าใจที่ผิด อย่างไรก็ตาม กรรมนิยามเป็นนิยามที่สำคัญมากสำหรับมนุษย์เพราะเกี่ยวข้องกับมนุษย์โดยตรง มนุษย์มีสิทธิ์ที่จะเลือกทำกรรมตามความพอใจ แล้วกรรมนั้นจะเป็นผู้ลิขิตโชคชะตาหรืออนาคตของมนุษย์ ส่วนนิยามอื่นๆเป็นเรื่องของธรรมชาติ เช่น กลางวัน กลางคืน ฤดูหนาว ฤดูร้อน เกิดจากการที่โลกหมุนรอบตัวเองและรอบดวงอาทิตย์ มนุษย์จะห้ามปรามหรือเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มนุษย์จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ เช่น ประดิษฐ์หลอดไฟเพื่อให้แสงสว่างในเวลากลางคืน ประดิษฐ์เครื่องปรับอากาศเพื่อผ่อนคลายความหนาวร้อน สุขทุกข์ของมนุษย์จึงขึ้นอยู่กับกรรมนิยามเป็นสำคัญ
Create Date : 30 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2553 14:43:41 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1221 Pageviews. |
|
|
|
โดย: lee sonchot IP: 180.129.87.42 วันที่: 30 มิถุนายน 2553 เวลา:19:40:29 น. |
|
|
|
| |
|
|
คนทำกรรมดีก็ย่อมได้ดี
คนทำกรรมชั่วก็ได้ชั่วนะค่ะ
เมื่อคืนเชียร์บอล ง่วงนอนไปหน่อยค่ะ
พักอีก 2 วัน ค่อยมาลุ้นใหม่นะค่ะ