ห้องแฟนตาซีของmoony
|
|||
รักละไม ไอทะเล บทที่ 3 การพบกันอีกครั้ง (3)
นางแบบสาวนั่งฟังนิ่ง เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกทึ่งกับความสามารถของผู้ชาย เพราะตั้งแต่ก้าวเข้ามาในวงการนางแบบ คนส่วนใหญ่ที่เธอพบ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็มีความคิดกับผู้หญิงแค่เรื่องบนเตียง บางคนปากก็คุยเรื่องงานแต่สายตากลับจับจ้องแต่ทรวงอกหรือสะโพกของเหล่าบรรดานางแบบ แต่จิรายุสไม่ใช่ เพราะนับตั้งแต่พบกัน เขาไม่เคยมีทีท่าว่าจะสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย การถ่ายภาพก็ไม่เคยใช้สายตามองแบบจาบจ้วง การชี้แนะก็เป็นไปอย่างสุภาพ ไม่มีการแต๊ะอั๋งเธอเลยสักนิด และที่สำคัญ เขาผู้ชายเพียงคนเดียวที่กล้าต่อปากต่อคำพูดจาสั่งสอนเธอ
ฝีมือดี แต่ปากเสียไปหน่อย นายประพจน์ใจหายวาบเพราะไม่คิดว่าจิรายุสจะกล้ากวนประสาทนางแบบสาวชื่อดังที่มีกิตติศัพท์เลื่องลือด้านความร้ายกาจ ความที่กลัวว่าทั้งคู่จะทำงานด้วยกันไม่ได้ เขาจึงรีบเสไปหัวเราะพร้อมกับพูดกลบเกลื่อน เขาเป็นคนขี้เล่นน่ะครับ คุณมุกมณีอย่าถือสาเลย นางแบบสาวมองนายประพจน์ด้วยหางตา ถ้าถือสาป่านนี้ฉันฟ้องคุณพีระไปแล้ว พูดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ทำไมพี่โฟยังไม่มาอีก แบบนี้มีหวังได้อยู่กันจนดึกแน่ เหมือนคำบ่นของเธอจะได้ยินไปถึงหูช่างแต่งหน้าคนเก่ง เพราะพอพูดจบเขาก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน โทษทีจ้ะที่มาช้า พอดีทางนั้นเขาเลี้ยงมื้อเที่ยง จะปฏิเสธก็ไม่ได้เลยต้องอยู่พอไม่ให้เสียมารยาท พูดพลางวางกระเป๋าเครื่องสำอางประจำตัวลงบนโต๊ะและรับแก้วน้ำที่นายประพจน์ยื่นส่งให้ด้วยท่าทางกระชดกระช้อย ขอบคุณ เขาดื่มเข้าไปสองสามอึกและวางแก้วลง จากนั้นจึงเปิดกระเป๋าพร้อมกับพูดเรามาเริ่มงานกันเลยดีมั้ยจ๊ะ ไม่นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนหรือครับ นายประพจน์ติง เย็นตาโฟสั่นศีรษะ ไม่ต้องหรอก โฟไม่อยากให้ทุกคนเสียเวลา เขาหยิบอุปกรณ์แต่งหน้ามาวางเรียงบนโต๊ะ เสร็จจากมุกก็ต้องแจ้นไปแต่งหน้าให้เจ้าสาวอีก มุกมณีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ส่วนนายประพจน์ผงกศีรษะ งั้นผมขอไปตรวจห้องสตูฯว่าพร้อมหรือยัง เสร็จแล้วจะได้ทำงานกันได้เลย พูดจบก็เดินออกจากห้อง นางแบบสาวจึงถามเย็นตาโฟด้วยความสงสัย ไปแต่งหน้าเจ้าสาวที่ไหนหรือคะพี่โฟ ช่างแต่งหน้าหนุ่มยักไหล่ พี่ก็จำชื่อไม่ได้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเป็นลูกคุณหญิงอะไรสักอย่างนี่แหละ เห็นว่าเคยไปดูงานเดินแฟชั่นแล้วเกิดถูกอกถูกใจหน้าสวยๆของมุก เลยมาติดต่อพี่ เย็นตาโฟหัวเราะคิกคัก สงสัยอยากจะสวยเหมือนนางแบบชื่อดัง แต่คงยาก แค่ผิวก็ผิดกันลิบแล้ว จำเป็นต้องไปด้วยเหรอ มุกมณีถามเพราะปรกติแล้วช่างแต่งหน้าของเธอคนนี้จะไม่ค่อยรับงานใคร ถ้าไม่ใช่คนสำคัญหรือถูกอัธยาศัยกันจริง เย็นตาโฟย่นจมูกเหมือนไม่สบอรารมณ์ผู้ว่าจ้างคนนี้เท่าไหร่นัก ก็ไม่อยากไปหรอกแต่มันจำเป็น คุณหญิงคนนี้น่ะเป็นเจ้าของร้านเพชรแล้วก็อะไรอีกหลายอย่าง พี่เลยผูกมิตรไว้เผื่อเขาอยากทำโฆษณา จะได้มาจ้างมุกไงคะ ไม่จำเป็นหรอกค่ะ นางแบบสาวพูดอย่างไม่สนใจ เย็นตาโฟซึ่งกำลังหยิบครีมรองพื้นขมวดคิ้ว คิดอย่างนั้นไม่ได้นะมุก อะไรที่มันเป็นประโยชน์เราก็ต้องคว้าเอาไว้ ทุกอย่างเป็นเรื่องจำเป็นทั้งนั้น ปากพูดส่วนมือเริ่มประทินโฉมให้นางแบบสาว ระหว่างที่สาละวนอยู่กับการหยิบเครื่องสำอางสายตาของเย็นตาโฟก็เหลือบไปเห็นกล่องดีวีดีที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาเปิดเรื่องอะไรให้มุกดูเหรอ ช่างแต่งหน้าหนุ่มถามด้วยความสงสัย มุกมณีอมยิ้ม อัญมณีแห่งหิมพานต์ เขาไม่ได้เปิดให้ดูหรอก แต่โดนมุกบังคับ ตายแล้วมุก ไปขอเขาดูได้ยังไง เรื่องพวกนี้ถือเป็นความลับของบริษัทนะ เย็นตาโฟติง นางแบบสาวยักไหล่ มุกรู้ค่ะ แต่อยากหาเรื่องแกล้งตาแว่นที่ทำตัวน่าหมั่นไส้ เธอตอบ เย็นตาโฟขมวดคิ้ว ตาแว่นไหน ก็ตาแว่นหน้าจืดที่เป็นช่างภาพไงคะ ตอนแรกก็ขอกันดีๆแต่ทำเป็นโยกโย้อ้างโน่นอ้างนี่ มุกเลยใช้ไม้เด็ด มุกมณีเล่าอย่างสนุกสนานแล้วอมยิ้มน้อยๆ แหมพี่โฟต้องมาเห็นหน้าเขาตอนที่เปิดดีวีดี มุกงี้กลั้นหัวเราะแทบตาย แกล้งเขาระวังเขาจะแกล้งตอบนะคะ เย็นตาโฟเตือน นางแบบสาวส่ายหน้า มุกไม่กลัวหรอก ผู้ชายหน้าใสใจซื่อแบบนี้จะไปมีปัญญาแกล้งใคร ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ต่อให้หน้าใสแค่ไหนเราก็ไม่มีทางรู้ว่าในใจเขาคิดอะไร เย็นตาโฟเตือนด้วยความเป็นห่วง มุกมณีจึงยิ้มรับแต่ไม่พูดอะไร แต่งหน้าแต่งตาเสริมความงามเสร็จสรรพมุกมณีจึงเดินตรงไปยังสตูดิโอ ส่วนเย็นาโฟหลังจากยืนตรวจเสื้อผ้าที่นางแบบสาวจะใช้ในการถ่ายแบบอยู่ครู่ใหญ่จึงขอแยกตัวไปทำงานที่รับไว้ ทิ้งให้มุกมณีทำงานตามลำพัง ตอนแรกเธอคิดว่าจิรายุสคงมีทีท่าหมางเมินหรือหาทางแกล้งแต่กลับผิดถนัด เพราะนอกจากจะไม่ทำเช่นนั้นแล้วชายหนุ่มยังแสดงความเป็นมืออาชีพด้วยการทำงานอย่างจริงจัง ไม่มีสีหน้าหรือกิริยาขุ่นเคืองใจนางแบบสาวเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี เพราะหลังจากโพสต์ท่าอยู่สองชั่วโมงติดต่อกัน ชายหนุ่มก็หยุดการทำงานและขอให้เธอหยุดดื่มน้ำ และนั่งพักผ่อนประมาณสิบนาทีจากนั้นจึงถ่ายทำโฆษณาต่อจนเสร็จ ซึ่งก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ใส่เมื่อตอนกลางวันแล้วมุกมณีจึงเดินไปกดลิฟต์เพื่อไปยังลานจอดรถซึ่งพอไปถึงเธอก็ต้องยืนนิ่งไม่กล้าขยับเพราะสถานที่ซึ่งเคยมีรถจอดอยู่อย่างแออัด ตอนนี้กลับมีแต่ความว่างเปล่า เหลือเพียงรถของเธอคันเดียวเท่านั้นที่จอดอยู่ตรงกลาง พอเพิ่มบรรยากาศที่มีแต่แสงสลัวแล้วทำให้คนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางอย่างเธออดจินตนาการถึงเรื่องสยองขวัญทั้งหลายไม่ได้ แต่สิ่งที่สร้างความหวาดกลัวต่อนางแบบสาวมากที่สุดไม่ใช่เรื่องลึกลับเขย่าขวัญ หากเป็นมิจฉาชีพที่มักเร้นกายอยู่ในความมืด คอยหาจังหวะปล้นทรัพย์สินของมีค่า หรือถ้าเหยื่อเป็นหญิงสาว อาจพบกับสิ่งที่เลวร้ายมากกว่านั้น ความกังวลทำให้มุกมณีพยายามเดินเลี่ยงเสาคอนกรีตที่อยู่ห่างกันเป็นระยะ และคอยกวาดตามองไปโดยรอบอย่างระมัดระวัง แต่พอไปได้ครึ่งทางหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงคล้ายกระป๋องโลหะดังมาจากมุมมืดซึ่งเมื่อหันไปดูถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพียงแมวดำตัวหนึ่ง เธอจึงระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เจ้าเหมียวบ้า ทำเอาเราตกอกตกใจหมด มุกมณีบ่นพึมพำพลางขยับตัวเพื่อเดินต่อแต่ต้องสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อใครบางคนสะกิดแขน สัญชาตญาณป้องกันภัยทำให้หญิงสาวรีบหมุนตัวพร้อมกับเหวี่ยงกระเป๋าถือหมายฟาดคนที่อยู่ข้างหลังแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ ใจเย็นๆคุณมุกมณี นี่ผมเองครับ นางแบบสาวมองชายหนุ่มที่กำลังขยับตัวถอยออกห่างพร้อมกับใช้นิ้วชี้ดันแว่นตาที่เลื่อนลงมาตอนเขาเคลื่อนไหว เธอเรียกด้วยความแปลกใจ อีกฝ่ายส่งรอยยิ้มกวน ครับ คุณมาที่นี่ทำไม มุกมณีถามเพราะแน่ใจว่าลานจอดรถชั้นนี้เหลือแค่รถของเธอเพียงคันเดียวเท่านั้น เหตุผลที่ช่างภาพหนุ่มมาที่นี่ก็คือเธออย่างแน่นอน ผมมาส่งคุณ จิรายุสตอบพร้อมกับเริ่มต้นเดิน พอเห็นมุกมณียืนนิ่งไม่ยอมขยับเขาจึงหันมาถามด้วยความสงสัย ลืมอะไรไว้หรือครับ เปล่านี่ ถามทำไม นางแบบสาวย้อนถาม ชายหนุ่มจึงยิ้ม เห็นคุณยืนนิ่งเป็นหุ่น ผมเลยนึกว่าลืมของ พูดพลางผายมือเป็นเชิงเชื้อเชิญ ดึกแล้วรีบไปที่รถเถอะครับ ผมจะได้กลับบ้าน งั้นก็กลับไปสิ มุกมณีพูดเสียงห้วน แต่จิรายุสกลับสั่นศีรษะ ผมกลับแน่ แต่ต้องหลังจากส่งคุณขึ้นรถให้เรียบร้อยก่อน ชายหนุ่มพูด ความที่ทั้งคู่เคยมีเรื่องกันมาก่อนทำให้นางแบบสาวมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ ไม่จำเป็น จำเป็นสิครับ จิรายุสพูด ใบหน้าทะเล้นเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ถึงจะไม่ชอบหน้ากันยังไง ผมก็ไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงสาวเดินอยู่ในลานจอดรถตามลำพังเดียงคนเดียว จะยืนอีกนานมั้ยครับ จิรายุสถามพลางตบไปตามร่างกายดังผัวะเผียะ ยุงแถวนี้เยอะซะด้วย ขืนอยู่ต่อไปอีกสองสามนาทีมีหวังโดนดูดเลือดหมดตัวแหง นางแบบสาวไม่ตอบแต่กลับก้าวฉับๆนำไปที่รถ เมื่อขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วเธอจึงแกล้งถาม คุณจอดรถไว้ตรงไหน คอนโด ชายหนุ่มตอบสั้นๆ มุกมณีขมวดคิ้ว แปลก มีรถแต่ไม่ยักขับ แล้วคุณจะกลับยังไง คราวนี้เธอถามด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มกว้าง รถไฟฟ้ามหานครสิครับ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยแถมแอร์เย็นดีด้วย คำตอบกวนประสาททำให้นางแบบสาวหน้าง้ำ งั้นคุณต้องรีบแล้วค่ะ เพราะรถมีถึงแค่เที่ยงคืน เธอกระแทกเสียงพูดพลางสตาร์ทรถ ขณะที่กำลังปิดกระจกเสียงจิรายุสก็ดังลอดเข้ามา ตรงกลับบ้านเลยนะครับ อย่าแวะไหน อย่าจอดรับใคร มันอันตราย ฉันรู้แล้วย่ะ มุกมณีทำปากขมุบชมิบตอบพลางมองชายหนุ่มด้วยหางตาจึงพบว่าเขากำลังโบกมือให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อรถเคลื่อนตัวออก นางแบบสาวจึงมองเขาผ่านทางกระจกหลังและพบว่าจิรายุสยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนต้องการให้แน่ใจว่าเธอเดินทางออกจากที่นั่นอย่างปลอดภัย มุกมณีขับรถพลางหวนนึกถึงเรื่องราวของจิรายุส ถึงเธอจะไม่ชอบความยโสโอหังกับการพูดกวนโทสะแต่หญิงสาวกลับรู้สึกประทับใจการกระทำหลายอย่างของเขา ทั้งเรื่องการเอาใจใส่ในหน้าที่การงาน ความสุภาพ หรือแม้แต่กระทั่งความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ซึ่งข้อนี้พิสูจน์ได้จากเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ตอนขอดูโฆษณาอัญมณีแห่งหิมพานต์ เธอคิดว่าเขาก็คงเหมือนผู้ชายคนอื่นที่มักจะรีบเปิดให้ทันที แต่จิรายุสไม่ใช่แบบนั้น นอกจากจะปฏิเสธหน้าตาเฉยแล้วเขายังกล้าพูดจาสั่งสอนเธออีก คนอวดดี นางแบบสาวพึมพำและอมยิ้มอย่างสนุกพลางนึกวางแผนอยู่ในใจว่าหากต้องไปถ่ายทำโฆษณาที่บริษัทพีเจ แอดเวอร์ไทซิ่งอีกครั้ง เธอจะป่วนเจ้าแว่นคนนี้ให้หัวปั่นไปเลย */*/*/*/*/* ลองปรับตัวอักษรให้มีขนาดใหญ่ขึ้นค่ะ จะได้สะดวกกับผู้อ่านหลายๆท่าน ^^ รักละไม ไอทะเล บทที่ 3 การพบกันอีกครั้ง (2)
รถยนต์สีเขียวสดใสของมุกมณีวิ่งด้วยความเร็วค่อนข้างสูงผ่านสี่แยกย่านธุรกิจ มุ่งหน้าตรงไปยังอาคารอันเป็นที่ตั้งของบริษัท พีเจ แอดเวอร์ไทซิ่ง ปรกติแล้วนางแบบสาวมักจะนั่งรถของเย็นตาโฟ แต่ในวันนี้เขามีงานด่วนทำให้ไม่สามารถแวะไปรับเธอได้ ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องขับรถออกมาเองโดยนัดเจอกับช่างแต่งหน้าคนเก่งที่บริษัทแห่งนี้ ทันทีที่ถอยรถเข้าซองได้สำเร็จ มุกมณีหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาโทร.ไปหาเย็นตาโฟทันที เสียงอีกฝ่ายรับอย่างระริกระรื่นพร้อมกับบอกว่าอีกสิบนาทีเจอกัน นางแบบสาวจึงปิดโทรศัพท์และคว้ากระเป๋ามาสะพายจากนั้นจึงเดินไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นของห้องรับรอง เมื่อไปถึง พนักงานประจำบริษัทที่รออยู่จึงนำนางแบบสาวไปนั่งพักที่ห้องรับรองพิเศษ เพราะต้องรอช่างแต่งหน้า ซึ่งพอจัดหาเครื่องดื่มให้เธอเสร็จเรียบร้อย พนักงานสาวผู้นั้นก็อันตรธานหายไป ทิ้งให้มุกมณีนั่งอยู่เพียงลำพัง ตอนแรกเธอก็รู้สึกเฉยๆเพราะชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่พอผ่านไปได้สักพัก หญิงสาวก็เริ่มหงุดหงิดเพราะมันเหมือนกับว่า ทางบริษัทไม่สนใจใยดีในตัวเธอ หายไปไหนกันหมดเนี่ย มุกมณีเปรยด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังและขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นมีใครโผล่หน้ามาสักคน นี่ ฉันคอแห้ง ใครก็ได้ช่วยหาน้ำมาให้หน่อย เธอแกล้งสั่งทั้งที่ข้างตัวก็มีแก้วน้ำวางไว้อยู่แล้ว นั่งรออยู่สองสามนาที พอเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาดูแลเธอแน่ นางแบบสาวจึงหันมองรอบห้องและเตรียมจะอาละวาด แต่สายตาไปสะดุดที่ป้ายบอกหมายเลขติดต่อภายในเสียก่อน ไม่รอช้า เธอคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขทันที ครับ เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ มุกมณีจึงพ่นคำพูดใส่ชนิดไฟแลบ จะให้ฉันนั่งรอไปถึงไหน แล้วทำไมไม่มีใครมาดูแลฉันสักคน รู้หรือเปล่าว่าในนี้มันร้อน คอฉันก็แห้งจนจะเป็นผงอยู่แล้ว เสียงปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจก่อนตอบกลับ งั้นรอสักครู่นะครับ เสียงสัญญาณตัดสายดังขึ้น มุกมณีกระแทกหูโทรศัพท์อย่างแรงด้วยความโมโห ไม่มีมารยาท เธอบ่นพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างหงุดหงิด อารมณ์คุกรุ่นเมื่อครู่เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในวงการนางแบบ ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้เลยสักคน ส่วนใหญ่แล้วเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายตัดสายทิ้ง แล้วหมอนั่นเป็นใคร กล้าดียังไงถึงได้ทำอย่างนี้กับเธอ ความโกรธทำให้มุกมณีคว้าแจกันดอกไม้บนโต๊ะและเงื้อขึ้นเตรียมจะขว้างแต่ต้องชะงักค้างเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เชิญ เธอพูดเสียงห้วนพร้อมกับวางแจกันลง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้ากันเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่ก้าวเข้ามาเป็นหนุ่มแว่นหน้าตาดี ที่สำคัญคือเธอจำได้แม่นว่าเขาทำหน้าที่เป็นช่างภาพแทนนายอะไรสักอย่างที่ไม่ได้มาทำงาน มีธุระอะไร เธอถามแต่จิรายุสไม่ตอบ เขาเดินไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ภายในห้องและหันกลับมาถาม คุณจะดื่มน้ำอะไรครับ นั่นเองทำให้นางแบบสาวรู้ว่าเขาคือคนรับโทรศัพท์เมื่อครู่ เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนถามเสียงกระด้าง คุณใช่ไหมที่กระแทกหูโทรศัพท์ใส่ฉัน ผมเปล่า ชายหนุ่มตอบสั้นๆ มุกมณีเม้มปากแน่นและสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับความโกรธ อย่ามาโกหก ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันต้องการอะไร คุณบอกว่าคอแห้ง จิรายุสตอบอย่างเคร่งขรึม แต่นางแบบสาวกลับมองว่ากิริยานั้นคือเขากำลังวางท่าหยิ่งยโสใส่เธอ คุณเป็นคนรับโทรศัพท์เมื่อกี้จริงๆ แล้วยังจะมีทำเป็นตีหน้าเซ่อบอกว่าเปล่า ผมยังไม่ได้พูดเลยว่าไม่ใช่คนรับ จิรายุสพูดอย่างอดทนพลางหยิบขวดน้ำดื่มขึ้นมา ตกลงคุณจะรับอะไร ชาหรือน้ำเปล่า อย่ามาทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง มุกมณีพูดเสียงเขียวพร้อมกับลุกขึ้น ฉันจะแจ้งคุณพีระให้เฉดหัวคุณออกจากบริษัท โทษฐานที่ไร้มารยาทกับลูกค้า คราวนี้จิรายุสวางขวดน้ำกลับที่เดิมและปิดตู้เย็นก่อนจะหันหน้ามาประจันกับนางแบบสาว ตามสบายเลยครับ ถ้ามันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเจ้านายของผมเป็นคนมีเหตุผลมากกว่าที่คุณคิด ถ้าจะหาเรื่องไล่ผมออกจากบริษัท คุณคงต้องหาข้ออ้างที่มันหนักแน่นกว่านี้หน่อย ไม่อย่างนั้นคุณก็คงต้องทนเห็นหน้าผมทุกครั้ง ที่ถ่ายแบบ ช่างภาพมีเยอะแยะ มุกมณีเถียง แต่จิรายุสยักไหล่ แต่ตอนนี้มีผมแค่คนเดียว งั้นฉันไปทำที่บริษัทอื่นก็ได้ นางแบบสาวโต้อย่างไม่ลดละ ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นเกาคางด้วยท่าทางเนือยๆ สัญญาว่าจ้างเขาทำล่วงหน้ากันเป็นเดือน คงไม่มีที่ไหนยอมเสียค่าปรับราคาแพงเพื่อเอาใจคุณหรอกครับ มุกมณีกำหมัดแน่นยืนตัวสั่น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเธอเลยสักครั้ง แล้วเจ้าหนุ่มแว่นคนนี้เป็นใคร กล้าดียังไงถึงมาเถียงกับเธอ ด้านจิรายุสพอเห็นนางแบบสาวยืนหน้าแดงก่ำเป็นมะเขือเทศสุกก็รู้ว่าเธอกำลังโกรธจัด ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงใช้คำพูดกวนอารมณ์อีกสองสามคำให้คนฟังเดือดจนสมองระเบิดกระจาย แต่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นนางแบบชื่อดังซึ่งถือเป็นลูกค้า เขาจึงยกมือทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกับอธิบาย มันอาจจะเหมือนเป็นการแก้ตัว แต่เมื่อกี้ผมรีบไปหน่อยเลยเผลอทำโทรศัพท์หลุดมือ เขามองหน้ามุกมณีแน่วนิ่ง เห็นคุณบอกว่าคอแห้ง ผมเลยเป็นห่วง ไม่อยากให้รอนาน ลำพังคำพูดไม่ทำให้มุกมณีเชื่อถือเท่าใดนัก แต่สีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจของจิรายุส ทำให้เธอรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาทั้งหมดเป็นความจริง นางแบบสาวคลายมือออกแต่ยังไม่ยอมทิ้งมาดของราชินีผู้สูงศักดิ์ เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับถามเสียงห้วน เป็นห่วงอย่างนั้นหรือ ครับ ชายหนุ่มตอบตามตรงพลางชี้หัวแม่มือไปที่ตู้เย็น คุณเป็นลูกค้าคนสำคัญ คงไม่ดีแน่ถ้าให้เดินมาหยิบน้ำด้วยตัวเอง เขาเปิดตู้เย็นอีกครั้งพร้อมกับถาม ตกลงคุณจะรับน้ำอะไรครับ มุกมณีไล่สายตามองเข้าไปในตู้เย็นเพื่อสำรวจว่ามีน้ำอะไรบ้างก่อนหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้และยกขาขึ้นไขว่ห้างก่อนตอบเสียงกระด้าง ชาเขียว จิรายุสหยิบขวดชาเขียวรินใส่แล้วและแอบอมยิ้มเมื่อเห็นว่าคำพูดของตนเองสามารถสงบสติอารมณ์ของนางแบบสาวเจ้าปัญหาคนนี้ได้ เขารีบปรับสีหน้าให้ดูเคร่งขรึมก่อนหมุนตัวหันกลับไปที่เธอและวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะ เชิญครับ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุภาพทำให้มุกมณีเหลือบตาขึ้นมองเพราะคิดว่าเขากำลังประชด แต่พอเห็นสีหน้าที่ปราศจากเล่ห์เหลี่ยมกับการวางตัวอย่างระมัดระวังแล้วเธอจึงรู้ว่าเป็นการกระทำอย่างจริงใจ ซึ่งนับว่าแปลกเพราะส่วนใหญ่แล้วเธอจะพบแต่ผู้ชายที่เสแสร้ง ยอมทำทุกอย่างเพื่อหวังบางสิ่งบางอย่างจากร่างกายของเธอ คุณเป็นช่างภาพมานานแล้วหรือยัง นางแบบสาวเปิดหัวข้อสนทนา จิรายุสยิ้ม เพิ่งเป็นได้ห้าวันนี่เองครับ มือที่กำลังยกแก้วชาขึ้นดื่มชะงักค้าง คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสนเท่ห์ก่อนจะหลุดปากพูด อย่าบอกนะว่า อัญมณีแห่งหิมพานต์เป็นงานแรกของคุณ ใช่ครับ จิรายุสตอบอย่างภาคภูมิใจ แต่มุกมณีกลับนิ่วหน้า ตายแล้ว เอาช่างภาพมือใหม่มาทำงานใหญ่แบบนี้มันจะได้เรื่องเหรอ เธอพูดเป็นเชิงบ่นเพราะกลัวว่าจะต้องย้อนกลับมาถ่ายทำโฆษณาชิ้นนั้นใหม่อีกครั้ง แต่จิรายุสกลับสั่นศีรษะ
อะไรกัน แค่ห้าวันเอง งานเสร็จหมดแล้วเหรอ ครับ จิรายุสตอบสั้นๆ นางแบบสาวนั่งนิ่งไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากถาม ขอฉันดูหน่อยได้ไหม ไม่ได้ครับ ชายหนุ่มตอบสวนทันควัน คิ้วของมุกมณีขมวดเข้าหากันทันที ทำไมถึงไม่ได้ ฉันเป็นนางแบบงานชิ้นนี้นะ เธอตวาดแหวอย่างไม่พอใจ จิรายุสส่ายหน้าช้าๆก่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นเชิงอธิบาย งานทุกชิ้นถือเป็นความลับของบริษัท คุณเป็นนางแบบก็จริงแต่ไม่ใช่ผู้ว่าจ้าง จึงไม่มีสิทธิดูงานโฆษณาก่อนได้รับอนุญาต ถ้าไม่ให้ดู ฉันก็ไม่ยอมถ่ายโฆษณากับบริษัทคุณอีกต่อไป เธอยื่นคำขู่ จิรายุสถอนใจออกมาเบาๆด้วยความเบื่อหน่ายในความเอาแต่ใจแบบเด็กๆของนางแบบสาวก่อนขยับแว่นและตอบด้วยท่าทางเคร่งขรึม งานแต่ละชิ้นขึ้นอยู่กับผู้จ้างว่าต้องการนางแบบคนไหน และอย่างที่ผมบอกในตอนแรก งานโฆษณาทุกชิ้น มีการทำสัญญากันล่วงหน้า คุณอาจจะบ่ายเบี่ยงไม่มาบริษัทผมก็ได้ แต่อย่าลืมนะครับว่าทางคุณเองก็มีสัญญาเหมือนกัน ขืนเบี้ยวแล้วละก็มีหวังโดนเรียกค่าเสียหายกันกระเป๋าแฟบ ฉันมีปัญญาจ่าย มุกมณีตอกกลับเสียงดัง จิรายุสยักไหล่ ผมทราบครับ แต่ถ้าทำแบบนี้บ่อยๆ อีกหน่อยคงไม่มีใครกล้าจ้างคุณ ฉันไม่สน นางแบบสาวพูดอย่างไม่แยแส ชายหนุ่มจึงมองเธออย่างสมเพช เพราะเท่าที่ผ่านมาเขานึกว่ามุกมณีจะเป็นผู้หญิงมีสมองอยู่บ้าง แต่เท่าที่เห็นในตอนนี้ นอกจากความเจ้าอารมณ์แล้ว เธอมีแค่ความสวยเพียงอย่างเดียว ผมยอมรับตอนนี้คุณเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่สมัยนี้คนสวยมีให้เลือกเยอะแยะ ถ้าคุณทำเล่นตัวบอกปัดทุกคนไปเสียหมด อีกหน่อยเขาก็จะมองหาคนอื่น ไม่ต้องนานนักหรอกแค่สองสามเดือนเท่านั้น วงการแฟชั่นก็มีนางแบบสาวเซ็กซี่หน้าใหม่มาแทนคุณแล้วละครับ คำเตือนของจิรายุสทำเอามุกมณีถึงกับสะอึก เธอนั่งนิ่งอยู่ราวหนึ่งนาทีเพื่อหาคำตอบโต้ แต่กลับนึกอะไรไม่ออก เพราะทุกอย่างที่ชายหนุ่มพูดเป็นความจริง เมื่อเถียงไม่ได้ นางแบบสาวจึงเลี่ยงไปหยิบแก้วชาและขว้างไปที่ผนังอย่างสุดกำลัง ปากดีนักนะ ! เธอตวาดเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ จิรายุสมองเศษแก้วที่กระจายเกลื่อนพื้นด้วยความไม่พอใจและขยับเตรียมจะต่อว่า เป็นจังหวะเดียวกับที่ประพจน์เปิดประตูเข้ามาพอดี สวัสดีครับคุณมุกมณี เขาเอ่ยทักและชะงักคำพูดค้างเมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของนางแบบสาว พอเห็นเศษแก้วบนพื้นกับจิรายุสที่กำลังใช้นิ้วชี้ดันแว่นตาเท่านั้น นายประพจน์ก็รู้ในทันทีว่าเจอลมได้ฝุ่นมุกมณีเข้าให้แล้ว เอ่อ คุณมุกมณีไม่พอใจอะไรหรือเปล่าครับ เขาเลียบเคียงถามอย่างระมัดระวังเพราะกลัวคำพูดจะไปสะกิดต่อมอารมณ์ร้ายของนางแบบสาวจนเกิดเรื่องใหญ่ มุกมณีสะบัดหน้าไปทางจิรายุสพร้อมกับตอบ ก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรหรอกค่ะ แค่โมโหอะไรนิดหน่อย พอจะบอกได้ไหมครับ ว่าเรื่องอะไร นายประพจน์ถามด้วยท่าทางที่คิดว่าสุภาพที่สุด นางแบบสาวจ้องหน้าจิรายุ สเขม็งก่อนตอบ ฉันแค่อยากเห็นอะไรนิดหน่อยเท่านั้น แต่ลูกน้องของคุณอ้างโน่นอ้างนี่ไม่ยอมให้ดู คุณมุกมณีอยากดูอะไรหรือครับ ผมจะหามาเปิดให้ นายประพจน์รีบเอาใจ มุกมณียิ้มในหน้าแต่ก็ยังแกล้งทำเป็นปฏิเสธ มันจะดีหรือคะ พวกคุณงานยุ่ง ฉันกลัวว่ามันจะเป็นการรบกวน น้ำเสียงกระแทกกระทั้นในขณะที่คนพูดยืนกอดอกและเชิดหน้าขึ้น จิรายุสขยับเพื่อจะแย้งแต่นายประพจน์กลับยกมือห้ามพร้อมกับพูด ไม่เป็นการรบกวนหรอกครับ คุณมุกมณีอยากดูอะไร ผมจะให้จิรายุสจัดการเปิดเดี๋ยวนี้เลย ได้แน่เหรอคะ นางแบบสาวถามย้ำ นายประพจน์รีบพยักหน้าครับ ครับ ได้แน่นอน มุกอยากดูอัญมณีแห่งหิมพานต์ค่ะ เธอพูดเน้นเสียงทีละคำโดยไม่มองนายประพจน์ซึ่งยืนอ้าปากค้างหน้าซีด เอ่อ สำหรับเรื่องนี้ผมคง... คุณบอกว่าได้ มุกมณีตัดบท นายประพจน์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะถอนใจและผงกศีรษะ งั้นก็ได้ครับ เขาหันไปทางจิรายุสที่กำลังยืนขมวดคิ้ว ช่วยจัดการตามที่คุณมุกมณีต้องการด้วย แต่ว่า ชายหนุ่มแย้งแต่ต้องเงียบเมื่อเห็นสายตาเชิงสั่งจากนายประพจน์ รอสักครู่นะครับ เขาพูดกับมุกมณีก่อนเดินออกจากห้อง อึดใจก็กลับเข้ามาพร้อมกล่องดีวีดี ซึ่งพอเปิดให้นางแบบสาวชมแล้วเขาก็ขอตัวไปเตรียมงานที่สตูดิโอ อันที่จริงมุกมณีไม่ได้สนใจเรื่องภาพยนต์ที่เธอเป็นนางแบบเท่าใดนัก เพราะเห็นมาหลายครั้งจนชินตา แต่พอได้ดูโฆษณาชุด อัญมณีแห่งหิมพานต์แล้วกลับให้ความรู้สึกแตกต่าง เพราะเพียงภาพแรกก็สามารถสะกดสายตาของเธอจนไม่อาจละไปมองสิ่งอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นแสง สี หรือบรรยากาศทั้งหมด ล้วนงดงามอย่างน่าหลงใหล โดยเฉพาะเหล่าสัตว์หิมพานต์ซึ่งมีรูปลักษณ์และเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนของจริง ช่างมีมนต์เสน่ห์อันลึกลับอย่างน่ามหัศจรรย์ สิ่งที่สร้างความทึ่งให้กับมุกมณีมากที่สุดคือรัศมีที่เปล่งออกมาจากตัวของเธอ มันดูเรืองรอง งดงาม จนแทบจะกลบประกายระยิบระยับของสร้อยเพชรบนลำคอ หญิงสาวเคยถ่ายทำโฆษณาเชิงแฟนตาซีแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีใครทำได้วิเศษอย่างโฆษณาชิ้นนี้เลย สวยมาก คำแรกหลุดจากปากเมื่อโฆษณาจบลง นายประพจน์ซึ่งกำลังยืนลุ้นถึงกับถอนใจออกมาอย่างโล่งอก ขอบคุณครับ ดีใจที่คุณมุกมณีชอบ เขารีบพูดแต่ดูเหมือนนางแบบสาวจะไม่สนใจเลยสักนิดเพราะเธอหันมาถาม ใครเป็นคนทำ จิรายุสครับ จิรายุส มุกมณีทวนคำและขมวดคิ้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าได้ยินนายประพจน์เรียกหนุ่มแว่นจอมกวนเมื่อครู่ด้วยชื่อนี้ เขาเป็นช่างกล้องไม่ใช่เหรอ อันที่จริงเขาเป็นคนตัดแต่งภาพกราฟฟิคอนิเมชั่นครับ แต่ตอนนี้คนของเราขาดเลยให้เขามาทำหน้าที่นี้ชั่วคราว
รักละไม ไอทะเล บทที่ 3 การพบกันอีกครั้ง
บทที่ 3 พบกันอีกครั้ง เสียงกอกแกกของนิ้วที่กำลังพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดดังออกมาจากห้องตัดต่อของบริษัท พีเจแอดเวอร์ไทซิ่ง แม้ตอนนี้จะเลยเวลาเที่ยงคืนไปมาก แต่จิรายุสยังคงนั่งทำงานอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุด อันที่จริงเขาเพิ่มภาพอนิเมชั่นของสัตว์หิมพานต์ลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการเรียงลำดับภาพที่ต้องทำให้ต่อเนื่อง ไร้รอยตำหนิ แต่ยังมีบางจุดที่สะดุด จิรายุสจึงต้องเพิ่มรายละเอียดบางอย่างลงไป
ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ แต่งานของเขายังไม่จบเพราะต้องไปเสนอให้ทีมงานรวมถึงคุณพีระตรวจดูก่อน ถ้าไม่มีอะไรต้องแก้ไขและส่งมอบให้กับผู้ว่าจ้างแล้วจึงจะถือว่าเสร็จสมบูรณ์จิรายุสจึงจัดเก็บไฟล์งานทั้งหมดเพื่อส่งมอบให้หัวหน้าแผนกต่อไป การอดนอนมาสามวันทำให้จิรายุสแทบสลบเหมือดอยู่ตรงนั้นแต่ยังไม่กล้าเพราะกลัวจะเผลอทับคอมพิวเตอร์พัง หลังจากปิดเครื่องและเก็บข้าวของเครื่องใช้กลับเข้าที่จนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงคลานไปยังที่นอนชั่วคราวในลักษณะที่เกือบจะเป็นเลื้อยและหลับแทบจะทันทีเมื่อหัวถึงหมอน เมื่อได้ความสดชื่นกลับคืนมา ชายหนุ่มจึงเดินไปยังมุมพักผ่อนของแผนกเพื่อชงกาแฟดื่ม จากนั้นจึงกลับเข้าห้องตัดต่อและเปิดโฆษณาที่เขาทำเมื่อคืนดูอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาจึงเตรียมบันทึกลงบนแผ่นเก็บข้อมูล เป็นจังหวะเดียวกับที่นายประพจน์เปิดประตูเข้ามาพอดี เป็นไงบ้างเต่า โอเคแล้วครับ ผมรอให้พี่ตรวจดูก่อนค่อยเสนอเจ้านาย จิรายุสตอบพร้อมกับเปิดภาพยนต์โฆษณาที่เขาเพิ่งทำเสร็จให้หัวหน้าดู ความนุ่มนวลจนเกือบเสมือนจริงของสัตว์หิมพานต์กับความงดงามของมุกมณีที่ปรากฏบนหน้าจอ ทำให้นายประพจน์ถึงกับยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก กระทั่งทุกอย่างจบลงเขาจึงหลุดปากออกมาอย่างลืมตัว สวยจริงๆ ผมก็ว่าอย่างนั้น จิรายุสพูดพลางวางแผ่นดีวีดีเพื่อบันทึกข้อมูล เสร็จแล้วจึงจัดเก็บใส่กล่องใส่กล่องยื่นให้นายประพจน์ แต่พอเห็นอีกฝ่ายยังคงยืนตาลอยเขาจึงสะกิดเบาๆพร้อมกับเรียก กลับมาหรือยังครับ หัวหน้าแผนกสะดุ้งและหันมาถาม ว่าอะไรนะ ผมนึกว่าพี่พจน์กำลังทำสมาธิถอดจิต เลยถามว่ากลับมาหรือยัง ถ้าอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน นายประพจน์คงเตะจิรายุสสักป้าบ ถึงกระนั้นเขาก็ยังอดเงื้อมะเหงกเขกกะโหลกลูกน้องจอมทะลึ่งไม่ได้ ผมกำลังเครียด ยังจะมาทำเป็นพูดเล่นอยู่ได้ จิรายุสหัวเราะแหะ ๆเป็นการแก้เก้อก่อนถาม ตกลงเป็นยังไงครับ ใช้ได้หรือเปล่า ยอดเยี่ยม นายประพจน์ตอบพลางพลิกกล่องที่รับมาจากจิรายุส ผมคิดว่าคุณพีระจะต้องชอบ แต่ก็ต้องดูอีกทีว่าคนจ้างจะว่ายังไง เขาหยุดพูดและมองจิรายุสตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ไม่ได้กลับบ้านมากี่วันแล้วเนี่ย ชายหนุ่มทำท่านึก น่าจะสองหรือสามวัน ทำไมหรือครับ ประโยคสุดท้ายเขาย้อนถามด้วยความสงสัยพร้อมกับยกแขนขึ้นและก้มหน้าลงไปสูดกลิ่นแล้วพูดพึมพำเบาๆ ก็ไม่เหม็นเท่าไหร่นี่นา นายประพจน์ถอนใจออกมาเบาๆด้วยความระอากับความทะเล้นของลูกน้อง ก่อนอธิบาย ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่วันนี้คุณต้องเข้าร่วมประชุมด้วย ดังนั้นรีบกลับบ้าน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมให้เวลาสองชั่วโมง สั่งเสร็จนายประพจน์ส่งกล่องดีวีดีคืนให้และเดินออกจากห้องไป ส่วนจิรายุสพอรู้ว่าจะต้องเข้าร่วมการประชุมจึงรีบรวบรวมเอกสารทุกชิ้นเกี่ยวกับงานไม่ว่าจะเป็นไฟล์ภาพยนต์โฆษณา หรือภาพที่เตรียมไว้สำหรับการทำโปสเตอร์ เมื่อตรวจทานจนแน่ใจว่าทุกอย่างครบถ้วนแล้วเขาจึงคว้ากระเป๋าเดินออกจากบริษัท ขึ้นรถไฟฟ้ากลับไปที่คอนโด ใช้เวลาในการอาบน้ำ แต่งตัวไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็กลับมาที่บริษัทอีกครั้งและตรวจงานที่จะนำเสนออีกรอบก่อนเข้าห้องประชุม ตอนแรกจิรายุสคิดผู้เข้าร่วมประชุมคงมีแต่คุณพีระ ผู้บริหารระดับสูงกับพนักงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่พอเห็นชาวต่างชาติที่ได้รับการแนะนำว่าเป็นตัวแทนบริษัทจิวเวอรี่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาก็เกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอย่างปุบปับ เพราะทุกครั้ง เขาทำเพียงเสนองานให้เจ้านายและผู้บริหารระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้น นับเป็นครั้งแรกที่มีผู้ว่าจ้างร่วมประชุมอยู่ด้วย โฆษณาชุด อัญมณีแห่งหิมพานต์ คือหัวข้อแรกของการประชุม นายพีระได้กล่าวถึงรายละเอียดเบื้องต้นก่อนเชิญให้จิรายุสเปิดภาพยนต์ที่เพิ่งทำเสร็จให้ทุกคนได้ชม ตอนแรกตัวแทนบริษัทจิวเวอรี่มีสีหน้าเฉยเมยเหมือนไม่เชื่อถือฝีมือของคนทำที่เป็นเพียงคนหนุ่มอายุน้อยหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์เท่าใดนัก แต่พอภาพของมุกมณีปรากฏขึ้นบนจอ ทุกคนต่างพากันนั่งเงียบกริบ ดวงตาทุกคู่จับจ้องความงดงามของภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง แม้จะจบไปนานแล้วทั้งหมดก็ยังคงนั่งอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น กระทั่งตัวแทนบริษัทจิวเวอรี่ซึ่งได้สติเป็นคนแรกปรบมือพร้อมกับเอ่ยปากชม ยอดเยี่ยม เป็นโฆษณาที่วิเศษที่สุด เขาหันไปทางนายพีระ ภาพสวย เพลงประกอบก็ลงตัวผมพอใจกับงานชิ้นนี้มาก เขากล่าวคำชมอีกยาวยืดก่อนรับไฟล์งานเพื่อนำไปให้บริษัทแม่ดูอีกครั้ง หลังจากเจรจาเรื่องข้อตกลงพร้อมกับวางแผนงานโฆษณาชิ้นใหม่ให้นายพีระแล้ว ตัวแทนบริษัทผู้นั้นจึงขอตัวกลับ จากนั้นทั้งหมดจึงนำเสนองานชิ้นต่อไปซึ่งมีทั้งการถ่ายภาพยนต์โฆษณาและการจัดอีเวนท์ติดต่อกันถึงห้างาน สำหรับการประชุมในครั้งนี้ค่อนข้างเคร่งเครียดเพราะแต่ละงานจัดอย่างกระชั้นกันมากจนต้องมีการนำเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานออกไปช่วย และแน่นอนว่าจิรายุสก็เป็นหนึ่งในนั้น เลยเวลาเที่ยงไปเกือบครึ่งชั่วโมงการประชุมจึงจบลง เพื่อฉลองความสำเร็จและเป็นการขอบคุณ นายพีระสั่งอาหารญี่ปุ่นจากร้านดังย่านสุขุมวิทมาเลี้ยงพนักงานทุกคน เมื่ออิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้าแล้วทั้งหมดจึงเริ่มลงมือทำงานต่อ ยกเว้นจิรายุสซึ่งได้รับอนุญาตให้กลับบ้านพักผ่อนอย่างเต็มที่หนึ่งวัน ซึ่งชายหนุ่มยอมปฏิบัติตามด้วยความยินดี ทันทีที่ถึงคอนโด สิ่งแรกที่จิรายุสทำก็คือทิ้งตัวลงบนเตียงและหลับไปทั้งชุดทำงาน การพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มทำให้เช้าวันต่อมา จิรายุสลืมตาตื่นด้วยความแจ่มใส หลังจากประกอบกิจวัตรประจำวันตามปรกติและรับประทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยเขาจึงเดินทางไปทำงาน เมื่อไปถึงชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจที่เห็นนายประพจน์กำลังเดินวนไปมาเหมือนหนูติดจั่น พอเห็นจิรายุสเท่านั้นเขาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับปรี่เข้ามาหา มาแล้วเหรอเต่า ครับจิรายุสรับคำด้วยความงุนงง เพราะสีหน้าท่าทางของหัวหน้าแผนกในวันนี้ดูหลุกหลิกผิดไปจากทุกวัน ความสงสัยทำให้เขาหลุดปากถามออกไปโดยไม่รู้ตัว มีอะไรหรือเปล่าครับพี่พจน์ ก็มีนะสิ นายประพจน์ตอบพร้อมกับถอนใจออกมาอย่างแรงก่อนเดินย้อนกลับไปหยิบแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะ จำงานชิ้นนี้ได้หรือเปล่า ถามพลางยื่นแฟ้มส่งให้จิรายุส เขาเปิดดูรายละเอียดภายในแล้วขมวดคิ้ว โฆษณาครีมกันแดด แต่ผมไม่ได้เป็นคนดูแลงานชิ้นนี้ เขามองหัวหน้าและชะงักคำพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเคาะโต๊ะอย่างกระวนกระวายใจ ทำไมหรือครับ นางแบบคือคุณมุกมณี นายประพจน์ตอบพร้อมกับระบายลมหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ จิรายุสปิดแฟ้มก่อนส่งคืนให้หัวหน้า เธอมีปัญหาอะไรหรือครับ นายประพจน์สั่นศีรษะ เปล่า ปัญหาอยู่ที่ช่างภาพของเราต่างหาก เขาพูดพลางขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น ผมเพิ่งได้ข่าวว่าสัญชัยเข้าโรงพยาบาล พี่สัญเป็นอะไรหรือครับ จิรายุสถามด้วยความตระหนก เพราะนับตั้งแต่ทำงานกับบริษัทนี้ นอกจากอาการเมาค้างแล้ว ช่างภาพที่ชื่อสัญชัยไม่เคยป่วยจนเข้าโรงพยาบาลเลยสักครั้ง นายประพจน์ถอนใจออกมาอีกครั้งก่อนตอบ ผมเองก็ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก แต่เท่าที่ได้ยิน ดูเหมือนเขาจะติดเชื้ออะไรบางอย่างทำให้เกิดแผลพุพองทั้งตัว แบบนี้ก็แย่สิครับ จิรายุสพึมพำ เพราะนอกบริษัทนี้มีแค่สัญชัยเท่านั้น ที่ทำหน้าที่เป็นช่างถ่ายภาพ นายประพจน์พยักหน้ารับ ใช่ แย่ แต่ยังดีที่เรามีช่างภาพสำรองอยู่อีกคน ไม่พูดเปล่า หัวหน้าคนเก่งยังชำเลืองตามาทางจิรายุส การมองอย่างมีเลศนัยทำให้เขานึกสังหรณ์ใจบางอย่างขึ้นมาในทันที อย่าบอกนะครับว่า... ถูกต้องแล้วเต่า นับแต่นี้เป็นต้นไปคุณต้องรับหน้าที่เป็นช่างภาพไปจนกว่าสัญชัยจะกลับมาทำงานได้ ถึงจะชอบการถ่ายรูปมากแค่ไหน แต่จิรายุสก็ไม่เคยคิดที่จะทำหน้าที่เป็นช่างภาพ เพราะเขาคิดว่าตัวเองยังไม่เก่งจนถึงขั้นนั้น ที่สำคัญเขามีความสุขกับงานที่ทำในตอนนี้มากกว่า การได้รับมอบหมายอย่างกะทันหันทำให้ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ "แต่ผม อย่าปฏิเสธ นายประพจน์ดักคออย่างรู้ทัน จากที่พวกเราเห็น ฝีมือคุณดีไม่แพ้สัญชัย บางทีอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ อัญมณีแห่งหิมพานต์เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดี ดังนั้น เขาเว้นระยะคำพูดเล็กน้อยก่อนยื่นแฟ้มส่งให้จิรายุส เรานัดคุณมุกมณีไว้วันนี้ บ่ายโมงตรง แต่ผมยังมีงานที่ต้องทำ จิรายุสแย้งไม่เต็มเสียง นายประพจน์จึงตบไหล่เขาสองสามครั้ง ผมจะให้คนอื่นทำแทน ตอนนี้คุณเอาแผนงานไปนั่งอ่านและเตรียมตัวให้พร้อม อย่าให้คุณมุกมณีต้องอารมณ์เสียอย่างเด็ดขาด เข้าใจไหม เมื่อไม่มีทางปฏิเสธจิรายุสจึงจำต้องผงกศีรษะพร้อมกับกล่าวรับคำ ครับ นายประพจน์ส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับตบบ่าอีกครั้งเหมือนเป็นการให้กำลังใจก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องทำงาน จิรายุสยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ชั่วอึดใจก่อนไปนั่งที่โต๊ะ จากนั้นจึงเริ่มอ่านแผนงานทั้งหมดอย่างละเอียด เมื่อเข้าใจดีแล้วเขาจึงเริ่มร่างแบบคร่าวๆที่จะต้องใช้ลงสมุดกระทั่งถึงเวลาเที่ยงวัน หลังจากรับประทานแล้ว ชายหนุ่มจึงตรงดิ่งไปยังห้องสตูดิโอเพื่อตรวจเช็คอุปกรณ์ทั้งหมด เพื่อให้พร้อมสำหรับนางแบบสาว มุกมณี */*/*/*/*/* รักละไม ไอทะเล บทที่ 2 มุกมณี (2)
เธอมองช่อแก้วตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและส่งยิ้มให้อย่างดูแคลน อีกฝ่ายโกรธจนตัวสั่นและตรงรี่เข้าไปตบแก้วน้ำส้มในมือมุกมณีจนหกกระจาย เย็นตาโฟยืนตกตะลึงตาค้างในขณะที่รัศมีฟ้าส่งเสียงอุทานพร้อมกับมองคราบสีเหลืองที่เปรอะเปื้อนบนชุดของเพื่อนนางแบบสาวด้วยความตระหนก ส่วนช่อแก้วเชิดหน้าขึ้นอย่างสะใจ คราบน้ำส้มมันยังล้างออก แต่คราบอย่างอื่นมันจะติดอยู่กับเธอไปจนวันตาย หญิงสาวกระแทกเสียงในประโยคสุดท้ายก่อนสะบัดหน้าเดินจากไป มุกมณีซึ่งยังคงยืนอยู่ในท่าเดิมจึงพูดขึ้น คงเปื้อนคราบแบบนี้มาแล้วสินะ ถึงได้รู้ดี ช่อแก้วหยุดชะงักและหมุนตัวกลับหันมามองทันที ว่าไงนะ ไม่ต้องมอง มุกมณีก็รู้ว่าเวลานี้หน้าตาของช่อแก้วคงบูดเบี้ยวไม่ต่างไปจากยักษ์ เธออมยิ้มมุมปากอย่างนึกขันก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ฉันพูดว่า เธอหันหน้าไปประจันกับช่อแก้ว มีแต่คนที่เคยโดนมาแล้วเท่านั้น ที่รู้เรื่องคราบแบบนี้ดี ช่อแก้วกรีดร้องดังลั่นและชี้หน้านางแบบสาวชื่อดังด้วยความโกรธ นังมุก ! หล่อนปรี่เข้าไปหามุกมณีหมายจะตบให้หนำใจแต่เย็นตาโฟแกล้งยื่นขาออกมาขัด ช่อแก้วจึงสะดุดล้มหน้ากระแทกพื้น ตายแล้วคุณช่อแก้ว เจ็บมากมั้ยคะ เกย์หนุ่มแกล้งถามและปิดปากหัวเราะคิกคักเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น จมูกย่นลงไปเยอะเลย แบบนี้ต้องรีบไปศัลย์อย่างด่วน ไม่งั้นมีหวังขายไม่ออก ช่อแก้วเม้มปากแน่นก่อนลุกขึ้นและขยับเตรียมจะด่าเย็นตาโฟแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงใครคนหนึ่งเอ่ยเรียก แก้ว ชายหนุ่มหน้าตาดีในเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจก้าวเข้ามา เขามองทุกคนด้วยดวงตาฉงนก่อนจะไปหยุดที่รัศมีฟ้ากับมุกมณี ด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่เธออาละวาดไปเมื่อครู่ ช่อแก้วจึงรีบส่งยิ้มหวานให้ พี่สันต์ หล่อนเรียกด้วยความดีใจพร้อมกับถลาเข้าไปคล้องแขนและเอียงหน้าซบ วันนี้ทำไมมาเร็วจังคะ เสียงออดอ้อนฉอเลาะจนเย็นตาโฟแอบทำหน้าเหมือนอยากจะอาเจียน นายตำรวจหนุ่มยิ้ม ประชุมเสร็จเร็วน่ะครับ เขาก้มลงมองช่อแก้วแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกับตอนออกจากบ้าน งานเลิกแล้วเหรอครับ ค่ะ ช่อแก้วตอบ นายตำรวจหนุ่มจึงยิ้ม งั้นเราไปหาอะไรทานกันก่อนดีไหมครับ เขาเสนอเพราะรู้ดีว่าตั้งแต่เช้า นอกจากน้ำเต้าหู้เพียงแก้วเดียวแล้ว ช่อแก้วยังไม่ได้กินอะไรเลย แต่หญิงสาวกลับสั่นศีรษะ แก้วมีเดินแบบอีกงาน ขืนกินอะไรเข้าไปมีหวังท้องป่องขายหน้าเขาตาย นายตำรวจหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความเป็นห่วง แต่เพราะไม่อยากขัดใจหญิงสาวเขาจึงผงกศีรษะ งั้นก็ตามใจ เขานิ่งไปเล็กน้อยก่อนพูดพึมพำ แต่ผมไม่อยากให้คุณท้องว่าง เอาอย่างนี้ เราไปหาอะไรดื่มกันก่อนดีไหม อย่างพวกโกโก้ร้อนหรืออะไรทำนองนั้น แน่นอนว่านางแบบหุ่นดีอย่างช่อแก้วย่อมไม่ชอบเครื่องดื่มน้ำตาลสูงอย่างที่คนรักเสนอ แต่ความที่อยากจะออกไปให้พ้นจากที่นั่นเร็วๆ เธอจึงพยักหน้ารับ ก็ดีค่ะ หญิงสาวทำเป็นปรายตามองไปทางมุกมณีทำนองเยาะ ไปกันเถอะ นายตำรวจหนุ่มหันไปส่งยิ้มพร้อมกับกล่าวคำอำลาต่อมุกมณีและรัศมีฟ้า ก่อนพาช่อแก้วออกจากงาน เมื่อทั้งสองพ้นห้องไปแล้วเย็นตาโฟซึ่งยืนคันปากมานานจึงโพล่งขึ้น หมั่นไส้ มีแฟนเป็นตำรวจหน่อยทำเป็นยืด รัศมีฟ้าหัวเราะเบาๆ ช่างเขาเถอะค่ะพี่โฟ อย่างน้อยคุณสันติก็ทำให้ช่อแก้วสงบสติอารมณ์ลงได้ คุณสันติที่เธอพูดถึงคือ ร้อยตำรวจเอกสันติ พิทักษ์ธรรมอภิบาล แฟนหนุ่มของช่อแก้วที่คบหากันมากว่าสามปี เย็นตาโฟกระแทกลมหายใจฮึดฮัด พร้อมกับบ่น แต่พี่ว่าหล่อนดัดจริตมากกว่า คนอะไรจะสงบได้เร็วขาดนั้น เขาย่นจมูก อยากให้พ่อรูปหล่อนั่นมาเห็นตอนหล่อนอาละวาดจัง จะได้รู้ว่านิสัยจริงๆของยายนี่เป็นยังไง ประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับมุกมณี แต่หญิงสาวกลับไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์อะไรตอบกลับมานอกจากพูดสั้นๆ มุกหิว ไปหาอะไรกินกันเถอะ เดี๋ยวก็ต้องเดินแบบอีกงาน อย่าเพิ่งทานอะไรดีกว่าค่ะมุก รัศมีฟ้าปรามแต่นางแบบสาวกลับยิ้ม มุกเป็นพวกระบบอาหารเผาผลาญเร็วค่ะ พูดจบก็เดินออกไปทันที เย็นตาโฟหันไปส่งยิ้มให้กับนางแบบทุกคนก่อนวิ่งตาม เสียงใครคนหนึ่งเปรยขึ้นมา สองคนนี่ดูยังไงก็เหมือนราชินีกับนางทาส รัศมีฟ้านิ่วหน้าอย่างไม่พอใจก่อนจะหันไปมองหน้าคนพูด พี่โฟกับมุกเป็นพี่ชายกับน้องสาวที่รักกันมากต่างหาก เธอเลื่อนสายตากลับไปยังคนทั้งสองอีกครั้งก่อนพูดพึมพำ เป็นคู่ที่ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่มีวันแยกจากกัน มุกมณีเดินออกจากสถานที่จัดงานข้ามถนนไปยังโรงแรมฝั่งตรงกันข้าม และตรงดิ่งไปยังห้องอาหารซึ่งบริการลูกค้าแบบบุพเฟต์ ซึ่งหลากหลายไปด้วยอาหารนานาชนิด โดยเฉพาะของสดจำพวกกุ้ง หอย ปู ปลา สิ่งแรกที่มุกมณีเลือกคือกุ้งทะเลกับปลาเก๋าตัวใหญ่ เมื่อได้ขนาดที่พอใจแล้วเธอจึงส่งให้พนักงานนำไปปรุง จากนั้นจึงเดินเลือกอาหารอื่นไปนั่งรับประทาน กินเยอะแบบนี้ระวังจะใส่ชุดไม่ลงนะ เย็นตาโฟพูดเมื่อเห็นอาหารที่วางจนเต็มโต๊ะ มุกมณียักไหล่พลางใช้ตะเกียบคีบปลาดิบชิ้นใหญ่ใส่ปากเคี้ยวอย่างไม่สนใจ พี่โฟไม่ทานอะไรเหรอคะ เธอถามเมื่อเห็นช่างแต่งหน้าหนุ่มนั่งนิ่งไม่ยอมขยับ เขามองกองอาหารตรงหน้าก่อนเบะปาก เห็นที่มุกหยิบมาพี่ก็กินอะไรไม่ลงแล้วละ งั้นก็ตามใจ ไม่พูดเปล่า นางแบบสาวยังคีบปลาดิบอีกชิ้นส่งเข้าปากเหมือนจะยั่ว เย็นตาโฟกลืนน้ำลายลงคอด้วยความอยากกินแต่ก็ยังทำเป็นนิ่งเฉย แต่พอพนักงานนำจานกุ้งย่างปลาเผามาวาง กลิ่นหอมยั่วยวนชวนน้ำลายไหลทำให้มาดที่อุตส่าห์วางไว้ก็ระเบิดกระจาย เย็นตาโฟลุกขึ้นไปเลือกอาหารทันที ไม่ถึงอึดใจโต๊ะที่ทั้งสองคนนั่งก็เต็มไปด้วยของกินนานาชนิด และหมดเรียบภายในเวลาไม่นาน อร่อยจัง เย็นตาโฟพูดพลางลูบพุงของตัวเอง มุกมณีวางกาแฟที่เธอกำลังดื่มลง ไหนทีแรกบอกว่าไม่กิน พี่บอกว่ากินไม่ลงต่างหาก เย็นตาโฟแก้พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เหลือเวลาอีกสองชั่วโมง ไปกันได้แล้วละมุก หญิงสาวผงกศีรษะและเปิดกระเป๋า แต่เย็นตาโฟร้องห้าม มื้อนี้พี่เลี้ยง พูดพลางยกมือขึ้นโบกเรียกพนักงาน เมื่อชำระค่าอาหารแล้วทั้งสองจึงเดินย้อนกลับไปยังโรงแรมที่จัดงานอีกครั้งและตรงไปยังที่จอดรถ ตอนแรกเย็นตาโฟบอกให้มุกมณียืนรอ เขาจะขับมารับแต่นางแบบสาวปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าเป็นการเดินเพื่อย่อยอาหาร เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยแล้วทั้งคู่จึงเดินทางไปยังสถานที่จัดงานการกุศล ซึ่งแม้จะต้องพบกับช่อแก้ว แต่เพราะมีนายตำรวจหนุ่มอยู่ด้วย หล่อนจึงไม่กล้าแสดงกิริยาอะไรออกมา เมื่องานเลิกและแวะรับประทานอาหารมื้อดึกกับเย็นตาโฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงกลับคอนโดและทบทวนงานในวันต่อไป จากนั้นจึงเข้านอน ความเหน็ดเหนื่อยทำให้นางแบบสาวหลับสนิทลงอย่างรวดเร็ว */*/*/*/*/* รักละไม ไอทะเล บทที่ 2 มุกมณี
บทที่ 2 มุกมณี รถยนต์สีแดงเพลิงเร่งความเร็วเมื่อคนขับเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากเขียวมาเป็นเหลือง ท้ายรถผ่านพ้นสี่แยกเมื่อไฟเปลี่ยนสีพอดี ถึงจะไม่ใช่เป็นการฝ่าสัญญาณไฟแดงแต่การได้ทำอะไรอย่างเฉียดฉิวท้าทายแบบนี้สร้างความภาคภูมิใจต่อคนขับเป็นอย่างมาก เย็นตาโฟส่งเสียงร้องดังลั่นอย่างถูกใจที่สามารถหลุดรอดจากสี่แยกมหากาฬมาได้โดยไม่ติดไฟแดง รถคันงามเลี้ยวเข้าซอยขนาดเล็กซึ่งเป็นทางลัดสู่ถนนสายเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา จุดหมายของช่างแต่งหน้าหนุ่มผู้นี้คือโรงแรมห้าดาวอันเป็นสถานที่จัดงานแสดงแฟชั่นโชว์ของร้านเสื้อชื่อดัง แน่นอนว่ามุกมณีได้รับการติดต่อไปให้ร่วมงานในครั้งนี้ด้วย กำหนดงานคือเวลา 14.30 น. แต่เพราะคืนที่ผ่านมามุกมณีต้องไปถ่ายแบบโฆษณาให้กับเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง กว่าจะเรียบร้อยเวลาก็ผ่านไปจนถึงสองนาฬิกาของวันใหม่ เย็นตาโฟจึงแน่ใจว่าตอนนี้เธอคงยังไม่ตื่น สายตาชำเลืองดูนาฬิกาหน้ารถ เขาถอนใจออกมาเมื่อเห็นว่ามันเลยเวลาเที่ยงมาเล็กน้อย หากรอให้นางแบบสาวตื่นและเดินทางออกจากคอนโดเองคงไม่ทันเวลางาน ครั้นจะโทร.ไปปลุกก็กลัวมุกมณีโกรธ เขาจึงตัดสินใจปล่อยให้เธอนอนพักอย่างสบาย เมื่อได้เวลาจึงขับรถไปรับหญิงสาวด้วยตัวเอง เนื่องจากสถานที่จัดงานกับที่พักของหญิงสาวอยู่บนถนนสายเดียวกัน เย็นตาโฟจึงเลี้ยวรถเข้าซอยย่อยที่ตัดเข้าสู่คอนโดของมุกมณี ชายหนุ่มกดปุ่มลดระดับเสียงเพลงก่อนหยิบสมาร์ตโฟนมากดหมายเลขมือถือของนางแบบสาว รออยู่ชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงอู้อี้เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนรับสาย ยังไม่ตื่นอีกเหรอจ๊ะหนูมุก เขาถามและหัวเราะชอบอกชอบใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบเชิงประชด พี่รู้ว่าเมื่อคืนมุกทำงานดึก แต่วันนี้เรามีงานแฟชั่นโชว์บ่ายสองจำได้หรือเปล่า ชายหนุ่มนิ่งฟังปลายสายบ่นพึมพำราวกับหมีกินผึ้งและรีบพูดทันทีเมื่อหญิงสาวหยุด ไม่ได้ แฟชั่นวันนี้เป็นงานของห้องเสื้อระดับโลก จะเหลือแต่ซากยังไงมุกก็ต้องลากสังขารไปให้ได้ ไม่ต้องห่วง พี่รู้ว่ามุกขี้เกียจขับรถ ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอีกสิบนาทีพี่เข้าไปรับ เสียงมุกมณีรับคำก่อนวางสาย เย็นตาโฟจึงวางโทรศัพท์และหันไปให้ความสนใจกับการขับรถตามเดิม ช่วงเที่ยงของวันธรรมดาแบบนี้การจราจรไม่คล่องตัวนัก แม้จะอยู่ห่างจากคอนโดของมุกมณีไม่ถึงสองกิโล แต่กว่าจะฝ่าฟันรถยนต์ที่คับคั่งและหลุดจากไฟแดงไปได้ ก็กินเวลาไปไม่ใช่น้อย ระหว่างติดสัญญาณไฟ เย็นตาโฟนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ลงท้ายก็วกกลับมาที่เรื่องของเขากับมุกมณี จะเป็นเพราะโชคดีหรือเหตุบังเอิญก็สุดจะเดาที่เขาได้เป็นช่างแต่งหน้าประจำตัวของนางแบบสาวชื่อดังคนนี้ ช่างแต่งหน้า เย็นตาโฟระบายลมหายใจยาวๆพลางย้อนนึกถึงอดีตครั้งเมื่อยังเป็นเด็ก ครอบครัวของเขาอยู่ต่างจังหวัด มีพี่สาวอยู่สี่คน ตัวเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแต่คำพูดคำจากลับออกแนวกระตุ้งกระติ้งผิดวิสัยเด็กในวยเดียวกัน จะบอกว่ามันอาจจะเป็นเพราะที่บ้านมีแต่ผู้หญิงก็ไม่ถูกนัก เพราะทุกอย่างมาจากความรู้สึกของเขา ไม่ว่าจะเป็นความรักสวยรักงาม ชอบการแต่งตัว เรียกได้ว่ามันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เขาเริ่มจำความได้ อาการเริ่มแรกก็แค่แอบหยิบลิปสติกของแม่ทาปากเล่น ตอนนั้นทุกคนเห็นเป็นเรื่องขำขันแต่พอเย็นตาโฟหยิบเสื้อผ้าพี่สาวและแต่งหน้าเขียนคิ้ว ก็ถูกพ่อจับเฆี่ยนจนหลังลาย นับแต่นั้นเขาจึงไม่กล้าแสดงอะไรออกมาอีกเลยจนกระทั่งเข้าสู่ชั้นมัธยม ถึงจะมีรูปร่างค่อนไปทางท้วมแต่ความที่มีหน้าตาหล่อเหลา ทำให้สาวๆมาชอบมากพอดู แต่เย็นตาโฟไม่สนใจใครเลยสักนิด ไม่ชอบแม้กระทั่งนิตรสารปลุกใจเสือป่าที่เพื่อนผู้ชายชอบจับกลุ่มดูกันในห้องน้ำ ตรงกันข้ามเขาจะใจเต้น หน้าร้อนผ่าวเวลาเจอหัวหน้าทีมฟุตบอลสุดหล่อประจำโรงเรียน และพูดอะไรไม่ออกทันทีที่ได้อยู่ใกล้ ถึงอย่างนั้นเย็นตาโฟก็ยังไม่กล้าแสดงอะไรออกมาเพราะรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องผิดปรกติ และเป็นสิ่งน่าอาย เย็นตาโฟสับสนกับตัวเองอยู่นานจนเห็นการ์ตูนและนิยายแนวยาโออิหรือชายรักชายที่เพื่อนนักเรียนหญิงขอบอ่าน ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มเริ่มรู้จักกับคำว่าเพศที่สามและเส้นทางสายสีม่วง และแน่ใจว่าเขาไม่ใช่กระเทย เพราะถึงจะชอบเพศเดียวกัน รักความสะอาดและการแต่งตัว แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยนึกอยากจะเป็นผู้หญิง ถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เย็นตาโฟก็ยังไม่กล้าแสดงออกกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัยและเริ่มหางานทำ แต่ก็อยู่ที่ไหนได้ไม่นานเพราะพอคนในบริษัทรู้ว่าเขาเป็นเกย์ก็จะตั้งข้อรังเกียจและหาเรื่องแกล้งจนเขาทนไม่ไหว ต้องลาออกในที่สุด เมื่อทำงานที่ไหนไม่ได้ เย็นตาโฟจึงหันไปเรียนด้านการแต่งหน้า และรับงานไปทั่วตั้งแต่นางรำวงงานวัดไปจนถึงประกวดเทพีประจำจังหวัด ระหว่างนั้นก็ไปสมัครเข้าทำงานกับบริษัทโมเดลลิ่งรวมไปถึงกองถ่ายทำภาพยนต์ แต่ก็พลาดทั้งหมดเพราะเขาไม่มีเส้นมีสายเหมือนคนอื่น การพลาดงานหลายครั้งไม่ได้ทำให้เย็นตาโฟท้อ ตรงกันข้ามเขากลับมีความมุมานะมากยิ่งขึ้น เริ่มแรกชายหนุ่มปรับปรุงบุคลิกของตัวเองให้เด่นและแรง เปลี่ยนชื่อใหม่จากพิภพ เป็นเย็นตาโฟ ด้วยเหตุผลว่ามันเป็นก๋วยเตี๋ยวที่มีสีจัดจ้านซ้ำเครื่องปรุงยังหลากหลายเหมือนสีสันของอายชาโดว์กับลิปสติก เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวทุกชิ้นถ้าไม่ขาวสะอาดทั้งชุด ก็จะเป็นสีสันสดใส โดดเด่นสะดุดตา จนบางครั้งมุกมณียังเหน็บเขาว่า เหมือนนกแก้วมาคอร์ ความพยายามของเขาทำให้มีงานเข้ามาบ้าง แต่ยังไม่มากพอจะเป็นอาชีพ กระทั่งเย็นตาโฟเข้าร่วมการประกวดนางแบบหน้าใหม่และได้จับคู่กับมุกมณี ฝีมือการแต่งหน้าที่เหนือชั้นกับคำแนะนำเรื่องเสื้อผ้าของเขา ทำให้หญิงสาวซึ่งหน้าตาสวยอยู่แล้วมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นประกอบกับท่วงท่าการเดินที่แสนสง่างามกับการไหวพริบที่ดีเลิศ ทำให้เธอชนะใจกรรมการทุกคน และก้าวเข้าสู่วงการนางแบบนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แน่นอนว่ามุกมณีมอบหน้าที่ให้เย็นตาโฟเป็นช่างแต่งหน้า และเป็นเสมือนผู้จัดการส่วนตัวของเธอด้วยกลายๆ ทั้งสองสนิทสนมกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะเกือบทุกที่ มุกมณีให้ความไว้วางใจและเคารพรักเขาเหมือนพี่ชายในขณะเดียวกันเย็นตาโฟก็รักและยินดีทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ ถึงบางครั้งจะโดนนางแบบสาวจิกใช้ราวนางทาสก็ตาม เย็นตาโฟยิ้มให้กับความคิดสุดท้าย ถึงมุกมณีจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่ถ้ารู้นิสัยและเข้าใจเธอดีแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากในการพูดคุยหรือติดต่อเธอไปร่วมงาน นางแบบสาวผู้นี้มีกฏเหล็กอยู่สามข้อคือ หนึ่ง ไม่สวมเสื้อผ้าหวือหวาล่อตาล่อใจโดยเฉพาะชุดว่ายน้ำ สองไม่รับงานโฆษณาสินค้าจำพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และข้อสามซึ่งสำคัญที่สุด เธอยินดีเดินทางไปถ่ายแบบทุกสถานที่ ยกเว้นชายทะเลหรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่อย่างทะเลสาปหรือแม่น้ำลำคลอง เพราะตอนเป็นเด็กเธอเคยถูกคลื่นพัดออกจากชายหาด โชคดีที่มีคนช่วยได้ทัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเธอถึงอาละวาดพังราวแขวนเสื้อในงานแฟนชั่นโชว์ เพราะก่อนทำสัญญา ทั้งเขาและเธอย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องไม่มีชุดว่ายน้ำ แต่พอเอาเข้าจริงเจ้าของงานกลับแอบปนชุดที่ว่านี้เข้าไปด้วย เหมือนเป็นการบังคับกลายๆ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะไม่เพียงโยนชุดทั้งหมดลงพื้นแล้ว มุกมณียังเดินเชิดออกจากงานกลางคัน ทิ้งให้นางแบบที่เหลือหัวปั่นกับการจัดลำดับคิวแฟชั่นใหม่ทั้งหมด และไม่สนด้วยว่าวันรุ่งขึ้นนักข่าวจะพาดหัวหน้าหนึ่งว่าอะไร เกย์หนุ่มหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานเมื่อนึกถึงหน้าของผู้จัดการงานที่ซีดจนเหลือไม่ถึงสองนิ้ว เพราะหัวใจของงานครั้งนั้นไม่ใช่ดารานักแสดงที่มากันอย่างคับคั่ง แต่เป็นมุกมณี นางแบบเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถดึงทุกสายตาผู้ร่วมงานทุกคน รถยนต์สีร้อนแรงชะลอความเร็วลงเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถของคอนโดหรู เย็นตาโฟหยิบกระเป๋าอุปกรณ์แต่งหน้าและยัดสมาร์ตโฟนใส่กางเกงก่อนเดินตรงไปยังลิฟต์ ห้องพักของมุกมณีอยู่บนชั้นที่ 25 ซึ่งเป็นห้องสวิทราคาแพงที่สุด เมื่อไปถึงเขาเคาะประตูด้วยจังหวะที่เป็นรหัสซึ่งรู้กันเพียงสองคน พอเห็นหน้าหญิงสาว เย็นตาโฟถึงกับเอามือทาบอกและร้องอุทานด้วยความตกใจ ตายแล้วมุก ทำไมหน้าเธอถึงได้มันแผลบเหมือนไปจุ่มในหม้อน้ำมันหมูมาแบบนี้ มาถึงก็โวยวายเลยนะ มุกมณีตอบพลางเดินไปหยิบกระดาษมาซับอย่างบรรจง มุกพอกครีมน่ะ ครีมอะไร ทำไมถึงเยิ้มขนาดนี้ มุกมณีชี้ไปที่กระปุกซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เย็นตาโฟหยิบขึ้นมาดูและเบ้ปากเมื่อพบว่ามันเป็นครีมยี่ห้อดังราคาแพงจากต่างประเทศ ครีมดีมันต้องซึมเข้าผิวสิ เขาบ่น หญิงสาวเลยเดินไปชี้ให้เขาอ่านรายละเอียด มันเป็นครีมอบไอน้ำค่ะพี่โฟ พูดจบเธอก็เดินหายเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นเย็นตาโฟจึงเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรมารองท้องเพราะตั้งแต่เช้านอกจากกาแฟแล้วเขายังไม่ได้กินอะไรเลย แต่พอเห็นสิ่งที่อยู่ในตู้ ชายหนุ่มก็อุทานออกมาด้วยความแปลกใจ โอ้โห นี่มันตู้เย็นนางแบบหรือซุปเปอร์มาเก็ตห้าง ทำไมของกินมันถึงได้เยอะแยะแบบนี้ เขามองชั้นเก็บของสดซึ่งมีทุกอย่างตั้งแต่หมู ไก่ ปลา กุ้ง โดยเฉพาะสองอย่างหลังมีมากที่สุด ส่วนช่องเก็บผักก็ถูกอัดแน่นไปด้วยผักเกือบทุกประเภท ตรงกลางก็เต็มไปด้วยเครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้และนมสด ไม่นับรวมของหวานอย่างเช่นช็อคโกแลตรสต่างๆที่กินพื้นที่ไปหนึ่งชั้นเต็มๆ มุกมณีซึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดหน้าพลางตอบ เวลากลับมาตอนกลางคืนมุกหิวนี่นา บางวันไม่มีงาน ขี้เกียจออกไปไหนก็นั่งทำอะไรกินเล่น เธอเป็นนางแบบ กินไม่บันยะบันยังแบบนี้มีหวังอ้วนตาย เย็นตาโฟติง หญิงสาวยักไหล่ ไม่มีทางหรอก มุกออกกำลังกายเป็นประจำ กินแค่ไหนก็ไม่อ้วน เธอเดินไปหยิบขนมปังแถว แฮมกับชีสแผ่นมาวางเหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหาอะไร ทำเผื่อมุกด้วย สั่งเสร็จก็เดินเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เย็นตาโฟจึงลงมือทำแซนวิชอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ลืมต้มกาแฟด้วย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย มุกมณีก็แต่งตัวเสร็จพอดี เธอมองแซนวิชที่ถูกหั่นไว้พอดีคำแล้วยิ้มอย่างถูกใจ แบบนี้ต้องให้พี่โฟมารับบ่อยๆ ไม่ไหวหรอก บ้านมุกกับบ้านพี่อยู่ห่างกันจะตาย เย็นตาโฟพูดพลางรินกาแฟส่งให้หญิงสาว อย่ามัวแต่พูด รีบกินจะได้รีบไป งานนี้ห้ามสายเด็ดขาด ยายช่อแก้วยิ่งอยากแย่งตำแหน่งเทพีประจำงานอยู่ด้วย ช่อแก้วที่เขาพูดถึงเป็นนางแบบในสังกัดเดียวกัน แต่มักหาเรื่องกลั่นแกล้งหรือแขวะเธอด้วยความอิจฉาอยู่ตลอดเวลา เทพีหน้าหงิกละไม่ว่า มุกมณีเหน็บอย่างไม่ใส่ใจนักพลางหยิบแซนวิชใส่ปากเคี้ยว เย็นตาโฟมองเธอแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา อย่าประมาท ความสวยเป็นสิ่งไม่คงทน เผลอหน่อยเดียวผิวก็เหี่ยวเหนียงยานเป็นคอนกกระทุงกันหมด มุกมณีหัวเราะลั่นด้วยความขบขัน วันนี้พี่โฟมาแปลก อยู่ๆก็แสดงธรรมให้ฟัง จะไปบวชชีหรือไงกันคะ เย็นตาโฟค้อนปะหลับปะเหลือก เราอุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดียังจะมาทำเป็นเล่นอีก ทีหลังไม่พูดอะไรให้ฟังแล้ว นางแบบสาวนั่งอมยิ้มไม่ตอบอะไรเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธจริงจังนัก เธอเอื้อมไปหยิบสมุดบันทึกตารางงานมาเปิดดูและย่นจมูกอย่างเบื่อหน่ายเมื่อพบว่าวันนี้เธอต้องไปเดินแบบถึงสองงาน และอีกงานก็เป็นการเดินการกุศลที่บรรดาคุณหญิงคุณนายจัดขึ้นเพื่อมูลนิธิอะไรบางอย่างที่เธอไม่สนใจจำ ต้องเดินแบบชุดไทยด้วย มุกมณีบ่นอุบ เย็นตาโฟซึ่งกำลังละเลียดแซนวิชอย่างเอร็ดอร่อยจึงอธิบาย งานนี้เป็นชุดไทยประยุกต์ ได้ยินมาว่าคนออกแบบเป็นลูกคุณหญิงที่จบดีไซเนอร์มาจากเมืองนอก เครื่องทรงคงอลังการงานสร้างน่าดู นางแบบสาวผงกศีรษะแต่ไม่พุดอะไร เธอดูงานล่วงหน้าอีกสองวันเพื่อจะได้เตรียมตัวถูกจากนั้นจึงวางสมุดและยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ไปกันหรือยังพี่โฟ แหม พออิ่มก็จะไปทันทีเลยนะ เย็นตาโฟบ่นพร้อมกับคว้าแซนวิชชิ้นสุดท้ายเข้าปาก แต่พอจะหยิบถ้วยไปล้าง มุกมณีก็ห้าม ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวมุกจัดการเอง พูดจบก็เดินนำออกจากห้อง เย็นตาโฟจึงรีบคว้าประเป๋าเครื่องสำอางก้าวตาม จากนั้นทั้งคู่จึงออกเดินทางไปยังสถานที่จัดงานภายในโรงแรมระดับห้าดาวซึ่งอยู่ใจกลางเมือง จอดรถเรียบร้อยทั้งเย็นตาโฟและมุกมณีจึงเข้าไปในงานพร้อมกัน ทันทีที่ก้าวไปในส่วนของนางแบบ เสียงใครคนหนึ่งก็ร้องเรียก มุก หญิงสาวหันไปส่งยิ้มหวานให้กับคนทักพร้อมกับเอ่ยชื่อ คุณฟ้า เธอเดินเข้าไปหาเพื่อนนางแบบด้วยกัน ซึ่งตอนนี้แต่งหน้าทำผมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาถึงนานแล้วเหรอคะ ก็พักใหญ่แล้วละจ้ะ ว่าแต่มุกเถอะทำไมมาเอาป่านนี้ งานใกล้จะเริ่มแล้วเดี๋ยวแต่งตัวไม่ทันหรอก ระหว่างสนทนา นางแบบอีกหลายคนรวมทั้งเจ้าของงานต่างเดินเข้ามาทักและแนะนำให้เธอรีบแต่งตัว หญิงสาวรับคำพลางมองหาราวแขวนเสื้อส่วนของเธอ แต่ในระหว่างที่กำลังอ่านป้ายชื่ออยู่นั้นเองเสียงใครบางคนก็ดังขึ้น เป็นคนดังนี่ดีจังเลยนะ มาสายยังไงก็ไม่โดนว่า ช่อแก้ว นางแบบสาวในชุดลำลองสีฟ้าสดเปรยโดยตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน เย็นตาโฟหันขวับเพื่อจะโต้แต่คำพูดชะงักค้างอยู่ในปากเมื่อมุกมณียื่นมือมาสะกิด ช่วยไม่ได้ นางแบบสาวพูดขึ้นมาลอยๆ จะทำบ้างก็ได้นะ แต่คงยากหน่อยเพราะยังไม่มีใครจำชื่อได้ คำยอกย้อนอย่างเจ็บแสบทำให้ช่อแก้วเต้นเร่าๆ หล่อนชี้หน้าอีกฝ่ายพร้อมกับแผดเสียงลั่น มันจะมากไปแล้วนะนังมุกมณี เธอก้าวพรวดเข้าไปหาหมายปะทะคารมให้หนำใจ สงครามระหว่างมุกมณีกับช่อแก้วคงบานปลายมากกว่านั้นถ้าผู้จัดงานไม่เข้ามาห้ามเสียก่อน พอเถอะครับคุณช่อแก้ว เกิดนักข่าวเข้ามาเห็นจะไม่ดีต่อภาพพจน์ของคุณนะครับ เขาเตือนอย่างสุภาพเมื่อเห็นหญิงสาวยอมสงบลงและสะบัดหน้าเดินจากไปแล้วจึงหันไปกล่าวกับมุกมณีด้วยท่าทางสุภาพมากขึ้น ชุดของคุณมุกมณีอยู่ด้านนี้ครับ เขาเดินนำไปยังห้องพักของโรงแรมที่เปิดให้นางแบบสาวโดยเฉพาะ จากนั้นเย็นตาโฟตรวจเสื้อผ้าทุกชุดจนเข้าใจว่าควรใช้สีสันแบบไหนจึงจะเหมาะสมจากนั้นจึงเริ่มลงมือทำผมแต่งหน้า เสร็จเรียบร้อยแล้วมุกมณีจึงสวมชุดตามลำดังหมายเลขที่กำกับไว้ การเดินในสามชุดแรกเป็นเครื่องแต่งกายลำลอง เหมาะสำหรับสวมใส่หน้าร้อน คนแรกที่ก้าวขึ้นเวทีคือช่อแก้ว แม้จะได้รับเสียงปรบมือบ้างแต่ก็เป็นไปตามมารยาท ผู้ร่วมงานรวมถึงนักข่าวให้ความสนใจกับเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่เท่านั้น เช่นเดียวกับนางแบบอีกสองคนที่ตามมารวมถึงรัศมีฟ้า การเดินแบบดำเนินไปอย่างเรียบเรื่อยกระทั่งมุกมณีปรากฏตัวขึ้น ทันทีที่ก้าวขึ้นเวทีบรรดาผู้ชมต่างฮือฮากันอย่างตื่นเต้นปละพร้อมใจกันปรบมือกันสนั่นจนดังออกไปนอกห้อง แสงแฟลชจากกล้องของนักข่าวกะพริบวูบวาบไม่เว้นแม้ผู้ชมที่ยกสมาร์ตโฟนขึ้นบันทึกภาพของเธอกันเป็นระวิง การเยื้องย่างอย่างกระฉับกระเฉงของนางแบบสาวเพิ่มเสน่ห์ให้กับชุดที่สวมใส่จนแขกร่วมงานหลายคนเปรยเบาๆว่าคงต้องซื้อมาใส่บ้าง เมื่อชุดลำลองโชว์ครบแล้ว เสื้อผ้าลำดับต่อไปคือชุดราตรี ซึ่งช่อแก้วปรากฏตัวเป็นคนแรกเช่นเดิม แต่ครั้งนี้เธอได้รับคำชมบ้างเล็กน้อยเพราะชุดเปิดไหล่สีเขียวปักเลื่อมที่เธอสวมใส่งดงามไม่มีที่ติ ในขณะที่ชุดของรัศมีฟ้าดูนุ่มนวล เน้นความเป็นสุภาพสตรี ส่วนชุดอื่นก็มีความสวยงามไม่น้อยหน้ากัน พอถึงคิวของมุกมณี ผู้ร่วมงานทุกคนต่างอ้าปากค้างตกตะลึง เพราะชุดแรกที่เธอสวมใส่เป็นชุดราตรีเกาะอกรัดรูปผ้ากำมะหยี่สีดำสนิท เผยให้เห็นผิวขาวกระจ่างเนียนนุ่ม ไหล่ข้างหนึ่งคล้องด้วยเชือกเส้นเล็กที่ถูกออกแบบคล้ายเถาวัลย์กำลังรัดเกี่ยวดอกไม้ที่ทำจากผ้าชนิดเดียวกัน ส่วนไหล่อีกข้างเปิดเปลือยอวดความกลมกลึง แต่ความน่าตะลึงไม่ได้จบเพียงแค่นั้นเมื่อเธอปรากฏตัวในชุดที่สอง หากครั้งแรกมุกมณีคือนางพญาผู้งดงามอย่างลึกลับ ชุดที่สองนี้กลับให้ความรู้สึกตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะสีแดงสดราวกลีบกุหลาบทำให้ดูเย้ายวนร้อนแรงดุจมายาไฟ แต่ละก้าวที่เยื้องย่างแทบทำให้เวทีลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง ชุดสุดท้ายของเธอตัดอารมณ์สองครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง เพราะชุดราตรีสีเขียวเหลือบทองที่ค่อนข้างรัดรูปเน้นเรือนร่างสะโอดสะองให้งามสง่าประหนึ่งราชินีผู้มาจากอดีตกาล แค่เดินก้าวแรก ผู้ชมต่างนั่งตัวแข็งไม่กล้าไหวติง จนเมื่อมุกมณีหมุนตัวตรงหน้าเวที บรรดานักข่าวจึงรู้สึกตัว แสงไฟวูบวาบจนตาพร่าขณะที่เสียงปรบมือดังกึกก้อง เมื่อเจ้าของงานออกมายืนท่ามกลางนางแบบ เขาก้มศีรษะพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณต่อผู้ร่วมงานทุกคนก่อนจะผายมือไปที่มุกมณีเป็นคนแรกและนิ่งในท่านั้นอยู่นานจากนั้นจึงกางแขนทั้งสองข้างออกแทนการขอบคุณนางแบบทุกคน เมื่อการเดินแบบเสร็จสิ้นลง มุกมณีจึงกลับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างนั้นบริการได้เข้ามาแจ้งว่าเจ้าของงานเชิญนางแบบทุกคนไปร่วมงานเลี้ยงขอบคุณในห้องจัดเลี้ยงที่เตรียมไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ แน่นอนว่าเธอไม่เต็มใจจะไปเท่าใดนักแต่เพราะคำเตือนของเย็นตาโฟเรื่องการเข้าสังคม หญิงสาวจึงจำเป็นต้องร่วมงาน ก้าวแรกที่เข้าไปในห้อง มุกมณีต้องพบกับความประหลาดใจเพราะทุกคนต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว ถึงจะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่หญิงสาวก็พอจะจับความหมายของการมองเหล่านั้น เพราะมันมีทั้งความชื่นชม ยินดีและริษยา ปะปนกัน มองอะไรกันนะแม่พวกนี้ เย็นตาโฟพึมพำอย่างหงุดหงิดพลางหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าว่านางแบบสาวไปทำอะไรเอาไว้บ้าง บรรดาเพื่อนๆถึงพร้อมใจกันมองด้วยสายตาแบบนี้ แต่เท่าที่นึกออก นอกจากช่อแก้วแล้วหญิงสาวก็ไม่ได้มีเรื่องกับใครทั้งนั้น ว่ากันตามจริงแล้วมุกมณีแทบไม่ได้พูดกับใครสักคน แล้วพวกหล่อนไม่พอใจเรื่องอะไร ข้อสงสัยถูกไขกระจ่างเมื่อเจ้าของงานซึ่งเป็นชาวต่างชาติก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม เขาตรงมาจับมือมุกมณีพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณที่มีส่วนช่วยให้งานประสบความสำเร็จ ชุดที่เธอแสดงได้รับการสั่งจองอย่างล้นหลาม และคลิปแฟชั่นของเธอที่ถูกนำไปเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต มีผู้เข้าชมมากกว่าแสนคนภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที แต่สิ่งที่สร้างความแปลกใจต่อมุกมณีมากที่สุดคือ เธอได้รับเชิญให้ไปร่วมงานแฟชั่นระดับโลก ที่กรุงปารีส คำชวนอย่างไม่คาดฝันอาจสร้างความตื่นเต้นต่อคนได้ยินเป็นอย่างมาก แต่ไม่ใช่มุกมณี เธอรักษากิริยาอย่างสำรวมพลางกล่าวคำขอบคุณอย่างสุภาพพร้อมกับกล่าวยินดีที่จะได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้งแต่มีข้อแม้ว่าขอให้ช่างแต่งหน้าประจำตัวเธอตามไปด้วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินยอม เมื่อตกลงกันได้เจ้าของห้องเสื้อจึงขอตัวไปรับรองแขกคนสำคัญคนอื่นต่อไป เมื่อเจ้าของงานคล้อยหลัง เย็นตาโฟซึ่งพยายามเก็บอาการดีใจเอาไว้ก็หลุดปากโพล่งออกมาอย่างตื่นเต้น เราได้ไปฝรั่งเศส เขาประสานมือพร้อมกับหลับตาลงด้วยความปลาบปลื้ม และถ้าเป็นไปได้ตัวเขาคงลอยขึ้นเหมือนลูกโป่งไปแล้ว แต่แล้วฝันหวานทั้งหมดก็มลายหายไปเมื่อมีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังรอบตัว พอลืมตาขึ้นดูจึงพบว่าเพื่อนนางแบบที่รู้เรื่องต่างล้อมวงเข้ามาแสดงความยินดี รัศมีฟ้าส่งแก้วน้ำส้มคั้นให้มุกมณีพร้อมกับพูด ยินดีด้วยจ้ะมุก ขอบคุณจ้ะฟ้า แต่มุกยังไม่รู้เลยว่าจะได้ไปหรือเปล่า ต้องตรวจดูตารางงานก่อนว่าช่วงนั้นมีงานอะไรบ้าง เหลวไหล ไม่มีอะไรสำคัญกว่างานนี้อีกแล้วนะ รัศมีฟ้าแย้ง นี่เป็นโอกาสดีสำหรับนางแบบอย่างเรา ถ้าโชคดีได้งานเมืองนอกเธอก็จะสบายไปทั้งชาติ กลัวว่าจะโดนพาไปหลอกขายมากกว่า เสียงช่อแก้วดังขัด เดินแฟชั่นสองสามครั้งเพื่ออัพราคาแล้วพาไปขายให้พวกเศรษฐีผรั่งลามก อย่างว่าแหละนะ นางแบบสวยๆเป็นสินค้าอันดับหนึ่งอยู่แล้ว พูดออกมาได้ยังไงน่ะช่อแก้ว รัศมีฟ้าเตือน แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่ ก็พูดไปแล้วนี่ เธอหันมามองมองมุกมณีอย่างชิงชัง ไม่ได้อิจฉาหรืออะไรหรอกนะ แต่ฉันขอเตือนในฐานะเพื่อน จะทำอะไรมันก็เรื่องของเธอแต่คิดให้มันรอบคอบก่อน ไม่งั้นน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า เย็นตาโฟโกรธจนหน้าแดง เขาปราดเข้าไปหมายจะด่าข่อแก้วให้สะใจแต่มุกณีดึงเขาไว้และส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น สินค้าอันดับหนึ่งดีกว่าของที่ขายไม่ออกนะคะ |
กิสึเนะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี Group Blog
All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |