ห้องแฟนตาซีของmoony
|
|||
รักละไม ไอทะเล บทที่ 6 ปลาดิบมื้อพิเศษ 1
บทที่ 6 ปลาดิบมื้อพิเศษ หลังพาช่อแก้วไปส่งที่บ้านแล้ว ร้อยตำรวจเอกสันติย้อนกลับไปที่ทำงาน เมื่อไปถึงเขาก็ตรงดิ่งไปยังห้องประชุม ซึ่งผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องรออยู่ หลังจากรายงานผลการทำงานรวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้าและเบาะแสของผู้ต้องสงสัยแล้ว ที่ประชุมจึงรายงานสถานการณ์อื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการพบศพหญิงสาวรายล่าสุดในโรงแรมม่านรูดย่านชานเมือง ที่ปรากฏว่าเป็นอดีตนางแบบสาวที่หายหน้าไปจากวงการเมื่อหลายเดือนก่อน การหายตัวไปอย่างลึกลับของสาวโคโยตี้สามคน แต่ต่างสถานที่ การตรวจพบยาเสพติดชนิดใหม่ที่เริ่มระบาดในหมู่วัยรุ่น และการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ได้ถึงสามราย ซึ่งเมื่อสืบค้นแล้วพบว่าทุกเรื่องโยงไปถึงตัวการสำคัญที่ชื่อ ทรงยศ โพธิ์รัตนะ การประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด เพราะไม่ว่าจะได้เบาะแสมายังไง ก็ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานการจับกุมผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้ ผู้ค้าทั้งสามต่างปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักกับนายทรงยศ ซ้ำยังยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ผลิตยา ส่วนศพที่พบในโรงแรมนั้นก็ถูกทำความสะอาดอย่างเกลี้ยงเกลา นอกจากร่างเย็นชืดไร้ลมหายใจแล้ว ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือพอที่จะสาวไปถึงฆาตกรได้เลย เวลาล่วงไปจนถึงสองทุ่มครึ่ง การประชุมจึงเสร็จสิ้น หลังกำชับแผนการและย้ำให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับ นายตำรวจหนุ่มเดินหอบแฟ้มกลับไปยังห้องทำงานและจมอยู่ในนั้นจนถึงเที่ยงคืน จึงรวบรวมงานบางส่วนจัดลงแฟ้มเพื่อนำกลับไปทำต่อ ส่วนที่เหลือเก็บเข้าตู้ ล็อคกุญแจ จากนั้นจึงออกจากห้อง ตรงไปที่รถเพื่อเดินทางกลับบ้าน ระหว่างขับรถ สันติหวนนึกถึงผู้ต้องสงสัยที่ชื่อทรงยศ เขารู้แค่ว่าผู้ชายคนนี้มีฐานะร่ำรวยจากการเล่นหุ้น รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา แต่งกายสุภาพในแบบนักธุรกิจ ชอบคบหาสมาคมกับคนในสังคมชั้นสูง แต่เบื้องหลังแล้วนายทรงยศเป็นจอมวายร้ายดัวฉกาจ ซึ่งหาเงินจากการค้ายาและผู้หญิง ความจริงแล้วเขาเคยคิดจะหาหลักฐานจับกุมด้วยการสืบค้นประวัติ แต่ปรากฏว่านายทรงยศผู้นี้เป็นบุคคลลึกลับ นอกจากชื่อ นามสกุลและหลักฐานการเงินในส่วนของการซื้อขายหุ้นแล้ว ไม่มีอย่างอื่นอีกเลย ไม่มีชื่อบิดา-มารดา ไม่มีพี่น้อง เชื้อชาติ ศาสนา ไม่มีประวัติอะไรทั้งนั้น ราวกับว่าจู่ๆผู้ชายคนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น เหมือนปิศาจที่ก้าวออกมาจากขุมนรก เหยื่อส่วนใหญ่ของนายทรงยศเป็นพวกมีหน้ามีตาในสังคม จึงไม่มีใครกล้าโวยวายหรือแจ้งความ ส่วนผู้หญิงที่ถูกหลอกให้ค้าประเวณีมักเป็นกลุ่มนางแบบ หรือนักแสดงหน้าใหม่ ซึ่งเมื่อหลุดเข้าไปในวงจรของจอมวายร้ายคนนี้แล้ว เธอเหล่านั้นก็จะไม่มีโอกาสหลุดรอดออกมาได้เลย ถ้าคนไหนคิดหนีหรือแจ้งตำรวจ โทษที่ได้รับมีเพียงสถานเดียวเท่านั้น คือความตาย การพบศพของนางแบบสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายเดือนก่อนยิ่งทำให้นายตำรวจหนุ่มมืดแปดด้าน เพราะจากหลักฐานที่พบ ชี้ไปในทางเดียวว่าเธอเสพยาเกินขนาดจนถึงแก่ความตาย ทั้งที่ตำรวจพยายามรื้อทุกอย่าง ค้นห้องทุกซอกทุกมุม ทำแม้กระทั่งใช้มือคุ้ยถังขยะ แต่ก็ไม่มีเบาะแสอะไรที่สามารถสาวไปถึงตัวนายทรงยศได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ข้อดีเพียงประการเดียวที่ได้จากการตายของนางแบบคนนี้คือ เหยื่อรายใหม่ สายของตำรวจสืบทราบมาว่า เป้าหมายสำคัญของจอมวายร้ายคนนี้คือมุกมณี วงศ์นาคา นางแบบสาวชื่อดัง ผู้บังคับบัญชาจึงมอบหน้าที่ให้เขาเฝ้าสังเกตการณ์เธอทุกฝีก้าว เพื่อป้องกันไม่ให้นางแบบผู้นี้ตกเป็นเหยื่อของนายทรงยศ และในโอกาสเดียวกันก็คอยหาจังหวะจับกุมกลุ่มค้ามนุษย์ การไปงานอีเวนท์ในวันนี้ก็เป็นหนึ่งในแผนการของเขา เพราะสันติได้ข่าวว่านายทรงยศจะไปที่นั่นเพื่อมองหาเหยื่อรายใหม่ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นนกรู้ ทั้งที่สั่งให้ลูกน้องปลอมตัวปะปนเข้าไปในฝูงชนแต่กลับไม่มีใครพบอาชญากรตัวร้ายนี่เลยสักคน ที่น่าโมโหก็คือ หลังออกจากห้างสรรพสินค้า สายก็โทร.มารายงานว่าเห็นรถของทรงยศกำลังวิ่งออกมาจากห้างเช่นเดียวกัน สันติทุบพวงมาลัยด้วยความเจ็บใจ แต่เมื่อมานึกอีกทีต่อให้จับกุมตัวทรงยศเอาไว้ได้ เขาก็ไม่มีหลักฐานอะไรมัดตัวผู้ชายคนนี้เลยสักชิ้น อย่างมากก็แค่นำตัวไปสอบปากคำซึ่งคนฉลาดเป็นกรดอย่างนายทรงยศย่อมไม่มีทางทำอะไรเป็นพิรุธหรือหลุดปากพูดอะไรอยู่แล้ว หรือถ้าจะขัง ก็กักเอาไว้ได้ไม่นาน พอทนายมา วายร้ายคนนี้ก็เดินปร๋อออกจากห้องขังได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง นายตำรวจหนุ่มหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไปในซอย วิ่งต่อไปอีกหน่อยก็ถึงบ้าน เมื่อจอดเรียบร้อยเขาจึงหยิบแฟ้มที่ติดมาจากที่ทำงานซึ่งวางไว้บนเบาะด้านข้างและนั่งใช้ความคิดอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่จึงก้าวลงจากรถ เดินเข้าบ้านเพื่อนั่งวางแผนจับคนร้ายขั้นต่อไป */*/*/*/* เสียงโทรศัพท์ปลุกมุกมณีให้ตื่นจากนิทราอันแสนสุข หญิงสาวบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิดพลางเอื้อมมือไปรับขณะเดียวกันก็ชำเลืองตาดูนาฬิกาและนิ่วหน้าเมื่อพบว่าเป็นเวลาบ่ายโมงตรง ค่ะ เธอพูดสั้นๆพร้อมกับปิดเปลือกตาลงอย่างง่วงงุน เสียงเย็นตาโฟดังจนแทบจะทะลุสายโทรศัพท์ออกมา อะไรกัน ยังไม่ตื่นอีกเหรอ บ่ายโมงแล้วนะมุก ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน วันนี้ไม่มีงานนี่คะ ใครว่าละ วันนี้มุกต้องไปถ่ายปฏิทิน ลืมไปแล้วเหรอ มุกมณีนอนทบทวนและนึกขึ้นได้ว่าเธอมีนัดพิเศษกับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าว่าจะถ่ายปฏิทินจำหน่ายเพื่อการกุศล ความจริงมันใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแต่ความอ่อนล้าจากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้เธอไม่อยากไปไหนเลย เลื่อนไปวันอื่นไม่ได้เหรอ เธอบ่ายเบี่ยง เย็นตาโฟตอบทันที ไม่ได้ มุกว่างแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว อีกครึ่งชั่วโมงพี่ไปรับ นางแบบสาวรับคำพลางถอนใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนวางสายและลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำ พอตาเริ่มสว่างเธอก็เดินไปยืนที่หน้าต่างเพื่อดูทิวทัศน์ในขณะเดียวกันก็หวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่เข้าวงการ ต่อให้ทำงานหนักแค่ไหนเธอก็ไม่เคยเหนื่อยเลยสักครั้ง จึงเป็นเรื่องแปลกที่จู่ๆเธอเกิดอาการอ่อนแรงจนเป็นลมล้มพับกลางงาน มุกมณีแน่ใจว่าสาเหตุไม่ได้มาจากความอ่อนเพลีย แต่เกิดจากอำนาจของอะไรบางอย่างสะกดให้มีอันเป็นไป อำนาจที่ว่านั้นคือ อาคม และเป็นมนต์จำเพาะซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ สิ่งสำคัญการร่ายอาคมที่ว่านี้จะต้องเป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งเท่านั้น จึงไม่ใช่เป็นการกระทำของพวกหมอผีหรือคนทรงแน่ ใบหน้างามเต็มได้วยความเคร่งเครียด แสดงว่ามีคนรู้ตัวจริงของเธอ แต่จะมันจะเป็นไปได้ยังไง เพราะเผ่าพันธุ์ของเธอมีพลังในการจำแลงกายได้เหมือนมนุษย์มากที่สุด ต่อให้เป็นพวกที่มีอาถาอาคมก็ไม่มีทางมองเห็นกายที่แท้จริงของเธอได้ จะยกเว้นก็แต่ผู้ที่มีสภาวะสูงกว่า ซึ่งหากไม่มีกิจธุระ เขาเหล่านั้นก็ไม่มีทางที่จะลงมายังโลกมนุษย์ มุกมณีคิดพลางมองเรือที่กำลังแล่นฉิวไปตามลำน้ำ ตอนนั้นเองที่เธอฉุกคิดถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ทั่วทั้งเรือนกายเกิดอาการขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน หญิงสาวรีบสะบัดหน้าเพื่อไล่ความคิดดังกล่าวทิ้งไป เป็นไปไม่ได้หรอก เธอหมุนตัวไปหยิบผ้าเช็ดตัวจากนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้วก็เดินไปเปิดเครื่องชงกาแฟก่อน แล่วค่อยไปนั่งแต่งหน้า พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พอเปิดออกเย็นตาโฟก็ยิ้มร่าเข้ามา รอนานมั้ย พอดีผ่านตลาดนัดเห็นปาท่องโก๋น่ากิน เลยซื้อมาฝาก อ้อ มีน้ำเต้าหู้ด้วยนะ ไม่พูดเปล่าเขายังชูถุงขึ้นอวดก่อนจะเดินเข้าครัวและเทปาท่องโก๋ใส่จาน มุกมณีหยิบถ้วยออกจากตู้มาสองใบพร้อมกับถาม แล้วกาแฟล่ะ มุกชงไว้แล้วเหรอ เย็นตาโฟถามพลางมองไปยังเครื่องชงแล้วยิ้มกว้าง ไม่เป็นไร กินน้ำเต้าหู้ก่อนแล้วค่อยตบกาแฟตาม กินเยอะขนาดนั้นเดี๋ยวก็ได้วิ่งเข้าห้องน้ำกันทั้งวันหรอก นางแบบสาวกระเซ้าพลางหยิบปาท่องโก๋ใส่ปากเคี้ยว ช่างแต่งหน้าหนุ่มหัวเราะ ช่างพี่เถอะน่า อีกอย่างห้องน้ำที่พีเจน่าเข้าจะตายไป มุกมณีชะงักมือและขมวดคิ้ว ที่ไหนนะพี่โฟ พี่เจ แอดเวอร์ไทซิ่ง เย็นตาโฟตอบพลางยกถ้วยน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่ม พอเห็นสีหน้าฉงนของหญิงสาวเขาก็ถาม อ้าว มุกไม่รู้เหรอว่าเขานัดเราไปถ่ายแบบกันที่นั่น มุกมณีสั่นศีรษะ เกย์หนุ่มจึงทำหน้านึกพร้อมกับบ่น เอ พี่ไม่ได้บอกมุกเหรอเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะ เขาตัดบทและหยิบปาท่องโก๋ใส่ปากเคี้ยว จริงสิ คุณจิรายุสเป็นช่างภาพของที่นั่นด้วยนี่นา พี่จะได้ถือโอกาสขอบคุณที่เขาช่วยเมื่อวานนี้ด้วย พูดจบก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจ เขาน่ารักดีนะ หน้าตาดูใสซื่ออย่างกับการ์ตูนญี่ปุ่น อยากรู้จังว่าถ้าไม่มีแว่นแล้วจะเป็นยังไง วันนี้ลองขอให้เขาถอดดูดีกว่า เขาก็เหมือนไก่ตาฟางนะสิพี่โฟ มุกมณีประชด เย็นตาโฟยกมือขึ้นทาบอก ตายแล้ว ทำไมมุกไปเปรียบเขาแบบนั้น นางแบบสาวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางยกถ้วยน้ำเต้าหู้ขึ้นพร้อมกับพูด ก็แหม คนสายตาสั้น เอาแว่นออกแล้วมันจะไปมองเห็นอะไร พูดอย่างนี้แสดงว่ามุกไม่เข้าใจวิถีของหนุ่มแว่น เย็นตาโฟพูดด้วยท่าทางราวกับนักวิชาการ พวกนี้น่ะให้ความรู้สึกได้สองอารมณ์ ตอนใส่แว่นก็ดูน่ารัก น่าหยอก แต่พอถอดก็จะกลายเป็นหนุ่มมาดเข้ม น่าบีบน่าเคล้นไปทั้งตัว พูดพลางขยับนิ้วอย่างมันเขี้ยว มุกมณีทำหน้าสยอง มุกว่าถ้าเขาเห็นพี่ตอนนี้ คงเผ่นแนบไปไกลเลยละ เย็นตาโฟค้อนปะหลับปะเหลือก พี่ไม่มีทางให้เขาเห็นหรอกย่ะ อาการสะบัดสะบิ้งทำให้มุกมณีต้องนั่งอมยิ้มอย่างนึกขัน แต่ก็ยังคงหาเรื่องกระเซ้า เห็นตอนแรกบอกว่าเขาเป็นหมาป่า แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นหนุ่มแว่นน่ารักไปได้ เพราะเขามีน้ำใจ เมื่อวานตอนมุกเป็นลม มีแต่คนมุงแต่ไม่มีใครช่วย คุณจิรายุสกลับกล้าฝ่าฝูงนักข่าวเข้าไปอุ้มมุกโดยไม่สนใจอะไร นางแบบสาวยอมรับว่าเห็นด้วยในข้อนี้ เพราะเธอเป็นนางแบบชื่อดังแถมเพิ่งปะทะคารมกับนักข่าว ตอนเป็นลมแล้วไม่มีใครเข้ามาช่วยก็เพราะในตอนนั้นทุกคนรู้ดีว่า ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาอุ้มเธอจะต้องถูกถ่ายภาพ โดนจับตามองจนตกเป็นหัวข้อใหญ่ของกลุ่มซุบซิบในวงการ ดีไม่ดีอาจจะกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของพวกนักข่าวไปเลย พอคิดถึงตรงนี้มุกมณีก็นึกได้ว่าเมื่อวานเธอเพิ่งมีปากมีเสียงกับนักข่าว ซ้ำยังเป็นลมกลางงาน เช้าวันนี้บรรดานิตยสารหรือหนังสือพิมพ์หน้าบันเทิงคงกระหน่ำเรื่องราวของเธอกันอย่างสนุกสนานน่าดู จริงสิ พี่โฟเห็นข่าววันนี้แล้วหรือยัง เห็นแล้ว เย็นตาโฟตอบฉุนๆ ยายนักข่าวที่หาเรื่องมุก พาดหัวตัวเบ้อเริ่มว่า นางแบบสาวจอมยโสเป็นลมกลางงาน สงสัยจะแพ้ท้อง เขาทำปากขมุบขมิบด่าด้วยความโมโห แต่มุกมณีกลับไม่สนใจเลยสักนิด เพราะเธอถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แล้วคนอื่นล่ะ ส่วนใหญ่ก็บอกแค่ว่ามุกเป็นลม แต่ก็ไม่มีใครวิจารณ์อะไร อ้อ มีบ้างเหมือนกันตอนไปเจอมุกมณีตัวปลอมนั่งตาแป๋วบนเตียง พวกนักข่าวบ่นว่าโดนนางแบบสาวต้มจนเปื่อย มุกไม่ได้เป็นคนทำสักหน่อย เธอเถียงเบาๆเลยโดนเย็นตาโฟหยิกหมับเข้าที่ต้นแขน ไม่ได้ทำแต่เป็นต้นเหตุ เขาพูดพลางดูนาฬิกาข้อมือ ตายจริงจะบ่ายสองแล้วเหรอเนี่ย กินเสร็จหรือยังจ๊ะมุก จะได้รีบไป ไม่แต่งหน้าก่อนเหรอพี่โฟ นางแบบสาวถามเพราะปรกติแล้วเย็นตาโฟต้องเตรียมความงามขั้นต้นไว้ให้ แล้วค่อยไปเติมเพิ่มในงาน แต่ช่างแต่งหน้าคนเก่งส่ายหน้า ไม่ต้อง งานนี้มุกต้องสวยหวานตามธรรมชาติ อ่อนๆแบบนี้ได้แต่งที่สตูฯก็ได้ พูดจบก็โยนปาท่องโก๋ชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ตามด้วยน้ำเต้าหู้และปิดท้ายด้วยกาแฟรสเข้ม จากนั้นจึงนำถ้วยจานทั้งหมดไปล้างเสร็จแล้วทั้งคู่จึงออกเดินทาง ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ เสียงสมาร์ตโฟนของมุกมณีก็ดังขึ้น หญิงสาวกดรับหลังจากฟังปลายสายพูดจบล้วเธอจึงกล่าวตอบ ค่ะ งั้นมุกจองโต๊ะสำหรับสามคนเลยนะคะ ไปถึงประมาณหกโมงเย็นค่ะ พอเห็นนางแบบสาววางสายแล้วเย็นตาโฟจึงถามด้วยความอยากรู้ ร้านไหนโทร.มาเหรอ ที่ถามแบบนี้เพราะรู้ว่าการพูดเมื่อครู่หมายถึงร้านอาหารแน่ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มุกมณีไปนั่งเป็นประจำ แต่พอเห็นหญิงสาวไม่ตอบ แถมยังเอาแต่นั่งอมยิ้ม เย็นตาโฟจึงทำเป็นแกล้งค้อนขวับพร้อมกับพูด ทำเป็นมีความลับ งั้นอย่ามาชวนกันเชียวนะ พี่ไม่ไปด้วยหรอก มุกมณีหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความขบขันแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรอยู่ดี เย็นตาโฟจึงหันกลับไปสนใจเรื่องการเดินทาง ซึ่งนับว่าโชคดีที่การจราจรยังไม่ติดขัดมากนัก เพราะเพียงแค่สี่สิบนาที ทั้งสองก็ไปถึงบริษัทพีเจ แอดเวอร์ไทซิ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ติดต่อเธอไว้กำลังนั่งรออยู่ พูดคุยทักทายกันพอสมควรแล้วทั้งหมดจึงขึ้นไปพบนายประพจน์ เพื่อทำการถ่ายแบบตามที่ตกลงกันไว้ ก่อนเข้าห้องสตูดิโอ เย็นตาโฟดูชุดทั้งหมดก่อน พอเห็นว่าเป็นชุดไทยในยุคสมัยต่างๆเขาจึงเริ่มแต่งหน้าให้มุกมณี โดยเน้นความสวยหวาน เนื่องจากชุดแรกเป็นเครื่องแต่งกายไทยประยุกต์ตามแบบสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ทรงผมจึงเป็นลักษณะปล่อยยาวเคลียไหล่ ซึ่งหลังจากแต่งเสร็จและดูจนแน่ใจว่านางแบบสาวงดงามอย่างไม่มีที่ติแล้ว ทั้งหมดจึงเดินเข้าสตูดิโอ เมื่อไปถึงจิรายุสซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตราตรวจความเรียบร้อยของกล้องจึงเงยหน้าขึ้น ตอนแรกมุกมณีคิดว่าเขาคงตกตะลึงกับความงามของเธอแต่กลับผิดคาด เพราะชายหนุ่มยังคงวางท่าสำรวม ตีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม พร้อมกันแล้วใช่ไหมครับ เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อนางแบบสาวผงกศีรษะรับเขาจึงพาเธอไปยังแกที่จัดเตรียมไว้ ปากก็อธิบาย วันนี้เราถ่ายแบบภาพนิ่ง คุณมุกมณีไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไรมากนัก แค่วางท่าให้สวย มองกล้องอย่างเป็นธรรมชาตินะครับ แนะนำเสร็จเขาก็ถอยกลับไปยืนประจำที่ เมื่อได้ภาพเป็นที่น่าพอใจแล้วเขาจึงขอให้มุกมณีเปลี่ยนชุด ยืนรออยู่ราวสิบนาทีนางแบบสาวก็กลับเข้ามาในสตูดิโออีกครั้งพร้อมเครื่องทรงของสตรีสูงศักดิ์สมัยกรุงศรีอยุธยา ใบหน้างามถูกเพิ่มสีสันขึ้นอีกเล็กน้อยส่วนทรงผมถูกรวบขึ้นเป็นมวยประดับด้วยปิ่นปักผม ซึ่งการถ่ายภาพในครั้งนี้นางแบบสาววางท่าทางคล้ายกับชุดแรก จะต่างกันก็ตรงฉากซึ่งเพิ่มแท่นไม้กับพัดโบกลายทองเข้ามา เสร็จแล้วจึงเปลี่ยนใหม่อีกชุด ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายในยุคสุโขทัย ลพบุรีและทวาราวดีตามลำดับ รักละไม ไอทะเล บทที่ 5 ความวุ่นวายในงานอีเว้นท์
บทที่ 5 ความวุ่นวายในงานอีเวนท์ หลังจากส่งมุกมณีแล้วจิรายุสจึงขับรถตรงดิ่งกลับบ้าน ทั้งที่ตอนแรกเขาตั้งใจแวะร้านข้าวต้มโต้รุ่งข้างทางเพื่อหาอะไรกินรองท้องแต่ต้องล้มเลิกความคิด ซึ่งตัวเขาเองก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าเพราะอะไร จะว่าหงุดหงิดที่ถูกนางแบบสาวแกล้งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเขาแก้ลำเธอไปแล้วตอนจอดรถกลางสี่แยก ซ้ำยังแถมให้นิดด้วยการใช้คำพูดกวนประสาทก่อนจากมา เมื่อนึกไม่ออกว่าทำไมชายหนุ่มจึงสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับสติอารมณ์ แต่ต้องหยุดชะงักค้างไว้กลางคันเมื่อพบว่าภายในรถ ยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำหอมของมุกมณี นั่นเองคือสาเหตุที่ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว เพราะน้ำหอมที่นางแบบสาวใช้เป็นของแท้ราคาแพงจากต่างประเทศ จึงหอมจรุงใจต่างจากที่น้ำหอมที่พนักงานสาวในบริษัทใช้อย่างสิ้นเชิง ถึงไม่มีความรู้เรื่องชนิดหรือยี่ห้อ แต่จากประสบการณ์ที่ได้พบปะกับผู้คน ทำให้เขาพอจะเดาออกว่าน้ำหอมที่มุกมณีใช้มีชื่อว่าอะไร เพราะเอกลักษณ์พิเศษของน้ำหอมประเภทนี้ก็คือ มันจะปรับสภาพกลิ่นให้เข้ากับตัวผู้ใช้ ทำให้คนรอบตัวสัมผัสความหอมที่แตกต่าง แม้สุภาพสตรีเหล่านั้นจะพรมกายด้วยน้ำหอมชนิดเดียวกันก็ตาม กลิ่นอันทรงเสน่ห์ดุจเจ้าของทำให้จิรายุสเผลอสูดดมด้วยความหลงใหลไปหลายครั้ง แม้จะเลี้ยวเข้าคอนโดและจอดรถเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ชายหนุ่มก็ยังนั่งอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้นอีกเกือบครึ่งชั่วโมง และคงจะนานกว่านั้นหากท้องของเขาไม่ร้องอุทธรณ์ขึ้นมาเสียก่อน จิรายุสจึงจำต้องลงจากรถด้วยความเสียดาย พอกลับเข้าห้อง สิ่งที่ชายหนุ่มเลือกกินประทังความหิวคือบะหมี่สำเร็จรูป ระหว่างรอให้มันได้ที่ เขาคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย สวมใส่ชุดนอนเสร็จเขาจึงหยิบรีโมทมาเปิดโทรทัศน์เพื่อดูภาพยนต์ชุดต่างประเทศทางเคเบิ้ลทีวี จากนั้นจึงเปิดฝาครอบชามและใช้ตะเกียบคีบบะหมี่ใส่ปากด้วยความหิว ไม่ถึงอึดใจบะหมี่เพียงน้อยนิดก็หมดชาม จิรายุสจึงดื่มนมอุ่นๆตบท้ายอีกหนึ่งแก้วจากนั้นก็ปิดโทรทัศน์และดับไฟทุกดวงเพื่อเข้านอน ทั้งที่เหนื่อยมาทั้งวันแต่ทำยังไงเขาก็ข่มตาให้หลับลงไปไม่ได้ หลังจากนอนกระสับกระส่ายอยู่พักใหญ่สมองของชายหนุ่มก็หวนนึกไปถึงใบหน้าของมุกมณี จะคิดถึงเธอไปทำไมกันนะ เขาบ่นอย่างหงุดหงิดพลางปัดดวงหน้างามออกจากความคิด แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะต่อให้นึกถึงเรื่องอื่นสุดท้ายมันก็วกกลับมาหานางแบบสาวเจ้าอารมณ์คนนี้อีกจนได้ เมื่อไม่มีทางไล่ออกจากหัว สุดท้ายจิรายุสเลยตั้งสมาธิ มุ่งคิดถึงเธอเพียงคนเดียว เขาทบทวนถึงสิ่งที่มุกมณีทำมาทั้งหมดแล้วขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจว่าเหตุใดเธอจึงเจาะจงมานั่งรถเขา จะว่าชอบก็ดูไม่สมเหตุสมผล เพราะเพิ่งเจอหน้ากันแค่สองครั้ง แถมเขาเป็นเพียงพนักงานบริษัทตัวเล็กๆ ซ้ำรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้หล่อล่ำเหมือนดาราบางคน ถึงจะพอมีเงินอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากพอจะให้นางแบบหรือสาวสวยคนไหนสนใจ งั้นเธอเข้ามาวอแวเขาทำไม จิรายุสตั้งคำถามพร้อมกับเปิดปากหาวอย่างง่วงงุน ถึงพยายามคิดอยู่หลายตลบ แต่ก็หาสาเหตุไม่ได้สักที เมื่อนึกอะไรไม่ออก สุดท้ายชายหนุ่มจึงผล็อยหลับไป */*/*/*/* เช้าวันรุ่งขึ้นจิรายุสไปทำงานด้วยความแจ่มใส วันนี้เขาตั้งใจจะทำงานโฆษณาให้เสร็จเพราะเหลือแค่เพียงรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น นั่งทำไปได้สักพักนายประพจน์ก็เปิดประตูเดินหน้าตาตื่นเข้ามาหา ทำอะไรน่ะเต่า เขาถามเสียงเครียด ชายหนุ่มทำหน้างงก่อนชี้ไปที่หน้าจอพร้อมกับตอบ ปรับแต่งโฆษณาครีมบำรุงผิวครับ คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเครียด มีอะไรหรือครับพี่พจน์ ยังจะมาถามอีก ลืมไปแล้วหรือว่าวันนี้เป็นวันอะไร นายประพจน์พูด จิรายุสเปิดปฏิทินตั้งโต๊ะดูและใจหายวาบ เมื่อเห็นเครื่องหมายดอกจันสีแดงและโน้ตตัวเล็กๆซึ่งเป็นลายมือเขาเองบันทึกไว้ว่า งานอีเวนท์ เฮ่ย วันนี้แล้วเหรอ ชายหนุ่มอุทานและหันไปกดเซฟงานที่ทำเอาไว้ ส่วนปากก็พูด ขอโทษครับพี่ ผมลืมดูปฏิทิน เก็บพวกนี้เสร็จแล้วจะรีบไป พวกช่างขนอุปกรณ์ไปรอที่รถหมดแล้ว ลงไปเจอพวกเขาในอีกสิบนาที ไม่อย่างนั้นคุณต้องนั่งแท็กซี่ไปเอง นายประพจน์เร่งเสียงดุก่อนออกจากห้อง ปล่อยให้จิรายุสสาละวนกับการจัดเก็บงาน เตรียมเอกสาร แฟลชไดรฟ ซึ่งเป็นกำหนดการและรายละเอียดของงานอีเวนท์ยัดใส่เป้ประจำตัว จากนั้นจึงเผ่นลงไปยังลานจอดรถชั้นล่างโดยไม่ลืมหยิบโน้ตบุคซึ่งลงโปรแกรมของงานครั้งนี้เอาไว้ติดมือไปด้วย เมื่อไปถึง ชายหนุ่มก็พบว่าบรรดาช่างและพนักงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกำลังรออยู่ พอทุกคนมากันครบแล้ว ทั้งหมดจึงออกเดินทาง โชคดีที่ห้างสรรพสินค้าอันเป็นสถานที่จัดงานอยู่ไม่ไกลจากบริษัทเท่าใดนัก ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทั้งหมดก็ถึงที่หมาย ทุกคนช่วยกันลำเลียงอุปกรณ์เข้าไปในห้าง เนื่องจากฝ่ายจัดฉากได้สร้างเวทีรอไว้ตั้งแต่เมื่อคืน งานของเจ้าหน้าที่ในภาคเช้าก็คือจัดเตรียมคอมพิวเตอร์และเครื่องควบคุมแสง สี เสียง ให้พร้อม ซึ่งงานส่วนนี้จิรายุสต้องรับผิดชอบดูแลโดยตรง หลังจากทดสอบระบบหลายครั้งจนแน่ใจว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาจึงนั่งทบทวนคิวงานทั้งหมดอีกรอบเพื่อกันความผิดพลาด จากนั้นคนของบริษัทอีกกลุ่มซึ่งตามมาสบทบ ได้นำเสบียงซึ่งเป็นแซนวิชกับกาแฟและนมสดมาแจกจ่าย ชายหนุ่มจึงนั่งกินไปตรวจเช็คเครื่องเสียงและระบบไฟไปจนกระทั่งถึงเวลาห้างเปิดทำการ แต่กำหนดการของงานดังกล่าวคือ 12 นาฬิกาตรง ดังนั้นจึงยังพอมีเวลาให้จิรายุสเดินสำรวจไปรอบๆ กระทั่งนางแบบทยอยกันเข้ามา คนแรกที่มาถึงคือช่อแก้วกับร้อยตำรวจเอกสันติ แฟนหนุ่ม ซึ่งไม่ได้แต่งเครื่องแบบเหมือนทุกครั้ง เมื่อส่งแฟนสาวเข้าห้องแต่งตัวแล้ว นายตำรวจหนุ่มจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้แถวหลังสุดและกวาดตามองไปโดยรอบเหมือนต้องการสำรวจตรวจตรา กระทั่งหันมาเห็นจิรายุสซึ่งเดินโต๋เต๋อยู่แถวนั้นเข้าโดยบังเอิญ ยุส เขาเอ่ยทัก ชายหนุ่มหันหน้ามาตามเสียง เมื่อเห็นคนเรียกจึงยิ้มกว้าง พี่สันต์ เขาเดินเข้าไปตบแขนทักทายด้วยความดีใจ มาทำอะไรแถวนี้ แล้ววันนี้ไม่ทำงานหรือครับ ผมพักร้อน สันติตอบ จิรายุสเบิกตากว้างเหมือนสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์ คนไม่เคยหยุดงานเลยสักครั้งอย่างพี่สันต์ลาพักร้อน แบบนี้มีหวังหิมะตกกลางห้างแหง นายตำรวจหนุ่มหัวเราะด้วยความขบขัน พูดเกินไปน่ายุส ผมน่ะไม่ได้อยากหยุดหรอก แต่เจ้านายนะสิบังคับให้ลา จิรายุสเลิกคิ้วสูง เพราะเจ้านายที่ตำรวจหนุ่มพูดถึง คือ พลตำรวจโทวีระชัย บวรกมลพงศ์ ลุงของเขาเอง แปลกจริงๆด้วย เขาพึมพำ เพราะลุงคนนี้เป็นคนซื่อตรง ขยันขันแข็ง จริงจัง ตั้งแต่รับราชการตำรวจ ไม่เคยลางานสักครั้งนอกจากป่วยจนเดินไม่ไหวจริงๆ นิสัยดังกล่าวถ่ายทอดไปถึงลูกน้อง เพราะแต่ละคนเอาจริงเอาจังกับงาน การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถคลี่คลายคดีสำคัญได้หลายคดี จนได้รับฉายาว่าเป็นหน่วยพิฆาตอธรรมแห่งสำนักงานตำรวจ นับเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้ยินว่าท่านสั่งให้ลูกน้องลาพักร้อน ซึ่งพอคิดดูอีกทีแล้วลุงของเขาคงมีเหตุผลบางอย่าง แต่ในเมื่อเป็นเรื่องของราชการ จิรายุสจึงไม่อยากรู้รายละเอียดนอกเหนือจากนั้นและกลับไปให้ความสนใจคู่สนทนาต่อ ไม่ได้เจอพี่ตั้งนาน เสร็จงานเราไปหาที่นั่งคุยกันต่อดีมั้ยครับ ยุสมาทำงานหรอกเหรอ สันติถาม อีกฝ่ายพยักเพยิดหน้าไปที่เวทีกลางห้าง บริษัทผมเป็นคนจัดงานอีเวนท์วันนี้ครับ พอดีเลย แฟนพี่ก็มางานนี้เหมือนกัน เขาบุ้ยใบ้ไปยังห้องด้านหลังเวที จิรายุสทำตาโต แฟนพี่เป็นนางแบบเหรอครับ ใช่ นายตำรวจหนุ่มตอบอย่างภูมิใจและยิ้ม แล้วของยุสล่ะ จิรายุสหัวเราะแหะๆพร้อมกับขยับแว่นตาแก้เก้อ ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยครับ ยังไม่เจอคนถูกใจมากกว่า สันติกระเซ้า พลางขยับข้อมือเพื่อดูนาฬิกา จิรายุสจึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายมีธุระจึงรีบออกตัว จวนจะได้เวลาแล้ว ผมขอตัวไปตรวจระบบไฟก่อน เสร็จงานแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน พี่สันต์อย่าหนีกลับก่อนเชียวนะครับ นายตำรวจหนุ่มส่งยิ้มให้แทนคำตอบ เมื่อจิรายุสเดินห่างไปพอสมควรแล้วเขาจึงเริ่มเดินเป็นวงพร้อมกับกวาดตามองไปโดยรอบ เหมือนกำลังหาใครบางคน เมื่อไม่พบจึงกลับไปนั่งเก้าอี้แถวสุดท้ายตามเดิม แต่ก็ยังคงไล่สายตาไปทั่วอย่างระมัดระวังตลอดเวลา พอสะดุดกับอะไรบางอย่างเขาก็จะหยุดและมองอย่างพิจารณา เมื่อไม่ใช่สิ่งที่กำลังค้นหาแล้ว จึงแสร้งทำเป็นเสมองไปด้านอื่น เพื่อหาเป้าหมายต่อไป ด้านจิรายุสเมื่อกลับไปยืนประจำตำแหน่งแล้วเขาก็เริ่มเปิดดนตรีที่ถูกกำหนดให้เป็นเพลงเปิดงาน จังหวะที่ค่อนข้างเร้าใจทำให้เขาเผลอโยกตัวตามไปด้วยอย่างสนุกสนาน จึงไม่ทันสังเกตเห็นมุกมณีที่เดินเข้ามาในงานพร้อมเย็นตาโฟ นางแบบสาวเหลือบมองชายหนุ่มแวบหนึ่งและอมยิ้มอย่างขบขันที่เขาทำตัวเหมือนเด็ก ตอนแรกเธอคิดจะเข้าไปแหย่ให้อีกฝ่ายปวดหัวเล่นแต่พอเห็นกลุ่มนักข่าวที่เริ่มรุมล้อมกันเข้ามา หญิงสาวจึงเลี่ยงเข้าไปในห้องแต่งตัวซึ่งอยู่ด้านหลังของเวที เมื่อเข้าไปด้านใน มุกมณีจึงรู้ว่าช่อแก้วมาถึงก่อนและกำลังวุ่นวายอยู่กับการแต่งตัวจนไม่มีเวลาหาเรื่องเธอเหมือนทุกครั้ง หญิงสาวแอบถอนใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะสถานที่จัดงานในวันนี้ค่อนข้างคับแคบจนเดินแทบจะชนกันแถมผนังกั้นยังบางเฉียบขนาดกระซิบเบาๆ คนที่อยู่ข้างนอกยังได้ยิน ขืนนางแบบทะเลาะกันมีหวังได้ยินไปถึงหูนักข่าวแน่ พิธีกรซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดังเดินเข้ามาทักทายทั้งมุกมณีและช่อแก้ว จากนั้นจึงเริ่มซักซ้อมคิวของแต่ละคน ระหว่างที่นัดแนะเพื่อทำความเข้าใจกันอยู่นั้นรัศมีฟ้าก็เดินอย่างสงบเสงี่ยมเข้ามาสมทบ เธอกล่าวขอโทษทุกคนที่มาช้าก่อนหันไปส่งยิ้มให้กับมุกมณี ต๊าย วันนี้คุณฟ้ามาขาวทั้งชุดเลยนะคะ เย็นตาโฟเอ่ยทักเมื่อเห็นรัศมีฟ้าอยู่ในเครื่องแต่งกายสีขาวทั้งชุด ไม่เว้นแม้แต่กิ๊บติดผม กระเป๋าและรองเท้า เธอส่งยิ้มให้กับเขาพร้อมกับตอบ วันนี้วันพระ ฟ้าเลยเข้าวัดทำบุญตักบาตร เนี่ยเอาบุญมาฝากทุกคนเลยนะคะ พูดพลางพนมมือและแตะทุกคนไล่ตั้งแต่ช่างแต่งหน้าไปจนถึงทีมงาน แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสกับมือของ มุกมณี ช่อแก้วก็พูดประชด ใจบุญสุนทานกันจังเลยนะ รัศมีฟ้าหันไปส่งยิ้มให้กับช่อแก้วก่อนโต้กลับเสียงเย็น ค่ะ นางแบบอย่างเราทำงานอยู่กับโลกีย์ มีเวลามันก็ต้องเข้าวัดทำบุญชำระจิตใจให้สะอาดบ้าง กลัวจะสะอาดแค่ปากน่ะสิ อย่างประโยคที่ว่า อะไรนะ ช่อแก้วลากเสียงทำท่านึกและเบิกตาโตพร้อมกับลอยหน้าลอยตาพูด ใช่แล้ว มือถือสาก ปากถือศีลไง คนเขาจะทำบุญ มันไปหนักส่วนไหนของคุณเหรอ เย็นตาโฟโพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออด ช่อแก้วแบะปากและมองเขาด้วยหางตาก่อนตอบ ก็ไม่ได้หนักส่วนไหนหรอก แต่มันทุเรศ คุณช่อแก้ว รัศมีฟ้าเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ดุดันผิดไปจากทุกครั้ง แต่ช่อแก้วกลับหมุนตัวเดินไปแต่งหน้าทำผมต่ออย่างไม่สนใจ เมื่อเห็นคู่กรณียอมสงบปากสงบคำแล้วมุกมณีจึงพูดกับรัศมีฟ้า งานจะเริ่มแล้ว คุณฟ้ารีบแต่งตัวเถอะค่ะ พูดจบ นางแบบสาวก็แยกตัวไปให้เย็นตาโฟซับหน้า เติมแป้ง เพราะเธอแต่งหน้ามาจากบ้านแล้ว ผลัดเปลี่ยนชุดเสร็จมุกมณีก็ไปยืนเตรียมตัวอยู่ข้างเวที และถือโอกาสมองจิรายุสที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานระหว่างรอ ปรกติเธอมักจะเห็นช่างคุมระบบทำงานแบบไร้อารมณ์ ไม่ยินดียินร้าย ไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น หรือถ้ามี ก็จะมาในลักษณะแอบมองและทำตาเล็กตาน้อยกับนางแบบหรือนักแสดงสาวๆ ถึงมีการพูดจา ก็เฉพาะกับคนที่ทำงานด้วยกันเท่านั้น ไม่เคยมีใครทำหน้าสนุกสนาน กระตือรือร้นในการทำงานเหมือนจิรายุส มุกมณียืนมองชายหนุ่มอย่างเพลิดเพลินกระทั่งพิธีกรเรียกเธอขึ้นเวที นางแบบสาวเห็น จิรายุสหยุดชะงักและหันมามอง ตอนแรกเขามีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยแต่ในเสี้ยววินาทีเดียวกันนั้น เธอก็เห็นรอยยิ้มเล็กๆบนมุมปากของเขา ถึงจะแค่แวบเดียวแต่กลับทำให้มุกมณีใจเต้น หน้าร้อนผ่าว ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในอกและวิ่งปั่นป่วนไปทั่วร่างทำให้เธอแทบจะลืมคิวงานที่ซักซ้อมมาทั้งหมด นางแบบสาวรีบปรับอารมณ์ให้กลับเป็นปรกติและสูดลมหายใจเข้าเพื่อขับไล่ความรู้สึกดังกล่าวออกไป เมื่อสงบจิตใจลงได้เธอจึงก้าวขึ้นไปยืนบนเวทีและโปรยยิ้มให้กับผู้ชม (อ่านต่อที่คอมเม้นท์ได้เลยค่ะ) รักละไม ไอทะเล บทที่ 4 การแกล้งยกแรก 3
นางแบบสาวไม่ตอบ แต่กลับชี้ไปที่รถของเขา จิรายุสตาเหลือกอ้าปากค้างเพราะนึกไม่ถึงว่าเธอจะใช้วิธีหักคอกันดื้อๆแบบนี้ก่อนหลุดปากเสียงดังลั่น
เอ้ย ไม่ได้ เขาสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อปรับอารมณ์ที่กำลังเดือดปุดๆก่อนพูดแก้ คือผมหมายความว่าทำแบบนั้นไม่ดีแน่ คุณเป็นนางแบบชื่อดัง ส่วนผมเป็นผู้ชาย เกิดมีใครมาเห็นเข้ามันจะไม่งาม ใช้คำพูดเป็นตาแก่เชียว มุกมณีบ่นพร้อมกับกอดอก ฉันอุตส่าห์เดินตามมาถึงนี่ ใจคอคุณจะทิ้งฉันไว้ตรงนี้หรือไง ไม่ได้ทิ้ง ผมบอกว่ามันไม่เหมาะ ไม่เหมาะตรงไหน ก็ตรง จิรายุสพูดอย่างอ่อนใจ คุณเป็นผู้หญิง ผมเป็นผู้ชาย ยังไงมันก็ดูไม่ดี ดีเลวอยู่ที่ใจคน ถ้าคิดแบบนั้นแสดงว่าคุณมองฉันด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ เจอไม้นี้เข้าไป ชายหนุ่มถึงกับเกาหัวแกรก ผมไม่เคยคิดอะไรกับผู้หญิงแบบนั้น ที่พูดเนี่ยก็เพื่อภาพพจน์ของตัวคุณนะครับ งานนี้มีนักข่าวมากันเยอะแยะ เกิดใครเห็นคุณนั่งรถไปกับผม พรุ่งนี้เช้ามีหวังพาดหัวข่าวกันสนุกสนาน ช่างปะไร มุกมณีพูดอย่างไม่ใส่ใจนักพร้อมกับเดินอ้อมหน้ารถไปด้านตรงข้าม พอเห็น จิรายุสยังคงยืนนิ่งเธอจึงร้องเร่ง เอ้า มัวแต่ยืนเหม่ออยู่ได้ เปิดประตูเร็วๆสิ เมื่อแน่ใจว่านางแบบสาวดึงดันที่จะไปกับเขา ชายหนุ่มจึงจำต้องเปิดล็อคประตูและรอจนเธอเข้าไปนั่ง เขาจึงประจำที่คนขับ พอสตาร์ทรถและเลื่อนไปเข้าเกียร์ มือเจ้ากรรมดันไพล่ไปแตะขาของมุกมณีเข้า จิรายุสสะดุ้งและชักมือกลับพร้อมกับหลุดปากขอโทษออกมาโดยอัตโนมัติ ท่าทางเงอะงะของเขาทำให้นางแบบสาวขำจนเผลออมยิ้ม เป็นอะไรไป อย่าบอกนะว่าคุณยังขับรถไม่คล่อง เธอกระเซ้าอย่างสนุก แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เพราะเขาพยายามระวังการขยับร่างกายของตัวเองจนสุดชีวิต กว่ารถจะเคลื่อนออกจากที่จอดได้ เล่นเอาเหงื่อแตกเปียกโชกไปทั้งตัว เพิ่งมีผู้หญิงนั่งด้วยเหรอ มุกมณีแกล้งแหย่ แต่จิรายุสกลับย้อนถามคนละเรื่อง คุณจะลงตรงไหน ตรงไหนก็ได้ แล้วแต่คุณสะดวก ชายหนุ่มเหลือบตามองหญิงสาวแต่ไม่พูดอะไร เขาขับรถไปเรื่อยๆและเหยียบเบรกตรงกลางสี่แยก โชคดีที่ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน ถนนจึงโล่ง ไม่มีรถวิ่งผ่านไปมาเลยสักคัน จอดทำไม มุกมณีถาม จิรายุสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนตอบ ให้คุณลง กลางสี่แยกเนี่ยนะ นางแบบสาวถามเสียงสูง อีกฝ่ายจึงส่งยิ้มกวน ก็คุณเป็นคนบอกเองว่าตรงไหนก็ได้ จิรายุสพูดหน้าตายแถมในใจยังคิดต่อไปด้วยว่า ยังดีที่แถวนี้ไม่มีสะพานข้ามแยก ไม่อย่างนั้นละก็นางแบบคนสวยคงได้เดินชมวิวกรุงเทพยามราตรีจากมุมสูงไปแล้ว มุกมณีหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ เพราะนึกไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าแว่นหน้าใสย้อนศรมาแบบนี้ เธอกระแทกลมหายใจกระฟัดกระเฟียดสองสามครั้งก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดประตู พอพบว่ามันยังล็อคอยู่ จึงหันไปสั่งเสียงห้วน เปิดประตูสิ จิรายุสดันแว่นตาด้วยนิ้วชี้พลางเหลือบมองไฟจราจรด้วยหางตา เมื่อเห็นสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาจึงออกรถทันที ปากก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแต่กวนอารมณ์ แหมน่าเสียดาย ไฟเขียวพอดี คุณแกล้งฉันใช่ไหม มุกมณีถามเสียงขุ่น ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นเกาคางเหมือนไม่สนใจก่อนตอบ เปล่า งั้นเมื่อกี้จอดรถทำไม คุณไม่เห็นสัญญาณไฟหรือครับ จิรายุสย้อนถามและยิ้มแยกเขี้ยว ผมเป็นพลเมืองดี ไม่ทำผิดกฎจราจรด้วยการขับรถฝ่าไฟแดงหรอก พอเห็นสีหน้างอง้ำของมุกมณีแล้ว ชายหนุ่มเกือบจะหลุดปากหัวเราะด้วยความขบขัน แต่ต้องระงับเอาไว้เพราะขืนทำแบบนั้นมีหวังเจ้าหล่อนอาละวาดจนรถตกถนนแน่ นั่งเงียบไปได้สักพักเขาก็เอ่ยปากถาม ตกลงจะให้ผมไปส่งคุณที่ไหน นางแบบสาวไม่ยอมตอบแต่กลับเมินหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ชายหนุ่มถึงกับเกาหัวแกรก เพราะถ้าขืนเธอยังงอนนั่งนิ่งอยู่อย่างนี้ มีหวังได้วิ่งรถวนรอบกรุงเทพกันทั้งคืนแหง ถ้าไม่อยากให้ผมรู้ที่อยู่ งั้นบอกสถานที่ใกล้ๆมาก็ได้ คราวนี้จิรายุสใช้คำพูดอย่างสุภาพ มุกมณีค้อนเขาหนึ่งวงใหญ่ก่อนตอบเสียงกระด้าง ริเวอร์ทาวน์ ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักเพราะรู้จักสถานที่แห่งนั้นดีว่าเป็นคอนโดมิเนียมหรูหราราคาแพงที่ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งอยู่ริมน้ำ แต่หากมองลงมาจากห้องชั้นสูงขึ้นไป ก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันแสนสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ จิรายุสขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยย่อยอันเป็นถนนส่วนบุคคลนำไปสู่คอนโดมิเนียม ริเวอร์ทาวน์ วิ่งไปได้เพียงครึ่งทางจู่ๆมุกมณีก็พูดขึ้น จอด เขาหยุดรถตามที่เธอสั่งแต่ยังไม่วายถาม คุณจะลงตรงนี้เหรอครับ เขามองอาคารสูงตรงหน้าถึงจะไม่ห่างจากที่เขาจอดเท่าใดนัก แต่ถ้าลงเดิน คงกินเวลาหลายนาทีกว่าจะถึง ยังอีกตั้งไกล แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก นางแบบสาวตอบพร้อมกับหยิบกระเป๋าขึ้นมาคล้องไหล่ แต่พอเห็นอีกฝ่ายยังไม่ยอมปลดล็อคประตูให้เธอจึงหันกลับมาสั่ง เปิดประตู จิรายุสส่ายหน้าพร้อมกับออกรถ ปากก็พูด ไม่มีทาง ทั้งมืดทั้งเปลี่ยวแบบนี้ผมปล่อยให้คุณเดินไปคนเดียวไม่ได้หรอกครับ คำพูดของเขาทำให้มุกมณีต้องเอียงหน้าพร้อมกับอมยิ้ม เป็นห่วงเหรอ เปล่า ผมแค่ไม่อยากตกเป็นข่าวว่าทิ้งนางแบบสาวสวยชื่อดังไว้กลางทาง ปล่อยให้เธอต้องย่ำต๊อกกลับบ้านตัวคนเดียวต่างหาก เขาลอยหน้าลอยตาพูดจนนางแบบสาวเกิดอาการหมั่นไส้ เธอค้อนเขาขวับพร้อมกับสะบัดเสียง เชอะ นึกว่ามีน้ำใจ ที่แท้ก็ห่วงตัวเอง ครับ ชายหนุ่มยอมรับด้วยคำพูดสั้นๆพลางเลื่อนรถไปจนถึงลานจอดของคอนโดแล้วจึงหยุด ถึงแล้วครับคุณสุภาพสตรี เขาบอกพร้อมกับปลดล็อคประตู มุกมณีก้าวลงจากรถพร้อมกับกล่าวเสียงห้วน ขอบใจ เธอก้าวฉับๆตรงไปที่ประตูโดยไม่พูดอะไรอีก กระทั่งจิรายุสขับรถออกไปจนพ้นจากไปจากสายตาแล้วเธอจึงเดินออกไปยืนที่ลานจอดรถอีกครั้ง อึดใจเย็นตาโฟก็ขับรถสีเขียวสดของเธอเข้ามาเทียบ พอหญิงสาวเข้าไปนั่ง เขาก็บ่นออกมายาวเหยียด ทีหลังพี่ไม่เล่นแบบนี้อีกแล้วนะ อะไร แกล้งทำเป็นถูกทิ้งแล้วอาศัยรถคนอื่นกลับบ้าน ถ้าเกิดเขาหน้ามืดเลี้ยวเข้าโรงแรมกลางทาง มุกจะทำยังไง จะกลัวอะไร พี่โฟก็ตามมาห่างๆไม่ใช่เหรอคะ มุกมณีเถียง เย็นตาโฟส่ายหน้าขณะเลี้ยวรถเข้าไปอาคารซึ่งเป็นที่จอดสำหรับผู้พักอาศัยไล่ขึ้นไปทีละชั้น ถ้าพี่โฟตามไม่ทันละ ไม่ต้องห่วง ยังไงมุกก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว อีกอย่างตาแว่นนั่นไม่คิดอะไรอกุศลกับมุกหรอก แค่มองยังไม่กล้าเลย รู้ได้ยังไง เย็นตาโฟถาม นางแบบสาวยิ้มอย่างสนุก มุกแกล้งลองใจเขาตั้งหลายครั้ง แต่เจ้าแว่นนั่นไม่สนเลยสักนิด เธอย่นจมูก สงสัยจะตายด้าน ตายแล้ว พูดออกมาได้ยังไงกันคะ เย็นตาโฟติงด้วยน้ำเสียงตระหนก อย่าไว้ใจผู้ชายเชียวนะมุก เห็นหงิมๆแบบนี้เวลาหน้ามืดขึ้นมา หนุ่มหน้าใสก็เปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าได้เหมือนกัน มุกมณีหัวเราะคิกคัก กับคนอื่นคงใช่ แต่ไม่ใช่นายจิรายุสคนนี้แน่ค่ะ เย็นตาโฟชำเลืองตามองนางแบบสาวที่เขารักเหมือนน้องด้วยความสงสัยก่อนจะถอยรถเข้าซอง เมื่อจอดเรียบร้อยแล้วเขาจึงส่งกุญแจคืนให้หญิงสาวก่อนก้าวลงจากรถ ทุกทีพี่ไม่เคยเห็นมุกสนใจใคร ตาแว่นนี่มีอะไรเป็นพิเศษเหรอถึงได้หาเรื่องแกล้งเขาแบบนี้ สนุกดี มุกมณีตอบสั้นๆ เกย์หนุ่มจึงได้แต่ส่ายหน้า จะแกล้งอะไรใครพี่ไม่ว่า แต่ขอให้พอเหมาะพอควร มุกเพิ่งเจอผู้ชายคนนั้นแค่ครั้งสองครั้งยังไม่รู้จักนิสัยเขาดี เห็นท่าทางซื่อๆแบบนั้น ตัวจริงอาจเป็นผู้ชายหื่นกามก็ได้ มุกดูคนออกค่ะพี่โฟ นางแบบสาวตัดบท และรีบส่งยิ้มหวานให้เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของอีกฝ่าย ก็ได้ มุกจะระวัง และสัญญาว่าจะไม่เล่นอะไรแบบนี้อีก เย็นตาโฟมองเธออย่างคาดคั้น แน่ใจนะ มุกมณีหัวเราะออกมาเบาๆก่อนรุนหลังเกย์หนุ่มไปที่รถ ดึกแล้วรีบกลับบ้านเถอะ พรุ่งนี้มีงานใหญ่รอพี่อยู่ถึงสองงานนะคะ พอเห็นหญิงสาวแกล้งทำเป็นเฉไฉพูดเรื่องอื่นเย็นตาโฟจึงได้แต่ระบายลมหายใจเสียงดังเฮือกแต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไรมากนัก พอนั่งประจำที่คนขับแล้วเขายังไม่วายเปิดกระจกชะโงกหน้าออกมาสั่ง กลับห้องไปได้แล้ว มุกมณีโบกมือตอบก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปด้านใน เมื่อเห็นนางแบบสาวกลับเข้าที่พักตามที่บอกแล้ว เย็นตาโฟจึงขับรถออกจากคอนโด มุ่งหน้ากลับบ้านของตัวเอง */*/*/*/* รักละไม ไอทะเล บทที่ 4 การแกล้งยกแรก 2
จิรายุสเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่านางแบบอย่างมุกมณีจะมีอิทธิพลสูงถึงขนาดนี้ เขาพยายามนึกว่าเธอใช้วิธีไหนหว่านล้อมคุณพีระ ซึ่งเป็นคนเคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบตามแบบนิสัยชาวตะวันตก แต่คำพูดประโยคต่อมาของนายประพจน์ก็ไขข้อสงสัยเหล่านั้นทั้งหมด เธอไม่ได้ขอหรอก คุณพีระเป็นคนอนุญาตด้วยตัวเอง เพราะรู้มาว่างานโฆษณาตัวใหม่อีกหลายชิ้น เธอเจาะจงว่าจะต้องมาถ่ายทำที่บริษัทเรา เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและมองจิรายุสอย่างรู้ทัน สงสัยคุณมุกมณีจะถูกใจคุณเข้าแล้ว เธอถูกใจงานของเรามากกว่าครับ ชายหนุ่มรีบแก้ นายประพจน์จึงปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นและตบบ่าเขาสองสามครั้ง ผมล้อเล่นน่ะ เอ้าหมดเรื่องแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ จิรายุสรับคำและรับบัตรเชิญจากหัวหน้าก่อนเดินออกจากห้องเพื่อกลับไปจัดการงานที่ทำค้างไว้ให้เสร็จเรียบร้อย หลังจากนั่งจ้องหน้าจอตอมพิวเตอร์มาตลอดวัน ชายหนุ่มก็จำต้องหยุดพักสายตาด้วยการถอดแว่นและนวดบริเวณดั้งจมูกเบาๆ ตอนแรกเขาคิดจะเดินไปชงการแฟมาดื่มแต่กลับเปลี่ยนใจเป็นหยิบบัตรเชิญมาพลิกดูรายละเอียด จึงรู้ว่างานจะมีขึ้นในอีกสามวัน และจัดในลักษณะแบบชาวตะวันตกคือ เป็นการเลี้ยงแบบค็อกเทล พอรู้ว่าเป็นการจัดงานประเภทเน้นการพูดคุยสนทนา สลับกับการเสิร์ฟเครื่องดื่มและมีอาหารจำพวกคานาเป้หรือค็อกเทลซึ่งเป็นของกินเล่นเท่านั้น จิรายุสจึงวางแผนล่วงหน้าโดยตั้งใจว่าจะรีบจัดการงานให้เสร็จก่อนเที่ยงหรืออย่างช้าที่สุดต้องไม่เกินเวลาบ่าย จากนั้นก็ออกไปหาข้าวแกงกินรองท้องสักสองจานเสร็จแล้วค่อยกลับบ้านอาบน้ำแต่งตัวแล้วจึงเดินทางไปร่วมงาน ถึงจะวางแผนเอาไว้อย่างดิบดีแต่พอถึงเวลาจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะวันต่อมามีงานด่วนเข้าซึ่งก็คือโฆษณาขนมอบกรอบที่นายประพจน์ให้พนักงานคนอื่นทำมีปัญหา จิรายุสจึงต้องนำมาปรับแก้ไขใหม่ทั้งหมดซึ่งกินเวลาเกือบสองวัน จากนั้นจึงกลับมาทำงานโฆษณาครีมบำรุงผิวที่มุกมณีเป็นนางแบบ แต่กว่าทุกอย่างจะแล้วเสร็จก็เกินเวลาที่ชายหนุ่มกะเอาไว้มาก พอเลิกงานเขาก็ตรงดิ่งกลับคอนโดเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่พอจะออกเดินทางเขากลับต้องมาเสียเวลายืนคิดว่าจะไปด้วยวิธีใดดี ระหว่างรถไฟฟ้ากับขับรถไปเอง พิจารณาถึงความเหมาะสมทั้งหมดแล้ว จิรายุสจึงตัดสินใจขับรถไปร่วมงาน เมื่อไปถึงคนแรกที่เดินเข้ามาทักทายคือนายพีระ ต่อมาเป็นตัวแทนของบริษัทจิวเวอรี่ การสนทนาดำเนินไปอยู่ครู่หนึ่งไฟทุกดวงก็ดับพรึ่บลง เสียงพิธีกรประจำงานดังขึ้น ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ กระผมคิดว่าทุกท่านคงเฝ้ารอคอยที่จะได้ชมความงามของอัญมณีอันล้ำค่า ที่คัดสรรมาอย่างดีเพื่อสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่ทรงเกียรติทุกท่าน ดังคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า สิบปากว่ายังไม่เท่าตาเห็น ณ บัดนี้กระผมมีความยินดีที่จะขอนำเสนอภาพยนตร์โฆษณาชุด อัญมณีแห่งหิมพานต์ เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อพิธีกรกล่าวจบ ทุกคนหันไปยังจอที่ถูกติดตั้งไว้บนเวที เมื่อภาพของมุกมณีปรากฏขึ้น เสียงครางฮือฮาก็ดังระงมมาจากผู้ชม ยิ่งเมื่อถึงตอนที่เธอสวมสร้อยและมีแสงเรืองรองส่องสว่างออกมาจากร่าง ทุกคนในงานต่างยืนตะลึงงันอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก จนโฆษณาจบลง ตัวแทนบริษัทซึ่งตั้งสติได้เร็วกว่าคนอื่นจึงปรบมือ แขกที่เหลือรีบปรบตาม สวยอะไรอย่างนี้ เสียงท่านผู้หญิงคนหนึ่งเปรยอย่างหลงใหล ใครบางคนกล่าวเสริม ใช่ค่ะ สวยทั้งสร้อย ทั้งนางแบบ ดิฉันคงต้องซื้อมาใส่บ้างแล้ว เสียงชมเปาะดังระงมไปทั่วทั้งงาน ทำให้จิรายุสซึ่งปรกติมักไม่ค่อยสนใจเรื่องทำนองนี้เท่าใดนักพลอยยิ้มกริ่มไปด้วย หน้าบานไปได้สักพักชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว เพราะเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจว่ายินดีกับความสำเร็จของงาน หรือภูมิใจในตัวของมุกมณีกันแน่ พอนึกถึงชื่อของนางแบบจอมเอาแต่ใจ จิรายุสรีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวหมด เขาจะต้องไปภูมิอกภูมิใจแทนเธอทำไมกัน ในเมื่อความงดงามทั้งหมดนั้นล้วนเกิดจากฝีมือของเขาเอง ยกเว้นรัศมีประหลาดที่เปล่งออกมาจากร่างของมุกมณี มีเสียงแย้งขึ้นมาในหัว ชายหนุ่มสะบัดหน้าสองสามครั้งเพื่อไล่ความคิดสับสนทั้งหลายออกไป ก่อนที่เขากำลังจะสติแตกกับเหตุผลที่ขัดแย้งกันเองอยู่นั้น เสียงพิธีกรของงานก็ดังขึ้นอีกครั้ง ตื่นตาตื่นใจกับภาพยนตร์โฆษณากันไปแล้วนะครับ แต่ผมอยากจะบอกกับทุกท่านว่า ความงามของอัญมณีที่เห็นในภาพ ยังด้อยกว่าของจริงมากมาย เขาเว้นระยะคำพูดไปเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงชวนระทึก ขอเชิญท่านผู้มีเกียรติทุกท่านพบกับเครื่องเพชรชิ้นเอกของงาน รัตนชาติสีเขียวอันเลอค่า อัญมณีแห่งหิมพานต์ สปอร์ตไลท์ส่องไปยังยกพื้นที่ถูกวางให้เป็นทางเดินกลางห้อง กระทบกับร่างของมุกมณีที่กำลังยืนอย่างสง่างาม เมื่อนักดนตรีบรรเลงเพลง นางแบบสาวจึงเยื้องย่างด้วยท่าทางดุจนางพญา สายตาทุกคู่ไม่เว้นแม้แต่จิรายุส ล้วนจับจ้องอยู่ที่ตัวของมุกมณี เพราะรูปโฉมของเธอในตอนนี้งดงามและเจิดจรัสยิ่งกว่าโฆษณาที่ชมไปเมื่อครู่มากมายหลายเท่า เรือนร่างสะโอดสะองถูกหุ้มห้อด้วยชุดราตรีเกาะอกลายเกล็ดปลาสีเขียวเหลือบทองเป็นมันเลื่อมพราย การเยื้องกรายแต่ละก้าวทำให้เธอดูเฉิดฉาย และสูงส่งดุจนางพญานาคี ราชินีแห่งบาดาล ตลอดทั้งเรือนร่างมีแสงเรืองรองส่องออกมาจางๆ ทำให้มรกตเม็ดงามที่ประดับบนลำคอระหงเปล่งประกายแวววาว จับตาผู้คน ยิ่งกอปรกับตัวเรือนที่ถูกออกแบบมาให้ดูคล้ายหางยูงรำแพนด้วยแล้ว อัญมณีหลากสีหลายขนาดที่ถูกประดับประดารายล้อมรัตนชาติสีเขียวสด ต่างแย่งกันทอแสงระยิบระยับแพรวพราวดุจแสงของดวงดารา ยามรัตติกาล เมื่อไฟทุกดวงกลับมาส่องสว่างอีกครั้ง สติของทุกคนจึงกลับคืนมา ทันทีที่รู้ตัว ผู้สื่อข่าวต่างพากันยกกล้องขึ้นบันทึกภาพของนางแบบสาวกันเป็นระวิง มุกมณีแย้มรอยยิ้มหวานหยดย้อยพร้อมกับหมุนกายไปโดยรอบเหมือนกำลังหว่านเสน่ห์กับทุกคน กระทั่งดวงตาไปสบกับจิรายุส เธอจึงหยุดและหลิ่วตาให้ พอเห็นดังนั้น มือที่ถือแก้วเครื่องดื่มชะงักค้างขณะมืออีกข้างยกขึ้นขยับแว่นตาเพราะไม่แน่ใจว่านางแบบสาวทำกิริยาอย่างนั้นกับใคร แต่เมื่อจ้องเธออีกครั้ง ชายหนุ่มต้องใจเต้น เพราะคราวนี้มุกมณีกำลังขยับปากขมุบขมิบมาที่เขาโดยตรง ขอบคุณ จิรายุสยืนตัวแข็งทื่อเพราะนึกไม่ถึงว่านางแบบสาวจอมเอาแต่ใจจะพูดคำนี้ออกมา ถึงจะแค่แวบเดียวแต่เขาก็แน่ใจว่าดูไม่พลาด ความกลัวว่าคนอื่นจะสังเกตเห็นการกระทำของเธอ ชายหนุ่มจึงรีบกวาดตามองไปโดยรอบและถอนใจออกมาเบาๆกอย่างโล่งอก ดูเหมือนทุกคนจะไม่รู้เพราะมัวแต่มุ่งความสนใจไปที่มุกมณี หลังจากยืนให้นักข่าวบันทึกภาพจนสมควรแก่เวลา นางแบบสาวจึงเดินกลับไปยังหลังเวทีเพื่อถอดสร้อยเพชรและเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดราตรีสีเหลืองขมิ้น เมื่อกลับออกมาอีกครั้ง ตัวแทนบริษัทจิวเวอรี่จึงกล่าวขอบคุณพร้อมกับมอบของที่ระลึกให้หนึ่งชิ้น จากนั้นการสนทนาจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยคราวนี้เน้นไปที่การแนะนำเครื่องเพชรนานาชนิดที่นำออกมาแสดง หลายชิ้นถูกสั่งจองโดยแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน ถึงตอนนี้จิรายุสจึงเริ่มคิดว่าเขาควรกลับเสียที เพราะดึกมากและที่สำคัญท้องเขาก็เริ่มส่งเสียงครวญครางเหมือนจะเตือนว่า ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตอนเย็น เพื่อไม่ให้เสียมารยาท ชายหนุ่มจึงไปกล่าวล่ำลาเจ้าของงาน รวมทั้งนายพีระ จากนั้นจึงออกจากห้องตรงไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปยังที่จอดรถ ระหว่างที่รอให้ลิฟต์เลื่อนลงมาอยู่นั้น จิรายุสก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็น มุกมณีเดินตรงรี่เข้ามาหา ตอนแรกเขาคิดว่าเธอคงเข้ามาหาเรื่องหรืออะไรทำนองนั้น แต่ผิดคาด เพราะนางแบบสาวไม่พูดอะไรกับเขาเลยสักคำ กระทั่งทั้งคู่เข้าไปในลิฟต์นั่นแหละ เธอจึงเอ่ยปากถาม วันนี้ขับรถมาเองเหรอ ครับ จิรายุสตอบ พลางจ้องเขม็งไปที่ตัวเลขเหนือประตูเหมือนหาทางเลี่ยงไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย มุกมณียิ้มอย่างรู้ทัน กลัวลงผิดชั้นหรือไง เธอกระเซ้า ชายหนุ่มรีบใช้นิ้วดันแว่นตัวเองเพื่อลดความประหม่าก่อนตอบ เปล่าครับ งั้นก็เลิกจ้องเลข แล้วหันมาคุยกับฉัน นางแบบสาวพูดเป็นเชิงสั่ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังยืนนิ่งอยู่ในท่าเดิมเธอจึงแกล้งบ่น สงสัยวันนี้พี่โฟจะแต่งหน้าไม่สวย ปรกติถ้าเธอออกปากพูดแบบนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่จะรีบหันมามองพร้อมกับพูดเอาใจ แต่สำหรับจิรายุสแล้วไม่ เพราะเขายังคงขยับแว่น โดยตาจับจ้องอยู่ที่ตัวเลขเหมือนเดิม ท่าทีเฉยเมยของเขาทำให้มุกมณีเริ่มโกรธขึ้นมาตะหงิดๆ นี่ตาแว่น เธอเรียกชัดถ้อยชัดคำ แต่คนถูกเรียกกลับใช้นิ้วชี้ดันแว่นตาตัวเองพร้อมกับพุดเสียงเรียบ ผมชื่อจิรายุส ตาแว่น นางแบบสาวยังเรียกเขาแบบเดิม ชายหนุ่มจึงหันมามองหน้าพร้อมกับถาม ไม่เคยมีใครบอกคุณหรือครับว่า การเรียกคนอื่นด้วยถ้อยคำแบบนี้เป็นการไม่สุภาพ ไม่มี มุกมณีตอบหน้าตาเฉย คราวนี้จิรายุสจึงเป็นฝ่ายโมโหขึ้นมาบ้าง ผู้หญิงน่ะ สวยแค่หน้าตาอย่างเดียวไม่พอ คำพูด กิริยาก็ต้องงดงามตามไปด้วย คุณเป็นนางแบบชื่อดังแต่ทำตัวไม่มีมารยาทแบบนี้ คนอื่นรู้เข้ามันจะไม่ดีนะครับ มุกมณียักไหล่ ฉันก็พูดแบบนี้ประจำ ไม่เห็นมีใครว่าอะไร แถมยังมีงานเข้าตั้งเยอะแยะ เจอคำตอบกวนอารมณ์แบบนี้เข้า ชายหนุ่มถึงกับถอนใจดังเฮือก โชคดีที่ลิฟต์เลื่อนมาถึงชั้นที่จอดรถพอดี เขาจึงพูดตัดบท งั้นก็ตามสบายเลยครับ จิรายุสก้าวออกจากลิฟต์ทันทีและตรงไปที่รถเดินไปได้สักพักก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อพบว่ามุกมณีเดินตามหลังมาติดๆ ตอนแรกเขาคิดว่าเธอคงบังเอิญจอดรถชั้นเดียวกัน แต่ไม่ใช่ เพราะพอถึงรถของเขา นางแบบสาวก็หยุดตาม คุณจอดรถไว้ชั้นไหนหรือครับ จิรายุสหันไปถามเพราะคิดว่ามุกมณีอยากให้เขาเดินไปส่งเหมือนครั้งที่แล้ว แต่เธอกลับส่ายหน้า ฉันมารถพี่โฟ อ้าว แล้วทำไมไม่ออกมาพร้อมคุณเย็นตาโฟละครับ ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย มุกมณีทำเป็นมองไปทางโน้น ทางนี้ก่อนตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก พี่โฟกลับไปก่อนแล้ว อ้าว จิราสุยอุทานอีกครั้ง แล้วคุณจะกลับยังไงละครับทีนี้ รักละไม ไอทะเล บทที่ 4 การแกล้งยกแรก 1
บทที่ 4 การแกล้งยกแรก ลมหายใจที่ถูกระบายเข้าออกถี่กระชั้น บ่งบอกถึงความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด เสียงสะอึกสะอื้นสลับกับคำอ้อนวอนอันแสนอ่อนระโหยดังขึ้นมาหลายครั้ง แต่ไม่ทำให้ชายฉกรรจ์สองคนซึ่งยึดแขนทั้งสองข้างของหญิงสาวอยู่นั้นมีความเมตตาขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม หนึ่งในนั้นยังฟาดเปรี้ยงลงบนใบหน้าของเธออย่างแรงพร้อมกับตะคอก หุบปาก ! หญิงสาวยอมเงียบตามคำสั่งแต่ยังคงสะอื้นไห้ ดวงตาที่บอบช้ำจ้องตรงไปยังประตูด้วยความหวังว่าจะมีใครบางคนเข้ามาช่วยแต่ความคิดนั้นก็สลายหายไปเมื่อเสียงรองเท้าก้าวเดินอย่างเป็นจังหวะดังใกล้เข้ามา ไม่ต้องเห็นหน้า เธอก็จำได้ว่าเจ้าของฝีเท้าคนนี้เป็นใคร บานประตูเปิดออก ผู้ที่ก้าวเข้ามาคนแรกเป็นชายผอมแห้งหน้าเสี้ยม เขาไล่สายตามองทุกคนที่อยู่ในห้องก่อนเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง หลีกทางให้ชายอีกคน แม้ดวงตาจะพร่ามัวแต่หญิงสาวก็จำชายคนนี้ได้ดี ร่างกายสูงใหญ่ที่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าชั้นดีราคาแพง ท่าทางในมาดสุภาพบุรุษกับใบหน้าหล่อเหลาชวนให้ผู้หญิงทุกคนหลงใหล แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าภายใต้หน้ากากคมสันนั้น คือปิศาจร้ายที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรก ว่าไง เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเห็นสภาพบอบช้ำของหญิงสาว หนึ่งในคนที่ยึดตัวเธอไว้ตอบอย่างนอบน้อม มันซื้อตั๋วเตรียมบินหนีไปเมืองนอกครับพี่ยศ ดวงตาคมปลาบตวัดกลับมายังหญิงสาวอีกครั้ง มือที่ครั้งหนึ่งเคยลูบไล้เธออย่างทะนุถนอมเชยคางกลมมนขึ้นและบีบอย่างแรง โง่มากที่คิดหนีไปจากฉัน ได้โปรด เสียงแหบพร่าอ้อนวอน แต่ไม่ทำให้อีกฝ่ายบังเกิดความเห็นใจหรือปรานีเธอเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาผลักหญิงสาวออกไปค่อนข้างแรงจนศีรษะหงายพร้อมกับสั่ง เก็บมัน ลูกน้องคนหนึ่งมองเรือนร่างของหญิงสาวแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ขอผมสนุกก่อนได้มั้ยพี่ ไม่ได้ ! คนเป็นหัวหน้าตวาดลั่น ชายหน้าเสี้ยมจึงล้วงมือเข้าไปในเสื้อ หยิบปืนพกอัตโนมัติออกมาแต่คนเป็นนายกลับยกมือห้าม ใช้นั่นดีกว่า มือเพชฌฆาตผงกศีรษะอย่างเข้าใจ เขาเก็บปืนกลับที่เดิมและล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงดึงกล่องพลาสติกสีดำออกมาเปิด เมื่อเห็นหลอดฉีดยาขนาดเล็กที่บรรจุอยู่ในนั้น หญิงสาวต้องเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว ไม่ อย่ากลัวไปเลย รับรองว่าเธอจะรู้สึกเป็นสุขจนกระทั่งถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ชายหน้าเสี้ยมจรดปลายเข็มลงบนแขนของหญิงสาวและฉีดของเหลวสีขาวขุ่นที่มีอยู่เกือบเต็มหลอดเข้าไปร่างของเธอทั้งหมด เมื่อถอนเข็มออก ชายสองคนก็ปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ เธอรีบคลานเข้าไปหาคนที่เป็นหัวหน้าแต่ก็แค่ขยับแขนได้เพียงข้างเดียวเท่านั้น ทั้งร่างก็เกิดอาการสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง เธออ้าปากหอบหายใจอย่างหนักและล้มลงนอนบิดไปมาอย่างทรมาน ดวงตาเหลือกลานด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด น้ำลายเป็นฟองฟูฟ่องไหลทะลักออกมาจนท่วมท้นริมฝีปากซีด ก่อนลมหายใจสุดท้ายจะขาดสะบั้นลง เธอยื่นมือข้างหนึ่งออกไปกำขากางเกงสุภาพบุรุษคนนั้นแน่นพร้อมกับแค่นเสียงเรียก คุณทรงยศ คนถูกเรียกยืนนิ่งไม่ขยับกระทั่งหญิงสาวแน่นิ่งไปแล้วเขาจึงดึงขาของตัวเองให้หลุดจากมือของเธอและหมุนตัวเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมออกคำสั่ง เอาไปทิ้ง เสียงรับคำของสองลูกสมุนดังพร้อมกับเสียงเพลงจากสมาร์ตโฟน เขาดึงออกมาดูหมายเลขบนหน้าจอก่อนกดปุ่มรับ ครับ เขานิ่งไปเล็กน้อยเพื่อฟังคำของอีกฝ่ายและยิ้มมุมปาก ไม่ต้องห่วง ผมเก็บมันไปเรียบร้อยแล้ว ทางคุณละว่ายังไง มีแววว่าจะได้ห่านตัวนั้นแล้วหรือยัง ลูกค้าเร่งมาแล้วนะ เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก ทรงยศในลำคอก่อนพูดเสียงเหี้ยม ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณทำไม่ได้จริงๆ ผมจะเป็นคนลงมือจัดการเอง เขาปิดโทรศัพท์และเดินตรงไปยังห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ชั้นสามของบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ห่างจากชุมชนมากและติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่ออยู่ตามลำพัง ชายหนุ่มจึงรินคอนยัคราคาแพงลงแก้วและออกไปยืนชมทิวทัศน์ยามเย็นที่ระเบียงพลางคิดถึงแผนการที่เตรียมไว้สำหรับเหยื่อรายต่อไป ดื่มด่ำกับความคิดอันชั่วร้ายอยู่ครู่หนึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เมื่อเขากล่าวอนุญาตชายหน้าเสี้ยมก็ก้าวเข้ามา เสร็จเรื่องแล้วเหรอ เขาถามโดยไม่หันหน้า อีกฝ่ายผงกศีรษะรับพร้อมกับอธิบาย ครับ ผมให้ลูกน้องพานังนั่นไปไว้ในโรงแรมม่านรูด พรุ่งนี้เช้าคงมีคนไปพบ ไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ใช่ไหม ทรงยศถาม เพชฌฆาตประจำตัวกระตุกมุมปากยิ้มด้วยความภาคภูมิ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำเรื่องแบบนี้ ไม่มีแน่นอนครับ อีกอย่างพวกตำรวจคงไม่สนใจคดีนี่แน่ เพราะแม่นี่หายหน้าไปจากวงการนางแบบนานแล้วแถมมีข่าวฉาวโฉ่เรื่องยา คนคงคิดว่าหล่อนตายเพราะเสพยาจนเกินขนาด ทรงยศยืนนิ่งฟังจนอีกฝ่ายพูดจบแต่ไม่กล่าวอะไรตอบ เมื่ออีกฝ่ายเห็นเจ้านายยกแก้วคอนยัคขึ้นดื่มด้วยท่าทางเคร่งขรึมแล้วจึงเอ่ยปากถาม มีเป้าหมายใหม่แล้วหรือครับ ใช่ จะให้พวกผมลงมือเมื่อไหร่ครับ ชายหน้าเสี้ยมถาม คนเป็นนายสั่นศีรษะ ยังไม่ต้อง ทางนั้นขอเป็นคนลงมือก่อน ถ้าไม่ไหวจริงเราค่อยจัดการ เขาหมุนแก้วในมืออย่างใช้ความคิด แต่เหยื่อคนนี้หนังเหนียวกว่าที่คิดเพราะแคล้วคลาดหลุดมือไปหลายครั้ง บางทีอีกสองสามวันผมคงต้องไปเยี่ยมหล่อนด้วยตัวเอง เขาดื่มน้ำสีอำพันรวดเดียวหมดแก้วก่อนมองแสงสุดท้ายของดวงตะวันที่กำลังลาลับไปจากขอบฟ้า มันสะท้อนดวงตาสีน้ำตาลที่ลุกวาวจนน่ากลัวก่อนจะดับวูบไป */*/*/*/* กลิ่นน้ำหอมที่โชยมาในห้องทำให้จิรายุสต้องพ่นลมหายใจออกทางจมูกดังฟุดฟิด ถึงจะเป็นน้ำหอมแต่เพราะไม่ใช่ของแท้ราคาแพงทำให้กลิ่นที่ควรจรุงใจกลับกลายเป็นฉุนจัดจนคนสัมผัสแทบจาม และความที่สูดกันอยู่เป็นประจำทุกวัน แม้ไม่เห็นก็รู้ว่าเจ้าของกลิ่นเป็นใคร มีอะไรหรือครับน้องพู่ ชายหนุ่มเอ่ยปากถามทั้งที่มือยังสาละวนอยู่กับการปรับแต่งภาพ พนักงานสาวชะงักมือที่กำลังยื่นมาสะกิดพร้อมกับขมวดคิ้วย่น แหม อุตส่าห์เข้ามาเงียบๆ พี่เต่ารู้ได้ยังไงค่ะว่าเป็นพู่ ผมจำกลิ่นได้น่ะครับ จิรายุสตอบและเว้นระยะเล็กน้อยเหมือนรอให้อีกฝ่ายยืนอมยิ้มจึงพูดต่อ เพราะมันเป็นกลิ่นเดียวในบริษัทที่ทำให้ผมจามจนแสบจมูกทุกครั้ง กำปั้นของหญิงสาวฟาดตุ้บลงไปกลางหลัง พี่เต่าเนี่ยใจร้ายจัง พูดแบบนี้ได้ยังไง จิรายุสหัวเราะพร้อมกับกดปุ่มเพื่อเซฟงานก่อนหันไปมองน้องพู่ที่ยืนหน้าง้ำ พี่ล้อเล่น ว่าแต่มีอะไรเหรอถึงได้เข้ามาในนี้ ที่ถามเพราะปรกติแล้วห้องตัดต่อจะไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปเดินยุ่มย่ามน้องพู่ค้อนขวับก่อนตอบ พี่พจน์ให้ไปพบที่ห้องค่ะ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เพราะภายในห้องตัดต่อก็มีโทรศัพท์ติดต่อภายใน ทำไมหัวหน้าแผนกถึงไม่เรียกเขาโดยตรง แต่ถึงจะสงสัยจิรายุสก็ยังผงกศีรษะ งั้นรบกวนน้องพู่ไปบอกพี่พจน์ว่าขอพี่เซฟงานกับปิดเครื่องก่อน พนักงานสาวรับคำในขณะที่ดวงตาเหลือบมองภาพบนจอด้วยความอยากรู้ พอเห็นงานโฆษณาที่ชายหนุ่มทำ เธอก็หลุดปากอุทานออกมาด้วยความทึ่ง โห สวยจังเลยค่ะ จิรายุสหันไปมองภาพของมุกมณีที่เอียงหน้าเล็กน้อยพร้อมกับส่งสายตาและรอยยิ้มหวานฉ่ำอยู่ท่ามกลางกลีบดอกซากุระ แม้จะไม่มีแสงประหลาดเหมือนคราวก่อน แต่ใบหน้านวลเนียนกับผิวพรรณอันเปล่งปลั่งอมชมพู ทำให้เธอดูงามเฉิดฉายกว่านางแบบทุกคนที่เขาเคยพบ ใช่สวย เขาพึมพำและนึกแปลกใจที่อยู่ๆทรวงอกด้านซ้ายเกิดอาการเต้นตุบๆ ด้วยจังหวะเร็วกว่าทุกครั้ง ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อไล่ความรู้สึกนั้นพลางคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขานอนน้อยและทำงานหนักเกินไป แต่พอสบกับดวงตาคู่สวยจิรายุสก็ลืมสิ่งที่คิดไปทั้งหมด เขาคงนั่งแข็งเป็นหุ่นอยู่อย่างนั้นถ้าไม่มีเสียงน้องพู่พูดขึ้น เหมือนนางฟ้าเลยนะคะ ชายหนุ่มสะบัดศีรษะสองสามครั้งเหมือนต้องการไล่ความรู้สึกประหลาดที่พุ่งวาบเข้ามาในหัว เขายอมรับว่ามุกมณีสวยราวกับนางฟ้าแต่พอนึกถึงฤทธิ์เดชต่างๆนานาของเธอแล้ว เขาจึงส่ายหน้า อย่างคุณมุกคงเป็นนางฟ้าแห่งความพินาศ พนักงานสาวหัวเราะคิกคักพลางตีต้นแขนจิรายุสไม่แรงนัก ถ้าคุณมุกมณีมาได้ยินมีหวังความพินาศได้มาเยือนพี่เต่าแน่ๆ เธอเดินไปเปิดประตู แต่ยังไม่วายหันกลับมาพูดก่อนออกจากห้อง เร็วหน่อยนะคะ อย่าให้พี่พจน์รอนาน ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เธอแทนคำตอบ จากนั้นจึงเก็บงานและปิดเครื่อง เมื่อตรวจดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาจึงเดินไปหานายประพจน์ที่ห้องทำงานจึงพบว่าสาเหตุที่ถูกเรียกพบคือ เขาและคุณพีระได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเปิดตัว อัญมณีแห่งหิมพานต์ มันจะดีเหรอครับ ที่ถามเช่นนี้เพราะสำหรับนายพีระ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทและนับเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าคนหนึ่งในสังคม คำเชิญให้ไปร่วมงานระดับสูงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับตัวเขาซึ่งเป็นเพียงพนักงานตัวเล็กๆแล้ว มันไม่น่าจะเป็นไปได้ นายประพจน์ไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม แล้วมันแย่ตรงไหน จิรายุสอ้าปากค้างนิ่วหน้าเหมือนพยายามนึกหาคำตอบ คนเป็นหัวหน้าจึงยิ้ม มันก็แค่งานเปิดตัวสินค้าธรรมดา อีกอย่างทางนั้นเขาชอบอกชอบใจผลงานชิ้นนี้มาก มีแววว่าจะทำสัญญาโฆษณาต่ออีกหลายชุด คุณพีระเลยอยากให้คุณไปโชว์ตัวและดูว่าสินค้าแต่ละชิ้นมีลักษณะแบบไหน ตอนรับงานจะได้ทำถูก จิรายุสถอนใจออกมาเบาๆ ความจริงแล้วเขาไม่ได้กลัวเรื่องการพบปะผู้คนเลยสักนิดเพราะตอนฝึกงานและเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ เขาเคยไปดูงานร่วมกับบริษัทของน้ำทิพย์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมาแล้วหลายครั้ง บางทีได้ไปต่างประเทศด้วยซ้ำ แต่คราวนี้ต่างกันเพราะชายหนุ่มแน่ใจว่านอกจากจะได้พบกับเหล่าบรรดาแขกผู้มีเกียรติในวงสังคมแล้ว เขาต้องเจอกับมุกมณีแน่ แต่ที่เดาไม่ออกว่าเธอจะยังคงผูกใจเจ็บอยู่กับเขาอีกหรือไม่ ถ้าใช่ก็คงจะดี แต่ถ้าเธอยังไม่ลืมแล้วละก็ เป็นได้เกิดเรื่องใหญ่แน่ ชายหนุ่มขมวดคิ้วคิดจนหน้าผากย่น ถ้ามองอีกมุม งานเปิดตัวครั้งนี้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ ย่อมมีบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมมาร่วมงานเป็นจำนวนไม่น้อย ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติซึ่งมีผลโดยตรงต่อภาพพจน์และอาชีพ นางแบบสาวเจ้าอารมณ์คนนี้คงไม่กล้าทำอะไรไร้สาระกับเขาหรอก ดังนั้นจึงควรตัดความกังวลในเรื่องนี้ออกไป ต้องคิดหนักขนาดนั้นเลยเหรอ เสียงนายประพจน์ดึงจิรายุสให้หลุดออกจากภวังค์ เขาหัวเราะแก้เก้อก่อนตอบ ครับ เพราะผมคิดว่างานใหญ่แบบนี้คงต้องไปแต่งผม ทำเล็บ ตัดเสื้อผ้าใหม่หมด บางทีอาจต้องลางานสักสองสามวัน คารมกวนประสาทคราวนี้ทำให้นายประพจน์เกิดอาการหมั่นไส้จนนึกอยากจะเตะลูกน้องจอมทะเล้นสักป้าบก่อนพูด ผมให้ไปงานเลี้ยงเปิดตัว ไม่ใช่เดินแฟชั่น เขาชี้หน้าชายหนุ่ม คุณไปกับเจ้านายแถมในนั้นมีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่อย่าได้เผลอไปทำทะลึ่งเข้าเชียว ทราบแล้วครับ จิรายุสรับคำพร้อมกับเก็บบัตรเชิญเข้ากระเป๋ากาง หมดเรื่องแล้วใช่ไหมครับ ผมจะได้ไปทำงานต่อ มีอีกเรื่อง คราวนี้นายประพจน์พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จริงจัง ผมรู้ว่ามันผิดกฎและคุณไม่ชอบ แต่ถ้าคุณมุกมณีขอดูโฆษณาที่เธอแสดงแล้วละก็ คุณต้องเปิดให้ มันจะดีหรือครับ ชายหนุ่มย้อนถาม ประพจน์ถอนใจออกมาเบาๆ ผมนำเรื่องเมื่อวันก่อนไปปรึกษากับคุณพีระมาแล้ว ท่านอนุญาตให้เป็นกรณีพิเศษ เฉพาะแค่คุณมุกมณีเพียงคนเดียว |
กิสึเนะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี Group Blog
All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |