บทที่ 15 ข่าวจากโอริเอะ
บทที่ 15

ข่าวจากโอริเอะ

ฮารุคาเสะมองฝูงปีศาจด้วยใบหน้าเรียบเฉยหากดวงตากลับทอประกายเกลียดชังอย่างสุดหัวใจออกมา เขามองมาซาบุโร่ที่ยืนอุ้มโฮชิโนะเอาไว้ สีหน้าของเขาฉายความโล่งใจออกมาเมื่อเห็นว่าเด็กสาวยังปลอดภัย ฮารุคาเสะหันไปทางโอริเอะและกล่าวเสียงเรียบ
“พาสองคนนั่นออกไป”
นายกองหนุ่มพยักหน้าและรีบเดินเข้าไปหามาซาบุโร่พร้อมกับทำท่าจะนำเขาออกไปจากที่นั่น ปีศาจตนหนึ่งรีบปราดเข้าไปขวางทาง มันร้องลั่นเมื่อถูกพายุใบไผ่พุ่งเข้าใส่ ใบอันแหลมคมเสียบทะลุไปทั่วร่าง มันยืนอ้าปากค้างและล้มลงโดยมีใบไผ่ปักพรุนไปทั้งตัว ฮารุคาเสะลดพัดในมือลงพร้อมกับกล่าวย้ำ
“ไปได้แล้ว”
“แต่ท่าน” โอริเอะแย้งเมื่อเห็นฝูงปีศาจที่เหลือจ้องชายหนุ่มอย่างอาฆาต ฮารุคาเสะชำเลืองตามองนายกองหนุ่ม กายของโอริเอะสะท้านขึ้นมาเมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป
“โปรดระวังตัวด้วย”
นายกองหนุ่มพูดก่อนจะตวัดดาบเพื่อไล่ปีศาจออกไปให้พ้นทาง เขาเดินนำมาซาบุโร่และโฮชิโนะออกจากป่าไผ่ไปจนถึงทางสัญจรปรกติ โอริเอะรีบหันหน้ากลับไปในทิศทางที่เพิ่งเดินมา เขานิ่วหน้าด้วยความรู้สึกกังวล
“เจ้าพวกนั้นไม่มีทางสู้ฮารุจังได้” เสียงใสดังขึ้น โอริเอะก้มลงมองโฮชิโนะซึ่งกำลังยืนจ้องตรงไปยังป่าไผ่เช่นเดียวกัน
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไร”
“ข้ารู้จักฮารุจังดี” เด็กสาวเงยหน้าขึ้น “เขาเป็นผู้ปราบมารที่เก่งที่สุด”
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นทำให้นายกองหนุ่มต้องยืนนิ่ง โอริเอะมองโฮชิโนะอยู่ครู่หนึ่งจึงเลื่อนสายตามองตรงเข้าไปในป่า เสียงเด็กสาวร้องอุทานอย่างดีใจเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตากำลังก้าวเข้ามาใกล้ โฮชิโนะวิ่งออกไปในทันที
“ฮารุจัง” นางกระโดดกอดฮารุคาเสะแน่นและเริ่มไล่สายตาสำรวจไปทั่วร่างของเขา “เจ้าไม่บาดเจ็บใช่ไหม”
“นั่นควรเป็นคำถามของข้ามากกว่า” ชายหนุ่มตอบเสียงขรึม “เจ้าปลอดภัยดีใช่ไหม”
“ปลอดภัยดี” โฮชิโนะตอบ สีหน้าของนางสลดลง “แต่คนของเรา” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้าขณะที่เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองมาซาบุโร่ เขาก้มหน้าลง
“พวกที่ติดอยู่ในวัดปลอดภัย” ฮารุคาเสะพูดขึ้น มาซาบุโร่เงยหน้าและยิ้มอย่างดีใจ
“จริงหรือขอรับ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยินดี “ถ้าเช่นพวกเรารีบไปรับพวกเขาโดยเร็วเถิด”
“ข้าเห็นด้วย” โอริเอะกล่าวเสริมขณะมองดวงอาทิตย์ “เราต้องเร่งเดินทางให้ถึงบ้านของท่านก่อนฟ้าจะมืด”
“ตามข้ามา” ฮารุคาเสะพูดและหมุนตัวเดินนำทุกคนออกไป โฮชิโนะรีบคว้ามือของเขาเอาไว้และกอดแน่นไม่ยอมปล่อย ชายหนุ่มก้มลงมองดูนางก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังโอริเอะและกล่าวเสียงเรียบ
“เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่”
“ข้ากำลังจะไปหาท่าน บังเอิญได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย” นายกองหนุ่มตอบพลาง
พยักหน้าไปทางมาซาบุโร่ “เลยเจอเขา”
“โชคดีที่ข้ามาทัน ไม่เช่นนั้นแล้วท่านอาจถูกเจ้าปีศาจนั่นสังหาร” แม้จะเป็นคำกล่าวที่ฟังดูเย็นชา แต่โอริเอะก็สามารถจับความห่วงใยที่เจืออยู่ในน้ำเสียงนั้นได้ เขาส่ายหน้าและยิ้ม
“ข้าเองก็ตกใจเหมือนกันที่สามารถฟันปีศาจพวกนั้นได้”
“เพราะสองตัวนั่นเป็นปีศาจปลายแถว” ฮารุคาเสะกล่าว “หากเป็นตัวหัวหน้าดาบของท่านคงหักสะบั้น”
“แล้วท่านทำอะไรกับปีศาจพวกนั้น”
“แค่ฉีกพวกมันให้ขาดเป็นริ้ว” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเป็นเรื่องปรกติ โอริเอะอึ้งไปเล็กน้อยขณะที่มาซาบุโร่หน้าถอดสี ทั้งหมดจึงยุติการสนทนาและเดินต่อไปจนกระทั่งถึงวัดที่พวกเขาพบปีศาจครั้งแรก ฮารุคาเสะก้าวข้ามประตูเข้าไปและหยุดยืนนิ่ง โอริเอะซึ่งเดินตามหลังมาอ้าปากค้างเมื่อเห็นเศษชิ้นส่วนทั้งของมนุษย์และปีศาจตกเกลื่อนกลาดอยู่รอบโบสถ์
เขาเปรยออกมาไม่ดังนัก
“นี่มันอะไรกัน”
“เศษมนุษย์คือซากอาหารที่เหลือของพวกผีร้าย” ฮารุคาเสะตอบพร้อมกับยื่นพัดออกไปข้างหน้า “นอกนั้นเป็นเพียงซากของปีศาจที่ถูกข้าบั่นทิ้ง”
เขาคลี่พัดออกและโบกหนึ่งครั้ง พายุใบไม้ที่หมุนวนรอบโบสถ์จึงหยุดลงและร่วงหล่นลงไปกองกับพื้นดิน ชายหนุ่มหันไปทางโอริเอะและมาซาบุโร่
“พวกที่เหลืออยู่ในนั้น”
มาซาบุโร่รีบวิ่งออกไปในทันที เขาร้องเรียกเพื่อนที่หลบซ่อนอยู่ เสียงขานรับดังขึ้นพร้อมกับร่างของผู้รอดชีวิตที่ค่อยๆโผล่หน้าออกมาทีละคน พวกเขาต่างพากันร้องไห้ด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่าตนเองปลอดภัย โฮชิโนะมองคนรับใช้ของตนก่อนจะเลื่อนสายตาไปทางฮารุคาเสะ
“ครั้งนี้เรารอดเพราะเจ้า ขอบคุณมากฮารุจัง”
“ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับหันมาสิ่งยิ้มให้กับเด็กสาว ก่อนจะหันไปมองโอริเอะที่กำลังประคองหญิงรับใช้นางหนึ่งตรงมายังเขา
“นางเป็นอะไรหรือเปล่า” โฮชิโนะถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง นายกองหนุ่มสั่นหน้าพร้อมกับตอบ
“แค่ตกใจจนไม่มีแรงเดินเท่านั้น” เขาหันไปทางฮารุคาเสะ “ค่ำแล้ว เรารีบไปที่บ้านของท่านกันเถิด”
ฮารุคาเสะพยักหน้า เขามองคนของบ้านโอริโมโนะที่เดินมารวมกันและเมื่อแน่ใจว่าทุกคนพร้อม ชายหนุ่มจึงก้าวออกจากวัดและเดินนำหน้าพวกเขาตรงไปยังบ้านฟูจิวาระทันทีโดยมี
โฮชิโนะเกาะมือของเขาไว้แน่นไปตลอดทาง

ไอร้อนที่ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากถ้วยดินเผาเนื้อดีนำกลิ่นหอมของชาให้ไปสัมผัสกับจมูกของโอริเอะ หากเป็นเวลาปรกติเขาคงยกมันขึ้นมาดื่มพร้อมกับชื่นชมความงามของสวนที่ถูกตกแต่งอย่างงดงามภายในบ้านฟูจิวาระอย่างมีความสุข แต่หลังจากผ่านเรื่องราวอันน่าขนลุก
ชาถ้วยนั้นจึงเป็นเพียงเครื่องดื่มเพื่อดับความกระหาย โอริเอะวางถ้วยชาที่ถูกดื่มจนหมดลงและถอนใจขณะที่นั่งคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เสียงฝีเท้าที่หยุดลงตรงหน้าประตูทำให้นายกองหนุ่มต้องชะงักความคิดของตนและรีบค้อมตัวลงเมื่อบานประตูเปิดออก ฟูจิวาระ โทอิจิโรผู้เป็นเจ้าบ้านก้าวเข้ามาในห้องโดยมีฮารุคาเสะเดินตาม โอริเอะกล่าวอย่างนอบน้อม
“ต้องขออภัยเป็นอย่างมากที่มารบกวนท่านในเวลาค่ำคืนเช่นนี้”
“มันเป็นเหตุจำเป็น” โทอิจิโรกล่าวหลังจากนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “อีกอย่างข้าต่างหากที่ต้องกล่าวขอบคุณท่านที่กรุณาช่วยเหลือฮารุคาเสะจากพวกปีศาจ”
“ข้าต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกช่วยเหลือ” โอริเอะรีบแย้งและยืดตัวนั่งตรง เจ้าบ้านฟูจิวาระสั่นหน้าพร้อมกับกล่าว
“เอาเป็นว่าเราต่างมีน้ำใจต่อกัน” เขานิ่งไปเล็กน้อย “ข้าไม่ชอบการอ้อมค้อม ที่ท่านมาในวันนี้ไม่ทราบว่ามีธุระอะไร”
“ข้ามีเรื่องบางอย่างที่จำต้องมาขอคำปรึกษากับบุตรชายของท่าน”
โทอิจิโรเลิกคิ้วขึ้นและหันไปมองฮารุคาเสะที่ยังคงนั่งนิ่ง เขาหันกลับไปทางโอริเอะอีกครั้งและกล่าวเสียงเรียบ
“คงเป็นเรื่องสำคัญ ท่านจึงเดินทางมาอย่างเร่งด่วนเช่นนี้”
“ถูกต้อง” นายกองหนุ่มตอบอย่างนอบน้อม โทอิจิโรอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม
“ฮารุคาเสะเป็นเพียงนักนาฏกรรม เขาไม่รู้เรื่องราวของทหารหรือการปกครอง”
“ที่ข้ามาปรึกษาไม่ใช่เรื่องเหล่านั้น” โอริเอะกล่าวพร้อมกับจ้องหน้าฮารุคาเสะ “แต่เป็นเรื่องของท่านกันโซ”
“ท่านกันโซ” ฮารุคาเสะทวนคำและหันไปมองหน้าบิดาของตน “เกิดอะไรขึ้นกับเขาอย่างนั้นหรือท่านโอริเอะ”
“ไม่ใช่เกิดอะไรขึ้น แต่มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเขามากกว่า”นายกองหนุ่มตอบ “ตั้งแต่กลับจากสงครามอุเอโนะท่านกันโซเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง”
“เขาเปลี่ยนไปอย่างไร” โทอิจิโรถาม โอริเอะนิ่งไปชั่วอึดใจเพื่อทบทวนเรื่องราว
“ท่านกันโซเป็นขุนพลที่เก่งกาจ แม้จะมีความเด็ดขาดในการรบแต่ท่านก็เป็นคนมีน้ำใจ” นายกองหนุ่มถอนใจ “แต่หลังกลับจากการรบครั้งล่าสุด ท่านกันโซเหมือนไม่ใช่คนเดิมเขาสั่งให้ทรมานนักโทษอย่างทารุณและทำลายศพของพวกเขาจนไม่เหลือแม้เศษซาก ที่ร้ายกว่านั้นก็คือข้าเคยเห็นท่านขุนพลยืนคุยกับปีศาจ”
นายกองหนุ่มจ้องหน้าฮารุคาเสะเขม็ง
“มันเป็นปีศาจที่มีรูปร่างสูงใหญ่น่ากลัว และดูเหมือนว่ามันจะเกรงกลัวท่านกันโซด้วยเหมือนกัน”
“ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีปีศาจที่ยอมรับใช้มนุษย์” ฮารุคาเสะพูดขึ้น “แต่สำหรับเรื่องของท่านกันโซ ข้าเองก็รู้สึกว่าเขาแปลกไปเหมือนกัน”
“ฟังดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ” โทอิจิโรเอ่ยขัดขึ้น “ข้ารู้จักท่านขุนพลผู้นี้มานาน ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นผู้บงการพวกปีศาจ”
“ปัญหาก็คือเขาทำเพื่ออะไร” ฮารุคาเสะกล่าว “ในเมื่อท่านกันโซมีทั้งอำนาจและทุกอย่างอยู่ในมือ ข้ามองไม่เห็นว่าเขาจะต้องไขว่คว้าหาสิ่งใดมาครอบครองอีก”
“ท่านหญิงมิสึกิ” โอริเอะพูดเสียงไม่ดังนัก ฮารุคาเสะหันไปมองหน้าเขาทันที
“ท่านหมายความว่ายังไง”
“ได้ยินมาว่าท่านกันโซหมายปองท่านหญิงมิสีกิ แต่ท่านยาสึฮิระยังไม่ปรารถนาที่จะมอบนางให้กับผู้ใด” นายกองหนุ่มตอบ โทอิจิโรมองบุตรชายที่กำลังนั่งกำมือแน่นแล้วส่ายหน้า
“เป็นเหตุผลที่ไร้สาระยิ่งนัก ข้าไม่เชื่อว่าคนอย่างท่านกันโซจะยอมทำลายมนุษย์ด้วยกันเพื่อเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้”
“นั่นเป็นเพียงหนึ่งในเหตุผลที่ข้าสืบมา” โอริเอะกล่าว โทอิจิโรจ้องหน้าเขาและถามเสียงหนัก
“แล้วเหตุผลอื่นเล่า”
“ท่านกันโซวางแผนจะโจมตีแคว้นทาคุฮัน และยึดแผ่นดินในแถบนี้ทั้งหมดให้เป็นของเขาเพื่อเตรียมการต่อสู้กับแคว้นคาสึรางิ”
“เป็นเรื่องเหลวไหลที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมา” โทอิจิโรร้องเสียงดัง “เจ้ากล่าวหาท่านกันโซมากเกินไปแล้วโอริเอะ”
“อำนาจและความยิ่งใหญ่คือสิ่งล่อใจอันหอมหวานสำหรับมนุษย์” ฮารุคาเสะกล่าวแทรกขึ้น เขามองโอริเอะนิ่งก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังบิดาของตน “โดยเฉพาะผู้ที่นำสิ่งล่อใจเหล่านั้นมาคือเทพมารที่ร้ายกาจ”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้บิดาของเขาชะงัก โทอิจิโรอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว
“เจ้ากำลังจะบอกว่าผู้ที่ทำให้ท่านกันโซเปลี่ยนไปก็คือ...”
“ถูกต้องแล้วท่านพ่อ” ฮารุคาเสะตอบ “เป็นฝีมือของเบียคโกะ”
โอริเอะมองสองพ่อลูกด้วยความรู้สึกงงงัน เขาจ้องโทอิจิโรและเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“พวกท่านกำลังพูดถึงอะไร” สายตาเลื่อนไปทางฮารุคาเสะ “ใครคือเบียคโกะ”
“นางเป็นมาร” ชายหนุ่มตอบ “และเป็นมารที่ร้ายที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอ”
นายกองหนุ่มมองหน้าฮารุคาเสะด้วยสายตาตระหนก เขานิ่งงันไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว
“หากท่านกันโซถูกมารร้ายครอบงำ แล้วข้าควรจะทำอย่างไร”
“ขัดขวางเขา” ฮารุคาเสะตอบด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “อย่าให้กันโซบุกแคว้นทาคุฮันสำเร็จ”
“ทำไม ในเมื่อทางฝ่ายนั้นก็ต้องการบดขยี้เมืองของเราเช่นเดียวกัน หากเป็นเรื่องนี้ข้าก็เห็นด้วยกับท่านขุนพล”
โอริเอะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ฮารุคาเสะมองเขานิ่งและถามเสียงเรียบ
“โคะโตโระเป็นเพียงเมืองขนาดเล็ก ท่านคิดว่ากันโซจะหานักรบที่ไหนมาทำสงคราม”
นายกองหนุ่มนิ่งคิดและเบิกตากว้าง
“หรือว่า”
“ท่านเข้าใจได้ถูกต้อง กันโซคิดจะใช้ปีศาจทำลายแคว้นทาคุฮัน และต่อจากนั้นคงเป็น
คาสึรางิและทุกหนแห่งบนแผ่นดิน”
โทอิจิโรกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โอริเอะมองเขาและทำท่าจะพูดอะไรออกมา แต่ความตกใจในสิ่งที่ได้ฟังเมื่อครู่ทำให้นายกองหนุ่มบังเกิดความตระหนกจนไม่สามารถกล่าวสิ่งใด ฮารุคาเสะจึงหันไปทางบิดาของเขา
“ท่านจะทำเช่นไร”
“ข้ายังไม่รู้” โทอิจิโรกล่าวพลางยกมือขึ้นกอดอกและครุ่นคิด“แต่เราต้องหาวิธีเตือนท่านยาสึฮิระว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย”
คำตอบของบิดาทำให้สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนไป เขาเลื่อนสายตามองออกไปนอกห้อง มันฉายแววกลัดกลุ้มใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นแน่” ฮารุคาเสะกำมือแน่น หัวใจของเขากระหวัดไปถึงใบหน้างามของหญิงสาวผู้เป็นบุตรีของยาสึฮิระ ชายหนุ่มพึมพำออกมา
“มิสึกิ”


*/*/*/*/*















Create Date : 26 มิถุนายน 2552
Last Update : 26 มิถุนายน 2552 17:42:40 น.
Counter : 437 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี