ผีที่อินเดีย ภาคเจอผีที่เนปาล
เรื่องที่ 22 ผีที่อินเดีย((ภาคเจอผีที่เนปาล)

พี่เดินทางไปประเทศอินเดียสามครั้ง แต่ละครั้งมักจะเจอเรื่องราวน่าขนลุกพอให้ตื่นเต้นตกใจกัน มากบ้างน้อยบ้างตามสถานการณ์ และการเดินทางในครั้งที่สามนี้ก็เช่นเดียวกัน พี่ได้เจอทั้งเรื่องราวที่น่าทึ่ง และน่าขนลุกชนิดคุ้มค่าการเดินทางกันเลยทีเดียว
การเดินทางไปในคราวนี้เป็นการเดินทางที่ใช้เวลามากกว่าทุกครั้งเพราะไปทั้งอินเดียและเนปาล พวกเราได้แวะสังเวชนียสถานเกือบครบตั้งแต่นาลันทา คยา พาราณสี ซึ่งได้ล่องเรือในแม่น้ำคงคาและเจอปลาโลมาอิระวดีด้วย การเดินเท้าในเขตชุมชนของอินเดียเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะหากมัวแต่มองสองข้างทางโดยไม่ดูพื้นแล้วละก็ ท่านอาจจะเหยียบกับระเบิดที่ผลิตโดยมนุษย์ได้
อย่างที่เคยบอก ตามวัฒนธรรมของคนที่นั่นมักจะขับถ่ายกันบนท้องถนน และทุกสถานที่ยกเว้นเทวสถานและสวนสาธารณะ เพราะตำรวจจับ ดังนั้นไม่ว่าจะเดินไปทางใด อย่าได้ทำตัวโรแมนติคเป็นอันขาด เพราะท่านอาจจะเหยียบอุนจิแขกได้ทุกเมื่อ ขนาดมัคคุเทศก์ที่ไปกลายครั้งยังพลาดเหยียบเข้าไปเต็มเปา ต้องดยนรองเท้าคู่เก่งทิ้งไปเลยล่ะค่ะ
ด้วยวิถีชีวิตแบบนี้ ทำให้ผีอินเดียมักจะมีกลิ่น อึ แทนที่จะเป็นกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนผีไทย แถมการปรากฏตัวก็มันจะมาในแบบเงาดำขนาดใหญ่มากกว่าจะให้เห็นเป็นรูปร่าง ซึ่งในข้อนี้พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
การไปอินเดียในครั้งที่สามนี้พี่ไม่ค่อยเจออะไรมาก แต่เพื่อนร่วมทางบางคนที่ทำตัวไม่ค่อยเหมาะสมนักเจอเข้าไปเต็มๆ ก็นะเล่นพูดจาไม่เข้าท่าในวัดนี่นา เจ้าที่เขาก็เลยมาสั่งสอนน่ะสิ ไม่โดนอะไรมากมายนักหรอก แต่มายืนทะมึนคร่อมเตียงเท่านั้นเอง แต่ก็เล่นเอาหมอนั่นหายซ่าไปนาน
ตัวพี่เจอเรื่องน่าทึ่งที่กุสินารา ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนจะเป็นบริเวณที่เรียกว่า สาลวโนทยาน ที่นั่นจะมีต้นไม้ใหญ่น้อยครึ้มไปหมด เพราะมีโบราณสำคัญทางศาสนาอยู่ หลังจากสักการะบูชากันเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราเดินชมรอบๆ ที่นี่มีลิงเยอะมากแต่ก็ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายอะไรนัก ถ้าเราไม่เผลอวางของกินเอาไว้
ตอนที่มักคุเทสก์กำลังอธิบายรายละเอียดต่างๆให้ฟังนั่นเอง อยู่ๆก็มีลิงสีขาวมาจากไหนไม่รู้ กระโจนมานั่งบนหินก้อนใหญ่หน้าพี่ ใช้คำว่าลิงสีขาวคงไม่เหมาะนัก เรียกว่าพญาวานรเลยจะดีกว่า หากใครเคยดูภาพยนตร์อินเดียคงจะนึกภาพออก ตัวของพญาวานรใหญ่มาก หางยาวสวยท่าทางน่าเกรงขาม เขามองคนรอบๆก่อนจะมองหน้าพี่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง บอกตามตรงว่าตอนนั้นทึ่งมากกว่ากลัวค่ะ พี่ก็มองตาเขาชนิดไม่หลบ พญาวานรจ้องพี่อยู่ครู่หนึ่งก็กระโดดขึ้นต้นไม้แล้วหายไป เจ้าหน้าที่อุทยานดูจะตื่นเต้นตกใจมาก เขาบอกว่านั่นน่ะเป็น จ่าฝูง ที่ไม่เคยออกมาให้ใครเห็น ขนาดพวกเขาทำงานมานานยังไม่เคยได้พบ พี่ถามว่าใครถ่ายรูปไว้มั่ง ปรากฏว่าไม่มีเลยสักคน น่าเสียดายที่สุด เพราะต่อให้เป็นสารคดีของตะวันตก ก็ไม่เคยมีใครเคยเจอ
ผ่านเรื่องราวน่าทึ่งไป พวกเราก็เดินทางเข้าสู่ประเทศเนปาล พวกพี่พักที่โรงแรมในกัตมัณฑุหนึ่งคืนเพื่อจะได้ไปชมเดอรบาร์สแคว์ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เป็นฏรงแรมระดับสี่ดาวที่บริการดีพอควร แถมมีเครื่องประดับจากหินสวยๆขายในราคาที่ไม่แพงด้วย พี่ให้พวกผู้ใหญ่อาบน้ำอาบท่ากันก่อนเพราะอากาศหนาวมาก ถึงจะมีเครื่องทำน้ำร้อนก็เถอะแต่พออาบเสร็จเปิดประตูออกมาตัวแทบแข็งเลย สรุปคือกว่าพี่จะได้อาบก็ปาเข้าไปเกือบทุ่มนั่นแหละ
พอถึงคิวพี่ ก็เริ่มทำธุระส่วนตัว ตอนที่กำลังนั่งปล่อยอารมณ์อย่างสบายอยู่นั้นพี่ก็ได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนเคาะกำแพงด้านหลังดัง ตึก ตึก ตึก ตอนแรกก็นึกว่าคงเป็นเสียงห้องด้านข้าง พอมานั่งนึกอีกที เอ....ปีกที่เราอยู่นี่มันอยู่รอบนอกนี่หว่า แถมห้องก็อยู่ชั้นห้า ข้างนอกมันก็ต้องโล่งๆไม่มีอะไรสิ พอคิดเสร็จก็มีเสียงเคาะอีกครั้ง คราวนี้ดังกว่าเดิมแถมรัวถี่ยิบ
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นพี่คงเผ่นออกจากห้องแล้ว แต่ความที่อั้นมาสองวันทำให้พี่ไม่มีอารมณ์จะกลัวอะไร เลยพูดไปดังๆว่า
ไม่ได้มากวน ขอนอนแค่คืนเดียว เนี่ยมาไหว้พุทธนาถ พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางแล้ว
สงสัยผีเนปาลตนนี้จะฟังภาษาไทยออก เสียงเคาะเงียบหายไปทันที พี่ก็นั่งทำธุระต่อจนเสร็จอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้วเดินมาเปิดม่านดู ด้านหลังของกำแพงเป็นที่โล่งๆ
แล้วเสียงที่ได้ยินน่ะ มันคืออะไร
ไม่มีเวลาคิดหรอกค่ะ ได้เวลาอาหารพอดีพี่เลยรีบแต่งตัวลงไปร่วงวงกับทุกคน จากนั้นก็เข้านอน ซึ่งก็ผ่านคืนนั้นไปได้ด้วยดี วันรุ่งขึ้นก็เริ่มทัวร์รอบเมืองจนกระทั่งบ่าย พวกพี่ต้องรีบเดินทางขึ้นไปบนนากาก็อตเพื่อพักที่โรงแรมระดับห้าดาวชื่อหิมาลายาฮิลล์
ที่เน้นว่าห้าดาวไม่ใช่คุยโอ่อะไรหรอกค่ะ แค่อยากจะบอกว่าทำเลที่ตั้งของโรงแรมนี้ดีมากที่สุด เพราะสามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้โดยรอบ 360 องศา โดยไม่มีอะไรมาบัง พูดง่ายๆก็คือเป็นโรงแรมที่สร้างบนยอดเขานั่นเอง มองลงไปจะเห็นหุบเขาลึกโดยรอบ ซึ่งสวยมากในเวลากลางวัน แต่อย่าได้เผลอไปมองในตอนกลางคืนเป็นอันขาด
ทำไมน่ะเหรอ
พี่เป็นพวกอุตริชน โรงแรมแห่งนี้มีดาดฟ้าที่สามารถขึ้นไปชมความงามของดวงดาวยามค่ำคืนได้ ความที่ร่างกายต้องปรับความดันทำให้พี่กินยาและหลับไป มาตื่นอีกทีก็ตอนดึก คนอื่นเขาดูดาวกันไปจนหมดแล้ว ด้วยความเสียดายพี่เลยแอบย่องออกไปคนเดียว ทั้งที่หนาวแทบแข็งแต่ก็คุ้มเพราะเป็นคืนเดือนมืด ดาวเต็มฟ้าสวยมากชนิดที่ไม่มีโอกาสได้เห็นในกรุงเทพหรือปริมณฑลแน่ๆ พี่ดื่มด่ำกับความงามของดวงดาวอยู่ครู่ใหญ่ ลมก็เริ่มแรงขึ้น จมูกก็เริ่มชา เลยตัดสินใจหันหลังจะกลับห้อง ตอนนั้นแหละที่หางตาเห็นแสงอะไรแว่บๆอยู่ในหุบเขา ก็นึกว่าชาวบ้านคงจุดดอกไม้ไฟเล่นกันเลยหันไปมอง สิ่งที่เห็นทำให้พี่ยืนตัวแข็งก้าวขาไม่ออกเลยล่ะ
มันเป็นดวงไฟค่ะ ดวงไฟกลมๆขนาดเท่าฝ่ามือกางจำนวนห้าดวงกำลังลอยฉวัดเฉวียนไปมาอยู่ในหุบเขา ดูเหมือนมันกำลังจะลอยสูงขึ้นและเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา
พี่ทำยังไงน่ะเหรอคะ
ผีไทยยังพอสวดมนตร์ได้ แต่นี่ผีเนปาล ไม่รู้ว่าจะฟังภาษาเราออกไหม ถึงจะเป็นบทสวดบาลีสันสกฤตก็เถอะ แต่ถ้าเกิดนับถือกันคนละลัทธิล่ะ ไม่เสี่ยงหรอกค่ะ พี่กระโดดทีเดียวเข้าไปในตัวอาคารและเผ่นกลับห้องเลย
พี่มุดตัวอยู่ในผ้าห่มจนถึงเช้า หลังทานอาหารเสร็จและเตรียมเช็คเอ้าท์ก็นั่งคุยกัน พี่เล่าเรื่องที่เจอให้แม่ฟังเลยโดนเทศนาชุดใหญ่ว่าทำไมออกมาข้างนอกคนเดียวแบบนั้น พี่เลยถามว่าตกลงแสงไฟที่เห็นนั่นน่ะคืออะไร แม่บอกว่าวันนี้ไปที่แม่น้ำภัคมาติแล้วจะรู้เอง
พวกเราเดินทางจากที่พักมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำภัคมาติ ซึ่งเป็นสถานที่เผาศพอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูเหมือนกับริมฝั่งคงคาที่พาราณสี พวกเราไม่สามารถลงไปในบริเวณนั้นได้จึงยืนดูอยู่ด้านบนห่างจากที่เผาพอสมควร ความจริงแล้วภัคมาติกับนากาก็อตนั้นห่างกันมาก พี่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงบอกให้มาดูที่นี่ พอมาถึงแล้วพี่ถึงได้รู้ เพราะตอนนั้นกำลังมีการทำพิธีเผาศพจำนวนสามคน ไฟกำลังลุกโชนเลยล่ะ ตอนที่กำลังยืนมองก็ได้ยินเสียงดัง
โพละ !
พี่เห็นควันสีขาวพุ่งออกมาจากส่วนหัวของร่างที่กำลังไหม้ แม่บอกว่านั่นน่ะคือทางออกวิญญาณ ทีนี้คงรู้แล้วนะว่าดวงไฟเมื่อคืนคืออะไร
พี่พยักหน้าหงึกหงัก
ที่แท้ก็วิญญาณนั่นเอง
จะบอกตรงๆเลยก็ไม่ได้ ทำไมต้องให้มาเห็นแบบนี้ด้วย ช่างสรรหาวิธีสอนลูกได้น่ากลัวเหลือเกิน

*/*/*/*/*










Create Date : 26 มิถุนายน 2552
Last Update : 26 มิถุนายน 2552 17:29:55 น.
Counter : 560 Pageviews.

1 comments
  
ถ้าเจอผีที่เนปาลหรืออินเดียนะครับ แนะนำให้สวด โอม นมัส ศิวะ เขาฟังออกแน่ครับ ถึงจะเป็นคนละลัทธิยังไง ก้อนับถือพระศิวะอยู่ครับ
โดย: chefparisien IP: 125.25.19.225 วันที่: 22 มีนาคม 2558 เวลา:5:00:13 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี