หัวใครในทะเล
เรื่องที่ 5 หัวใครในทะเล

ย้อนหลังไปหลายปี (ไม่อยากระบุจำนวนเดี๋ยวจะหาว่าแก่) ครอบครัวพี่มีโอกาสได้ไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จำได้ว่าตอนนั้นก็ตื่นเต้นเหมือนกันเพราะนอกจากจะไปภูเก็ตแล้วยังจะได้ขึ้นเรือไปค้างที่เกาะพี พีด้วย แหม เคยได้ยินตั้งแต่สมัยเรียนว่าสองที่นี่สวยมากๆ จะได้เห็นกับตาตัวเองซักทีมันก็กระดี๊กระด๊าเป็นธรรมดา

การเดินทางไปโดยวิธีเหมารถตู้ซึ่งผู้ร่วมขบวนก็เป็นกลุ่มเดิมเพียงแต่คราวนี้ขนาดสมาชิกบางคนไปเพราะติดงาน สรุปก็มีไปกันแปดคน นั่งไปก็กำลังดีไม่อึดอัดอะไรนักเพราะเป็นรถรุ่นใหม่ หลังคาสูง ไม่ต้องคอยหดหัวกลัวคอย่นเวลารถตกหลุมหรือกระเด้งกระดอนตอนข้ามสะพาน

คณะท่องเที่ยวออกเดินทางกันตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่น รถก็วิ่งไปเรื่อยและหยุดพักกินข้าวที่หัวหิน ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนมื้อแรกจะเป็นข้าวมันไก่ร้านดังซึ่งก็ไม่ผิดหวังแม้ราคาจะสูงไปนิดก็ตาม จากนั้นก็นั่งรถต่อไปเรื่อย เหตุการณ์บางอย่างที่น่าจะเป็นลางครั้งแรกก็เกิดขึ้น

หนึ่งในชายหนุ่มเกิดท้องเสียชนิด แตกทัพ!

เอาล่ะสิ พ้นเขตชุมชนมาไกลโข เรื่องปั๊มไม่ต้องพูดถึงผ่านไปหลายที่จนนับได้ครบทุกยี่ห้อแล้ว กว่าจะเจออีกทีก็คงอีกหลายสิบกิโล จะให้วิ่งเข้าข้างทางก็ไม่มีน้ำล้าง กว่าจะถึงภูเก็ตคนในรถคงสลบเพราะทนกลิ่นรบกวนไม่ไหวแน่ๆ ขณะที่กำลังวางแผนบุกบ้านคนอื่นเพื่อเข้าส้วมอยู่นั่นเอง ใครคนหนึ่งก็ร้องขึ้น

เฮ้ย ปั๊ม!

ไม่รอช้า คนขับเลี้ยวควับเข้าไปจอดชนิดแทบจะส่งให้ถึงคอห่าน ตัวต้นเรื่องกระโดดแผล็วหายเข้าไปในห้องน้ำทันที ไหนๆก็มาถึงกันแล้วจะไม่ใช้บริการกันหน่อยก็กระไรอยู่ พวกพี่เลยทยอยกันลงไปปลดทุกข์กันโดยไม่ได้สังเกตเลยว่า แถวนั้นไม่มีใครเลยสักคน

ตอนที่กำลังเดินจูงแม่เข้าห้องน้ำ น้องสาวพี่ที่เดินตามมาก็หยุดกึกแล้วไถลไปที่อ้างล้างมือแทน ตัวพี่เองก็ไม่ได้สนใจเพราะพอแม่เข้าห้องน้ำห้องแรกพี่ก็เริ่มเลือกห้องที่จะใช้บ้าง ตอนนั้นเองที่รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ในที่สุดพี่ก็เลือกห้องที่อยู่ด้านในสุด มันเป็นห้องน้ำแบบชักโครกค่ะ แต่ด้วยความเก่าพี่เลยเลือกที่จะตะกายขึ้นไปนั่งยองๆบนโถ ตอนที่หย่อนตัวลงนั่นเองก็รู้สึกวูบๆแถมพื้นที่ยืนก็สั่นๆพิกล ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นเพราะนั่งรถมาไกลเลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก มารู้สึกไม่ดีอีกทีก็ตอนทำธุระเสร็จแล้วจะเปิดประตู มันเหมือนได้ยินเสียงคนสะอึก พี่ก็นึกเอะใจเพราะนอกจากแม่แล้วก็ไม่ได้ยินใครเข้ามาในห้องน้ำเลยก็รีบออกจากห้องและเดินไปหาน้องสาวกับแม่ที่รออยู่ข้างล่าง เห็นมันทำหน้าตาตื่นพิกลแถมหนุ่มๆก็ดูหน้าซีด หลังจากขึ้นรถกันครบทุกคนแล้วรถก็วิ่งออกจากปั๊ม ตอนนั้นเองที่รู้ว่านอกจากพวกเราแล้ว ไม่มีใครเข้าไปเฉียดใกล้ห้องน้ำของปั๊มนั้นเลย สภาพปั๊มนั้นก็เงียบเหงามากจนเกือบจะไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ

ด้วยความเอะใจ พี่เลยถามน้องสาวว่าเจออะไรหรือเปล่า เพราะเขาเป็นคนจำพวกที่มักจะมองเห็น ”อะไร” ได้ดีที่สุดในขณะที่พี่จะทำได้แค่ สัมผัสรับรู้ เท่านั้น (แต่กลับเป็นคนที่เจอเรื่องเด็ดประจำ) น้องสาวพี่พยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร มารู้ทีหลังว่าปั๊มนั้นเคยถูกปล้น ขนหัวลุกเลย

ผ่านความตื่นเต้นรอบแรกไปก็เข้าสู่จังหวัดภูเก็ต ตอนข้ามสะพานที่ตีคู่กับสะพานสารสินตื่นเต้นมากเพราะนึกถึงตำนานความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่เชื่อมั่นในความเป็นเมืองท่องเที่ยวประกอบกับช่วงนั้นไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวเลยไม่ได้ติดต่อจองที่พักล่วงหน้า พวกพี่วนรถหาที่พักกันรอบเกาะเพราะตอนออกจากกรุงเทพลืมย้อมสีผมมา แถมตอนเดินไปติดต่อน้องสาวดันพูดภาษาไทยเลยคุยกับพนักงานต้อนรับไม่ค่อยรู้เรื่อง สรุปคือกว่าจะได้ที่พักก็เย็นมาก จำไม่ได้ว่าเป็นแถวไหนแต่เป็นบังกะโลขนาดเล็กสามห้องติดกัน เล็กจริงๆนะคะห้องนึงอยู่ได้แต็มที่แค่สามคน ที่ได้ก็เพราะบังเอิญกรุ๊ปทัวร์ยกเลิกการจองแต่เจ้าของบอกว่าอยู่ได้แค่คืนเดียวเท่านั้นเพราะมีฝรั่งจะมาพักวันถัดไป เอ้า...ได้ไม่เป็นไรยังไงพรุ่งนี้ก็จะไปพี พีอยู่แล้วนี่นา

ตอนค่ำหลังมื้อเย็นซึ่งเป็นอาหารทะเลราคาแพงจนแทบอยากจะหนีกลับไปกินแถวๆมหาชัย พวกพี่ก็เดินเล่นกันที่ริมหาด บรรดาหนุ่มๆก็คอยตามดูแลแม่ขณะที่พี่กับน้องสาวเดินทอดน่องดูคลื่นวิ่งกระทบฝั่งกันอย่างมีความสุข ชายหาดที่นี่คลื่นจะลูกโตกว่าแถบบางแสน ลูกหนึ่งน่าจะสูงราวๆครึ่งเมตรได้ เพราะขนาดอยู่ในความมืดแล้วยังมองเห็นฟองคลื่นสีขาวขนาดใหญ่ได้ค่อนข้างชัด ตอนที่กำลังดูลูกคลื่นที่กำลังม้วนตัวอยู่นั้นเองพี่ก็อุตริคิดขึ้นมาว่าจะทำยังไงถ้าเจออะไรแปลกๆลอยมาด้วย ในตอนนั้นเองที่พี่เห็นอะไรดำๆหมุนไปมาอยู่บนยอดคลื่น เท้าที่กำลังเดินหยุดกึก พี่มองเจ้าลูกดำๆที่ว่าเขม็งและแน่ใจว่าไอ้เส้นๆที่ตีกันยุ่งในน้ำน่ะมันเป็นเส้นผมอย่างแน่นอน เหมือนจะรู้ลูกดำๆที่ว่านั่นมันหมุนติ้วไปตามคลื่นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ต้องจ้องแล้วล่ะค่ะ แน่ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าสิ่งที่กำลังยืนจ้องอยู่น่ะ

เป็นหัวคน

ใจพี่หายวาบเลยล่ะ ตอนนั้นรีบสวดมนตร์และคว้ามือน้องสาวกลับหลังหัน แต่ตาน่ะอดชำเลืองกลับไปดูอีกครั้งไม่ได้ ตอนนี้แหละที่พี่แปลกใจมากเพราะสิ่งที่เห็นไม่ใช่ลูกกลมที่มีผมสีดำแต่มันกลับกลายเป็นมะพร้าวที่เกลี้ยงเกลา ไม่อยู่ชมวิวต่อแล้วล่ะค่ะ

พอเข้าห้องก็รีบเล่าให้แม่ฟัง แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้พี่จะไม่ได้เห็นแค่คนเดียวเพราะแม่สั่งทุกคนให้รีบแยกย้ายกลับห้องและห้ามเปิดประตูหรือขานรับใครอย่างเด็ดขาด ราวเที่ยงคืนพวกพี่ก็ได้ยินเสียงเดินรอบบ้าน จะว่าเป็นคนก็ไม่น่าจะใช่เพราะสภาพบังกะโลเป็นบ้านชั้นเดียวที่สร้างเป็นแถวยาวและแบ่งเป็นสามห้อง เสียงฝีเท้าน่ะพอดังหลังบ้านหนึ่งแกร่กก็จะไปดังที่หน้าประตูบ้านต่อเลย แถมเหมือนมีคนตะกุยผนังห้องด้วย ขโมยคงไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ

ที่น่ากลัวคือมีการเคาะประตูห้องและเหมือนได้ยินเสียงร้องเรียกแต่เบามาก พวกพี่นั่งตัวแข็งอยู่บนเตียงอาศัยแม่เป็นที่พึ่งแต่ก็พยายามสวดมนตร์แผ่เมตตาไปจนกระทั่งทุกอย่างเงียบลง นั่นแหละถึงได้ข่มตานอนกันได้ ตอนเช้าหลังจากเก็บข้าวของขึ้นรถเสร็จเรียบร้อยพี่ก็ถามแม่ว่ามันคืออะไร
แม่บอกว่าเป็นวิญญาณของคนที่ตายในทะเล ที่มาหาเราก็เพราะบังเอิญเมื่อคืนเราดันไปเห็นตอนเขากำลังจะขึ้นจากน้ำพอดีเลยตามมาขอส่วนบุญ

หลังจากนั้นพวกพี่ก็นั่งเรือไปพักที่เกาะพี พี โชคดีที่บริเวณที่พักไม่ติดกับชายหาด ไม่อย่างนั้นเราอาจได้เจอกับใครบางคนที่กำลังขึ้นจากน้ำอีกครั้งหนึ่งก็ได้

ผู้อ่านเองก็เหมือนกัน ไปเที่ยวทะเลอย่าออกไปเดินชมความงามของคลื่นกลางดึกเลย

เพราะหากโชคดีท่านอาจจะไม่เจออะไร

แต่ถ้าโชคร้าย ท่านอาจได้เจอมะพร้าวในยอดคลื่นเหมือนพี่

หึ หึ หึ

*/*/*/*/*











Create Date : 17 พฤษภาคม 2552
Last Update : 17 พฤษภาคม 2552 1:52:00 น.
Counter : 481 Pageviews.

1 comments
  
น่ากลัวมาก
ดันมาอ่านตอนจะนอนอีก
โดย: ปาล์ม IP: 202.28.119.57 วันที่: 2 ตุลาคม 2557 เวลา:22:39:43 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี