ห้องแฟนตาซีของmoony
|
|||
ศาสตราแห่งเดราเนียร์ บทที่ 7 ร่างจริงของจอมเวท <7> ร่างจริงของจอมเวท โซลย์ก้าวข้ามก้อนหินขนาดใหญ่ มือที่แข็งแรงยกขึ้นป้องดวงตาขณะมองไปรอบๆ เขาหันกลับไปทางฟอร์เซ็ตติซึ่งกำลังเดินเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆ สีหน้าของจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสมีแววของการครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเมื่อเขาไล่สายตาขึ้นไปตามไหล่เขาอันลาดชันและหยุดลงตรงกลุ่มไม้ยืนต้นขนาดกลางซึ่งขึ้นอยู่บนยอด มีสิ่งใดผิดปรกติยังงั้นหรือ โซลย์กระซิบถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองตามสายตาของฟอร์เซ็ตติ จอมเวทเม้มปากน้อยๆก่อนตอบ เรารู้สึกถึงพลังบางอย่างบนยอดเขานี่ อาจจะเป็นพลังของเจ้าไฮดร้าเมื่อคืนนี้ก็ได้ มันคงหนีมาหลบแดดตรงป่าด้านบนนั่น ไม่ใช่ ฟอร์เซ็ตติตอบ มันเป็นพลังที่สะอาดและบริสุทธิ์แตกต่างไปจากพลังของเหล่าปิศาจจากแซฟเวจย์โดยสิ้นเชิง และที่สำคัญ....... เขาพยักหน้าไปทางด้านป่าละเมาะตรงหน้า ท่านไม่รู้สึกแปลกใจบ้างเลยหรืออย่างไรว่า เหตุใดสถานที่แห่งนี้จึงมีต้นไม้ขึ้นหนาทึบกว่าที่อื่น ทั้งๆที่อาณาบริเวณโดยรอบตั้งแต่เชิงเขาลงไปจนถึงหมู่บ้านนั่นแห้งแล้งราวกับทะเลทราย ข้าเองก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน โซลย์ตอบ เขาย่ำเท้าไปบนพื้นหินแข็งๆสองสามครั้ง พื้นดินตรงนี้ก็แห้งจนร่วนเป็นผง นอกนั้นก็เป็นหินเกือบทั้งหมด แล้วทำไมป่าจึงต้องไปขึ้นเฉพาะตรงนั้น เราน่าจะขึ้นไปสำรวจดูนะ จอมเวทแห่งมาร์วัลลัสตัดบทและเดินนำขึ้นไป โซลย์มองดูร่างในผ้าคลุมสีขาวซึ่งกำลังเดินอยู่เบื้องหน้าแล้วยิ้ม มีสิ่งใดน่าขัน เสียงฟอร์เซ็ตติร้องถามทั้งที่ไม่ได้หันหน้ามา แม่ทัพแห่งมอร์เซลหุบปากของเขาลงทันทีและตอบ ข้าแค่นึกแปลกใจที่จอมเวทอย่างท่านดูแข็งแรงกว่าที่เห็นภายนอก อย่าไว้ใจกับภาพลวงที่ท่านเห็นตรงหน้า ฟอร์เซ็ตติกล่าว ดวงตาสีฟ้าฉายแวววาววับภายใต้ฮู้ดที่ปกคลุมอยู่ ท่านกำลังจะบอกว่าตัวจริงของท่านไม่ได้งดงามอย่างที่ข้าเห็นนี่หรือ อะไรคือความงดงาม จอมเวทย้อนถาม เราไม่เข้าใจวิธีการตัดสินของมนุษย์อย่างพวกท่านจริงๆ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ท่านเข้าใจได้อย่างไร เอาเป็นว่าสิ่งที่ข้าเห็นแล้วรู้สึกชอบ รู้สึกว่าปลอดภัยและไม่เป็นอันตราย นั่นคือความงามในความคิดของข้า ถ้าเช่นนั้นท่านคงตายตั้งแต่ยังเดินทางไม่พ้นชายแดนมอร์เซลแล้ว ฟอร์เซ็ตติพูดและหันหน้ามามองดูโซลย์ ชั่วขณะหนึ่งแม่ทัพแห่งมอร์เซลมองเห็นใบหน้าของจอมเวทที่เดินทางมาด้วยกันเกิดการแปรเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่ดุดันจนน่ากลัว ดวงตาสีฟ้าสดใสเข้มจัดจนเป็นสีน้ำเงินส่งแสงเรืองรองวาววับสะท้อนแสงแดด ริมฝีปากบางที่เม้มเป็นเส้นตรงอยู่เสมอแสยะยิ้มกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคม โซลย์ถึงกับผงะและถอยหลังออกไปสองสามก้าว เขารีบยกมือขึ้นขยี้ดวงตาของตนเองก่อนเพ่งมองดูจอมเวทซึ่งยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ความน่าสะพรึงเมื่อครู่หายวับไปราวกับภาพมายา ฟอร์เซ็ตติยิ้มน้อยๆ ท่านจะบอกเราได้หรือไม่ว่าสิ่งใดคือภาพลวงและสิ่งใดคือภาพจริง เขาหมุนกายและเดินต่อไปโดยไม่สนใจจะรอคำตอบ โซล์กัดฟันตนเองแน่นพลางสะบัดหัวสองสามครั้ง ข้าคงเป็นบ้าไปเสียก่อนแน่หากเดินทางกับพวกผู้วิเศษนี่ต่อไปอีกนานๆ เขาบ่นกับตัวเอง และเมื่อทั้งคู่ปีนป่ายไปจนถึงยอดของเนินเขาที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาทึบ ไอเย็นจากแผ่นดินลอยมากระทบร่างของนักเดินทางทั้งสอง สายลมพัดโชยมาแผ่วๆ โซลย์สูดลมหายใจเข้าด้วยความรู้สึกสดชื่น ข้าไม่ได้ยืนรับลมเย็นๆแบบนี้มานานแล้ว เขาพูดพลางมองสำรวจโดยรอบด้วยความรู้สึกแปลกใจที่เห็นนกกำลังโผบินไปมาระหว่างต้นไม้ ต่างจากฟอร์เซ็ตติที่ไล่สายตามองทุกสิ่งอย่างพิจารณา มีพลังบางอย่างในที่แห่งนี้ เขาเปรยขึ้นมา เป็นพลังที่อบอุ่นและอ่อนโยนอย่างที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน ถ้ามันเป็นพลังที่ดีก็ไม่ต้องไปใสใจกับมันนัก โซลย์ตัดบทบ้าง บ้านของท่านเดฟล่อนอยู่เลยป่านี่เข้าไปอีก พวกเราน่าจะเร่งเดินทางไปให้ถึงที่นั่นก่อนค่ำ ทั้งสองคนเริ่มออกเดินตามกันไปอย่างเงียบๆอีกครั้ง ระหว่างทางทั้งสองได้พบกับกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางตามโมไดขึ้นมาก่อนกำลังช่วยกันลำเลียงถังบรรจุน้ำกลับ พวกเขาก้มลงทักทายนักเดินทางทั้งสองและรีบเร่งกลับหมู่บ้านโดยไม่พูดคุยอะไรมากนัก โซลย์มองตามหลังชาวบ้านเหล่านั้นไปจนลับสายตา บางทีบ่อน้ำที่เบนพูดถึงคงจะอยู่ในป่าแถวนี้ ใช่ เสียงกระด้างคุ้นหูดังตอบมาจากโคนต้นไม้ตรงหน้า โซลย์หันขวับไปดูทันที มือที่เลื่อนไปแตะดาบลดลงเมื่อเห็นผู้พูดเต็มตา โมได เจ้าเกือบขาดสองท่อนไปแล้วรู้หรือเปล่า เขาพูดฉุนๆ อีกฝ่ายหัวเราะ เฮอะ! ที่ขาดสองท่อนน่ะน่าจะเป็นทางเจ้ามากกว่านะ เขาย้อนและยกมือขึ้น วัตถุสีเงินสะท้อนแสงแดดกำลังหมุนร่อนผ่านยอดไม้พุ่งตรงไปหาเขา ชายหนุ่มคว้ามันเอาไว้ด้วยท่าทางชำนาญ เขายกมันขึ้นมาเป่าเบาๆก่อนเก็บมันไว้ที่ซองหนังข้างเอว โซลย์เพ่งสายตามองอย่างสนใจ เจ้าของอาวุธนี่ตอนนี้อยู่ที่ไหน ถ้าเจ้าหมายถึงพ่อของข้า โมไดตอบด้วยท่าทางกวนๆ เขาอยู่ในไร่ ไร่....หรือ โซลย์ทวนคำด้วยสีหน้าฉายความรู้สึกคาดไม่ถึง โมไดยิ้ม ใช่ เมื่อเจ้ารู้แล้วก็รีบออกไปจากบ้านของข้าได้ เพราะข้าไม่ชอบการต้อนรับแขก คงไม่ได้เพราะข้ามีธุระจำเป็นจะต้องคุยกับเขา โซลย์วางมือบนเข็มขัดของเขาขณะตอบ โมไดมองหน้าเขานิ่งด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ พ่อของข้าไม่มีธุระอะไรกับคนในกองทัพอีก ออกไปได้แล้ว เด็กหนุ่มพูดเน้นเสียงทีละคำ แต่ดูเหมือนโซลย์จะไม่สนใจ เขาทำท่าเหมือนจะเดินผ่านร่างของโมไดไป อีกฝ่ายกระชากดาบออกจากฝักทันที ถ้าขืนก้าวเข้ามาในเขตบ้านของข้าอีกก้าว ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าล่ะ ก็ได้ โซลย์ดึงดาบของตัวเองออกมาบ้าง เขากวัดแกว่งอาวุธของตนเองไปมาแล้วยิ้ม อยากรู้เหมือนกันว่าลูกชายของอดีตแม่ทัพใหญ่แห่งมอร์เซลจะมีฝีมือเหมือนดังที่คุยเอาไว้หรือเปล่า กลัวแต่ว่าพอรู้แล้วเจ้าจะเหลือแต่เพียงร่างไร้วิญญาณเท่านั้นน่ะสิ โมไดตอบด้วยน้ำเสียง ดูถูก โซลย์ก้าวเดินไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เขากระดิกนิ้วเรียกเด็กหนุ่มราวกับท้าทายซึ่งดูเหมือนจะได้ผลเพราะอีกฝ่ายสบถออกมาดังๆก่อนพุ่งตัวเข้าโจมตีแม่ทัพหนุ่ม โซลย์ปัดป้องและตอบโต้กลับอย่างชำนิชำนาญ ฝีมือเจ้ามีเท่านี้เองหรือ แม่ทัพแห่งมอร์เซลร้องถาม โมไดยิ้มพลางแกว่งดาบของเขา นั่นน่ะแค่โหมโรงท่านั้น เขาตอบ ของจริงกำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ต่างหากเจ้าแก่ เด็กหนุ่มเหวี่ยงดาบเข้าใส่โซลย์เต็มที่ แม่ทัพหนุ่มยกอาวุธของตนขึ้นรับ และปัดออกไปด้านข้าง โมไดพลิกข้อมือและฟาดดาบลงไปที่ขาของคู่ต่อสู้ เขากระโดดถอยหลังพร้อมกับหมุนตัวไปอีกด้าน ดาบในมือถูกตวัดออกไปหมายจะสกัดอาวุธของอีกฝ่ายให้หยุดการจู่โจม แต่ดูเหมือนโมไดจะอ่านเกมส์รุกออก เขาบิดตัวเองไปอีกด้านพร้อมกับเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ช่วงลำตัวของแม่ทัพแห่งมอร์เซล อึก! โซลย์ร้องอุทานในลำคอก่อนก้าวถอยหลังออกมาสองสามก้าว เด็กหนุ่มรีบฉวยจังหวะฟาดดาบของเขาลงไปบนใบหน้าของโซลย์ทันที แต่ อ่อก! โมไดร้องเสียงดังเมื่อโดนเท้าของแม่ทัพถีบเข้าไปตรงบริเวณท้องเต็มที่ ร่างสูงงอตัวคุดคู้ลงพร้อมกับสำลักไอด้วยความจุก โซลย์ยิ้มเยาะก่อนเหวี่ยงหมัดเข้าไปที่ปลายคางของเขาไม่แรงนัก เด็กหนุ่มถึงกับทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ข...ขี้โกง เขาตะโกนพร้อมกับถ่มน้ำลายปนเลือดออกมาจากปาก โซลย์เลิกคิ้วสูง ข้าโกงเจ้าตรงไหน เจ้าถีบกับข้า แล้วทีเจ้าลอบใช้หมัดกับข้าก่อนล่ะ แบบนั้นไม่เรียกว่าโกงหรือไง เขาย้อน แพ้ก็ต้องยอมรับสิว่าแพ้ ข้าไม่ได้แพ้! โมไดโต้เสียงกร้าว ข้าแค่เผลอไปหน่อยเท่านั้น พวกเรามาสู้กันใหม่อีกรอบดีกว่า ถ้าข้าเอาจริงขึ้นมา หัวของเจ้าคงจะขาดสะบั้นไปแล้ว อย่าได้ใช้คำว่าแค่เผลอในการต่อสู้เป็นอันขาดเจ้าเด็กเมื่อวานซืน โซลย์พูดเสียงดุและหันไปทางฟอร์เซ็ตติที่ยังคงยืนนิ่งเงียบ ท่านไม่คิดจะช่วยเหลือข้าเลยหรือยังไงกัน เราไม่ชอบการออกแรงต่อสู้แบบนั้น จอมเวทตอบ ดวงตาสีฟ้ามองจ้องตรงไปข้างหน้า ผ่านร่างของแม่ทัพแห่งมอร์เซลออกไป อีกฝ่ายเลื่อนสายตามองตาม คนที่ท่านต้องการพบกำลังมาแล้ว ฟอร์เซ็ตติพูด เสียงฝีเท้าย่ำบนใบไม้ดังใกล้เข้ามา โซลย์ยืดตัวขึ้นและเก็บดาบเข้าฝักขณะที่สายตายังคงเพ่งมองไปยังทิศทางของเสียง ชั่วอึดใจร่างของชายวัยกลางคนที่ดูบึกบึนแข็งแรงก็แหวกพุ่มไม้ออกมายืนตรงหน้า เขากวาดสายตาไล่สำรวจผู้มาเยือนทีละคน แม่ทัพแห่งมอร์เซลก้มตัวลงพร้อมกับกล่าวทัก ท่านเดฟล่อน แม่ทัพผู้ยิ่งยงแห่งมอร์เซล นั่นมันเป็นเพียงอดีตที่ผ่านมานานแล้วของข้า เสียงห้าวดังตอบกลับมา ดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องมองดูโซลย์นิ่ง หากจำไม่ผิดท่านคงจะเป็นรองแม่ทัพโซลย์ ข้าเป็นแม่ทัพแห่งมอร์เซลแล้วในเวลานี้ แม่ทัพหนุ่มตอบอย่างสุภาพ คิ้วดกหนาของเดฟลอนเลิกสูง ข้าไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินเช่นนั้น เขาพูดพลางยกมือขึ้นตบบ่าของโซลย์สองสามครั้ง มอร์เซลโชคดีนักที่ได้คนเก่งกล้าเช่นท่านมาปกป้อง เดฟล่อนเลื่อนสายตามาทางฟอร์เซ็ตติ เขาเบิกตากว้างอย่างตระหนกระคนแปลกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายชัดเต็มตา ท่านฟอร์เซ็ตติ! ชายวัยกลางคนอุทาน น่าแปลกใจเหลือเกินที่ได้พบท่านในดินแดนมนุษย์แห่งนี้ โมไดลุกยืนขึ้น เขามองดูบิดาและแขกผู้มาเยือนสลับไปมาอย่างงงงัน พ่อรู้จักเจ้าพวกนี้ด้วยหรือ อย่าพูดจาเหมือนคนไร้มารยาทแบบนี้ โมได ท่านผู้นี้คือแม่ทัพแห่งมอร์เซลมีนามว่าโซลย์ ฝีมือของเขาน่ะ เจ้าไม่มีวันเอาชนะได้หรอก เชอะ แต่ข้าก็เคยช่วยเจ้าแก่นั่นไว้ได้ครั้งหนึ่งล่ะน่า โมไดบ่นอุบอิบอย่างนึกเคือง เขาเบนสายตาไปทางจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสและถาม แล้วเจ้านั่นล่ะ พ่อรู้จักเขาได้ยังไง ระวังปากของเจ้าไว้บ้าง โมได ท่านผู้นี้คือฟอร์เซ็ตติ จอมเวทแห่งความเที่ยงธรรมของ มาร์วัลลัส เขาคือผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตข้าเมื่อครั้งที่ยังเป็นรองแม่ทัพแห่งมอร์เซล หา! ทั้งโมไดและโซลย์ต่างอุทานออกมาด้วยความรู้สึกแปลกใจพร้อมกัน */*/*/*/*/* ลินซ์ บุตรสาวคนเล็กของเดฟล่อนรินน้ำใส่ถ้วยดินเผาที่ตั้งไว้ตรงหน้าของฟอร์เซ็ตติอย่างระมัดระวัง ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสจับจ้องมองดูจอมเวทแห่งมาร์วัลลัสไม่วางตา เด็กน้อยสะดุ้งเมื่อได้ยินเขากล่าว ใบหน้าเรามีสิ่งใดติดอยู่หรือ ลินซ์ส่ายหน้าแทนคำตอบและวิ่งไปยืนข้างกายของเดฟล่อนผู้เป็นพ่อของเธอซึ่งกำลังนั่งคุยอยู่กับโซลย์อยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง โมไดที่กำลังยืนกอดอกมองดูคนทั้งสามด้วยสีหน้าบึ้งตึงแถวหน้าประตูบ้านพูดลอยๆ หน้าเจ้าคงพิลึกสิ้นดีในสายตาของเด็ก ฟอร์เซ็ตติยิ้ม น้องของเจ้าคงจะคุ้นกับคำนี้จนรู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นคนหน้าตาดีเช่นเรา เด็กหนุ่มพ่นลมออกมาแรงๆพร้อมกับเบือนสายตาออกไปมองด้านนอก เฮอะ! พวกจอมเวทนี่นอกจากจะแต่งตัวประหลาดแล้ว ยังหลงตัวเองอีกต่างหาก เราแค่กล่าวออกไปตามความเป็นจริง โมไดหันมาถลึงตาใส่เขาก่อนเดินไปหาเดฟลอนกับโซลย์ที่กำลังนั่งสนทนากันและถามเสียงดัง เมื่อไหร่ธุระของเจ้าจะเสร็จเสียที นี่มันก็ใกล้จะค่ำเต็มทนแล้วด้วย เดฟล่อนมองหน้าบุตรชายของเขาคิ้วเข้มขมวดมุ่นก่อนถามเสียงห้าว ใกล้ค่ำแล้วจะทำไม พ่อจะให้พวกเขาเดินทางกันตอนกลางคืนหรือ น้ำเสียงที่ใช้แฝงความประชดมากกว่าวิตก ผู้เป็นพ่อวางมือบนเท้าแขนเก้าอี้และตอบ ข้าไม่ยอมให้พวกเขาออกไปเสี่ยงอันตรายข้างนอกนั่นในยามค่ำคืนแน่ โมได เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะทั้งท่านโซลย์และท่านฟอร์เซ็ตติจะอยู่ค้างคืนกับพวกเราที่นี่... ไม่ได้ เด็กหนุ่มร้องขัดขึ้นทันทีจนแม้แต่เดฟล่อนเองยังรู้สึกตกใจ โมไดหันไปทางจอมเวทแห่งมาร์วัลลัส เจ้านั่น เป็นตัวอันตราย เหลวไหล! เดฟล่อนพูดเสียงกร้าว อย่าพูดจาไร้สาระเช่นนี้กับท่านผู้มีพระคุณของข้า ต่อให้เป็นลูก พ่อก็จะไม่ยกโทษให้เด็ดขาด! ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล เจ้านั่นน่ะทำให้ไฮดร้าลูกนางปิศาจเซอเพนนาได้รับบาดเจ็บ เจ้าปิศาจงูนั่นจะคอยติดตามเขาไปทุกๆแห่งเพื่อแก้แค้น ขืนให้เจ้านั่นกับหมอนี่ค้างกับพวกเราคืนนี้มีหวังได้เดือนร้อนแน่ๆ ใจคอเจ้าจะส่งพวกเขาออกไปเสี่ยงอันตรายข้างนอกนั่นทั้งที่รู้เหตุผลดีอยู่แก่ใจอย่างงั้นรึ โมได ข้าจำได้ว่าไม่เคยสอนให้เจ้าเป็นคนไร้น้ำใจเช่นนี้ ข้าไม่ได้ไร้น้ำใจ แต่ข้าเป็นห่วงลินซ์ เด็กหนุ่มเถียงเสียงอ่อย เดฟล่อนอ้าปากจะโต้บุตรชายแต่ฟอร์เซ็ตติกลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน เจ้าหนูนั่นพูดถูกแล้ว เราจะเป็นผู้นำภัยมาสู่ครอบครัวของท่าน เขาลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ประตูโดยไม่ยอมพูดอะไรต่ออีก โซลย์ร้องถามขึ้นทันที นั่นท่านจะไปไหนกัน เราจะออกไปข้างนอก ท่านอยู่กับพวกเขาที่นี่เถิด จอมเวทตอบ โซลย์ผุดลุกขึ้นทันทีพร้อมกับเดินมาจับมือที่กำลังเลื่อนดาลประตู ข้าไม่ยอมให้ท่านออกไปเพียงลำพัง เขาหันไปทางเดฟล่อนพลางก้มศีรษะลง ข้าขออภัยที่ต้องกล่าวปฏิเสธคำเชื้อเชิญของท่าน แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าจะมาปรึกษากับท่านอีกครั้ง หยุด! เดฟล่อนร้องห้ามเสียงดัง บ้านข้าไม่ใช่ที่พักริมทางซึ่งใครพอใจจะไปจะมาก็ทำได้ดังใจ หากยังเห็นเกียรติหรือให้ความสำคัญกัน ก็จงละมือและถอยออกมาจากประตูเสีย ทั้งสองคน! แต่...... เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น โมได คืนนี้พวกเขาต้องพักค้างคืนที่นี่ หากเจ้าไม่ชอบก็กลับเข้าไปในห้องและไม่ต้องโผล่หัวออกมาจนกว่าจะเช้า เด็กหนุ่มหุบปากนิ่งเงียบทันที เขาหมุนตัวและเดินกลับไปที่ห้องของเขาตามคำของผู้เป็นบิดา เดฟล่อนก้มลงมองดูลินซ์ บุตรสาวตัวน้อยที่กำลังดึงชายเสื้อของเขา มีอะไรหรือ ลูกหิวแล้วค่ะ เด็กหญิงตอบเสียงใส เดฟล่อนยิ้มให้กับเธออย่างอ่อนโยนและหันไปทางอาคันตุกะทั้งสองที่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ขอเชิญท่านทั้งสองนั่งลงก่อน เราจะคุยธุระกันอีกครั้งหลังอาหารค่ำ ลินซ์เจ้าไปจัดเตรียมจานสำหรับแขกของเราด้วย ฟอร์เซ็ตติและโซลย์หันมามองหน้ากัน แม่ทัพแห่งมอร์เซลถอนหายใจน้อยๆ ท่านเดฟล่อนอาจจะมัดท่านติดไว้กับเก้าอี้หากยังฝืนก้าวขาออกไปจากบ้านของเขา ไปนั่งตามคำเชิญของเขาเถอะท่านจอมเวท เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง โซลย์หันไปทางลินซ์ที่กำลังเรียงจานไม้บนโต๊ะตามจำนวนของแขกอย่างคล่องแคล่ว เด็กน้อยหันมาส่งยิ้มให้ ข้าจะไปช่วยพ่อเจ้ายกอาหารออกมา แม่ทัพหนุ่มกล่าวพร้อมกับก้าวเข้าไปในห้องครัว ลินซ์มองตามหลังเขาและเลื่อนใบหน้ามาทางจอมเวทที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ เด็กน้อยเดินมาหาเขาพร้อมกับดึงมือเบาๆ มานั่งเถอะค่ะ ซุปผักวันนี้ลินซ์เป็นคนทำเองเชียวนะ เด็กหญิงกล่าวชวนด้วยน้ำเสียงร่าเริง ฟอร์เซ็ตติยิ้มออกมาจางๆและยอมเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารแต่โดยดี */*/*/* ควันอันหอมกรุ่นของชาร้อนๆลอยอ้อยอิ่งขึ้นไปในอากาศผ่านดวงตาสีฟ้าดุดันของเดฟล่อนซึ่งกำลังฉายแววครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง เขายกมือขึ้นประสานกันไว้ที่คางและเคาะเบาๆหลังจากได้ฟังเรื่องราวต่างๆจบลง ข้าไม่ได้เก่งกาจหรือกล้าหาญเหมือนเมื่อก่อน อดีตแม่ทัพแห่งมอร์เซลกล่าว ใจข้าไม่แกร่งพอที่จะออกไปฟาดฟันกับเหล่าปิศาจเหมือนเมื่อครั้งยังหนุ่มอีกแล้ว ท่านยังดูองอาจสมเป็นแม่ทัพไม่เคยเลื่อมคลาย โซลย์พูดขณะที่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ และที่ข้าชวนท่านก็มิได้เพื่อไปวิ่งไล่ล่าสังหาร แต่เป็นพันธมิตรร่วมเดินทางต่างหาก การค้นหาของวิเศษไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ ท่านเองยังไม่รู้เลยว่าเดราเนียร์และกรามร์อยู่ที่ใด ฟังดูแล้วเหมือนกับพวกท่านกำลังวิ่งไล่ตามก้อนเมฆที่ล่องลอยบนท้องฟ้าเสียมากกว่า ข้ายินดีที่จะไล่ตามมากกว่านั่งกอดเข่าเฝ้ามองดูมันเลื่อนลอยผ่านไปเฉยๆ เดฟล่อนถอนหายใจหนักๆ เขาเลื่อนสายตามองไปทางลินซ์ที่กำลังนั่งอยู่กับจอมเวทแห่ง มาร์วัลลัส ข้าทิ้งลูกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น คราวนี้โซลย์ถึงกับนิ่งอึ้ง แม่ทัพหนุ่มเอนกายลงพิงพนักเก้าอี้และกล่าว ข้าเข้าใจ แต่ข้าตัดสินใจอะไรไม่ได้ เขาล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อหยิบแหวนสีเงินสุกปลั่งออกมาวงหนึ่งและถือไว้ตรงหน้าของเดฟล่อน ท่านคงปฏิเสธอะไรไม่ได้ หากถูกแหวนวงนี้เลือก ดวงตาสีเหล็กจ้องประสานกับแววตาดุดันสีฟ้าเข้มของอดีตแม่ทัพแห่งมอร์เซล ปากหนาภายใต้หนวดเคราเม้มแน่น เดฟล่อนยื่นมือของเขาออกมาข้างหน้า วางแหวนวงนั้นลงมาบนมือของข้าสิ เขาสั่ง โซลย์หย่อนแหวนลงไปตามคำของอดีตแม่ทัพ มันนอนนิ่งสงบอยู่บนอุ้งมือหยาบของเดฟล่อน ไม่มีแม้แต่เงาสะท้อนแสงไฟดังเช่นแหวนเงินควรจะเป็น ชายผู้สูงวัยยิ้ม ข้าไม่ใช่ผู้ถูกเลือก โซลย์ถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิดหวังระคนโล่งอก เขาหยิบแหวนขึ้นมาจากมือของเดฟล่อนและเก็บไว้ในเสื้อเช่นเดิม ชายทั้งสองนั่งนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แม่ทัพหนุ่มจึงเอ่ยถามขึ้น จริงสิ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดรอบๆบ้านของท่านจึงดูอุดมสมบูรณ์ผิดกับที่อื่น หนำซ้ำยังมีบ่อน้ำอยู่เต็มทั้งที่ตามสภาพแวดล้อมบนเขานี่ไม่น่าจะมีตาน้ำหรือทางน้ำใต้ดินไหลผ่าน ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เดฟล่อนตอบ ตาน้ำใต้บ่อนั่นมันเกิดขึ้นมาเองเมื่อราวสิบปีก่อนเห็นจะได้ ข้ารู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่มันไม่เคยแห้งลงเลยสักครั้งแม้ว่าบ่อน้ำอื่นๆจะกลายเป็นฝุ่นผงไปหมดแล้วก็ตาม ท่านไม่เคยสังเกตุเลยหรือว่ามีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นมาก่อนจะมีตาน้ำนี่บ้าง จะว่าไป.......เดฟล่อนพูดอย่างใช้ความคิด สายตาของเขาเลื่อนไปมองดูลูกสาวตัวน้อยซึ่งนั่งไม่ห่างจากเขาไปเท่าใดนัก น้ำนั้นผุดขึ้นมาในวันและเวลาที่ลินซ์เกิดพอดี จริงรึ โซลย์กล่าวอย่างนึกไม่ถึง เขามองดูเด็กหญิงวับสิบขวบที่กำลังทำท่าลังเลใจขณะมองดูชายชุดขาวตรงหน้า แล้วทำไมพวกผีดิบถึงไม่เคยมาโจมตีที่นี่เลยสักครั้ง ท่านทราบได้ยังไง ลินซ์ไง เจ้าผีดิบพวกนั้นไล่ล่าเด็กโดยเฉพาะ แต่ลินซ์กลับรอดมาได้แสดงว่าพวกปิศาจนั่นไม่เคยกล้ำกรายมาแถวนี่เลย พวกมันเคยมา เดฟล่อนตอบ แต่ข้าขับไล่มันไปด้วยรันนิ่ง เมซเซอร์ที่ได้รับมาจากท่าน ฟอร์เซ็ตติ อะไรนะ! โซลย์ร้องเสียงสูง มีดบินเล่มนั้นท่านได้มาจากฟอร์เซ็ตติเรอะ อดีตแม่ทัพผงกศีรษะรับอย่างเคร่งขรึม แม่ทัพหนุ่มเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ขณะมองไปทางจอมเวทซึ่งกำลังมองจ้องออกไปนอกบ้าน ข้าจำได้ว่าเคยเห็นท่านและมีดเล่มนั้นมาตั้งแต่เข้ากองทัพใหม่ๆ นั่นมันผ่านมาซักยี่สิบปีเห็นจะได้กระมัง ถูกต้อง แต่ตอนนี้ข้ายกให้โมไดบุตรชายไปแล้ว เพราะข้าคงไม่ว่องไวพอจะกวัดแกว่งรันนิ่งได้เหมือนเมื่อก่อน โซลย์พยักหน้าแล้วจู่ๆเขาก็ทำท่าราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้ แม่ทัพหนุ่มมองหน้าเดฟล่อนนิ่ง เดี๋ยว....ท่านบอกว่าได้รับมาจากเขามาเมื่อยี่สิบปีก่อน...แล้วทำไมเจ้าหมอนั่นถึงได้ยังดูอายุน้อยนัก สายตาของโซลย์มองไปยังฟอร์เซ็ตติที่กำลังหันหน้าไปทางลินซ์ เจ้านั่นมันอายุเท่าไหร่กันแน่ ............. ............. ............. แล้วเจ้าจะอยากรู้ไปทำไมกัน ฟอร์เซ็ตติถามเสียงนุ่ม ลินซ์ยิ้มน้อยๆขณะที่แกว่งขาไปมา พ่อเคยเล่าเรื่องของท่านให้ข้าฟังหลายครั้ง ส่วนมากจะพูดถึงตอนที่พ่อยังหนุ่มๆ พ่อบอกว่าท่านเคยช่วยชีวิตพ่อเอาไว้ครั้งหนึ่งด้วย เราเคยช่วยพ่อของเจ้าไว้เมื่อนานมาแล้ว จอมเวทรับ เด็กหญิงมองหน้าเขานิ่ง แล้วทำไมท่านถึงดูไม่แก่เลยสักนิด ท่านโซลย์ยังดูอายุมากกว่าอีก พ่อบอกว่าพวกจอมเวทความจริงก็คือมนุษย์เหมือนพวกเรา เพียงแต่ว่าพวกเขาได้รับพรสวรรค์พิเศษมาจากเทพเบื้องบนเท่านั้นเอง พ่อของเจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว ฟอร์เซ็ตติกล่าว จอมเวทก็คือมนุษย์ที่มีพลังพิเศษเท่านั้น พวกเขารู้จักเจ็บ รู้จักแก่ รู้จักตายเหมือนกับคนทั่วไป เพียงแต่พรที่ได้รับมานั้นช่วยยืดช่วงอายุของพวกเขาให้ยืนยาวกว่ามนุษย์ธรรมดาเท่านั้นเอง ท่านดูแตกต่างไปจากพวกเขา ลินซ์ตั้งข้อสังเกตุ จอมเวทหันมามองดูเธอและยิ้มน้อย อะไรทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น ข้าไม่รู้ เด็กน้อยทำท่าคิด มันเหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวท่านที่ดูแปลกไปจากที่เห็นในตอนนี้ ฟอร์เซ็ตติมองดูเด็กน้อยตรงหน้าด้วยแววตาแสดงความทึ่ง และเมื่อลินซ์เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีฟ้าสดใสของเธอก็ทอประกายแสงออกมา มันเป็นแสงที่อ่อนโยนจนหัวใจของจอมเวทหนุ่มถึงกับสั่นไหว มือที่กุมไม้เท้าคลายออกจนมันเกือบเลื่อนหลุด กายสูงสง่าเอนผงะไปทางด้านหลัง เจ้า.... ฟอร์เซ็ตติกลืนคำพูดของเขากลับลงไปในลำคอและสั่นหน้า ลินซ์มองดูกิริยาของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกฉงน เป็นอะไรไปหรือคะ เปล่า จอมเวทรีบปฏิเสธ เจ้าว่าเราแปลกยังไงหรือ เอ่อ.... เด็กน้อยนั่งกอดอกทำท่าคิดราวกับผู้ใหญ่ ฟอร์เซ็ตตินั่งมองดูเธอด้วยสายตาพิจารณา เป็นไปไม่ได้ เขาพึมพำกับตัวเองเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลินซ์เบิกตาโต ใช่แล้ว ท่านดูเหมือนมีเงาสองเงาในร่างเดียว บางครั้งท่านดูใจดีมากๆ แต่บางทีท่านกลับดูน่ากลัวจนข้าไม่กล้ามองเลยล่ะ แล้วมันแปลกตรงไหน ไม่มีใครที่มีความแตกต่างในตัวเองมากขนาดนี้เหมือนท่าน มือน้อยๆเอื้อมไปแตะที่อกของฟอร์เซ็ตติ หัวใจของท่านมีแต่ความโกรธ จอมเวทหนุ่มถึงกับปัดมือของลินซ์ออกทันทีพร้อมกับผุดลุกขึ้นอย่างลืมตัว ดวงตาสีฟ้าที่เคยสงบนิ่งฉายแววหวั่นอย่างเห็นได้ชัด จะ....เจ้า.....รู้ได้ยังไงกัน เด็กหญิงเอียงหน้าน้อยๆก่อนตอบ ก็หัวใจท่านบอกมาแบบนั้น เธอขมวดคิ้วแล้วทำหน้าราวกับจะร้องไห้เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ท่านโกรธข้าหรือ ข้าจะไม่ฟังเสียงหัวใจของท่านอีกก็ได้หากท่านไม่ชอบ เราแค่แปลกใจเท่านั้น ฟอร์เซ็ตติพูดเสียงเบาก่อนตัดสินใจหย่อนกายนั่งลงข้างๆเด็กน้อยเหมือนเดิม เธอยิ้มกว้าง พ่อบอกว่าท่านเป็นคนใจดีและจะคอยปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่าเสมอ บางทีก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป จอมเวทหนุ่มตอบ เขาสะดุ้งเมื่อลินซ์เลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆ โมไดบอกว่าท่านจะนำปิศาจร้ายมาที่นี่ แต่ข้าไม่เชื่อ เด็กหญิงเอื้อมมือมากอดแขนของ ฟอร์เซ็ตติไว้แน่น ท่านคือผู้วิเศษที่จะคอยคุ้มครองเด็กๆให้รอดพ้นจากผีร้ายต่างหาก เราไม่ใช่ผู้วิเศษ........ ท่านเป็น ลินซ์เงยหน้าขึ้นมองดูใบหน้าภายใต้ฮู้ด เด็กน้อยยิ้มอย่างน่ารัก ท่านจะคอยปกป้องและขับไล่ปิศาจไม่ให้มาทำร้ายข้า ดวงตาสีฟ้าที่เคยเฉยชาของฟอร์เซ็ตติฉายความอ่อนโยนออกมาเมื่อมองหน้าที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กหญิง เขาขยี้ผมของลินซ์และยิ้ม ตกลง....เราจะคุ้มครองเจ้าไม่ให้ผีร้ายหรือปิศาจตัวใดมาทำร้ายเจ้าแม้เพียงปลายก้อย สัญญานะ เราให้สัญญา เด็กน้อยยิ้มกว้างอย่างดีใจ เธอกอดแขนของฟอร์เซ็ตติแน่นและเอนใบหน้าลงไปซบดุจยึดเขาเป็นที่พึ่ง จอมเวทหนุ่มมองเธอด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนเลื่อนสายตาออกไปมองดูกิ่งไม้ที่สะบัดไหวเอนไปมาเพราะกระแสลมอันปั่นป่วนรุนแรง เขากอดร่างของลินซ์เอาไว้ทันที มีอะไรรึ โซลย์เดินมายืนใกล้ๆเอ่ยถามขึ้น มันมาแล้ว ฟอร์เซ็ตติตอบ เขาก้มลงมองดูลินซ์ที่กำลังมีสีหน้าตระหนก เราจะปกป้องเจ้าตามคำสัญญาไม่ต้องกลัว เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้า เดฟล่อนดึงร่างของบุตรสาวออกมาจากจอมเวทซึ่งกำลังยืนขึ้น เป็นจังหวะเดียวกันกับโมไดวิ่งออกมาจากห้องของเขา มันมาแล้ว เขาร้องเสียงดัง ข้าบอกให้ไล่พวกเขาไปพ่อก็ไม่เชื่อ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องแบบนี้ เดฟล่อนดุ พาลินซ์ไปซ่อนในห้องก่อน ให้นางอยู่กับท่านและลูกชายที่นี่จะดีกว่า ฟอร์เซ็ตติบอก เราจะสร้างพลังเวทคุ้มครองให้พวกท่าน ข้าจะสู้ด้วย โมไดพูดเสียงดัง ข้าไม่ยอมนั่งเฉยๆภายใต้ปีกของใคร ก็ตามใจ จอมเวทพูดพร้อมเปิดประตูบ้านและก้าวออกไปยืนข้างนอก เสียงกรีดร้องแหลมเล็กลอยมากับสายลมที่พักกรรโชกรุนแรงขึ้นทุกขณะ เงาร่างทะมึนหลายร่างเคลื่อนไหวอยู่ในความมืดกำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา โซลย์ดึงดาบออกจากฝักและตั้งท่าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกันกับโมได พวกมันมีมากกว่าเมื่อคืน จอมเวทแห่งมาร์วัลลัสพูด เขาชูไม้เท้าขึ้นเหนือศีรษะ ซอนเน็น! คริสตัลที่ประดับบนยอดคทาส่องแสงสว่างเจิดจ้าราวกับแสงตะวัน ทั้งโซลย์และโมไดถึงกับขนลุกเมื่อเห็นฝูงผีดิบนับร้อยตัวกำลังเดินตรงเข้ามาหาด้วยท่าทางมุ่งร้าย ฟอร์เซ็ตติตวัดไม้เท้าของเขาวาดเป็นวงกลม แสงสว่างก็พุ่งวาบออกไปกระแทกเข้าใส่ร่างของเหล่าผีดิบ มันกลายเป็นเปลวไฟเผาร่างอัปลักษณ์จนมอดไหม้เป็นจุณไปในพริบตา เด็กหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง จะไม่คิดช่วยกันบ้างเลยหรือ จอมเวทร้องถาม โมไดจึงได้สติและเริ่มกวัดแกว่งดาบของเขาตัดหัวเจ้าผีดิบจนขาดกระเด็น โซลย์มองดูแล้วยิ้ม ฝีมือไม่เลวนี่เจ้าหนู เก่งกว่าเจ้าก็แล้วกันเจ้าแก่ เขาหันมาโต้พร้อมกับเหวี่ยงดาบตัดแขนผีดิบที่เดินทะเร่อทะร่าเข้ามาใกล้ก่อนฟันหัวของมันทิ้ง โซลย์ถีบอมนุษย์ตัวหนึ่งออกไปและเหวี่ยงดาบตัดคอเจ้าผีดิบทีเดียวถึงสองตัว ข้าอายุแค่สามสิบห้า เลิกเรียกข้าว่าเจ้าแก่เสียทีไอ้เด็กบ้า! แม่ทัพหนุ่มหันไปตะโกนบอกโมได อีกฝ่ายแยกเขี้ยวตอบ ข้าก็อายุสิบห้าแล้ว เขาหันไปฟันปากผีดิบที่เดินเอียงเข้ามาหา ส่วนบนของมันขาดหายไปตามแรงเหลือเพียงปากล่างที่ติดอยู่กับลำคอ โมไดใช้เท้ายันมันจนล้ม เลิกเรียกข้าว่าไอ้หนูจะได้ไหม! ฟอร์เซ็ตติมองดูคนทั้งสองทะเลาะกันไปพลางสู้กับพวกผีดิบไปพลางด้วยความรู้สึกอิดหนาระอาใจ แล้วจู่ๆฝูงผีดิบทั้งหมดก็หยุดการเคลื่อนไหว กระแสลมที่ปั่นป่วนรุนแรงเงียบสงบลงอย่างฉับพลัน คลื่นความร้อนอันมหาศาลเริ่มถาโถมเข้ามาแทนที่ สีหน้าของจอมเวทเคร่งขรึมลงไปกว่าเดิม โมไดลดดาบในมือลงและร้องถาม เกิดอะไรขึ้น ไฮดร้า ฟอร์เซ็ตติตอบ มันมาที่นี่แล้ว ทั้งโมไดและโซลย์หยุดโต้เถียงกันทันที ทั้งสองคนขยับตัวมายืนขนาบข้างจอมเวทแห่งมาร์วัลลัส สายตาสอดส่ายไปมาอย่างระมัดระวัง มันอยู่ไหน โซลย์กระซิบถามฟอร์เซ็ตติ แต่จอมเวทหนุ่มไม่ตอบ เขาหมุนไม้เท้าในมือและปักปลายด้านหนึ่งลงบนพื้นดินพร้อมกับร่ายเวท รัศมีสีฟ้าสดใสแผ่ออกมาจากคริสตัลบนคทาครอบคลุมตัวบ้านของเดฟล่อนไว้ทั้งหลัง ทันทีที่รัศมีคุ้มครองปกคลุมทั่วบ้าน พื้นดินที่อยู่ตรงหน้าของฟอร์เซ็ตติก็ยุบตัวลง ร่างสยองของไฮดร้าโผล่พรวดขึ้น หัวทั้งสี่ของมันอ้าปากส่งเสียงกรีดร้องแหลมเล็กฟังคล้ายโลหะเสียดสีออกมา มันบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกจนโมไดและโซลย์ต้องยกมือขึ้นอุดหูไว้แน่น น้ำลายสีขาวขุ่นของอสรพิษยักษ์หยดลงไปบนผนังกำแพงเวท มันสั่นกระเพื่อมดุจผิวน้ำแต่ไม่แตกสลาย ไฮดร้าสะบัดหางของมันไปมาอย่างขุ่นเคือง อาคมของท่านแข็งแรงพอจะต้านมันถึงเช้าไหม โซลย์ถามด้วยความวิตก จอมเวทหนุ่มเม้มปากแน่นก่อนตอบ ถ้าเพียงแค่การโจมตีเบาๆคงพอจะทานไหว แต่ถ้าโดนจู่โจมหนักๆ พลังกายของเราคงทนรับไม่ได้เหมือนกัน เราต้องหาทางกำจัดเจ้างูบ้านี่ โมไดพูดขึ้น ไม่มีวิธีดีๆจะแนะนำเลยหรือยังไงเจ้าหน้าขาว ดวงตาของฟอร์เซ็ตติวาววับขึ้นเล็กน้อย เขายกมือขึ้นประสานกันไว้บนไม้เท้าเมื่อไฮดร้าเริ่มใช้หางฟาดใส่กำแพงเวทไม่ยั้ง รัศมีสีฟ้าเริ่มสั่นไหวรุนแรงขึ้นทุกขณะ กำจัดไฮดร้ายากกว่าเซอเพนนาหลายเท่านัก จอมเวทหนุ่มพูด เพียงแค่มันพ่นลมหายใจใส่ก็สามารถสังหารเจ้าได้แล้ว เสียงระเบิดดังขึ้นรอบๆ โซลย์มองดูเหล่าผีดิบซึ่งลุกเป็นไฟทันทีที่มันเดินมาชนกำแพงอาคมของฟอร์เซ็ตติ แม่ทัพหนุ่มพ่นลมหายใจขณะที่ใช้ความคิด อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ต้องเปลืองแรงจัดการเจ้าพวกนั้น โมไดพูดขณะที่มองดูซากเถ้าถ่านของผีดิบรอบบ้าน มีดบินของเจ้านี่ใช้จัดการกับไฮดร้าได้ไหม จู่ๆโซลย์ก็เอ่ยถามขึ้น จอมเวทเหลือบสายตามองข้ามไหล่ของตนและตอบ ถ้ารู้จักวิธีใช้อย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ ได้ วิธีที่แท้จริง โมไดพูดทวนพลางดึงรันนิ่งออกมาจากซองหนัง ยังมีวิธีใช้รันนิ่งนอกจากขว้างมันใส่ศัตรูอีกเรอะ คนฉลาดเท่านั้นที่รู้จักใช้ของวิเศษ ฟอร์เซ็ตติกล่าว สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมื่อไฮดร้าเริ่มต้นผลัดกันใช้หัวทั้งสี่ของมันฉกลงมาบนกำแพงเวท ตรงจุดที่เขายืนโดยเฉพาะ พิษจากเขี้ยวของมันเริ่มสร้างความเสียหายให้กับปราการมนตราจนเกิดไอสีขาวลอยคละคลุ้ง ผีดิบทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนทิศทาง มันพากันเดินเข้ามาชนกำแพงเวทตรงตำแหน่งที่ฟอร์เซ็ตติยืนเพียงจุดเดียว การสั่นไหวของม่านอาคมเริ่มรุนแรงขึ้นทุกขณะ โซลย์มองอย่างวิตก รีบบอกวิธีใช้มาเร็ว ฟอร์เซ็ตติ เจ้าเห็นอัญมณีสีเทาตรงกลางของรันนิ่งไหม จอมเวทถาม โมไดยกอาวุธของเขาขึ้นและพิจารณาดู ตรงกลางของรันนิ่งนอกจากช่องเล็กๆที่เขาใช้เป็นที่จับอาวุธแล้วมันยังมีตัวอักษรประหลาดเรียงกันเป็นแถว เด็กหนุ่มเพ่งสายตาดูตัวอักษรหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง อัญมณีขนาดเล็กกำลังส่องประกายอยู่ ข้าไม่เคยสังเกตเห็นมันมาก่อน โมไดพึมพำ เจ้ารู้ได้ยังไงกัน เราเป็นผู้สร้างรันนิ่งนี่ขึ้นมาเอง ฟอร์เซ็ตติตอบ อย่ามัวแต่ถามให้มากเรื่องราว อัญมณีนั่นคือจุดรวมพลัง จงรวมสมาธิและใช้มือสัมผัสมันเอาไว้ จากนั้นให้........................ เสียงหวีดหวิวคล้ายวัตถุขนาดเล็กกำลังแหวกผ่านอากาศดังขึ้น ร่างของจอมเวทแห่ง มาร์วัลลัสสะดุ้งเฮือกสุดตัว โซลย์หันไปมองด้วยความตกใจ ดวงตาของแม่ทัพหนุ่มเบิกกว้างอย่างตระหนกเมื่อเห็นลูกธนูดอกหนึ่งปักติดแน่นบนไหล่ซ้ายของฟอร์เซ็ตติ พวกกองโจร! โมไดร้องขึ้น นี่มันมาช่วยเจ้าผีดิบพวกนี้ด้วยหรือนี่ เจ้าจอมมารคงรู้ว่ามีชาวมาร์วัลลัสอยู่ที่นี่ด้วย จอมเวทกัดฟันแน่นขณะที่พูด กำแพงเวทของเราป้องกันได้แค่เหล่าผีร้ายและปิศาจเท่านั้น ลูกธนูอีกหลายสิบดอกวิ่งผ่านทะลุรัศมีแห่งเวทมนตร์เข้ามา หลายดอกพุ่งเฉียดร่างของ ฟอร์เซ็ตติไป โซลย์สะบัดดาบของเขาปัดศรบางดอกได้ทัน แบบนี้ไม่ไหวแน่ แม่ทัพหนุ่มพูด ใช้รันนิ่งของเจ้าสิโมได ชายหนุ่มพยักหน้า เขากุมอาวุธวงกลมไว้ด้วยมือข้างขวาและเหวี่ยงมันออกไปโดยแรง รันนิ่งหมุนคว้างผ่านกำแพงเวทอย่างไร้สุ้มเสียง มันตีวงโค้งตัดหัวของพวกโจรหลายคนจนขาดสะบั้นก่อนวกกลับมาหาเจ้าของ เสียงร้องตะโกนเอะอะดังขึ้นอย่างสับสน โมไดยิ้มอย่างสะใจ ขอเล่นแบบนี้อีกซักสองสามรอบเถอะ เขาทำท่าจะเหวี่ยงรันนิ่งออกไปอีก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงโครมครามดังออกมาจากตัวบ้าน ฟอร์เซ็ตติหันขวับไปมองทันที แย่แล้วเจ้าพวกมนุษย์นั่นผ่านกำแพงเวทของเราเข้าไปได้! โมไดร้องคำรามอย่างโกรธจัดขณะที่พุ่งตัวเข้าไปในบ้าน เดฟล่อนกำลังกวัดแกว่งดาบของเขาต่อสู้กับกลุ่มโจรห้าถึงสิบคนโดยกอดลินซ์เอาไว้แน่นในอ้อมแขน ออกไปห่างๆน้องสาวของข้านะไอ้พวกถ่อย! โมไดตะโกนลั่น เขากวัดแกว่งรันนิ่งซึ่งเปลี่ยนมาถือไว้ในมือซ้ายและใช้ดาบด้วยมือขวาเข้าฟาดฟันพวกมันอย่างคล่องแคล่วว่องไว ถอยออกไปรวมกับโซลย์ก่อน โมได! เสียงเดฟล่อนร้องบอก เด็กหนุ่มกระโดดถีบโจรคนหนึ่งที่ทำท่าจะแทงพ่อเขาทางด้านหลังจนกระเด็นและรีบวิ่งตามออกไป ทีนี้จะเอายังไงดี โซลย์ถามจอมเวทเสียงดัง เขาทั้งเป็นห่วงบาดแผลที่ฟอร์เซ็ตติได้รับและเป็นกังวลในความปลอดภัยของเดฟล่อนกับลินซ์ พวกโจรพากันรุมล้อมพวกเขาเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องของไฮดร้าสร้างความหวาดหวั่นให้บังเกิดขึ้นในใจ รีบมายืนใกล้ๆเรา เร็ว! ฟอร์เซ็ตติร้องสั่งเสียงดัง แม้จะไม่เข้าใจแต่โซลย์ก็รีบดันเดฟล่อนให้ไปยืนที่ด้านหลังของจอมเวทอย่างรวดเร็ว เขาดึงโมไดให้เข้าไปอยู่ใกล้ๆพ่อของเขา รัศมีเวทของฟอร์เซ็ตติสลายตัวทันที แต่มีครอบแสงสีขาวใสปรากฏขึ้นปกคลุมร่างคนทั้งห้าเอาไว้แทน เหล่าโจรพากันวิ่งกรูเข้าไปด้วยความลำพองเป็นจังหวะเดียวกันกับหัวทั้งสี่ของไฮดร้าฉกลงมาและพ่นควันพิษสีแดงคละคลุ้งไปจนทั่วบริเวณ พวกโจรสูดละอองพิษเข้าไปจนเต็มปอดทุกคนร้องลั่นขึ้นด้วยความเจ็บปวดก่อนล้มลงนอนชักดิ้นชักงอ โมไดมองดูผิวหนังของคนเหล่านั้นกำลังเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว เขาเบ้หน้าด้วยความรู้สึกสยอง เสียงพร่ำมนตราดังขึ้นมาอีกครั้ง มันสร้างกระแสลมอันรุนแรงขึ้นพัดพาไอพิษกระจายออกไปจนหมด พอเราปลดม่านพลังนี่ออก จงวิ่งออกไปให้ห่างจากเราทันที ฟอร์เซ็ตติพูด ลินซ์เอื้อมมือไปดึงผ้าคลุมของเขา แล้วท่านล่ะ เราไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง เจ้าจะต้องปลอดภัยเราให้สัญญา เด็กน้อยมองดูรอยยิ้มอันอ่อนโยนของจอมเวท เธอพยักหน้าและปล่อยมือออก กำแพงแก้วที่ครอบคลุมคนทั้งห้าหายวับไป เดฟล่อนรีบวิ่งออกไปตามคำสั่งของฟอร์เซ็ตติทันที เขาหันกลับไปมองจอมเวทด้วยความเป็นห่วง ลินซ์กรีดร้องออกมาอย่างตระหนกสุดขีดเมื่อเห็นไฮดร้าใช้หางของมันรัดร่างของฟอร์เซ็ตติเอาไว้ จอมเวทหนุ่มใช้ไม้เท้าของเขาปัดป้องหัวทั้งสี่ที่พยายามฉกลงมา โซลย์รีบวิ่งย้อนกลับไปทันที อย่า! เสียงฟอร์เซ็ตติร้องห้าม ดูแลลินซ์ให้ดี เธอมีวิญญาณของเทพวาลิ เทพผู้มีพลังแห่งธรรมชาติ อย่าให้พวกจอมมารเอาตัวเธอไปได้เป็นอันขาด! โซลย์เลื่อนสายตาลงมามองดูลินซ์ในอ้อมแขนของเดฟล่อนในทันที เขากัดฟันแน่นและกระโจนเข้าใส่คลื่นผีดิบที่ถาโถมเข้ากลุ้มรุมทำร้ายโมไดและเดฟล่อน รันนิ่งถูกปล่อยออกมาเป็นระยะมันตัดคอของผีดิบเหล่านั้นจนขาดกระจุยกระจาย แต่ดูเหมือนไม่อาจยับยั้งฝูงอสุรกายเหล่านั้นได้ เพราะเมื่อตัวหนึ่งล้มลง อีกสองตัวก็จะหนุนเนื่องเข้ามาแทน เสียงร้องคำรามดังมาจากอีกด้านหนึ่งของบ้าน เดฟล่อน โซลย์และโมไดหันขวับไปมองดูทันที พวกเขาตกใจจนแทบสิ้นสติมื่อเห็นโกเล็ม ปิศาจดินเดินตรงเข้ามา มันยกแขนขึ้นรับคมดาบของโซลย์และปัดร่างของแม่ทัพหนุ่มออก ก่อนหันมาคว้าร่างของโมไดและโยนไปกระแทกกับผนังบ้านอย่างแรงจนเขาสลบลงไปทันที เดฟล่อนกระชับดาบในมือของตนเองขณะที่กอดร่างของลินซ์แน่น แกต้องข้ามศพของข้าไปก่อนจึงจะได้ตัวลินซ์ เขาคำรามและฟาดดาบเข้าใส่ปิศาจดินต็มแรง มันยกมือขึ้นรับและหักดาบเล่มนั้นเป็นสามท่อนราวกับเศษไม้ อดีตแม่ทัพใหญ่ถอยหลังออกไปสองสามก้าวและเริ่มเหวี่ยงหมัดเข้าใส่โกเล็มที่เดินย่างสามขุมเข้าไปหา มันตบเขาเพียงเบาๆ ร่างที่บึกบึนก็ปลิวหวือไปกระแทกกับต้นไม้ ลินซ์กรีดร้องเสียงดัง ลินซ์! ฟอร์เซ็ตติหันไปมองอย่างตระหนก ไฮดร้าจึงอ้าปากและฝังเขี้ยวพิษลงไปบนร่างของเขา จอมเวทแห่งมาร์วัลลัสสะดุ้งเฮือกสุดตัว ไม้เท้าในมือร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน เขาพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดออกจากคมเขี้ยวของอสรพิษร้าย ดวงตาสีฟ้าเบิกโพลงขณะที่จ้องมองดูเด็กหญิงตัวน้อยกำลังดิ้นสุดชีวิตอยู่ในอุ้งมือของโกเล็ม ปล่อย.....นาง เขาพึมพำออกมา แขนที่พยายามดันวงหางไฮดร้าเริ่มอ่อนล้าลง พิษที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเริ่มออกฤทธิ์ร่างทั้งร่างร้อนราวกับถูกไฟเผา ลินซ์! เดฟล่อนร้องเรียกชื่อของบุตรสาว เขาดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากและคว้าดาบของโจรซึ่งตกอยู่ข้างๆขึ้นมาถือเอาไว้ ปล่อยลูกของข้าเดี๋ยวนี้ไอ้ปิศาจชั่ว! เดฟล่อนฟาดดาบลงไปที่ขาของโกเล็มเต็มแรง มันเอี้ยวตัวมาดู มือข้างที่ว่างเอื้อมลงมาคว้าร่างของอดีตแม่ทัพแห่งมอร์เซลไว้และออกแรงบีบ เสียงกระดูกแตกดังลั่นสลับกับเสียงกรีดร้องของลินซ์ มือน้อยๆทุบระรัวไปบนแขนของโกเล็ม อย่าทำพ่อของข้า! ปล่อยพ่อข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้าปิศาจ! โกเล็มส่งเสียงร้องคล้ายรำคาญ มันโยนร่างอ่อนปวกเปียกของเดฟล่อนทิ้งไปอีกด้านอย่างไม่ไยดี โมไดซึ่งเริ่มได้สติค่อยๆยันกายลุกขึ้น เขาทันได้เห็นภาพพ่อของตนถูกเหวี่ยงทิ้งราวกับสิ่งของ เด็กหนุ่มร้องอย่างโกรธจัดและวิ่งถลันเข้าไปหาโกเล็มทันที เจ้าปิศาจดินหมุนตัวหันกลับมาและคว้าร่างของโมไดไว้ มันทำท่าราวกับหัวเราะเยาะและโยนเขาเข้าไปในป่าก่อนจะเดินโงนเงนหายไปในความมืด ท่ามกลางสายตาที่เบิกค้างของฟอร์เซ็ตติ ไฮดร้าค่อยๆคลายวงหางของมันออกและเหวี่ยงร่างของเขาไปกระแทกกับต้นไม้ เจ้าอสรพิษยักษ์ร้องคำรามอย่างลำพองเมื่อได้จัดการกับผู้ที่เคยทำร้ายมันลงไปได้ ขนดหางมหึมาฟาดเข้าใส่ตัวบ้านของเดฟล่อนไม่หยุด มันส่งเสียงขู่ใส่ผีดิบทุกตัวที่เข้าไปยุ่มย่ามกับร่างของมนุษย์ทั้งสี่ซึ่งมันถือว่าเป็นเหยื่อ โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นโซลย์ซึ่งนอนหมดสติอยู่ข้างๆกับจอมเวทกำลังดันตัวลุกขึ้น เขาคลานเข้าไปหาฟอร์เซ็ตติอย่างเงียบที่สุด หัวใจของแม่ทัพหนุ่มถึงกับกระตุกวาบเมื่อเห็นดวงตาที่เปิดค้างของจอมเวทหนุ่ม ฟอร์เซ็ตติ เขากระซิบเรียกและประคองร่างของฟอร์เซ็ตติขึ้นมา ฮู้ดที่เคยปิดใบหน้าเลื่อนหลุดออกพร้อมกับคอที่ห้อยพับลง โซลย์มองดูใบหน้าของจอมเวทด้วยความตระหนก เจ้า....เป็นเอลฟ์หรือนี่ เขาพึมพำด้วยความรู้สึกประหลาดใจและเริ่มเขย่าร่างที่อยู่ในอ้อมแขนแรงๆ เฮ้ย! ฟื้นขึ้นมาเสียทีสิ เจ้าเป็นจอมเวทไม่ใช่เรอะ จะมาแพ้กับงูยักษ์แค่นี้ได้ยังไงกัน เสียงเรียกของโซลย์ดึงความสนใจของไฮดร้ากลับมาอีกครั้ง มันเอี้ยวตัวมามองและอ้าปากร้องคำรามเมื่อพบว่าเหยื่อของมันอีกคนยังมีลมหายใจอยู่ เฮ้!เจ้าจอมเวท ไหนเจ้ารับปากว่าจะปกป้องลินซ์ให้ได้ไงล่ะ แม่หนูนั่นถูกจับไปแล้วนะ! โซลย์ตะโกนเสียงดัง เขารู้สึกหมดหวังเมื่อร่างของฟอร์เซ็ตติยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง แม่ทัพหนุ่มจึงค่อยๆวางร่างของเขาลงและหันมาทางไฮดร้า เขาคว้าดาบมาถือไว้ก่อนจะลุกขึ้น เอ้า! เข้ามาเลยเจ้างูบ้า!ข้าจะไม่ยอมตายจนกว่าจะได้ตัดหัวของแกทั้งหมด! ไฮดร้าขู่คำรามเสียงดังและเลื้อยปราดเข้ามาหาเขาทันที มันอ้าปากกว้างคล้ายจะคว้าร่างของโซลย์และกลืนลงคอไปในคำเดียว ตูม! จู่ๆหัวนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น เลือดเนื้อของไฮดร้ากระจายไปจนทั่ว ผีดิบที่ยืนอยู่ใกล้ๆส่งเสียงโหยหวนเมื่อเลือดกรดของมันกระเซ็นไปถูกร่าง โซลย์มองดูละอองหยดเลือดที่ลอยคว้างอยู่ในอากาศราวกับมีพลังงานบางอย่างขวางกั้นให้หยุดอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ เจ้าไฮดร้าบิดตัวร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด หางขนาดใหญ่ของมันฟาดไปมาบนพื้นบดขยี้ผีดิบจนแหลกเละไปหลายตัว แม่ทัพหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างของเดฟล่อนอยู่ในอาณาเขตการดิ้นของอสรพิษยักษ์ ท่านเดฟล่อน! โซลย์ร้องตะโกนเรียกอย่างตระหนกเมื่อเห็นปลายหางของไฮดร้าม้วนสะบัดฟาดเข้าใส่ร่างของอดีตแม่ทัพแห่งมอร์เซล เขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นขนดหางนั้นลอยค้างนิ่งอยู่กลางอากาศราวกับมีมือขนาดยักษ์มาจับเอาไว้ ไฮดร้ามองดูปลายหางของมันด้วยความแปลกใจ ลินซ์ เสียงร้องเรียกมาจากร่างของฟอร์เซ็ตติ โซลย์หันไปมองดูทันที ความดีใจแปรเปลี่ยนไปเป็นความตื่นตะลึงเมื่อเห็นร่างของจอมเวทหนุ่มลุกยืนขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างและแปรเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงินเข้ม รอบกายของเขาบังเกิดกระแสลมที่รุนแรงพัดกรรโชกจนผ้าคลุมของเขาสะบัดเสียงดัง ลิน...น....ซ์ เสียงเรียกเริ่มแปร่งเพี้ยนไปเป็นแหบพร่าจนน่ากลัว แม่ทัพหนุ่มถึงกับก้าวถอยไปทางด้านหลังแต่ดวงตายังคงจับจ้องมองดูร่างที่เปลี่ยนไปของฟอร์เซ็ตติแน่วนิ่ง ใบหน้าที่เคยงดงามบิดเบี้ยวเหยเก ดวงตาส่องแสงแวววาวราวกับตาของสัตว์ล่าเนื้อยามราตรี ริมฝีปากแสยะอ้าออกกว้างจนแลเห็นเขี้ยวแหลมคม ผมสีเงินละเอียดกลายเป็นสีขาวสะบัดกระจายอยู่ในอากาศท่ามกลางพลังลมอันรุนแรง มือที่เคยเรียวงามกลับแข็งเกร็ง นิ้วทั้งห้ากางออกอวดกรงเล็บอันคมกริบดุจใบมีด ท่านจะบอกเราได้หรือไม่ว่าสิ่งใดคือภาพลวงและสิ่งใดคือภาพจริง คำพูดที่ฟอร์เซ็ตติเคยกล่าวไว้แว่วเข้ามาในความคิด โซลย์มองร่างอันน่ากลัวตรงหน้าแล้วพึมพำออกมา หรือว่านี่คือร่างจริงของท่าน */*/*/*/*/* โมได แต่งได้ดี
โดย: chaiwo วันที่: 16 มีนาคม 2554 เวลา:9:53:26 น.
|
กิสึเนะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี Group Blog
All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |