ยมทูต บทที่ 1 วันตายของผม
อนธการ สิ่งชั่วร้ายดึกดำบรรพ์ที่ถูกสะกดไว้ในส่วนลึกของพื้นโลก
กำลังหาทางกลับขึ้นมาสร้างความหายนะให้กับมวลมนุษย์อีกครั้ง
ผู้ที่สามารถต่อสู้กับมันได้มีเพียงวิญญาณจากศิลาทำนาย
แต่จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าใครคือคนที่ถูกเลือก
จึงเป็นหน้าที่ของเหล่ายมทูตที่ต้องค้นหาพวกเขาให้พบ
และทำการฝึกฝนพลังแห่งธาตุทั้งห้า เพื่อนำไปยับยั้งและทำลายความมืด
พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่

*/*/*/*/*

ยมทูต

*/*/*/*/*

บทที่ 1

วันตายของผม

ความสงบเงียบในยามราตรีถูกทำลายลงด้วยเสียงปืนที่ดังลั่นขึ้นในพงหญ้ารกกลางซอยเปลี่ยว บ้านที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างเปิดไฟกันจนสว่างไสว หลายคนตะโกนถามด้วยความแปลกใจแต่ไม่มีใครสักคนที่จะสนใจออกไปดู

ผมยืนมองขี้ยาวัยรุ่นสองสามคนที่กำลังเผ่นออกจากกอหญ้ารกที่ขึ้นหนาแน่นอยู่ริมทาง
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว หนึ่งในนั้นขว้างอะไรบางอย่างทิ้ง ด้วยความอยากรู้ผมจึงชะโงกหน้าไปมองและต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อพบว่ามันคือปืน

“เฮ้ยพวกแก!”

ผมตะโกนลั่นแต่เดนสังคมกลุ่มนั้นยังคงวิ่งต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต ผมพยายามกวาดตามองไปรอบตัวเพื่อมองหาผู้เคราะห์ร้ายแต่สิ่งที่พบกลับเป็นเพียงกองขยะกับต้นธูปฤาษีซึ่งกำลังแกว่งไหวไปมาตามลม ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนั้นเลยจริงๆ

ทำไมเราต้องมานั่งเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ด้วย ผมนึก บางทีเจ้าพวกนั้นอาจจะแค่เมายาแล้วยิงปืนเล่น ไม่ได้ใจกล้ามากมายจนถึงขนาดฉกชิงวิ่งราวหรือปล้นฆ่าใคร แต่จากท่าทางของเศษสวะพวกนั้นกับเสียงปืนนั่นมันควรจะมีคนถูกยิงไม่ใช่เหรอ ที่คิดแบบนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมจำมาจากละครทีวีหลังข่าวทั้งหลายนั่นแหละ ต่างกันตรงที่มันไม่มีคนตาย ไม่มีร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมาหรือนักสืบที่หัวยังสูงไม่พ้นเอวแต่ยืนทำท่าราวกับเป็นเชอร์ล็อค โฮล์ม เท่านั้นเอง

แล้วเราจะมายืนทำซากอยู่ทำไม ดึกขนาดนี้แล้วรีบกลับเข้าบ้านดีกว่า ผมขยับขาเตรียมจะเดินแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเด็กสาววัยรุ่นในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ทันสมัยกำลังยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างตัว ผมแทบจะแหกปากร้องด้วยความตกใจที่อยู่ๆเจ้าหล่อนก็โผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง แต่เพราะหน้าตาที่น่ารักประกอบกับความเจ้าชู้อันเป็นสันดานของลูกผู้ชายทำให้ผมรีบตั้งท่าให้ดูขึงขังและถามเธอด้วยเสียงที่คิดว่าหล่อเต็มที่

“ดึกดื่นป่านนี้มาทำอะไรกันหรือน้องสาว”

น้องสาวคนสวยแทบไม่ชำเลืองตามองผมด้วยซ้ำ เจ้าหล่อนหักดอกธูปฤาษีแล้วใช้ก้านเขี่ยกอหญ้าตรงหน้าด้วยท่าทางรำคาญก่อนจะบ่นพึมพำ

“เร็วไปตั้งสองนาที”

เธอพูดอะไร แต่ช่างเถอะหน้าตาน่ารักแบบนี้ทิ้งไปก็เสียดายแย่ ผมขยับเข้าไปใกล้แม่สาวน้อยอีกนิดและถาม

“นัดใครไว้หรือครับ” คราวนี้ได้ผลแฮะ เธอหันมามองหน้า ผมรีบยิงคำพูดต่อไปทันที “เห็นคุณบ่นว่าเร็วเกินไป”

“ก็ไม่เชิง” สาวสวยตอบพลางเหน็บก้านดอกธูปไว้ที่แขนและดึงเครื่องมืออะไรบางอย่างออกมาออกมามองดูแล้วเหมือนเป็นพวกแท็ปเล็ตหรืออะไรทำนองนั้นแต่มีขนาดเล็กกว่า เห็นรูปร่างหน้าตาเรียบร้อยแต่ทันสมัยไม่หยอก ผมพยายามยื่นหน้าเข้าไปดูด้วยความอยากรู้แต่ต้องนิ่วหน้าเมื่อเห็นภาษาที่ปรากฏบนจอ เพราะมันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่นหรือเกาหลีอินเทรนด์ดังในตอนนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ตัวยึกยือน่ะมันเป็นภาษาอะไรกันแน่แต่ใครจะสนในเมื่อเจ้าของน่าควงซะขนาดนี้

“เร็วไปสองนาทีจริงๆ” เธอยังคงบ่นด้วยประโยคเดิม ผมเลื่อนสายตาขึ้นมองและแอบยิ้ม แก้มเจ้าหล่อนช่างน่าหยิกจริงๆ “น่าเบื่อชะมัด”

“ใช่ครับ ผมเองก็ไม่ชอบพวกมาช้า ความจริงแล้วลูกผู้ชายต้องเป็นฝ่ายมายืนรอสุภาพสตรีมากกว่า ยิ่งในที่เปลี่ยวๆแบบนี้แล้วล่ะก็ มันอันตรายมาก”

“ที่บอกว่าเร็วไปน่ะคือนายต่างหาก” สาวน้อยหันมาจ้องหน้าผม “ตามกำหนดแล้วนายต้องตายตอนสี่ทุ่มห้าสิบ แต่ความบ้าของคนทำให้เวลามันคลาดเคลื่อนไปตั้งสองนาที ทำไมนายถึงไม่แวะซื้อไก่ทอดปากซอยอย่างที่ตั้งใจไว้ก่อน หา!”

น้ำเสียงตอนท้ายแหลมสูงจนผมตกใจ แต่เดี๋ยว เจ้าหล่อนพูดเรื่องอะไรกัน แล้วรู้ได้ยังไงว่าตอนแรกผมจะแวะซื้อปีกไก่ทอดเจ้าโปรดหน้าปากซอยแต่ดันยัวะที่โดนยายป้าคนนึงแซงคิวเลยตะโกนด่าไปหนึ่งคำจากนั้นก็เดินดุ่มๆกลับเข้าบ้านเลย แล้วไอ้ที่ว่าตายนี่มันหมายความว่ายังไง

“คุณว่าอะไรนะครับ” ผมถาม แม่สาวอกสวยยักไหล่

“นายตายเร็วไปสองนาที”

อะไรกัน หน้าตาก็ออกดีที่แท้ก็เป็นพวกสติไม่เต็มเต็ง ผมถอยออกมาหนึ่งก้าวแล้วแกล้งหัวเราะ

“พูดเล่นแบบนี้ผมไม่ชอบนะครับ”

“ก็ไม่ได้พูดเล่น นายตายไปแล้วจริงๆ” สีหน้าของเจ้าหล่อนจริงจังจนผมใจแป้ว

“ถ้าผมตายแล้วจะมายืนคุยกับคุณได้ยังไง”

“นายกลายเป็นวิญญาณไปแล้วน่ะสิ” เธอพูดเหมือนเป็นเรื่องปรกติ ผมชักเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว

“ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ไม่ชอบให้มาพูดล้อเล่นแบบนี้”

“ใครว่าฉันล้อเล่น” แม่อกโตตอบ “นายน่ะม่องไปแล้ว ศพยังนอนอยู่ในพงหญ้านั่นเลย”

เธอชี้มือไปข้างหน้า ผมหันไปมองตามและใจหายวาบเมื่อเห็นขาของใครบางคนโผล่ออกมา ตอนแรกผมคิดจะปฏิเสธแต่พอได้พิจารณากางเกงกับรองเท้าแล้วแทบอ่อนแรง มันเป็นรองเท้าคู่โปรดกับกางเกงตัวเก่งที่ผมชอบใส่เวลาออกไปข้างนอก

“ความจริงนายต้องถูกรถสองแถวเฉี่ยว แต่เพราะเวลาที่คลาดเคลื่อนเลยกลายเป็นโดนพวกขี้ยายิง นี่ถ้าทำอะไรอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนแรกก็ไม่วุ่นวายแบบนี้หรอก”

แม่สาวแปลกหน้าพูดพลางกดปุ่มบนแท็ปเล็ตถี่ยิบ ผมยืนอ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่งจึงเริ่มตั้งสติ

“ฉันเคยดูหนัง พวกที่ตายก่อนกำหนดจะได้รับสิทธิพิเศษ”

“นายพูดอะไร” เจ้าหล่อนถามทั้งที่มือยังคงกดปุ่มระรัว ผมสูดลมหายใจ ถ้ามันยังมีน่ะนะ

“ฉันหมายถึงการได้กลับเข้าร่างหรือย้อนเวลา”

“เหลวไหลไร้สาระ ไม่มีคนตายที่ไหนฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้” เธอหันมามองหน้าผม “อีกอย่างนายคิดจะเดินไปเดินมาในสภาพแบบนี้น่ะหรือ”

ไม่พูดเปล่า แม่สาวพิลึกยังใช้ก้านธูปฤาษีแหวกพงหน้าให้ผมได้เห็นสภาพศพที่ถูกยิงจนหัวทะลุ สมองไหลทะลักออกมากอง ยังไม่นับบางส่วนที่กระจายอยู่ตามกอหญ้าผมรีบยกมือขึ้นอุดปากเพื่อไม่ให้ของเหลวในท้องพุ่งออกมา

“นายเป็นวิญญาณไปแล้ว คงอ้วกแบบมนุษย์ไม่ได้” น้ำเสียงเชิงสมเพชก่อนที่เธอจะเดินกลับขึ้นไปยืนบนถนน “ปัญหาตอนนี้ก็คือจะทำยังไงกันดี”

“หมายความว่ายังไง” ผมถามโดยพยายามที่จะไม่ชำเลืองมองร่างของตัวเองที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในกอหญ้า เจ้าหล่อนทำท่าคิด

“ฉันติดต่อไปที่นรกแล้ว เพราะเวลาที่คลาดเคลื่อนทำให้ตอนนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับนาย”

น...นรก ผมอุทานในใจ งั้นแม่สาวอกสวยคนนี้ก็เป็น

“ยมทูต” เธอหันมาทางผม “จะเรียกแบบนั้นก็ได้”

“ยมทูต!” ผมแหกปากเสียงดังลั่น ดีนะที่เป็นแค่วิญญาณถ้าเป็นคนเหมือนเมื่อก่อนคงโดนชาวบ้านขว้างหัวไปแล้ว แม่ยมทูตสาวเลิกคิ้ว

“ทำไม มันแปลกตรงไหน”

“ฉันนึกว่าพวกยมทูตจะเป็นผู้ชายตัวดำๆนุ่งหยักรั้งสีแดง”

“นั่นมันรุ่นก่อตั้ง เดี๋ยวนี้นรกมีการพัฒนาแล้ว” เธอพูดเสียงเรียบเรื่อย “เรามีทั้งวิญญาณนักออกแบบ โปรแกรมเมอร์ และอะไรอีกตั้งหลายอย่าง ใครกรรมน้อยก็ให้มาทำงานชดใช้ก่อนส่งไปเกิดใหม่”

เออแฮะ ดีเหมือนกัน แล้วเราจะมีโอกาสแบบนั้นบ้างไหม ผมคิด ยมทูตสาวหันมามองหน้า

“พิจารณาจากความประพฤติตอนเป็นคน นายได้ลงกระทะทองแดงก่อนแน่ ซดน้ำกรดซักร้อยปีแล้วไปต่อด้วยฉีกปากให้อีกาลากลิ้น อยากโกหกพ่อแม่ดีนัก”

“โกหกอะไร แค่แก้ตัวไปวันๆเท่านั้น” ผมเถียงทั้งที่ยังหายใจไม่ทั่วท้อง เธอยักไหล่และพูดด้วยท่าทางไม่สนใจ

“ไม่ว่าจะพูดยังไงการโกหกก็คือการโกหก” เธอหยุดชะงักเมื่อมีเสียงร้องดังมาจากกระเป๋า ยมทูตสาวดึงแท็ปเล็ตออกมา “เที่ยงคืนห้านาที ฉันต้องไปรับวิญญาณอีกดวง”

เธอหันหน้ากลับมาที่ผมอีกครั้ง

“ฉันจะพานายไปฝากเจ้าที่แถวนี้ไว้ก่อน อย่าได้คิดหนีไปไหนเป็นอันขาดเพราะนายจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนทันทีถ้าออกนอกเขต”

“ก็ไม่เลว จะได้ไปเที่ยวไหนต่อไหนได้ตามใจชอบ” ผมพูดเสียงไม่ดังนัก เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นยมทูตสาวทำตาโต

“ถ้านายอยากกลายเป็นเปรตก็ตามสบายเลย”

พูดจบผมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมารัดข้อมือเอาไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ดูว่าเป็นอะไรวิญญาณก็ถูกแรงมหาศาลกระชากออกไปจากบริเวณนั้น ผมรู้สึกเหมือนว่าวที่ปลิวไปในอากาศ มารู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าบ้านเก่าๆหลังหนึ่ง เสียงสาวยมทูตดังขึ้น

“ฝากหมอนี่ไว้หน่อย”

“พวกตายก่อนกำหนดเหรอ” เสียงแหบพร่าถาม ผมหันไปมองด้วยความสงสัยและกระโดดถอยหลังเมื่อใบหน้าเหี่ยวๆของใครบางคนยื่นมาใกล้ “ยังหนุ่มแท้ๆ”

“พวกสร้างปัญหามากกว่า” อีกฝ่ายพูดอย่างรำคาญ “ฉันต้องไปรับวิญญาณอีกที่จะพาไปด้วยก็กลัวทำงานไม่สะดวก เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมารับ”

“แล้วจะล่ามเขาเอาไว้แบบนี้หรือ” เสียงคนแก่ถาม ผมจึงได้ก้มลงมองตัวเองและอ้าปากค้างเมื่อเห็นข้อมือข้างหนึ่งมีโซ่ขนาดใหญ่ล่ามเอาไว้ โดยปลายข้างหนึ่งฝังแน่นลงไปในดิน

“ใช่” ยมทูตสาวตอบอย่างไม่สนใจ “จวนได้เวลาแล้วฉันไปก่อนล่ะ”

ร่างของเธอหายวับไปกับตา ทิ้งให้ผมยืนเก้กังอยู่อย่างนั้น ชายชราหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“เขากลับมารับเอ็งแน่ ไม่ต้องกังวล” มือเหี่ยวๆเลื่อนไปหยิบจานใบหนึ่งยื่นส่งให้ผม “วันนี้มีคนเอาของดีมาถวาย มานั่งกินด้วยกันดีกว่าพ่อหนุ่ม”

ผมมองขนมในจานแล้วเบ้หน้าเมื่อเห็นว่าเป็นทองหยิบ ทองหยอดและฝอยทอง หวานจัดขนาดนี้กินไม่ลงหรอก ดูเหมือนเจ้าที่ชราจะเดาความคิดของผมออกเพราะแกพูดเสียงเนิบ

“วิญญาณไม่รู้รสชาติหรอก”

“แล้วมันจะอร่อยหรือครับ” ผมย้อนถามด้วยความสงสัย ชายชรายิ้ม

“เรากินด้วยจิต” เจ้าที่พูดพลางยกจานผ่านหน้าพร้อมกับทำท่าสูดลมหายใจจากนั้นจึงยื่นให้ผม “ตอนนี้เอ็งยังเป็นวิญญาณใหม่อย่าปล่อยให้หิวโหย ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะกลายเป็นปอบที่กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม เอ้าเอาสิข้าอนุญาต”

ผมมองขนมในจานอย่างกระอักกระอ่วนใจและหลับหูหลับตาทำอย่างเจ้าที่ ทันใดนั้นเองผมก็รู้สึกอิ่มขึ้นมา มันไม่ใช่ความอิ่มจนแน่นท้องเหมือนครั้งที่เป็นมนุษย์หากแต่เป็นความอิ่มเอมอย่างประหลาดยากจะอธิบาย ชายชรามองผมด้วยสายตาปราณี

“ตายก่อนกำหนดแบบนี้คงอีกนานกว่าจะลงไปใช้กรรม เอ็งต้องถูกยมทูตควบคุมตัวและวนเวียนอยู่บนโลกอีกระยะหนึ่ง มันอาจจะลำบากในตอนแรกแต่ต่อไปก็จะชิน”

“หมายความว่าผมต้องอยู่กับยายยมทูตหน้าตายคนนั้นหรือครับ”

“ใช่”

ผมถอนใจอย่างท้อแท้เมื่อนึกว่านับแต่นี้ต่อไปต้องถูกแม่ยมทูตสาวล่ามโซ่ลากไปโน่นมานี่เหมือนสัตว์เลี้ยง แต่พอนึกถึงหน้าตากับรูปร่างชวนมองของเจ้าหล่อนแล้ว แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน ได้ตามก้นสวยๆของยมทูตคงไม่เลวร้ายจนเกินไปนัก ดูเหมือนเจ้าที่ชราจะอ่านความคิดทั้งหมดของผมได้ เขาหัวเราะออกมา

“จะทำอะไรข้าไม่ห้าม แต่อย่าไปยั่วโทสะแม่ยมทูตคนนี้ก็แล้วกัน”

“ทำไมล่ะครับ”

ผมถามด้วยความสงสัย ยมทูตอ้อนแอ้นแบบนั้นจะทำอะไรผู้ชายตัวโตๆอย่างผมได้ ต่อให้ตอนนี้เหลือแค่วิญญาณก็เถอะ ชายชรามองหน้าผมอย่างรู้ทัน

“เมื่อก่อนเคยมีพวกตายก่อนกำหนดที่คิดแบบเอ็งเหมือนกัน” เขาเล่าเสียงเรียบ “เจ้าคนนั้นไปจับก้นแม่สาวยมทูตเข้า”

“เลยโดนตบ” ผมรีบต่อประโยคแต่เจ้าที่ส่ายหน้า

“เขาโดนอัดจนวิญญาณแตกกระจาย เดือดร้อนพวกเจ้าที่อย่างข้าที่ต้องตามหาเศษชิ้นส่วนส่งกลับไปที่นรกแล้วยังต้องเสียเวลาต้มในหม้อปรุงวิญญาณอีกสองปีมนุษย์กว่าจะให้วิญญาณดวงนั้นคืนสภาพกลับมาใช้กรรมได้”

แกจ้องหน้าผมและพูดเน้นทีละคำเหมือนจงใจสร้างความสยอง

“วิญญาณดวงนั้นรู้สึกตัวตลอดเวลา ระหว่างที่ถูกต้ม”

เรื่องที่ตาแก่เจ้าที่เล่าทำเอาผมแทบเข่าอ่อน ภาพวิญญาณที่กำลังดิ้นพราดอยู่ในหม้อร้อนจัดทำให้ความคิดที่จะแอบแต๊ะอั๋งแม่สาวยมทูตหายไปในพริบตา ตอนนี้ชักอยากลงนรกไปใช้กรรมแล้วสิ

“เอ็งตายก่อนกำหนดสองนาที คงต้องร่อนเร่อยู่บนโลกสองเดือน” ชายชราพูด “ทำตัวให้สมกับเป็นวิญญาณหน่อยก็แล้วกัน”

สองเดือนกับยมทูตสาวจอมโหดที่เคยซัดวิญญาณจนแตกกระจุย ผมคิดด้วยความรู้สึกเสียวสยอง แบบนี้มีหวังได้โดนอัดจนหมดสภาพก่อนลงนรกแน่

*/*/*/*/*

ทิ้งช่วงไปนานสำหรับนิยายเรื่องนี้ ตอนแรกคิดว่าจะนำบทต่อไปมาลงแต่เพราะการเว้นระยะห่างที่นานมากประกอบกับมูนนี่ได้ปรับแก้ของเดิมไปเยอะพอควรเลยคิดว่าน่าจะเริ่มต้นตั้งแต่บทที่ 1 ใหม่ และก็เพื่อบางท่านที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ด้วยค่ะ

ขอออกตัวไว้ก่อนนะคะว่านิยายเรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซี ดังนั้นอาจจะมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับปิศาจหรืออิทธิปาฏิหารย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย



Create Date : 02 สิงหาคม 2554
Last Update : 2 สิงหาคม 2554 12:28:21 น.
Counter : 1037 Pageviews.

1 comments
  
คิดถึงเหมือนกันค่ะ แต่ได้รับความอิ่มใจจากความรักจากดาร์คเอลสาวและท่านจอมเวทย์ช่วยปลอบใจ หวังว่าเรื่องนี้จะไม่ทำร้ายจิตใจกันนะคะ ยังชอบ happy ending อยู่ค่ะ  
โดย: คนไกลบ้าน IP: 94.234.170.16 วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:6:08:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กิสึเนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี