ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ .. ^^
Group Blog
 
All Blogs
 

เที่ยว "ห้วยกระทิง" แหล่งพักพิงอิงใจในเมืองเลย และ KT Grand ที่พักหลักร้อยใกล้สนามบินอุดรธานี

สวัสดีค่ะ วันนี้เราพาไปเที่ยวสถานที่น่าเที่ยวของเมืองเลย
ที่ไม่ควรจะผ่านเลยไป
นั่นคือ "อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง"
ที่เราเพิ่งจะเดินทางไปพร้อมกับครอบครัว
เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เองค่ะ
โดยมีรีวิวที่พักหลักร้อยเล็กๆ
ใกล้สนามบินอุดรธานีมาเป็นของแถมให้ด้วย

ไปกันเลยค่ะ



ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินใครๆ ก็บินได้
ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ
เที่ยวบินเช้าสุดไปลงที่สนามบินอุดรธานีค่ะ

พอไปถึงสนามบินอุดร ฯ
ก็เจอเคาน์เตอร์บริการรถเข้าเมือง
และรถไปสะพานมิตรภาพ ฯ หนองคาย
ตามนี้เลยค่ะ




ที่อุดรมีรถเช่าอยู่หลายริษัท ราคาใกล้เคียงกัน
คือ ราคาเฉลี่ยรุ่นถูกสุดประมาณพันต้นๆ ขึ้นไป
อย่าง Master Car Rental มีรถเล็กสุดคือ บริโอ้
ราคารวมทุกอย่างแล้วอยู่ที่เก้าร้อยกว่าบาท ..ก็เกือบๆ พันเนาะ
ส่วนเอวิส เคยไปโทรไปถามราคาจองและจ่ายล่วงหน้า รถวีออส เกียร์ออโต้
อยู่ที่พันบาทนิด ๆ ประมาณนั้น

ทริปนี้เราเช่ารถด้วยโปรโมชั่น
มาสเตอร์คาร์ ร่วมกับ แอร์เอเชีย
ราคา 888 บาทต่อวัน
โปรนี่้จะหมดสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ค่ะ
เป็นรสวีออส E รุ่นท็อป
เบาะหนัง แจ่มมาก ๆ




จุดมุ่งหมายที่เราจะไป ก็คือ
อ่างเก็บน้ำหมานตอนบน
ตั้งอยู่บ้านห้วยกระทิง
หมู่1 ต.กกทอง อ.เมืองเลย จังหวัดเลย

และยังมีที่บ้านโป่งเบี้ย ม. 3 ตำบลน้ำหมาน
สามารถที่จะไปล่องแพได้ทั้งสองที่
แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะนิยมไปที่ห้วยกระทิง
เพราะมีจุดล่องแพมากกว่า
และมีแพบริการมากกว่าที่บ้านโป่งเบี้ย

เครดิตข้อมูลและแผนที่ :
//www.เที่ยวเลย.com
คลิกที่นี่

การเดินทาง
มีเส้นทางการคมนาคม 2 เส้นทาง
ท่านต้องเลือกว่าจะไปที่ไหน
คือ บ้านโป่งเบี้ย หรือบ้านห้วยกระทิง

สำหรับบ้านโป่งเบี้ยนั้น
ให้ขับรถไปทางสาย เลย-ภูเรือประมาณ 5 กิโลเมตร
พอถึงบ้านไร่ม่วง จะมีทางแยกเลี้ยวขวา ให้เลี้ยวขวาเข้าไป
ตำบลน้ำหมาน ขับรถเข้าไปประมาณ 7 กิโลเมตร
ผ่านบริเวณบ้าน ห้วยลวงไซ และบ้านโป่งเบี้ย
ก็จะถึงจุดบริการล่องแพของ
อ่างเก็บน้ำหมานตอนบน (บ้านโป่งเบี้ย)



หากจะไปบ้านห้วยกระทิง
ให้ขับรถไปทางสาย เลย-ภูเรือ
ประมาณ 15 กิโลเมตร
ผ่านบ้านไร่ม่วง บ้านกอไร่ใหญ่ บ้านเสี้ยวใต้
พอถึงบ้านเสี้ยวเหนือ ให้เลยไปอีกนิดหนึ่ง
จะเจอทางแยกขวา และมีศาลาริมทาง
ให้เลี้ยวขวาเข้าอีกประมาณ 5 กิโลเมตร
ก็จะถึงสถานที่ล่องแพ
อ่างเก็บน้ำหมานตอนบน (บ้านห้วยกระทิง)



อ่างเก็บน้ำดังกล่าว อยู่ในความดูแลของวนอุทยานหริรักษ์
ท้องที่ตำบลกกทอง ตำบลน้ำหมาน ตำบลเสี้ยว อำเภอเมือง จังหวัดเลย
อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าโคกภูเหล็ก
มีเนื้อที่ประมาณ 8,250 ไร่
กรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยาน
เมื่อวันที่ 17กันยายน 2533 มีอาณาเขตติดต่อดังนี้

ทิศเหนือ จดบ้านสร้าง ตำบลกกทอง
ทิศใต้ จดบ้านห้วยกระทิง
บ้านห้วยฮ่อม ตำบลกกทอง
ทิศตะวันออก จดบ้านโป่งเบี้ย
บ้านห้วยลวงไซ ตำบลน้ำหมาน
ทิศตะวันตก จดบ้านโพนป่าแดง บ้านเสี้ยวเหนือ
และบ้านกอไร่ใหญ่ ตำบลเสี้ยว

วนอุทยานหริรักษ์



บริเวณตอนกลางของวนอุทยานหริรักษ์
ชลประทานได้สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมาน
ตอนบนบริเวณด้านเหนือของอ่างเป็นภูเขาเตี้ย
มีไม้ขนาดเล็กขึ้นอยู่กระจัดกระจาย
ทางด้านใต้ของอ่างเป็นภูเขาสูงชัน
สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 300-500 เมตร

เครติดข้อมูล
//web3.dnp.go.th/parkreserve/asp/style2/default.asp?npid=152&lg=1
คลิกที่นี่

ทิวทัศน์อันสวยงามของวนอุทยาน




ต้องขอออกตัวว่า รูปที่จะใช้รีวิวได้หายไปบางส่วน
ด้วยฝีมือของเจ้าลูกชายแสบซน
ภาพจึงอาจไม่ค่อยต่อเนื่อง และกระท่อนกระแท่นไปบ้าง
ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ

เตรียมตัวลงแพกันเลย
หน้าฝน ฟ้าครึ้ม ๆ มาเลยค่ะ




พอไปนั่งบนแพแล้ว ก็สั่งอาหารและเครื่องดื่มกันก่อน
ได้อาหารครบแล้ว จึงจะนำแพออกไปล่อง

ถ้ามารับประทานอาหารอย่างเดียว นั่งกินอาหารบนแพ
โดยไม่ต้องลากจูงออกไปก็ได้
แต่เรา นานๆ มาที ก็ขอดื่มด่ำกับบรรยากาศ
ของผืนน้ำท่ามกลางหุบเขาสักหน่อย

สำหรับแพของเรา ต้องเสียค่าบริการล่องแพ 300 บาท
สามารถนั่งได้เรื่อยๆ จนถึงเย็นเลยค่ะ



ได้ถ่ายภาพตอนลากจูงแพไว้ด้วยแต่ถูกลบไปแล้ว

การลากแพ ก็จะมีเรือหางยาว
ลากไปจนถึงจุดที่ต้องการ
ก็จะผูกแพกับทุ่นปล่อยทิ้งไว้กลางน้ำ
หากจะเข้าห้องน้ำก็ให้โทรศัพท์
ไปตามเจ้าของแพมารับไปเข้าห้องน้ำบนฝั่ง
ก่อนต้องตีเกราะเคาะไม้กัน
แต่ครั้งนี้ไม่เห็นมีแล้ว

เป็นช่วงเวลาของการพักผ่อน
ทอดอารมณ์สงบนิ่ง
ไปกับสายน้ำและขุนเขา



เป็นความสุขของครอบครัวเรา ณ เวลานี้



ค่าใช้จ่ายค่ะ



ภายหลังจากชื่นชมธรรมชาติกันแล้ว
เรามาฝังตัวอยู่ที่เชียงคานค่ะ
ในวันที่นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน
เชียงคานก็มีโอกาสได้สงบงามบ้างบางเวลา



วัดท่าคก โบสถ์หลังน้อยที่ประทับใจ
เห็นลวดลายที่ตกแต่งผนังโบสถ์
แล้วก็ทำให้นึกถึงลวดลายของเทียน
ที่นำไปประดับตกแต่งประสาทผึ้ง
ในยามออกพรรษาที่เชียงคาน



กุ้งย่างเสียบไม้.. "เกาลัด"
แสบซนพูดถึงตลอด
เป็นของชอบ มาเชียงคานเมื่อไหร่จะต้องกินให้ได้



ริมแม่น้ำโขง เป็นสถานที่ที่ผู้คน
มักจะมานั่งพักผ่อน ออกกำลังกายยามเย็น
และดูดาวยามค่ำคืน

ไม่ว่าฤดูกาลใด ณ ฝั่งโขงแห่งนี้
ก็ยังคงสวยงามเสมอในความคิดของเรา



จากเชียงคาน เราเดินทางกลับอุดรธานี
ช่วงนี้เส้นทางหนองบัวลำภู - อุดรธานี
จะมีขบวนแห่บั้งไฟให้พบเห็นกัน




ย่างเข้าสู่เดือนหกของทุกปี ชุมชนต่าง ๆ จะรวมตัวกันทำบั้งไฟ
และจัดขบวนแห่ ชาวอีสาน เชื่อกันว่า
บุญบั้งไฟมาจากตำนานรักของท้าว ผาแดงกับนางไอ่
และตำนานพญาแถน กับพญาคางคก

ตำนานพื้นบ้านเรื่องผาแดง-นางไอ่
นางไอ่เป็นธิดาพระยาขอม ผู้ครองเมืองชะธีตา
ในจำนวนผู้ที่มาหลงรักนางไอ่ มีท้าวผาแดง
และท้าวพังคี โอรสสุทโธนาค เจ้าผู้ครองนครบาดาล
ท้าวทั้งสองต่างเคยมีความผูกพันกับนางไอ่มาแต่อดีตชาติ
จึงต่างช่วงชิงจะได้เคียงคู่กับนาง แต่ก็พลาดหวัง
จึงมิได้อภิเษกทั้งคู่เพราะแข่งขันบั้งไฟแพ้
ท้าวพังคีนาคไม่ยอมลดละ แปลงกายเป็นกระรอกเผือก
คอยติดตามนางไอ่ สุดท้ายถูกฆ่าตาย
พญานาคผู้เป็นพ่อจึงขึ้นมาถล่มเมืองล่มไป
กลายเป็นหนองน้ำใหญ่ คือ หนองหาน


ผาแดง นางไอ่



ตำนานพญาแถนกับพญาคางคก

เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าถือชาติกำเนิดเป็นพญาคางคก
ได้อาศัยอยู่ใต้ร่มโพธิ์ใหญ่ในเมืองพันทุมวดี
ด้วยเหตุใดไม่แจ้งพญา แถนเทพเจ้าแห่งฝน
โกรธเคืองโลกมนุษย์มาก
จึงแกล้งไม่ให้ฝนตกนานถึง 7 เดือน
ทำให้เกิดความลำบากยากแค้น
อย่างแสนสาหัสแก่มวลมนุษย์ สัตว์ และพืช
จนกระทั่งพากันล้มตายเป็นจำนวนมาก

พวกที่แข็งแรงก็จะรอดตาย
และได้พากันมารวมกลุ่มใต้ต้นโพธิ์ใหญ่กับพญาคางคก
สรรพสัตว์ทั้งหลายจึงได้หารือกันเพื่อจะหาวิธีการปราบพญาแถน
แต่ก็ต้องพ่ายแพ้หลายครั้ง จนเกิดความท้อถอยหมดกำลังใจ
และสิ้นหวังรอวันตาย ในที่สุดพญาคางคกขออาสา
ที่จะไปรบกับพญาแถน จึงได้วางแผนในการรบ จนได้รับชัยชนะ
และตกลงทำสัญญาสงบศึกกับพญาคางคก ดังนี้

1. ถ้ามวลมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อใด
ให้พญาแถนสั่งให้ฝนตกในโลกมนุษย์
2. ถ้าได้ยินเสียงกบ เขียดร้อง
ให้รับรู้ว่าฝนได้ตกลงมาแล้ว
3. ถ้าได้ยินเสียงสนูว่าว ให้ฝนหยุดตก
เพราะจะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว และได้ปฏิบัติตามสัญญาจนบัดนี้

เครดิตข้อมูล : //www.esanclick.com/newses.php?No=30249

ผู้คนในชุมชนต่างก็ร่วมไม้ร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน



พอไปถึงอุดรธานี
เราได้ไป UD Town ยูดีทาวน์
อยู่ติดกับสถานีรถไฟอุดรธานี

เครดิตแผนที่ :
//map.longdo.com/p/A10026111/map
คลิกที่นี่



อุดรเป็นเมืองใหญ่
มีทุกอย่างเหมือนกรุงเทพ ฯ เลยค่ะ
ที่นี่มีร้านค้าต่างๆ และถนนคนเดิน
วันที่เราไปมีคอนเสิร์ตเปิดตัวร้านอาหารใหม่ด้วย




ตอนค่ำ ก็ออกมาเดินเซ็นเตอร์พอยท์เมืองอุดร
อยู่ติดกับยูดีทาวน์ หน้าสถานีรถไฟเลยค่ะ



สำหรับโรงแรมที่แนะนำในทริปนี้
คือ เค ที แกรนด์




แผนที่ค่ะ





เป็นที่พักหลักร้อยใกล้สนามบินอุดรธานีเพียงนิดเดียว
ใกล้บิ๊กซีนาดี และโลตัสนาดี

ที่จอดรถ



ห้องพัก เริ่มต้นที่คืนละ 320 บาท
ที่นอนเสริมคิด 100 บาทไวไฟฟรี
มีให้จองผ่านอโกด้า
แต่เราจองและจ่ายตรงกับโรงแรม





ห้องพักยังใหม่ สะอาดดี คุ้มค่าค่ะ
ดูเพิ่มเติมได้ที่
KT Grand เคทีแกรนด์ ..ที่พักหลักร้อยใกล้สนามบินอุดรธานี
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonwatcher&month=15-06-2012&group=36&gblog=9
คลิกที่นี่

ความจริง ทริปนี้เป็นทริปกลับบ้านนอกของเรา
เราได้กลับไปเยี่ยมครอบครัว
แม้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็มีความสุขค่ะ




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2555    
Last Update : 18 มิถุนายน 2555 10:46:56 น.
Counter : 9587 Pageviews.  

ดูโลมาพัทยา พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย

พัทยามาแล้วจ้า พาไปเฮฮา ดูโลมาโชว์
เฮโลเที่ยวพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
ไปชมวิวสวยๆ ที่เขาหมาจอกันเลยดีกว่า




พัทยา ดอลฟินเวิร์ล แอนด์ รีสอร์ท

ก่อนอื่น พาไปดูการแสดงโลมา
ที่พัทยา ดอลฟินเวิร์ล แอนด์ รีสอร์ท
เราซื้อดีลจากเว็บไซต์แห่งหนึ่งในราคาที่ลดลงจากราคาปกติ

แผนที่จากเว็บพัทยา ดอลฟินเวิร์ลค่ะ




รอบโชว์โลมามี 5 รอบตามนี้จ้า
รอบที่ 1 เริ่มแสดงเวลา 09.00 น.
รอบที่ 2 เริ่มแสดงเวลา 11.00 น.
รอบที่ 3 เริ่มแสดงเวลา 13.00 น.
รอบที่ 4 เริ่มแสดงเวลา 15.00 น.
รอบที่ 5 เริ่มแสดงเวลา 17.00 น. (รอบสุดท้าย)
ระยะเวลาในการแสดงโชว์โลมา รอบละ 45 นาที



ตอนนี้ทางพัทยา ดอลฟินเวิร์ล
ก็มีโปรโมชั่นเองอยู่ด้วยค่ะ เด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท


ลิงค์โปรโมชั่น
//www.pattayadolphins-world.com/page4.html


เรานำเอกสารคูปองจากการซื้อดีล
ไปยื่นที่ช่องจำหน่ายตั๋ว
เจ้าหน้าที่ก็จะให้ตั๋วเรามา ตามที่เราซื้อไว้
คือ บัตรผู้ใหญ่ 2 ใบ ของเด็ก 1 ใบ
เรามาทันรอบ 11.00 น. พอดีเป๊ะ
รีบไปดูกันดีกว่า



จับจองที่นั่งกันได้ไม่นาน
เจ้าโลมาก็ทำการแสดงความสามารถอันแสนจะน่ารัก

ว่ายน้ำสวัสดีคุณผู้ชมไปรอบๆ ด้วยนะ



เล่นกายกรรมลอดห่วงก็ได้ด้วย



โพสต์ท่าถ่ายแบบ
ให้เราชมด้วยความเพลิดเพลิน



เป็น 45 นาทีแห่งความสุข
จากสัตว์แสนรู้ชนิดนี้
โลมาพันธ์ปากขวด และพันธ์หัวบาตร
มีโลมาสีชมพู คล้ายกับที่เราเคยนั่งเรือไปชม
ที่ท้องทะเลอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราชเลยค่ะ



จบการแสดงโลมาแล้ว
เดินต่อที่เมืองคาวบอย
อยู่ในสถานที่เที่ยวเดียวกัน




มีมุมต่างๆ ให้ชม ถ่ายภาพ
มีร้านขายของที่ระลึก
ปาลูกโป่ง ยิงปิน ขี่ม้า รถม้า รถเอทีวี ฯลฯ



มีหน้าผาจำลองให้ปีนด้วยค่ะ




พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย

สถานที่น่าสนใจอีกแห่ง
ที่เราได้ไปในทริปนี้ก็คือ
พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทยค่ะ
ตั้งอยู่ที่เขาหมาจอ ต.แสมสาร อ. สัตหีบ จ.ชลบุรี




ในภาพนี้เป็นอาคารที่เราไปซื้อตั๋ว
ข้างในมีนิทรรศการและมุมฉายภาพยนตร์
เอาไว้ต้อนรับผู้มาดูงานเป็นหมู่คณะ
ส่วนอาคารสีเขียวบนเขาในภาพ
คือส่วนของพิพิธภัณฑ์ค่ะ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ตั้งแต่เวลา 09.00 -17.00 น.

ค่าเข้าชม
เด็กคนละ 20 บาท
ผู้ใหญ่ คนละ 50 บาท

คณะที่ทำหนังสือมา (ตั้งแต่ 20 คน ขึ้นไป)
นักเรียนไม่เกินชั้น คนละ 20 บาท
ผู้ใหญ่ คนละ 30 บาท

ชาวต่างชาติ คนละ 50 บาท

ยกเว้น ทหารเรือในเครื่องแบบ นักบวช
เด็กความสูงไม่เกิน 110 ซม.
และผู้มาสักการะที่ศาลสมเด็จ
พระเจ้าตากสินมหาราชเป็นการเฉพาะ





ร้านอาหารก็จะมีทั้งร้านอาหารของสโมสรเขาหมาจอ
และร้านอาหารตามสั่ง
แยกโซนกัน
สามารถสั่งอาหารกล่อง
ไปรับประทานที่เกาะแสมสารได้



กิจกรรมเยี่ยมชมธรรมชาติที่เกาะแสมสาร

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติเกาะและทะเลไทย
ให้บริการเรือไปเที่ยวชม
ศึกษาทรัพยากรธรรมชาติเกาะแสมสาร
ผู้ใหญ่ คนละ 250 บาท
เด็ก คนละ 200 บาท
อายุต่ำกว่า 3 ขวบ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

จำหน่ายตั๋วเรือ 9.00 น. - 14.00 น.
รวมอุปกรณ์ดำน้ำ
เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง
ส่วนขากลับ จะกลับกี่โมงก็ได้
มีเรือให้เลือกกลับหลายรอบตามใจชอบ
แต่รอบสุดท้ายที่ออกจากเกาะสี่โมงเย็น

บนเกาะมีแต่ร้านเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว
ไม่มีร้านอาหารต้องเตรียมไปเอง
มีกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง นั่งเรือท้องกระจก
ขี่จักรยานชมธรรมชาติ
ศึกษาป่าชายเลน
บางกิจกรรมต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเอง

สอบถามที่
โทร./Fax 038-432471, 038-432473


ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน ฯ

ตั้งอยู่ที่เชิงเขาหมาจอ
ทางขึ้นพิพิธภัณฑ์ ฯ



ทิวทัศน์สวยงาม ถ่ายจากหน้าศาล ฯ



ระหว่างทางเดินจากศาล ฯ ไปพิพิธภัณฑ์
จะผ่านลานศึกษาซากดึกดำบรรพ์




ถึงแล้วค่ะ
พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
ออกแบบโดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 อาคารตามภาพ

เครดิตภาพ : //www.tis-museum.org/exhibitions_b5.html



ตอนที่เราไปเปิดให้เข้าชม
เพียงอาคารที่ 1 2 และ 5

อาคารหลังที่ 1 หรือ "อาคารเทิดพระเกียรติมหาราช"
แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรก (โซน A) เป็นการนำเสนอวัตถุประสงค์
ความเป็นมาของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี "เจ้าฟ้านักอนุรักษ์"
ที่ทรงสืบทอดจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตามพระราชปณิธาน " เดินตามรอยเท้าพ่อ"
จนถึงพระราชดำริเพิ่มเติมในการเรียนรู้ทรัพยากร
การใช้ประโยชน์และการสร้างจิตสำนึก




นิทรรศการมีการจัดวางและนำเสนอ
อย่างน่าสนใจ มีของตัวอย่าง แบบจำลองให้ชม



ทิวทัศน์สวยงามจากหน้าต่าง
ในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย




นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติวิทยา
ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ


 

เจ้าของงานวิจัยเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ เจาะลึกเฉพาะด้าน

ผลงานวิจัยสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางธรรมชาติของบ้านเรา

ที่น่าหวงแหน ควรค่าแก่อนุรักษ์ไว้ นำไปใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน




ตัวอย่างผลงานของนักสำรวจ
โครงการดังกล่าว





ส่วนที่ 2 (โซน B)
จัดการแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง
หิน ดิน และชีวิต อาทิ
กระบวนการเกิดดิน
อนุภาคของดินที่เอื้อประโยชน์ต่อระบบนิเวศ
งานอุทกศาสตร์ทางทะเล
รูปแบบชนิดของหินดินแร่
ความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล
อันก่อให้เกิดสภาพภูมิศาสตร์ปัจจุบัน
รวมทั้งเรื่องราวของฟอสซิล
หรือซากดึกดำบรรพ์ที่คณะสำรวจของโครงการฯ
ค้นพบบนเกาะบอน จังหวัดพังงา

และร่องรอยอีกมากมายของฟอสซิลภายใต้ท้องทะเล
สิ่งที่จัดแสดงเหล่านี้จะทำให้ผู้เข้าชม
เข้าใจถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลง
และหลักฐานที่ใช้สนับสนุน
กระบวนการทางวิวัฒนาการ
ของสิ่งมีชีวิตและเน้นประจักษ์พยาน
ของทฤษฎีวัฒนาการนี้ด้วย

จากหิน ดิน และชีวิต



ปัจจุบันคือกุญแจไขความลับในอดีต



ย้อนรอยชีวิตโลกล้านปี



ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน
หมายความว่า "สัตว์เลื้อยคลานยักษ์แห่งภูเวียง"
อายุราวยุคครีเตเชียสตอนต้น
เป็นไดโนเสาร์ซอโรพอด หรือไดโนเสาร์กินพืชคอยาว
ชนิดแรกที่บรรยายลักษณะจากประเทศไทย
พบที่ภูเวียง อำเภอภูเวียง
จังหวัดขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ. 2525

กระดูกภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน
พบจากหลายแหล่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยเฉพาะแหล่ง วัดสักกะวัน ภูกุ้มข้าว
อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สิรินธร
ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว



ไดโนเสาร์ที่ได้ค้นพบในเมืองไทย



ลูกชายทำท่าเดิน (คลาน)
และร้องเลียนแบบไดโนเสาร์
ตอนท้าของนิทรรศการได้ฝากไว้ให้คิด



เดินขึ้นเขาไปต่อกันที่อาคาร 2 ค่ะ



อาคารหลังที่ 2
หรือ "อาคารปวงปราชญ์ร่วมแรงใจ"

ส่วนแรก (โซน A) จัดแสดงนิเวศของป่า
พรรณพืช และสัตว์
โดยเน้นความหลากหลายทางชีวภาพ
สังคมพืชป่าดงดิบ ป่าผลัดใบ
พืชที่พบจากเกาะต่างๆ
การค้นพบพันธุ์พืชที่มีอยู่เฉพาะในประเทศไทย
พันธุ์ไม้ที่เป็น new record species หลายชนิด
รวมทั้งความหลากหลายของสมุนไพร



ความหลากหลายของป่า



ส่วนที่ 2 (โซน B)
ของอาคารปวงปราชญ์ร่วมแรงใจ
จัดแสดงนิทรรศการผู้ย่อยสลายในธรรมชาติ
ได้แก่ ปลวก จุลินทรีย์ดิน เห็ดรา
สัตว์หน้าดินในดิน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่ง
ในห่วงโซ่อาหารและสายใยอาหาร
อันเป็นกระบวนการหมุนเวียนพลังงาน
ที่ก่อให้เกิดความสมดุลในระบบนิเวศ
รวมทั้งงานวิจัยที่พบว่า
เชื้อราบางชนิดสามารถสร้างสารเคมี
ต่อต้านเชื้อมะเร็ง และเชื้อ HIV ได้

ไปตะลุยอาณาจักรผู้ย่อยสลายตามธรรมชาติกันค่ะ



ตะลุยอาณาจักรเห็ดรา



ตะลุยรังปลวก



จากนั้นก็เดินขึ้นเขา ไต่ระดับไปเรื่อยๆ
ชักจะเหนื่อยแล้วสิ
แต่ข้างบน มีจุดชมวิวสวย ๆ
เป็นรางวัลสำหรับคนที่เดินขึ้นไปชมอาคาร 5

ทิวทัศน์ระหว่างทาง



มองได้กว้างและไกลรอบทิศทาง



เดินไปอีกสักพัก ก็ถึงยอดเสา
เอ๊ย.. ยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคาร 5
ภาพที่เห็นเบื้องหน้า คือ ท้องทะเลอันสวยงาม



อาคารหลังที่ 5
หรือ "อาคารพิทักษ์ศักยภาพทะเลไทย"

การจัดแสดงได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
คือ ภายใน และภายนอกอาคาร

ภายนอกอาคารที่เป็นส่วนต้อนรับ
เพื่อให้ผู้เข้าชมได้พักผ่อน
ชื่นชมกับทิวทัศน์จากจุดสูงสุดของยอดเข
และเป็นจุดนำสายตาที่สามารถ
มองเห็นได้ในระยะไกล
และได้ติดตั้งกล้องส่องทางไกลเพื่อชม
ทิวทัศน์ของสถานที่ต่างๆ ที่ปรากฏเบื้องหน้า
เช่น เกาะแสมสาร หมู่บ้านประมงช่องแสมสาร
เกาะแรด และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง
ภายนอกอาคารนี้มีร้านจำหน่ายเครื่องดื่มด้วยค่ะ

ภายในอาคาร แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนต่างๆ
ส่วนที่ 1 ดอกประดู่คู่ชาติไทย
ส่วนที่ 2 นักรบ - นักอนุรักษ์
ยามศึกเรารบ ยามสงบเรารักษ์
ส่วนที่ 3 เทิดพระเกียรติศักดิ์แห่งราชนาวีไทย
ส่วนที่ 4 เทิดไท้มหาราชาภูมิพล
ส่วนที่ 5 เปิดปูมกองทัพเรือ
ส่วนที่ 6 เที่ยวถิ่นทหารเรือ

ไปชมข้างในกันค่ะ



น่าสนใจดีค่ะ
ลูกชายชมส่วนต่างๆ ที่จัดแสดงได้ไม่เบื่อเลย



ดูวีดิทัศน์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช



ทางลงเขา เราเดินลงอีกเส้นทางหนึ่ง
ซึ่งใกล้และเร็วกว่าขามา
มีทะเลสวยๆ ให้ชมเบื้องหน้าเรา



รถสองแถวสายสัตหีบ - ช่องแสมสาร
จอดอยู่หน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์เลยค่ะ
เดินจากรถสองแถวเข้าไปไม่ไกล




ร้านดารุมะ พัทยา


จากเรื่องเที่ยวมาดูอาหารการกินกันบ้าง
เราได้ไปลองชิมบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
ร้านดารุมะ ที่พัทยามาค่ะ ราคาปกติ 399 บาท
ตั้งอยู่ที่โครงการ Pattaya Dragon ระหว่างซอย 5 กับ 6
อยู่ฝั่งเดียวกับห้้างเซ็นทรัลและทอปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต



ในวันนี้เราซื้อดีลมาค่ะ ได้ 1 ชั่วโมง
ราคาปกติได้ 1 ชั่วโมง 30 นาที



โดยรวมก็ OK มาก
อาหารดีทั้งคุณภาพ รสชาติ และบริการ

อ่านรีวิวร้านดารุมะเพิ่มเติมที่นี่ค่ะ



เดอะเบสต์สเต็ก


เป็นร้านอาหารข้างโรงแรมพินนาเคิลแกรนด์จอมเทียน
ที่เราไปพักในทริปนี้ค่ะ



พักโรงแรมนี้เป็นครั้งที่สอง
และแวะมาชิมครั้งที่สอง
เพราะติดใจในรสชาติพิซซ่าค่ะ
ราคาก็ไม่แพงโหด อย่างปลากระพงที่เห็นตัวละประมาณ 300 บาท



โรงแรม Pinnacle Grand Jomtien

โรงแรมนี้ อยู่นาจอมเทียนซอย 8
ขับเลยตลาดน้ำ 4 ภาค
ขับเลยทางเข้าหาดจอมเทียนมาเรื่อย ๆ

จากแยกไฟแดง ตรงสำนักงานอัยการ
ให้ขับเลยแยกอัยการ (ทางเข้าออกอีกทางของตลาดน้ำ 4 ภาค)
ผ่านวัดนาจอมเทียน
นับไปอีก 2 ยูเทิร์น ให้ยูเทิร์นตรงยูเทิร์นที่ 2
ยูเทิร์นที่ 2 นี้จะอยูก่อนถึงโรงแรมแอมบาสเดอร์

พอกลับรถแล้ว ให้มองซ้ายไว้
จะเห็นป้ายทางเข้า The Glass House
ทางเข้าร้านต้นหาด ซึ่งสามารถเข้าโรงแรมได้
เพราะโรงแรมนี้เข้าได้หลายซอย
ให้ขับผ่านไปก่อนนิดหนึ่ง
ทางที่สะดวกที่สุด จะเข้าทางนาจอมเทียนซอย 8
ปากซอยนาจอมเทียนซอย 8 จะเห็นป้ายโรงแรมเล็กๆ
และป้ายร้านต้นหาด ป้ายใหญ่กว่า

แผนที่




อ่านรีวิวเดิม ห้อง Standard
ซึ่งเคยรีวิวห้องพักและบริเวณโดยรอบไว้อย่างละเอียด
พร้อมทั้งรีวิวเมืองจำลอง พัทยาในนี้

คลิกที่นี่ค่ะ

ล็อบบี้



ตึกที่เราพักหันหน้าเข้าหาทะเล เป็นอาคารที่มีลิฟท์
แต่ห้องเรา ห้อง Deluxe ได้แบบ Garden View ค่ะ
จองผ่าน hotels4u



ห้องก็กว้างดีค่ะ
ไม่เก่าด้วย



ตู้เสื้อผ้า



ห้องน้ำกว้าง แยกสัดส่วนการใช้งานชัดเจน
เสียดายไม่มีอ่างอาบน้ำ
ไม่มีสายชำระ




ห้องนอน



อีกมุมค่ะ



ระเบียงกว้างๆ น่าจะมีราวตากผ้าเปียกให้นะ
อาศัยตากตามเก้าอี้อีกตามเคย

มุมมองจากระเบียงค่ะ



ชายหาดของโรงแรม



ในโรงแรมมีมินิมาร์ท
ราคาไม่แตกต่างจากร้านข้างนอกโรงแรมค่ะ

สระว่ายน้ำ



ปิดท้ายด้วยอาหารเช้า
ของที่นี่ค่อนข้างดีทีเดียว
เด็กจ่ายเพิ่ม 150 บาทค่ะ




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2555    
Last Update : 12 มิถุนายน 2555 9:15:32 น.
Counter : 10262 Pageviews.  

กาญจนบุรี : นั่งอีแต๋นเยือนถิ่นวัฒนธรรมบ้านหนองขาว ยลเทวมันตร์ทรา (Dheva Mantra) งามสง่า อบอุ่นตรึงใ

กาญจนบุรี จังหวัดที่ไม่ห่างไกลกรุงเทพจนเกินไปนัก
มีโรงแรมที่พักหลากหลายรูปแบบให้เราเลือกสรร
การเดินทางครั้งนี้ นอกจากจะได้นั่งรถอีแต๋น
เยี่ยมชมหมู่บ้านหนองขาว

ยังมีโอกาสได้เข้าพักและใช้บริการในโรงแรม
ที่แสนจะยอดเยี่ยมอีกแห่งหนึ่งในความรู้สึกของเรา

ทุกอย่างเกินคาด พร้อมทั้งสุขใจ........
และนี่คือเรื่องราวของการเดินทางของเราในครั้งนี้

ตามเรามาเลยค่ะ



ชุมชนบ้านหนองขาวโดดเด่น
ด้านความยึดมั่นในจารีตประเพณี วัฒนธรรมดั้งเดิม
สินค้า OTOP ที่มีชื่อเสียง คือ ผ้าขาวม้าร้อยสี
และยังเคยได้รับรางวัล Thailand Tourism Awards ปี 2545
ตั้งอยู่ที่ อ.ท่าม่วง จ. กาญจนบุรี อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 11 กิโลเมตร

เราไปเริ่มต้นกันที่โรงเรียนวัดอินทาราม
มีวิทยากรท้องถิ่น ผู้บริหารโรงเรียนและคณะให้การต้อนรับ






นั่งรถอีแต๋นไปชมวิถีชีวิตชุมชนและภูมิปัญญาไทย


คุณยายปิ้งข้าวเกรียบว่าวร้อน ๆให้ชิม



ขนมตาลหอม ๆ จากลูกตาลสุก
ที่ไปเก็บมาจากท้องไร่ท้องนา



ขนมตาลนึ่งสุกใหม่ๆ



น้ำพริก กล้วยตาก
ตุ่มเก็บน้ำ วิทยุทรานซิสเตอร์



หิ้งเก็บของ เสื้อผ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน



บ้านเรือนที่นั่งรถผ่าน



ไปชมการทอผ้า



ไปชมการทอผ้า



จากเส้นด้ายถักทอเป็นผืนผ้า



จากผืนผ้า สู่ผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ให้ชุมชน



เลือกซื้อตามอัธยาศัยได้เลยค่ะ ชอบที่สุดก็คือไอ้โม่ง ^^



บ้านหนองขาวเดิมชื่อ "บ้านหนองหญ้าดอกขาว"
ชาวบ้านหนองขาวส่วนใหญ่
ยังคงดำเนินชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายในสังคม

เกษตรกรรม สภาพบ้านเรือนแบบไทยสมัยก่อน
ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป วิถีชีวิตและขนบธรรมเนียม
แบบโบราณยังคงได้รับการสืบทอดกันมาช้านาน
ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน เ
ช่น การตำข้าว ทำขนมแบบโบราณ
ทำน้ำตาลปึก ประเพณีการโกนจุก การทำนา
การร้องเพลงเหย่ย เพลงพวงมาลัย

แหล่งท่องเที่ยวภายในชุมชน

ไหว้หลวงพ่อเลไลย์
˜ชมพิพิธภัณฑ์ชุมชนบ้านหนองขาว
˜นั่งรถอีแต๋นชมการบรรยายเกี่ยวกับบ้านเรือนไทย
˜ศึกษาและเรียนรู้ทำขนมตาล ขนมข้าวเกรียบว่าว
˜ชมกระบวนการทำน้ำตาลโตนด และน้ำตาลสด
˜ชมทุ่งข้าวในแหล่งที่เรียกว่า "ดงตาล"
˜ชมประเพณีการทำขวัญข้าวและหม้อยาย
˜ชมการทำผ้าขาวม้าย้อมสี
˜พำน้กโฮมสเตย์
˜ชมแหล่งเรียนรู้ศิลปะของชุมชน สอนวาดรูป
ทำบาติก วาดภาพสีน้ำ สีน้ำมัน เพนท์แก้ว
˜ปั่นจักรยานชมหมู่บ้านไทย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
//www.cbtthaidatabase.org/page/showpage.aspx?idindex=91


ไอ้โม่งพ่อลูก เมื่อครั้งสงกรานต์ ปี 2552
ไปเที่ยวบ้านหนองขาว หมู่บ้านวัฒนธรรม จ. กาญจนบุรี



แผนที่คร่าว ๆ



ร้านอาหารแนะนำย่านหนองขาว

ร้านครัวอนงค์



ไข่เจียวสมุนไพร ผักหวานผัดน้ำมันหอย ไก่ทอด
ยำกุ้งตะไคร้ ต้มยำปลา กระดูกหมูอ่อนผัดเผ็ด
อร่อยสมคำเชียร์..



ด้วยข้อกำจัดด้านเวลา เราจึงรีบไปประชุมที่โรงแรมกันต่อ

เราเอง ไม่ทราบหรอกว่าโรงแรม
ที่จะได้ไปพักเป็นอย่างไร สวยงามเพียงใด

คิดว่าคงไม่แตกต่างจากที่เคยมากนัก

แต่พอรถเริ่มแล่นเข้าไปในรั้วของโรงแรม
ถึงกับตะลึงในความสวยงามที่เห็นเบื้องหน้า



.. ฝั่งตรงข้ามโรงแรม
มีร้านขายของชำเล็กๆ อยู่ด้วยนะคะ



โรงแรมเทวมันตร์ทรา รีสอร์ท แอนด์สปา
แปลว่า “พรจากเทวดา”
มีรูปดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรม




โรงแรมมีความโดดเด่นและดูหรูหรามาก
ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล ในสมัยรัชกาลที่ 5
ได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชวังบางปะอิน
พระราชวังมฤคทายวันและบ้านพิบูลย์ธรรม



ด้านหน้า



ทางเข้าล็อบบี้



เพียงเห็นครั้งแรกก็ตะลึง
ก้าวเท้าเข้าไปก็ยิ่งประทับใจ



โอ่อ่า สง่างาม



นี่ค่ะ ประตูเปิดสู่ล็อบบี้ที่เราจะเข้าไปเช็คอินกัน



ล็อบบี้



อีกมุม



มุมนี้ให้บริการเครื่องดื่มและเค้กนานาชนิด



เค้ก เริ่มต้นที่ 35 บาท



ไปชมห้องนอนกันค่ะ
ห้องที่เราพักเป็นห้อง Superior







กว้างขวาง โอ่อ่า สะดวกสบาย



ห้องน้ำขนาดใหญ่
แยกส่วนใช้งานชัดเจน มีสายชำระ



อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่
มีสบู่ ครีมอาบน้ำ ยาสระผม
ครีมนวดผม โลชั่นทาผิวและอื่นๆ



ทิวทัศน์เมื่อมองจากระเบียงสวยงาม



จากระเบียง มองเห็นสระว่ายน้ำเบื้องหน้า
และแม่น้ำแควอยู่ไม่ไกลตา



ไปชมสถานที่รอบๆ กันค่ะ



เก้าอี้นางงาม อยู่ด้านหลังล็อบบี้



ลวดลายฉลุของไม้ที่ประดับอาคาร



สวยงาม ปราณีต ใส่ใจทุกรายละเอียด

แม้กระทั่งฝาครอบอุปกรณ์ดับเพลิง



บริเวณโรงแรมรายล้อม
ด้วยสวนต้นไม้ร่มรื่นริมแม่น้ำแคว



มีสนามเด็กเล่นและที่นั่งชมวิวแม่น้ำ



สระว่ายน้ำระบบเกลือบำบัด





ร้านเสริมสวย สปา

ในส่วนของซาวน่า จากุชชี่ อบไอน้ำ ฟิตเนส
ให้บริการฟรีสำหรับแขกเข้าพัก




ร้านอาหารแพริมน้ำของโรงแรม


อาหารเช้า







การเดินทาง จากตัวเมืองกาญจนบุรี
ตรงมาทางน้ำตกไทรโยค
ถึงแยกแก่งเสี้ยน
ให้เลี้ยวซ้ายตรงข้ามสะพานจินดา
แล้วเลี้ยงซ้ายอีกครั้งตรงไป
อีกประมาณ 4-5 กิโลเมตร
จะพบโรงแรมตั้งอยู่ทางซ้ายมือ



โดยสรุปมีความประทับใจในการเข้าพักครั้งนี้
สถานที่ ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างสะอาด สวยงาม
เต็มไปด้วยความใส่ใจ อาหารอร่อย

เจ้าหน้าที่ทุกท่านให้บริการด้วยสุภาพ ให้การดูแลผู้เข้าพักทุกท่านเป็นอย่างดี
ทำด้วยใจรักอย่างยอดเยี่ยม อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงฟรี..และแรง


สิ่งที่ยังไม่ค่อยชอบ
คือ กลิ่นของโลชั่นทาผิวในห้องพัก
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ชอบกลิ่น
ก็ยังใช้ทุกครั้งหลังอาบน้ำตลอดการเข้าพัก ^^




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2555 15:20:45 น.
Counter : 4785 Pageviews.  

เที่ยวบึงกาฬ : หาดคำสมบูรณ์ (บึงโขงหลง..พื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติ ) วัดอาฮงศิลาวาส

จังหวัดน้องใหม่ จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของไทย
เป็นที่น่าจับตามอง ในแง่ของสถานที่ท่องเที่ยว
ทั้งเชิงศาสนาและวัฒนธรรม
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รวมทั้งเป็นประตูสู่ "เมืองปากซัน"
ประเทศเพื่อนบ้านของเรา

จะว่าไปแล้ว บึงกาฬ เป็นที่รู้จักของเรา
ตั้งแต่ครั้งที่ยังอยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดหนองคาย
และเนื่องด้วย บึงกาฬเป็นถิ่นเกิดของพ่อของลูกด้วย
เราจึงได้มีโอกาสไปเยือนจังหวัดแห่งนั้นอยู่เรื่อย ๆ
พร้อมทั้งได้ข้ามพรมแดนตามกลิ่นกุหลาบปากซันด้วย

ล่าสุด ครอบครัวเราได้มีโอกาสไปหาดคำสมบูรณ์
จึงคิดว่าน่าจะนำมารีวิวให้ชมกัน แถมด้วยวัดฮาฮงศิลาวาส
จากทริปก่อนนู้นด้วย


.............. ตามเราไปกันเลยค่ะ ^^





พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง
เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำลำดับที่ 2 ของประเทศไทย
เป็นพื้นที่ชุ่ม น้ำที่มีความสำคัญ ระดับนานาชาติ
(Ramsar Site อันดับที่1098 )
ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสองอำเภอคือ เซกา และ บึงโขงหลง

ข้อมูลทั่วไป
(ป้ายที่ติดตั้งบริเวณหาดคำสมบูรณ์ ซึ่งเป็นข้อมูลเดิมอยู่ค่ะ)

ความหลากหลายทางชีวภาพ





ความสำคัญ



ขออภัยที่ทริปนี้ไม่ได้ตระเวนไปชมคงามหลากหลายของระบบนิเวศรอบบึงโขงหลงอย่างละเอียด
หากมีโอกาสจะแวะไปเที่วและเก็บมาฝากให้ละเอียดกว่านี้นะคะ

เพราะเราตรงดิ่งไปที่หาดคำสมบูรณ์กันเลย
ไปถึงก็บ่ายแก่ๆ แล้วค่ะ


หาดคำสมบูรณ์ตั้งอยู่ในเขตอำเภอบึงโขงหลงค่ะ

ตอนไป ขบหาป้ายทางลงหาดไม่เจอ สรุปได้ว่าจะไม่มีป้ายบอกทางลงหาดชัดเจน
แต่แถวๆ นั้นจะเต็มไปด้วยป้ายร้านอาหาร ให้เลือกป้ายใดป้ายหนึ่งสักป้ายแล้วขับเลี้ยวเข้าไป
ค่อยเลือกร้านนั่งภายหลังก็ได้

ที่จอดรถ



เราใช้วิธีสุ่มเลือกร้านอาหารเองค่ะ ไม่มีร้านแนะนำในดวงใจ

ริมหาดจะเต็มไปด้วยซุ้มอาหารให้เราเลือกนั่งตามอัธยาศัย
สามรถเข้าห้องน้ำของร้านที่เราใช้บริการสั่งอาหารได้ฟรีค่ะ



ลักษณะของหาดเป็นหาดแคบๆ แต่ยาวหลายกิโลเมตร

มีห่วงยางให้เช่า



เรือถีบ หรือจักรยานน้ำ



เรือถีบ หรือจักรยานน้ำ



ชิงช้าเอาไว้นั่งชิลล์ๆ



ดูสบายๆ ดีค่ะ



เด็กๆ กลุ่มนี้เล่นเรือกล้วยกันอย่างสนุกสนาม



มาดูว่ามีอะไรให้ชิมบ้าง



เครื่องดื่ม สามารถนำมาเองได้ค่ะ



ส้มตำแตงกวา อร๊อย.อร่อย



ก้อยหอย (สุกแล้ว) .. หอยอะไรไม่รู้ค่ะ



ปลาทอดกระเทียม อร่อยม๊าก... มาที่นี่ต้องสั่งปลา

ขอแนะนำเมนูนี้ ห้ามพลาดค่ะ



กุ้งชุบแป้งทอด อันนี้ก็อร่อยค่ะ



ส้มตำปลาร้า ก็อร่อยเหมือนกัน



ทิวทัศน์สวยงามดีนะคะ
ฉากหลังที่เห็นคือภูลังกา สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งค่ะ

อุทยานแห่งชาติภูลังกา
ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม
และอำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ มีเนื้อที่ประมาณ 31,250 ไร่
หรือประมาณ 50 ตารางกิโลเมตร จุดเด่นที่น่าสนใจ
คือดอยภูลังกา ดอยหัวลิง ดอยภูนม
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1720 และ 1693
และ 1500 เมตร ตามลำดับ



เกาลัดกับน้องชายเล่นน้ำและนำทรายมาโปะสมมติว่าเป็นเสื้อเกราะ



เด็กๆ เล่นน้ำกันสักพัก ก็ลงเรือกล้วย เป็นครั้งแรกของเกาลัดที่ได้รับโอกาสนี้ เขาดีใจมาก



ตีโค้ง



เทกระจาด



ปีนขึ้นกันทุลักทุเล



เทส่งท้ายก่อนจบ



พักเหนื่อยก่อนกลับ



เกาลัดกับเจ้ารถถัง แมวที่รักของครอบครัว



เรือกสวนไร่นาที่พลิกผืนดินสู่การทำสวนยาง

แถวอีสาน เริ่มปลูกสวนยางกันแพร่หลาย คนที่ทำก่อนร่ำรวยไปแล้ว
ส่งผลให้อีกหลายๆ คน ก็อยากลงทึนทำสวนยางกันบ้าง

ในภาพเป็นต้นยางที่เพิ่งปลูกไม่ถึงปีค่ะ



ที่ดินอีกผืนที่พี่สาว พี่เขย กำลังจะลงยางใหม่



รถคันนี้ที่เด็กๆ โปรดปราน

รถวิ่งไปบนถนนที่ขรุขระ
ก็สั่นคลอนไปทั้งหน้าทั้งตัว หงึกหงัก หงึกหงัก



เกาลัดกับน้องชาย สืบเชื้อสายลูกหลานชาวท้องถิ่นบึงกาฬ
ดูชุดแล้วกลมกลืนมากๆ ยืมชุดน้องใส่



พาไปกินของอร่อยบึงกาฬอีกอย่างหนึ่งกันนะคะ
เราไปกินที่ร้านแถวๆ ริมโขง ในตัวจังหวัด

ตอนนี้ความเจริญรุกคืบเข้ามาที่จังหวัด
มีห้างฯ มีฟาสต์ฟู้ดกิน
วิถีชีวิตที่สงบงาม เงียบๆ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว



อาหารที่ว่านี้ คือ เมี่ยงปลาเผา นั่นเอง

แถวนี้เรียกปลาพัน หรือพันปลา เครื่องเคียงตามภาพ



ดูใกล้ๆ ยั่วน้ำลาย



ผักแกล้มสดๆ




วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่ที่บ้านอาฮง
ตำบลไคสี อำเภอเมืองบึงกาฬ


ห่างจากตัวจังหวัด 21 กิโลเมตร


การเดินทางจากตัวจังหวัด
ไปตามทางหลวงหมายเลข 212 ทางที่จะไปอำเภอปากคาด

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่เมืองปากซัน
แขวงบอลิคำไซ ของลาว
งตัวเมืองตรงที่ลำน้ำซันไหลลงสู่ลำน้ำโขง
จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเมืองบึงกาฬ

ในภาพเป็น วัดลาว ชื่อ"วัดพุทธไสยาสน์"
มีเจดีย์ขนาดย่อมตั้งอยู่บนโขดหินริมน้ำ



ใกล้เข้าไปอีกนิด



หน้าแล้ง น้ำลด จะเห็น "แก่งอาฮง"
อีกทั้งยังมี จุดชม “สะดือแม่น้ำโขง”
เป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกที่สุดไม่สามารถวัดความลึกได้
กระแสน้ำไหลเชี่ยวมากในฤดูน้ำหลาก
และมีกระแสน้ำไหลวนเป็นรูปกรวยขนาดใหญ่

สังเกตได้จากเมื่อมีวัสดุหรือซากไม้
ขนาดใหญ่ลอยมาเมื่อถึงบริเวณนี้
สิ่งของต่างๆ จะหมุนวนอยู่ประมาณ 30 นาที
จึงจะไหลต่อไป
ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น "สะดือแม่น้ำโขง"
มีความกว้างประมาณ 300 เมตร


วัดอาฮง ยังเป็นจุดชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
"บั้งไฟพญานาค"
ในช่วงออกพรรษา วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11





















ข้อมูลแนะนำจังหวัดบึงกาฬ
จังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดใหม่ที่พึ่งจัดตั้งขึ้นมา แยกจากจังหวัดหนองคาย มีพื้นที่ 4,305 ตารางกิโลเมตร
ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 756 กิโลเมตร ภูมิประเทศของจังหวัดค่อนข้างหลากหลาย
ได้แก่ พื้นที่ราบสูง ภูเขา พื้นที่ราบลุ่มบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง
นอกจากนี้จังหวัดบึงกาฬจะกลายเป็นศูนย์กลางการปลูกยางพารา ที่มีเนื้อที่ถึง 300,000 ไร่
อาจถือเป็นพืชเศษฐกิจหลักของจังหวัด

อาณาเขต
» ทิศเหนือ : ติดต่อกับ ประเทศลาวและแม่น้ำโขง
» ทิศใต้ : ติดต่อกับ จังหวัดหนองคาย
» ทิศตะวันออก : ติดต่อกับ ประเทศลาว
» ทิศตะวันตก : ติดต่อกับ จังหวัดอุดรธานี

ระยะทาง
ระยะทางจากจังหวัดบึงกาฬไปยังจังหวัดใกล้เคียง
จังหวัดหนองคาย 113 กม.
จังหวัดสกลนคร 133 กม.
จังหวัดอุดรธานี 189 กม.


ระยะทางจากอำเภอเมืองบึงกาฬไปยังอำเภอต่างๆ
อำเภอศรีวิไล 35 กม.
อำเภอบุ่งคล้า 39 กม.
อำเภอพรเจริญ 47 กม.
อำเภอปากคาด 50 กม.
อำเภอโซ่พิสัย 58 กม.
อำเภอบึงโขงหลง 73 กม.
อำเภอเซกา 88 กม.

การเดินทาง

โดยรถยนต์
ระยะทางจากหรุงเทพมหานครไปจังหวัดบึงกาฬโดยประมาณ 765 กิโลเมตร
โดยขึ้นทางด่วนจากพระราม 4 ใช้ทางพิเศษเฉลิม มหานคร จากนั้นให้ตามทางพิเศษหมายเลข 31
ไปยัง ถนนวิภาวดีรังสิต แล้วจะมาบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน
จาก นั้นเปลี่ยนมาใช้ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพและจากนั้นก่อนเข้าสู่ตัวเมืองเปลี่ยนมาใช้ทางหลวง 212
เข้าสู่จังหวัดบึงกาฬ

โดยรถประจำทาง

มีรถประจำทางธรรมดาและรถปรับอากาศ
- จากบริษัทขนส่งจำกัด โทรศัพท์ : 0 2936 2841-48, 0 2936 2852-66 ต่อ 442, 311
- บริษัท แอร์อุดร จำกัด บริการรถที่มีมาตรฐาน ระดับ วี.ไอ.พี. มาให้บริการ
โดยสำรองที่นั่ง กรุงเทพฯ โทร.0 2936 2735 อุดรธานี โทร. 0 4224 5789
สถานที่จำหน่ายตั๋วอาคารหมอชิต 2 ชั้น 3 ช่องจำหน่ายตั๋ว 55 และ 118 (หลังประชาสัมพันธ์ ชั้น 3)
- บริษัท 407 พัฒนา ให้บริการด้วยรถปรับอากาศชั้น 1 และชั้น 2
ชนิด ม.1ข ,ม.4ข ,ม.1พ ,ม.2 ให้บริการรถสาย กรุงเทพฯ หนองคาย บึงกาฬ บุ่งคล้า,
กรุงเทพฯ กุมภวาปี บึงกาฬ ,ระยอง-ขอนแก่น-พังโคน-บึงกาฬ

และยังมีรถบริษัทเอกชนหลายแห่ง จัดรถวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-หนองคาย
โดยเริ่มจากสถานีขนส่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถนนกำแพงเพชร หรือที่รู้จักในนาม "หมอชิต2"
และจากตัวจังหวัดอุดรธานีก็จะมีรถธรรมดาวิ่งมาจากสาย 224 อุดร-นครพนม
หรือสาย 225 อุดร–นครพนมวิ่งผ่านทางจังหวัดสกลนครทุกวัน
สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 //www.transport.co.th

เครดิต : //www.sawadee.co.th/isan/buengkan/

รถทัวร์โดยสาร

ส่วนใหญ่เราจะเดินทางโดยเครื่องบินราคาประหยัด
ซื้อตั๋วโปรไว้ล่วงหน้า
ไปลงที่สนามบินอุดร
แล้วเช่ารถจากสนามบินอุดรขับไปต่อค่ะ
ใช้เวลาขับก็หลายชั่วโมงทีเดียว
ถนนก็ไม่ใหญ่ ส่วนใหญ่จะสองเลน





แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ

เครดิต : //www.bungkan.com/webboard/photo/506365.gif






 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2555 13:31:50 น.
Counter : 11068 Pageviews.  

เที่ยวอยุธยาแบบเบาๆ : สวนน้ำกรุงศรี ตักบาตรยามเช้า@ลิม่าเพลส เม.ย. 2555

ทริปเที่ยวอยุธยาแบบเบา ๆ
เมื่อวันที่ 28-29 เมษายน 2555



หน้าร้อนนี้ เด็กๆ คงจะชอบเล่นน้ำกัน
โดยเฉพาะเด็กผู้ชายซนๆ อย่างลูกชายของเรา
เขาชอบเล่นน้ำมาก
ทริปนี้ครอบครัวเราจึงตามใจลูก
พาลูกชายไปเที่ยวสวนน้ำกรุงศรีกันค่ะ

สวนน้ำกรุงศรี อยู่ในหมู่บ้านกรุงศรีธานี
ใกล้วัดภูเขาทอง และอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร
บนถนนสายอยุธยา-อ่างทอง

การเดินทางไปสวนน้ำกรุงศรี

ขับจากสะพานเข้ามาเกาะเมือง
ตรงผ่านไฟแดงที่สองเลี้ยวขวา
เลี้ยวแล้วตรงอย่างเดียว
(ถนนเส้นนี้ผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวองค์การโทรศัพท์
กับก๋วยเตี๋ยวหน้าวัดราชบูรณะด้วยนะ )
ผ่านวงเวียน ผ่านไฟแดงแรก
ซ้ายมือจะเป็นวัดราชบูรณะ

ผ่านไฟแดง 2 เจอไฟแดง 3 เลี้ยวซ้าย
ไปตามทางเรื่อยๆ จนเจอไฟแดง อีกอัน
สังเกต ซ้ายมือเป็นโรงเรียนประตูชัย
ก็จะถึงแยกไฟแดง เลี้ยวขวา
( เลี้ยวขวาปุ๊บข้ามสะพานไปนิดนึง
รถจอดเยอะๆตรงนั้นมีก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ประนอม
อร่อยนะแต่หยุดวันจันทร์ )
ผ่านอ่างเก็บน้ำ ผ่านอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรฯ วัดภูเขาทอง
ไปตามทางซ้ายมือ จะมีหมู่บ้านกรุงศรีธานี
สวนน้ำกรุงศรีอยู่ด้านในหมู่บ้าน

เครดิต : คุณแก่ กรุงเก่า BP

ลิงค์แผนที่ //profile.yellowpages.co.th/9000759616
คลิกที่นี่

ลิงค์แผนที่ //map.longdo.com/p/A00398887/map
คลิกที่นี่




อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ถ้าขับรถไปตามเส้นทางที่กล่าวถึง
อนุสาวรีย์ ฯ จะอยู่ฝั่งซ้ายมือ
โดยตั้งอยู่ที่ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา
ใกล้กับเจดีย์ภูเขาทอง

หรือห่างจากถนนสายอยุธยา-อ่างทอง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 3
เข้าไปอีกประมาณ 400 เมตร




บริเวณทั้ง 4 มุมประกอบด้วยพระมาลาเบี่ยง
พระแสงดาบคาบค่าย พระแสงของ้าว พระแสงปืน
ส่วนด้านล่างทุกด้านมีภาพโลหะรมดำนูนสูง
แสดงพระราชกรณียกิจของพระองค์




เจดีย์วัดภูเขาทอง

พงศาวดารอยุธยากล่าวว่าวัดภูเขาทองนั้น
สถาปนาในรัชสมัยพระราเมศวร หรือสมัยต้นอยุธยา
ตั้งอยู่บนโคกซึ่งพื้นที่โดยรอบมีน้ำท่วมถึง ท
เป็นพื้นที่ยุทธภูมิครั้งสำคัญระหว่างกองทัพอยุธยากับกองทัพพม่า
ทั้ง 2 ยุคสมัยของการเสียกรุง




หลังการสูญเสียกรุงครั้งที่ 2 วัดนี้เป็นวัดร้างเรื่อยมา
แต่พระมหาเจดีย์ก็ยังเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา
ที่มีคนเดินทางมากราบไหว้
ดังเช่นที่ปรากฎเป็น นิราศภูเขาทอง ของ สุนทรภู่
ที่เดินทางมานมัสการในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์








สวนน้ำกรุงศรี

ไม่ไกลจากวัดภูเขาทองและอนุสาวรีย์ ฯ ที่กล่าวถึงข้างต้น
จะเป็นหมูบ้านกรุงศรีธานี ซึ่งอยู่ฝั่งถนนเดียวกัน
ภายในหมู่บ้านแห่งนั้น เป็นที่ตั้งของสวนน้ำกรุงศรี

ด้านหน้าสวนน้ำ



เข้าไปกันค่ะ



ค่าบัตรผ่านประตู



ค่าเช่าชุดว่ายน้ำ



เวลาเปิดบริการ



ที่วัดความสูง



ทางเข้า



ขายแว่นตา





ไอศครีม



น้ำดื่ม



บริเวณนี้เป็นเหมือนร้านอาหาร
คิดว่าคนน้อยเลยไม่ได้เปิดจำหน่าย



ห้องน้ำหญิง




ในห้องน้ำ



พ่อลูกเปลี่ยนชุดว่ายน้ำแล้ว
ไปเล่นน้ำกันดีกว่าค่ะ



สไลเดอร์ที่นี่มีทั้งชุดใหญ่และชุดเล็กของเด็กแยกส่วนกัน

ชุดใหญ่ที่สระใหญ่





เปิดให้ใช้แค่ฝั่งเดียว ตามภาพ



ก็น่าเล่นพอสมควรค่ะ



ต้องไต่บันไดขึ้นไปหลายขั้นในการเล่น

สนุก...



เล่นหลายรอบเลย
ดูแล้วก็น่าหวาดเสียวอยู่นะ



เรียกรอยยิ้มได้ทุกรอบ




คลิปเกาลัดเล่นสไลเดอร์แบบใกล้ๆ




เดี๋ยวพักความตื่นเต้นไปเล่นน้ำส่วนอื่นๆ กันต่อ



จุดหมายคือเห็ดต้นนั้น



เล่นน้ำกับพ่อสนุกจังเลยครับ



ไปดูส่วนอื่นๆ กัน



โซนเด็ก น้ำตื้น



นั่งพักและนั่งรอตรงนี้ได้



มีทั้งสระเล็ก สระใหญ่ สระยาว อยู่รอบๆ



ถ่ายมาให้ชมหลายๆ มุม



ข้างรั้วก็ยังมีสระ



เด็กๆ ได้เล่นน้ำพร้อมทั้งปีนป่ายไปด้วย

















นายแบบน้อย



เล่นน้ำตก



สนุกครับแม่



เดี๋ยวจะไหลลื่นปรื๊ดลงไปแล้วนะครับ








ลิม่าเพลส

โรงแรมที่เราพักในทริปนี้คือ Lima Place
เป็นที่พักหลักร้อย ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 400 บาท
ห้องแอร์ - วีไอพี เตียงเดี่ยว 600, เตียงคู่ 650 บาท
ห้องแอร์ - มาตรฐาน 450,500 บาท
ห้องพัดลม 370,400 บาท...
...ราคาดังกล่าว ยังไม่รวมค่าบริการและภาษี

ตู้เย็น, น้ำอุ่น, เครื่องเล่นดีวีดี , กระติกน้ำร้อน
และรองเท้าแตะ สำหรับห้องวีไอพีเท่านั้น



เราจองผ่าน //www.zuji.com.au

ข้อมูลการเดินทางจากเว็บไซต์โรงแรม

ลิม่า เพลส ตั้งอยู่ในตัวเมืองอยุธยา
ห่างจากสถานีรถไฟและตลาดน้ำอโยธยา ประมาณ 2 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางเพียง 5 - 10 นาทีด้วยรถยนต์
โดยเริ่มต้นที่วงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม
หากเข้าตัวเมืองอยุธยาแล้ว ให้ขับรถมาที่สี่แยกวงเวียนเจดีย์
แล้วเลี้ยวไปเส้นทางที่จะไปตลาดน้ำอโยธยา
เมื่อขับเข้ามาประมาณ 100 เมตร
จะพบตลาดน้ำอโยธยาอยู่ด้านขวามือ
แล้วให้ขับตรงขึ้นมาเรื่อยๆ
ประมาณ 2 กิโลเมตรจากตลาดน้ำ
โดยจะมีป้ายบอกทางด้านซ้ายมือเป็นระยะ 5 ป้าย
จากตลาดน้ำถึงโรงแรม
โดยโรงแรมจะตั้งอยู่ด้านซ้ายมือติดถนนใหญ่




ลิงค์ข้อมูลแผนที่และการเดินทาง
โดยละเอียดมากทั้งรถยนต์ รถประจำทาง
รถตุ๊กๆ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง
//th.limaplace.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539038339

ที่จอดรถข้างอาคาร



เช็คอิน



ร้านค้าเล็กๆ ที่ล็อบบี้



มีร่มให้ยืม




ร้านเน็ต





ร้านอาหารลีลาวดี





อาหารแนะนำ



รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการต่างๆ



ห้องพักเราอยู่สุดทางเดินของชั้นสอง
อาคารนี้ไม่มีลิฟท์



ห้อง Standard Twin



มีโต๊ะเก้าอี้และมีระเบียงทุกห้อง



ห้องกว้างพอสมควร



บนเตียงมีผ้าเช็ดตัวให้สองผืน
เก่าแล้ว และแข็งไปนิดแต่ก็สะอาด พอรับได้



ห้องน้ำมีสบู่ให้ 1 ก้อนนอกนั้นต้องเตรียมมาเองทั้งหมด
หากลืมหรือต้องการของใช้ใดเป็นพิเศษ
มีขายที่ล็อบบี้ค่ะ



ห้องที่เราพักมีแอร์แต่ไม่มีน้ำอุ่น



ในห้องมีทีวีจอแบนให้ดู ไวไฟฟรี
น้ำดื่มขวดแก้วสองขวด
ขนมต้องจ่ายตังค์เพิ่ม
ระเบียงมีอ่างล่างมือและราวตากผ้าเล็กๆ



อีกห้องที่จองไว้
อยู่สุดทางเดินชั้นสองตรงข้ามกันพอดี
เป็นห้อง Standard King Bed



ขนาดห้องเท่ากันกับห้องแรก
แต่พอจัดวางด้วยเตียงเดี่ยว ดูกว้างกว่า



อีกมุม



มุมมองจากหน้าต่างบานกว้าง





ระเบียงห้องนี้มีอ่างและราวแขวนผ้าเหมือนกัน
ที่ต่างคือมองเห็นรางรถไฟ
เราชอบดูตอนรถไฟวิ่งผ่าน..สวยดี ค่ะ




ตอนเย็น เราแจ้งยืนยันกับทางโรงแรมว่าจะทำบุญตักบาตร
และถวายสังฆทาน พร้อมกับจ่ายเงินล่วงหน้าไว้
ยามเช้า พระสงฆ์มาบิณฑบาตรเวลาประมาณ 6.10 น.




ทางโรงแรมได้เตรียมชุดอาหาร
ชุดสังฆทาน และชุดกรวดน้ำไว้ให้เสร็จสรรพ



ได้ขอซองเปล่าเพิ่มจากทางโรงแรมเพื่อถวายปัจจัย
หากเตรียมไปให้พร้อมล่วงหน้าก็จะเป็นการดี




ร้านแชมป์ต้มเลือดหมู


อยู่ตรงข้ามแผงผลไม้ใกล้โรงแรมอยุธยาแกรนด์



ร้านนี้มีของอร่อยหลายอย่าง




สั่งมาเต็มโต๊ะ






ร้านครัวมุสลิมกรุงเก่า

อยู่ใกล้ทางเข้าวัดท่าการ้อง
หน้าร้าน



มีทั้งแพะ เนื้อ ไก่ให้ชิม






อาหารที่สั่งรสชาติดีจนต้องซื้อกลับบ้าน
อาหารอร่อยและราคาไม่แพง






 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2555 11:44:07 น.
Counter : 21266 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  

ชมจันทร์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เดินทางสู่โลกกว้าง เพื่อไปเรียนรู้โลก ผู้คน เพื่อประสบการณ์ชีวิต

Friends' blogs
[Add ชมจันทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.