ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ .. ^^
Group Blog
 
All Blogs
 
เติมเต็ม@ตรัง “ถ้ำเล บ่อน้ำร้อน หาดติดดาว ยลเมืองเก่า คาวหวานตามชิม”

ตรังเมืองแห่งมนต์ขลัง
ให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรม
ครบครันทั้งเมืองเก่า ป่าเขา น้ำตก แม่น้ำ
ภูเขา ถ้ำ ทะเลและหมู่เกาะฝั่งอันดามันอันสวยงาม
ตรังจึงเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ฉันใฝ่ฝันจะไปเยือนให้ทั่วถ้วน



ทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะสายการบินแอร์เอเชีย
เปิดเส้นทางใหม่กรุงเทพ-ตรัง
เปิดโอกาสให้ฉันเข้าร่วมกิจกรรม
“เที่ยวผ่าน Blog เล่าเรื่องเมืองตรัง”
โดยสายการบินดังกล่าว
ได้ให้ตั๋วเครื่องบินเส้นทางเปิดใหม่นี้สองที่นั่ง
นอกจากนี้ยังได้รับความอนุเคราะห์ที่พักหนึ่งคืน
จากโรงแรมเรือรัษฏาในทริปนี้ด้วย



ตรังอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 828 กิโลเมตร
การเดินทางโดยรถยนต์หากใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปสุราษฎร์ธานี
แล้วตรงมาตามทางหลวงแผ่นดินสาย 41 สู่อำเภอทุ่งสง
จากนั้นแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินสาย 403 สู่ห้วยยอด
เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินสาย 4 ถึงตรัง
รวมเป็นระยะทาง 828 กิโลเมตร

หรือหากใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ มาตามทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ)
แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จนถึงชุมพร
แยกเข้าระนอง พังงา กระบี่ ตรัง รวมระยะทาง 1,020 กิโลเมตร

นอกจากนั้นยังสามารถเดินทางโดยรถไฟ
รถทัวร์และเครื่องบินให้เลือกตามความสะดวก



ณ ทางหลวงหมายเลข 4 เมื่อออกจากตัวเมืองมุ่งตรงไปห้วยยอด
จะผ่านย่านทำขนมเค้กที่ตำบลลำภูรา
ซึ่งมีร้านมากมายเรียงรายอยู่สองฟาก
ของถนนเพชรเกษม ตรัง-ห้วยยอด



เสียงเรียกร้องจากท้องที่กำลังหิว
ทำให้เรารีบบึ่งไปที่ตลาดห้วยยอด
ริมถนนเพชรเกษม ใกล้คิวรถตู้ห้วยยอด
จะมีร้านเก่าแก่ ชื่อ หม่านเซ่งหลุ่ง
มีทั้งข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ บะหมี่ทำเอง
และเมนูสำคัญที่เราชอบกันมาก
ก็คือ เกี๊ยวหมูแสนอร่อย แป้งบางๆ รสชาติอร่อยกลมกล่อมติดใจ



บะหมี่ทำเอง สั่งมาคนละสองชาม



หิว



สำหรับผู้ชื่นชอบตึกเก่า เมืองเก่า วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
ก็มีความงามให้ได้ยล ณ ตลาดห้วยยอดแห่งนี้



จุดหมายต่อไปคือถ้ำเลเขากอบ
หรือถ้ำทะเล หรือถ้ำเขากอบ ตั้
งอยู่ที่ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง
ข้
อมูลจากวิกิพีเดีย บอกว่า
คำว่า "ถ้ำเล" ตามภาษาท้องถิ่นทางภาคใต้
หมายถึง สิ่งที่เป็นน้ำ มีบริเวณกว้างใหญ่
เพราะถ้ำเลเป็นถ้ำใหญ่ที่มีน้ำไหลผ่านตลอดถ้ำ

ถ้ำเลประกอบด้วย ถ้ำต่าง ๆ หลายถ้ำ อยู่ภายใต้ภูเขากอบ
สภาพภายในถ้ำเขากอบมีหินย้อยที่แตกต่างไปจากถ้ำอื่น ๆ คือ
มีหินย้อยประเภทที่เรียกว่า
หลอดหินย้อย (Soda straw) อยู่เป็นจำนวนมาก
แสดงถึงช่วงของการเกิดเป็นหินย้อยในระยะต้น



ปัจจุบันนี้ เปิดให้บริการท่องเที่ยวเพียง 5 ถ้ำเท่านั้น ได้แก่
ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำท้องพระโรง ถ้ำรากไทร ถ้ำเจ้าสาว

จุดเด่นของการเที่ยวถ้ำเลเขากอบ
ก็คือ ถ้ำลอด หรือ ถ้ำมังกร
เนื่องจากโถงถ้ำมีระดับเพดานถ้ำต่ำมาก
การเดินทางผ่านถ้าลอด
ต้องอาศัยการนอนราบไปบนเรือ
ตลอดระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร
เปรียบเสมือนการนอนลอดผ่านท้องมังกร
ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญของไกด์ท้องถิ่น

ลงเรือกันเลยค่ะ



เข้าไปชมถ้ำ



หินย้อยรูปร่างลักษณะคล้ายกลดพระธุดงค์
และคล้ายจีวรพระ
หินตา หินยาย ลอดใต้ท้องช้าง




“ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องเผชิญ”

นาทีแห่งความตื่นเต้นแบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายรอเราอยู่เบื้องหน้า
ณ ถ้ำสุดท้าย
กิจกรรมลอดท้องมังกรนั้นไม่น่าจะเหมาะกับเด็ก
สตรีมีครรภ์และผู้ชรา
รวมไปถึงผู้ที่ไม่พร้อมที่จะพบกับความตื่นเต้นท้าทาย ..

ความตะปุ่มตะป่ำของเพดานถ้ำที่ดูเหมือนใต้ท้องมังกร
ความขรุขระของผนังถ้ำที่ดูเหมือนจะบีบอัดเราเข้ามาไม่หยุด
ความคับแคบ มืดมิด ในช่องเล็กๆ ที่เรือท้องแบนพาเราผ่านไป
นำความกลัวผสมความตื่นเต้นมาสู่เรา จนไม่กล้ากระดิกตัว
นอนเก็บคอ เก็บแขน กลั้นหายใจและหลับตาเป็นพัก ๆ

นาทีระทึกเช่นนี้ คำแนะนำและกำลังใจจากไกด์มีค่าที่สุด
หากไม่เชื่อไกด์ ผลกระทบตามมา
อาจหมายถึงบาดแผลทางร่างกาย
ในที่สุดไกด์ก็พาเราออกจากถ้ำ
ได้โดยปลอดภัยทุกคนอย่างน่าชื่นชม

.....เมื่อได้เห็นแสงสว่างจากปากน้ำ
เป็นความโล่งใจที่สุดของเราแล้ว ณ เวลานั้น



จากการถามซอกแซกของเรา
ทำให้เราได้ทราบว่าการทำงานเสี่ยงอันตรายเช่นนี้
ไกด์และคนพายเรือได้ค่าตอบแทน
เพียงคนละไม่ถึงร้อยบาทต่อเที่ยว
ในความคิดของเราการให้ทิปไกด์และคนพายเรือ
จึงน่าจะเป็นการแสดงความขอบคุณอย่างเป็นรูปธรรม
อีกทั้งช่วยสร้างกำลังใจให้แก่พวกเขาได้สู้ต่อไป



บ่ายวันแรก เมื่อผ่านการผจญภัย
และปรับอารมณ์จากโหมดตื่นเต้นเข้าสู่โหมดปกติแล้ว
เราเดินทางจากอำเภอห้วยยอด สู่อำเภอสิเกา ไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตตรัง
เพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำราชมงคลตรัง



พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำราชมงคลตรัง
ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท
แมวน้ำแสดงเวลา 14.30 น.

ภายในพิพิธภัณฑ์



ร้านจำหน่ายของที่ระลึก



เพื่อนเอ๋ย.....เคยได้ยินเรื่องราว”ชายหาดติดดาว”
มาบ้างแล้วหรือยัง
ฉันตามรอยบทเพลงแห่งชายหาดติดดาวมาไกลถึงตรัง


ชายหาดหน้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำราชมงคล
มีชื่อว่า “หาดราชมงคล”
หาดทรายละเอียด สีนวล แนวหาดร่มรื่นด้วยต้นสนทะเล



ฟังเพลงหาดราชมงคล
เจ้าของ : กรมควบคุมมลพิษ
เนื้อร้อง: ศุ บุญเลี้ยง, จ๋า พวงมณี, กอไผ่
ทำนอง: เครน กุ้งแก้ว
ขับร้อง: ชุติมา แก้วเนียม

เนื้อเพลงและเครดิต
//wqm.pcd.go.th/water/index.php/2010-04-12-07-30-00/2011-05-31-08-22-09/339-2011-06-02-03-30-52

เจอ... แค่เพียวครั้งแรก หยุดใจ อยู่ใกล้ใกล้กัน
งาม... จนแอบรัก อยากฝากหัวใจ
อยากรู้... ซ่อนอะไร หาดทราย... โปรดเฉลย

ผืนทราย ทอดยาวโค้ง เอ่ยนาม หาดราชมงคล
เกิดเป็นมนต์ขลัง ฟัง... สิเสียงลม
แม่น้ำ คู่ทะเล สิเกา จึ่งไหลรวม ห้วงนที

คลิกฟังเพลง
//wqm.pcd.go.th/water/%5Cimages/stories/marine/song/Ratchamongkon.mp3



ณ ริมหาดที่ตัวเองนับวันรอที่จะได้มาเยือน
เมื่อมาถึงกลับรู้สึกผิดหวังอยู่ลึก ๆ


[ค่ายริมหาด กับขยะเกลื่อน เป็นของคู่กัน ? หรือ ?]



ขับต่อไปไม่ไกลเกือบถึงหาดปากเมง
แวะพักดับกระหายในร้านกาแฟของบริษัทที่เราใช้บริการรถเช่าอยู่
รถคันนี้เช่าจริง จ่ายเองจริงค่ะ



จากนั้นเข้าที่พัก ณ ขนำชาวเล ถนนเลียบหาดปากเมง
ซึ่งได้ทำรีวิวไว้แล้ว
ตามลิงค์นี้ค่ะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11715892/E11715892.html


การเดินทางจากตัวเมืองมาหาดปากเมง
จะมีรถตู้โดยสารให้บริการ
แต่เรายังไม่เคยมีประสบการณ์ตรงในการใช้รถตู้
จึงไม่อาจให้คำแนะนำได้

จากท่ารถตู้หาดปากเมงไปขนำชาวเลไม่ไกลนัก
เมื่อใช้มาตรฐานติดสบายอย่างเราคงเดินไม่ไหว

หากสนใจลองสอบถามทางรีสอร์ทดูว่ามีรถรับส่งท่ารถตู้
หรือมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างรับส่งให้หรือไม่นะคะ




หาดปากเมงยามเย็น



อาทิตย์ตก ณ หาดปากเมง



เพื่อน ๆ ทราบหรือไม่ว่าความงดงามของท้องฟ้า
ที่เกิดในช่วงอาทิตย์ขึ้น และอาทิตย์ตก
เกิดจากการกระเจิงของแสงในชั้นบรรยากาศ
ไม่ได้เกิดจากเมฆโดยตรง

แสงสว่างบนท้องฟ้าเวลากลางคืนในช่วงเวลา
โพล้เพล้ก่อนท้องฟ้าจะมืดสนิท
หลังจากดวงอาทิตย์ตก และเวลาเช้ามืดก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นนั้น
ทางดาราศาสตร์และการเดินเรือเรียกว่า
แสงสนธยาหรือแสงเงินแสงทอง (twilight)
เป็นแสงที่เกิดจากการกระเจิงของแสงอาทิตย์ในบรรยากาศโลก
ยิ่งดวงอาทิตย์อยู่ต่ำกว่าขอบฟ้ามากเท่าใด
แสงที่กระเจิงจากบรรยากาศชั้นบนลงมายังชั้นล่าง
ก็ยิ่งน้อยลงมากเท่านั้น ทำให้ท้องฟ้ายิ่งมืดมากขึ้น

เครดิต : คุณวรเชษฐ์ บุญปลอด เว็บไซต์สมาคมดาราศาสตร์ไทย
//thaiastro.nectec.or.th/skyevnt/sunmoon/twilights.html


ความสวยงามของท้องฟ้ายามตะวันตกดิน



มื้อค่ำ เรากับเพื่อน ๆ ไปร้านยกยอ
ร้านดังของหาดปากเมง ไม่ไกลจากที่พัก

ยังมีอีกร้านที่อยากไปชิม แต่ยังไม่ได้ไปในทริปนี้
คือร้านเลตรัง ที่ท่าเรือปากเมง
ซึ่งเพื่อนของเราซึ่งไปชิมมาแล้วแนะนำมา...
บอกว่ามีแกงส้มปักษ์ใต้แสนอร่อยรออยู่

ทริปนี้ ยังไม่ได้ชิมหอยตะเภา ของอร่อยคู่หาดปากเมง



สั่งอาหารมาหลายอย่าง ซึ่งรอนานโข เพราะลูกค้าเยอะ
อาหารทุกอย่างรสชาติดี อร่อยสมความตั้งใจไปชิม
ปลาดุกทะเลผัดสะตอ แกงส้ม หอยชักตีน




หอยนางรมตัวโต โดยรวมอร่อยมาก
เครื่องเคียง (หอมเจียว) และน้ำพริกเผาอร่อย
หอยนางรมบางตัวสดดี บางตัวสดน้อยกว่าที่คิดไว้นิดหน่อย
แต่ด้วยความอร่อย จึงไม่ว่ากระไร ... ผ่าน




ปู สั่งมาครึ่ง ก. ก. ได้สองตัว
ตัวหนึ่งสด เนื้อขาวแน่น หวานอร่อย
อีกตัวไม่สด เนื้อเละไปหน่อย




รุ่งเช้าของวันที่สอง เราเก็บของ เซ็คเอาท์
แล้วไปกินอาหารเช้าแบบไปหาเอาข้างหน้า
ที่สามแยกท่าเรือปากเมง
จากถนนเลียบหาดปากเมง ไปทางท่าเรือ
เจอสามแยกแล้วเลี้ยวขวา
ขับไปอีกนิด สายตาสอดส่องหาร้าน
ได้เจอร้านต้นม่วงน่าสนใจ จึงลองเข้าไปชิม



ร้านนี้มีทั้งข้าวแกงปักษ์ใต้รสชาติอร่อย
โจ๊กหมู ติ่มซำ ข้าวมันไก่ ชา กาแฟ
เราสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะด้วยความที่กำลังหิวเต็มที



อิ่มกันแล้วก็ถ่ายภาพที่หาดปากเมง
ไว้เป็นที่ระลึกก่อนจากไป
....ฟ้าใส แดดสวย



เด็ก ๆ เห็นคงอยากได้ไปเล่นน้ำ



เด็กน้อยตกปลาที่สะพานฉางหลาง



จากหาดฉางหลาง ข้ามสะพานฉางหลาง
แวะอุทยานหางชาติหาดเจ้าไหม
และแล้วฉันก็เดินทางมาถึง ณ สถานที่แห่งนี้จนได้

“หาดหยงหลิง” ชายหาดติดดาว
หนึ่งในจุดหมายสำคัญในใจ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย
.........ถ้าเธอได้รู้จักแล้วเธอจะรักหยงหลิง เจ้าหญิงแห่งเมืองตรัง



หาดหยงหลิง
เป็นชายหาดที่ร่มรื่นด้วยต้นสนทะเลสลับกับป่าชายหาด
ทรายละเอียด สีขาวนวล ความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร
หากเป็นช่วงน้ำลง ชายหาดจะทอดยาวลงไปในทะเลกว่า 500 เมตร
เป็นอีกหาดที่เหมาะจะลงเล่นน้ำทะเล
ส่วนที่โดดเด่นก็คือสุดหาดด้านเหนือเป็นแหลมหินและเขาหินปูน
เรียกว่า แหลมหยงลำ
ช่วงน้ำลงจะเห็นช่องโพรงผาที่ถูกน้ำกัดเซาะ
และเห็นชายหาดกว้างประมาณสองสนามฟุตบอล

ฟังเพลงหยงหลิง เจ้าหญิงแห่งตรัง
เนื้อร้อง-ทำนอง-ขับร้อง : ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
รวมทั้งอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ลิงค์นี้

//wqm.pcd.go.th/water/index.php/2010-04-12-07-30-00/2011-05-31-08-22-09/336-2011-06-02-03-24-30



ชื่นใจกับหาดหยงหลิงพอสมควรแล้ว ก็ต้องลาจากหาดนี้ไป
ปลายทางต่อไปคือบ่อน้ำร้อนควนแคง



บ่อน้ำร้อนควนแคง เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ
อยู่ในเขตอุทยานบ้านควนแคง หมู่ที่ 7 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง

การเดินทางไปบ่อน้ำร้อนควนแดงโดยรถยนต์

เส้นทางที่1: เริ่มต้นจากตัวเมืองตรัง-อำเภอกันตัง-วนอุทยานบ่อน้ำร้อน ระยะทางประมาณ 30กิโลเมตร

เส้นทางที่2: เริ่มต้นจากตัวเมืองตรัง-ตำบลโคกยาง-วนอุทยานบ่อน้ำร้อน ระยะทางประมาณ 25กิโลเมตร

เส้นทางที่3: เเริ่มต้นจากตัวเมืองตรัง-ตำบลนาเมืองเพชร-ตำบลโคกยาง-วนอุทยานบ่อน้ำร้อน ระยะทางประมาณ 30กิโลเมตร

เส้นทางที่4: เริ่มต้นจากตัวเมืองตรัง-อำเภอสิเกา-หาดเจ้าไหม-วนอุทยานบ่อน้ำร้อน ระยะทางประมาณ 60กิโลเมตร



เรามีไกด์รุ่นเล็กในพื้นที่คอยนำทาง
และอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ให้เราฟังโดยละเอียด

บ่อน้ำร้อนควนแดงมีบ่อน้ำร้อนจำนวน 3 บ่อ
มีอุณหภูมิประมาณ 20, 40 และ 70 องศาเซลเซียสตามลำดับ



ส่วนในบริเวณพื้นที่พรุน้ำร้อนและพื้นที่ป่าดงดิบ
ได้พัฒนาปรับปรุงให้เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
เพื่อใช้ในการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ



นักท่องเที่ยวสามารถแช่น้ำร้อนที่บ่อ
และยังมีห้องอาบน้ำส่วนตัวที่กำลังปรับปรุงอยู่

มีนวดแผนโบราณ นวดเท้า วันที่เราไปเห็นมานวดหลายคน

มีสินค้าผลิตจากสมุนไพรและน้ำแร่จำหน่าย



ยางพาราต้นแรกของประเทศไทย
ตั้งอยู่ริมถนนก่อนเข้าสู่ตัวเมืองอำเภอกันตัง
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้นยางไม่โตสักเท่าไหร่เลย
เขาเล่าว่านี่คือหนึ่งในต้นยางชุดแรกที่
ท่านพระยารัษฎาฯ นำมาปลูก
แต่เผอิญต้นนี้ปลูกอยู่บนชั้นหินทำให้ต้นไม้ไม่โตเท่าที่ควร

ประวัติความเป็นมาของยางพารา
เริ่มจากการเดินทางไปพบทวีปอเมริกาของโคลัมบัส
ในราวปี พ.ศ.2036 หรือเป็นเวลาประมาณ 510 ปีมาแล้ว

ต่อมาได้มีการสำรวจหลายคณะเดินทางไปภายหลัง
พบเห็นชาวอินเดียแดงซึ่งเป็นคนพื้นเมืองในอเมริกาใต้
นำลูกบอลยางเล็กๆ มาเล่นเกมส์และเห็นเป็นของแปลก
ที่มีวัตถุกระดอนเต้นขึ้นลงได้
ชาวอินเดียแดงเรียกต้นยางว่า "คาอุห์ชุค" (Caoutchoue)
แปลว่า "ต้นไม้ที่ร้องไห้"
เพราะเมื่อต้นยางถูกของมีคมจะมีน้ำยางหยดไหลคล้ายหลั่งน้ำตา

ชาวอินเดียแดงนำยางมาทำของใช้ต่างๆ
เช่น ขวดหรือภาชนะที่ทำจากยาง และรองเท้ายางที่ทำง่ายๆ
โดยใช้เท้าจุ่มลงในน้ำยางแล้วยกมาปล่อยให้แห้ง
ทำหลายๆ ครั้งจะได้รองเท้ายางที่แนบสนิทเหมือนสวมถุงเท้า

คณะนักสำรวจจากยุโรปเดินทางกลับได้มีผู้นำยางจากเมืองพารา (PARA) ซึ่งเป็นเมืองท่าแถบลุ่มน้ำอะเมซอนอเมริกาใต้
และเมื่อถึงยุโรปแล้วได้พบโดยบังเอิญว่า
ถ้านำยางมาถูรอยดินสอจะลบรอยดินสอได้ (Rubber)
ชื่อ "ยางพารา" หรือ PARA RUBBER
จึงเป็นชื่อที่ติดปากคนทั่วโลกตั้งแต่นั้นมา




เข้าสู่ตัวอำเภอกันตังก็บ่ายโมงเข้าไปแล้ว
เป็นเวลาที่เราจะต้องเสาะหาของอร่อยใส่ท้อง
มิฉะนั้นอาจหน้ามืด เป็นลม วิ่งเวียนศรีษะได้

ร้านโกเกี้ย ใกล้สถานีตำรวจอำเภอกันตัง
อยู่บริเวณแยกท่าเรือกันตัง




จัดเต็ม สี่อย่างนี้จานใหญ่มาก หม้อไฟใหญ่ ๆ
น่าจะกินได้สักห้าคน แต่เราไปสามคนเอง
พุงแทบแตก กินอิ่มแล้วอยากจะนอนกลางวัน ณ เดี๋ยวนั้น

หอยจ้อ ชิ้นโต สุดอร่อย เนื้อปูอัดแน่นอยู่ข้างใน
ต้มยำแห่ง ปลาเต๋าเต้ยต้มบ๊วย ราดหน้าซุปเปอร์เศรษฐี




โอ้ ... มันใหญ่จริงๆ
ที่นี่เขาคัดของสด ของดี ของอร่อยมากๆ

เลฺิศทุกอย่าง จนต้องคลิกไลค์

ราคาก็เลิศไปด้วย แต่ก็คุ้มค่า โปรดตรวจสอบราคาก่อนสั่ง



วิกิพีเดียบอกมา :

กันตัง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดตรัง
ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำตรัง ห่างจากตัวเมืองตรังเพียง 24 กิโลเมตร
ในอดีตกันตังเป็นเมืองท่าสำคัญแห่งหนึ่งทางฝั่งมหาสมุทรอินเดีย
เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำสำคัญมาแต่โบราณ

เมื่อพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดีมารับตำแหน่งใน พ.ศ. 2433
ได้ดำเนินการพัฒนาเมืองตรัง (กันตัง) ทุกด้าน
โดยมีจุดมุ่งหมายจะทำให้เป็นเมืองค้าขาย
เริ่มจากการย้ายเมืองจากตำบลควนธานีไปตั้งที่ตำบลกันตัง
และสร้างความเจริญแก่เมืองตรัง (กันตัง) อย่างมาก

สินค้าสำคัญในสมัยนั้น ได้แก่ เป็ด ไก่
สุกร โค กระบือ พริกไทย ข้าว ตับจาก ไม้เคี่ยม ไม้โปรง เป็นต้น



สถานีเรือดับเพลิง



เรือดับเพลิง



อาคารรูปเรือที่เก็นเบื้องหน้า
คือ ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองกันตัง
ไปเยี่ยม ๆ มอง ๆ ส่องดูแล้ว ประตูปิดอยู่
จึงไม่สามารถเข้าไปชมได้




ท่าแพขนานยนต์กันตัง



สถานีรถไฟกันตัง ตั้งอยู่บนถนนหน้าค่าย
ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
เป็นสถานีรถไฟสุดทางของทางรถไฟสายใต้
ฝั่งทะเลอันดามัน



สถานีรถไฟกันตัง เปิดใช้อย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456
ในอดีตใช้เป็นที่รับส่งสินค้ากับต่างประเทศ
ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย
มีรางรถไฟต่อไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร
ถึงท่าเทียบเรือกันตัง ซึ่งเป็นท่าเรือเก่าแก่ตั้งแต่โบราณ
ปัจจุบันทางรถไฟส่วนนี้ถูกชาวบ้านรุกล้ำที่
และไม่มีรางรถไฟส่วนนี้แล้ว

ตารางการเดินรถไฟ ซึ่งยังเปิดให้บริการอยู่ค่ะ



ตัวสถานีรถไฟกันตัง
เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยาทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล
ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ด้านหน้ามีมุขยื่นประดับมุมเสาด้วยลวดลายไม้ฉลุ
ประตูบานเฟี้ยมแบบเก่า
คงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6
ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้ว




ความสวยงามของสถานีรถไฟอีกมุม



ห้องสมุดโบกี้รถไฟ



บ่ายแก่ ๆ เดินทางเข้าที่พักคืนที่สอง
ที่โรงแรมเรือรัษฎา ตัวเมืองตรัง
เป็นโรงแรมทำเลดี ใกล้ห้างโรบินสัน
ใกล้สวนสาธารณะสำคัญของเมือง
...จะรีวิวให้ชมเร็วๆ นี้ค่ะ
รู้สึกชอบและประทับใจหลายอย่างทีเดียว

บรรพบุรุษของเจ้าของเดิม (คุณพิทักษ์ รังษีธรรม) เป็นชาวจีน
ต้องใช้เรือในการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาประเทศไทย
มีความผูกพันกับเรือมาก
และคิดว่าไม่มีเรือเดินทะเลก็ไม่มีเรือสำราญ (เอ็ม.พี.รีสอร์ท)
ต่อมาได้เปลี่ยนผู้ดำเนินกิจการ
และปรับปรุงใหม่ภายใต้ชื่อ "เรือรัษฎา"
เปิดให้บริการใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2554 เป็นต้นมา



มื้อค่ำไปร้านริชชี่ อยู่หน้าสถานีรถไฟเมืองตรัง

เป็นย่านเมืองเก่ามีห้องแถว ตึกเก่า
บรรยากาศแบบเก่าๆ ให้ชมอย่างน่าสนใจ

ย่านนั้นมีโรงแรมห้องแถวเล็ก ๆ ที่ได้บรรยากาศเมืองตรัง
ราคาประหยัดหลายแห่ง



ร้านนี้ขายอาหาร เค้ก ของฝาก ไอศครีมทำเอง ชา กาแฟ



อาหารที่สั่งมาชิม .. รสชาติดีทีเดียว
เพื่อนบอกไม่ถูกปาก แต่เราชอบแฮะ



ปิดท้ายด้วยเค้ก



สีสันบางส่วนของคลาดกลางคืนหน้าสถานีรถไฟ
ขายแบบตลาดนัด มีของกิน ของใช้
เสื้อผ้า ของสะสม ดนตรีเปิดหมวกฯลฯ

คัดแต่ของกินมาให้ชม



หน้าร้านริชชี่ ร้านใหญ่อยู่ที่ถนนรัษฎา

ร้านริชชี่เป็นร้านเก่าแก่ที่บุกเบิกร้านอาหารแนวร่วมสมัย
ในยุคแรกๆ ของตรัง




ดื่มนมร้อนๆ คนละแก้วที่ร้านเก้าอี้ขาว
ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ ร้านริชชี่ ถนนรัษฎา
แล้วก็กลับไปนอน


หลับฝันดีทั้งคืน ตื่นมายามเช้า
ก็ได้พบกับของอร่อยเมืองตรัง
โดยที่ไม่ต้องไปตระเวนกินข้างนอก

ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ผสมแกงไตปลา
หมูย่างตรัง ข้าวต้มปลา และอื่นๆ
อร่อยทุกอย่างเลยนะ



จากนั้นเราเช็คเอาท์ แล้วไปขับรถวนชมเมืองเก่าตรัง
อำลาเมืองตรังที่หน้าร้านสิริบรรณ



ร้านของฝากชื่อดังตรังทั้งหมูย่าง
ขนมเปี๊ยะ และอื่นๆ จะต้องสั่งล่วงหน้า
หรือไม่ก็ไปซื้อตั้งแต่เช้า
คนขี้เกียจอย่างเรานั้น ไปซื้อที่สนามบินอย่างเดียว
มีหลายร้านให้เลือกซื้อ
ร้านที่เคยซื้อขายราคาเดียวกันกับซื้อในเมือง
ร้านอื่นๆ ก็น่าจะเช่นกัน



ปิดท้ายด้วยของฝาก จกาคนพื้นถิ่นตรัง
ที่หอบหิ้วไปฝากคนที่อยู่กรุงเทพ
เราได้แต่มองด้วยอาการน้ำลายไหล
ไม่สามารถไปซื้อมาชิมได้
จึงขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกอย่างเดียว
ในถุงนี้มีแต่ของกินอร่อยๆ หลายอย่าง
ที่คัดสรรมาอย่างดี




ขอบคุณแอร์เอเชียผู้อุปถัมภ์ตั๋วเครื่องบินสองที่นั่ง

ขอบคุณโรงแรมเรือรัษฎาผู้อุปถัมภ์ที่พักหนึ่งคืน

ขอบคุณผู้ร่วมทริปทั้งสองคนที่ได้ไปเที่ยวสนุกกัน

ขอบคุณอัธยาศัยไมตรีของชาวตรังและเจ้าหน้าที่รถไฟกันตัง

ขอบคุณขนำชาวเลที่นำของที่ลืมไว้มาส่งให้ที่เรือรัษฎา

ขอบคุณธรรมชาติอันสวยงามที่ให้เราได้ไปเที่ยวชม

ขอบคุณผู้อ่าน ผู้ชม ที่แวะมาให้กำลังใจค่ะ




Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2555 11:17:55 น. 4 comments
Counter : 4335 Pageviews.

 
เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ
เส้นทางกรุงเทพฯ-ตรัง เริ่มบินตั้งแต่ 15 ม.ค. 2555
เที่ยวบินที่ เส้นทาง เวลา ความถี่
FD 3191 BKK-TST 09.20-10.40 ทุกวัน
FD 3192 TST-BKK 11:25-12:45 ทุกวัน


โดย: ชมจันทร์ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:21:33 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ....พักก็พักที่เดียวกัน ร้านก็แวะที่เดียวกัน อิๆๆๆ ร้านริชชี่อาหร่อยไหมคะ...เค๊กเค้าอร่อย เราชอบทาน....

มาเที่ยวบ้านเรานะเนี่ย ขอบอก ^^


โดย: auau_py วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:07:32 น.  

 
คุณ auau_py ริชชี่อร่อยดีค่ะ

ขนำชาวเล เราตามรอยรีวิวคุณไปค่ะ ^^ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ

เมื่อกี้ก็แวะเข้าไปอ่านบล็อกคุณ auau_py เจอที่กินเพิ่มด้วย



โดย: ชมจันทร์ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:36:03 น.  

 
cool prescription glasses [url= https://forums.dieviete.lv/profils/127605/forum/ ] https://forums.dieviete.lv/profils/127605/forum/ [/url] herbal pillows


โดย: BrandonLah IP: 51.210.176.129 วันที่: 18 เมษายน 2567 เวลา:5:15:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมจันทร์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เดินทางสู่โลกกว้าง เพื่อไปเรียนรู้โลก ผู้คน เพื่อประสบการณ์ชีวิต

Friends' blogs
[Add ชมจันทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.