ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ .. ^^
Group Blog
 
All Blogs
 
เที่ยวอุดร หนองคายไปกับสามเกลอ เพราะคิดถึง จึงได้พบเจอ

คู่หูแม่ คู่หูลูก .. สามคู่แม่ลูก
นัดไปเที่ยวด้วยกัน
ส่วนของคุณพ่อ ๆ นั้นต่างก็ติดภารกิจ
แตกต่างกันออกไป
เป็นโอกาสของเราแล้ว
ที่จะได้ไปเที่ยวกันตามใจ

เนื่องจากโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชีย
ทำให้เราได้มีโอกาสบินไปกลั
บเส้นทางกรุงเทพ ฯ – อุดรธานี
ในราคาประหยัดอยู่เสมอ

ทริปบินวันหยุดเสาร์อาทิตย์ 14 – 15 กรกฎาคม 2555 นี้
สามคู่แม่ลูกหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่า
จะพากันไปเล่นน้ำที่สวนน้ำนาข่าบุรี อุดรธานีด้วยกัน
แต่เหตุเพราะเกาลัดเพิ่งจะฟื้นไข้
จึงต้องปรับเปลี่ยนโปรแกรมใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ทำเอาเด็กน้อยทั้งสามแอบผิดหวังไปบ้างเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาดีใจและมีความสุขที่ได้พบเจอ
ได้เที่ยวเล่นด้วยกัน เพราะความคิดถึง
และมิตรภาพที่มีต่อกันนั่นเอง

สำหรับการไปท่องเที่ยวและเรียนรู้ครั้งนี้
เราได้ไปกันที่สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย
ฟาร์มจระเข้หนองคายที่เพิ่งเปิดใหม่ไม่นาน
รวมทั้งศาลาแก้วกู่ หนองคายด้วย

........ ตามเราไปกันค่ะ





คู่หูแม่ลูกบินไปกับแอร์เอเชีย
เราไปเที่ยวบินเช้าสุด
จึงงัวเงียเล็กน้อยก่อนออกจากบ้านตอนเช้ามืด
เพื่อความสะดวกรวดเร็วเราได้ทำเว็บเช็คอินมาล่วงหน้า

ไฟลท์นี้ได้สั่งอาหารล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์
ทั้งเที่ยวไปและกลับ มีอาหารชุดร้อน ๆ สำหรับเด็ก
บรรจุมาในกล่องน่ารัก และมีของเล่นแถมมาให้ด้วย
อาหารรสชาติดีทีเดียวเลยล่ะ





ไปถึงสนามบิน รอสักพักเพื่อนก็มารับ “เกาลัด” กับ “จิงจัง”
“พี่จิงจังๆ” เกาลัดเห็นพี่จิงจังเดินมาหาก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ
ส่วนจิงจังนั้นก็เดินยิ้มฟันขาวเข้ามาหาน้องชาย

ลูกชายทั้งสองสีหน้ายินดีเบิกบานสุด ๆ เมื่อได้เจอกัน
จากนั้นเป็นต้นไปพวกเขาก็ทำตัวประหนึ่งปาท่องโก๋
ตัวติดกัน ไปไหนก็เดินไปด้วยกัน
สองหนุ่มน้อยพูดคุยหยอกล้อกันในรถตลอด

จุดหมายแรกที่เราเดินทางไปก็คือ
สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ อยู่แถวๆ หนองสำโรง
นอกตัวเมืองอุดรเล็กน้อย ตามเส้นทางไปหนองคาย
ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก

แผนที่ค่ะ





กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์
เป็นผลผลิตจากภูมิปัญญาของชาวอุดรแท้ ๆ
คือ คุณประดิษฐ์ คำเพิ่มพูน
ซึ่งปัจจุบันท่าล่วงลับไปแล้ว
ได้สนใจเพาะเลี้ยงกล้วยไม้เป็นงานอดิเร
กตั้งแต่ทำงานที่สถานกงสุล
ด้วยความสนใจจริงจัง
จึงได้เกิดพันธุ์กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ขึ้น

ปัจจุบันบุตรชายของคุณประดิษฐ์
คือ คุณประณิภาณ คำเพิ่มพูน
ซึ่งมีดีกรีปริญญาตรีและโททางด้านการเกษตร
จากต่างประเทศ ได้เข้ามาดูแลบริการจัดการต่อ
พร้อมทั้งเป็นวิทยากรแก่ผู้เข้าชม


รายละเอียดของกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์





น่าเสียดายในวันที่เราไป ไม่มีกล้วยไม้หอมให้ยล
เพราะเป็นช่วงที่กำลังรื้อแปลงกล้วยไม้ปรับปรุงใหม่พอดี
แม้ว่าเป็นการเดินทางไปแบบไม่ได้นัดหมาย
กับทางสวนกล้วยไม้ ฯ ล่วงหน้ามาก่อน
แต่ก็เป็นโอกาสดีที่คุณประณิภาณได้ออกมาต้อนรับ
และนำชมแปลงเพาะปลูกด้วยตัวเอง
พร้อมทั้งอธิบายเรื่องราวที่น่าสนใจให้ฟัง
เราได้เห็นกล้วยไม้สวย ๆ แบบต่าง
รวมทั้งพรรณไม้ที่เป็นของหายาก
ที่เราเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน






ถึงเราจะพลาดชมนางสาวอุดรซันไฌน์
ซึ่งเป็นนางเอกของที่นี่
แต่เราโชคดีที่คุณประณิภาณได้แนะนำ
ให้เรารู้จักต้นไม้ชนิดหนึ่ง
ที่สามารถขยับใบเมื่อมีเสียงเพลงดังขึ้น
พืชชนิดนี้เรียกว่า ต้นไม้เริงระบำ
หรือชาอุดรเริงระบำ




สงสัยหรือเปล่าคะว่าต้นไม้ชนิดนี้
จะเริงระบำได้อย่างไร
เราเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือให้ใบไม้ร่ายรำ
แล้วถ่ายคลิปมาให้ดูด้วยค่ะ
ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ได้เห็นแล้วก็ตื่นเต้น สนุก ดีใจ




คุณประณิภาณอธิบายให้เราฟังคร่าวๆ ว่า
การเริงระบำของต้นไม้ชนิดนี้
เกิดขึ้นจากคลื่นเสียงส่งผลให้ท่อลำเลียงน้ำ
และท่อลำเลียงอาหารของใบบีบรัดตัวจึงขยับได้
หลักการทำงานของท่อลำเลียง
น้ำและท่อลำเลียงอาหารของใบพืชชนิดนี้
คล้ายกับต้นไมยราพ




ชาอุดรเริงระบำ จะปลูกในเดือนมกราคม
และเก็บเกี่ยวตอนสิ้นปี นำไปอบแห้งทำเป็นชาสมุนไพร
มีฤทธิ์เป็นตัวยาหลายอย่าง
มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด
น่าสนใจทีเดียวค่ะ



ผลิตภัณฑ์เด่นของที่นี่อีกอย่างคือ
น้ำหอมที่สกัดจากกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์
และน้ำหอมที่ใช้ส่วนผสมจากผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน
คือ "ว่านหอมตูบหมูบ" และ "แมงแคง"
มีหลายขนาด ราคาย่อมเยา น่าอุดหนุนค่ะ





จากบ้านของสาวน้อยอุดรซันไฌน์
เราไปกันต่อที่พิพิธภัณฑ์เมืองอุดร
ที่เราหมายมั่นปั้นมืออยากมาเที่ยวชมนานแล้ว
ผ่านไปผ่านมาก็หลายครั้งแต่ไม่เคยได้แวะ
เพิ่งได้มีโอกาสก็วันนี้แหละค่ะ

พิพิธภัณฑ์เมืองอุดร
ตั้งอยู่ในสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี
ใกล้หนองประจักษ์
ตามแผนที่นี้




เวลาเปิดปิดตามนี้ค่ะ
แอบดีใจ ที่วันเสาร์อาทิตย์ก็เปิดให้เข้าชม
เราไปถึงเช้าวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม 2555
เวลาประมาณ 10.20 น. แต่ปรากฏว่าพิพิธภัณฑ์ปิด
ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนที่เราไปเห็นกลุ่มผู้สนใจเข้าชมหลายๆ คน
นั่งรออยู่แถวนั้นด้วย



ในตอนนั้นผิดหวังนิด ๆ และมีคำถามอยู่ว่าทำไมถึงได้ปิด
และไม่มีป้ายแจ้งให้ทราบเลย
ทำเอารอเก้อไปหลายคน
เตร็ดเตร่แถวนั้นอยู่พักใหญ่ๆ
ถึงได้ขับรถพาไปกันไปต่อ





ระหว่างทางเด็กทั้งสองเล่นกันเสียงดังที่เบาะหลัง
ต้องคอยปรามเป็นระยะ
เพื่อนชวนแวะกินกุ้งแถวตำบลนาข่า
แต่เด็กๆ ยังไม่อยากจะแวะ
ผ่านสวนน้ำนาข่าบุรีด้วยความเสียดาย

สักพักเสียงจากเบาะหลังก็เงีบบลง
หันไปมองปรากฏว่าแสบซนทั้งสองคน
นอนหลับก่ายเกยกันซะแล้ว
เหลือแต่คู่คุณแม่ที่คุยกันตลอดทาง

สถานที่ต่อไปคือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสิรินธร
หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย
ตั้งอยู่ในบริเวณของมหาวิทยาลัยขอนแก่น
วิทยาเขตหนองคาย
โชคดีที่ฝนไม่ตกแต่แดดร้อนเปรี้ยง ๆ





เวลาเปิดให้บริการตามนี้จ้า




ประวัติการก่อตั้งและราคาเข้าชม





จุดตรวจบัตรก่อนเข้าชมมีทั้งภาษาไทย ภาษาลาว
มีโครงกระดูกปลาบึก ปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
พบได้ที่แม่น้ำโขง ถิ่นอาศัยแหล่งเดียวในโลกของปลาบึก
ตั้งไว้ให้ศึกษา





อุโมงค์ปลาอันสวยงาม
ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ห้ามใช้แฟลชในยามถ่ายภาพจ้า





เพื่อนอีกคนที่อยู่หนองคาย
พาลูกชาย “กีตาร์” มาสมทบ ครบสามเกลอ
ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
ดูไปดูมาให้อารมณ์เมืองบาดาล
วังพญานาค ประมาณนั้น





10 อันดับปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของโลก
มีปลาบึก ครองอันดับ 1





สงสัยว่าปลาดุกสงบนิ่งอยู่ทำไม
ยืนดูตั้งนานก็ไม่ขยับ อยากได้คำตอบจัง




อุปกรณ์จับสัตว์น้ำแบบพื้นบ้านชนิดต่าง ๆ





บริเวณทางออกมีร้านอาหาร น้ำดื่ม ขนม จำหน่าย




หิวมากแล้ว เพื่อนพาไปกินข้าวเที่ยง
ที่ร้านนงเยาว์ปลาเผา อยู่นอกเมืองหนองคาย
ไปทางอำเภอโพนพิสัย แถวนั้นเรียกว่า ”หาดคำ”




ร้านนงเยาว์ปลาเผา เป็นร้านแบบบ้าน ๆ
คนท้องถิ่นพามาเอง และการันตีว่าอร่อย
จะต้องลองแบบจัดเต็มสักหน่อยแล้ว
ว่าแล้วน้ำลายก็เริ่มไหลตั้งแต่ยังไม่สั่งอาหาร
เห็นโต๊ะอื่นสั่งมามีแต่ของน่ากิน ...หิวมาก

พอสั่งปุ๊บ ไม่นานนักก็อาหารก็มาเสิร์ฟ
สารพัดน้ำจิ้ม และปลาเผา ผักเคียงสดๆ หวานกรอบ
กินแบบเมี่ยงปลาเผามาก่อนอย่างอื่น





ตามมาด้วยลาบปลาน้ำโขง
ตำแตง ต้มปลาน้ำโขง เพื่อนสั่งแม่ครัวว่า
เอาแบบต้มปลาแบบส้มบ้านเรา
รสชาติจึงถูกปากเป็นอย่างมาก
มื้อนี้อร่อยและไม่แพงเลย




จากนั้นขับรถตามกันไปที่ท่าเสด็จ ซื้อของเล่นให้เด็ก ๆ





ช่วงเย็นเด็กๆ เล่นกันอยู่ที่บ้านเพื่อน
ส่วนคุณแม่ ๆ แยกตัวพากันไปช้อปปิ้งที่ห้างบิ๊กเจียง
ได้ของติดไม้ติดมือกลับมาคนละชิ้นสองชิ้น
คืนนี้เรานอนพักกันที่บ้านเพื่อนที่หนองคายค่ะ

เพื่อนบอกว่า ที่หนองคายมีการแสดงจระเข้ด้วย
เพิ่งเปิดใหม่เมื่อเดือนเมษายนปีนี้เอง
ยามสายของวันอาทิตย์
เราจึงพากันไปดูโชว์จระเข้ที่ฟาร์มจระเข้หนองคาย
อยู่ปากทางเข้าศาลาแก้วกู่
ถนนสายหนองคาย – โพนพิสัย ไม่ไกลตัวเมืองมากนัก

แผนที่ศาลาแก้วกู่ค่ะ





ถึงแล้วค่ะฟาร์มจระเข้หนองคาย





ไปซื้อบัตรกันค่ะ บัตรผู้ใหญ่ 50 บาท
บัตรเด็ก 30 บาท เด็กที่สูงเกิน 120 เซนติเมตร
ต้องซื้อบัตรราคาเดียวกับผู้ใหญ่
มีรายละเอียดรอบการแสดงโชว์แปะไว้
เราไปถึงประมาณสิบโมงเช้า
เพราะมีคนมาดูพร้อมกันจำนวนมากพอที่จะเปิดรอบพิเศษ
จึงจะได้ดูโชว์รอบพิเศษกัน




ข้อควรระวัง ไม่ควรแหย่ ไม่ควรให้อาหาร
ไม่รบกวนให้จระเข้ตกใจ ควรดูแลบุตรหลานของตนให้ดี





ไปกันจ้า บริเวณแสดงโชว์มีลูกกรงล้อมรอบอยู่
นั่งรอพักใหญ่กว่าโชว์จะมา






เริ่มแสดงแล้วค่ะ การแสดงมีมุกตลก ขำ ๆ ให้เราหัวเราะเฮฮา
ขำกลิ้งคนกับจระเข้ ...อยู่เรื่อย ๆ





หลายครั้งที่มีลุ้น มีตื่นเต้น ยิ้มค้าง






จำไม่ได้แล้วว่าโชว์กี่นาที ก็รู้สึกว่านานพอสมควร
แดดก็ร้อนเสียจนต้องไปซื้อเครื่องดื่มจากตู้แช่มาดับกระหาย
ในโชว์เราได้มีส่วนร่วมโยนเหรียญเข้าปากจระเข้ด้วย
แม่ของจิงจังโยนแม่นที่สุด





เสร็จจากฟาร์มจระเข้หนองคาย
ไปต่อที่ศาลาแก้วกู่
ขับรถเข้าไปในซอยเดียวกัน ไม่ไกลกันนัก
ค่าเช้าชมผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
หน้าช่องจำหน่ายตั๋วมีร่มให้เช่าในราคาถูกแสนถูก





ซื้อตั๋วแล้วก็เข้าไปข้างในกันเลย






เกาลัดกับพี่จิงจังไม่สนใจใคร
พากันเดินไป คุยไปกันแค่สองคน
โลกนี้มีเพียงเราสองคนอีกแล้ว
ไม่รู้คุยอะไรกัน คุยกันถูกคอม๊ากก
ส่วนพี่กีตาร์เป็นไกด์คอยอธิบายโน่นนี่
ให้แม่บุ๋มฟังเหมือนเมื่อวาน




รูปปั้นในศาลาแก้วกู่ สวยงามแปลกตาดี
รูปปั้นต่างๆ เหล่านี้บ้างก็เป็นรูปปั้นสักการ
ะตามความเชื่อต่างๆ บ้างก็เป็นเรื่องราวพุทธประวัติ
บ้างก็เป็นเรื่องของนิทานปรัมปรา
วรรณกรรมพื้นบ้านของชาวอีสาน มีคำอธิบายให้อ่าน





เดินชมกันเรื่อย ๆ ในบางจุดก็แอบกลัว
ไม่กล้าหยุดดูนาน ๆ






เข้าไปในตัวอาคารของศาลาแก้วกู่
ทำบุญ ไหว้พระ ยกพระเสี่ยงทาย





จากนั้นก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวมื้อกลางวัน อร่อยดี
แต่ ด้วยความหิวไม่ได้ถ่ายภาพมา
หลังจากกินข้าว ก็แวะซื้อของ
แวะไป บขส. หนองคายไปดูตารางรถโดยสารไปเวียงจันทน์






จากนั้นก็ไปนั่งเล่น นอนเล่นคุยกันต่อที่บ้านเพื่อน
จนใกล้เวลากลับ เพื่อนก็ขับรถไปส่งเรา
กับลูกชายที่สนามบินอุดรธานีเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ
เที่ยวบิน 17.40 น.
โบกมืออำลา แล้วพบกันใหม่
ไปเที่ยวกันใหม่โอกาสหน้านะเพื่อน





Create Date : 02 สิงหาคม 2555
Last Update : 2 สิงหาคม 2555 20:20:02 น. 4 comments
Counter : 7699 Pageviews.

 


โดย: Kavanich96 วันที่: 3 สิงหาคม 2555 เวลา:7:48:05 น.  

 
Good Trip ... นะครับ


โดย: Robert_N วันที่: 6 สิงหาคม 2555 เวลา:15:52:16 น.  

 
ขอบคุณที่แวะมาค่ะคุณ Kavanich96

สวัสดีค่ะคุณ Robert_N เป็นทริปที่ดีอีกทริปหนึ่งของเราเลยค่ะ


โดย: ชมจันทร์ วันที่: 6 สิงหาคม 2555 เวลา:21:43:25 น.  

 


โดย: konseo วันที่: 23 ตุลาคม 2558 เวลา:0:31:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชมจันทร์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เดินทางสู่โลกกว้าง เพื่อไปเรียนรู้โลก ผู้คน เพื่อประสบการณ์ชีวิต

Friends' blogs
[Add ชมจันทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.