ขึ้นสาย 201 ไปวัดเก็กลกสี่ (Kek Lok Si) ราคาก็ตามนี้ คนละ 2 ริงกิต
ไปถึงวัดก็พากันลงรถที่ตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คน
เพื่อหาอาหารเช้ากินรองท้องไปก่อน
ถ้าไปกันลำพังครอบครัวเดียวคงยุ่งยากในการสั่งอาหาร
แต่รอบบนี้สบาย เพื่อนไปด้วย ส่งภาษาจีนกับคนขายให้
กว่าจะเดินขึ้นไปวัดได้พากันเหนื่อย แดดก็แรงจนแทบเกรียม
ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปต่อบนยอดเขากันอีก
เดินชม นั่งชมวัดกันจนพอใจแล้ว
เก็บแรงเอาไว้ไปปีนังฮิลล์กันต่อเถอะ
กว่าจะลงมาถึงด้านล่าง เดินหาป้ายรถเมล์กันจนเหนื่อยแดดอีกรอบ
ป้ายรถเมล์จากวัดไปปีนังฮิลล์จะอยู่แถว ๆ เซเว่นนะจ้ะ
รอประมาณครึ่งชั่วโมงกว่ารถจะมา ค่ารถตามนี้
ผู้คนเยอะแยะมากมาย รอคิวซื้อตั๋วขึ้นปีนังฮิลล์กันยาวเลยจ้ะ
บ้านเราส่งเกาลัดไปต่อคิวซื้อตั๋ว
ระหว่างรอคิวขึ้นกระเช้า
พอขึ้นไปถึงบนยอดปีนังฮิลล์นะอากาศดี๊ ดี เย็นสบาย
พากันไปกินข้างที่ศูนย์อาหาร แล้วก็เดินเล่นไปรอบ ๆ
จากปีนังฮิลล์ นั่งรถเมล์สาย 204 ไป JETTY หรือท่าเรือของปีนัง
เพื่อเริ่มต้นการขี่จักรยานเที่ยวเมืองมรดกโลกจอร์จทาวน์
ร้านเช่าจักรยานหาง่ายมาก จากท่าเรือให้สังเกตสะพานลอย
ร้านจะอยู่ใกล้ๆ สะพานลอยฝั่งเดียวกับท่าเรือนั่นเอง
จากเชิงสะพานลอยเดินไปนิดเดียว ราคาค่าเช่าก็มาตรฐาน
ราคาประมาณ 200 บาทไทยแล้วแต่รุ่นและขนาดรถ
เช่าได้ทั้งวันนะ จำได้ว่าวันนั้นเราไปคืนรถประมาณเกือบสองทุ่ม
เมื่อได้จักรยานกันแล้ว ความสนุกก็เริ่มต้นขึ้น
อาหารค่ำวันนี้ฝากท้องไว้กับร้านโอลด์ทาวน์ ไวท์ คอฟฟี่
จากนั้นส่งจักรยานคืน แล้วพากันเดินชมเมืองกลับโรงแรม
ความสนุกของทริปนี้ก็หมดไปอีกวัน