คิดถึงเพื่อนๆทุกคนนะคะ No Tag still..! Please..
มะรุม มหัศจรรย์

สมุนไพรไทยนี้
อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ของคนหลายๆคน
แต่การจดบันทึกไว้ เพื่อศึกษา และเผยแพร่ เป็นสำคัญค่ะ



ข้อมูลจากThai herbs Clinic


ผู้เฒ่าผู้แก่นิยมกินมะรุมในช่วงต้นหนาว
เพราะเป็นฤดูกาลของฝักมะรุม หาได้ง่าย
รสชาติอร่อยเพราะสดเต็มที่ มีขายตามตลาดในช่วงฤดูกาล
คนที่ปลูกมะรุมไว้ในบ้านเท่านั้นจึงจะมีโอกาสลิ้มรสยอดมะรุม
ใบอ่อน ช่อดอกและฝักอ่อน ช่อดอกนำไปลวกหรือดอง
เก็บไว้กินกับน้ำพริก น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกแจ่วบอง กินแนมกับลาบ ก้อย แจ่ว
หรือจะใช้ยอดอ่อน ช่อดอกทำแกงส้มหรือแกงอ่อมก็ได้ ฝักมะรุมอ่อนผัดน้ำมันหอย ยำฝักมะรุมอ่อนเป็นต้น

ประเทศอื่นๆจะใช้ใบมะรุมประกอบอาหารเช่นเดียวกับการใช้ผักขมฝรั่ง
หรือปรุงเป็นซอสข้นราดข้าวหรืออาหารแป้งอื่นๆ
นอกจากนี้ ใช้ใบตากแห้งป่นเก็บไว้ได้นานโรยอาหาร
เช่นเดียวกับที่ภูมิปัญญาอีสานจังหวัดสกลนคร
ใช้ใบมะรุมแห้งปรุงเข้าเครื่อง “ผงนัว” กับสมุนไพรอื่น
ไว้แต่งรสอาหารมาแต่โบราณ ส่วนฝักอ่อนปรุงอาหารเหมือนถั่วแขก

ในคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวไว้ว่า มะรุมเป็นพืชที่สามารถรักษาทุกโรค
ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคลำไส้อักเสบ โรคปอดอักเสบ
ฆ่าจุลินทรีย์ หรือเป็นยาปฏิชีวนะ
และแต่ละส่วนของต้นมะรุมยังมีคุณสมบัติเฉพาะที่สามารถใช้เป็นยาได้

ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นผลิตชาใบมะรุมออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบุว่าใช้
แก้ไขปัญหาโรคปากนกกระจอก หอบหืด อาการปวดหูและปวดศรีษะ
ช่วยบำรุงสายตา ระบบทางเดินอาหาร และช่วยระบายกาก
ประเทศอินเดีย หญิงตั้งครรภ์จะกินใบมะรุมเพื่อเสริมธาตุเหล็ก
แต่ที่ประเทศฟิลิปปินส์และบอสวานาหญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนม
จะกินแกงจืดใบ มะรุม (ภาษาฟิลิปปินส์ เรียก “มาลังเก”) เพื่อประสะน้ำนม
และเพิ่มแคลเซียมให้กับน้ำนมแม่เหมือนกับคนไทย

"มะรุม" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Moringa oleifera Lam.
วงศ์ Moringaceae เป็นพืชกำเนิดแถบใต้เชิงเขาหิมาลัย
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่ถูกปลูกไว้ในบริเวณบ้านไทยมาแต่โบราณ
ต้นมะรุมพบได้ทุกภาคในประเทศไทย
ชื่อมะรุมนี้ เป็นคำเรียกของชาวภาคกลาง
หากเป็นทางภาคเหนือจะเรียกว่า "ผักมะค้อนก้อม"
ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียก "ผักอีฮุม หรือผักอีฮึม"
ชาวกะเหรี่ยงแถบกาญจนบุรีเรียก "กาแน้งเดิง"
ส่วนชานฉานแถบแม่ฮ่องสอนเรียก "ผักเนื้อไก่" เป็นต้น




ลักษณะต้นมะรุม

มะรุมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 3-4 เมตร ทรงต้นโปร่ง
ใบเป็นแบบขนนก หรือคล้ายกับใบมะขามออกเรียงแบบสลับกัน
ผิวใบสีเขียว ด้านล่างสีจะอ่อนกว่าด้านบน ดอกออกเป็นช่อสีขาว
กลีบดอกมี 5 กลีบ ผลหรือฝักมีความยาว 20-50 เซนติเมตร
ลักษณะเหมือนไม้ตีกลอง เปลือกผล หรือฝักเป็นสีเขียวมีส่วนคอด
และส่วนมนเป็นระยะตามความยาวของฝัก ฝักแก่ผิวเปลือกเป็นสีน้ำตาล
เมล็ดมีเยื่อหุ้มกลมเป็นสีน้ำตาล มีขนาดเล็ก
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร

มะรุม เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด
ต้องการน้ำ และความชื้นปานกลาง ขยายพันธุ์ได้ด้วยการเพาะเมล็ด
และการปักชำ การปลูกการดูแลรักษาก็ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน
เกษตรกรจึงมักนิยมปลูกมะรุมไว้ ริมรั้วบ้านหรือหลังบ้าน 1-2 ต้น
เพื่อให้เป็นผักคู่บ้านคู่ครัวแบบพอเพียงที่ไม่ต้องซื้อหา




มะรุม เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณในหลายด้าน
เช่น ราก จะมีรสเผ็ด หวาน ขม แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ
เปลือก จะมีรสร้อน ช่วยขับลม
ใบ ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ
ดอก ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา
ฝัก รสหวาน แก้ไข้หรือลดไข้ เป็นต้น

สรรพคุณทางยา :

ส่วนที่ใช้ : เปลือกต้น ราก ฝัก ใบ เนื้อในเมล็ด
ฝัก - ปรุงเป็นอาหารรับประทานแก้ไข้หัวลม เปลือกต้น - มีรสร้อน รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อนๆ (ตัดต้นลมดีมาก)

ราก - มีรสเผ็ด หวานขม แก้บวม บำรุงไฟธาตุ มีคุณเสมอกับกุ่มบก
- แก้พิษ ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ
แพทย์ตามชนบท ใช้เปลือกมะรุมสดๆ ตำบุบพอแตกๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วรับประทานสุราจะไม่รู้สึกเมาเลย

เนื้อในเมล็ดมะรุม ใช้แก้ไอได้ดี ใบสดมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีแคลเซียม วิตามินซี แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก การรับประทานเนื้อในเมล็ด และใบสดเป็นประจำสามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้

ข้อควรระวัง ในคนที่เป็นโรคเลือด G6PD (โรคเม็ดโลหิตแดงแตกกระจาย)ไม่ควรรับประทาน


คุณค่าทางอาหารของมะรุม

ใบ มะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศโลกที่ 3 เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูกให้กับอาหารพื้นบ้าน
นอกจากนี้ มะรุมมีธาตุอาหารปริมาณสูงเป็นพิเศษที่ช่วยป้องกันโรค นั่นคือ

วิตามินเอ บำรุงสายตามีมากกว่าแครอต 3 เท่า
วิตามินซี ช่วยป้องกันหวัด 7 เท่าของส้ม
แคลเซียม บำรุงกระดูกเกิน 3 เท่าของนมสด
โพแทสเซียม บำรุงสมองและระบบประสาท 3 เท่าของกล้วย
ใยอาหารและพลังงาน ไม่สูงมากเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุม มีองค์ประกอบคล้ายน้ำมันมะกอกดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

5
ใบมะรุม 100 กรัม (คุณค่าทางโภชนาการของอาหารอินเดีย พ.ศ. 2537)
พลังงาน 26 แคลอรี
โปรตีน 6.7 กรัม (2 เท่าของนม)
ไขมัน 0.1 กรัม
ใยอาหาร 4.8 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 3.7 กรัม
วิตามินเอ 6,780 ไมโครกรัม (3 เท่าของแครอต)
วิตามินซี 220 มิลลิกรัม (7 เท่าของส้ม)
แคโรทีน 110 ไมโครกรัม
แคลเซียม 440 มิลลิกรัม (เกิน 3 เท่าของนม)
ฟอสฟอรัส 110 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.18 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 28 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 259 มิลลิกรัม (3 เท่าของกล้วย)


6


ประโยชน์ของมะรุม
1.ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ และตาบอดได้เป็นอย่างดี
2.ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้
3.รักษาโรคความดันโลหิตสูง
4. ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อHIV นอกจากนี้ถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้งยังช่วยให้คนทั่วๆไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง
5.ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ การรักษาโรคเอดส์ที่ประสพผลสำเร็จในกลุ่มประเทศแอฟริกา
6.ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็ง แต่ถ้าหากเป็นก็จะช่วยให้การรักษาพยาบาลง่ายขึ้น ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ ถ้าใช้ควบคู่ไปกับยาแพทย์แผนปัจจุบัน
หากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้การแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้นและมีร่างกายที่แข็งแรง
7.ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊าท์ โรคกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม
8.รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้น หากรับประทานสม่ำเสมอ จะทำให้ตามีสุขภาพที่สมบูรณ์
9.รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง ท้องเสีย ท้องผูก โรคพยาธิในลำไส้
10.รักษาปอดให้แข็งแรง รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ
11.เป็นยาปฏิชีวนะ

7

ราก มีรสเผ็ด หวาน ขม แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ

เปลือกจากลำต้น มีรสร้อน นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ผ้าห่อทำเป็นลูกประคบนึ่งให้ร้อนนำมาใช้ประคบ แก้โรค ปวดหลัง ปวดตามข้อได้เป็นอย่างดี รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อนๆ (ตัดต้นลมดีมาก) แพทย์ตามชนบท จะใช้เปลือกมะรุมสดๆ ตำบุบพอแตกๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วรับประทานสุราจะไม่รู้สึกเมา

กระพี้ แก้ไข้สันนิบาดเพื่อลม

ใบ ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ ใบสดมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีแคลเซียม วิตามินซี แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก นอกจากนี้ยังมีการค้นพบว่า ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนา และประเทศโลกที่ 3 เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูกให้กับอาหารพื้นบ้าน

ดอก ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ใช้ต้มทำน้ำชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย

ฝัก รสหวาน แก้ไข้หรือลดไข้

เมล็ด นำ เมล็ดมะรุมมาสกัดน้ำมันสามารถใช้ทำอาหาร รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเก๊า รักษาโรครูมาติซั่ม และรักษาโรคผิวหนัง แก้ผิวแห้ง ใช้แทนยารักษาผิวให้ชุ่มชื้น รักษาโรคอันเกิดจากเชื้อรา

เนื้อในเมล็ดมะรุม ใช้แก้ไอได้ดี การรับประทานเนื้อในเมล็ด เป็นประจำสามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้

นอกจากนี้กากของเมล็ดกาก ที่เหลือจากการทำน้ำมัน สามารถนำมาใช้ในการกรอง หรือทำน้ำให้บริสุทธิ์เป็นน้ำดื่มได้ กากของเมล็ดมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างยิ่ง และยังสามารถนำมาทำปุ๋ยต่อได้อีกด้วย

8
น้ำมันมะรุม
สรรพคุณ..ใช้หยอดจมูกรักษาโรคภูมิแพ้ ไซนัสโรคทางเดินหายใจ ใช้หยอดหูฆ่าและป้องกันพยาธิในหู รักษาอาการเยื่อบุหูอักเสบ รักษาโรคหูน้ำหนวก ใช้ทาผิวหนังรักษาโรคผิวหนังจากเชื้อราและเชื้อไวรัส รักษาโรคเริม งูสวัด รักษาและบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ใช้ทารักษาแผลสด หูด ตาปลา ใช้ถูนวดบรรเทาอาการบริเวณที่ปวดบวมตามข้อ รักษาโรคไขข้ออักเสบ เก๊าท์ รูมาติก เป็นต้น

9

การทำน้ำมันมะรุมมี 3 วิธีใหญ่ ๆ
1.นำเมล็ดมะรุมในฝักแก่ มาทำการทอดในน้ำมันมะพร้าวด้วยไพอ่อนๆ จนเมล็ดแห้งกรอบ
2.นำเมล็ดมะรุมในฝักแก่ มาบดละเอียดแล้วผสมน้ำ แล้วนำไปกลั่นเหมือนการต้มเหล้า
3.วิธีนี้สำคัญ เพราะไม่มีความร้อนมาเกี่ยวข้อง ไม่มีน้ำมาเกี่ยว เป็นการบีบเย็นเลยทำให้คงรักษาคุณค่าสารสำคัญได้มาก และได้น้ำมันคุณภาพดีที่สามารถเก็บไว้ได้นาน
น้ำมันมะรุม บีบเย็น
เริ่ม จากการนำเม็ดมะรุมจากฟักแก่มาตากแดด เพื่อไล่ความชื้น แล้วทำการบีบด้วยเครื่องบีบอัดระบบสกูรแนวนอน จากเม็ดมะรุม 6 กิโลกรัม ได้น้ำมันมะรุม 150 ซีซี


10

ชะลอความแก่
กล่าว กันว่ามะรุมมีฤทธิ์ชะลอความแก่ เนื่องจากยังไม่พบรายงานการวิจัยเกี่ยวกับมะรุมในด้านนี้ คาดว่าเป็นการสรุปเนื่องจากมะรุมมีสารฟลาโวนอยด์สำคัญคือ รูทินและเควอเซทิน (rutin และ quercetin) สารลูทีนและกรดแคฟฟีโอลิลควินิก (lutein และ caffeoylquinic acids) ซึ่งต้านอนุมูลอิสระ ดูแลอวัยวะต่างๆ ได้แก่ จอประสาทตา ตับ และหลอดเลือดจากการเสื่อมสภาพตามอายุ การกินสารต้านอนุมูลอิสระชะลอการเสื่อมสภาพในเซลล์ร่างกาย
ฆ่าจุลินทรีย์
สารเบนซิลไทโอไซยาเนตโคไซด์และเบนซิลกลูโคซิโนเลตค้นพบในปี พ.ศ. 2507 จากมะรุมมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ สนับสนุนการใช้น้ำคั้นจากมะรุมหยอดหูแก้ปวดหู
ปัจจุบันหลังจากค้นพบแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร Helicobactor pylori กำลังมีการศึกษาสารจากมะรุมในการต้านเชื้อดังกล่าว

11

การป้องกันมะเร็ง
สารเบนซิลไทโอไซยาเนตไกลโคไซด์ชนิดหนึ่งและสารไนอาซิไมซิน (niazimicin) จากมะรุมสามารถต้านการเกิดมะเร็งที่ถูกกระตุ้นโดยสารฟอบอลเอสเทอร์ในเซลล์ มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
การทดลองในหนูพบว่าหนูที่ได้รับฝักมะรุมเป็นอาการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังจาก การกระตุ้นน้อยกว่ากลุ่มทดลอง โดยกลุ่มที่กินมะรุมเนื้องอกบนผิวหนังน้อยกว่ากลุ่มควบคุม
ฤทธิ์ลดไขมันและคอเลสเทอรอล
จากการทดลอง 120 วัน ให้กระต่ายกินฝักมะรุม วันละ 200 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวันเทียบกับยาโลวาสแตทิน 6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวันและให้อาหารไขมันมาก

12

การกินมะรุมมีผลลดไขมันในร่างกาย
ที่ประเทศอินเดียมีการใช้ใบมะรุมลดไขมันในคนที่มีโรคอ้วนมาแต่เดิม การศึกษาการกินสารสกัดใบมะรุมในหนูที่กินอาหารไขมันสูงมีปริมาณคอเลสเทอร อลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับกลุ่มควบคุม นอกจากนี้กลุ่มทดลองมีปริมาณไขมันในตับและไตลดลง
สรุปว่าการให้ใบมะรุมเพื่อลดปริมาณไขมันทางการแพทย์อินเดียสามารถวัดผลได้ในเชิงวิทยาศาสตร์จริง

จากการวิจัย มะรุมสามารถขับไขมันในเส้นเลือด ในตับและในไตได้ แต่ไม่เป็นตัวขับนำ หากจะรักษาอาการบวมจากโรคไต ควรรับประทาน ตะไคร้ แกนสับประรด อ้อยแดง หรือหญ้าคา ต้มเอานำดื่ม จะใช้ตัวเดียวหรือหลายตัวผสมได้ ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้จะออกฤทธิ์ในการขับนำปัสสาวะ และรักษาอาการอักเสบทางเดินปัสสาวะได้ดีกว่า อีกทั้งไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาขับปัสสาวะแผนปัจจุบันที่จะทำให้หูอื้อได้ ค่ะ

ฤทธิ์ป้องกันตับ
งานวิจัยการให้สารสกัดแอลกอฮอล์ของใบมะรุมกรณีทำให้ตับหนูทดลอง เกิดความเสียหายโดยไรแฟมไพซิน พบว่าสารสกัดใบมะรุมมีฤทธิ์ป้องกันตับ โดยมีผลกับระดับเอนไซม์แอสาเทตอะมิโนทรานสเฟอเรส อะลานีน
ทรานมิโนทรานสเฟอเรส อัลคาไลน์ฟอสฟาเทส และบิลิรูบินในเลือด และมีผลกับปริมาณไลพิดและไลพิดเพอร์ออกซิเดสในตับ โดยดูผลยืนยันจากการตรวจชิ้นเนื้อตับ สารสกัดใบมะรุมและซิลิมาริน (silymarin กลุ่มควบคุมบวก) มีผลช่วยการพักฟื้นของการถูกทำลายของตับจากยาเหล่านี้

ข้อแนะนำในการรับประทานสมุนไพร

1.ควรศึกษาให้ดีก่อนว่าสมุนไพรชนิดนั้นๆมีฤทธิ์ทางใด มีข้อห้ามและข้อควรรับประทานอะไรบ้าง จึงจะเกิดประโยชน์และไม่มีโทษ

2.หากสงสัยควรถามแพทย์แผนไทยหรือผู้รู้ให้กระจ่างก่อนจึงจะปลอดภัย

3.ปกติแล้วสมุนไพรทุกชนิด หากเรารับประทานเป็นประจำเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ควรได้หยุดรับประทานเป็นระยะๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพ และขับสารที่สะสมออกบ้าง จะทำให้ได้รับประโยชน์ได้เต็มที่และไม่เกิดผลข้างเคียง




Hope - Jack Johnson Music Code



Create Date : 25 ตุลาคม 2551
Last Update : 25 ตุลาคม 2551 22:29:28 น. 57 comments
Counter : 2423 Pageviews.

 
ดอกมะรุม สวยนะค่ะ
มะรุมมีประโยชน์มากๆเลยนะค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับสาระดีๆ



โดย: whitelady วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:22:17:04 น.  

 
มะรุม...ของดีอยู่ใกล้ตัวแต่ไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย ที่บ้านสวนที่เมืองไทยมีต้นระรุมแยะเลยแต่ไม่เคยสังเกตเห็นดอกเลย เห็นแต่ฝักมันทุกทีเลย ทำให้คิดถึงแกงส้มมะรุมเลย...


โดย: kamonorchids วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:23:25:54 น.  

 




เอาปลาหมึกตัวน้อยๆมาฝากครับ


โดย: katoy วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:1:08:43 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณจันทร์ไพลิน

สงสัยจังว่าคุณจันทร์ฯไปถ่ายรูปพืชสมุนไพรเหล่านี้มาจากไหน
มีหลากหลายมากๆเลยค่ะ

ไม่เคยกินเลยค่ะมะรุมเนี่ย
ไม่ค่อยได้เห็นด้วยซ้ำ
น่าทึ่งจังเลยนะคะมีประโยชน์ไปทุกส่วนเลย
แถมยังมีโปรตึนมากกว่าในนมอีก
เค้าน่าหาทางสกัดโปรตึนจากมะรุมนะคะ
จะได้ไม่ต้องเอาสารพิษอย่างเมลามีนไปเติมในนม

ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ

มีความสุขมากมากนะคะ



โดย: discipula วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:6:50:08 น.  

 
สวัสดีจ้า...

อ๋อ กำลังรอล็อกอินใหม่นะ

ห้ามหายนะจ๊ะ ห้ามหาย

ได้ชื่อใหม่แล้วต้องส่งข่าวด้วย

ส่วน tag รอไว้บล็อกใหม่ล็อกอินใหม่ก็ได้ รอได้จ้า

ดูแลสุขภาพด้วยนะ(หวัดกินไปแล้วอ่ะ)

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


โดย: HastaLaVista วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:7:25:46 น.  

 
ชอบกินแกงส้มมะรุมครับ ดีครับที่นำคุณค่าของมะรุมมาให้ได้อ่านกัน มะรุมเป็นพืชใกล้ตัวของคนไทยมานาน การปลูกก็ไม่ต้องดูแลรักษาอะไรมาก เป็นพืชที่มีแต่คุณทั้งนั้น เสียดายที่เด็กรุ่นหลังไม่ค่อยรู้จัก และไม่เคยกิน อาจเป็นเพราะใกล้เกลือกินด่างก็เป็นได้


โดย: Insignia_Museum วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:9:01:55 น.  

 
เพิ่งเห็นดอกมะรุม จริงๆ นะ น่ารักมากๆเลย สรรพคุณดีเลิศ ขอบคุณจันทร์ไพลิน สำหรับความรู้จ๊ะ เห็นดอกไม้สมุนไพรเยอะแยะมากมาย ว๊าว สดชื่นวันอาทตย์นะจ๊ะ


โดย: dolores วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:9:13:46 น.  

 
โห...คุณค่าเยอะจังคะ
ทานบ่อย ที่บ้านชอบแกงส้มนะคะ
ไม่ไม่ค่อยรู้เรื่อง ประโยชน์ ของมะรุม


โดย: เจี๊ยบ (sinee_jeab ) วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:11:44:21 น.  

 
ดอกมะรุมสวยดีจังค่ะ

ชอบกินแกงส้มมะรุมใส่กุ้ง แต่ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว


โดย: A-Chee วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:16:01:08 น.  

 
ชอบแกงส้มมะรุม ของโปรด
ต้องมะรุมแก่ๆ ด้วยนะ เม็ดกรุบๆกรอบๆ ดี


โดย: redclick วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:18:26:36 น.  

 
มาแล้วค่ะ เพิ่งกลับมาถึงเมื่อเช้าเอง

อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เลยเพิ่งจะเข้ามา

นึกว่าจะมีแกงมะรุมมาฝากด้วย

เพิ่งเห็นดอกมะรุมครั้งแรก ไม่คิดว่ามันมีดอกเหมือนกัน

สรรพคุณมันเยอะดีนะคะ ขอบคุณค่ะ หาข้อมูลดี ๆ แบบนี้มาให้อ่านกันเรื่อย ๆ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย


โดย: วันวานที่ผ่านมา วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:18:35:44 น.  

 
เปลี่ยนwallpapaerเป็นรายวันแล้วนะครับ
มะรุม ภาษาใต้ว่าไง อันนี้ผมก็ไม่รู้
แต่สรรพคุณมากมาย ขาวนวล
ชวนป่วยปีแปะกอน่าดู


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:21:29:40 น.  

 
เฮ้อ...มะรุม ทำไมเราไม่ชอบกินนะ มีประโยชน์มากมายเลย


โดย: เขาพนม วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:22:32:54 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่สาวแวะมาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของมะรุมค่ะ
อิอิ แต่ไม่ชอบกินเหมือนกันค่ะ


โดย: พี่สาว (พอที ) วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:22:50:38 น.  

 
มะรุมดอกสวยดีนะครับ จากหมีแพนด้านอนดึก อิอิ...


โดย: ดอกกรรณิการ์ วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:2:00:51 น.  

 
สวัสดียามเช้าจ้า

ตื่นหรือยังเอ่ย


โดย: HastaLaVista วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:6:12:22 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ...ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่BLOGนะคะ

ฉันมีความรักมาให้ ฉันมีดอกไม้มาฝาก


โดย: น้ำเต็มแก้ว วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:6:15:27 น.  

 
เพิ่งชอบกินมะรุมเมื่อไม่นานนี่เองค่ะ ส่วนดอกเพิ่งเคยเห็นนี่แหละ สวยดีนะคะ

ถ้าดอกพระจันทร์ติดเมล็ดจะส่งให้ปลูกค่ะ ตอนนี้ลุ้นๆว่าจะติดเมล็ดรึเปล่า



โดย: coji วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:7:47:33 น.  

 
สรรพคุณสุดยอดจริงๆ ไม่ค่อยได้เห็น ไม่ค่อยได้ทานเหมือนแต่ก่อนแล้ว อ่านแล้วต่อไปเจอต้องรีบหามาทานก่อนอยางอื่นๆ เลย
แวะมาขอบคุณที่ไปเที่ยวชมภาพถ่ายที่ blog มาด้วย


โดย: ถปรร วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:8:24:44 น.  

 
Helicobactor pylori ---ขอให้มะรุมสยบได้เต๊อะ


โดย: วาฬอันดามัน วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:9:05:12 น.  

 
สวัสดีค่ะ..
มีบางเจ้าเค้าเอามะรุม มาทำเป็นน้ำแล้วผสมน้ำผึ้ง+มะนาวใส่ขวดขาย..อร่อยดี ชอบดื่ม แถมยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายด้วยค่ะ...
ถ่ายภาพได้สวยเหมือนเคยนะคะ


โดย: VICT วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:11:59:05 น.  

 
อืมมมม......คุณแม่เราทำมะรุมแคปซูลด้วยนะคะ....ไปดูที่บล้อคเราได้ค่ะ...ดีจริงๆ


โดย: นางฟ้าอรชร วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:16:29:43 น.  

 
เพิ่งเคยเห็นดอกมะรุม
สวยจัง แถมคุณภาพคับแก้ว


โดย: C&C_BamBoo วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:19:04:33 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: katoy วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:19:08:25 น.  

 
เคยได้ยินสรรพคุณของมะรุมค่ะคุณจันทร์
แต่เพิ่งเคยเห็นดอกสวยเหมือนกันนะคะ


โดย: Ann Arbor วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:1:21:11 น.  

 
เข้ามาอ่านได้แล้วค่ะ

เย้ เย้

ชอบดอกมะรุมจังเลย

อยากกินแกงส้มมะรุมค๊า

ขอทราบอายุขวัญตา<br>น้องเอยพี่ยานั่งทำตาปริบๆ <br>น้องอายุ30 <br>30ทำไมยังสวย


โดย: fleuri วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:7:07:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ



โดย: Summer Flower วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:10:38:57 น.  

 
new look จริง ๆ เลยค่ะ เปิดอ่านง่าย ภาพสวยสบายตา เนื้อหาอ่านสบายใจ เมื่อก่อนภาพก็สวยมาก ๆ เนื้อหาก็ดี แต่ว่ารอโหลดนานมากกก...จนคนใจร้อนรอไม่ค่อยไหว อิ อิ

ยินดีจริง ๆ ที่เจอเพื่อนธรรมทางอินเตอร์เน็ตแล้ว

ถ้ามีโอกาสจะหาทางปลูกต้นมะรุมค่ะ

ปล. กล่องความเห็นกับตัวหนังสือสีมันกลืนกันจัง สงสารตาคนแก่บ้างเด๊อ.....


โดย: กังสดาล IP: 125.25.22.228 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:18:49:25 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณจันทร์

ไม่ได้แวะมาเยี่ยมนานต้องขออภัยด้วยนะคะ
อยากบอกว่าเข้าตำราใกล้เกลือกินด่างค่ะ เพราะที่บ้านสวนต่างจังหวัด
มีต้นมะรุมเอาไว้กินฝักอยู่นานปี แต่ไม่เคยได้เห็นความงามของดอกเล็กๆ สีขาวนี้เลย
ประมาณว่ารอกินอย่างเดียวค่ะ ไม่ได้แหงนคอมองชื่นชมความงามเลยสักครั้ง อิ อิ
ขอบคุณที่นำความงามที่ถูกลืมมาฝากกันค่ะ
คิดถึงเสมอนะคะ


โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:18:59:11 น.  

 
แวะมามะรุมมะตุ้มจขบ. อิอิ... สบายดีนะครับ


โดย: ดอกกรรณิการ์ วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:20:07:26 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ช่วงนี้งานมะรุมมะตุ้มน่าดู หลังกลับมา ^^


โดย: วันวานที่ผ่านมา วันที่: 1 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:02:52 น.  

 
แกงมะรุมกับแกงดอกแค ของชอบเลยครับ


โดย: อนันต์ครับ วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:20:36 น.  

 



หวัดดีค่ะ

ดอกสวย แล้วยังมีประโยชน์อีกด้วย

มาชวนไปเที่ยวเขมรด้วยกันอีกค่ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:07:04 น.  

 
สวัสดีจ้า ...

ตอนนี้ชีวิตมะรุมมะตุ้มรุมรักแมรี่มากๆ

ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เรื่องเพื่อนเก่าน่ะ เห็นด้วยเลย

ไม่รู้ขุดหาเรื่องที่ไหนมาคุยกันนักหนา

ไม่รู้จักเบื่อเลยอ่ะ

นั่นแน่..แอบคิดถึงแฟนโด้เค้าอ่ะดิ่


โดย: HastaLaVista วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:32:26 น.  

 
สวัสดีจ้า

กลับมาแล้ว


โดย: redclick วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:55:15 น.  

 
มอร์นิ่งค่ะ คุณจันทร์

มะรุมนี่ประโยชน์มากมายจริงๆเน๊าะคะ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่เคยทานเลยล่ะค่ะ

Have a beautiful Sunday na ka.

.................................

แวะไปรับของฝากที่บ้านได้แล้วนะคะ


โดย: nLatte วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:31:42 น.  

 
ชอบกินดอกมะรุมมากกว่าฝักเพราะฝักขี้เกียจปอก


โดย: ต๋อย (Roseshadow ) วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:02:34 น.  

 
โห ช่างบังเอิญจริงๆค่ะ เพราะตอนนี้เด้กที่บ้านก็ทานเม็ดมะรุม อยู่อะค่ะ หมายถึงเม็ดแก่ อะค่ะ กินแก้รักษาโรคผิวหนังพวกงูสวัด เพราะมีคุณหมอคนหนึ่งบอกมาเลย แกะเม้ดกินอะค่ะ อ่านแล้วตรงกับโรคที่เป็นเลยอะค่ะ


ดีๆ จริงๆ ย่าเคยกินแต่ แกงส้มมะรุม อะค่ะ เพิ่งจะมากินเม้ดแก่เลย แล้วก็ไม่เคยเห็นต้นมันซะที่เพิ่งเห้น นี้แหละ ดอกสวยมากค่ะ แต่แกงส้มมะรุม อร่อยนะ เสียแต่กินยากไปหน่อย อิอิ

ขอบคุรสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ เด๋วต้องให้เด็กๆมาอ่านซะหน่อย เพราะบางที่เขาไม่ค่อยเชื่อว่าเราให้เขากินอะไรแปลกๆ 555

ขอบคุณที่แวะมาเที่ยวที่บ้านนะค่ะ

ขอให้มีความสุขค่ะ


โดย: ย่าชอบเล่า วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:07:23 น.  

 
แกงส้มมะรุม ของชอบเลยค่ะคุณจันทร์

ทานกับไข่เจียวร้อน ๆ อร่อยอย่าบอกใคร


โดย: I_sabai วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:36:24 น.  

 
ชอบแกงส้มเหมือนกันค่ะ
เพิ่งรู้ว่าดอกมะรุมสวย เคยเห็นผ่านๆ ตาสมัยอยู่ตจว.ค่ะ วันหยุดไปเที่ยวไหนเอ่ย


โดย: Summer Flower วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:05:27 น.  

 
คุณจันทร์โฉมใหม่งามจังค่ะ


โดย: goldengift วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:35:17 น.  

 
- หวัดดียามเช้าครับ

- ยินดีกับการกลับมาร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ปกตินะครับ

- ยินดีต้อนรับสู่บล๊อกแก็งค์ (พูดเหมือนเป็นเวปมาสเตอร์เลยเรา)

- ตกลงว่าป่วยเป็นไรหรือครับ จะได้ระวังตนไว้ล่วงหน้า เพราะผมก็ชอบนั่งและเล่นคอมพ์เป็นเวลานานเหมือนกันครับ


โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:8:06:11 น.  

 
ดีตอนสายของวันหยุดครับ. นึกว่ามาจากคุณเองเสียอีกครับเพราะอธิบายได้เก่งมากครับ


โดย: katoy วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:10:43:16 น.  

 
มาดูดอกไม้ blog นี้แล้ว ของเราหมองไปเลย แล้วดอกบัวที่ถ่ายมาก็สีสวยแปลกตาดีด้วยนะคะ ไม่เคยเห็นเลย สวยมากค่ะ


โดย: plenaka วันที่: 18 มกราคม 2552 เวลา:22:45:59 น.  

 
คุ

มาแอบฟังเพลงอีกแล้ว แหะๆณจันทร์ถ่ายภาพเก่งจริงๆด้วย


โดย: เสรีไพร IP: 124.120.102.27 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:10:20:15 น.  

 
คุณจันทร์ถ่ายภาพเก่งจริงๆด้วย...ยอมแพ้เลย


โดย: เสรีไพร IP: 124.120.102.27 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:10:21:47 น.  

 
จริงๆครับถ้าไม่ติดเรื่องขีดความสามารถของกล้องที่มีจำกัดแล้ว คุณจันทร์ฯเป็นคนที่ถ่ายภาพได้ดีคนหนึ่งจริงๆครับ


โดย: เสรีไพร (เสรีไพร ) วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:14:37:09 น.  

 
แวะมาหาข้อมูล ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีให้พวกเรานะค่ะ


โดย: INGEN ER PERFEKT วันที่: 16 มิถุนายน 2552 เวลา:12:14:52 น.  

 
ไม่ได้ข่าวคุณจันทร์เสียนาน คุณจันทร์สบายดีนะคะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 28 มิถุนายน 2552 เวลา:20:25:22 น.  

 
จุฬาภินันท์หายหัวไปนาน เพราะมีเหตุให้เป็นไป กลับมาคราวนี้คงระยะสั้นๆ แล้วจะหายไปนานอีกแล้ว

เข้ามาเมื่อไหร่ คุณจันทร์ไพลินเห็นเอง


โดย: จุฬาภินันท์ (Chulapinan ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:01:51 น.  

 
ไปที่บล็อกจุฬาภินันท์หน่อย (นี่ใส่กิเลสนะเนี่ย เพราะหวังดี) อ่านให้ดีๆนะ พยายามเข้าใจหน่อย ทำได้ก็จะเป็นผู้มีปัญญา


โดย: Chulapinan วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:33:15 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณจันทร์ หายไปนานจังเลยค่ะ คิดถึงนะคะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:37:26 น.  

 


สวัสดียามเช้าค่ะ
ดอกบัวสวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ เห็นแล้วชื่นใจจัง


โดย: MrGiggle วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:5:49:30 น.  

 




โดย: MrGiggle วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:5:50:14 น.  

 
หายไปนานเลยค่ะคุณจันทร์ คิดถึงนะคะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:10:23:05 น.  

 
ต่างคนต่างหายหน้าไปจากบล็อกเนอะ

แต่ก็ยังคิดถึงเสมอค่ะ
เห็นภาพดอกมะรุมแล้วอยากปลูกขึ้นมาซะแล้วสิ ดอกสวยมาก (พวกจริตติดของสวยของงาม อิ อิ)

ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะคุณจันทร์


โดย: kangsadal วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:15:15:37 น.  

 
ได้ความรู้มากๆๆๆ


โดย: จาวหละปูนครับ ได้ความรู้มากๆๆๆๆเลย IP: 124.157.188.33 วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:14:01:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จันทร์ไพลิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




********
********


ขอขอบคุณcodeและรูปสวยๆ
กรอบและlineน่ารักมากมาย
จาก
คุณ Kungguenter,
คุณLosocat,
คุณยายกุ๊กไก่,
และป้าเก๋า ชมพรค่ะ

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add จันทร์ไพลิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.