คิดถึงเพื่อนๆทุกคนนะคะ No Tag still..! Please..
รักเธอ...เอนไซม์ (ต่อจ้าาา)



วันนี้จันทร์ไพลินว่าง.....
มานั่งอ่านหนังสือให้ฟังต่ออีก..หน่อยนะคะ
จากหนังสือสองเล่มตัดเฉพาะตอนที่สนใจมาค่ะ



มนุษย์กินฝืนกฎธรรมชาติ

1. มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดเดียวที่ต้อง
หุง ต้ม ปิ้ง เผาอาหารก่อนกิน
ซึ่งผิดธรรมชาติไม่มีสัตว์ชนิดไหนทำกัน
เอนไซม์ในอาหารจึงถูกทำลาย
สัตว์ที่เลี้ยงไว้ก็พลอยต้องกินอาหารต้มสุกตามนายไปด้วย
2. ธรรมชาติกำหนดให้
มนุษย์เป็นสัตว์กินพืชผักเป็นหลัก
เห็นได้จากฟันมีไว้กินพืช
ไม่มีฟันซี่ใหญ่หรือเขี้ยวเพื่อไว้กัดหรือฉีกเนื้อ
ขากรรไกรเล็ก มีลำไส้ค่อนข้างยาว
ลำไส้สัตว์ที่กินเนื้อจะมีลำไส้สั้น
ดังนั้นมนุษย์กินเนื้อจึงฝืนธรรมชาติ
3. มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดเดียว
ที่กินน้ำมันที่ผ่านการกลั่นกรองเป็นอาหาร
4. มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดเดียว
ที่กินน้ำตาลทรายซึ่งเป็นอาหารที่ตายแล้ว
และเป็นยาเสพติดอันดับ 1 เป็นอาหารประจำวัน
ซึ่งผิดธรรมชาติไม่มีสัตว์ชนิดไหนทำกัน
5. โดยธรรมชาติสัตว์เมื่อเลยระยะหย่านม
จะเลิกกินนม แต่มนุษย์ยังคงกินนม
และกินจนโต จนแก่




ขอเรียงลำดับเหตุการณ์ใหม่จะเป็นดังนี้

1. การกินอาหารที่ปรุงสำเร็จ
ทำให้ ->
2. อาหารที่กินเป็นอาหารตาย
เอนไซม์ในอาหารถูกทำลาย
ทำให้ ->
3. ร่างกายต้องสร้างเอนไซม์
ย่อยอาหารเพิ่มขึ้นมาก
เพื่อชดเชยเอนไซม์ที่ควรจะได้จากอาหาร
ทำให้ ->
4. เมตาบอลิค เอนไซม์ต้องเปลี่ยนโฉม
ไปทำหน้าที่ย่อยอาหาร
และจำนวนที่สะสมในร่างกายก็ลดลง
ทำให้ ->
5. ร่างกายขาดความสามารถ
ในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ที่บกพร่อง
ระบบภูมิคุ้มกันโรคลดต่ำ
ทำให้ ->
6. แก่เร็วสุขภาพเสื่อม
เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ทำให้ ->
7. ตายเร็วในวัยที่ยังไม่สมควร




สาเหตุการผลิตเอนไซม์บกพร่องที่พบบ่อยๆคือ

* ขาดการออกกำลังกายและอยู่ในที่สิ่งแวดล้อมมีมลภาวะ
* มีความเครียดทั้งทางร่างกาย หรือ ทางจิตใจ
* ดื่มสุรา อาหาร หรือน้ำไม่สะอาด
* กินอาหารปรุงสำเร็จซึ่งเอนไซม์ในอาหารถูกทำลาย




ปู่ ย่า ตา ยาย มีอายุยืนยาวอยู่กันมาได้
เพราะเกิดมาในขณะที่สิ่งแวดล้อมสะอาด
อาหารสด ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง
ไม่มีการเติมสารเคมีให้พืชผัก




การปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม
ทำให้มีการใช้ปุ๋ยเคมีมาก
และใช้ยาฆ่าแมลงอย่างหนัก
ทำให้พื้นที่เพาะปลูกเสื่อมโทรม
เป็นผลให้พืชผัก
มีสารอาหารที่ไม่บริบูรณ์เหมือนแต่ก่อน
การเก็บพืชผักผลไม้ก่อนกำหนด
ทำให้ลดคุณค่าของอาหารลงไปอีก
รวมทั้งรสชาติของผลไม้จะผิดไป
การเลือกพืชเพื่อเพาะปลูกไว้จำหน่าย
ก็เลือกแต่พืชที่มีพันธุ์ทนแมลง
ทนกับการขนส่งระยะไกล
มากกว่าจะเลือกพืช
เพื่อให้คนบริโภคได้คุณค่าทางอาหาร




การวิจัยในปี ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483)
ได้พิสูจน์ว่า ดี เอน เอ (DNA)
ในเซลล์ของร่างกายเป็นผู้ควบคุมการผลิตเอนไซม์
เรามีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเอนไซม์
และถ้าเราแก่ตัวลงมาเมตาบอลิค
เอนไซม์ก็จะผลิตได้น้อย
เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
แท้ที่จริงเกิดจากพื้นฐานของการขาดเอนไซม์




ในน้ำลายของคนเราเมื่อวัยหนุ่มสาว (21-31 ปี)
มีมากกว่าคนชรา (61-100 ปี) ถึง 30 เท่า
ไม่มีปัญหาการย่อยอาหาร
แต่เมื่อแก่ตัวลงกลับกินไม่ได้
เพราะเอนไซม์ย่อยอาหารเจือจางลง
ทำให้อาการผิดปกติต่างๆ เพิ่มมากขึ้น




การหุงต้ม การเตรียมอาหาร
และการเก็บอาหารเป็นต้นเหตุ
ที่ทำลายเอนไซม์ที่มีอยู่ในอาหาร
ทำให้อาหารที่กินไม่มีเอนไซม์
ร่างกายต้องผลิตออกมาเองจำนวนมาก
การใช้รังสีเพื่อถนอมอาหาร
การใส่สารกันเสีย การบรรจุกระป๋อง
การใช้แก๊สบ่มผลไม้ ฯลฯ
ล้วนทำให้เอนไซม์ในอาหารถูกทำลาย




ทารกกินนมแม่
ได้เอนไซม์จากอาหาร (นมแม่)สมบูรณ์
นมผง นมสดที่ใช้ความร้อนทำลายเชื้อโรค
นมข้นหวานเป็นอาหาร (ของเด็กทารก)
ที่ไม่มีเอนไซม์เหลืออยู่
เป็นต้นเหตุให้มีอาหารที่ย่อยไม่หมด
ไปหมักหมมในลำไส้ใหญ่
เกิดสารพิษซึมเข้าสู่กระแสโลหิต
ทำให้เด็กเจ็บป่วยง่าย




มีตัวห้ามการทำงานของเอนไซม์
อยู่ในอาหารตามธรรมชาติ เป็นจำนวนมาก
อาหาร ที่มนุษย์กินทุกชนิดจะมีตัวห้าม
ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของพืชและสัตว์
ที่จะควบคุมและป้องกันไม่ให้เอนไซม์ย่อย
และทำร้ายตัวมันเอง
หรือเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อม
บางอย่างเปลี่ยนแปลงไป
หรือได้พาเอนไซม์ไปส่งถึงจุดมุ่งหมาย
เมื่อเอนไซม์ขาดตัวควบคุมหรือขาดตัวห้าม
เอนไซม์ก็จะเริ่มทำงานตามหน้าที่
และบทบาทของมันอย่างสบาย




อาหารประเภทถั่วชนิดต่างๆ เมล็ดพืช
ยอดผักหรือผลไม้ที่ยังอ่อน
จะเป็นกลุ่มที่มีตัวห้าม
การทำงานของเอนไซม์อยู่มาก
ดังนั้นการกินถั่วดิบๆ จึงทำให้เกิดอันตราย
เพราะได้รับตัวห้ามเข้าไปมาก
จนยับยั้งการทำงาน
หรืออาจทำลายเอนไซม์ของร่างกายได้อีกด้วย




ถ้าเอนไซม์ในร่างกายมีมากพอเพียง
มนุษย์อาจอายุยืนถึง 120ปี
เพราะเซลล์ในร่างกายสามารถแบ่งตัว
ได้ตามกำหนดของโปรแกรมในนาฬิกาชีวิต
ถ้าเอนไซม์ในร่างกายมีระดับต่ำ
โอกาสที่จะป่วยเป็นโรคเรื้อรังต่างๆเกิดได้ง่ายมาก




อายุมากขึ้น
เอนไซม์ผลิตได้น้อยลง,คุณภาพต่ำ
การขาดเอนไซม์ย่อยอาหารมีได้หลายสาเหตุ
แต่การขาดชนิดเดียวที่ตับอ่อนไม่สามารถแก้ไขได้
คือ การขาดเอนไซม์เนื่องจากมีอายุมากขึ้น
หนุ่มสาวอายุ 21-31 ปี
มีเอนไซม์อไมเลสในน้ำลายมากกว่า
กลุ่มผู้สูงอายุ 69-100 ปี ถึง 30เท่า
อายุมากขึ้น เอนไซม์ผลิตน้อยลงมาก
แต่ความต้องการใช้ยังคงเหมือนเดิม
การขาดแคลนเมื่ออายุมากขึ้น
จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้




สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเอนไซม์ คือ

1. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดสร้างเอนไซม์ขึ้นมาใช้เอง
ด้วยความสามารถในการผลิตที่แตกต่างกัน
2. เอนไซม์ เป็นตัวเร่งในการย่อยอาหารให้สมบูรณ์
ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพ
ถ้าย่อยได้ไม่ดี ถึงกินอาหารแสนดีก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น
3. เอนไซม์ควบคุม
และเร่งปฏิกิริยาเคมีทุกชนิด
ถ้าไม่มีเอนไซม์ปฏิกิริยาเคมี
จะเกิดช้าจนชีวิตไม่สามารถรอได้




4. เอนไซม์ แต่ละชนิดมีหน้าที่เฉพาะตัว
และทำปฏิกิริยาเคมีจำเพาะ
กับสารตั้งต้นที่ถูกกำหนดเท่านั้น
เอนไซม์ชนิดย่อยแป้งจะไม่ย่อยโปรตีน
เอนไซม์ชนิดย่อยไขมันจะไม่ย่อยแป้ง
5. เอนไซม์ถูกทำลายโดยง่าย
ที่ความร้อนสูงเกิน 118 องศาฟาเรนไฮด์
หรือ เอนไซม์เปราะบางมาก
6. การแช่แข็ง ไม่ทำลายความสามารถของเอนไซม์
7. การขาดเอนไซม์ส่วนใหญ่เกิดขึ้น
เพราะไม่รักษาสุขภาพของตนเอง
บางกรณีเกิดจากปัญหากรรมพันธุ์
8. เอนไซม์ ที่มีระดับต่ำ
ในร่างกายสัมพันธ์กับโรคของความเสื่อมต่างๆ
(ถ้าเอนไซม์ต่ำมาก โรคแห่งความเสื่อมก็เกิดขึ้นมากตาม)




วิตามินหรือเกลือแร่สำคัญๆ
ถ้าไม่มีเอนไซม์ วิตามินก็คือเศษผงธรรมดา
เซลล์ทั้ง 60 ล้านล้านเซลล์
ต้องใช้เอนไซม์เพื่อเร่งปฏิกิริยาเคมี
ถ้าไม่มีเอนไซม์ ชีวิตจึงดำรงอยู่ไม่ได้
วิตามิน เกลือแร่ คือ ตัวร่วมกับเอนไซม์ (Coenzyme)
โดยตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
ถ้าไม่มีเอนไซม์ร่วมด้วย
วิตามินและเกลือแร่ก็เปล่าประโยชน์
เอนไซม์เป็นผู้สร้างเซลล์
สร้างอวัยวะ สร้างร่างกาย และสร้างชีวิต

จาก "อนาเดอะเนเจอร์"




เคยสังเกตไหมคะว่า
เวลาเราตัดเถาตำลึง
สักครู่หนึ่งจะมียางใสๆไหลออกมา
หรือเวลาปอกแอปเปิ้ล
สักพักเนื้อแอบเปิ้ลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
นั่นคือกลไกการรักษาพยาบาล
และการเยียวยาตัวเอง
เพื่อไม่ให้เนื้อเยื่อที่เหลืออยู่
ถูกทำลายหรือเน่าเสีย
สิ่งที่ทั้งตำลึงและแอปเปิ้ลขับออกมานั่นคือ...
เอนไซม์




หรือเวลาที่เราตักข้าวเข้าปาก
เคี้ยวได้สักพักก็จะรู้สึกหวาน
ทั้งๆที่ข้าวนั้น ออกจะจืดในตอนแรก
นั่นเพราะเอนไซม์ในปากของเราชื่อ
PTYALIN หรือ AMYLASE
เปลี่ยนข้าวหรือแป้งในปากให้เป็นกลูโคส
ร่างกายของเราต้องการกลูโคสไปเลี้ยงสมอง
เพื่อให้สมองและประสาททำงานได้
นี่คือความสำคัญของเอนไซม์ที่เราพอจะเห็น




เอนไซม์มีหน้าที่กระตุ้นหรือเริ่มต้น (CATALYST)
ให้วงจรหรือระบบต่างๆของชีวิตทำงาน

เพื่อจุดประสงค์สองประการ
* ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตนั้น
หรือถ้าอันตรายเกิดขึ้นแล้ว
ก็ป้องกันไม่ให้อันตรายนั้นลุกลามหรือร้ายแรงยิ่งขึ้น
* เอนไซม์จะทำหน้าที่ส่งเสริม
หรือบำรุงให้ระบบต่างๆของชีวิต
ทำงานได้ดีหรือง่ายขึ้น




เราสามารถเสริมเอนไซม์ให้ร่างกายได้อย่างไร

ด้วยอาหารค่ะ
แต่ทว่าเมื่อเราเคี้ยวอาหาร
เอนไซม์ในอาหารจะถูกทำลาย
หรือเปลี่ยนสภาพด้วยเอนไซม์
ตั้งแต่ในปากเรื่อยไปถึงกระเพาะอาหาร

จึงแนะนำให้คั้นเอาแต่น้ำทำเป็นน้ำดื่ม
เอนไซม์ในอาหารจะผ่านปาก ลำคอ
ถึงกระเพาะ ไปสู่ลำไส้ โดยไม่ต้องถูกย่อย
และสามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปใช้ได้ทันที




อย่างไรก็ตาม
เราต้องรู้จักธรรมชาติของเอนไซม์กันเสียก่อน
เอนไซม์ถูกทำลายได้ง่ายมากเมื่อ

* ถูกความร้อน การต้ม ผัด นึ่ง ลวก
ทำให้เอนไซม์ในผักตายหมด
* ถูกกระแสไฟฟ้าหรือกระแสแม่เหล็ก
ถ้าคุณใช้เครื่องปั่นไฟฟ้า เอนไซม์จะตายหมด
แต่ถ้าใช้เครื่องแยกกาก (Juicer)
ซึ่งแยกกากไปทาง น้ำไปทาง จะใช้ได้
* ถูกเอนไซม์ตัวอื่นๆทำลาย

จาก "ชีวจิต"








Create Date : 12 มีนาคม 2552
Last Update : 12 เมษายน 2553 19:19:00 น. 61 comments
Counter : 375 Pageviews.

 
บางทีชีวิตก็มะได้เป็งอย่างที่คิด
ขอให้มีความสุข เท่าที่หัวใจ อยากมีนะคับ

โจ...พลังชีวิต


โดย: พลังชีวิต วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:22:34:04 น.  

 
มารับสาระดีๆครับ


โดย: endless man วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:22:56:41 น.  

 
ได้ความรู้กลับบ้านเพียบเลยค่ะ เป็นอะไรที่คิดไม่ถึงแยะเลยค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลที่ดีๆๆ แบบนี้


โดย: kamonorchids วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:23:44:44 น.  

 



ขอให้วันนี้ของคุณจันทร์

เริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม และจบวันด้วยรอยยิ้มค่ะ ....


ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ นี้คะ ตามอ่านจ้ะ

Photobucket



โดย: fleuri วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:1:19:28 น.  

 


สวัสดียามเช้าค่ะ..คุณจันทร์
อากาศดี ๆ จิบกาแฟดีๆ ซักแก้ว แล้วค่อยเริ่มทำงานนะคะ


โดย: I_sabai วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:7:24:31 น.  

 
เข้ามาฟังคุณจันทร์ฯ อ่านหนังสือครับ...

แปลกใจกับสมมุติฐานที่ว่า มนุษย์เป็นสัตว์ที่กินพืชโดยธรรมชาติ?

เคยอ่านมาจากที่ไหนจำไม่ได้ว่า มนุษย์เป็นสัตว์กินเนื้อโดยธรรมชาติ

เขาว่าไว้ว่า พยานสำคัญก็คือ "ไส้ติ่ง" ของคนนั่นไง

เขาว่าอีกนั่นแหละ...แต่ก่อนมันคือลำไส้ส่วนที่เอาไว้ย่อยเนื้อดิบ ต่อมาเมื่อมนุษย์รู้จักการใช้ไฟ ในการปรุงอาหารให้สุก มันก็เลยหดเล็กลง จนกลายเป็นไส้ติ่ง ที่ไม่ได้ใช้อะไรเลย มีไว้รอวันอักเสบ ให้หมอผ่าทิ้งเท่านั้น...

ที่ว่ามาทั้งหมดนี่ ขอบอกว่า ไม่กล้ายืนยันความถูกต้องด้วยประการทั้งปวงนะครับ

เขียนมาจากความจำที่กระท่อนกระแท่นของตัวเองทั้งสิ้น

ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ

อ่านบล็อกวันนี้แล้ว อยากบอกว่า จะทำอะไรก็แล้วแต่ ทำมันแต่เพียงพอดี อย่าเคร่งเกินไป อย่าหย่อนเกินไป

น่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องนะครับ...


โดย: ลุงแว่น วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:7:28:46 น.  

 

ยิ่งอ่านยิ่งชอบค่ะคุณจันทร์ หามาอ่านให้ฟังอีกน๊า

ปล. บล็อคน่ารักขึ้นทุกวันเลยอ่ะ



โดย: coji วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:13:38:15 น.  

 
ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ ที่นำมาฝากค่ะ

อืมอยากกินข้าวสวยร้อน ๆ กับต้มจืดตำลึงจัง


โดย: ostojska วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:15:45:28 น.  

 
อ่านแล้วได้ความรู้ดีๆกลับไปขอบคุณนะค่ะ


โดย: ยายกุ๊กไ่ก่ วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:18:41:23 น.  

 
มาอ่านต่อจ๊ะ คุณจันทร์


โดย: sangseetong วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:21:58:35 น.  

 
THANK YOU Pictures, Images and Photos

Photobucket

บล็อกน่ารักจังตัวเอง





โดย: fleuri วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:6:06:30 น.  

 
แวะมาเยี่ยมในวันหยุดนะจ๊ะ


โดย: HastaLaVista วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:16:35:26 น.  

 
ขอบคุณม๊ากมากคับๆๆ


โดย: ภูมิ (<Teppeikung..> ) วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:18:25:39 น.  

 
อืม...การกินให้ถูกวิธีสำคัญเนาะ
ธรรมชาติสร้างสรรค์มาดีแล้ว


โดย: redclick วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:21:39:48 น.  

 
แอบมาเก็บความรู้ครับ

เห็นด้วยที่ว่ามนุษย์ฝืนกฎต่าง ๆ แต่สุดท้ายคนที่ไรรับผลก็คือตัวมนุษย์เองอะครับ


โดย: Paper Mask วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:22:19:14 น.  

 
เอมไซม์เป็นเรื่องใกล้ตัว หากรู้และเข้าใจ ปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง คงก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเองนะครับ

ดีจริงๆครับ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว การชะลอความแก่น่าจะเป็นวิธีที่ไม่ยากนัก


โดย: Insignia_Museum วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:10:30:49 น.  

 
น่าจิ แต่ว่ากินตามธรรมชาติแท้ๆ ก็ไม่อาหร่อยน๊าาา


โดย: endless man วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:14:55:43 น.  

 
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=violette&month=15-03-2009&group=21&gblog=11

กำลังดูหนังอยู่ เลยอัพนี้มาฝากจ้ะ


โดย: fleuri วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:15:20:32 น.  

 
thank you naka


โดย: felice วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:17:35:29 น.  

 
ได้ความรู้มากเลยค่ะคุณจันทร์

ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายกาย ท้องอืดมากๆสงสัยทานอาหารที่ผิดกฎธรรมชาติมากไป

ไม่ค่อยได้ออกกำลังทำให้เส้นและกล้ามเนื้อตึงไปหมด ส่งผลให้เกิดความเครียด

เง้อ...มนุษย์หนอมนุษย์

ยังงัยก็ขอให้คุณจันทร์มีสุขภาพที่แข็งแรง ภายใต้จิตใจที่งดงามนะคะ

บุญรักษาค่ะ

ดอกแก้ว


โดย: ดอกแก้วหอม วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:19:01:31 น.  

 
มาอ่านเรื่องดีๆจ้าคุณจันทร์

เรื่องเอ็นไซด์นี่ เคยเรียนสมัยมัทยม

นานมากจนลืมเลย

ขอบใจจ้า


โดย: วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:20:21:30 น.  

 
บล๊อคน่ารักจังค่ะ และมาขอบคุณที่แวะไปชมบล๊อคนะคะ

ดิฉันอ่านหนังสือทีไรง่วงทุกทีเลยค่ะทั้งๆที่รู้ว่าการอ่านเป็นสิ่งที่ดีมากๆ แต่ไม่ค่อยอ่น ก็เลยเล่นเน็ตแทน อิอิ...


โดย: amskye วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:3:03:47 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณจันทร์

ไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะว่า มนุษย์เราืำมีพฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดธรรมชาติขนาดนี้ ... ขอบคุณมากนะคะที่นำเรื่องดีดีมาฝากกัน

เดี๋ยวต้องตามกลับไปอ่านตอนหนึ่งหน่อย

มีความสุขมากมากนะคะ ^^


โดย: discipula วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:6:02:34 น.  

 
เข้ามารับความรู้ค่ะ
จัดบ้านได้น่ารักจังเลย
เริ่มๆจะอิจฉาแล้วนะคะ
อย่างนี้ต้องเข้ามาเยี่ยมบ่อยๆซะแล้ว


โดย: nathanon วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:9:34:54 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณจันทร์
มีข้อสังเกตุอีกข้อนึง ว่ามนุษย์เป็นสัตว์กินพืช
คือการมีลูกทีละตัว (คน)
ดูจากสัตว์กินพืชส่วนใหญ่จะมีลูกทีละตัวเท่านั้น
เมื่อพูดว่าต้องกินพืชเท่านั้นกับคนส่วนใหญ่เขาจะบอกว่า ไม่ได้หรอก เดี๋ยวไม่มีแรง
แต่คนอินเดีย เขากินมังสวิรัติกันตลอดชีพ
ไม่เป็นไรกันน่ะค่ะ น่าคิดเหมือนกันนะคะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีนะคะ

ขอพระคุ้มครองค่ะ


โดย: รยา (raya-a ) วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:17:13:02 น.  

 
คุณจันทร์ไพลินอ่านหนังสือชื่อ egg หรือยังครับ น่าสนใจมาก ๆ เลย


โดย: manachanok วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:17:18:49 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณจันทร์
สบายดีนะคะ มาทักทายกันจ๊ะ



โดย: sangseetong วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:19:26:24 น.  

 
สวัสดีครับผม


โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:21:08:30 น.  

 


โดย: kamonorchids วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:5:28:41 น.  

 
ว้าว อ่านแล้วได้ความรู้เพียบเลย ชอบๆจังค่ะ เพิ่งรู้ว่าตัดยอดตำลึงยางใสๆเป็นยาด้วย

ขอบคุณที่เอามาฝากกันน่ะค่ะ


โดย: bagarbu วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:7:14:35 น.  

 
ขอบคุณสำหรับ ความรู้ดีๆค่ะ สบายดีนะค่ะ

ย่าสบายดีจ้า


โดย: ย่าชอบเล่า วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:18:50:34 น.  

 
เค้าเป็นคนย่อยยากอ่ะ
ทั้งๆ ที่รู้ก็ยังจะชอบกินพวกเนื้อสัตว์
เซ็งตัวเองจริงๆ
เวลากินก็ลืมหมดทุกอย่าง
จำได้อย่างเดียวว่า อร่อยจังเลย

สามสาวสบายดีเปล่าจ๊ะ
คิดถึงจ้า


โดย: HastaLaVista วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:23:27:41 น.  

 

ฝนพรำ


ฝนพรำฉ่ำฟ้ามาแต่เช้า
มาส่งข่าวว่าเศร้าสร้อยตาลอยฝัน
เป็นอารมณ์เงื่องหงอยพลอยรำพัน
เฉพาะวันฝนพรำจนจำเจ

เซ็งซึมซึมครึ้มคว้างคว้างอย่างเงียบเงียบ
ลองคิดเทียบกับวานพาลใจเขว
ความสดใสไร้แห้งเหมือนแกว่งเปล
ใจเจ้าเล่ห์ชอบหมองหม่นวันฝนพรำ.



โดย: ลุงแว่น วันที่: 18 มีนาคม 2552 เวลา:12:02:37 น.  

 
มาฟังคุณจันทร์อ่านแล้วทำให้มีความรู้เพิ่มขึ้นอีกมากเลยค่ะ
มีทั้งความรู้ใหม่ ความรู้ที่แตกต่างจากเดิมเพื่อเปรียบเทียบ
และย้ำเตือนความรู้เดิมให้ถ่องแท้ยิ่งขึ้น ขอบคุณค่ะ
รักษาสุขภาพนะคะ มีความสุขค่ะ



โดย: busabap วันที่: 18 มีนาคม 2552 เวลา:16:19:18 น.  

 
วันนี้ผมอัพบล็อกแล้ว จะขอเชิญคุณจันทร์ไปชมภาพยนตร์แอนิเมชั่นครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:23:49:52 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณจันทร์


โดย: sangseetong วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:10:55:44 น.  

 
สวัสดีค่ะ ..

สมัยก่อนดีเนอะคะ ..

เฮ้อ .. คงไม่วุ่นวายเหมือนสมัยนี้ ..

ป.ล. รักษาสุขภาพ และมีความสุขสุดสัปดาห์ค่ะ


โดย: บ้านอุ่นรัก วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:18:19:43 น.  

 
สวัสดีวันเสาร์ฝนพรำๆค่ะคุณจันทร์


โดย: coji วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:9:50:39 น.  

 
สวัสดีครับ ผมยังสบายดีอยู่ครับแต่ตอนนี้วันหยุดก็เอาแต่ตระเวณถ่ายภาพนกอยู่เลยไม่ค่อยได้มีเวลาเขียนอะไรเลย นานๆจะเข้ามาสักครั้งแล้วจะมาเยี่ยมใหม่นะครับผม


โดย: เสรีไพร IP: 124.120.109.12 วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:10:26:08 น.  

 
สวัสดีค่ะ...คุณจันทร์

ฟ้าฝนไม่เป็นใจ เลยทำให้ความตั้งใจไปวัดต้องพับไป ตอนนี้นั่งทำใจให้สบายอยู่ที่บ้านค่ะ

กะจะล้างพิษร่างกายก่อน แล้วตามมาด้วยการล้างพิษในใจ

ขอให้คุณจันทร์เบิกบานได้ทุกๆวันนะคะ

บุญรักษาค่ะ

ดอกแก้ว


โดย: ดอกแก้วหอม วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:22:36:50 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ
สบายดีนะคะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 23 มีนาคม 2552 เวลา:0:04:22 น.  

 
สวัสดีจ้า
สบายดีเปล่าจ๊ะ
ฝากความคิดถึงๆ ทุกคนด้วยจ้า


โดย: HastaLaVista วันที่: 23 มีนาคม 2552 เวลา:9:52:27 น.  

 
Photobucket

เพราะคิดถึง จึงมาหา


โดย: fleuri วันที่: 24 มีนาคม 2552 เวลา:2:54:26 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณจันทร์
แวะมาเยี่ยมค่ะ


โดย: sangseetong วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:20:13:57 น.  

 
สวัสดีค่ะ
เป็นอาทิตย์แล้วไม่ได้เข้ามาหา คิถึงเสมอค่ะถึงแม้จะไม่ได้เข้ามา
คุณจันทร์สบายดีมั้ยคะ หวังว่าคงสบายดีแ่น่ๆ แต่คงงานยุ่งเนาะ
รักษาสุขภาพค่ะ มีความสุขนะคะ



โดย: busabap วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:23:09:02 น.  

 
หายไปอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่ๆเลย รอวันกลับมาน๊า


โดย: coji วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:10:01:10 น.  

 
สวัสดียามค่ำครับ

คุณจันทร์สบายดีนะครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:20:11:16 น.  

 
สวัสดีค่ะ บ้านนี้เงียบเลยZZZZZZ คิดถึงนะค่ะ


โดย: kamonorchids วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:23:50:35 น.  

 
คุณจันทร์ขา ไม่ได้แวะมาหาซะนานเลย คิดถึงจังค่ะ

แวะมาให้คุณจันทร์เล่าเรื่องเอนไซน์ให้ฟัง ได้ความรู้กลับไปมากเลยค่ะ

Have a nice weekend na ka. !!


โดย: nLatte วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:12:30:29 น.  

 
หวัดดีจ๊ะ คุณจันทร์


โดย: sangseetong วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:12:58:40 น.  

 
หวัดดีจ้า
แล้วหายไปไหนเนี่ยะ คิดถึงนะ
ขอบคุณมากๆ ที่ชมน้องๆ บลายธ์เราอ่ะ
ฝากความคิดถึงๆ ทุกคนด้วยนะจ๊ะ



โดย: HastaLaVista วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:22:46:00 น.  

 
ขอบคุณคุณจันทร์มากครับ ที่แวะไปทักทายที่บ้าน

วันนี้อยากชวนให้ลองไปดูบอนไซไม้แคระบ้าง..

ได้ทั้งความเพลิดเพลิน แง่คิดทางปรัชญาชีวิต การเจริญสติ....

เผื่อจะได้งานอดิเรกชนิดใหม่ครับ...


โดย: ลุงแว่น วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:5:14:45 น.  

 
ถือว่าท่านจันทร์ได้อ่าน
นิตยสารที่มีประโยชน์อย่าง
ยิ่ง แ้ล้วนำมาแบ่งปันอีก

นับว่าประเสริฐนัก ที่ได้
แอบมาอ่าน อิอิ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:19:39:18 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ
ขอให้มีคืนวันที่สดใสเช่นกันนะคะ


โดย: ป้อม (goldengift ) วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:19:44:42 น.  

 
ขอบคุณคุณจันทร์ฯ มากครับที่แวะไปเยี่ยมที่บ้าน

บอนไซนั่น ผมได้รูปมาจากอินเตอร์เน็ตครับ

ไม่มีปัญญาดูแลให้สวยขนาดนั้นหรอกครับ...


โดย: ลุงแว่น วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:20:04:47 น.  

 
ช่วงนี้ยุ่งเหรอ
รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ


โดย: HastaLaVista วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:20:52:21 น.  

 
สวัสดีค่ะ...คุณจันทร์

วันนี้หอบฝากคิดถึงมาฝากค่ะ...คุณจันทร์สบายดีนะคะ

ไปวิปัสสนาหรือเปล่าเอ่ย

บุญรักษาค่ะ

ดอกแก้ว


โดย: ดอกแก้วหอม วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:21:33:52 น.  

 
สวัสดีครับ...
ขอบคุณครับที่ยังไม่ลืมกัน ทั้งๆที่บ้านผมแทบจะร้างอยู่แล้ว....ขอบคุณครับ


โดย: เสรีไพร IP: 124.120.112.12 วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:21:47:17 น.  

 


นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: redclick วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:22:25:27 น.  

 
สวัสดียามดึกจ้าคุณจันทร์
สบายดีน้า


โดย: วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:0:08:20 น.  

 
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ครับ

วันนี้เปลี่ยนเรื่องใหม่ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยแล้ว ขอเชิญคุณจันทร์อีกครั้งครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:7:04:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จันทร์ไพลิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




********
********


ขอขอบคุณcodeและรูปสวยๆ
กรอบและlineน่ารักมากมาย
จาก
คุณ Kungguenter,
คุณLosocat,
คุณยายกุ๊กไก่,
และป้าเก๋า ชมพรค่ะ

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add จันทร์ไพลิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.