: : : Small but Beautiful : : :
 
 

2. อยากเรียน ป.โท อ่ะ มี 40000 เรียนได้ไหม แล้วภาคปกติ ภาคค่ำ เอาอันไหนดี

เอาหละครับ เมื่อมีความอยากก็มีคนตอบสนอง

การเรียน ป.โท ในปัจจุบันหมดยุดมืดไปได้สักพักนึงแล้ว เกือบทุกมหาวิทยาลัย เปิดโครงการ ป.โทให้จ้าหละหวั่น ทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ

เอาหละครับ ขอแยกเป็นสองกรณี ก่อนเลยนะครับ

1. กรณี เด็กจบใหม่ แนะนำให้ต่อภาคปกติ ทำไม ?
- ครับ ยืนยันคำเดิมและไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุผลที่หนักแน่นเป็นที่สุดครับ

สมัยเริ่มแรกของการเรียนปริญญาโท ไม่มี ภาคพิเศษครับ

เนื่องจากการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทนั้นเริ่มแรก เริ่มจากมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่อเสียง เช่น จุฬา ธรรมศาสตร์ เกษตร มหิดล ศิลปากร มศว เชียงใหม่ ขอนแก่น มอ. 3 King เป็นต้น

เป็นการเปิดสอนโดยคณาจารย์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ลงลึกในศาสตร์นั้นๆ ทำไมผมถึงบอกว่า มหาลัยรัฐบาลในเริ่มแรกทราบไหมครับ เพราะว่า การเรียน ปริญญาโทนั้น มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปริญญาตรีมาก ดังนั้น จำนวนที่สามารถเปิดรับคนได้ ตก ไม่เกิน 10 - 15 คนในแต่ละสาขาวิชา ในขณะที่ ปริญญาตรี สาขาวิชา หนึ่ง จะตกอยู่ที่ 60 - 300 คน

เห็นถึงสภาพการแข่งขันหรือยังครับ เด็กที่ เข้ามหาวิทยาลัยรัฐได้ถือว่าเก่งแล้ว นั้นคืออัตราการแข่งขันเฉลี่ยอยู่ที 10 : 1 นะครับ

แต่ปริญญาโท อยู่ที่ 50:1 และบางสาขาวิชา ยอดนิยมเช่น MBA ภาคปกติที่งหลายอยู่ที่ 100:1 ด้วย และถ้าจะเทียบกับ อัตราการสอบเข้าในปริญญาตรี จะอยู่ที่ 500:1 และ 1000:1 ในสาขา บริหาร

เห็นไหมครับ ว่าเข้ายาก ....

และเพราะเหตุใด คนถึงอยากเรียน ภาคปกติกัน

1. ค่าเรียน !
- อ่ะ ใครว่าเรียนโท ต้องรวย ผมนี่แหละ พ่อแม่ไม่ได้รวยเลยแค่เรียนโทได้ ตอนแรกที่ผมมีปมแล้วอยากที่จะเรียนโทนั้น ผมเองก็ได้ไปปรึกษา พ่อแม่ ว่า อยากเรียนโท แต่พ่อแม่ บอกว่า ไม่มีเงินส่ง !!

เสียใจมากครับ อยากเรียนนะ เพราะไอ้ปมที่ผมเจอมา มันก็เรื่องเงินๆ ทองๆ ตกลงว่าตัวเราเอง เลือกเรียนผิดคณะใช่ไหม อยากรวยต้อง หมอ วิศะ สถาปัต อย่างเดียวใช่ไหม ตอนนั้น น้อยใจตัวเองมาก จนวันหนึ่ง ไปเดินเล่นที่มหาวิทยาลัย

เนื่องจากผมเป็นเด็กกิจกรรมคนหนึ่งและสนิทกับอาจารย์หลายท่าน อาจารย์ท่านจึงได้มาคุยด้วย ก็ทักทายกัน อาจารย์ถามว่า

ได้งานยังเรา
ยังครับจาน...
งานหายากมากเลยครับ ตอนนี้ผมเองอยากเรียนโท แต่ ....พ่อแม่ไม่มีปัญหาส่ง ค่าเรียนเป็นแสน...

อาจารย์ : $&(^#%^* ???? 100,000 ?????

ครับอาจารย์ ผมไม่มีปัญญาเรียนหรอกครับ

อาจารย์ : เธอไปเอามาจากไหนค่าเรียนเป็นแสน เธอรู้ไหม ภาคปกติ มากกว่า ป.ตรี 1000 เดียว

ผม : หา! อะไรนะครับ

อาจารย์ : เธอ รู้ไหม ป.โท ค่าเรียนเทอมละ 10000 เองนะสายวิศวะภาคปกติ 18000 บาท ส่วนภาคพิ้เศษ เอาไว้สำหรับคนที่สอบเข้าภาคปกติไม่ได้ หรือ ต้องทำงาน เขาคิดเทอมละ 45000

ผมเองวันนั้นไปหาพ่อแม่บอกว่า เทอมละ หมื่น พ่อแม่ตกใจครับ ไม่เชื่อว่าป โท ค่าเรียนจนจบการศึกษามันจะถูกกว่าค่าแป๊ะเจี้ย โรงเรียนอนุบาล สะอีก

พ่อแม่ผมโอเคครับ เลยให้ผมเรียน

2. เนื้อหาวิชาการ
- ภาคปกติ ขึ้นชื่อลือชาด้านวิชาการ ความอดทน และความรับผิดชอบนะครับ ในบริษัทห้างร้านใหญ่ๆ คำถามที่จะถามคุณคือ คุณจบโท ภาคพิเศษ หรือ ภาคปกติ ทั้งสองภาคมีความต่างอย่างมีนัยสำคัญนะครับ

และถ้าจะมีคนบอกว่าผม ไม่เคยเรียนภาคค่ำ ไม่รู้หรอก

ขอออกตัวเลยนะครับ ผมไม่มีอะไรทำ นั่งเรียนภาคปกติ นั่งเย็น แล้วไปนั่งเรียนภาคค่ำกับเขาด้วย เพราะมีเพื่อนภาคค่ำ ทำให้ผมเห็นความแตกต่าง 2 ภาคอย่างชัดเจนในทุกประเด็น !! ผมไปนั่งกับเขาตั่งแต่ตอนเรียน ตอนอ่านหนังสือสอบ ยัน บางที ตอนทำ IS (ส่วนมาก ภาคพิเศษไม่นิยมทำ THESIS มันมีเหตุผลที่ผมจะอธิบายในตอนหลัง) เห็นหมดแหละครับ ว่าต่างยังไง และ..... (มีต่อ)


3. เวลาคุณจบออกไป ภาคปกติจะเป็นอะไรที่ คุ้มค่าแก่การลงทุนมากที่สุด แล้วภาคปกติไม่เหมาะสำหรับ คนที่ทำงานแล้วเป็นอย่างยิ่ง !!

- ครับ หัวข้อนี้อาจจะชวนงง แต่มีอยู่ 1 กระทู้ที่ผมเรียกว่าค่าเสียโอกาสของการเรียนป โท แต่ไม่ได้ทำงาน

ตลอดเวลา 2 ปีกว่าๆ ค่าเสียโอกาสจากการที่คุณไม่ได้ทำงานอยู่ที่ 2 แสนเห้าหมื่น - 3 แสน ห้าหมื่นบาท นั้นหมายความว่า รายได้คุณตรงนี้จะหายไปทันทีถ้าคุณมาเรียนโท ภาคปกติ

แต่ อย่าลืมว่า การลงทุนเรียน ป.โท ภาคปกติ มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าภาค พิเศษ 4 เท่า ดังนั้น คุณจะคืนทุนเร็วกว่าภาคพิเศษ 4 เท่า อีกทั้งไม่เหมาะแก่คนที่ทำงานแล้ว เพราะว่าคุณจะต้องออกจากงาน

การใช้ชีวิต ตอนมีเงินกับตอนมาเป็น นิสิต นักศึกษา หลายคนทำใจลำบากนะครับ มีเงินเดือน 1-2 หมื่น ซื้อไรก็ได้ ทำไรก็ได้ กลับต้องมาใช้จำกัด ยิ่งคนทีครอบครัว มีภาระ คุณไม่สามารถมาเรียน ภาคปกติได้เลย เพราะ อาจารย์ส่วนมากจะตัดคุณทิ้ง

เพราะว่าคุณ จะไม่มีเวลามาคิดเรื่องเรียนเลย จนคุณ tire ไป อันนี้ เรื่องจริง ครับ การโดนไทร์ มันขึ้นประวัตินะครับ พี่น้อง .....

ข้อดีมีเยอะ มาดูข้อเสียบ้าง

1. connection อันนี้ออกตัวเลยนะครับ จะมาหา connection กับภาคปกติ คุณมาเสียเที่ยวครับ เพราะ คนที่เรียนส่วนมาก เด็กๆ ครับ อาจะ 22-27 ปี จะมาหาเส้นสายธุรกิจหาลูกค้า ในภาคปกติ น้อยหรือ ไม่มีเลย ยืนยันล

2. โอกาสในการทำงานและความรู้สึก ต่ำต้อย เรื่องรายได้เมื่อเทียบกับเพื่อน อันนี้ประสบกับตัวครับ เพราะว่าเพื่อนทำงานไปได้สักพักเพือนจะมีเงินเก็บ สามารถทำอะไรก็ได้ ซื้ออะไรก็ได้ การใช้ชีวิตเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ในขณะที่คุณเหมือนเดิม มันทำให้เกิดความท้อแท้ และบางราย อดทน ต่อ ข้อนี้ ไม่ไหว ทำให้ ลาออก มาเยอะนักต่อนักแล้วครับ ส่วนมากพวกที่ผ่านข้อนี้ได้ คือ พวกที่มองการณ์ไกลครับ มองเห็นถึง รายได้ในอนาคตในวันหน้า ไม่ใช่วันนี้ ครับ

3. ข้ออ้างสุดยิดแห่งปีของนายจ้าง ประสบการณ์คุณไม่มี อันนี้ สำคัญครับ เพราะ ประสบการณ์คุณ ไม่มีแน่ๆ ก็เล่น เรียนจบแล้วเรียนต่อเลยคุณจะมีข้อเสียเปรียบตรงนี้ แต่ขอให้ระลึกว่า คุณแค่เริ่มงานช้ากว่าชาวบ้าน 2 - 3 ปี คิดสะว่า คุณเรียน ป.ตรี จบ 6 ปี แต่ คุณเงินเดือนมากกว่า ชาวบ้าน 120-170% นึกไว้ๆๆๆๆๆ (ฮา)

เอาหละ ถ้าคุณรับข้อเสียภาคปกติไม่ได้ เรามีอีกทางเลือก คึอ ปริญญาโทภาคพิเศษ ภาคค่ำ ภาคพิศดาร ภาคดูดเงิน (ฮา) ......มีต่อ

ปริญญาโทภาคพิเศษ

ป.โท ภาคพิเศษ ภาคค่ำ หรือ ภาคอะไร ก็แล้วแต่ ที่ไม่ได้เรียนกันในเวลาราชการ

ทำไมถึงมีภาคค่ำ ?

ครับ จากเหตุผลอันแรกที่ผมบอกว่า เด็กจบใหม่น่าจะเรียนภาคปกติ เพราะความรู้คุณยังแน่น ประกอบกับค่าใช้จ่ายที่ พ่อ แม่คุณ น่าจะพอรับได้ คือหลักหมื่นบาท เท่านั้น

แต่ ข้อด้อยอีกหลายอย่างเป็นอุปสรรคแก่การทำงานอย่างยิ่ง เพราะคุณ จะไม่มีประสบการณ์

ในขณะที่คนทำงานแล้ว คนเหล่านี้ก็ที ปม เหมือนกัน

อ้าว คนทำงานอาจจะมาวางระเบิดหน้าบ้านผม (ฮา) แต่ผมพูดมันเรื่องจริ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

คุณครับ ยุคประมาณ ปี 2527 - 2535 ตอนที่ เศรษฐกิจบูมเนี้ย ถามหน่อยนะครับ คนจบโท เงินเดือนเท่าไหร่

โท 20000 ครับ จบตรี 7500

ทองบาทละ 3950 บาท น้ำมันลิตรละ 4.10 บาทค่ารถเมล์ 2.5 บาท ค่าข้าวแกงจาน อย่างแพง 15 บาท ข้าวในห้าง 25 บาท Civic 290,000 บาท บ้านเดี่ยว 1.2 ล้านบาท

ครับทีเกริ่นมา เรื่อง ค่าครองชีพทำไม...ทำไมผมต้องพูด

ถ้าคุณอายุ 25 - 35 กำลังสร้างตัว คนทื่จบโท สามารถที่จะสร้างตัวไวกว่า 3 เท่า เช่น คนที่จบโท อาจจะซื้อบ้าน รถ แต่งเมียได้ในอายุไม่เกิน 28 ในขณะที่ คนที่ไม่ได้จบโทอาจจะทำได้เช่นกัน ในอายุ 35

สังเกตุไหมครับยุดพ่อแม่เรานั้น ท่านจะแต่งงานและเริ่มมีลูกตอนอายุ 35 ปี

หมายเหตุครับ *** ตัดอาชีพทางด้านสาย วิศวะกรรมศาสตร์ สายสถาปัต หมอ เภสัช ทิ้งไปได้เลยนะครับ พวกนี้ ไม่ว่า จะผ่านมากี่ยุคเงินเดือน เขาไม่ต้องดิ้นรนไปเรียนโทหรอกครับ แล้ว ก็จริงที่ว่า สายวิศวะ ไม่ค่อยต่อโทกัน

เว้นหมอที่ต้องต่อ เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ด้านสุขภาพมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และการเรียนต่อ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตการทำงานสายอาชีพสุขภาพ

นั้นคือปม เรื่อง การสร้างเนื้อสร้างตัวที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ของคนที่ ................. ทำงานมีประสบการณ์เท่ากัน แต่การศึกษาไม่เท่า .............

นั้นคือ ปมเรื่อง เงิน

ปมอย่างที่สอง ความรู้ในการทำงานครับ ....

เทคนิคบางอย่าง การทำงานตามสัญชาติญาน การทำงาน โดนอาศัยความเคยชินและประสบการณ์ เริ่มทำให้ บริษัท ย่ำกับที่

อ้าวทำไมผมพูดอย่างนั้นหละ

เพราะ ไอ้คำว่าประสบการณ์นี่แหละ มันก็ไม่ได้ เป็นสิ่งสำคัญของการ พัฒนา นะครับ คุณต้องเอา ความรู้ใหม่ๆ ที่ค้นพบ มาประยุกต์ใช้กับประสบการณ์ ครับเพราะ ประสบการณ์ อย่างเดียวมันช้วยให้นายจ้าง ไม่ต้องมากังวลเรื่อง ผลงาน เรื่องจะทำตามตำสั่งได้ไหม และ คุณจะทำงานคล่อง

ถ้าคุณคิดว่า ประสบการณ์ยิ่งเยอะ ยิ่งจะทำให้ องค์กรนั้นๆ เจริญรุดหน้า ก้าวหน้าโชติช่างชัชวาลย์

ผิด!!!!!!

มีคนเถียงผม อ่ะ งั้นผมขออนุญาติยกตัวอย่าง 1 หน่วยงานที่เรารู้จักดี

ราชการ......รัฐวิสาหกิจ

นึกออกยังครับ คนในนั้นประสบการณ์ทำงานเพียบเลย 10 ปี 20 ปี 30 ปี 40 ปีด้วยซ้ำ แล้ว คำว่า ราชการสมัยก่อน เนี้ย มันมีการพัฒนาไหมครับ

ระบบเหมือนเดิมมา 50 - 60 ปี อยู่ยังไงก็อยู่อย่างนั้น จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

มีการนำเอานวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ ได้คนรุ่นใหม่มาบริการ มีการเปลี่ยนแปลง

เดียวนี้คุณลองไปหน่วยงานราชการ สิ บางที คุณอาจจะอึ้ง หน่วยงานราชการใช้ SAP ใช้ center database ดีพอๆกับบริษัทเอกชน (หรือดีกว่า)

ครับ เลิกติดคำว่าประสบการณ์สักทีนะครับ HR เพราะประสบการณ์ สร้างกันได้ครับ

ไอ้ที่มันจะสร้างไม่ได้ ก็ไอ้ระบบความคิด และ ความรู้ใหม่ๆนี่แหละครับ

การเพิ่มความรู้มีหลายอย่าง ตั้งแต่ การ อบรม การไปดูงาน แต่ การที่จะจูงใจให้คนสร้างศักยภาพและดึงตัวตนที่แท้จริงออกมา นั้นคือ การเรียน โท

ทำไม ผมจึงฟันธงอย่างนั้น

ผมจะกล่าวในเรื่องของ ความคิดของคนที่เรียนโทและเรียนตรีมันต่างกัน !

ครับ มันมีหลายปัจจัยในการเรียนโทที่จะหล่อหลอมคุณ ออกมา

สมัยก่อนการเรียนโท มีแต่ภาคปกติ นั้นเป็นการตัดโอกาสของคนที่ทำงาน ดังนั้นหลายมหาวิทยาลัยจึงได้เปิด ปริญญาโทสำหรับ ภาคค่ำขึ้นมาเพื่อ

1. เสริมสร้างทักษะและความรู้เพื่อที่จะได้นำความรู้ที่เรียนสามารถนำไปประยกต์ได้โดยอาศัย จากประสบการณ์ที่ผ่านมา นั้นคือ เหตุผลทำไมที่ว่า การเรียนปริญญาโท หลายที่กำหนดประสบการณ์ขั้นต่ำของการทำงาน

2. เพือเพิ่มวิทยะฐานะของผู้เรียน ซึ้งในการเรียนภาคปกตินั้นไม่สามารถทำได้เนื่อง จากอายุของผู้ที่เรียนภาคค่ำ นั้น อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 29 - 40 ซึ่งเป็นวัยที่กำลัง สร้างเนื้อสร้างตัวหรือกำลังมีครอบครัว

นั้น ทำให้คุณไม่สามารถที่จะลาออกมาเพื่อเรียนภาคปกติได้เลย

จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นนั้น แสดงให้เห้นว่า วัตถุประสงค์ ของการตั้ง ภาคค่ำ และ ภาคปกตินั้นต่างกัน โดยเงื่อนไข อยู่บน ความเป็นจริง

เด็กจบใหม่ ไม่มีภาระ ความรู้ยังแน่น สามารถต่อยอดความรู้เดิมได้ง่าย และเด็ก มันไม่มีเงิน เรือนแสนเพื่อนเรียนโท (ที่จุฬา จ่าย เช๊ค ครั้งแรก 1 แสนบาทเลยนะครับ) ดังนั้น ทางเลือก ปริญญาโทภาคปกติ จึงเหมาะสม

ผู้ใหญ่วัยทำงาน วัยสร้างตัว ยอมรับมาเถอะว่าความรู้มันเข้าหม้อไปหมดแล้ว ไม่สดเท่าเด็กจบใหม่หรอก แต่ประสบการณ์ในการทำงานคุณเพียบ แต่คุณอยากจะ upgrade เงินเดือน + ต่ำแหน่ง (เอาหละ จะมีใครบ้างไม่ยอมรับว่าเรียนโท เพื่อ 2 อย่างนั้นจริงๆ เหมือนกับ คนที่เรียน รด. ว่าเหตุผลจริงๆ คือ ไม่อยากเป็นทหาร หาใช่ อยากเป็นทหารนั้น) แต่ เวลาคุณไม่มี คุณลาออกมาเรียนไม่ได่ เพราะคุณมีภาระ มีลูก มีเมีย คุณมีเวลาแค่ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และหลังเลิกงาน คุณทำงานมีเงิน เป็นแสนแน่ๆ เพื่อที่จะเรียน ป.โทภาค ค่ำ ถ้าให้คุณไปสอบแข่งกับเด็กจบใหม่ คุณมีแต่ แพ้ๆ แพ้ แพ้ครับ เพราะความรู้คุณลงหม้อไปหมดแล้ว แต่เด็กจบใหม่ เหมือนสอบ Final อีกรอบ ดังนั้น ปริญาโทภาคค่ำ ที่สอบเข้าง่ายกว่า เพราะคนทำงานแข่งกันเอง และ อยู่ที่ความพร้อมด้าน สุขภาพการเงิน จึงเป็นทางเลือกที่ดีของคนทำงานครับ




 

Create Date : 29 มกราคม 2550   
Last Update : 29 มกราคม 2550 2:25:02 น.   
Counter : 35937 Pageviews.  


1. Intro มันต้องมีจุดเริ่มต้นสิ ชิมิ...

วันนี้ได้ฤกษ์ กวาดห้องทิ้งเอกสาร ซึ่งผมเก็บไว้ ตั้งแต่ตอนมัธยมต้น ยัน ปริญญาโท

ความทรงจำมีชีวิต ชีวิตวัยเรียน 21 ปี อยู่ในกระดาษ แบบเรียน ชีทเล็คเชอร์ ผมจำต้องทิ้ง (แม่นึกว่าเพาะพันธุ์หนูส่งออกในห้องนอน)

ทิ้งไปทีละชิ้น ทีละฉบับ มาจนถึงตอน ป.ตรี และมาถึง ลังสุดท้าย

ชีท ป.โท (TEXT ไม่ทิ้ง เสียใจด้วย มันแพง (ฮา).... )

ความทรงจำ ใน ป.โท นั้นอยากที่จะลืมเลือน ผมเองนั้น ไม่อยากให้ความทรงจำ รวมทั้งประสบการณ์ ที่ได้รับ ตลอด 2 ปี 8 เดือน นั้นหายไปกับ ถุงดำ และหายไปกับรถขยะ กทม ในตอนเช้า ของวันจันทร์ ตอนตี 5 กว่า (ข้าพเจ้าไม่เคยออกมาทันขยะสักรอบ)

ดังนั้น ไม่ให้เสียชื่อเสียงศาสตราจารย์เกรียติคุณ ด้านการวิจัยฝุ่น (Ph.D, Dust) ผมเลยจะเขียนบทความวิชาบวมฉบับนี้ ส่งเข้า ScienceDirect (กร๊ากๆ) เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ หัวเราะผมอย่างไม่ลืมเลือน (ฮา)

แรงจูงใจในการเขียน ซีรีย์เรื่องยาวเรื่องนี้

ครับ หลังจากที่ผมจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยที่มีร้านข้าวถูกที่สุดแถวเกษตร (ฮา) มาได้ 2 เดือน ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.62 ได้ประมาณ 1 เดือน ถึงเวลาแทนพระคุณบิดามารดา ด้วยการบวช ครับ ผมบวชให้คุณพ่อคุณแม่ ..

แล้วมันเกี่ยวอะไรหละกับเรื่องราวทั้งหมด

เกี่ยวสิครับ เพราะช่วงเวลาที่ผมบวชและเตรียมบวชนั้น อยู่ในช่วงที่บริษัทต่างๆ recruit คนเข้าทำงาน (มีนา - พฤษภาคม) ทำให้ผมพลาดการสมัครงานตรงนั้น ไอ้ครั้น จะ ห่มจีวร ไป สัมภาษณ์งานก็ดูไม่เหมาะ (เคยมีบริษัท ที่สมัครไว้ตอนเรียนโทรมาตอน ฉันเพล HR ฮาไม่ออก เพราะผมรับโทรศัพท์ ด้วยคำว่า ..."เจริญพร..โยม" วางสายแทบไม่ทัน ดีที่อีกวันมีกิจนิมนต์ไม่ว่าง ไม่งั้น หลวงพี่จะ walk in ที่ตึก SCB (ฮา) ....)

มีต่อ...
หลังจากที่ผมบวชได้ประมาณ 1 เดือน ผมก็ถึงฤกษ์สึก ออกมา โดยหวังว่า จะเริ่มต้นชีวิตใหม่

สิ่งแรกที่ผม ทำคือ เข้า check mail ครับ เพื่อดูว่า รอบ 1 เดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น

- เพือนผมเมลมาชวนไปกินหมูกะทะ ได้งาน
- เพื่อนผมเมลมาชวนผมไปเที่ยวทะเลกันครั้งสุดท้าย เพราะว่า มันได้งาน
- เพื่อนผม เมลมาบอกว่าได้งาน Dow chemcal
- เพื่อนผม เมลมาบอกว่าได้งานที่ scb
- เพื่อนผม เมลมาปรึกษาว่ามันได้เงินเดือน 11500 บาทที่แบงค์กรุงศรี หรือ จะเอาแบงค์กรุงเทพดีให้ 12500
- เพื่อนผมเมลว่า ได้งาน BTS
- cp เมลมาว่า ให้ไปสัมภาษณ์งานเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว
- ไทยประกันนัดสัมภาษณ์งานที่ สวนลุม ชั้น 14 Firm นะคะ ตำแหน่งโคตรผู้จัดการหัวใจ GTO
- และอื่นๆ อีกมากมาย

....................................นิ่ง...............................


เพื่อนกูมันได้งานกันแล้วอ่ะ แล้วกู หละ ....กูตกงานทำไม ทำไม ทำไม

สะเออะไปสมัครปูน ได้คำตอบที่ ฝังใจทุกวันนี้ เกรดคุณสมัครไม่ได้ 2.62 ที่นี้ ต้อง 2.7 ขึ้น

ไปสมัครแบงค์ (เงียบ...เพราะ เกรดน้อย)

ไปสมัครพวกวิเคราะห์ต่างๆ (คุณทำงานไม่ได้ เพราะคุณไม่ได้จบโท ) ... แต่ผมทำได้นิ ตอน จบ ผมก็วิเคราะห์เหมือนที่ พี่ทำงานอยู่ .....ก็บอกแล้วไงครับ ป.โท only

และบางที่ ผมก็ได้ไปสัมภาษณ์งาน เป็นบริษัท ผลิตเนื้อสัตว์แห่งหนึ่งที่นคร ปฐม

ตำแหน่งนักวิเคราะห์ ..... ยังจำความบัดซบได้ถึงทุกวันนี้

1. บ้านผมอยู่กรุงเทพมันเรียกสัมภาษณผมที่นครปฐม 7.30 น ตอนเช้า
2. เมือผมนัง บขส ไปถึง ปรากฎว่า มันให้ผมไปยืนรอนอกบริษัท เรียกเข้าไปสัมภาษณ์ตอน 9 โมงเช้า
3. คุยกันในรายละเอียด โอเค แต่ มีเรื่องจะเล่า
- มันบอกว่าที่จริง นครปฐม - กรุงเทพอยู่ใกล้กัน คุณควรจะมาเช้าเย็นกลับได้
- เงินเดือนทีเราคาดหวังคือ 15000 บาทเพราะต้องอยู่ต่างจังหวัด ทราบไหมมันให้เท่าไหร่ 7500 บาท ค่าหอ ? .... คำตอบที่ได้คือ ไม่มี และต้องหาเอง HR ที่นั้นบอกว่าเดือน 3000 กว่าบาท เอง น้องยังมีเงินเหลืออีก 4000 บาทไว้ใช้จ่าย (ดูแมร่งมันทำ)
- มันบอกที่เลือกผม เพราะว่าผมจบตรง จบสายนี้ตรงๆ แต่ มีปัญญาให้เงินเดือนเท่านี้

ช้ำไหมครับ ..................

ผมเองตกงานมาได้ประมาณ 6 เดือน เข้าเดือนที่ 7

และมรสุมที่เปลี่ยนชีวิตผมก็เข้ามา ....
เดือนที่ 7 เดือนแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิต

เอาหละนะครับ เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว ทำไมถึงต้องเล่า...

เชื่อไหม ครับว่าคนที่คิดจะเรียน ต่อ ปริญญาโท มันมีปม แทบทุกคน !!! ไม่โดนเด็กเข้าใหม่ เงินเดือนมากเท่ากับที่คุณทำมา 4 ปี หรือ โดนเขี่ยในการโปรโมทตำแหน่งและเงินเดือน

แฟนทิ้ง เพราะว่า จน มีไม่เท่าผู้ชายอื่น
เห็นถึงสถานะของคนที่จบโท ซึ่งต้องยอมรับจริงๆ นะว่าไม่เท่าเทียมกัน
เห็นถึงเพื่อนหรือน้องที่ทำงานในแผนกเดียวกัน ทำไม ออกรถได้ ทำไมซื้อบ้านได้ (ส่วนมากในกฎของบริษัทแทบทุกแห่งห้าม เล่าเรื่องเงินเดือนในที่ทำงานรู้)
ไปรวมรุ่นตอน ม.ปลาย ทำไมเพือนเงินเดือนสองหมื่นกว่าๆ ในขณะที่เราได้ 9 พัน

และอื่นๆ อีกมากมาย....

กรณีของผมเป็น 1 ในหลายกรณี แต่กรณีของผม รวมมิตรเลยครับ เริ่มตั้งแต่

1. แฟนนอกใจไปมีแฟนใหม่ เพราะว่าผมไม่มีเงินปรนเปรอเธอ และผม ไม่ได้ มีเงิน ฐานะ เท่าคนที่อายุ 30 ปี อันนี้ผมเองทราบจากเพื่อนของเขาถึงสาเหตุจริงๆ ที่เขาทิ้งไปเพราะว่าผมตกงาน และเรื่องเงิน

เงิน นะครับ สาเหตุของหลายๆ คนที่คิดจะมาเรียนโท

นี่ก็อีกเหตุหนึ่งเหมือนกัน

2. เพื่อนผมทำงาน ได้เงินเดือน 20000 25000 ในขณะที่เพื่อนผม สาย econ ได้เงินแค่ 9500 10500 บาท เพราะว่าเพือนผมที่ได้ สองหมืนนั้นเรียนสายวิศวะไงครับ แล้วลองมาดูสายสังคมบ้าง นายจ้างเห็นว่าสายนี้ไม่ค่อยมีคุณค่ากับบริษัท ทำ profit per labour unit ได้ต่ำกว่าสายวิศวะ (เรียนนายจ้าง คุณเอาข้อมูลนี้มาจากไหน คนที่กำหนด policy บริษัท พวกที่เป็น board ในบริษัท ก็พวกที่จบ mba จบ finance จบ econ ไม่ใช่หรอ)

ทำให้เด็กสายสังคม หันไปเรียนโท กัน ส่วนมาก สายวิศวะ มักไม่เรียนต่อ โท เพราะ ผลตอบแทนสูงอยู่แล้ว และ หลังจากการเรียนโท อัตราเงินเดือนของสายวิศวะ ป.ตรี และ โท ห่างกันไม่มาก

ในขณะที่สายสังคมศาสตร์ เงินเดือน ป.ตรี และ โท จะห่างกันประมาณ 5000 - 12000 บาทเลยทีเดียว หรือประมาณ 1.1 - 2 เท่า ซึ่งเป็นแรงจูงใจอย่างยิ่ง

3. ข้อจำกัดของ บางสาขาอาชีพ ต้องการคนจบโท (ถึงแม้คุณจะทำได้ตั่งแต่อยู่ ป.ตรี ก็ตามเถอะ) บริษัทส่วนมากดูกระดาษแผ่นเดียว

หลายเหตุผลที่ว่ามาทำให้เด็กจบใหม่ และ เก่า จำนวนมาก คิดอยากเรียนต่อ โท รวมทั้งผมด้วย แต่.......
มีหลายตอนครับ (เหอะๆ) เพราผมจะเขียนไม่ต่ำกว่า 12 กระทู้ครับ

อยากให้คนอื่น เขารู้ชีวิต ป.โทบ้าง จะได้ ทราบกันสะทีว่า

ในความเหมือน มีความแตกต่าง (เยอะด้วย) และ moojiw เองคิดว่า ในห้องนี้มีคนเรียนโท เกิน 30% แน่ๆ อยากให้ทุกคนมาแชร์ กัน ส่วนผม จะเล่า ตั้งแต่

1. ปฐมบท
2. อยากเรียน ทำไง ป.โท ดีอะไร
3. การหาที่เรียน
4. การสมัคร + จดหมาย recommented
5. การสอบ
6. การปรับตัว
7. Course Work
8. การเรียนสไตล์ภาคปกติ vs ภาคพิเศษ
9. สอบย่อย quiz midterm final oral comprehensive
10. เกรด
11. กิจกรรมระหว่างเรียน TA RA
12. สังคมเพื่อน
13. ตรรกะการคิดของเด็ก ป.โท และ ตรี ต่างกันเห็นๆ !
14. เมื่อขึ้น ปี 1 เทอม 2 หัวข้อ THESIS
15. ว่าด้วย proposal
16. ว่าด้วย ขบวนการ ทำ thesis ความกดดันหลายๆ อย่าง
17. การคิดฆ่าตัวตาย การสิ้นหวัง ความท้อแท้ ปัญหาทางด้านการเงิน
18. ทุน ทุน ทุน need more capital ?
19. ระหว่างทำ THESIS และปัญหาที่เกิดขึ้นทุกรุ่น
20. สอบ defense เล่ม
21.จะปิดเล่ม
22. เตรียมเป็น บัณฑิต
23. หางานทำ แล้วหลักการคิดในการหางานทำ

ที่นึกออกก็ 23 เรื่องนี่แหละครับ จะพยายามมาลงให้หมด ถ้าผม ทำครบ 22 บทได้ จะรวบรวม 23 บท ทำเป็น e-book ไว้ให้อ่าน

อย่างน้อย ผมเอง เป็นคนมีปม มาตั้งแต่ไหนแต่ไรมามีคนดูถูกเรื่อยมาจากแรงผลักดันนี่เอง ทำให้ผม แกร่งอย่างทุกวันนี้ได้

อย่างน้อย สิ่งที่ผมทำนี้ ก็ทำให้ผมยังรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีคุณค่า ในขณะที่ หลายบริษัทเห็นใบสมัครงานผมเป็นขยะ (ฮา)




 

Create Date : 29 มกราคม 2550   
Last Update : 29 มกราคม 2550 2:19:54 น.   
Counter : 685 Pageviews.  



moojiw
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่หาผมเจอ และยอมเสียเวลาเข้ามาอ่านบล๊อคผม รูปสวยไหม หมูจิ๋วของแท้ ตัวนิดเดียว น่ารัก

จุบๆๆ รักทุกคน รักธรรมชาติ รักเด็ก (ประกวดเที่ยวหน้า จะปลอมตัวไปประกวด 555)
[Add moojiw's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com