" ข้าวต้องปลูก เพราะอีก 20 ปี ประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชากรคนไทยไม่ยอม คนไทยต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทย จะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราต้องปลูก......" พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการโคกภูแล จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. 2536
อยากทำบล็อคเกี่ยวกับในหลวงและข้าว ปรากฎว่าsearchไปมา เจอคุณ yyswim ทำไว้สมบูรณ์แล้วค่ะ เลยขอเชิญไปอ่านกันต่อที่นี่นะคะ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=yyswim&month=10-2005&date=31&group=6&gblog=11
จากเดิมที่เป็นคนชอบเรื่องการเกษตรมาก เรียนจบด้านนี้ด้วยล่ะ พอตกงานก็ศึกษาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ทำให้ประคับประคองตัวและสติให้สู้กับวิกฤตการณ์ในชีวิตได้ ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ได้งานแต่ก็พออยู่ได้ ไม่บ้าไปซะก่อนน่ะค่ะ
พอตกงานก็อยากทำการเกษตร อยากทำไร่ ทำสวนแต่ติดที่ว่าที่ดินไม่มีเลย ทุนก็ไม่มีจะไปทำที่ใหญ่ๆ ก็มาศึกษาการทำสวนครัวหลังบ้าน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่ผ่านมาถือว่าล้มเหลวซะมากกว่า เพราะหลายๆส่วน ทั้งไม่มีเวลาดูแล(หรือมีเวลาแต่ไมมีกะจิตกะใจจะดูแล ) สถานที่ไม่เหมาะสม(ดินทราย+มะม่วงต้นใหญ่คลุมที่) หมาที่บ้านลุยแปลง อีกอย่างก็คือจะทำหลังบ้านรกมากไม่ได้เพราะงูเห่าตาลาน งูสิง งูเหลือม เข้ามาในบ้านบ่อยๆ (งูเหลือมเคยตัวเดียวแต่ฝังใจกันไปทั้งบ้าน) ก็เรานี่ล่ะค่ะต้องเป็นคนไปตีงู เพราะกลัวจะมากัดลูก แต่การทำสวนก็พอเห็นผลได้บ้างกับผักผลไม้เล็กๆน้อยๆ อย่างมะละกอ พริก
กล้วยก็พอได้บ้าง แต่ไม่ได้ใส่ปุ๋ยเลยลูกเล็กลง
เมื่อออกมาก็จะแจกญาติบ้าง ตากเอาไว้กินเป็นขนมบ้าง ถ้ามีไปทำบุญก็จะแกงบวด เชื่อม หรือเอาไว้กินเป็นผลไม้ ช่วยไม่ให้ท้องผูก และได้วิตามินดีนักล่ะค่ะ
ปีที่ผ่านมาข้าวราคาแพงขึ้นคนหันมาปลูกข้าวกันมากขึ้น แถวๆบ้านจากบ่อปลาก็หันมาปลูกข้าว ญาติก็เปลี่ยนจากสวนผักมาปลูกข้าว แต่เป็นการปลูกเน้นขาย เน้นทำรายได้ ถ้าราคาตกไม่รู้ว่าจะปลูกกันอีกหรือเปล่า ผลจากการที่มีคนปลูกข้าวมากขึ้นสำหรับเรา มีบางอย่างที่ชอบมากคือ เวลาขี่รถมอร์เตอร์ไซด์ผ่านนาข้าว ยิ่งเวลาข้าวตั้งท้อง มันหอมเหลือเกินค่ะ กลิ่นข้าวเนี่ย ชื่นใจ หอมละมุน เวลาผ่านกับลูกก็จะให้ลูกสัมผัสกลิ่นของดอกข้าว หอมเหลือเกินค่ะ ชี้ชวนกันดูนาข้าวดอกข้าว มีความสุขเหลือเกิน แล้วก็ไปยืมหนังสือ "แป้งร่ำทำนา" จากห้องสมุด กศน. นครปฐมมาอ่าน เปิดปังคุงกับเจมส์ตอนปังคุงทำนา
ได้ผลดีนะคะ ลูกสาวลำดับขั้นตอนการทำนาได้แล้วก็รู้เรื่องของข้าวได้ดี ก่อนนี้ก็เคยอ่านเรื่องฮาร์วี่ย์ปลูกถั่ว(ฮาร์วี่เป็นแบดเจอร์ ปลูกถั่วขาว) จนลูกสาวอินมากอยากปลูกถั่ว แต่ปลูกถั่วเขียว แล้วก็ยืดตายไปเพราะแสงไม่พอ ถึงเรื่องข้าวปรากฎว่าคนที่อินมาจนอยากปลูกเองกลับกลายเป็นแม่ เพราะคิดถึงความหลังสมัยสาวๆ เคยไปฝึกงานที่ศุนย์วิจัยข้าวแพร่ ก็เคยเห็นเขาปลูกในกระถาง ในรองปูนได้รวงจนเกี่ยวกันมาแล้ว คราวนี้ทำไมเราจะปลูกเองไม่ได้ ดีกรีก็มีแต่ภาคปฎิบัติอ่อน อายชาวนามากๆ แถมช่วงนี้ฟิตทำปุ๋ยหมัก เนื่องจากเผาใบไม้ไม่ได้ เพื่อนบ้านเคืองค่ะ ยายได้หัวเชื่อพด. มาจากโรงเรียนเลยเอามาหมักซะ ไฟที่เคยมอดเลยลุกพรึ่บพรั่บ อยากปลูกข้าว อยากปลูกผักเอง(อีกแล้ว) อยากทำเกษตรพอเพียงตามรอยพ่อหลวง ก็เลยมาโพสถามหาเมล็ดข้าวในห้องต้นไม้ และได้น้ำใจจากเพื่อนในห้องส่งเมล็ดมาให้ ที่ดีใจสุดๆก็คือ สามี หาเมล็ดข้าวไร่จากบ้องตี้ไทรโยคมาให้ มิตรเก่าที่สนิทกันแบ่งปันมาให้ 1กิโลกรัมค่ะ เลยจัดการสั่งสามีหาไม้ไผ่มาล้อมรั้วด้วยเดี๋ยวลูกน้องลุยแปลงกันอีก
นั่งปักรั้วกันเอง ขุดหยอดข้าวกัน 3 คนพ่อแม่ลูก ยายแอบมาดูบ้างว่าทำไรกัน หมาก็คอยจะเข้ารั้ว ดีที่เข้าไม่ได้ ม่ายงั้นได้ตั้งกระทู้หาบ้านให้หมาแน่ๆ หยอดข้าวพร้อมถั่วเขียวด้วยค่ะ ให้เป็นปุ๋ยพืชสด ปลูกคู่กัน แล้วก็นั่งรอให้ข้าวงอก มาแล้วค่ะ งอกตามหลังถั่ว 2 วัน ดีใจที่สุด
อากาศร้อนมาก ต้องรดน้ำต้นข้าวทุกวันเลย กลัวสารพัดว่าข้าวจะยืด ล้ม ตาย แต่ก็ดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร พยายามเอาปุ๋ยน้ำชีวภาพมาราด หมักปุ๋ยพุงปลาไว้ ก็เอามาราดเพราะรู้สึกว่า ใบจะเขียวอ่อนๆ อาจจะขาดไนโตรเจน ช่วงนี้เมล็ข้าวหอมมะลิจากเจ๊ดา ข้าวหอมแดง+ข้าวเหนียวก่ำจากคุณนกฮูกสีน้ำตาลก็มา เราจึงนำไปปลูกในรองปูนและกาละมังที่เตรียมไว้ แต่ภาชนะไม่พอต้องไปเอาหม้อเก่ามาปลูกข้าวเหนียวก่ำ ซึ่งหม้อไม่มีที่ระบายน้ำทำให้ข้าวเหนียวกำงอกช้าและงอกน้อยกว่าข้าวอื่นๆ แต่ก็พอขึ้นให้ชื่นใจ เวลาผ่านไปได้สักระยะ ข้าวยังอยู่ดี ถั่วยังมีใบ ...
ข้าวไร่เป็นแถวเป็นแนว
ดูสภาพต้นมีความหวังค่ะ ส่วนที่เขียวและขึ้นดีก็มี ส่วนที่เขียวอ่อนและขึ้นน้อยก็มี คงจะต้องซ่อม แต่ต้องหาปูนขาวมาโรยไล่มดคันไฟซะก่อน
เข้าไปถอนหญ้าบ้าง เดินดูว่าจะซ่อมตรงไหนบ้าง ทำรั้วให้ดีๆ เดินทุกครั้งที่มีโอกาส มีความสุขจังค่ะ ชาวนาเค้าจะมีความสุขแบบนี้ไหมน้อ คงจะใช่นะคะ เห็นต้นไม้ของเราเติบโต
ส่วนในภาชนะปลูก ตอนแรกลุ้นมากเลยค่ะว่าจะขึ้นกันไหมที่ขึ้นชุดแรกก็เป็นข้าวหอมมะลิค่ะ คงเป็นเพราะในรองปูนสภาพเหมาะสมดี จึงขึ้นได้เร็วกว่าอย่างอื่น
ใส่ปุ๋ยน้ำเหมือนกันค่ะ ปุ๋ยหมักเป็นช้ามาก เลยยังไม่ได้ใส่ค่ะ ต้นโตแข็งแรงดี น่าชื่นใจ
ส่วนข้าวหอมแดงในกาละมัง มาเป็นที่2 เติบโตพอใช้ค่ะ ข้าวเหนียวก่ำในหม้อ (ขอโทษนะคะไม่มีกระถางจริงๆไม้ล้อมก็หมด) ลุ้นที่สุด แล้วก็งอกค่ะ ดีใจมากๆ
ข้าวหอมมะลิแดง ค่อยๆโตแล้วค่ะ สู้ๆ
น้องน้อยข้าวเหนียวก่ำ งอกมาทีละต้น 2 ต้น ต้องลงมานับทุกวัน ถึงจะขึ้นน้อย แต่ก็เริ่มแข็งแรงกันดี กำลังหาภาชนะใหม่ให้ค่ะ
ถึงแม้ข้าวในฤดูปลูกนี้ จะได้รวงหรือไม่ได้ จะโตเป็นต้นกันได้แค่ไหน แต่สิ่งนึงที่ได้และโตอยู่ในใจของเราและลุกตัวน้อยๆคือความรักในอาชีพเกษตกรค่ะ การทำนา ทำไร่ อยู่กับต้นไม้เป็นความสุขสงบ และชื่นใจยามเห็นต้นไม้โตขึ้นๆ แม้จะพบอุปสรรคต่างๆนาๆ ผู้ที่อ่อนแอก็จากไป แต่ก็มีต้นไม้ผ่านมาได้ จาก1 เมล็ดเกิดเป็น 1 รวงข้าว จากคนรุ่นเราไปสู่คนรุ่นลูก เป็นสิ่งที่แม่คนนึงได้สอนให้ลูกตัวน้อยๆฟังจากประสบการณ์จริงของเค้า บ่มให้เค้าเป็นคนที่สมบูรณ์ต่อไปค่ะ
ข้าวเอ๋ยข้าวสุก คนได้กินทุกบ้านทุกฐานถิ่นกว่าจะมาเป็นข้าวให้เรากิน ชาวนาสิ้นกำลังเกือบทั้งปี ต้องทนแดดทนฝนทนลมหนาว กว่าจะได้ข้าวจากนามาถึงนี่ คนกินข้าวควรคิดดูให้ดี ชาวนามีคุณต่อเราไม่เบาเลย
ข้าวทุกจานอาหารทุกอย่างอย่ากินทิ้งขว้างเป็นของมีค่า ผู้คนอดอยากมีมากนักหนา สงสารบรรดา เด็กตาดำๆ เชิญทานข้าวได้แล้วค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
|
เราเพิ่ง(สั่งเจฟ)เอาต้นพลับไปลงหลังบ้านสามต้น ไม่รู้จะรอดไหม เพราะตอนปลูก หลานไปช่วย(เขย่าต้นและขุดดินระเกะระกะ) ต้นไม้ไม่รู้บอบช้ำมากไหม
พ่อเจฟบอกว่า เอาต้นไม้ลงช้าไปแล้ว เลยเวลามาแล้ว เนี่ยะหน้าร้อนแล้วนะ เค้าต้องลงตอนปลายหนาว ทำไมเพิ่งมาบอก ตูจะรู้ไหมเนี่ยะ