ตะลอนไป...เพชรบุรี ตอน Nikon Trip
เมื่อวาน วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม

จะต้องบอกละเอียดขนาดนั้นทำไมกันละเนี่ย เหอๆ
แค่จะบอกว่า เมื่อวานได้มีโอกาสไปร่วมทริปถ่ายรูปกับห้องนิคอนของพันทิปที่จังหวัดเพชรบุรี

บรรยากาศสนุกสนานมากมายค่ะ คนเยอะมากๆ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปเจอหน้าค่าตาน้าๆ โปรๆ ทั้งหลายที่เคยแต่คุยกันทำความรู้จักกันผ่านตัวหนังสือในเว็บบอร์ด รู้สึกอบอุ่นมากๆ เรย...

เริ่มเล่าที่เช้าวันเดินทางเลยดีกว่า ตามกำหนดการ น้ายางแตกหัวหน้าทริปนัดเวลาหกโมงเช้าที่หน้าสนามศุภฯ เราก็เลยต้องเดินทางจากนครปฐมไปค้างหอพี่สาวตั้งแต่เย็นวันเสาร์ อีกอย่างเพราะงานนี้พี่สาวไปด้วย (เพราะโดนหลอกว่าจะให้ไปเป็นนางแบบ Portrait ) ก็เลยไปนอนด้วยแล้วเช้าก็ไปพร้อมกัน

วันนั้นต้องตื่นตีสี่ครึ่งเพื่อความชัวร์ เพราะเป็นทริปแรกก็เลยต้องเจียมเนื้อเจียมตัว ขืนไปสายคงดูไม่งาม ฮา....

แต่ตาเจ้ากรรมมันก็ดันข่มไม่ลง มาหลับเอาตอนเลยตีสามไปแล้วด้วยความเคยชิน แล้วตอนตีสี่ครึ่งนาฬิกา เอ้ย มือถือมันก็ดัง ตรี๊ด ตรี๊ด...ตรี๊ด ตรี๊ด... เราก็เลยต้องตื่นขึ้นมาอาบน้ำ (เย็นๆ) ฉะนั้นแล

อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ สองศรีพี่น้องก็ขึ้นแท็กซี่ไปยังจุดนัดหมาย ไปถึงตอนตีห้า ห้าสิบ ก็พบว่ามีคนมารออยู่ประปราย ฟ้ายังมืดไม่รู้ใครเป็นใคร เราก็ยืนรอเก้ๆ กังๆ กันสองคน ซักพักก็มีคนทยอยมาเรื่อยๆ แล้วรถก็มาตอนฟ้าสาง...รู้สึกจะ 6 โมง 45 (ทั้งที่น้ายางแตกบอกไว้ในกระทู้ว่ารถออกหกโมงครึ่ง )

กว่าจะรวบรวมพลพรรคกันครบก็เป็นเวลา 7 โมงเช้ากว่าๆ แล้วก็ได้ฤกษ์ออกเดินทาง

ไปถึงเพชรบุรีประมาณสิบโมง จุดแรกที่ไปแวะถ่ายรูปกันก็คือถ้ำเขาหลวง ซึ่งภายในถ้ำจะมีพระพุทธรูปมากมาย จุดเด่นของที่นี่ก็คือ จะมีอุโมงค์อยู่ด้านบน ทำให้แสงส่องลงมาได้สวยงาม แต่ตอนที่พวกเราไปนั้นลำแสงไม่ได้ส่องลงมาอย่างที่คาดหวังกันไว้

มีน้าท่านหนึ่งไปถามแม่ชีที่ดูแลภายในบริเวณนั้น แม่ชีท่านบอกว่าต้องเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แสงถึงจะส่องตรงลงมาพอดี น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

ในถ้ำเขาหลวงนี้เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปซักเท่าไหร่ เพราะว่าแสงน้อยมากๆ และเราก็ไม่มีขาตั้งกล้อง แถมใช้ฟิล์ม ISO 100 อีก รูปในถ้ำนี้เลยออกมาเบลอซะส่วนใหญ่ งือ...

อ้อ ลืมไป...ตอนที่เดินลงมาถึงปากถ้ำเราก็ต้องแปลกใจว่าใครมาจุดธูปเยอะแยะขนาดนี้ พอลงไปจึงถึงบางอ้อว่า น้าในกลุ่มเรานี่เองที่สร้างสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์ตระการตาขนาดนี้เพื่อจะได้ภาพสวยๆ

แล้วพอเราเดินไปถึง น้าเค้าก็เลยขอให้เรายืนอยู่ตรงบันไดปากถ้ำนั่นเองเพื่อเป็น Subject ในการถ่ายรูป ว่าแล้วก็มีกล้องหลายตัวเล็งมากันใหญ่ อิชั้นก็เลยต้องกลายเป็นนางแบบจำเป็น...ซะงั้น


ภายในถ้ำเขาหลวง





นี่บรรยากาศการถ่ายพอร์เทรต ที่เดียวกับที่เราไปยืนนั่นแหละ อิอิ




แล้วนี่ก็น้องคนหนึ่งที่ไปด้วย เห็นตัวแค่เนี้ยถ่ายรูปเก่งนะคะจะบอกให้...น้องมะพร้าวค่ะ




เมื่ออยู่ข้างในไม่ค่อยได้รูป เราก็เลยตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกดีกว่า เฮ่อ...




ออกมาแล้วก็มาถ่ายรูปเล่นกับคุณพี่สาว แล้วก็นั่งรอพวกน้าๆ เค้าทยอยออกมากัน ที่ถ้ำเขาหลวงนี้ก็เต็มไปด้วยลิง ป้ากำปงฯ บอกว่า ลิงที่นี่สุภาพที่สุดแล้ว แต่เรากับพี่สาวก็ยังไม่วายเกือบโดนลิงกัดอ่ะ บรึ๋ยยยยย สยองมั่กๆ

ลิงน่ารักๆ ก็มีเหมือนกันนะคะ




ออกจากถ้ำเขาหลวงก็ 11 โมงครึ่ง พวกเราไปกินผัดไทกันก่อนที่ร้านผัดไทท่ายาง ใกล้ๆ กับวัดใหญ่สุวรรณาราม หลังจากอิ่มหมีพีมันกันแล้ว เราก็ไปถ่ายรูปกันต่อที่วัดใหญ่สุวรรณารามหรือวัดสมเด็จเจ้าแตงโม (ที่เราเคยเรียนทักษะสัมพันธ์กันตอน ม. 1 จำกันได้มั้ยคะ อิอิ) ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญทางด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างยิ่ง เนื่องจากมีศาลาการเปรียญที่เป็นตำหนักเก่าของสมเด็จพระเจ้าเสือสมัยอยุธยา ซึ่งยังคงมีอายุยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน

และที่ศาลาการเปรียญนี้นะคะ ที่ประตูมีรอยขวานจามด้วย ไกด์กิติมศักดิ์ของทริปนี้ (เจ้าป้ากำปงพิราเทวี) เล่าประวัติให้ฟังว่า พม่ามาจามไว้เพราะคิดว่ามีสมบัติอยู่ข้างใน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าทำไมถึงมีแค่รอยเดียว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น...อืม น่าคิด...

ภายในศาลาการเปรียญนี่ก็สร้างความอึ้ง ทึ่ง (แต่ไม่เสียว) ให้กับเราอย่างมากมายเลยค่ะ เข้าไปแล้วขนลุก เมื่อได้เห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนลงบนไม้ ลวดลายทองที่เขียนไว้ที่ขื่อ แป เพดาน เรียกว่าทุกซอกทุกมุม ไม่มีส่วนไหนที่ว่างเปล่าไร้ลวดลาย เห็นแล้วก็ทึ่งในความวิจิตรงดงามของฝีมือช่างไทยในสมัยนั้น แม้ว่ามันจะเลือนรางไปตามกาลเวลานับร้อยปีก็ตาม

แต่น่าเสียดายค่ะ ที่ไม่ได้ถ่ายรูปข้างในมา เพราะเหตุผลเดิม... แสงน้อยไปหน่อย ถ้าจะถ่ายก็คงต้องใช้แฟลช เลยไม่อยากถ่ายเพราะถ่ายมาก็ไม่สวย อีกอย่างกลัวว่าแสงแฟลชจะทำปฏิกิริยากับลวดลายภายในอ่ะค่ะ...ไม่รู้คิดมากไปป่ะเนี่ยเรา... เลยถ่ายมาแต่ด้านนอก

ศาลาการเปรียญที่วัดใหญ่สุวรรณาราม

ประตูที่ถูกพม่าจามขวานไว้ค่ะ




ด้านนอกของศาลาการเปรียญ




ข้างในเค้าก็พอร์เทรตกันนะคะ






นอกจากศาลาการเปรียญแล้วก็มีโบสถ์ที่ประดิษฐานรูปเหมือนของสมเด็จเจ้าแตงโม และพระประธานที่แปลก คือมีนิ้วเท้าหกนิ้ว เจ้าป้ากำปงฯ บอกว่าช่างเค้าตั้งใจนะคะ แต่ด้วยเหตุผลกลใดนั้น...แหะๆ ฟังไม่ทันค่ะ

แต่ว่าเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่เราไม่ได้เข้าไปในโบสถ์เพราะมัวแต่ขลุกอยู่ในศาลาการเปรียญซะนาน จนหมดเวลา ก็เลยไม่ได้รูปพระพุทธรูปหกนิ้วมาฝากกัน ไว้ไปคราวหน้าจะแก้ตัวนะคะ


พอออกจากวัดใหญ่สุวรรณารามก็ไปที่เขาวัง หรือพระนครคีรี ตอนแรกก็มีการโหวตกันว่าจะเดินขึ้นหรือว่าจะนั่งรถรางขึ้นไป ตอนแรกเสียงส่วนใหญ่ยกมือว่าจะเดินขึ้น รวมทั้งเราด้วย แต่ไปๆ มาๆ ยังไงไม่รู้ สรุปกันว่าขึ้นรถรางเฉยเลย

แต่ก็ดีเหมือนกันค่ะ เพราะขืนเดินขึ้นไปดีไม่ดีอาจโดนลิงฉกกระเป๋ากล้องได้ เหอๆ


ในที่สุดเราก็ไปขึ้นรถรางไฟฟ้ากันซึ่งอยู่คนละด้านกับทางเดินขึ้นนะคะ ค่าโดยสารไปกลับ 30 บาท และค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์อีก 20 บาท รวมแล้วก็คนละ 50 บาท

นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้นั่งรถรางขึ้นเขาวัง รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะ ก็มันเจี๋ยว....อ่า

จำได้ว่าเคยไปเขาวังครั้งหนึ่ง นานมากกกกกกก ตอนนั้นไม่แน่ใจว่ามีรถรางรึยัง เพราะไม่เคยขึ้น เดินขึ้นไปขาลากกันเลยทีเดียว แต่ตอนนั้นยังเด็กๆ คงจะไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรมากมาย (มั้ง)

ภายในโดมที่จอดรถรางที่เราต้องไปต่อแถวรอ




ก็มีภาพบนเขาวังมาให้ชมกันซักเล็กน้อยนะคะ ไปคราวนี้ได้ภาพมาน้อยมาก แม้ว่าจะกดจนหมดฟิล์มไปสามม้วน!!! (เพราะว่ารูปส่วนใหญ่เป็นรูปพี่สาวอ่ะค่ะ ก็...นะ บอกเค้าว่าจะให้ไปเป็นแบบ ก็เงี้ยแหละ)









ลงมาจากเขาวังก็ห้าโมงเย็น เราก็เลยแวะซื้อโปสการ์ดกับแสตมป์ที่ร้านค้าด้านล่าง เพราะเห็นว่ามีตู้ไปรษณีย์อยู่ใกล้ๆ ว่าจะส่งไปให้คุณหมอฟันที่บุรีรัมย์กะคุณหมอหมาซะหน่อย คิดว่าเพื่อนคงปลื้มที่เรานึกถึงมัน

นั่งเขียนโปสการ์ดอย่างมีความสุขอยู่ดีๆ ก็มีน้าท่านหนึ่งมาตาม บอกว่ารอเราสองคนอยู่ กรรม...มดน้อยก็ต้องรีบปั่นใหญ่เลยสิคะ แล้วก็วิ่งกระหืดกระหอบไปขึ้นรถ แต่แล้วก็ยังออกรถไม่ได้ เพราะมีน้าคนนึงยังอยู่บนยอดเขา พอโทรไปถามก็ได้ความว่า รถรางไม่ยอมลงเพราะคนไม่เต็ม เป็นอันว่าเราก็หลุดพ้นข้อหาช้าที่สุดต้องให้คนอื่นเค้ารอไปได้อย่างหวุดหวิด อิอิ

กลับมาถึงกรุงเทพฯ ประมาณสองทุ่มครึ่ง เราก็ลาน้าๆ ทั้งหลายกลับ เป็นอันสิ้นสุดการตะลอนกับทริปนิคอนในครั้งนี้ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ เต็มไปด้วยความอบอุ่นแห่งมิตรภาพที่ไม่เสแสร้ง

...บางที การออกไปเจอผู้คน ออกไปเจอโลกใหม่ๆ ที่เรายังไม่รู้จัก มันก็ให้อะไรมากกว่าที่เราคิดนะ...



Create Date : 18 ธันวาคม 2549
Last Update : 21 ธันวาคม 2549 0:52:36 น.
Counter : 618 Pageviews.

4 comments
  
มีแต่คนไปเที่ยว

และแต่ละคนที่ไปก็ถ่ายรูปมาซะสวยเลย พูดแล้วก็อายตัวเอง

ว่าแต่ชอบย่อหน้าสุดท้ายที่มดเขียนอะ..

...บางที การออกไปเจอผู้คน ออกไปเจอโลกใหม่ๆ ที่เรายังไม่รู้จัก มันก็ให้อะไรมากกว่าที่เราคิดนะ...

มาพยักหน้าเห็นด้วยด้วยคนจ้ะ
โดย: อุรัสยา วันที่: 22 ธันวาคม 2549 เวลา:20:01:10 น.
  
มาพยักหน้าเห็นด้วยอีกคนครับ
โดย: วลีวิไล วันที่: 22 ธันวาคม 2549 เวลา:21:46:31 น.
  


merry christmas na ja
โดย: วลีวิไล วันที่: 25 ธันวาคม 2549 เวลา:11:00:04 น.
  
เข้ามาชมแบบเต็มๆ และเห็นด้วยกับบรรทัดสุดท้ายมั่กๆ ค้าบ
เพราะการออกไปเจออะไรใหม่ๆ จำเป็นมากๆ เลยนะ
สำหรับนักอยากเขียนแบบเราเนี่ย

ปล. สุขสันต์วันคริสมาสต์ค่า
โดย: สายลมโชยเอื่อย วันที่: 25 ธันวาคม 2549 เวลา:18:18:48 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มดน้อยต้อยตีวิด
Location :
นครปฐม  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Blog นี้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๙

-------------------------------------------------

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

ห้ามผู้ใดละเมิดโดยการนำรูปภาพและข้อความต่างๆ บางส่วนหรือทั้งหมดใน Blog นี้ไปเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ส่วนตัวหรือในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สูงสุด
::ผลงาน::
New Comments