ตะลอนไป...บุรีรัมย์ ตอน 4
วันที่ 8 ตุลา วันออกพรรษา

--ห้องนอนคุณหมอฟันจอมเฝ่อว ตอน 5:45 น.--

เราตื่นเพราะเสียงกุกกัก แทนที่จะเป็นเสียงโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกเอาไว้ คุณหมอฟันลุกไปอาบน้ำนั่นเอง

พวกเราทยอยกันตื่นและล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวไปใส่บาตรกัน ตามกำหนดการแล้วคุณหมอฟันบอกว่าจะไปใส่บาตรตอนหกโมงครึ่ง เมื่อทุกคนเสร็จธุระกันแล้วเราก็ออกเดินทางไปยังวัดอัมภาราม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก

--วัดอัมภาราม ตอน 6:40 น.--

ไปถึงวัดตอน 6 โมง 40 พวกเราก็ไปจับจองเก้าอี้ที่ทางวัดจัดไว้เป็นแถวยาวสองแถวกันสองตัวเพื่อวางของใส่บาตรของพวกเรา ประมาณ 7 โมงครึ่งพระก็ออกรับบาตร ชาวบ้านมาใส่บาตรกันเยอะเหมือนกัน บรรยากาศก็ไม่ต่างจากวัดบ้านเรานัก


ตื่นแต่เช้ามาตักบาตรเทโวด้วยใบหน้าอันสดใส ฮี่...



ซ้าย-ของใส่บาตร...สังเกตดีๆ นะคะ พรีเซนเตอร์แต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่แต่มีอยู่คนนึง โชว์สินค้ากลับหัวซะนี่...
ขวา-บรรยากาศภายในวัด ที่เห็นอยู่ลิบๆ โน่นคือโบสถ์จ้า...


เอาล่ะ...หลังจากที่อิ่มบุญกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องอิ่มท้องของจริงซะที

--ร้านชานนา ตอน 7:30 น.--

วันนี้คุณหมอฟันของเราขอแก้ตัวที่เมื่อวานได้แต่พาเพื่อนไปกินอาหารตามสั่งที่ร้านในโรงพยาบาล ก็เลยจะพาไปกินอาหารเช้าที่ร้านน่ารักๆ อีกร้านหนึ่ง ที่เจ้าถิ่นออกปากรับประกันว่าบรรยากาศดีมั่กๆ

คุณหมอฟันขับรถออกจากวัด ไม่ถึงสิบห้านาทีก็เลี้ยวเข้าไปจอดรถที่หน้าร้าน ชื่อว่า "ชานนา" เห็นภายนอกก็บรรยากาศดีจริงๆ อย่างที่คุณหมอฟันจอมเฝ่อวมันว่า เพราะอยู่ชานนาจริงๆ เลย (คือติดกับนา นั่นเอง) เราเลยถือโอกาสสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าที่นานน้าน.........จะได้สูดซักครั้ง (เพราะปกติไม่เคยตื่นเช้า ^^") ถือว่ามาคราวนี้ได้เติมพลังชีวิตอย่างเต็มที่จริงๆ

เดินเข้าไปในร้าน พวกเราก็กระดี๊กระด๊า เพราะว่าร้านเค้าตกแต่งได้อย่างน่ารัก และลงตัว ไม่น่าเชื่อว่าในหัวไร่ปลายนาอย่างงั้นจะมีร้านอาหารที่น่ารักและสวยงามอย่างนี้ตั้งอยู่ คุณหมอฟันเล่าให้พวกเราฟังว่า เจ้าของเค้าทำแค่ขำๆ คือไม่ได้หวังกำรี้กำไรอะไร (ก็แน่ล่ะ...หากว่าหวังกำไรแล้วล่ะก็คงไม่มีจะให้หวังหรอก เพราะผู้คนแถวนั้นก็มีแต่ชาวไร่ชาวนาเป็นส่วนใหญ่ ใครที่ไหนจะมานั่งจิบกาแฟ สั่งอาหารในร้านแบบนี้) และวางแผนจะทำรีสอร์ทเล็กๆ ในอนาคต นั่นก็ทำให้ต่อมจินตนาการของพวกเราบรรเจิดขึ้นมาทันที นึกอยากจะมีร้านกาแฟน่ารักอย่างงี้กันคนละร้านกันเลยทีเดียว (แต่ก็ได้แค่ฝันกันต่อไป...ใช่มั้ยเพื่อน)



ไม่รู้ว่าพวกเรามาใช้บริการที่ร้านเค้าเช้าเกินไปรึเปล่า แต่ถึงกระนั้นเจ้าของร้านก็ยังให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี คุณหมอฟันแนะนำว่าไข่กะทะอร่อย พวกเราก็เลยสั่งกันไป 2 ที่ และข้าวต้มเครื่องอีก 2 ชามมาแบ่งกัน ส่วนคุณเซลส์สุดสวยก็ขอสั่งแค่ซีเรียลกับนมเท่านั้น

ระหว่างที่รออาหาร พวกเราก็ใช้ร้านชานนาเป็นสตูดิโอถ่ายภาพกันยกใหญ่ กล้องสามตัว แข่งกันรัวกดชัตเตอร์กันอย่างเมามัน แหม...ก็มุมในร้านมันน่าถ่ายรูปจริงๆ นี่นา ^^


นี่คือตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้นนะคะ ^^


พออาหารยกมาเสิร์ฟ พวกเราก็หยุดการถ่ายรูปโดยอัตโนมัติ ตัวเราเองเพิ่งจะเคยกินไข่กะทะเป็นครั้งแรก รสชาติก็ไม่เลว ส่วนข้าวต้มเครื่องก็อร่อยไม่แพ้กัน เราเลยจัดการไปคนเดียวทั้งชามเลย ^^" (ก็ถามแล้วว่าจะมีใครแบ่งมั้ย ก็ไม่มีใครเอานี่นา ช่วยไม่ได้ เหอๆ)

กว่าพวกเราจะเคลื่อนพลออกจากร้านชานนาได้ก็เป็นเวลาเกือบ 9 โมงเช้า ซึ่งหมอแนนก็ต้องโทรไปเช็คที่โรงพยาบาลว่ามีคนไข้มารอรึยัง เนื่องจากเธอเข้างานสายแล้วนั่นเอง (อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ) แต่เมื่อได้รับคำตอบว่าไม่มี พวกเราจึงไปแวะซื้อกล้วยทอด ผลิตภัณฑ์ OTOP ของที่นี่ ความจริงคุณหมอฟันพาเรากับอีกสองสาวไปซื้อมาส่วนหนึ่งตั้งแต่เมื่อวานหลังจากกินข้าวเหนียวส้มตำแล้ว พี่อรุณ ผู้ช่วยหมอฟันที่ไปด้วยกัน พาพวกเราเข้าไปซื้อถึงในหมู่บ้านกันเลยทีเดียว มันเป็นกล้วยคล้ายๆ กล้วยฉาบ แต่ไม่ได้ฉาบน้ำตาล รู้สึกว่าจะใช้กล้วยสุกมาฝานบางๆ แล้วนำไปทอด เลยมีรสหวานจากกล้วยธรรมชาติ อร่อยไปอีกแบบเหมือนกัน วันนี้สองสาวเลยติดใจซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากมิตรรักแฟนเพลงทั้งหลายคนละกิโล เพราะตอนเที่ยงๆ ราชรถก็จะมารับสองสาวนี่กลับกรุงเทพฯ กันแล้ว ส่วนเราอยู่เป็นเพื่อนคุณเซฟตี้ตัวอ้วนอีกวัน เพราะเธออุตส่าห์ลงทุนลางานวันจันทร์มาเลยทีเดียว

หลังจากที่ซื้อของฝากเสร็จ คุณนิสิต ป.โท และคุณเซลส์สุดสวยก็ไปเก็บสัมภาระเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ ส่วนเรากับคุณเซฟตี้ตัวอ้วนหลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้ว (เพราะเมื่อเช้าตอนไปวัดไม่ได้อาบ เหอๆ) ก็นึกสนุกเข้าไปตีปิงปองกันในห้องฟิตเนสใต้แฟลตนั่นเอง ตีกันจนได้เหงี่อมาอีกรอบแล้วก็มารออยู่ที่ห้องฟันกับอีกสองสาวที่ล่วงหน้ามาก่อนนานแล้ว ตอนนี้นี่เองที่มีคนไข้เด็กรายหนึ่งหลงมาเป็นเหยื่อของคุณหมอฟันในโหมดนางมาร พวกเราแอบดูคุณหมอฟันทำงานด้วยอาการอารมณ์เสียเพราะคนไข้เด็กนั่นออกอาการงอแงโดยไม่มีเหตุผล ...หากภาพหมอฟันที่ทำให้เรารู้สึกทึ่งและชื่นชมเมื่อวานนี้เป็นภาคของพระอุมาเทวี ไอ้ภาพที่พวกเราสี่คนเห็นอยู่ในตอนนี้ก็คงจะเป็นภาคเจ้าแม่กาลีเป็นแน่แท้ทีเดียว...O_o

พอเที่ยง ราชรถของสองสาวก็มาจอดรออยู่ที่หน้าแฟลต เราทั้งห้าสาวเลยพากันเดินมา และถ่ายรูปรวมกันห้าคนอีกครั้งก่อนกลับ โดยมีผู้ชายคนนั้นของคุณนิสิต ป.โท เป็นตากล้องกิติมศักดิ์



หลังจากส่งเพื่อนรักทั้งสองกลับไปแล้ว เรา หมอแนน และคุณเซฟตี้ตัวอ้วนก็ไปกินมื้อกลางวันกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้ๆ โรงพยาบาลนั่นเอง แล้วก็ตอนนี้หละที่เราได้สัมผัสสายฝนของบุรีรัมย์เป็นครั้งแรก...

เสร็จจากมื้อกลางวันเราสองสาวที่เหลืออยู่ก็มานั่งเล่นอยู่ที่ห้องฟันอีกครั้ง ตอนแรก plan กันว่าจะให้คุณหมอฟันขึ้นไปส่งไว้บนเขา เพราะคุณเซฟตี้ยังไม่ได้ขึ้นไปชมความสวยงามอลังการของปราสาทหินพนมรุ้งเลย แต่บ่ายนั้นคนไข้ของคุณหมอฟันเยอะมากๆ ไม่มีช่วงว่างให้พักหายใจ แถมฝนก็ยังเป็นใจ เทลงมาซะอีกด้วยแน่ะ โปรแกรมของเราก็เลยทำท่าจะล่ม ทำเอาคุณเซฟตี้หงุดหงิดกันไปเลยทีเดียว

--ห้องฟัน โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติบุรีรัมย์ ตอน 15.00 น.--

ฝนหยุดแล้ว...และคนไข้ของคุณหมอฟันจอมเฝ่อวก็ซาไปพร้อมกับฝนพอดี หมอแนนจึงพาพวกเราสองคนไปปล่อยไว้บนเขา แล้วตัวเองก็ลงมาทำงานต่อ และบอกว่าเย็นๆ จะขึ้นมารับแล้วไปหาอะไรกินกันที่นางรอง เพราะต้องไปรับเพื่อนหมอฟันอีกคนหนึ่งซึ่งกลับมาจากบ้านพอดี

เราจึงได้ขึ้นไปถ่ายรูปปราสาทหินพนมรุ้งอีกครั้ง หากคราวนี้ไปกันเพียงสองคนกับคุณเซฟตี้ตัวอ้วน เลยมีภาพเดี่ยวของ she ซะส่วนใหญ่ พวกเราถ่ายรูปกันจนเย็น พอหมอแนนเลิกงานก็ตามมาสมทบและแจ้งให้ทราบว่ากำหนดการนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะเมย์ หมอฟันอีกคนมีพี่หมอคนหนึ่งไปรับมาแล้ว และพวกเราก็คงไม่ได้ไปกินข้าวที่นางรองกันอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก


ระหว่างที่เราเดินถ่ายรูปกับคุณเซฟตี้ก็เจอทางไปบารายหรือปากปล่องภูเขาไฟที่คุณนิสิต ป.โทอยากจะไปดู ก็เลยถ่ายรูปมาเยาะเย้ย อิอิ




หลังจากฝนหยุดแล้ว ฟ้าก็ใสได้แป๊บนึงก็เลยได้รูปที่ถ่ายจากเงาสะท้อนในสระบัวหน้าปราสาทนั่นเอง รูปล่างนี่โดนใจสุดๆ อิอิ


พวกเราสามคนถ่ายรูปกันต่อจนเย็น และรอดูพระอาทิตย์ตกอีกครั้ง เผื่อจะมีรายการฟลุคได้เห็นแบบเมื่อวานอีก ที่หน้าปราสาทก็มีคนที่คิดเหมือนเรามายืนรออยู่ประปราย ไม่หนาแน่นเหมือนเมื่อวาน แต่ว่าดูท่าแล้วโชคจะไม่เข้าข้างพวกเรา เพราะเมฆหนาจนไม่เห็นแม้แต่แสงสีทองๆ เหมือนเมื่อวาน เราก็เลยลงจากปราสาทกันมาเมื่อเวลาพลบค่ำ และคุณเซฟตี้ตัวอ้วนก็แวะดูของที่ระลึกที่มีร้านเรียงรายกันอยู่ตรงทางขึ้นนั่นเอง และเธอก็ได้ของฝากมาหอบเบ้อเร่อเพื่อนำไปฝากมิตรรักแฟนเพลงของเธอ เพื่อเป็นการยืนยันว่ามาถึงปราสาทหินพนมรุ้งจริงๆ

--ร้านชานนา (อีกครั้ง) ตอน 18:30 น.--

คุณหมอฟันขับรถพาพวกเรามาที่ร้านชานนาอีกครั้งเพื่อรับประทานอาหารเย็นพร้อมกับพี่ๆ หมอที่โรงพยาบาลอีกสามสี่คน รวมทั้งเมย์ หมอฟันอีกคนหนึ่งด้วย นอกจากไข่กะทะและข้าวต้มเครื่องแล้ว ผัดกะเพรากุ้งที่นี่ก็อร่อยไม่เบาทีเดียวเชียวแหละ...

นอกจากอาหารคาวจะอร่อยแล้ว วันนั้นเรายังมีลาภปากอีกก้อนคือช็อคโกแลตมูส ที่เมย์ทำเองและเอามาให้ลองชิม มีแต่คนบอกว่าเมย์น่าจะทำขาย รับรองขายได้อย่างแน่นอน เราก็เห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะมันอร่อยจริง! (ฝากบอกเมย์ด้วยนะแนน ^^)

--แฟลตหมอ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติบุรีรัมย์ ตอน 19:30 น.--

เรากับคุณเซฟตี้ตัวอ้วนตกลงนัดแนะกันตั้งแต่ที่ร้านชานนา ว่ากลับมาจะดวลปิงปองกันอีกซักยกก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำนอนอย่างมีความสุข ลงจากรถได้ เราสองคนก็ตรงดิ่งเข้าไปในห้องฟิตเนส แล้วเราก็ได้ยินเสียง "ตั้บๆๆๆ" เราแหงนหน้าขึ้นไปมองเพดานก็ต้องตกใจพร้อมๆ กับที่คุณเซฟตี้กระโดดมาเกาะแขนพร้อมเสียงร้อง จะอะไรซะอีกล่ะ "ตุ๊กแก" ตัวเท่าแขน ลายพร้อย เกาะอยู่บนเพดานนั่นเอง และไอ้เสียงที่เราได้ยินก็คือเสียงวิ่งของมันนั่นแหละ (บรึ๋ย...นึกแล้วขนลุก ถ้ามันวิ่งๆ ไปแล้วร่วงลงมา จะทำไงกันละนี่ O_o) เราสองคนยืนแข็งเป็นหินกันเลยทีเดียว หลังจากช็อคกับตุ๊กแกสองตัวหน้าห้องหมอแนนเมื่อคืน เราก็ไม่ได้เตรียมใจที่จะพบเจอเจ้าสัตว์ร่วมโลกชนิดนี้ในห้องฟิตเนสอย่างงี้อีก แต่ในที่สุด เราสองคนก็วิ่งจู๊ดออกมาจากห้องนั้นได้โดยสวัสดิภาพ โดยที่หมอแนนและหมอเมย์ยังคงยืนงงอยู่ตรงบันไดว่า ไอ้สองคนนี้มันเป็นอะไรกันถึงได้ร้องเสียงลั่นซะขนาดนั้น ^^"

สองสาวนักกีฬาเลยหมดมู้ดจะตีปิงปองกันไปเลย...

เมื่อไม่ได้ออกกำลังกายอย่างที่ตั้งใจ ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าแล้วรอดู "ขิงก็รา ข่าก็แรง" ตอนอวสาน โชคดีที่โทรทัศน์ที่นี่ชัดใสยิ่งกว่าบ้านเราซะอีกนะ แถมมีเคเบิ้ลทีวีให้ดูด้วย ไฮโซซ้า...พวกเราจึงวางใจกันว่า หมอแนนมาอยู่ที่นี่ไม้ได้ลำบากลำบนอย่างที่จินตนาการไว้แต่แรก หนำซ้ำยังสะดวกสบายกว่าอยู่ที่บ้านเป็นไหนๆ (บ้านเรานะ ^^)

สรุปแล้วคืนนั้น เราสามสาวก็ดูละครตอนจบและเม้าท์กันต่อจนเที่ยงคืน จึงได้แยกย้ายกันเข้านอน เป็นอันจบไปอีกหนึ่งวันของทริปนี้...

แต่...ยังไม่จบนะคะ พรุ่งนี้สองสาวก็จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ แล้ว จะทุลักทุเลหัวหกก้นขวิดกันขนาดไหน โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ ^^




Create Date : 18 ตุลาคม 2549
Last Update : 22 ตุลาคม 2549 23:28:59 น.
Counter : 367 Pageviews.

3 comments
  
ตัวตั๊ว เค้ามองไม่เห็นรูปง่ะ
โดย: สายลมโชยเอื่อย วันที่: 18 ตุลาคม 2549 เวลา:21:31:41 น.
  
ง่ะ รูปมันเล็กไปเหรอ ก็กลัวจะโหลดกันนาน...
โดย: มดน้อยต้อยตีวิด วันที่: 19 ตุลาคม 2549 เวลา:19:50:40 น.
  
รูปมันไม่ได้เล็กนะตัว
แต่ว่ามันไม่โชว์เลยแหละ แหะๆ

อยากเห็นๆๆๆ
ปรากฏกายโดยด่วนเลยน้า ไม่งั้นโป้งด้วย
โดย: วลีวิไล วันที่: 22 ตุลาคม 2549 เวลา:16:58:41 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มดน้อยต้อยตีวิด
Location :
นครปฐม  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Blog นี้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๙

-------------------------------------------------

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

ห้ามผู้ใดละเมิดโดยการนำรูปภาพและข้อความต่างๆ บางส่วนหรือทั้งหมดใน Blog นี้ไปเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ส่วนตัวหรือในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สูงสุด
::ผลงาน::
New Comments