Group Blog
 
All Blogs
 
D+Brake .................(3/3)

(ต่อ)







ความคิดเห็นที่ 116

ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ครับ
ผมนำเสนอข้อมูล มีวิธีคิดด้วยหลักและเหตุผลประกอบกัน
และยังนำข้อมูลจากโรงงานเอามาใช้อ้างอิง
เพื่อจะบอกว่า

การเข้า D+brake รถมันไม่ได้กินน้ำมันเพิ่ม

ผมไม่ได้จำกัด หรือมีกฎเกณฑ์ สร้างกรอบขังความคิดให้จำกัดว่า
valid สำหรับ- รถแบบไหน รถของผม หรือ รถใคร specific อย่างนั้นไม่ได้ครับ

เพราะเราจะต้องเสียเวลา พูดกันทีละคัน ....รับรองไม่จบแน่ ... ชาตินี้

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 11 ก.พ. 52 11:00:32 ]







ความคิดเห็นที่ 117

กินเกลือแร่นะครับท่าน
ป้าผม อายุราวเจ็ดสิบ ตายไปเพราะท้องเสียเนี่ย (แต่แกอ้วน มีโรคหัวใจ)

จากคุณ : อ (อากง) - [ 11 ก.พ. 52 11:03:49 ]







ความคิดเห็นที่ 118

ผมนำเสนอเป็นลำดับนี่ครับ
แล้ว ยินดี ท้าให้จับผิด ตรงไหนผิด ก็เอามาซักค้าน เอาให้ลึกถึงรากถึงโคนก็ยินดี แล้วท่านทั้งหลายเล่นห้องอื่นๆ ท่านเคยเจอ เจ้าของกระทู้ ที่ใจกว้างเปิดใจให้รุมกันซักถาม แล้วเจ้าของกระทู้เพียรพยายามจะตอบ จะอธิบายด้วยภาษาง่ายๆ แม้บางเรื่องจะอธิบายได้ยาก เพราะมันมีความซับซ้อนอยู่ในตัวเอง เราจะเอาความรู้สึกมาอธิบายไม่ได้ บางทีและหลายทีมันขัดกับความรู้สึก ....
...พอคุยกันลงลึกเข้าหน่อยเดียว ผมเห็นท่าจะไม่ได้การ
กระบวนการความคิดมันฟุ้งกระจาย เตลิดออกไปมากๆ ราวกะ"ตัวต่อแตกรัง" จะคุมไม่อยู่ เราจะบรรลุถึงข้อสรุปได้ยาก

อาทิ เรื่อง ECU ที่ควบคุมหัวฉีด การสั่งการ การตรวจสอบ ที่ผมเรียกเล่นๆว่า auditor นั่นแหละ ที่มันจะทำให้การควบคุม == แม่นยำ
เราจะละเลยไม่ได้ ที่จะต้องกล่าวถึง พอผมเห็นอย่างนี้

ผมก็เสนอให้ "ตัดความซับซ้อนของ ECU" ออกทิ้งไป
เรามาดูรถ คาร์บู ซึ่งกลไกมันง่ายกว่ามาก ตรงไปตรงมา

เมื่อดูรถ คาร์บู เราดูได้ง่ายมาก เด็กก็เข้าใจทันที
เราจะบรรจุข้อสรุปเบื้องต้นว่า รถคาร์บู

"D+brake ไม่มีการฉีดน้ำมันเพิ่ม"

ต่อไป คุณถังจะเอารถหัวฉีด เรื่อง ECU มาคุย มาถกกันก็ได้
เอาเรื่องซับซ้อน ซ่อนเงื่อนที่ผมล้อเลียนนักกวนเมืองว่า Hidden Agenda นั่นปะไร

ซึ่งคณถัง ก็ออกมาบอกว่า Hidden บ้า บอ คอแตกอะไร
ช่างกลฯ อย่าเอามาหลอกเด็กเลยปะ Hidden อะไรๆ ก็เอามาแฉหมดสิ้นแล้ว ...... พอได้ฟัง(อ่าน) อย่างนี้
ผมก็เบาใจ โล่งอก เพราะเราะจะเริ่มเจาะลึกแล้วนะ

อะไรกัน พอผมแง้ม Hidden ออกมาสองสาม topic
คุยกันเรื่อง Load Transient เริ่มต้นก็ต้องนิยาม ต้องอธิบายเสีย 2 รอบ
(ไม่เชื่อย้อนไปดูข้างบน)
ไม่เป็นไร ผมก็เป็นผม ลองตั้งใจแล้ว อะไรยากก็จะทำให้ง่าย
ก็พยายามเหลือเกินที่จะทำความเข้าใจให้จงได้

พอคุณถัง บอกว่า "มี Load กับ ไม่มี Load แล้ววัดได้ rpm เท่ากัน"
ผมก็เอะใจ เอะ ที่คุณถังบอกว่า เข้าใจลึกในจุดที่ซับซ้อน ก็แฉได้หมดนี่นะ
คุณถังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ?
เพราะประโยคที่ว่า มีโหลดแล้ว รอบคงที่ นี่มันไม่ใช่ governor ของรถธรรมดานะครับ มันเป็น Governor ระดับเทพ เชียวครับ

ผมถึงต้องถามคุณถังว่า Governor ของคุณเป็นแบบไหน ?? ถึงทำได้อย่างนั้น .....คำถามนี้เพื่อความเข้าใจ ไม่ใช่จับผิด
นอกจากนี้ เพื่อเสริมความเข้าใจว่า
การทดสอบกราฟ HP เขาได้ตัวเลขที่จุด Max และจุด min ต่ำสุดที่รอบ idle
ถามว่าที่ idle-HP เขาเปิด WOT หรือ เปิด Throttle อย่างไร
คำตอบอันนี้ จะนำไปสู่ความเข้าใจและตอบคำถามให้เป็นประโยชน์กับคุณถังเอง ไม่ใช่ประโยชน์ของผม

ถ้าคุณถังจะเข้ามาซักค้าน ก็ควรจะคุยกันให้จบ
ผมไม่อยากทิ้งประเด็นข้องใจ ค้างไว้ คุณถังอย่าบอกว่า
คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะผมคุยเรื่องคาร์บู แต่คุณคุยเรื่องหัวฉีด
เพราะผมไม่ได้ตัดบทว่าเลิกคุยเรื่องหัวฉีด แต่ผมเลือกที่จะเริ่มต้นให้เข้าใจเสียก่อน แล้วจึงจะเอาเรื่องซับซ้อนมาคุยกัน

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 11 ก.พ. 52 11:31:55 ]







ความคิดเห็นที่ 119

ขอบคุณ อากง ครับ แม่บ้านผมเอาน้ำเกลือแร่มาให้ดื่ม รสชาติดีอร่อยครับ

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 11 ก.พ. 52 11:36:15 ]







ความคิดเห็นที่ 120

คุณ ช่างกล-หนุ่ม หมายความว่า

"รถทุกคันเข้า D+brake รถมันไม่ได้กินน้ำมันเพิ่ม"

หรือเปล่าครับ

จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ - [ 11 ก.พ. 52 11:39:35 ]







ความคิดเห็นที่ 121

ผมจับประเด็นข้อโต้แย้งได้อย่างนี้ ไม่ทราบจะถูกไหม ?

ผมนำเสนอข้อมูล ด้วย logic + เหตุผล และ มีข้อมูลรายละเอียดการทำงานของ ECU จากโรงงานมาประกอบ และไม่มีตรงไหนที่เขาตั้งใจจะทำ Idle up สำหรับฉีดน้ำมันต่อเนื่องเมื่อเข้า D+brake
เขาเพียงแต่ทำ extra option บางรุ่น เอาไว้ฉีดนิดเดียว

ฝ่ายค้านโดยคุณถัง เป็นส่วนใหญ่ ออกมานำเสนอ ข้อมูลตัวเลขค่าที่วัดได้จริงๆ ว่า หัวฉีดมี duration การฉีดที่นานขึ้น นัยว่า
เปลืองน้ำมันมากกว่า ทดสอบโดย
"เปิดแอร์" + เข้า D+brake โดยย้ำว่า เปิดแอร์จนได้เย็นเต็มที่แล้ว
(ผมเก็บความสงสัยอยู่ในใจ คุณไปเปิดแอร์ทำไม มันจะมีปัจจัยอื่นเข้ามากวนการทำการวัด แน่นอน ครับ )

ข้อมูลของฝ่ายค้าน ย้ำแบบกระต่ายขาด้วนว่า ตัวเลขแม่นยำ
พูดง่ายๆว่า เอาตัวเลขมายืนยัน แต่ผมบอกว่า ควรจะทดสอบตรวจสอบความถูกต้องเสียก่อน
โดยเสนอให้ บอกว่า
- Feedback ว่าเป็นอะไร ????
-แล้วขอให้ ตรวจสอบข้อมูลจาก Manual ว่า โรงงานเขาบอกตรงไหนว่า
เข้า D+brake แล้วจะมี duty control สั่งให้มันฉีดน้ำมันเพิ่ม
ตัวนี้จะเป็นการตรวจสอบความเข้าใจว่า เราอ่านเครื่องวัด และเอามาใช้ประโยชน์ได้

และควรจะรู้ว่า

Instrument จะดีอย่างไรก็ตาม เขาใช้มัน inspector คือ ใช้วัดเพื่อตรวจสอบ .... ใช้จับผิด วัดหาว่า ค่าที่เป็นจริง มันสอดคล้องกับ design หรือไม่

เขาไม่ได้ใช้ Instrument วัดค่าได้ตัวเลขออกมายืนยัน "ความเชื่อ" ของใครคนใดคนหนึ่ง ครับ

ตรงนี้คือประเด็นสำคัญ
ฝ่ายค้านใช้วิธี "อ้างตัวเลข ---> สนับสนุนความเชื่อ"

ส่วนผมกำลังขอให้ท่านตรวจสอบ ก่อนที่จะนำเสนอต่อสาธารณะ ครับ

ลองคิดดูนะครับ

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 11 ก.พ. 52 11:51:04 ]







ความคิดเห็นที่ 122

ผมก็ยังตามอ่านอยู่ด้วยคนนึง นะครับ :P

จากคุณ : director - [ 11 ก.พ. 52 11:59:02 ]







ความคิดเห็นที่ 123

คุณ ช่างกล-หนุ่ม หมายความว่า

"รถทุกคันเข้า D+brake รถมันไม่ได้กินน้ำมันเพิ่ม"

หรือเปล่าครับ

>>>>>>>>>>>>

ครับ เพราะมันไม่มีกลไก หรือ คำสั่งให้ฉีดน้ำมัน compensate Load ตัวนี้
ลองอ่านรายละเอียดใน Manual จะไม่พบ duty control สั่งการตัวนี้

ถ้าคุณใช้ instrument ใดๆวัดตัวเลขออกมาแล้ว=กินเพิ่ม
คุณต้องตรวจสอบ สอบทาน ค้นหาข้อมูลสนับสนุนว่าเขา design อย่างนั้น

ในทางปฏิบัติ เรายังไม่ได้คุยกันเรื่อง input ที่มาสั่ง duration ของหัวฉีดว่า
มันเป็น on-off แบบเส้นตรง หรือ analog ...... เห็นไหม คุณคงจะอ๋อ เห็นความบกพร่องของการอ่านค่า ตัวเลข ที่อ่านได้ คุณอ่านตรง peak หรือ stable .... ถ้าคุณจะปากแข็งบอกว่า stable

ผมขอให้คุณเอามือไปจับ ISC หรืออะไรตามแต่เรียก
เวลามันทำงาน มันกระดุกกระดิก เต้นตุ๊บ ให้เรารู้สึกที่มือได้อย่างชัดเจน
===>แล้ว output ที่วัดได้เป็นตัวเลข นั่นนะ มันวัดตรง "ตุ๊บ" บนหรือล่าง

ตัวเลขของคุณสปุ๊กนิคฯ เอามามีค่า ระหว่าง 700-750 rpm
และ duration การฉีด ก็มี "ช่วง" ไม่ใช่ตัวเลข นิ่งๆ เห็นไหมครับ

แต่ความผิดพลาดการอ่านค่าอย่างนี้ ผมถือจิ๊บจ้อยมาก
ผมไม่เอามาใช้เป็นเครื่องตัดสินว่า ข้อมูลของคุณเชื่อถือไม่ได้หรอก
ทำอย่างนั้นง่ายเกินไป ไม่แฟร์ครับ

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 11 ก.พ. 52 12:07:23 ]







ความคิดเห็นที่ 124

รบกวนถามแทรกนิดนึงครับ
โหลดที่มาจากเรื่องของเบรก(หม้อลม+ไฟเบรก) สามารถที่จะเป็นภาระเพียงพอให้ต้องมีการฉีดเพิ่มได้ไหมครับ

จากคุณ : director - [ 11 ก.พ. 52 12:09:29 ]







ความคิดเห็นที่ 125

ขอให้เข้าใจว่า ที่เราเถียงกัน ไม่ได้เถียงว่าใครถูก ใครผิด
ผมอยากจะชวนให้เข้าใจว่า เรากำลังเถียงว่า เหตุผลของใครถูก ครับ

ผมนำเสนอไปแล้ว มีข้อมูลจาก Manual ผู้ออกแบบเขาไม่ได้ออกแบบให้มี duty control สั่ง idle up ในกรณีเข้า D+brake
และมันเป็นมาตั้งแต่เครื่องรุ่นเก่าๆ เครื่องคาร์บู แล้ว
เขาทำ idle up ใช้กับ Air ไม่ใช่ว่าเขาทำไม่เป็น

แล้วใย เครื่องหัวฉีด ที่คุยอวดกันว่า ECU มันฉลาดมันเก่ง
ถึงได้ทะลึ่งฉีดน้ำมันเพิ่มให้สิ้นเปลื่องเล่นๆ
ลองคิดดู

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 11 ก.พ. 52 12:13:34 ]







ความคิดเห็นที่ 126

700-750 rpm ผมกะ ๆ เอานะ
เพราะที่หน้าปัด มัน scale เล็กมาก


อาจจะทำให้เข้าใจผิดเล็กน้อย ที่มันแกว่งนะ มันแกว่งช่วงที่เปลี่ยนเกียร์

พอเปลี่ยนเกียร์สักพัก รอบมันก็นิ่งครับ

จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ - [ 11 ก.พ. 52 12:14:00 ]







ความคิดเห็นที่ 127

การใช้ Instrument วัดตัวเลขออกมาว่า เข้า D แล้ว
ฉีดน้ำมันเพิ่ม เคยมีแล้ว และในที่สุดก็ตรวจพบว่า

มีพรมไปขัดที่ขาคันเร่ง ===> ทำให้ Tthrottle idle-postion swith =เปิด

พอ sw ตัวนี้เปิดการควบคุมก็ไม่เป็น closed loop แล้วครับ
(ลองอ่านรายละเอียดวงจร closed loop จะได้ signal จากจุดนี้ ข้างบน
ถ้าไม่ signal หรือ switch= open มันจะเปลี่ยนเป็น open loop ทันที)

การทำงานใน mode open loop
การฉีดจะใช้ค่าจาก rpm/load-Map (Map ตัวนี้คือ Table ที่เขาเก็บไว้
มันจะคอย adaptive ตัวเองตลอดเวลาไม่ใช่ MAP manifold pressure)
===> พูดง่ายๆ พอ rpm ตก แสดงว่ามี load เพิ่ม มันก็ฉีดเพิ่ม ครับ

ของคุณถังยืนยันว่าทำงานเป็น Closed Loop
ถ้าทำงานเป็น closed loop จริง ค่าที่ฉีดน้ำมันไปแล้ว จะต้องไปดูที่ห้องส้วม
ว่ามันถ่ายออกมาเป็น CO เท่าไร ตัวนี้เขาใช้ O-sensor วัด เป็น feedback ส่งกลับ
ผมถึงถามคุณถังว่า feedback อะไร เช็คการทำงานแล้วหรือ ?

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 11 ก.พ. 52 12:25:00 ]







ความคิดเห็นที่ 128

อาจจะทำให้เข้าใจผิดเล็กน้อย ที่มันแกว่งนะ มันแกว่งช่วงที่เปลี่ยนเกียร์

พอเปลี่ยนเกียร์สักพัก รอบมันก็นิ่งครับ
>>>>>>>

ตอนที่แกว่ง นี่แหละเป็นจังหวะ Load transient ครับ
พอฉีดเพิ่ม ปิ๊ดๆ เสร็จแล้ว rpm recover ก็หยุดฉีด
(ข้างบนผมลอกข้อความนี้มาให้ดูแล้ว)

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 11 ก.พ. 52 12:28:06 ]







ความคิดเห็นที่ 129

^
^
ต้นกระทู้ อธิบายเรื่องนี้

แต่เมื่ออ่าน Manual ในรายละเอียด เราอาจพบว่า
จังหวะเข้า D เกิด Load -Transient
รอบเครื่องมันจะกระดิก drop ลง "ต่ำกว่าที่ควร"
ซึ่งเป็นธรรมชาติของเครื่องยนต์
ECU บางยี่ห้อ จะสั่งฉีดน้ำมันเพิ่ม .... สักติ๊ดหนึ่ง

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 11 ก.พ. 52 12:30:19 ]







ความคิดเห็นที่ 130

ผมนำเสนอไปแล้ว มีข้อมูลจาก Manual ผู้ออกแบบเขาไม่ได้ออกแบบให้มี duty control สั่ง idle up ในกรณีเข้า D+brake
และมันเป็นมาตั้งแต่เครื่องรุ่นเก่าๆ เครื่องคาร์บู แล้ว
เขาทำ idle up ใช้กับ Air ไม่ใช่ว่าเขาทำไม่เป็น

>>>>>

ที่คุณ ช่างกล-หนุ่ม เอา ข้อมูลจาก Manual
มาให้ดูผมเห็นว่าเป็นเครื่องรุ่นเก่า ๆ

3VZ-FE นี่น่าจะเป็นสิบปีแล้วนะครับ

เครื่องรุ่นใหม่ ๆ อาจจะมี
"duty control สั่ง idle up ในกรณีเข้า D+brake" ก็ได้นิครับ
ซึ่ง"ผล"จากการวัดค่าต่าง ๆ มันก็มีความเป็นไปได้
ว่ามี duty control ตรงนี้
ซื้อผมไม่มีข้อมูล เอกสารอ้างอิง ตรงนั้น (ไม่รู้จะไปหาอ่านจากใหนครับ)

คุณ ช่างกล-หนุ่ม
" มีข้อมูลรายละเอียดการทำงานของ ECU จากโรงงานมาประกอบ "
ของเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ใหมครับ
เพราะผมมีแค่ service manual

จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ - [ 11 ก.พ. 52 13:07:47 ]







ความคิดเห็นที่ 131

//
คุณถังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ?
เพราะประโยคที่ว่า มีโหลดแล้ว รอบคงที่ นี่มันไม่ใช่ governor ของรถธรรมดานะครับ มันเป็น Governor ระดับเทพ เชียวครับ
//

เอาอีกแล้ว คุณช่างกล
ผมบอกตรงไหนว่า เป็น governor เทพ?

ผมบอกว่า ให้ช่างกล พูดมาเลย ว่า governor ที่คุณช่างกล พูดถึงนี่ มันจะส่งผล ในกรณีรถผม ยังไงบ้าง ?

คุณช่างกล ทราบไหมว่า รถผม (รวมถึงรถอีกหลายคันบนถนน) นั้นเป็น direct coil ?
ถ้าจะพูดถึงการดันไฟแก่ ก็พูดมาเลยครับ ไม่ต้องอ้าง governor
ผมจะได้เอาเรื่องมาพูดต่อเหมือนกัน ว่ารถผมยิงไฟ ยังไง ที่รอบเดินเบา

ที่ซักค้านนั่น น่าจะเป็นคุณช่างกลเองมากกว่า เพราะตั้งแต่ผมเข้ามากระทู้ ผมเจอแต่ถาม และถาม
และเป็นการถามล้อมกรอบ เพื่อให้เข้าไปในกรอบของคุณช่างกลเอง
โดยที่คุณช่างกล วิเคราะห์ข้อมูลผมรึยัง ก็ไม่ทราบ

อย่าหาว่า ผมเด็กกว่า แล้วจะแขวะ จะด่า ยังไงก็ได้
ถ้าคุยกันต่อ กรุณาให้เกียรติกันหน่อย

ถ้ามีแรงตอบ ผมก็จะตอบไปเรื่อยๆ
มารยาทในการพูดคุย ไม่เป็นไร ผมทนได้

จากคุณ : ถัง - [ 11 ก.พ. 52 14:42:32 ]







ความคิดเห็นที่ 132

//
ของคุณถังยืนยันว่าทำงานเป็น Closed Loop
ถ้าทำงานเป็น closed loop จริง ค่าที่ฉีดน้ำมันไปแล้ว จะต้องไปดูที่ห้องส้วม
ว่ามันถ่ายออกมาเป็น CO เท่าไร ตัวนี้เขาใช้ O-sensor วัด เป็น feedback ส่งกลับ
ผมถึงถามคุณถังว่า feedback อะไร เช็คการทำงานแล้วหรือ ?
//

ผมตอบไปแล้ว ว่าเคย เช็คเทียบกับ wideband o2 sensor
และ on-board o2 sensor
ทั้งสองตัว อ่านได้ แลมด้า 1 เท่ากัน

ผมยกมาจาก #102 ให้อ่านอีกที
ถ้าคุณช่างกล บอกว่า อ่านได้แลมด้า1 ก็ยังไม่ใช้ closeloop ผมก็ไม่รูจะว่ายังไงแล้วครับ

จากคุณ : ถัง - [ 11 ก.พ. 52 14:47:36 ]







ความคิดเห็นที่ 133

//
มีพรมไปขัดที่ขาคันเร่ง ===> ทำให้ Tthrottle idle-postion swith =เปิด

พอ sw ตัวนี้เปิดการควบคุมก็ไม่เป็น closed loop แล้วครับ
(ลองอ่านรายละเอียดวงจร closed loop จะได้ signal จากจุดนี้ ข้างบน
ถ้าไม่ signal หรือ switch= open มันจะเปลี่ยนเป็น open loop ทันที)
//

ถูกต้อง

จากคุณ : ถัง - [ 11 ก.พ. 52 14:48:17 ]







ความคิดเห็นที่ 134

//
ผมนำเสนอไปแล้ว มีข้อมูลจาก Manual ผู้ออกแบบเขาไม่ได้ออกแบบให้มี duty control สั่ง idle up ในกรณีเข้า D+brake
//

ด้วยความเคารพ
Manual รถที่ยกมา นั้น ยี่ห้อ Toyota สมัยไหนแล้วครับ

แบบนี้ คนใช้รุ่นเดียวกับผม ถ้าเขามาถามคุณช่างกลว่า ทำไม เขาใช้ Honda Civic
แล้วเข้า D เปลืองน้ำมันขึ้น คุณช่างกล จะตอบเขาว่ายังไง

จะตอบว่า มันไม่กิน เพราะ Manual Toyota บอกว่า ไม่กิน อย่างงั้นหรีอ

จากคุณ : ถัง - [ 11 ก.พ. 52 14:53:57 ]






ความคิดเห็นที่ 135

///
ถ้าคุณใช้ instrument ใดๆวัดตัวเลขออกมาแล้ว=กินเพิ่ม
คุณต้องตรวจสอบ สอบทาน ค้นหาข้อมูลสนับสนุนว่าเขา design อย่างนั้น
///

ในฐานนะที่ผมเป็น Instrument Engineer นะครับ
ถ้าใช้งาน Instrument อย่างถูกต้อง ก็ต้องเชื่อผลที่วัดได้
ส่วน process จะเป็นยังไง mechanical จะเป็นยังไง ก็ต้องไปหาทางอธิบายกันเอง
คนออกแบบอาจจะออกแบบมาให้มันเป็นแบบนั้นก็ได้ หรือจะออกแบบมาห่วยก็ได้
คนใช้งานอาจจะใช้งานไม่ถูกวิธีก็ได้
แต่ถ้าเครื่องวัด วัดอย่างถูกต้องออกมาแล้ว ก็ต้องเชื่อเครื่องวัด
ถ้าไม่เชื่อ ก็ไม่รู้จะทำไง

อย่างกรณี D+brake
ก็จะเห็นว่า เบรคไปขวางไม่ให้ล้อหมุน เครื่องมันก็บิดทวน
แรงที่ทำให้เครื่องบิดทวนตรงนี้ มันไม่ได้มาฟรีๆ แต่มันมาจากการเผาน้ำมันเพิ่ม
แล้วพอมาวัดแล้วมันกินน้ำมันขึ้น
ตรงนี้ก็พอที่จะสรุปได้แล้ว ว่า D+brake แล้วกินน้ำมันเพิ่ม
ส่วนเรื่องกลไก ที่ว่าจะทำให้ไม่กินน้ำมันขึ้นนั้น ก็ต้องไปว่ากันอีกที
กลไกพวกนี้อาจจะแค่ราคาคุยก็ได้ ทำไม่ได้อย่างที่ออกแบบ
หรือออกแบบมาให้กินน้ำมันขึ้นอย่างน้อยที่สุด แต่ไปอธิบายเหมือนว่ามันไม่กินน้ำมัน

จากคุณ : ton99 - [ 11 ก.พ. 52 22:37:06 ]







ความคิดเห็นที่ 136

ในฐานนะที่ผมเป็น Instrument Engineer นะครับ
ถ้าใช้งาน Instrument อย่างถูกต้อง ก็ต้องเชื่อผลที่วัดได้
ส่วน process จะเป็นยังไง mechanical จะเป็นยังไง ก็ต้องไปหาทางอธิบายกันเอง
คนออกแบบอาจจะออกแบบมาให้มันเป็นแบบนั้นก็ได้ หรือจะออกแบบมาห่วยก็ได้
คนใช้งานอาจจะใช้งานไม่ถูกวิธีก็ได้
แต่ถ้าเครื่องวัด วัดอย่างถูกต้องออกมาแล้ว ก็ต้องเชื่อเครื่องวัด
ถ้าไม่เชื่อ ก็ไม่รู้จะทำไง

>>>>>>>>>>>>

ครับ

นี่คือความเชื่อของคุณ ton99
พอจะสรุปให้อ่านง่าย ดังนี้

1) อ้างตัวเป็น Instrument Engineer

2) เชื่อว่า คนออกแบบ "อาจจะ" ออกแบบอย่างนั้น

3) ผู้ใช้งาน(คนใช้เครื่องมือ) "อาจจะ" ใช้ไม่ถูกวิธีก็ได้

4) แต่ถ้าเครื่องวัด วัดอย่างถูกต้องออกมาแล้ว ก็ต้องเชื่อเครื่องวัด
ถ้าไม่เชื่อ ก็ไม่รู้จะทำไง

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 12 ก.พ. 52 07:35:07 ]







ความคิดเห็นที่ 137

1) ถ้าใช้งาน Instrument อย่างถูกต้อง ก็ต้องเชื่อผลที่วัดได้

2) ส่วน process จะเป็นยังไง mechanical จะเป็นยังไง ก็ต้องไปหาทางอธิบายกันเอง

>>>>>>>>>

1) ใช่ครับ

2) ต้องอธิบายกันเอง เพราะไม่ใช่ job description ของ Instrument Engineer :-)

และ ข้อ 2) นี่เอง ที่ผมย้ำนักย้ำหนาว่า

เครื่องมือวัดชั้นดี จะดียังไงก็ตาม เขาใช้มันวัดเพื่อ "จับผิด"

โดยดูจาก

"ตัวเลขที่วัดได้" ว่ามันสอดคล้องกับ "ตัวเลขที่เขา design" หรือไม่


เนื่องจาก เจตนารมณ์ของการใช้ Instrument เป็นอย่างนี้

ดังนั้น

Shop Manual เขาจะให้ ตาราง-ค่าตัวเลข-ของโรงงาน
เพื่อให้ผู้ใช้เครื่องมือได้เปรียบเทียบ กับ "ตัวเลข" ที่วัดได้ว่า
ตัวเลขอยู่ใน range ที่โรงงานให้ไว้ .... หรือไม่ ??

และ นี่คือ กฎเกณฑ์ที่ผู้ใช้ instrument ชั้นดี จะต้องรู้
ถ้าเราเริ่มต้นละเลย + ไม่สนใจกฎเกณฑ์เสียแล้ว

Instrument ชั้นดี จะดีอยางไร ก็ไม่มีประโยชน์ ใช่ไหมครับ

เหมือนคุณอ้างว่ามี "ตำราชั้นเยี่ยม" แต่คุณไม่ได้แสดงให้เห็นว่า
คุณเข้าใจวิธีใช้ตำรา .... ตำราชั้นดีก็กลายเป็นเศษกระดาษ

ผมถึงเพียรพยายามจะสะกิด ให้คำนึงถึงจุดนี้
ดีกว่าจะมาตอกย้ำจุดยืน "ตัวเลข" ที่วัดได้

ภาษานักบิน(ทหาร) เขาเรียก "หลงฟ้า" หรือ Vertigo
จะพากันตายทั้งฝูง เช่นในอดีตที่บินชนภูเขา ทั้งฝูง ครับ

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 12 ก.พ. 52 07:59:27 ]







ความคิดเห็นที่ 138

ผมขอแสดงความยินดีกับคุณต้น ที่สำเร็จการศึกษาเป็น Engineer แล้ว
ผมติดตามผลงานมาหลายปี และชื่นชมวิธีคิด วิธีถาม ตลอดจนการค้นคว้าหาข้อมูลความรู้ของคุณ แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ใฝ่รู้คนหนึ่ง จะเห็นความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ที่ชอบคือ รู้จักคิดต่าง ต่างกับคนอื่น ผมอยากให้รักษาความเชื่อมั่นตัวเองไว้ครับ


แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 52 08:12:19

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 12 ก.พ. 52 08:11:18 ]








ความคิดเห็นที่ 139

สรุป

ตัวเลขที่คุณถังวัดได้ว่า เข้า D+brake ==> กินน้ำมันเพิ่มขึ้น

โดยแสดงตัวเลข duration การเปิดหัวฉีด = X m-sec

ยังไม่ใช่ข้อสรุป

เพราะต้องเอาไป เทียบกับ Table ว่าตัวเลขนี้อยู่ใน Target ที่โรงงานตั้งใจ design หรือไม่

ถ้าตอบว่า ไม่"
ก็ต้องแก้ไขเสียให้ถูก

นี่คือ หน้าที่ของ instrument เขาเอาไว้ ตรวจสอบ

แต่คุณถังเอามาใช้สนับสนุนความเชื่อของตน ครับ

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 12 ก.พ. 52 08:24:05 ]







ความคิดเห็นที่ 140

ความคิดเห็นที่ 124

รบกวนถามแทรกนิดนึงครับ
โหลดที่มาจากเรื่องของเบรก(หม้อลม+ไฟเบรก) สามารถที่จะเป็นภาระเพียงพอให้ต้องมีการฉีดเพิ่มได้ไหมครับ

จากคุณ : director

>>>>>>>>>>

(ขอโทษที่ตอบช้า เมื่อวานยังอ่อนแรง อิอิ)

ได้ครับ
เมื่อ ECU ทำงานใน mode open loop มันตอบสนองตาม Load
โดยใช้ค่าจาก load sensor หรือ Load/RPM-MAP ที่เก็บไว้ใน memory ครับ

แต่ขณะที่ ECU ทำงานแบบ closed loop มันไม่ปรับการฉีดตาม Load ครับ
มันใช้ feed back จากไอเสีย
และค่า target rpm ที่โรงงานออกแบบไว้
การปรับรอบตรงนี้ เป็นหน้าที่ของ Governor(ของรถยนต์)

Governor แบบ Automotive
มีการควบคุมแบบ min-max speed
คุมเพียง 2 จุดเท่านั้น

อยากให้ดู property ที่สำคัญของ Governor บางตัว อาทิ

Accuracy การควบคุมยอมให้รอบเปลี่ยนแปลง มาก/น้อย ได้ x %
===> จะเห็นรอบเดินเบา ยอมให้แกว่งได้นิดๆ ไม่นิ่งเสียทีเดียว

Speed Droop ... ตัวนี้มีความสำคัญ
ตัวนี้คือค่าการเปลี่ยนแปลงของ RPM เมื่อ No-Load กับ Full-Load
รอบเครื่องที่ "ยอมให้ตกลงได้ = S %

ถ้าเข้า D == มีโหลด ===> แล้วรอบเครื่อง = ไม่เปลี่ยนแปลง

ก็แสดงว่า speed droop ของ govenor ตัวนี้เป็นแบบ 0%
ซึ่งเป็น governor ระดับที่ใช้ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชั้นดี ครับ

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 12 ก.พ. 52 08:42:22 ]







ความคิดเห็นที่ 141

Speed Droop ... ตัวนี้มีความสำคัญ
ตัวนี้คือค่าการเปลี่ยนแปลงของ RPM เมื่อ No-Load กับ Full-Load
รอบเครื่องที่ "ยอมให้ตกลงได้ = S %

ถ้าเข้า D == มีโหลด ===> แล้วรอบเครื่อง = ไม่เปลี่ยนแปลง

ก็แสดงว่า speed droop ของ govenor ตัวนี้เป็นแบบ 0%
ซึ่งเป็น governor ระดับที่ใช้ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชั้นดี ครับ

>>>>>>>>>

Governor automotive ที่ใช้กับรถยนต์มันมี speed droop ไม่ถึง 0%

แต่รอบเครื่องรถยนต์ จะทำให้คงที่ได้ !!!!

ตอนมี load กับ ไม่มี load อาจจะคงที่ รอบเท่ากันได้ ครับ
(ราวกะมี speed droop = 0% )

แต่มันจะได้ ก็ต้องใช้ตัวช่วย ตัวหนึ่ง เรียกว่า Idle up
ที่เห็นพื้นๆ เช่น

Idle up ในกรณีที่
1) เปิดแอร์
2)
3) เข้า D "รถบางรุ่น" จะมี duty control สั่ง idle up ชั่วขณะ
เพิ่มน้ำมัน ชั่วไม่กี่วินาที แล้วหยุด

ถ้าข้อ 3) ฉีดแล้ว ไม่หยุด หรือ ไม่ทันหยุด เราเอา instrument ไปจับการฉีดน้ำมันก็จะได้ ตัวเลข อย่างนั้น

แต่ตัวเลขที่วัดได้ ไม่ได้แสดง ความถูกต้อง ครับ

ตัวเลข มันแสดงว่าวัดได้เท่าไร แค่นั้น ไม่ได้แสดงว่า ถูกต้อง

และนี่คือประเด็นข้อถกเถียง ที่ผมเพียรพยายามจะบอกให้เข้าใจ
เพื่อจะได้ตรวจสอบความถูกต้องเสียก่อน

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 12 ก.พ. 52 08:51:58 ]







ความคิดเห็นที่ 142

เอาอย่างนี้ดีกว่า สั้นๆ

1) instrument จะดียังไงก็ตาม เราใช้มันเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง พูดง่ายๆ ใช้เพื่อจับผิด ไม่ใช่เอามาอ้างสนับสนุนความเชื่อ

2) ตำรา หรือ Manual ใช้อ้างอิง ยืนยันความถูกต้อง

ผมได้ใช้ Manual อ้างอิง ยืนยันข้อมูลของผมแล้ว

ผมถึงเรียกร้องให้อ้าง Manual บ้าง

ถ้าจะบอกว่า Manual ของผมเก่าแก่ เต่าล้านปี ผมไม่เถียงกับความจริง

ผมขอดู Manual ฉบับใหม่ที่มัน updated ว่า ECU รุ่นใหม่
มันจะฉีดน้ำมันให้สิ้นเปลืองกว่าเดิม .... แล้วมันจะโง่อย่างนั้นเชียวหรือ ?

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 12 ก.พ. 52 09:05:54 ]







ความคิดเห็นที่ 143

ผมขอดู Manual ฉบับใหม่ที่มัน updated ว่า ECU รุ่นใหม่

>>>>>>>

ผมจะไปหา Manual ได้จากใหนละครับ

-------------------------

มันจะฉีดน้ำมันให้สิ้นเปลืองกว่าเดิม .... แล้วมันจะโง่อย่างนั้นเชียวหรือ ?

>>>>>>>

แปล่า.....มันอาจฉลาดกว่าเดิม โดยลดการฉีดน้ำมันขณะเข้าเกียร์ N , P

ผมไม่มี ข้อมูลการทำงานมายืนยัน เพราะไม่มี manual ครับ
แต่ผมมี "ผล" จากการวัดมายืนยัน
จากรถ 2 รุ่น 2 ยี่ห้อ ที่ผลออกมาเหมือนกัน

จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ - [ 12 ก.พ. 52 11:09:49 ]







ความคิดเห็นที่ 144

ขอบคุณ คุณช่างกล-หนุ่ม ครับผม

ตาม คห.143 ของคุณสปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ ก็น่าคิดเหมือนกันนะครับ
ecu มันอาจจะฉีดน้ำมันปกติตอนที่เข้า D แล้วมันก็อาจจะฉีดน้อยกว่าปกติเมื่อเครื่องเดินตัวเปล่าที่ N ก็ได้

จากคุณ : director - [ 12 ก.พ. 52 14:36:52 ]







ความคิดเห็นที่ 145

อ่านความคิดเห็นของคุณช่างกล มามากแล้วครับ เข้าใจว่าเป็นบุคคลหนึ่ง

ที่มีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ดีมากๆ

แต่ผมเห็นบางข้อความแล้วคิดว่า บางอย่างไม่ตรงกับความคิดผมเท่าไหร่

เช่น

3) ฉีดแล้ว ไม่หยุด หรือ ไม่ทันหยุด เราเอา instrument ไปจับการฉีดน้ำมันก็จะได้ ตัวเลข อย่างนั้น

แต่ตัวเลขที่วัดได้ ไม่ได้แสดง ความถูกต้อง ครับ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผมคิดว่าถ้าเครื่องมือมีความแม่นยำ และใช้กระบวนการในการวัดอย่างถูก

ต้อง ตัวเลขที่ได้ก็เชื่อถือได้ครับ และน่าจะถูกต้องด้วย เพียงแต่มันแสดงค่า

ที่ได้ในขณะที่วัดเท่านั้น แม้แต่ในวงการวิทยาศาสตร์ เค้าก็ยังให้ความสำคัญ

กับผลที่ได้จากเครื่องมือวัด มากกว่าการทำ simulation เพื่อที่จะนำไป

สนับสนุน สมมุิติฐานที่เค้ากำลังศึกษาอยู่ เพราะมันเป็นสิ่งที่วัดได้จากโลก

แห่งความเป็นจริง ไม่ใช่ทฤษฎีที่อยู่ในหนังสือครับ เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะไม่มี

การคิดทฤษฏีใหม่ๆ ที่มาหักล้างกับของเก่าๆ ได้หรอกครับ

อีกเรื่องนึงที่ผมอยากจะแสดงความคิดเห็น แต่มันอาจจะเป็นเรื่องที่ละเอียด

อ่อนก็คือการแสดงความคิดเห็นของคุณช่างกลครับ

จริงอยู่ครับที่ควรจะสนับสนุนให้หาความรู้ด้วยตัวเอง มากกว่าการพึ่งคนอื่น

แต่บางครั้งการตอบคำถาม ด้วยคำถาม ผมว่ามันจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

ถ้ามีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน ทำไมไม่ลองอธิบายให้ละเอียดยิ่งขึ้น หรือ

พยายามทำให้อีกฝ่ายเข้าใจสิ่งที่เราต้องการอธิบาย มากยิ่งขึ้นหละครับ

หรืออาจจะหาเหตุผลอื่นๆ มาสนับสนุน

แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่งเค้าตัดสินใจเองว่า สิ่งใดถูกสิ่งใดผิด

------------------------------------------------------------------------.

พิมพ์มาซะยาว จริงๆ ผมเพียงแค่อยาก

นำเสนอความคิดเห็นของผม ซึ่งอาจจะทำให้ลดความขัดแย้งลงได้ครับ

จากคุณ : ATP - [ 12 ก.พ. 52 18:29:20 A:193.11.231.191 X: TicketID:108591 ]







ความคิดเห็นที่ 146

///
ถ้าข้อ 3) ฉีดแล้ว ไม่หยุด หรือ ไม่ทันหยุด เราเอา instrument ไปจับการฉีดน้ำมันก็จะได้ ตัวเลข อย่างนั้น

แต่ตัวเลขที่วัดได้ ไม่ได้แสดง ความถูกต้อง ครับ

ตัวเลข มันแสดงว่าวัดได้เท่าไร แค่นั้น ไม่ได้แสดงว่า ถูกต้อง
///

ปกติการวัดแบบนี้ ก็ต้องวัดในช่วงที่มันนิ่งอยู่ในช่วงแล้ว เอามาเทียบกัน
ช่วงที่เข้า D ไปปุ๊บ Injection time มันก็จะสูงขึ้นทันที แล้วก็จะลดลงจนนิ่งอยู่ในช่วงแคบๆ
ดังนั้นค่าที่อ่านค่า ก็ต้องเป็นค่าที่ตอนมันลดลงมาจนนิ่งแล้ว
แต่ถ้าคนวัดไปวัดช่วงที่ยังไม่นิ่ง อันนี้มันก็ผิดที่คน ไม่ใช่เครื่องแล้ว

แต่ถ้าจะบอกว่าเครื่องมันวัดไม่ถูก อันนี้ต้องบอกว่าไม่ถูกยังไงครับ
เช่น เครื่องมันจับสัญญาณยกหัวฉีด ตอนเข้า N ได้ 2.8 mS
พอเข้า D มันจับสัญญาณได้ 3.5 mS
เครื่องจับสัญญาณผิด หรือ สัญญาณไปที่หัวฉีดมันผิด

1 .ถ้าเครื่องจับสัญญาณผิด มันก็ต้องผิดทั้ง N ทั้ง D มันไม่เกิดเฉพาะตอนเข้า D
ยกเว้นเสียว่า มีสัญญาณกวน ทำให้เครื่องวัดผิด
2 .ถ้าสัญญาณไปที่หัวฉีดผิด หัวฉีดมันก็ยกตามไป 3.5 mS มันก็กินน้ำมันขึ้นอยู่ดี อันนี้เครื่องวัดไม่ผิด

จากคุณ : ton99 - [ 12 ก.พ. 52 21:57:06 ]







ความคิดเห็นที่ 147

ความคิดเห็นที่ 124

รบกวนถามแทรกนิดนึงครับ
โหลดที่มาจากเรื่องของเบรก(หม้อลม+ไฟเบรก) สามารถที่จะเป็นภาระเพียงพอให้ต้องมีการฉีดเพิ่มได้ไหมครับ

จากคุณ : director

////////////////////////

เอาเฉพาะเรื่องไฟก่อนนะครับ
ถ้าเป็นเครื่องสมัยก่อน ที่ไม่ได้คุมรอบ ไม่ได้วัด O2 ที่ท่อไอเสีย
ถ้าใช้ไฟมากขึ้นๆ รอบเครื่องมันก็จะตกลงไปเรื่อยๆ
เพราะเมื่อใช้ไฟ voltage ในระบบก็จะตก ตัวไดก็จะชาร์ทไฟกลับมาชดเชยเพื่อให้อยู่ในจุด set point
การชาร์ทของไดก็ใช้แรงจากเครื่อง เมื่อใช้แรงมากขึ้นรอบเครื่องก็จะตกลงไปมากขึ้น

ถ้าเป็นเครื่องสมัยใหม่ มีการคุมรอบ และวัด O2 ที่ท่อไอเสีย
เมื่อเปิดไฟ รอบจะตกลงมานิดนึง แล้วเครื่องก็จะจ่ายน้ำมันเพิ่มเพื่อเร่งให้รอบเครื่องกลับมาที่เดิม
แต่ถ้าเร่งรอบคาไว้ให้นิ่งอยู่ที่รอบค่านึงที่ไม่สูงมาก เมื่อเปิดไฟ รอบก็จะตกลงมาให้เห็น
แต่ถ้าไปอ่าน injection time ก็จะมองไม่เห็นว่าเครื่องได้จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยหรือเปล่า

จากคุณ : ton99 - [ 12 ก.พ. 52 22:09:25 ]







ความคิดเห็นที่ 148

ผมขอย้ำตรงนี้อีกที

ผมไม่ได้บอกว่า

1) เครื่องมือวัดผิด หรือ ไม่แม่น
ผมต่อให้เป็น Instrument ชั้นดีที่สุดยังได้ ... ชัดเจนนะ

2) ผมไม่ได้บอกว่า คนวัดผิด ... ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ... ชัดเจนนะ

เอาอย่างนี้จะได้ตัดข้อกังขาออกให้หมดสิ้น
จะได้เลิกวกวน

ทั้ง 2 ข้อ นี่ชัดเจน.... ไหม ครับ ?

ช่วยตอบ สั้นๆ ใช่ หรือ ไม่

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 12 ก.พ. 52 23:46:31 ]







ความคิดเห็นที่ 149

ผมว่าอย่างนี้

"ตัวเลข" มันแสดงว่า"วัดได้เท่าไร" เท่านั้น

"ตัวเลข" ไม่ได้แสดงว่าสิ่งที่วัดนั้น = "ถูกต้อง"

"ถูกหรือผิด" ต้องเอาไปเทียบกับค่า Target ที่โรงงานกำหนด

ตัวอย่างเช่น
เราใช้ Timing Light
วัดค่า timing ออกได้ = X องศาก่อนศูนย์ตายบน

เราต้องดู "ค่าของโรงงาน" ตรวจดูว่า X ที่วัดได้อยู่ในช่วงที่โรงงานกำหนด
หรือว่า ... มันทะลึ่งออกนอกขอบเขต-ที่โรงงานกำหนดไว้

ถ้าตัวเลขที่วัดได้ X คลาดเคลื่อนจากค่าที่โรงงานกำหนด
เราจะต้องปรับแต่งให้มันถูกต้อง

นี่คือ major job description ของการใช้ instrument = เครื่องมือวัด

ถ้าไม่เข้าใจหน้าที่ของเครื่องมือวัด
เราเอา "ตัวเลข" ผลการวัดมายืนยันความเชื่อ prejustic view ของตน
เราจะเหมือนนักบินที่เกิดอาการ Vertigo หลงฟ้าพากันบินชนภูเขาทั้งฝูง

ผมพยายามอธิบาย ไม่ใช่เพื่อจะได้ดิบได้ดีขึ้นมา
ผมเพียงอยากให้เราเชื่ออะไรแบบมีหลัก และรู้จักใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องครับ

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 13 ก.พ. 52 00:21:25 ]







ความคิดเห็นที่ 150

ข้อมูลที่คุณถังนำเสนอจะมีน้ำหนักและความน่าเชื่อถือ

เมื่อ

1) "ตัวเลขที่วัดได้" เทียบกับ "ค่าของโรงงาน" ว่าตัวเลขที่ว่า
อยู่ใน range ที่โรงงานกำหนด

2) มีข้อมูลหรือเอกสารยืนยันว่า มีคำสั่งให้ฉีดน้ำมันเพิ่ม

แล้วถึงจะได้ข้อสรุปมานำเสนอว่า "เข้า D + brake มันกินน้ำมันเพิ่ม"

เห็นไหมครับ เพียง 2 ข้อ ไม่ยากเลย ที่จะพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ

ลองย้อนกลับขึ้นไปดูข้อมูลที่ผมนำเสนอซิครับ
ผมอธิบายเหตุผลที่มาที่ไป อ้างอิงข้อมูลการออกแบบจากโรงงานว่า
มันเป็นอย่างนั้น ตามที่เขา design
ผมไม่ได้ "เดาว่า"
ผมไม่ได้ว่า"น่าจะ" เป็นอย่างนั้นอย่างนี้

ลองคิดดูนะครับ

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 13 ก.พ. 52 00:36:55 ]







ความคิดเห็นที่ 151

ตอบ คห. 144
ตาม คห.143 ของคุณสปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ ก็น่าคิดเหมือนกันนะครับ
ecu มันอาจจะฉีดน้ำมันปกติตอนที่เข้า D แล้วมันก็อาจจะฉีดน้อยกว่าปกติเมื่อเครื่องเดินตัวเปล่าที่ N ก็ได้

จากคุณ : director
>>>>>>>>>>>

ที่จริงผมตั้งใจขักชวนกันดูเรื่องนี้ก่อนหน้านี้แล้ว
ผมจึงถามคุณถังว่าวัดค่า CO ออกมาได้เท่าไร ?

ค่า CO เมื่อเข้า N และ D จะสนับสนุนความเข้าใจข้อนี้ครับ

จากคุณ : ช่างกล-หนุ่ม - [ 13 ก.พ. 52 00:55:20 ]



Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2552 9:12:40 น. 0 comments
Counter : 503 Pageviews.

ช่างกล-หนุ่ม
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ช่างกล-หนุ่ม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.