Group Blog
 
All blogs
 
คู่ร้ายหมายรัก บทที่ 4

ขอถามอะไรนิดนึงก่อนอ่านนิยายนะคะ

ไม่ทราบว่าใครที่คลิกเข้าบล็อกของมิถุนา เจอปัญหามี pop-up เด้งขึ้นมาไหมคะ พอดีมีเพื่อนคนนึงเจอ แต่มิถุนาลองเครื่องคอมพ์อื่นในบ้านแล้วไม่เป็นอะไร เลยลองถามเพื่อนๆ คนอื่นดูนะคะ ถ้ามีปัญหาเรื่อง pop-up รบกวนแจ้งด้วยนะคะ จะได้ลองหาสาเหตุดูได้ ขอบคุณค่ะ...และอ่านนิยายให้สนุกนะคะ

มิถุนา

คู่ร้ายหมายรัก บทที่ 4

หลังจากถ่วงเวลานัดบอดล้มเหลวไม่เป็นท่า ณัฐทินีก็ตั้งใจจะทำนิสัยให้ไม่น่าคบหาที่สุด กะให้คู่นัดกระเจิงชนิดไม่คิดจะขอมีนัดเป็นครั้งที่สอง!

แม่อยากจะหาคู่ให้ก็หาไปเถอะ ลองลูกสาวกลายเป็นผู้หญิงไม่น่าคบ คงจะไม่มีใครสนใจเธอเองนั่นแหละ แต่จะว่าไป ปรกติผู้หญิงนิสัยอย่างเธอก็ไม่ค่อยเหมาะจะมีแฟนอยู่แล้ว เพราะเธอทำแต่งาน เอาใจคนไม่เป็น และมีโลกส่วนตัวสูง ผู้ชายที่ไหนจะอยากได้ผู้หญิงไม่มีเสน่ห์แบบนี้มาเป็นแฟน

หญิงสาวก้าวลงมาจากรถยนต์ส่วนตัวคันหรู สะบัดผมยาวหยักโศกสีน้ำตาลไปด้านหลังและยืดตัวยืน ชุดกระโปรงสีชมพูบานเย็นที่สั้นอยู่แล้ว ร่นสั้นขึ้นไปอยู่เหนือเข่าเกือบคืบมือ ดวงตาสีน้ำตาลมองไปรอบๆ ลานจอดรถ ร้านไธม์ตั้งโดดเด่นตรงหน้า เธอพิศมองเก็บรายละเอียดด้วยความสนใจ

เข้าใจเลือกสถานที่นะเนี่ย...ณัฐทินีเปรยในใจ ถ้านี่ไม่ใช่นัดบอด เธออาจจะมีความสุขกับการมามากกว่านี้

ร้านไธม์มีโครงสร้างเป็นบ้านเรือนกระจกสีขาวขนาดใหญ่ ประดับไม้ระแนงสีน้ำตาล ดูโล่งโปร่งน่านั่ง ด้านนอกมีระเบียง โต๊ะและเก้าอี้เรียงรายเต็มพื้นที่ แดดช่วงใกล้เที่ยงส่องจ้าลงมา หญิงสาวรีบจ้ำเดิน หมายจะเข้าไปหลบแดดด้านในร้านโดยไว

ไม่ไหวล่ะ ตอนนี้ก็ดำจะแย่อยู่แล้ว ขืนปล่อยให้แดดเลียเล็กเลียน้อยอีก ผิวของเธอจะต้องกลายเป็นสีถ่านแน่ๆ

ความจริงณัฐทินีไม่ได้ดำอย่างที่นึกบ่นในใจหรอก เธอเป็นคนขาว แต่พอตากแดดช่วงลุยไซด์งานกับบิดานานครั้ง และขาดการเอาใจใส่เนื่องจากตอนนั้นยังอายุไม่มาก ไม่ได้รักสวยรักงาม อิทธิพลของแดดเลยทำให้ผิวของเธอคล้ำลงไปบ้าง แต่ก็เป็นสีแทนสวย แบบที่ดาราฝรั่งหรือดาราญี่ปุ่นนิยม

หญิงสาวเดินฉับๆ มุ่งไปยังทางเข้าร้านด้วยความมั่นใจ และจะด้วยโชคร้ายประเดิมนัดบอดแรกหรืออย่างไร จู่ๆ ขาข้างหนึ่งของเธอก็พลิกวูบ

“กรี๊ด!” เธอหวีดร้อง ร่างไร้การทรงตัว และกำลังจะร่วงลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก

ทว่าก็เป็นโชคดีของเธออีกเหมือนกันที่มีคนเข้ามาช่วยพอดี

“ระวังครับ!”

ร่างแข็งแกร่งช้อนร่างของเธอไว้ เสียงนุ่มทุ้มกระซิบริมหูของเธอ

“เกือบไปแล้ว”

สาบานได้ว่าเธอได้ยินเสียงเขาถอนหายใจเบาๆ เธอขนลุกซู่เมื่อลมร้อนจากปากของเขากระทบใบหู หัวใจเต้นระทึก ทั้งตื่นเต้นและวาบหวาม

ดูเหมือนว่าผู้ช่วยเหลือจะกอดเธอไว้นานเกินไป ดังนั้นเมื่อตั้งหลักได้ เธอจึงรีบเบี่ยงตัวออกห่างและถอยออกมาอย่างรวดเร็ว

ยังไม่ทันจะได้ขอบคุณเขา เธอก็แทบล้มลงไปอีก เนื่องจากส้นรองเท้าหักข้างนึง

“ว้าย!” เธอร้องวี้ด และเขาก็มือไวพอที่จะตะครุบเธอไว้อีกครั้ง

“แหม...คุณนี่เผลอไม่ได้เลยนะครับ” ชลน่านกล่าวแซวยิ้มๆ คาดไว้ตั้งแต่ตอนเห็นเธอเดินฉับๆ ในรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแล้วว่าเธอจะต้องหกล้ม...แหม เล่นเดินเร็วๆ แรงๆ ด้วยรองเท้าส้นเข็มกลางลานกรวดขรุขระแบบนี้ ก็สมควรอยู่หรอกที่จะหกล้ม

ณัฐทินีหน้าแดงก่ำ เหลือบตามองด้านบนนิดๆ และเห็นรอยยิ้มละลายหัวใจ เขาเป็นหนุ่มรูปหล่อชวนละลายพอๆ กับรอยยิ้มของเขา

“ขอบคุณค่ะ” เธออุบอิบเสียงเบา ก่อนจะดันตัวเองออกห่าง ทว่าครั้งนี้ใช้มือข้างหนึ่งเกาะไหล่เขาเพื่อทรงตัว เธอมัวแต่ใจหายใจคว่ำกับการหล่นวูบสองครั้งสองครา จนไม่รู้สึกเลยว่าแม้จะไม่ได้กอดเธอไว้แล้ว แต่มือของเขายังคงจับแขนข้างที่ว่างของเธออยู่

“ส้นรองเท้าหักนี่ครับ” เขาก้มมองรองเท้าเจ้ากรรม สรุปว่าการเดินของเธอไม่มีปัญหา แต่เป็นรองเท้าต่างหาก

“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ หากในใจบ่นยาวยืด...อะไรเนี่ย! ส้นรองเท้าหักได้ยังได้ เธอเพิ่งจะซื้อมา และใส่ครั้งเดียวถ้าไม่นับครั้งนี้ คู่นึงก็ไม่ใช่ถูกๆ ราคาตั้งสองพันกว่าบาทจะสามพัน ขนาดว่าซื้อตอนลดครึ่งราคาแล้วนะ ทำไมถึงได้คุณภาพห่วยแตกแบบนี้...หน็อย! ยี่ห้ออะไรนะ...เครซี...เครซีฟุตส์ ใช่ ยี่ห้อเครซีฟุตส์ ฮึ่ม! แบบนี้ต้องเคลมสินค้าและโวยวายกันหน่อยแล้ว เอาของเน่าๆ มาลดราคาขาย เอาเปรียบผู้บริโภคกันนี่หว่า

“แล้วคุณจะทำยังไงกับรองเท้าข้างนี้” เขามองซ้ายทีขวาที แถวนี้อย่าว่าแต่ร้านซ่อมรองเท้าเลย ร้านขายรองเท้าก็ไม่มี

“รถฉันจอดอยู่ตรงโน้นค่ะ ในรถมีรองเท้าเปลี่ยน” ณัฐทินีบุ้ยใบ้ไปยังรถยนต์ส่วนตัว เธอก็เหมือนผู้หญิงหลายๆ คนที่ชอบซุกรองเท้ามากกว่าหนึ่งคู่ไว้ในรถ รู้ว่าทำให้รถรก แต่กระนั้นก็ไม่เคยเอาออกจากรถสักที นี่ต่อไปคงจะไม่คิดเอาออกไปแน่ๆ ใครจะไปรู้ว่าเธออาจจะมีเหตุจำเป็นให้ใช้พวกมันอย่างเช่นวันนี้

“ผมไปส่งไหม” เขามองเธอที่ยังคงยืนอยู่ได้ด้วยการเขย่งยงโย่ยงหยกในรองเท้าข้างที่สมบูรณ์และมือที่ยึดไหล่เขาเป็นที่พึ่งพิง

“ไปส่งหรือคะ?” เธอทวน สงสัยว่าเขาจะไปส่งเธอได้อย่างไร แล้วกะอีแค่ส้นรองเท้าหักแค่เนี้ย ต้องเดินไปส่งด้วยเรอะ

เขาไม่ปล่อยให้เธอคิดนาน จู่ๆ ก็ตวัดแขนรอบตัวเธอ แล้วอุ้มเธอขึ้นแนบอก แถมเขายังช่างคิด อุตส่าห์ระมัดระวังไม่ให้กระโปรงแสนสั้นของเธอเปิดพะเยิบด้วยการรวบปลายกระโปรงแนบท่อนขาเพรียวอีกด้วย

“ว้าย! คุณทำบ้าอะไรน่ะ” เธอรีบคล้องแขนรอบคอเขา รู้สึกไม่มั่นคงเมื่อปล่อยให้มือโล่งโจ้ง ไร้ที่ยึดเหนี่ยว

เขายิ้มกว้าง “พาคุณไปส่งที่รถ” รู้ว่าเธอจะต้องไม่ชอบ เธอดูเหมือนสาวมั่นทำอะไรด้วยตัวเองได้ แต่เขาอยากเสนอตัว

“ฉันเดินไปเองได้” ตัวเธอหนักจะตาย เขาอุ้มเธอแบบนี้ไม่เมื่อยหรือไง...เธอไม่กล้าป่าวประกาศออกไปว่าให้วางเธอลง เธอตัวหนัก เธออาย ไม่กล้าประจานตัวเอง จนลืมคิดไปด้วยซ้ำว่าเขาตัวโตกว่าเธอร่วมครึ่งฟุต และหนาหนักพอที่จะอุ้มเธอได้สบายๆ

“คุณจะกระโดดขาเดียวหรือว่าจะถอดรองเท้าเดินกันล่ะ” เขาเลิกคิ้ว

“ฉันจะเดินเขยกไปต่างหาก” เธอไม่ใช้คำตอบของเขา แถมยังค้อนเขาน้อยๆ

เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ และเดินต่อไป สีหน้าไม่แสดงออกว่าเธอหนักจนเขาเหนื่อยหรือเมื่อย

“ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ” เธอไม่กล้าดิ้น กลัวว่าเขาจะทำเธอตก

“ผมปล่อยแน่ครับ” เขายิ้มอีก ดูเหมือนจะยิ้มกับเธอได้ตลอด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่เห็นว่าเธอเป็นสาวมั่นที่โก๊ะๆ เอ๋อๆ น่ารักดี

“เพราะคุณถึงรถแล้ว” เขาหย่อนเธอลงอย่างนุ่มนวล

ณัฐทินีซึ่งกลายเป็นคนขาไม่เท่ากันเนื่องจากส้นรองเท้าหัก เซไปพิงกับรถยนต์ ไม่ได้ตั้งตัวตั้งใจกับความรวดเร็วของเขา

“เอ้อ! ขะ...ขอบคุณค่ะ” เธอไม่รู้จะกล่าวอะไรดี

“ยินดีครับ” เขาแสร้งทำเป็นโค้งนิดๆ ดุจสุภาพบุรุษผู้ดี ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ณัฐทินียืนงงงวยกว่าครู่ จึงจะได้สติจัดการเปลี่ยนรองเท้าอย่างที่ควรทำมาตั้งนาน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
================================================================

ณัฐทินีโยนรองเท้าที่เสียหายใส่ท้ายรถอย่างโกรธเคือง นึกในใจว่าพรุ่งนี้จะต้องไปร้องเรียนปัญหาสินค้าชำรุดที่ห้างสรรพสินค้าโดยด่วน

อะไรกัน ซื้อยังไม่ถึงเจ็ดวัน ใส่ไปครั้งเดียว ก็เจ๊งบ้งเสียแล้ว

แล้วเธอก็โทษสาเหตุที่เธอปรากฎในวันนี้

บ้าชะมัด ซวยตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าหมอนั่นเลย!

‘หมอนั่น’ หมายถึงคือคู่นัดบอดของเธอนั่นเอง

และความบังเอิญซวยเริ่มทำให้เธอเหม็นหน้าคู่นัดเพิ่มขึ้นอีก ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องถูกบังคับมานัดบอดบ้าบอนี่

แม่นะแม่ ทำไมทำกันได้แบบนี้!

เธอเดินฉับๆ ด้วยความคล่องแคล่วว่องไวเหมือนเดิม เพราะเป็นลักษณะการเดินประจำตัว เธอผลักประตูและก้าวขาเข้าไปข้างใน พนักงานร้านเดินมาต้อนรับโดยพลัน

“สวัสดีค่ะ”

เธอผงกหน้ารับนิดๆ ยังไม่ทันจะได้ถามถึงการจองโต๊ะของวีแมตช์เลิฟ อัญชุลีก็เดินเข้ามาก่อน

“ยายณัฐ”

“สวัสดีค่ะป้าอัญ” ณัฐทินียกมือไหว้

อัญชุลีรับไหว้ ก่อนจะบอกพนักงานว่าณัฐทินีมากับเธอ เดี๋ยวเธอจัดการเอง พนักงานจึงหลบฉากไป

“มาจ้ะยายณัฐ คู่นัดของหนูมาถึงแล้ว”

“เหรอคะ” น้ำเสียงของณัฐทินีฟังดูเนือยๆ ไม่กระตือรือร้น

อัญชุลีพอจะเข้าใจ เด็กสมัยนี้มักต่อต้านเรื่องโบร่ำโบราณอย่างการดูตัว กระนั้นเธอก็อดตื่นเต้นกับณัฐทินีและชลน่านไม่ได้ นอกจากรูปทรัพย์และคุณสมบัติอื่นๆ ของพวกเขาจะเข้ากันพอเหมาะพอเจาะแล้ว พวกเขายังดู ‘กินกันไม่ลง’ อีกด้วย

หึๆ เธอน่ะเห็นมานักต่อนักแล้ว ไอ้ที่ต่อต้านค้านคาดในตอนแรก สุดท้ายก็ลงเอยกันด้วยดีทั้งนั้น แล้วเธอจะรอดูว่าคู่นี้จะลงเอยกันแบบไหน

เพี้ยง! หวังว่าการจับคู่ของเธอจะสัมฤทธิ์ผล

“มาจ้ะ มาทางนี้ ที่ป้าเลือกร้านนี้เพราะมีมุมส่วนตัวเงียบสงบบรรยากาศดี เวลาพูดคุยทำความรู้จักกันจะได้ไม่ขัดเขิน” อัญชุลีเดินนำผ่านโต๊ะเก้าอี้โทนสีขาวละมุนเข้าไปด้านใน ซึ่งถูกกั้นด้วยระแนงไม้เป็นห้องเรือนกระจกแยกต่างหากจากส่วนอื่นๆ ของร้าน บนเพดานใสมีไม้เลื้อยประดับรกเรื้อช่วยลดทอนแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านเข้ามาข้างใน

คงจะไม่ขัดเขิน แต่จะกระอักกระอ่วนใจมากกว่า...ณัฐทินีเถียงในใจ สายตามองตรงไปข้างหน้า เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งหันหลังให้ ลายเสื้อของเขาดูคุ้นตาอย่างไรพิกล

ไม่หรอกน่า ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นหรอก...เธอจำลายเสื้อเชิ้ตของผู้ชายที่ช่วยเหลือตอนส้นรองเท้าเธอหักได้ เสื้อเชิ้ตสีม่วง ขาว และฟ้า เป็นสีอ่อนเหมือนสีน้ำไล่สีลงมา แลดูไม่เหมือนใคร

“น่านจ๊ะ คู่นัดของน่านมาถึงแล้วจ้ะ” อัญชุลีเรียกด้วยน้ำเสียงร่าเริง

ชลน่านแหงนหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำเบิกกว้าง ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มประหลาดใจ

“อ้าว! คุณนั่นเอง”

ณัฐทินีไม่ได้อุทานอย่างเขา แต่เม้มปากน้อยๆ...บ้าชะมัด! โลกมากลมอะไรตอนนี้ ทำไมถึงเป็นตานั่นไปได้

“รู้จักกันแล้วเหรอจ๊ะ” อัญชุลีถามด้วยความงุนงง

“เปล่าค่ะป้าอัญ ไม่ได้รู้จักกัน แต่บังเอิญเจอกันหน้าทางเข้าเมื่อกี้ค่ะ”

“งั้นเหรอจ๊ะ แสดงว่าดวงสมพงศ์กันแน่ๆ เลย” อัญชุลีหัวเราะร่วน มือโบกไปมาอย่างถูกอกถูกใจ

เฮอะ! ไม่เห็นอยากจะดวงสมพงศ์กันแบบนี้เลย...ณัฐทินีกรอกตาน้อยๆ

อัญชุลีกำลังตื่นเต้นดีใจ จนมองไม่เห็นท่าทีแหน่งหน่ายของหลานสาวนอกไส้ ผิดกับชลน่านที่มองเห็นเต็มๆ ท่าทางของเธอทำเอาเขากลั้นหัวเราะแทบแย่

บางทีการนัดบอดครั้งนี้อาจจะสนุกกว่าที่คิดก็ได้ ก็ดี ตอนนี้เขากำลังเบื่อๆ ได้หาอะไรแปลกๆ สนุกๆ ทำสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

“ณัฐนั่งเลยจ้ะ” เธอดันร่างโปร่งบางไปยังเก้าอี้ว่างที่จัดไว้ตรงข้ามกับชายหนุ่ม และกดให้ณัฐทินีนั่งลง บริกรหนุ่มประจำร้านนำเครื่องดื่มสีส้มสวยมาเสิร์ฟให้หญิงสาว อัญชุลีกำกับด้วยคำพูดว่า

“นี่เป็นพันช์ผลไม้รวมแสนอร่อยของทางร้าน ณัฐลองชิมดูนะ อร่อยมาก” เธอพูดเป็นคุ้งแคว ก่อนจะอุทานเมื่อนึกได้ “อ้อ! ป้าเกือบลืมแนะนำตัวแน่ะ...ณัฐจ๊ะ นี่ตาน่าน หรือชลน่าน” เธอผายมือไปยังชายหนุ่ม ซึ่งยิ้มที่มุมปากนิดๆ ให้ แต่ณัฐทินีทำคอแข็งใส่ ความดีที่เขาทำเมื่อครู่ดูจะไม่ได้ซึบซาบสู่ความรู้สึกของเธอเลย

“ตาน่านจ๊ะ นี่ณัฐ หรือณัฐทินีจ้ะ”

ชลน่านยิ้มกว้างขวางกว่าเดิม

แต่ณัฐทินีกำลังขมวดคิ้ว ไม่ได้ขมวดคิ้วให้เขา หากนึกสงสัยในสรรพนามและน้ำเสียงที่แสดงถึงความสนิทสนมปนเอ็นดูที่อัญชุลีมีต่อเธอและชลน่าน สำหรับเธอ ไม่น่าแปลกใจ เพราะอัญชุลีรู้จักเธอมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กเล็กๆ ทว่ากับชลน่านนี่สิ...ป้าอัญรู้จักเขามาก่อนหน้านี้อย่างงั้นรึ

แต่อัญชุลีก็ช่วยไขข้อสงสัยของเธอในประโยคถัดไป

“สองคนนั่งคุยกันไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวอาหารจะทยอยเสิร์ฟทีละจาน แหม...ป้าล่ะดีใจจริงๆ ไม่คิดว่าจะบังเอิญจับคู่หลานๆ ของป้าได้”

“หลานๆ ของป้าหรือครับ” คราวนี้เป็นชลน่านที่เอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัยระคนอยากรู้

“อ้อ! บังเอิญว่าทั้งน่านและณัฐเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทป้าอัญน่ะสิจ๊ะ”

ณัฐทินีขมวดคิ้วยุ่ง อัญชุลีรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร จึงกล่าวอย่างรู้ใจ

“ป้าไม่ได้ตั้งใจจับคู่น่านกับณัฐนะ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่ระบบคอมพิวเตอร์เลือกจับคู่น่านกับณัฐ และป้าก็สกรีนดูอีกรอบแล้วเห็นสมควร จึงได้จัดการนัดในวันนี้” เธอไม่ได้เล่นนอกออกในกับอรุณีหรือสรียา มันเป็นผลมาจากการตอบแบบสอบถามความเข้ากันของสองหนุ่มสาวล้วนๆ

แต่ที่อัญชุลีไม่รู้คือหลานๆ ของเธอเล่นตลกกับแบบสอบถาม!

“งั้นเหรอคะ” ณัฐทินียังกังขา

“จ้ะ ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” อัญชุลียิ้มอ่อนโยน “ป้าไปก่อนดีกว่า สองคนจะได้ทำความรู้จักกันสักที” เธอพูดมากเกินไปแล้ว

“ป้าจะนั่งอยู่ด้านนอกนะ น่านกับณัฐคุยกันตามสบายเลย พอหมดรายการของหวาน ป้าจะมาหา” ไม่ต้องห่วงว่าทุกอย่างจะดำเนินการเร็วเกินไป เธอสั่งให้ห้องครัวลำเลียงอาหารทีละจาน ทิ้งช่วงอย่างเหมาะสม เพื่อสองหนุ่มสาวจะได้มีเวลาคุยกันแบบไม่รีบเร่งรวบรัด แต่ก็ไม่เชื่องช้าจนน่าเบื่อ

อัญชุลีเดินออกไป ทิ้งให้ชลน่านและณัฐทินีนั่งอยู่ตามลำพัง และชลน่านก็เป็นคนเริ่มพูด

“สวัสดีครับคุณณัฐ” เขาทักทายอย่างเป็นทางการพร้อมด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

ณัฐทินีไม่ได้ตอบ แต่เสหยิบแก้วน้ำพันช์มาดื่ม ยังคงอายไม่หายที่ทำส้นรองเท้าหักต่อหน้าเขา จนเขาถือวิสาสะอุ้มเธอไปส่งถึงรถยนต์

“ตกลงว่าเปลี่ยนรองเท้าเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ” เขาไม่พูดเปล่า แต่สายตามองต่ำลงไปเบื้องล่าง เห็นรองเท้าสีน้ำตาลเมทัลลิกคู่ใหม่ ไม่ใช่รองเท้าสีดำที่เธอสวมใส่เมื่อก่อนหน้า

“ก็เห็นแล้วนี่คะ” ยังจะถามอีกทำไม อีตาบ้า...เธอย้อน แต่ไม่ได้พูดออกไปทั้งหมด

“ครับ เห็นแล้ว” ชลน่านตอบยิ้มๆ ไม่ได้อินังขังขอบกับความขุ่นเคืองของเธอ นัยน์ตาสีเข้มเลื่อนกลับขึ้นมาตามขาเพรียวสีทองสวย ก่อนจะสบมองดวงตาสีน้ำตาลที่เปล่งประกายขึงขังใส่สายตาช่างซอกแซก

เสียมารยาท ใครใช้จ้องขาผู้หญิงแบบนี้ยะ...ณัฐทินีตัดสินใจไม่พูดออกไปดังๆ คิดว่าเขาคงไม่ใส่ใจ เผลอๆ อาจจะหัวเราะเธอเสียด้วยซ้ำ

“แล้วนี่คุณนึกยังไงถึงใช้บริการวีแมตช์เลิฟ” ชายหนุ่มสำรวจใบหน้าของเธอ นอกจากสเป็กจะตรงกับที่เขากรอกในแบบสอบถามแล้ว เขายังไม่อยากเชื่อว่าเธอคือผู้หญิงคนดังกล่าว

นี่น่ะหรือ ผู้หญิงที่อายุมากกว่าเขา บ้างาน มีงานอดิเรกคือการกินกับการนอน...เธอดูอายุพอๆ กับเขา เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่มั่นอกมั่นใจในตัวเอง เขาเชื่อไม่ลงว่าผู้หญิงอย่างเธอจะมีงานอดิเรกดังกล่าว

“แล้วคุณล่ะ นึกยังไงถึงได้ใช้บริการบริษัทจัดหารัก” เธอถามกลับ ไม่ตอบคำถามของเขา

“ก็คงจะนึกเหมือนคุณ” เขาจึงตอบยวนเธอเสียเลย และก็เป็นณัฐทินีเองที่อดรนทนไม่ได้

“บ้าสิ ฉันไม่ได้นึกเหมือนคุณแน่ๆ ฉันมาตามคำขอของแม่ต่างหาก” หญิงสาวค้อนควัก หน้างอเป็นจวัก

“แหม...เหมือนผมเดียะๆ เลย” ชลน่านทำเสียงสูงและชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ “ม๊า...” เขาชะงักไปนิด ก่อนจะแก้ไขเรียกมารดาด้วยคำที่เป็นกลางกว่า “แม่ก็ขอให้ผมมาเหมือนกัน”

ณัฐทินีถึงกับเขม่นมองอย่างไม่เชื่อ “คุณล้อฉันเล่นหรือเปล่า แม่คุณน่ะนะจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เหมือนกับแม่ฉัน”

“ผมจะล้อคุณเล่นทำไม ผมน่ะหัวอกเดียวกับคุณ ย่อมต้องเข้าใจคุณเป็นธรรมดา”

“โมเมเชียว ใครหัวอกเดียวกับคุณ” หญิงสาวอดหมั่นไส้ไม่ได้ ดูเขาจะมั่นอกมั่นใจเกินไปแล้ว

“อ้าว! งั้นก็แสดงว่าคุณเต็มใจมานัดบอดน่ะสิ” เขาทำตาโตล้อเลียน

“ไม่เชิง” เธอค้อนอีก “ฉันแค่ยอมตามใจแม่ต่างหาก”

“ดีครับ จะได้คุยกันรู้เรื่องหน่อย”

“คุยกันรู้เรื่องยังไงคะ” เธอเอียงคอน้อยๆ...นี่เขาคิดอะไรกันแน่ ทำไมดูท่าไม่น่าไว้วางใจเลย

“คุณณัฐคิดว่าแม่ๆ ของพวกเราจะหยุดอยู่แค่นี้ไหมล่ะ” สำหรับแม่ของเขา คงจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะปล่อยแพรพรรณรายไปแน่ๆ ซึ่งเขายังอยากเก็บแพรพรรณรายไว้อีกนิด...ไม่ใช่เพราะพิศวาสแพรพรรณรายมากมายนักหรอก แต่อยากต่อต้านแม่เท่านั้น นี่ถ้าวันนี้กลับไป เขาบอกว่าไม่โอเคกับนัดบอดครั้งนี้ ก็จะต้องมีนัดบอดครั้งต่อๆ ไปกับผู้หญิงคนใหม่ ซึ่งเขาไม่ต้องการเลย...ว้า...เขาไม่อยากจะยอมรับเลยว่านัดบอดกับณัฐทินีดูน่าสนใจมากกว่าตั้งเยอะ

ณัฐทินีครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะตอบตามความจริง “งานนี้ท่าทางจะยากค่ะ” แม่ไม่เคยจริงจังเรื่องผู้ชายกับเธอมากเท่ากับครั้งนี้มาก่อน

“ผมก็เหมือนกัน”

หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเขาพูด ‘เหมือนกัน’ กับเธออีกครั้ง

“แม่คุณนึกยังไงถึงต้องจับคู่ให้คุณ” เธอถาม หน้าตาเขาก็ไม่ได้เลวเกว จัดว่าหล่อเหลาเสียด้วยซ้ำ...หล่อมากด้วยเอ้า! แถมยังร่ำรวย...เอ้อ! ถ้ามันเป็นความจริงตามแบบสอบถามที่เขากรอกนะ...ผู้หญิงน่าจะตอมให้หึ่ง ไม่น่าต้องพึ่งบริการแม่สื่อให้เปลืองเงิน...เอ๊ะ! หรือจะเป็นเพราะรับนิสัยส่วนตัวไม่ได้หว่า...เธอนึกถึงสรรพคุณที่ควรจะจับคู่ตรงกับงานอดิเรกของเธอ...อืม...ผู้ชายที่เอาแต่กินกับนอนอาจจะไม่เวิร์กสำหรับคบเป็นแฟนก็ได้...จริงไหม

ชลน่านไหวไหล่ “เห็นผมอายุมากแล้วมั้ง” เขาไม่ได้ตอบเธอตรงๆ ไม่เห็นถึงความจำเป็นข้อนั้น

“อายุมาก?” เธอทวนคำของเขา นึกได้ว่าตามแบบสอบถามนั้น เขาต้องอายุน้อยกว่าเธอ แต่ใบหน้าของเขาก็ดูไม่ห่างวัยจากเธอสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ถือว่าเป็นการพูดเข้าข้างตัวเอง เธอว่าเขาหน้าแก่กว่าเธอเสียด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวนะ คุณอายุเท่าไหร่”

“ยี่สิบเก้า” เขาตอบ พร้อมถามกลับ “แล้วคุณล่ะ” เธอควรจะแก่กว่าเขา แต่เท่าที่สังเกตดูริ้วรอยบนใบหน้า เธอน่าจะอายุน้อยกว่าเขานา

“สามสิบ” เธอเชิดหน้าน้อยๆ คล้ายจะข่มว่าเธอเป็นรุ่นพี่เขา ให้เขาทำตัวดีๆ เคารพเธอให้มากๆ

“ผมไม่เชื่อ หน้าคุณไม่ให้เลย คุณเกิดวันไหน”

“ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วยล่ะ” เธอมุ่ยหน้า

“น่านะ บอกผมหน่อย ถ้ามันเป็นความจริง ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่” เขาอ้อน

“บอกของคุณมาก่อนสิ” เธอต่อรอง

“ก็ได้” เขารับคำง่ายๆ

“สาม มกรา สองสาม” เขาบอกวัน เดือน ปีพ.ศ. เกิดตามลำดับ

ตายจริง! เขาอายุอ่อนกว่าเธอเจ็ดวันเอง...ณัฐทินีไม่คิดว่าแบบสอบถามจะช่าง ‘สรรหา’ หนุ่มจับคู่ให้เธอได้ตรงเป๊ะแบบนี้

“ว่าไงครับ ตกลงคุณณัฐเกิดวันไหน”

และเมื่อเธอเงียบ เขาก็ทวง

“แน่ะ! ห้ามเบี้ยวเชียวนะครับ ผมอุตส่าห์บอกวันเกิดของผมแล้ว”

ณัฐทินีเป็นคนใจนักเลง เมื่อรับคำท้าอะไรไป ไม่เคยสักครั้งที่จะปฏิเสธไม่ทำตามคำขอยามแพ้

“ฉันเกิดก่อนคุณเจ็ดวัน” กระนั้นเธอก็ยังอดทำเป็นข่มเขาว่าเกิดก่อนไม่ได้...ฮึ! ก็ดูหน้าระริกระรื่นของเขาสิ เห็นแบบนี้แล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้สักที

ชลน่านถึงกับยิ้มกว้าง “แหม...ผมก็นึกว่าจะห่างกันเป็นปีเสียอีก”

“ทำไม สเป็กคุณเป็นสาวแก่งั้นเหรอ” เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต่อปากต่อคำกับเขาไปเรื่อยๆ เธออาจเป็นคนชอบพูด แต่ไม่ใช่คนชอบเถียง

“ก็คงเหมือนคุณณัฐที่ชอบหนุ่มเอ๊าะๆ” หนุ่มเอ๊าะๆ หลิ่วตาให้

ณัฐทินีเกือบจะโวยวาย ถ้าไม่สำเหนียกว่าได้กลิ่นทะแม่งๆ จากเรื่องนี้

“คุณแอบมั่วข้อมูลในแบบสอบถามใช่ไหม” เธอชี้หน้าเขาอย่างกล่าวหา

ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ บริกรก็ยกของว่างมาเสิร์ฟ เป็นเปาะเปี๊ยะไส้ปูอัดชีส รับประทานกับน้ำจิ้มสองแบบ คือแบบครีมเปรี้ยวๆ มันๆ กับแบบน้ำเชื่อมรสหวานปนเผ็ด

ชลน่านแกล้งทำไก๋ ใช้ส้อมจิ้มเปาะเปี๊ยะทอดจิ้มน้ำจิ้มครีมแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆ

“คุณน่าน!” เธอย้ำและขึงตาดุๆ ใส่ เป็นครั้งแรกที่เรียกเขาด้วยชื่อเล่น

“ไม่ชิมสักหน่อยเหรอครับ อร่อยดีนะ” เขายื่นเปาะเปี๊ยะให้เธอ

เธอปัดมือเขาออก ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์อยากกินอะไรทั้งนั้น

“คุณมั่วข้อมูล” น้ำเสียงจริงจังมั่นใจ

มุมปากของชลน่านโค้งสูงเป็นรอยยิ้ม เธอจึงรู้ว่าเข้าใจไม่ผิด

“ผมคิดนะว่าถ้ากรอกข้อมูลให้แปลกเข้าว่า ตั้งสเป็กผู้หญิงสูงๆ เข้าไว้ คอมพิวเตอร์คงจะจับคู่ยาก แต่ที่ไหนได้” เขาเอาเปาะเปี๊ยะที่เธอปฏิเสธเข้าปากตัวเอง เคี้ยวและกลืน ก่อนจะพูดต่อ “ดูซิ ผมเพิ่งจะส่งแบบสอบถามเมื่อไม่กี่วันก่อนเอง แต่ไหงถึงได้ถูกจับคู่เร็วแบบนี้ก็ไม่รู้”

“ฮึ! คุณนะ ฉันเลยพลอยซวยไปด้วย” เธอโทษเขา และเริ่มจิ้มเปาะเปี๊ยะกินบ้างด้วยความโมโห

“แหม...เราสองคนอาจจะเป็นคู่สมพงศ์ก็ได้นะ ถึงได้ทำอะไรตรงใจกันไปเสียหมด” เขาหยอกเล่น เน้นเสียงคำว่า ‘ตรงใจกัน’ เป็นพิเศษ

“แสดงว่าไอ้ที่คุณกรอกลงไปในแบบสอบถามนี่เป็นของเก๊ทั้งหมดเลยใช่ไหมเนี่ย”

“เปล่าครับ แค่นิสัยส่วนตัว สเป็กผู้หญิง แล้วก็งานอดิเรก” เหลือแต่พวกประวัติส่วนตัวเท่านั้นกระมังที่เป็นของจริง หรือจะว่าไปก็เกือบทั้งหมดนั่นแหละที่ปั้นแต่งขึ้น

ณัฐทินีเชื่อเขา เพราะเธอก็ทำเหมือนเขาเด๊ะๆ

“แล้วคุณณัฐล่ะ เมกข้อมูลอะไรบ้าง”

“สเป็กผู้ชายกับงานอดิเรก”

“กินกับนอน” เขาเอ่ยขึ้นมาเมื่อนึกถึงงานอดิเรกที่เขียนในแบบสอบถาม

“คุณคงไม่ได้มีงานอดิเรกเป็นการกินกับการนอนจริงๆ ใช่ไหม” เธอมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง

“เปล่าครับ ผมชอบดูหนังอยู่กับบ้านมากกว่า” ส่วนใหญ่ชีวิตเขาผูกติดกับออฟฟิศ ดังนั้นถ้ามีเวลาว่าง จึงมักชอบขลุกอยู่กับบ้านและผ่อนคลายอารมณ์ด้วยการดูโทรทัศน์ ไม่ก็ดีวีดีภาพยนตร์ที่เขาซื้อมาเก็บไว้เป็นตั้ง

เมื่อทราบงานอดิเรกที่แท้จริงของเขา ณัฐทินีถึงกับเขม่นมองเขาด้วยสายตาดุๆ

“คุณอย่ามาล้อเล่นนะ”

“โธ่! ถึงขั้นนี้แล้ว ผมไม่ล้อเล่นหรอกน่า” ก็เหมือนกับไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่นั่นแล “อย่าบอกนะว่างานอดิเรกจริงๆ ของคุณคือดูหนังอยู่กับบ้านเหมือนกัน”

เธอตอบเขาด้วยการพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

ชลน่านหัวเราะก๊าก...นี่มันสนุกจริงๆ นั่นแหละ

“หัวเราะทำไม” ณัฐทินีไม่ขำสักนิด

“ขอโทษครับ ขอโทษ” เขาโบกมือไปมา “นี่ตกลงว่าเราสองคนไม่อยากจะเล่นเกมจับคู่ของคุณแม่ เลยเมกข้อมูลมั่วๆ จนบังเอิญถูกจับคู่กันเองใช่ไหมครับเนี่ย” เขาสรุปพร้อมรอยยิ้มกว้างขวาง ตรงข้ามกับเธอที่ยิ้มบึ้ง

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นมั้ง” จะให้เธอเดาอะไรได้อีกล่ะ

“ถามจริงเถอะ คุณชอบนัดบอดหรือเปล่า”

“ฉันคงตอบเหมือนคุณ”

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอพลางส่ายหน้านิดๆ...เธอเหมือนคู่แฝดของเขาจริงๆ พับผ่า

“อยากจะใช้ชีวิตประจำวันแบบไม่ถูกคุณแม่รบกวนไปสักพักไหมครับ” เขาโน้มตัวมาข้างหน้า มือเท้ากับโต๊ะ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มข้นเป็นประกายอย่างเจ้าเล่ห์

คิ้วของเธอหยักเป็นรอยขมวดม้วน “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” เธอไม่ค่อยจะอยากไว้ใจเขาเล้ย ก็สายตาที่เขามองเธอ น่าไว้ใจที่ไหนกัน

“แทนที่จะปล่อยให้นัดครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ ลำบากอี๊อัญต้องคอยหาชายหญิงที่เหมาะสมมาจับคู่กับเราสองคนไปเรื่อยๆ สู้แกล้งทำเป็นว่าเราสองคนชอบพอกัน ถูกใจอยากจะลองคบหากันดู คงน่าจะช่วยให้พวกเรารอดจากนัดบอดครั้งอื่นๆ ได้บ้าง”

“พูดอย่างกับทำได้ง่ายๆ คุณรู้หรือเปล่าว่าถึงจะขอนัดเจอกันเรื่อยๆ แต่ในเมื่อยังมีแบบสอบถามนั่น เราก็ยังมีโอกาสถูกจับคู่กับคนอื่นอยู่ดี” เธอทำใจว่าจะต้องมีเรื่องวุ่นวายตั้งแต่ตอนกรอกแบบสอบถามแล้ว นี่เป็นเรื่องวุ่นวายแรกที่เกิดขึ้น

“แต่เราจะปฏิเสธคนอื่นได้ง่ายขึ้น แล้วแม่ของพวกเราจะได้ไม่ต้องมาคอยจี้เรื่องนี้ด้วย คุณว่าแผนของผมไม่เข้าท่าหรอกหรือ”

เธอส่ายหน้า “ไม่รู้สิ แต่ฉันไม่เห็นว่าจะเข้าท่าตรงไหน” มันดูซับซ้อนเกินไป แล้วก็...สุ่มเสี่ยงเกินไป

“คุณณัฐลองเก็บไปคิดดูก็แล้วกัน” เขาไม่ยอมรับคำปฏิเสธของเธอ “ถ้าคุณคิดได้ตรงกับผมเมื่อไหร่ โทรฯ หาผมนะ” เขาดึงปากกามองต์บลังค์และซองนามบัตรยี่ห้อเดียวกันออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขียนเบอร์โทรศัพท์มือถือใส่การ์ดแข็งและยื่นให้

“ผมไม่ค่อยให้เบอร์ส่วนตัวกับใครเท่าไหร่หรอกนะ” เขาเอ่ยเมื่อเห็นเธอดูไม่ค่อยสนใจนามบัตรของเขา

“ทำอย่างกับฉันอยากได้เบอร์ของคุณนักนี่”

“งั้นแลกเบอร์กันก็ได้”

จะบ้าเรอะ! ทำไมเธอจะต้องให้เบอร์เขาด้วยล่ะ...คิดดังนั้น จึงรับนามบัตรของเขามาเก็บใส่กระเป๋า ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กินเปาะเปี๊ยะทอดต่อ

เขาถอนหายใจด้วยความเสียดาย ความจริงอยากจะได้เบอร์ติดต่อของเธอเหมือนกันนะ แต่จะโทรศัพท์หาเธอหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง

ไม่เป็นไร เบอร์โทรฯ คงจะเลียบเคียงถามจากอี๊อัญได้ไม่ยาก

ว่าแต่เขาจะเอาเบอร์เธอไปทำไมกัน...เขาสงสัยตัวเองอีกแล้ว

“อร่อยดีใช่ไหม” เขาเปลี่ยนเรื่องตามเธอ ทว่าในใจยังคงคิดถึงเรื่องเดิม

ณัฐทินี ผมมีลางสังหรณ์ว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีก

เราสองคนท่าจะดวงสมพงศ์กันของจริงแล้วล่ะ!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
================================================================

ดนัยภัทรเดินทางถึงซันเซ็ตรีสอร์ตราวเที่ยง เขาและชาติชายส่งเพื่อนคนอื่นลงไปติดต่อเคานเตอร์เช็กอินระหว่างหาที่จอดรถ

ด้านนอกของซันเซ็ตรีสอร์ตดูเล็กแคบ หากเมื่อเดินเข้าไปด้านในกลับใหญ่โตกว้างขวาง รีสอร์ตตกแต่งสไตล์โอเรียนทอลโมเดิร์น ให้กลิ่นอายบาหลีและทะเลเขตร้อน เคานเตอร์เช็กอินเป็นแบบเปิดโล่ง อยู่ภายใต้หลังคาโดมมุงจาก ใกล้เคียงกันนั้นเป็นล็อบบีตกแต่งแบบเดียวกัน เน้นความโอ่อ่าของสถานที่และบรรยากาศสบายๆ ของทะเล

ฤทัยและลินดาเดินนำหน้า อังกฤษและหนุงหนิงเดินตาม ตบท้ายขบวนด้วยปัณณธรและสดับพิณ

พนักงานในชุดเสื้อเชิ้ตฮาวายลายดอกดวงสีสดใสเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มแจ่มใส พร้อมกับบริการผ้าเย็นกลิ่นหอมโคโลญและน้ำมะตูมเย็นชื่นใจ

ปัณณธรชะงักมือที่กำลังยื่นออกไปรับน้ำมะตูมเมื่อนึกได้ว่ายังถือแก้วกาแฟอยู่

“พิณ จะดื่มอีกหรือเปล่า ถ้าไม่ดื่มจะทิ้งแล้วนะ” แก้วใบนี้ไม่ได้ถูกเปลี่ยนมือตั้งแต่ที่เธอขอชิมกาแฟคำเดียว แถมยังถูกเธอดื่มคนเดียวไปกว่าครึ่งแก้ว

“เอ้อ มะ...ไม่เอาแล้ว ทิ้งได้เลย” สดับพิณตอบเสร็จก็รีบแสร้งทำเป็นดื่มน้ำมะตูมต่อ

ปัณณธรฝากพนักงานทิ้งแก้วกาแฟและหันมาถือแก้วน้ำมะตูมแทน เธอไม่ได้เข้าไปมุงที่เคานเตอร์กับฤทัยและคนอื่นๆ แต่หันมาซักเรื่องที่สงสัยกับญาติสาว

“แล้วนี่พิณนึกยังไงถึงได้ซื้อกาแฟทั้งที่ไม่ดื่มกาแฟ เปลี่ยนมาดื่มกาแฟตั้งแต่เมื่อไหร่ คราวก่อนไปร้านเค้กด้วยกัน พิณยังดื่มโกโก้อยู่เลยนี่”

สดับพิณยิ้มแห้งๆ “คือ...คือว่า...” แล้วก็พูดไม่ออก บอกไม่ถูกเสียอย่างงั้น “พิณไม่รู้จะอธิบายยังไงดีน่ะปันปัน”

“เอ้า! ก็อธิบายมาตรงๆ นั่นแหละ ทำเป็นมีลับลมคมนัย ปิดบังอะไรอยู่เหรอ”

“คือ...ก็...” ปัณณธรพูดแทงใจดำจนสดับพิณกระอึกกระอัก “พิณ...ก็พิณอยากลอง” สุดท้ายจำใจโป้ปดออกไป จะให้บอกปัณณธรได้อย่างไรล่ะว่าถูกดนัยภัทรต้อนด้วยสายตาจนจำต้องสั่งกาแฟแทนโกโก้

“เฮ้อ...พิณน้า จะลองไปทำไมในเมื่อรู้ตัวว่าดื่มไม่ได้ ดื่มทีไร เป็นต้องใจสั่นแล้วก็นอนไม่หลับทุกที”

“ปันปันอย่าบ่นพิณเลย พิณไม่ได้ชิมกาแฟนานแล้ว เลยอยากชิมอีกครั้ง” เมื่อหลุดพ้นจากข้อสงสัยได้ สดับพิณก็เกาะแขนอีกฝ่ายแจอย่างประจบเอาใจ

“เอาเถอะ คงจะไม่ได้ดื่มเยอะหรอกมั้ง ตอนปันรับแก้วมา กาแฟยังเต็มแก้วอยู่เลย”

“คำเดียว” เฉพาะตอนที่ดนัยภัทรจ้องมาด้วยสายตาจับผิดนั่นแหละ...เอ้อ! อาจจะสองคำ เพราะตกใจสายตาเขาแล้วดูดกาแฟเพิ่มอึกใหญ่

“ใจสั่นหรือเปล่าเนี่ย” ปัณณธรถามอย่างเป็นห่วง

“ก็...นิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากหรอก พิณดื่มกาแฟนิดเดียวเอง” ถ้าใจเต้นหวิวๆ คล้ายจะเป็นลม เธอจะสูดลมหายใจลึกๆ เธอรู้ว่าแม้ดื่มกาแฟนิดเดียวก็เป็นผลต่อร่างกาย แต่จำต้องดื่ม เพราะทนให้ดนัยภัทรมองด้วยสายตาเหยียดหยามไม่ได้ เขาต้องคิดว่าเธอเป็นลูกคุณหนูทำอะไรไม่เป็นแน่ๆ...แต่จะว่าไปเธอก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ...เฮ้อ...

“ระวังเถอะ คืนนี้จะนอนไม่หลับ”

“ไม่เป็นไร พิณมีปันปันเป็นเพื่อนอยู่ทั้งคืน”

“แหม...ใครจะบอกว่าปันจะยอมถ่างตาอยู่เป็นเพื่อน”

“พิณบอกเอง เพราะพิณรู้ว่าปันปันใจดี” สดับพิณถูศีรษะกับญาติสาวคล้ายลูกแมวอ้อนขออาหาร ระหว่างนั้น ดนัยภัทรกับชาติชายก็เดินเข้ามาพอดี ชาติชายอมยิ้ม ชอบใจท่าทางเหมือนเด็กเล็กๆ ของหญิงสาว หากดนัยภัทรกลับนิ่วหน้า มองราวกับเห็นเธอเป็นสัตว์ประหลาดเขางอก ทำเอาเธอซึ่งช้อนตาขึ้นมาพอดีถึงกับหยุดออเซาะปัณณธรโดยพลัน

พนักงานรีสอร์ตเดินเข้ามาต้อนรับสองหนุ่ม พร้อมกับฤทัยและลินดาที่เดินเข้ามา

“เช็กอินแล้วล่ะ ห้องของพวกเราเบอร์สิบสอง” ลินดาชูอวดกุญแจในพวงกุญแจรูปพระอาทิตย์ซึ่งทำจากไม้ระบายสีส้มและเหลืองสด

“อยู่ตรงโน้น” ฤทัยชี้ไปยังอาคารฝั่งขวา ซึ่งเป็นอาคารปูนสีอิฐสูงสองชั้น มุงกระเบื้องสีเขียวไข่กา “ห้องริมสุด” ทั้งอาคารมีห้องทั้งหมดเก้าห้อง แต่ะละห้องมีสองชั้น เรียงติดกันเป็นแถว ทุกห้องมีระเบียง สามารถมองเห็นอ่างอาบน้ำจากุซซีกับฝักบัวกลางแจ้งได้จากจุดที่เธอกำลังเดินอยู่

สดับพิณแทบไม่ได้ฟังการสนทนาของคนอื่นๆ เธอกำลังดื่มด่ำกับสถานที่ใหม่ที่ไม่คุ้นเคย เธอเดินไปตามทางหินซึ่งแยกออกเป็นสองทาง ตรงกลางเป็นทั้งสระน้ำกับน้ำตก ต้นไม้สีเขียวรกครึ้ม และศาลาเปิดที่สร้างจากไม้และจาก ไม่รู้ว่าอุปทานไปเองหรือเปล่า เธอคิดว่าได้กลิ่นมะลิกับลาเวนเดอร์อวลน้อยๆ อยู่ในอากาศ แล้วเธอก็พบว่าตัวเองไม่ได้คิดเพ้อ เมื่อเห็นตะเกียงน้ำมันหอมซ่อนอยู่ริมทางเดินเป็นระยะ

“เป็นไงพิณ ชอบล่ะสิ” ปัณณธรถาม เห็นประกายตื่นเต้นระคนยินดีในดวงตาสีนิลของญาติสาวแล้วพลอยสุขใจไปด้วย เธอเองก็ชอบซันเซ็ตรีสอร์ตเหมือนกัน สวยงาม ร่มรื่น ไม่จอแจ ช่างเหมาะกับการพักผ่อนจริงๆ

สดับพิณหันมายิ้มกว้าง

“ชอบสิ ชอบมากเลย” แม้จะเคยพักบูติกรีสอร์ตสวยหรูมาบ้าง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ได้เจอะเจอสิ่งแปลกใหม่ ครั้งนี้ยิ่งตื่นเต้นเป็นพิเศษเนื่องจากมาเที่ยวกับกลุ่มคนที่ต่างออกไปจากเดิม

“เออ! เกือบลืมไปเลย พิณโทรฯ รายงายตัวหรือยัง” ปัณณธรค่อนข้างซีเรียสเพราะรับปากยุทธการว่าจะดูแลสดับพิณเป็นอย่างดี และนั่นหมายถึงทุกเรื่อง

สดับพิณเบิกตากว้าง

“ตายแล้ว! ลืมไปเลย” เธอรีบคว้าโทรศัพท์มือถือสีชมพูออกมากดเบอร์บิดา ไม่รู้ตัวเลยว่าตลอดเวลาที่สนทนากับบิดานั้น อยู่ในความสนใจของดนัยภัทรตลอดเวลา

ยายตุ๊กตานี่เป็นเอามากแฮะ ต้องรายงานตัวผู้ปกครองทุกฝีก้าว ทำเหมือนเด็กเล็กๆ แบบนี้ตลอดเวลาเลยหรือ

อืม...แต่ก็น่าจะต้องให้โทรฯ รายงานตัวล่ะน่า ถ้าลูกเขาดูหน่อมแน้มแบบนี้ ก็คงต้องเป็นห่วงเหมือนกัน ว่าแต่โทรฯ หาแม่บ้างดีกว่า แกล้งยวนยายตุ๊กตาเล่นๆ

ดนัยภัทรไม่รอช้า ล้วงเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่มากดโทรฯ ออกบ้าง

“ฮัลโหล แม่ครับ ภัทรถึงที่พักแล้วนะครับ...ฮ่าๆ นึกยังไงถึงโทรฯ มาเหรอครับ อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดี...” เขาเหล่มองสดับพิณที่หันมามองเขาอย่างสงสัย เขายิ้มให้เธอนิดๆ หากเธอสะบัดหน้าหนี

“พอดีคิดถึงแม่ เลยโทรฯ มาน่ะครับ ฮ่าๆ แม่ก็...อย่าเข้าใจเจตนาภัทรผิด ภัทรอยากเป็นลูกแหง่บ้าง แม่ไม่ชอบเหรอ...ฮ่าๆ ครับๆ แน่นอนครับ บ๊ายบายครับแม่” เขาวางสายลงก่อนจะผิวปากอย่างอารมณ์ดี

ทว่าเสียงผิวปากของเขากลับกวนประสาทใครบางคนเสียนี่กระไร

จบบทที่ 4
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
================================================================

หวัดดีค่า

มาแปะต่อแล้วนะคะ ช้ามากๆ เลยค่ะ ต้องขอโทษมากๆ ช่วงนี้ยุ่งสุดๆ เรื่อง Hidden Love ที่ว่าจะแปะให้ก่อนก็พลอยช้าไปด้วย นี่เลยแปะแก้ตัวให้สามบทรวด แต่สำหรับคู่ร้ายฯ ขอเป็นบทนึงไว้ก่อนนะคะ

บทนี้น่านกับณัฐได้เจอกันแล้ว อ่านแล้วชอบกันไหมคะ น่านก็ชักจะยังไงๆ 55 แต่ณัฐตงิดใจเลยค่อนข้างระวังตัวแจทีเดียว ส่วนพิณกับภัทร คงมีเรื่องวุ่นๆ ตามมาอีกเยอะ เพราะแอบหมั่นไส้ซึ่งกันและกันมาก่อนแล้ว (ชอบตอภัทรโทรศัพท์ไปหาแม่ปิดท้ายบทนี้)

บทที่แล้ว ในการตอบกระทู้ มีตอบคุณ choco ผู้อ่านคนหนึ่งเกี่ยวกับนิสัยการตอบแบบ “นางเอกน้ำเน่า” ของสดับพิณตอนเผลอสั่งกาแฟแทนโกโก้เพราะโดนดนัยภัทรกดดัน ตอนแรกมิถุนาตอบอีกแบบ แต่พอกลับไปอ่านบทที่ 3 ก่อนจะมาแต่ง/แก้บทที่ 4 จึงได้รู้ตัวว่ามิถุนาเบลอแล้ว (เขิน) เลยต้องไปเขียนคำตอบในกระทู้เพิ่ม สรุปว่ายายหนูพิณของเรา ตอบแบบนางเอกน้ำเน่าแหละค่ะ ไม่ยอมรับว่าดื่มไม่ได้ ก็ประมาณไม่ชอบหน้าภัทรเพราะเห็นภัทรไม่ชอบเธออยู่แล้ว และกำลังอยากจะทำแข็งบ้าง ภัทรที่มองเธอแบบข่มๆ หยามๆ เลยโดนฤทธิ์ยายหนูพิณ (จะว่าโดนฤทธิ์ก็ไม่ได้นะคะ เพราะพิณทำตัวเองอ่า) จะว่าไปมีแต่ภัทรล่ะค่ะที่ยายหนูพิณจะกล้าแข็งด้วย กับคนอ่านก็เหมือนเดิม (ต่อไปอาจจะต้องสงสารภัทรแทน)

ใกล้จะถึงงานสัปดาห์หนังสือแล้ว เพื่อนๆ เตรียมเงินไว้ซื้อหนังสือหรือยังคะ มิถุนาก็...พอมีบ้าง แต่ยังไม่ได้ลิสต์รายชื่อเลยค่ะ แต่คาดว่าจะเสียทรัพย์เยอะพอสมควร

ในงานสัปดาห์หนังสือจะมีนิยายใหม่ของมิถุนาวางแผงด้วยนะคะ เรื่อง “คืนปรารถนา” ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อเป็น “ปรารถนารัก” ดังนั้นถ้าเห็นชื่อใหม่ก็ไม่ต้องงงไปนะคะ เรื่องเดียวกันค่ะ ไม่รู้หน้าปกจะเป็นยังไง ยังไม่ได้ถามทางสนพ. เลยค่ะ ถ้ามีข่าวจะมาอัพเดตเพิ่มนะคะ

บทต่อไป คาดว่าน่าจะช้าเหมือนกันค่ะ ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายมากเลย ขออภัยล่วงหน้านะคะ คนอ่านอย่าเพิ่งหนีหายไปก่อน มิถุนามาแปะให้จนจบแน่นอนค่ะ
มิถุนา
Busaba401@hotmail.com
//mtihuna.bloggang.com



Create Date : 20 กันยายน 2552
Last Update : 21 กันยายน 2552 10:16:26 น. 6 comments
Counter : 766 Pageviews.

 
คู่ของณัฐกับน่าน น่ารักมากเลยคะ อ่านไปก็ยิ้มไป ดูๆไปก็เป็นคู่ที่เหมาะสมดี

ส่วนเรื่อง "ปรารถนารัก" นี่จะออกกับสนพ.อะไรคะ ใช่ยาหยีฯหรือเปล่า


โดย: unna_jung IP: 124.121.36.124 วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:0:59:29 น.  

 
unna_jung ฮี่ๆ ดีใจที่ชอบคู่น่านกับณัฐนะคะ :-))
รอดูกันต่อไปค่ะว่าจะมีเรื่องวุ่นๆ อะไรไหม

ใช่แล้วค่ะ เรื่องปรารถนารัก ออกกับยาหยีค่า
:-))


โดย: มิถุนายน วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:9:13:20 น.  

 
ปัญหาเรื่อง pop-up เคยเป็นเหมือนกัน
แจ้งไปทางทีมงานพันทิป เขาว่าเป็นที่ c-box
พอเอาออกแล้วก็หายค่ะ

(แต่ลองเปิดแล้วไม่เป็นนะคะ)


โดย: กระปุกกลิ้ง IP: 203.150.232.78 วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:12:25:51 น.  

 
กระปุกกลิ้ง อ้อออ ไว้วันหลังถ้ามีใครเจอปัญหา จะได้แจ้งทางบล็อกแก๊งค์ได้ ขอบคุณมากค่า :-))


โดย: มิถุนายน วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:14:30:13 น.  

 
คู่พี่สาวพี่ชาย เปรี้ยวดีค่า ชอบๆ

ส่วนคู่น้องนี้ แอบสงสารพิณ โดนแกล้งนะ


โดย: Rumbles IP: 62.6.163.65 วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:2:49:29 น.  

 
Rumbles คู่พี่จะแสบๆ กันหน่อย
คู่น้องน่ารักๆ ค่ะ เดี๋ยวรอดูตอนภัทรหวานในสาวดีกว่านะคะ อิๆ


โดย: มิถุนายน วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:11:45:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.