6. กลับไปหานูต้า
“ยาย..ได้น้องหมามาจากไหนอีกล่ะน่ารักจัง” น้าข้าง ๆ บ้านที่ชะเง้อหน้ามองลอดรั้วบ้านถาม
“ก็ทิฟฟี่ ..ลูกของนางคุกกี้ไง..” ยายตอบ
“แล้วไปอยู่ที่ไหนมาล่ะ”
“อยู่กับน้องสาวที่มุกดาหารโน่น.. พอดีช่วงนี้เจ้าของไม่อยู่บ้าน ไปต่างประเทศ ไม่อยากให้น้องหมาร้องไห้อยู่บ้านคนเดียว..จึงเอามาฝากไว้ชั่วคราว”

ก่อนที่หนูจะเดินทางกลับมาบ้านยาย หนูได้ยินนายป้ากับยายคุยกัน
“จะไปญี่ปุ่นสัปดาห์กว่า ๆ ..ไม่อยากทิ้งพัฟฟี่ไว้.. เดี๋ยวก็ร้องไห้อีกหรอก..น่าสงสาร”
อีกไม่กี่วันต่อมา..หนูก็ถูกอุ้มขึ้นรถเก๋ง..คันเดียวกันกับตอนที่เอาหนูมานี่ ..คนขับก็คนเดิม.. ยายให้หนูนอนหมอบลงที่พื้นใกล้เท้ายายตรงเบาะหน้า.. หนูไม่รู้หรอกว่าพวกเขาจะพาหนูไปไหน..และแล้วหนูก็ต้องดีใจแบบสุด ๆ เมื่อรถจอดสนิท.. กลิ่นที่หนูรู้จักดีก็โชยมา.. นูต้านั่นเอง

เจอกับนูต้าครั้งนี้.. หนูทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ.. จะได้มีเพื่อนเล่น.. อยู่บ้านนายป้า หนูไม่มีเพื่อเล่นเลย ..

นูตาตัวใหญ่กว่าหนูนิดหนึ่ง ..สูงโย่ง ขนสำน้ำตาลแหลืองเหมือนแม่.. ใบหูกว้างตั้งชัน หน้าฝากมีรอยย่นของหนัง..ลักษณะเหมือนสิงโต.. เราต่ำจำกลิ่นของกันและกันได้ .. ได้วิ่งเล่นกันทั้งวัน..แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน..เช่น การยืนเอาสองเท้าหน้าพาดขอบโอ่ง หรือถังน้ำแล้วก้มลงเลียจ๊วบ ๆ .. อันนี้นูต้าเรียนรู้ได้เร็ว..และก็ชอบด้วย

“เฮ้ย..อย่าล้วงลงไปในโอ่งน้ำสิ.. ทิฟฟี่..สอนนิสัยไม่ดีให้นูต้าเหรอ..ฮึ” เราสองรีบวิ่งหนีก่อนที่ยายจะโมโหมากกว่านั้น ..แต่นูต้าก็ล่าไม่เป็น..และไม่เคยทำ เพราะไม่มีคนสอนมาก่อน วัน ๆ จึงชอบไปเหล่สาว ๆ แถวใกล้ ๆ บ้าน หนูจึงสอนวิธีล่าให้น.. แต่นูต้าก็ดูเอื่อย ๆ ไม่ค่อยอยากเรียนรู้.. สิ่งเดียวที่นูต้าชอบคือ..การไล่ล่านังกุ๊กไก่.. และโดยเฉพาะเราทำงานกันเป็นทีม.. ช่วยกันต้อน..ดักหน้าดักหลัง และนังกุ๊กไก่แถว ๆ นี้ก็บินไม่เก่งเหมือนแถว ๆ บ้านนายป้า.. รายไหนก็รายนั้นเสร็จเราทุกรายเลย
“เฮ้ย..ๆ หยุด..หยุด..” เสียงคุณตาตะโกนไล่หลังมา..แต่เสียงร้องของแม่กุ๊กไก่ตรงหน้านี้เย้ายวนเขี้ยวมากกว่า ..เสียงบอกให้หยุด เป็นดังเสียงกระตุ้นพวกเราว่า..รีบจัดการให้เสร็จเดี๋ยวจะพลาดโอกาสทอง
“วันนี้สองตัว.. เมื่อวานตัวหนึ่ง..ลูกเจี๊ยบอีกหลายตัว.. แบบนี้ก็ไม่ไหวสิ” เราสองก็ได้แต่นอนหมอบทำตัวเจี่ยมเจี้ยมเมื่อถูกยายดุ และก็เป็นหน้าที่ของยายที่ต้องไปจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหาย

วันต่อ ๆ มาพวกนังกุ๊กไก่ก็ไม่เข้ามาหาอาหารใกล้ ๆ บริเวณบ้านของยายเลย เราจึงเปลี่ยนกิจกรรมเล่นใหม่..โดยนูต้าพาวิ่งออกไปที่ทุ่งนาใกล้ ๆ เพื่อไปลุยน้ำลุยโคลน.. พวกเราวิ่งฝ่าดงหญ้าเจ้าชู้..จึงโดนดอกหญ้าทิ่มแทงเอาเต็มตัว.. ขาทั้งสี่ก็เต็มไปด้วยเม็ดดอกหญ้า. รู้สึกเจ็บแปลบ ๆ และคัน ๆ .. แต่ก็ไม่มีเวลาสนใจเพราะกิจกรรมน่าสนใจรออยู่ตรงหน้า..เราวิ่งไล่ปล้ำกันในน้ำ..วิ่งฝ่าแปลงนาข้าวที่กำลังอุ้มท้อง.. เห็นสัตว์รูปร่างแปลก ๆ หลายอย่าง เช่น..เจ้าปูนาขาเกที่กำลังกัดกินกอข้าว.. เจ้าเขียดสีเขียวขายาวกระโดดไปมา..หอยเชอรรี่สีดำ ๆ กลม ๆ มั้งเล็กทั้งโตที่เกาะอยู่ตามกอข้าว..ปลาเล็กปลาน้อยที่แหวกว่ายไปมาในน้ำ..หนูพยายามใช้อุ้งเท้าตะปบมันแต่ก็ได้แค่ทำให้น้ำแตกเป็นฟองกระเด็นใส่หน้าตัวเองเพราะมันว่ายเร็วมาก..แต่ก็สนุก อีกอย่างอยู่บ้านนายป้าไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้..เล่นจนเหนื่อย..จึงพากันวิ่งกลับบ้าน
“ตายแล้ว..ทำไมมอมแมมจังเลย..ตัวเปอะเปื้อนไปด้วยโคลนตม” แล้วยายก็จับเราสองอาบน้ำ

เราเล่นกันอย่างนั้นทุกวัน..บางวันก็มีเพื่อบ้านไปเล่นด้วย.. เล่นเพลินจนแทบไม่มีเวลาทานข้าว..

“มัวแต่พากันวิ่งเล่น..จนไม่หิวข้าวหิวน้ำเลยนะ” ยายพูดเหน็บแนมพวกเรา หญ้าเจ้าชู้ก็ทิ่มแทงเต็มตัว.. เวลาอาบน้ำก็รู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ เวลาตัวแห้งแล้วก็ยังรู้สึก..จึงต้องเกาบ่อย ๆ ..บางแห่งก็เป็นแผลอักเสบและมีหนอง..อันนี้ยิ่งเจ็บแสบเข้าไปใหญ่..

และแล้วก็ต้องถึงวันลาจากนูต้า.. เมื่อรถคันเดิม..คนขับคนเดิมแวะมารับ
“ไปพัฟฟี่.. กลับบ้าน..นายของเธอรออยู่ที่บ้าน” คนรับส่งหนูพูดพร้อมกับอุ้มหนูขึ้นรถ.. จากนั้นรถก็เคลื่อนห่างออกไป ๆ ..แล้วหนูก็ม่อยหลับ.. มาตื่นอีกทีก็ถึงบ้านนายป้าแล้ว

“หวัดดี..พัฟฟี่..ไปอยู่กับนูต้าเป็นยังไงบ้าง” นายป้าวิ่งออกมารับ แต่พอนายป้าเห็นหนูเท่านั้นแหละ
“ตายแล้ว.. ทำไมหนูโทรมอย่างนี้..ดูสิ ผอมก็ผอม.. ขนก็โกร๋น ๆ ยังกับเป็นโรคเรื้อนแน่ะ”
“ยายบอกว่า..มัวแต่พากันวิ่งเล่น แทบไม่ทานข้าวเลย” คนรับส่งหนูรายงาน

นายป้าอาบน้ำให้หนูและช่วยดึงเอาดอกหญ้าเจ้าชู้ที่มีอยู่เต็มตัวออกให้.. กว่าจะกลับมาขนสวยเหมือนเดิมได้ต้องใช้เวลาเป็นเดือนแน่ะ ..ดีใจที่ได้เจอนายป้า..แต่อยากเล่นกับนูต้ามากกว่า ..หนึ่งเดือนเต็ม ๆ ที่อยู่กับนูต้า.. หนูเหงา..ซึมเศร้าอยู่หลายวัน.. นูต้าก็คงไม่ต่างไปจากหนู...แต่ละวันหนูจะไปนอนบริเวณหน้าบ้าน.. จ้องมองไปที่ประตูทางเข้า..หวังเหลือเกินว่าจะเห็นนูต้าโผล่มา..แต่ก็ไร้วี่แวว

“พัฟฟี่มีอาการเซื่งซึง..เหงาหงอย..ต่อไปคงไม่ให้ไปอีกแล้ว” ได้ยินเสียงนายป้าคุญโทรศัพท์ พอหยุดคุยแล้วก็หันมาหาหนู
“พัฟฟี่...ยายบ่นว่าหนูน่ะไปสอนวิธีล้วงโอ่งล้วงแอ่งให้กับนูต้า.. และที่แย่ที่สุด..ตอนนี้นูตากัดไก่ชาวบ้านตายทุกวัน..ยายบ่นว่านูต้าได้นิสัยเสียมาจากหนู..ฮึ”



คิดถึงนูต้าจัง




นี่แหละหนุ่มน่ารักนูต้า



Create Date : 01 กรกฎาคม 2554
Last Update : 2 ตุลาคม 2554 23:03:19 น.
Counter : 446 Pageviews.

0 comment
5. นักล่าหน้าหวาน
อยู่บ้านหนูต้องปฏิบัติตามข้อห้ามหลาย ๆ อย่าง เช่น ‘ห้ามคาบรองเท้าไปทิ้งที่อื่น’ ‘ห้ามกัดรองเท้า’ ‘ห้ามคุ้ยขยะ’ เวลานายป้าวางอาหารไว้ ก็ ‘ห้ามแอบกิน’ หรือเวลาทำอะไรบางอย่าง หนูเข้าไปดู
ใกล้ ๆ ก็จะ ‘ห้ามยุ่ง’ ‘ห้ามแอบออกไปเล่นนอกบ้าน’ เวลานายป้าเอารถเครื่องออกไปก็ ‘ ห้ามวิ่งตาม’ ‘ห้ามแอบเข้าไปนอนในห้องโถงบ้านเวลานายทั้งสองเผลอ’ เวลาอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ตัวยังไม่แห้งก็ ‘ห้ามคลุกดิน’ ข้อนี้หนูเคยแหกกฎจึงต้องได้อาบอีกเป็นรอบที่สอง ..ที่จริงนายป้าก็อยากจะเป่าให้หนูแห้งเร็ว ๆ อยู่หรอก แต่หนูไม่ชอบเสียงหวีด ๆ ของมัน มันแสบแก้วหู หนูจึงพยายามขัดขืน..จึงแค่เช็ดตัว แล้วปล่อยให้แห้งเอง เวลามีแขกมาบ้านก็ ‘ห้ามทำตัวเกะกะ’ คือหนูมีสิทธิ์ไปนั่งสังเกตการณ์อยู่ใกล้ ๆ ประตูได้ แต่ต้องทำตัวให้เรียบร้อยน่ารัก ..แถมยังมีกฎฉุกเฉินเป็นบางครั้งบางคราอีก..เฮ้อ.. น่าเบื่อ..แต่หนูก็ยังมีสิ่งที่ท้าทายทั้งสนุกทั้งตื่นเต้นให้ทำ และหนูไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเสียด้วยสิ

โคลลี่เคยสอนวิทยายุทธการล่าให้ เช่น การไล่จับเจ้าตัวที่ร้องแอะ แอะ ตามข้างฝา ตัวมันเล็กและวิ่งเร็วหนูต้องสปริงตัวและใช้สองหน้าตะปบให้ทัน.. เจ้าตัวนี้จัดอยู่ในขั้นฝึกเบิ้งต้น และหนูก็ฝึกบ่อย ๆ จนอยู่ในระดับเชี่ยวชาญ จากนั้นก็เจ้าตัวที่อยู่ตามรั้ว..ตัวนี้การเคลื่อนไหวไม่เร็วเท่าไหร่.. แต่ต้องระวังหนามเล็กแหลมที่สันหลังของมันทิ่มที่ลิ้น ..พวกนี้มักอยู่ตามกิ่งไม้ เสารั้วบ้าน.. บางครั้งมันก็ชูคอสีส้ม ๆ เยาะเย้ยเวลาที่ปีนป่ายไปงับมันไม่ได้.. จนหนูต้องทั้งเห่าทั้งกัดฟันร้องขู่ ฮือ ..ฮือ..ให้มันกลัว เพื่อที่มันจะได้ลงมาให้งาบซะดี ๆ
“เห่าอะไรพัฟฟี่.... ปล่อยมันไปเถอะ ให้มันช่วยเก็บกินแมลง” บ่อยครั้งที่นายป้ามาขัดจังหวะ อีกตัวหนึ่งก็รูปร่างเหมือน ๆ กับสองพวกแรกนั่นแหละ แต่ตัวนี้วิ่งเร็ว..ลำตัวเป็นมัน และเจ้าเล่ห์ หนูไล่ตามมันไม่ค่อยทันหรอก.. มีอยู่ครั้งหนึ่ง หนูงับมันได้..มันทำตัวแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้.. ไม่ดิ้นดุกดิกเลย หนูนึกว่ามันคงตายแล้ว ..จึงวางมันลง.. ตัวมันแตะพื้นเท่านั้นแหละ..มันโกยแน๊บ.. หนูยังเจ็บใจที่เสียรู้มัน

แล้วก็ไอ้ที่ตัวอ้วนกลมสีเทาหางยาว ๆ ร้องจี๊ด ๆ แสบแก้วหนู.. แต่วิ่งเร็วมาก.. เจ้านี่หนูก็ล่ามาได้สองครั้งแล้ว.. เล่นเอาเหนื่อยเพราะมันวิ่งเร็วมาก.. ถ้ามันไม่จนมุม ไม่มีทางจะจับมันได้..วิ่งขึ้นเสา..ลงรู..สารพัดมันจะเล่ห์

ตอนนี้ไม่มีโคลลี่แล้ว..และหนูก็ก้าวขึ้นสู่ความเป็นนักล่าเต็มตัว.. ‘อย่าไว้ใจสัตว์หน้าขน’ สำนวนนี้ใช้ได้ทีเดียว.. หน้าสวย ๆ หวาน ๆ อย่างหนูนี่ก็เถอะ.. หนูล่ารุ่นใหญ่ขึ้น ๆ อย่างเจ้าตัวที่มีเท้าเหนียว ลาย เขียวทึม ๆ ที่ชอบมากินแมลงตามข้างฝา แล้งส่งเสียงร้อง ต๊ดโต่ ๆ หนวกหูชะมัดเลย.. เวลามันเผลอไต่ลงมาเก็บกินตามพื้น.. มันหรือจะหนีเขี้ยวหนูพ้น ..บางครั้งมันก็ไต่อยู่สูง หนูก็ได้แต่แหงนคอมองและก็บ่อยครั้งเช่นกันที่สี่เท้าของมันพลาด.. ง่ำ...บางครั้งหนูก็พลาดเหมือนกัน คว้าได้แค่หางของมัน ที่ดิ้นดุกดิก ๆ หาเจ้าของของมัน..
“ป้ามาดูสิ.. พัฟฟี่ทิ้งหางตุ๊กแกไว้ที่หน้าประตูแน่ะ” ญาติของนายป้าที่แวะมาพักเจอหางที่หนูทิ้งเอาไว้
“พัฟฟี่น่ะ..โหดมาก ล่าตุ๊กแกได้เป็นสามสี่โหลแล้วมั้ง” นายป้ารีบรายงานความร้ายกาจของหนู ยังมีอีกนะ.. เจ้าตัวยาว ๆ ที่เวลามันไปไหนมาไหน ก็ขดตัวไปมา.. ตัวแรกสุด..ลำตัวสีน้ำตาล ตรงคอมีสีแดงหม่น ๆ มันมาจากไหนก็ไม่รู้.. กลิ่นมันโชยเตะจมูกหนูจึงตามกลิ่นไปดู.. เห็นมันนอนยาวเหยียดอยู่ที่ริมรั้ว.. ท้องนูนป่อง มันคงกินอิ่มมากจนเคลื่อนไหวตัวแทบไม่ได้.. หนูจึงจัดการกับมัน กระชากหางมันอย่างแรงแล้วสะบัดเหวี่ยงเต็มแรง ..มันทำท่าจะสู้.. แต่หนูก็ใช้การจู่โจมทางหาง.. มันนานมันก็นอนแน่นิ่ง..ลิ้นดำ ๆ ของมันห้อยตกออกนอกปาก.. หนูนอนเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ยังไม่ไว้วางใจว่ามันตายสนิทหรือยัง จนนายป้ากลับมาจากทำงาน.. เออ..ลืมบอกไป...ตอนนี้หนูอยู่กับนายป้าสองคน..นายลูกโตแล้วไปเรียนที่อื่น แล้วหนูรีบวิ่งไปบอกนายป้า..เพื่ออวดความสามารถตัวเอง ..นายป้าเดินตามหนูมาดู
“ตายแล้ว..พัฟฟี่.. ไม่กลัวมันฉกเอาเหรอ..ดูสิ..มันมีเขี้ยวด้วย..มันมีพิษนะ” นายป้าอุทานด้วยความตกใจ.. จากนั้นก็มีตัวที่สอง..ตัวนี้เล็ก ลำตัวสามเหลี่ยมสีดำสลับเหลือง.. ตอนที่หนูจัดการกับมัน นายป้าก็เห็น ..แต่ห้ามยังไงหนูก็ไม่ฟัง.. หนูฟัดมันด้วยความหมั่นเขี้ยว..พอทุกอย่างสงบลง..หนูนอนฟุ๊บหอบแฮ็ก ๆ กับพื้น..นายป้าออกมาสำรวจดู
“ไหนล่ะ..พัฟฟี่..มันไปไหนเสียแล้ว” หนูแน่นิ่งไม่ตอบ
“ไหน..ดูหน่อยซิ..โดนมันฉกเอาหรือเปล่าล่ะ” นายป้ามองหาร่องรอยผิดปกติในตัวหนู เมื่อไม่มีอะไรผิดปกติ..นายป้าจึงกวาดสายตามองหาซากเหยื่อของหนู..
“นั่นไง..เจอแล้ว.. เธอเหวี่ยงมันข้ามรั้วไปเลยเหรอพัฟฟี่” มันลอดช่องลูกกรงหรือข้ามไปหนูก็ไม่ทราบได้..รู้แต่ว่ามันลอยละลิ่วออกไปโน่นแล้ว

“ลูก..มานี่เร้ว.. ลูก..งู..ลูก” เสียงแหลมสูงของนายป้าตะโกนมาจากสวนหลังบ้าน.. นายลูกซึ่งอยู่ในช่วงปิดเทอมกลับมาบ้าน กำลังดูทีวีอยู่ รีบวิ่งแจ้นออกไปดู ..หนูก็วิ่งตาม.. เสียงของนายป้าบ่งบอกถึงความตกใจกลัว..แต่หนูยังรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น..
“ดูสิ..ป้ากำลังเก็บบวบ..เกือบคว้ามันแล้ว..เขียวเหมือนบวบเลย” หนูเห็นนายลูกเอาไม้ไผ่ยาว มาเขี่ย ๆ เพื่อให้มันหนีไปหนูมองตามลำไม้ไผ่.. พอหนูเห็นแค่นั้นแหละ..หนูกระโจนเข้าไปกระโดดงับ..แต่มันอยู่สูง..หนูกระโดดไม่ถึง
“พัฟฟี่..อย่า..ปล่อยมัน” นายป้าห้ามแต่หนูไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หนูส่งเสียงร้องอี๊กอ๊ากกระดิกห้างด้วน ๆ ของหนูอย่างเร็ว ..มันเลื้อยออกจากต้นไม้ ยืดคอไปเกี่ยวเสาไม้.. คอมันเกี่ยวได้แล้วปล่อยส่วนหางให้ร่วงลงเพื่อที่จะลากเลื้อยขึ้นไป ..แต่มันช้ากว่าหนู.. หนูกระโดดงับส่วนหางของมัน กระชาก..มันคงเจ็บจึงปล่อยตัวให้ร่วงลงมา..หนูเข้าจู่โจมทางหางเช่นเคย..งับหางได้กระชากเหวี่ยง ..มันกระเด็นไปทิศทางที่นายป้ากับนายลูกยืนอยู่.. ทั้งสองกระโดดวิ่งหนีไปคนละทาง
“อย่าเหวี่ยงมาทางนี้สิ..พัฟฟ์” เสียงนายลูกตระโกนลั่น หนูได้กลิ่นเลือดของมันคาวคุ้ง หนูไม่หยุดอยู่แค่นั้น.. เข้าไปงับแล้วสะบัดเหวี่ยงตัวมันไปมา ๆ หลาย ๆ ครั้ง.. เนื่องจากตัวมันใหญ่ เรียวแรงมันก็มาก..จากนั้นก็โยนมันลงอย่างแรง.. หนูเห็นหางของมันดิ้นกระแด่ว ๆ ส่วนลำตัวมีแผลเหวอะหวะนอนแน่นิ่ง.. เลือดคาว ๆ ของมันเข้าปากหนู.. หนูถึงกับอ๊วก.. อ๊วกออกมา อ่อนเพลียเหมือนจะเป็นลม.. นายป้าเดินมาดูหนู
“โดนพิษของมันหรือเปล่า..ฮึ..ดูสิเลือดของมันเปื้อนขนขาว ๆ ของหนูเลย” นายป้าเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดคราบเลือดให้....หนูนอนเกือบทั้งวัน เริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นก็ตกเย็น นายป้าจึงอาบน้ำให้หนู..อาบไปบ่นไป
“ดูสิ..ดูไม่ได้เลย.. คราบเลือดทั้งนั้นเลย..กลิ่นคาวคลุ้ง คราวต่อไปปล่อยมันไปนะ..แค่เห่าไล่ก็พอ ..ถ้าเกิดมันมีพิษแล้วพ่นพิษใส่ตาหนู.. เดี๋ยวตาจะบอดนะ” หนูได้แต่ฟังแต่คงไม่หยุดหรอกนะ

ความตื่นเต้นของหนูไม่จบลงง่าย ๆ คืนวันหนึ่ง..ฝนตกลงปรอย ๆ .. อากาศเย็น ๆ หนูก็นอนหลับอย่างสบาย.. พลันจมูกของหนูก็สัมผัสกลิ่นได้.. หนูตามไปดู..มันอยู่ใกล้ ๆ ตรงฟากรั้วอีกด้าน ตรงพุ่มต้นสาปเสือ.. สัญชาตญาณบอกหนูว่า..อันตรายมาก.. หนูเห่าขู่กรรโชกดังลั่น.. ตั้งนานกว่านายป้าจะลุกมาเปิดไฟข้างบ้านและออกมาดู
“เห่าอะไรพัฟฟี่...นี่มันตีสองแล้วนะ..หนวกหู” หนูกระดิกหางด้วนเร็ว ๆ เกิดอาการกล้า ๆ กลัว ๆ เข้าไปดูมดูตรงใกล้ ๆ พุ่มสาปเสือ..นายป้าก็มองตาม
“อะไร..ที่ไหน.. ก็ไม่เห็นมีอะไร” นายป้าจ้องมองต้นสาปเสือที่อยู่ติดกับรั้วด้านนอก แล้วนายป้าก็กลับเข้าบ้านไปนอนต่อ.. หนูยังคงเห่า ..เห่า..และเห่า.. กัดฟันกรอด ๆ ..นายป้าลุกออกมาดูอีกเป็นครั้งที่สอง.. ทีนี้เอาไฟฉายมาส่องดูด้วย..
“อะไร..ไหน ๆ ..ไม่เห็นมีอะไรเลย..ไปนอนได้แล้วไป๊” นายป้ากลับเข้าบ้านอีก.. หนูเห่ากรรโชกเหมือนเดิม..หนูเห่าไม่หยุด..นายป้าคงรำคาญ..และคงนอนไม่หลับ..จึงออกมาดูอีกรอบ.. คราวนี้ถือไปฉายส่องพุ่มไม้ที่หนูเห่านั่นแหละ.. นายป้าปีนกรงรั้วขึ้นไปชะเง้อชะแง้มอง.. แต่ไม่เจออะไร..แต่หนูก็ยังคงกัดฟันแหง่.. ๆ ใส่พุ่มสาปเสือ..คราวนี้นายป้าไปเอาไม้ไผ่ยาว ๆ มา..ปีนขึ้นไปเกาะรั้ว แล้วเอาไม่ไผ่เปิดดูที่พุ่มต้นสาปเสื่อ
“ตายแล้ว.. พัฟฟี่เอ๋ย..ตัวเบ้อเริ่มเลย” หนูได้ยินเสียงมันขู่ฟ่อ..ฟ่อ..
“ตัวมันสีเทา ๆ สะท้อนแสงไฟดั่งสีเงินระยิบระยับ ตั้งคอชูสูงเท่าศอก.. อันตราย..พัฟฟี่..หนีเร็ว..อย่าอยู่ใกล้มันนะ” นายป้าลงมาจากรั้ว
“ไปทางใครทางมันนะ.. อย่ามายุ่งกันเลย” นายป้าพูดออกไปอย่างนั้น.. และหนูก็รู้ว่ามันเลื้อยออกจากที่นั้นแล้ว.. ตัวนี้หนูอดที่จะได้พิชิตมัน..ไม่งั้นคงเป็นประวัติศาสตร์ของหนูเลยแหละ.. พัฟฟี่กับงูเห่า..

“พัฟฟี่.. เฝ้าบ้านยังไงปล่อยให้นังกุ๊กไก่เข้ามาคุ้ยเขี่ยต้นดอกไม้..ฮึ” เสียงนายป้าโวยวายมาจากประตูใหญ่.. รบกวนเวลนอนของหนูเหลือเกิน.. แม่กุ๊กไก่ กับลูกเจี๊ยบของมันเข้ามากินแมลง..หนูก็ไม่ได้สนใจ.. แต่ก่อนไม่เคยเห็นมา เพิ่งจะมีมาก็ตอนที่เขามาทำฟาร์มวัวอยู่ทางหลังสวนนั่นแหละ..มันตามมาหาเก็บกินเม็ดข้าวจากฟางข้าว แล้วแวะเข้ามาบ้านของหนู
“ชูว์.. ชูว์..”นายป้าไล่มันออกไป หนูก็แค่ยืนดูห่าง ๆ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำซากอยู่นานหลายวัน จนนายป้าต้องไปซื้อตาข่ายมากั้นตรงประตูทางเข้า.. แต่แม่กุ๊กไก่พวกนี้.. เป็นพวกพันธ์ทาง.. ระหว่างไก่ป่ากับไก่บ้าน.. มันจึงบินเก่งเหมือนนก.. เวลาไล่ทีมันจะบินข้ามรั้วไปเลย.. แล้วจู่ ๆ หนูก็นึกอยากจะไล่ช่วยนายป้า.. หนูไล่เจี๊ยบวัยรุ่น ตัวไม่โตนัก..ไล่แล้วมันบินบ้างวิ่งบ้าง..หลบไปหลบมา..มันยั่วอารมณ์หนู.. มันบินจนเหนื่อยและบินต่ำลง ๆ หนูตามไปติด ๆ ออกนอกรั้ว..เข้าป่า.. และในที่สุดหนูก็งับมันจนได้.. มันยังไม่ตายแต่มันทำตัวแข็งทื่อ..แน่นิ่ง..หนูรีบคาบมันมาให้นายป้า..เพื่อโชว์ผลงาน
“พัฟฟี่.. แค่ไล่เฉย ๆ ..อย่ากัดมันสิ..สงสารมัน..และเจ้าของของมันอาจทำร้ายหนูก็ได้นะ” พอหนูวางลงไม่นานมันก็ตาย..นายป้านำมันไปฝังมันใต้โคนต้นไม้..จากนั้นมาไม่ว่าแม่กุ๊กไก่หรือเจี๊ยบน้อยเจี๊ยบใหญ่..หนูไล่ล่าไม่เลือก.. และหนูเก็บซากไว้ให้นายป้าดู..นายป้าก็ได้แต่บอกว่าห้าม..ห้าม..ห้ามทำ..แต่หนูก็อดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ..มีอยู่วันหนึ่ง..หนูใจจดจ่อรอนายป้า..พอนายป้ากลับมาถึงบ้าน หนูรีบไปเสนอหน้า....นายป้าจ้องมองหน้าหนูก็เหมือนอ่านใจออก
“สีหน้าอย่างนี้..แสดงว่าทำอะไรผิดแน่ ๆ เลย” แล้วนายป้าก็เดินไปดูแถว ๆ สวนหลังบ้าน..หนูกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่รู้ว่านายป้าจะเอายังไง จะชื่นชมหนูหรือว่าทำโทษ เพื่อความปลอดภัยหนูรีบวิ่งไปนอนหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องครัว..ตัวสั่นเทิ้ม..แต่หูก็เงี่ยฟังเสียงนายป้า
“ตายแล้ว..พัฟฟี่.. เล่นกัดหนักขนาดนี้เลยเหรอ..ฮึ..บอกว่าอย่า ๆ อย่าทำอีก” นายป้าคงเจอลูกเจี๊ยบขนาดกลาง ๆ สามตัวที่หนูเอากองรวมกันเอาไว้ .. ตกเย็นหนูได้ยินนายป้าพูดกับลุงเจ้าของสวนที่อยู่ใกล้กัน
“อยากให้ลุงช่วยขังไว้หน่อยค่ะ..หมาที่บ้านดื้อมาก..กัดตายไปหลายตัวแล้ว.. เมื่อวานก็ตัวหนึ่ง..วันนี้ก็อีกสาม”
“มิน่าล่ะ..นางเหลืองมีลูกห้าตัว..ตอนนี้เห็นเดินตามแม่มันแค่ตัวเดียว”
คุณลุงเขาไม่ได้ขังแม่ลูกกุ๊กไก่ไว้หรอกแต่มันไม่กล้าเยื้องกรายมาใกล้ประตูอีกเลย.. หนูจึงไม่ได้รังแกกุ๊กไก่อีก.. จนกระทั่งวันหนึ่ง..นายป้าปั่นจักรยานเล่น..เลาะไปตามเส้นทางใกล้ ๆ บ้าน.. ผ่านสวนยางไป..หนูก็เหลือบเห็นฝูงกุ๊กไก่ตัวสูง ๆ โต ๆ ขนบาง สีแดง เนื้อหนังที่โผล่ให้เห็นก็สีแดง หนูพุ่งเข้าจู่โจม.. พร้อม ๆ กับเสียงนายป้าร้องห้าม..อย่า ๆ ..แต่หนูมีเป้าหมายตรงหน้านี้แล้ว.. หนูรู้ว่านายป้าเลี้ยวรถกลับ..แต่หนูยังไม่บรรลุผล.. แล้วหนูก็วิ่งออกจากป่าวิ่งตามนายป้า..พร้อมกับเจ้ากุ๊กไก่น้ำหนักเกือบสองกิโลที่ปาก.. นายป้าหันมามองหนู..หน้าซีดเลย..
“พัฟฟี่..ปล่อยมันเดี๋ยวนี้นะ.. นั่นมันไก่ตีนะ เดี๋ยวเจ้าของมันก็ฆ่าหนูเอาหรอก..ไปรีบกลับ” ท่าทางและน้ำเสียงกระซิบกระซาบของนายป้า..หนูรู้ได้ทันทีเลยว่า..ไม่ปลอดภัย.. หนูรีบวางมันลงกลางทาง มันแน่นิ่งไม่ไหวติงแล้ว เดี๋ยวคงมีคนมาพบมัน.. จากนั้นหนูรีบวิ่งตามนายป้ากลับบ้าน.. ต่อมานายป้าไม่พาหนูไปเส้นทางนั้นอีกเลย..

ความตื่นเต้นของหนูยังไม่หมดเท่านี้.. เมื่อเร็ว ๆ นี้.. ขณะที่นายป้านอนอ่านหนังสืออยู่.. ต้องลุกออกมาดูเพราะเสียงเห่าขู่กรรโชกของหนู
“อะไรเหรอพัฟฟี่.. เห่ายังงี้เห็นนังเหมียวใช่หรือเปล่า” หนูแหงนมองชายคาบ้าน กระดิกหางด้วยความตื่นเต้น ทั้งเห่า ทั้งขู่ ทั้งกระโดด..
“ไหน.. ทำไมแหงนมองข้างบน..นังเหมียวมันขึ้นหลังคาบ้านเหรอ” พอนายป้ามองตามขึ้นเท่านั้นแหละ
“ตายแล้ว.. งูเขียวสีตองอ่อน.. นี่นะ ดูจากรายการสำรวจโลกเขาบอกว่า..มีพิษร้ายติดอันดับหนึ่งในสิบอันดับแรกเชียวนะ” มันยื่นหัว คอ ลำตัวออกมาใชว์เกือบครึ่งฟุต..
“ไปที่อื่น ไป๊..ไป๊..ต่างคนต่างอยู่นะ” นายป้าบอกมัน.. แต่มันเลื้อยหลบเข้าไปในรางน้ำ โผล่หัวออกมาดูหนู แล้วผลุบเข้าไป.. ทั้งหนูละนายป้าก็ไม่รู้ว่ามันยังอยู่บนหลังคาบ้าน หรือแอบออกไปแล้ว..เพราะไม่เห็นมันอีกเลย.. แต่ก็วางใจมันไม่ได้..มันอาจโผล่มาจ๊ะเอ๋กับหนูอีกเมื่อไหร่ก็ได้




เรื่องล่านี่หวานคอหนูเลยแหละ



Create Date : 12 มิถุนายน 2554
Last Update : 13 มิถุนายน 2554 20:06:40 น.
Counter : 477 Pageviews.

1 comment
4. โฮม ..อโลน
วันคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว..หนูชินกับการอยู่ ..กิน..นอนคนเดียวแล้ว สิ่งเดียวที่แก้ไม่หายคือความ..กลัว.. ประเภทกลัวจนตัวสั่น.. ตกใจก็ตัวสั่น..
“พัฟฟี่..หนูเป็นอะไรฮึ..เวลาตกใจทำไมต้องฉี่ราดด้วย” หนูก็ตอบนายป้าไม่ได้รู้แต่ว่าตัวเองก็ขายหน้าทุกครั้ง..บางครั้งก็ต่อหน้าแขกของนายป้า..เฮ้อ..น่าอายจริง ๆ

ขนปุยฝอย ๆ เหมือนนุ่นของหนูเริ่มหลุดร่วงแทนที่ด้วยขนเส้นยาว ๆ หนูเริ่มโตแล้วนะ เพื่อนเล่น ของหนูตอนนี้มีเพียงนายป้ากับนายลูกเท่านั้น..แต่ละวันหนูก็ต้องอยู่คนเดียวเพราะทั้งคู่จะต้องออกจากบ้านในตอนเช้า และกลับในตอนเย็น ..เวลาหนูอยู่คนเดียว หนูไม่กล้าย่างไปแถว ๆ หน้าบ้านเลย.. ต้องแอบซ่อนอยู่ในห้องครัว ..หรือไม่ก็สวนหลังบ้าน.. เพราะช่องเหล็กดัดของประตูบ้านกว้างพอที่จะลอดเข้าออกได้..หนูกลัวพี่หมาน้องหมาตัวอื่น ๆ จะเห็นและเข้ามารังแกหนูในเวลาที่นายป้าและนายลูกไม่อยู่.. หนูคงแย่แน่ ๆ ถ้าไม่มีคนคอยช่วยหนู..แต่วันไหนที่นายป้าและนายลูกอยู่บ้าน หนูจะชอบไปเสนอหน้าใกล้ ๆ รั้วหน้าบ้าน..บางทีก็แอบลอดช่องกรงเหล็กออกไปดูโลกภายนอกรั้วบ้าง.. ถ้าเห็นพี่หมาหรือน้องหมาตัวอื่น ๆ วิ่งมาหาหนูก็จะรีบมุดรั้วเข้าบ้าน..

โลกนอกรั้วของหนูนอกจากป่าล้อมเกือบรอบแล้ว ยังมีอะไรน่าสนใจอีกหลาย ๆ อย่าง.. เช่น รถเครื่องขับขี่ไปมา..อำมอตัวโต ตัวเล็ก ฝูงใหญ่เดินผ่านหน้าบ้าน ได้ยินเสียงกระดิ่งดังกรุ๋งกริ๋ง ๆ
อำมอตัวเล็ก ๆ ร้องแอะ ๆ วิ่งตามฝูง ไล่นมกินนมแม่ด้วย.. เจ้าของวัวขี่รถเครื่องตามมาห่าง ๆ ถือไม้แส้ยาว ๆ ในมือ.. นาน ๆ จะมีรถคันใหญ่วิ่งผ่าน..
“พัฟฟี่..ออกนอกรั้วระวังรถทับเอานะ” นายลูกมาตามหนูเข้าบ้าน.. แต่หนูก็ยังคงแอบออกไปเล่นนอกบ้านอยู่บ่อย ๆ เวลานายทั้งสองเผลอ
“อุ้ย..กรี๊ด....น่ารัก..น่ารักจังเลย..” รถเครื่องสาว ๆ วัยรุ่นวิ่งผ่านหน้าบ้านขณะที่หนูกำลังนั่งกินลมชมวิวอยู่
“ตายแล้ว พัฟฟี่.. สาว ๆ กรี๊ดหนูหรือ ไม่ได้กรี๊ดลูกชายป้าหรอกหรือ” หนูโดนนายป้าแซว
“เฮ้....ดู ดู ลูกหมาน่ารักจัง..ลงไปอุ้มเอาดีไหม” อื๋อ..กลุ่มนี้วัยรุ่นชายพูดอย่างนี้แล้วหนูต้อง รีบมุดรั้วเข้าบ้าน..ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นต่อม ๆ ด้วยความกลัว
“ดู..ดูนั่น!! ...ลูกหมาตัวอ้วนจัง..เอาไปอบดีไหม”..คำพูดนี้หนูยิ่งทนไม่ได้.. รีบแจ้นเข้าบ้าน ทำให้หนูไม่ค่อยจะกล้าออกนอกบ้านอีกต่อไป..ขอชมวิวอยู่ข้างในรั้วดีกว่า ..ยกเว้นเวลาออกไปเดินเล่นกับนายป้าและนายลูกเท่านั้นหนูถึงจะออกไป

“พัฟฟี่..วันนี้จะพาไปฉีดยานะ”
ถึงตาหนูแล้วเหรอ..รู้สึกทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว..โคลลี่เคยบอกว่าน้องหมาทุกตัวต้องฉีดเพื่อไม่ให้เป็นบ้า..แต่สิ่งที่ตื่นเต้นเหนือสิ่งอื่นใดคือ.. หนูต้องนั้งรถเครื่อง.. อยากจะบอกแต่พูดไม่เป็นว่า..ไม่เอา หนูกลัว.. หนูกลัว..นายป้าคงเข้าใจความรู้สึกหนู จึงอุ้มหนูแล้วขึ้นนั่งซ้อนท้ายนายลูก.. เวลามันเคลื่อนไปหนูกลัว หนูจึงพยายามดิ้น ๆ และดิ้นเพื่อให้หลุดจากมือนายป้าจะได้กระโดดลง.. แต่มือหนึ่งของนายป้าจับรวบสองขาหน้าอีกมือรวบสองขาหลัง.. หนูดิ้นยังไง ๆ ก็ไม่หลุด.. ระหว่างทางยังมีพี่หมาตัวโต ๆ ก็วิ่งไล่ทักทายหนู..เพิ่มความกลัวให้หนูสุด ๆ.. แล้วหนูก็อั้นไม่อยู่..
“เฮ้ย..พัฟฟี่..อย่าฉี่รดกันสิ” นายลูกหันมาตวาดหนูแกมหัวเราะ.. หนูจึงนิ่ง..จนถึงคลีนิคหมอ.
“น้องหมาชื่ออะไรครับ” หมอผู้ชายถือแท่งยาว ๆ แหลม ๆ ในมือชูขึ้น
“ชื่อพัฟฟี่ค่ะ”
“ตัวผู้หรือตัวเมียเอ่ย” แหม..หมออะไรตาถั่วจังเลย..หน้าตาหนูออกหวานน่ารัก..เห็นปุ๊บก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่าหนูน่ะ..ผู้หญิงจ้า..
“มาน้องหนูพัฟฟี่มา..ฉีดยานะ..นิ่ง ๆ นะ.. เอ้า..อื้อหือ..เก่งจังเลย..ไม่ร้องเลย” จะให้หนูร้องยังไรล่ะก็เล่นบีบหลังคอหนูและนายป้าก็รวบสี่ขาหนูไว้แน่น..
“ตัวนี้จะฉีดยาทำหมันไหม”
“ฉีดค่ะ”
“รอให้โตเป็นสาวรุ่นค่อยพามาฉีดนะครับ..” ..งั้นหนูก็คงอดมีหนุ่ม ๆ มาตามจีบเหมือน
โคลลี่แน่ ๆ เลย

“พัฟฟี่..อยู่บ้านคนเดียวนะ..เฝ้าบ้านให้ด้วย..น้าหญิงจะเอาอาหารมาให้หนู..ป้าจะไปสิงคโปร์พี่ของเธอจะไปพักอยู่กับพ่อของเขาที่ต่างจังหวัด..เดี๋ยวจะเอาขนมมาฝากนะ” นายป้าพูดพร้อมกับตบหัวหนูเบา ๆ หนูไม่สามารถเข้าใจประโยคที่ซับซ้อนนั้นได้..สัมผัสได้แต่ว่า..กล่าวลา..จากไป.. แล้วหนูก็ทั้งตกใจ ทั้งใจหายที่เห็นนายทั้งสองลากกระเป๋าใบใหญ่ออกจากบ้าน.. แต่รถยังจอดอยู่ในโรงรถ..แปลกใจว่าทำไมไม่เอารถไปด้วย.. พลันก็เห็นรถคันอื่นมารับ.. หนูวิ่งตามไปดู.. รถเคลื่อนออกไป..หนูใช้สองขาหน้ายืดตัวเกาะรั้วลูกกรงส่องดู.. นายไปแล้ว..ไปไหนนะ ..ไม่นานทั้งรถทั้งคนก็ลับตาไป..

มันคืออะรไร..มีความหมายว่าอย่างไร..เกิดอะไรขึ้น..หนูวิ่งวนรอบ ๆ บ้านพยายามใช้สมองน้อย ๆ ของหนูคิด..คิด..และคิด..แต่สุดท้ายก็ก็ต้องไปหาที่หลบซ่อน เพราะเวลาอยู่คนเดียวหนูจะกลัวมากเลย..ยังรู้สึกอุ่นใจอยู่ว่า..รถยังอยู่.. นายทั้งสองต้องกลับมา..เพราะไปไหน ๆ นายป้าจะเอารถไปด้วย. ทุกทีนายป้าจะกลับมาบ้านตอนเย็น ๆ ..วันนี้ก็คงเช่นกัน..คิดได้ดังนี้แล้วหนูก็ม่อยหลับ..

“พัฟฟี่.. พัฟฟี่..มาทานข้าวเร็ว”
เสียงใครน่ะ.. ทั้งกลิ่นทั้งเสียงไม่ค่อยคุ้นเลยแล้วเข้ามาได้ยังไง .. พอเจ้าของเสียงนั้นเดินใกล้เข้ามา.. จึงพอจำหน้าได้..อ้อน้าหญิงญาติของนายป้านั่นเอง..เคยมาที่นี่เป็นบางครั้งในมือถือห่อข้าวมาด้วย
กำลังหิวอยู่พอดี.. หนูจึงค่อย ๆ หมอบเข้าไปหม่ำข้าว.. หมดเกลี้ยงชามเลย..แล้วน้าหญิงก็กลับไป.. ทำไมต้องให้น้าหญิงมาให้อาหารหนู.. หนูเริ่มคิดจินตนาการเรื่องราว.. แสดงว่านายทั้งสองไม่กลับมา.. คิดแด่นั้นแหละหัวใจของหนูก็เริ่มเต้นแรง.. สั่นเทิ้มด้วยความกลัว.. ตอนโคลลี่ตายจากไป หนูนอนคนเดี่ยวแต่ยังมีนายอยู่ใกล้ ๆ ..แต่ตอนนี้หนูต้องอยู่คนเดียวในบ้านที่โดดเดี่ยว..ทั้งมืดทั้งเงียบ.. หนูหาที่หลบซ่อนน.. แล้วน้ำตาของหนูก็ไหล..หนูร้องไห้..ตกกลางคืนความเงียบความกลัวยิ่งทวีขึ้นหนู่หอนคร่ำครวญอยู่นาน..แต่ก็ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบรับ..

วันต่อมา..น้าหญิงก็เอาอาหารมาให้อีก.. แต่ละวันหนูเริ่มทานน้อยลง ๆ
“คิดถึงเจ้าของเหรอ.. เดี๋ยวก็คงกลับมา” นายหญิงพูดปลอบใจหนู แต่ก็ไม่ได้แตะตัวหนู ด้วยความที่ไม่ค่อยคุ้นเคย ..กี่วันแล้วนี่.. หนูนอนคนเดียวมากี่คืนแล้วนะ..ร้องไห้โหยหวนกี่คืนแล้ว.. สามคืนมั้ง.. และในวันที่สี่หนูไม่ยอมแตะอาหารเลย..ได้แต่นอนซึม ..มองดูชามข้าวอยู่ห่าง ๆ

ทุกวันหนูจะไปบริเวณหน้าบ้าน..อาศัยพุ่มไม้บังไม่ให้สุนัขตัวอื่น ๆ หรือคนอื่น ๆ เห็น สายตาจับจ้องไปที่ประตูกรงเกล็ก..เผื่อเห็นนายป้าหรือไม่ก็นายลูกเปิดประตูเข้ามา..วันนี้วันที่ห้าหนูก็ทำเช่นเคยแต่เดินด้วยความอ่อนล้าเนื่องจากทานข้าวทานน้ำไม่ลง..กลางคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ ... ในใจก็คิดไปว่าถ้านายไม่กลับมาตัวเองอาจจะตายตามโคลลี่ไปก็ได้....ฟุบหน้าลงกับพื้น..มองเห็นแสงอาทิตย์ยามเช้ารำไร..ตอนนี้หมดอาลัยตายอยากในชีวิตที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว...ทั้ง ๆ ที่หนูยังเป็นเด็กอยู่เลย.. พลันก็ได้ยินเสียงรถจอดหน้าบ้าน..หนูรีบกระโจนพรวดลุกขึ้น.. ได้ยินเสียงคุยกันหลายคน.. กลิ่น..หนูจำได้แล้ว.. ไชโย..นายป้ามาแล้ว...

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา..หนูจับตามองและสังเกตนายทั้งสองตลอดเวลา.. ดูว่าถือกระเป๋าใบเล็กหรือใบใหญ่.. เดินออกจากบ้านยังไง..เป็นเวลานานพอสมควรที่นายทั้งสองอยู่กับหนูตลอดเวลา..บางวันนายป้าออกจากบ้านไปและกลับดึกแต่ก็ยังมีนายลูกอยู่ที่บ้านกับหนู..และแล้วฝันร้ายก็มาถึงอีกครั้ง..คราวนี้ทั้งสองถือกระเป๋าใบใหญ่..
“พัฟฟี่..อยู่คนเดียวไปก่อนนะ..พี่เขาต้องไปทำธุระที่กรุงเทพ” นายป้าพูดกับหนูยังไม่จบ หนูก็รีบเดินหนี.. หนูไม่อยากถูกทอดทิ้งอีก.. ทั้งสองลากกระเป๋าใบใหญ่ไปขึ้รถและขับออกไป.. หนูวิ่งตามไปดูติด ๆ ..ไปอีกแล้ว..ไปอีกแล้ว.. หนูร้องไห้ตาม..ได้แต่ชะเง้อมองลอดกรงเหล็กมอง..รถก็วิ่งไกลออกไปเรื่อย ๆ

แต่ละคืนผ่านไปด้วยความทุกข์ทรมาน.. ทั้งกลัว ทั้งเหงา น้าหญิงเอาอาหารมาให้เหมือนเดิม..หนูทานได้เพียงสามสี่วันแรก.. หลังจากนั้นหนูทานไม่ลงเลย.. ตรอมตรม.. หนูร้องคร่ำครวญทุกคืน..น้าหญิงเปลี่ยนอาหารในชามทุกวัน และต้องเททิ้งในวันถัดไป .. น้าหญิงพูดปลอบใจหนูแต่หนูไม่สนใจจะฟังอะไรทั้งนั้น..คืนที่หกผ่านไป..คืนที่เจ็ด.. หนูอิดโรยแต่ต้องลากสังขารตัวเองไปนอนตรงโรงรถทุกคืน.. เพราะที่ตรงนั้นจะมองเห็นประตูใหญ่ได้ชัดเจน.. ถ้านายทั้งสองไม่มาหนูต้องตายแน่ ๆ เลย..
คืนที่แปด..หนูเดินโซเซไปทิ้งตัวลงนอนที่โรงรถเช่นเคย.. แอบร้องไห้คนเดียวท่ามกลางความมืดและความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงแมลงร้อง..เวลาผ่านไปช้าเหลือเกิน หนูอยากให้สว่างเร็ว ๆ
หนูนอนซมอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนไม่รู้.. ..ทันใดนั้น ไฟหน้ารถส่องว๊าบผ่านประตูใหญ่.. ไชโยในที่สุดนายก็กลับมาหาหนู...
“ป้า..เวลาที่ป้าไม่อยู่น่ะ..น้องหมาร้องไห้ทุกคืนเลย” น้าตาลที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของหนูเดินมาบอกนายป้าในเช้าวันรุ่งขึ้น ..นายป้าจ้องหน้าหนู เหมือนจะถามว่า ‘จริงเหรอ’ แต่หนูหลบสายตาและเดินหนี





หนูพัฟฟี่กับนายลูก



Create Date : 09 มิถุนายน 2554
Last Update : 9 มิถุนายน 2554 22:37:54 น.
Counter : 516 Pageviews.

0 comment
3.วันเศร้า..คืนเหงา
“โคลลี่ แปลว่าดำเหมือนถ่าน ..ใครนะตัวดำเหมือนถ่าน” นายป้าพูดหยอกล้อโคลลี่อย่างรักใคร่.. ทุกครั้งที่หนูเห็นนายป้าเล่นกับโคลลี่ หนูต้องรักษาระยะห่างอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว โคลลี่อยู่บ้านนี้ก่อนหนู ย่อมหวงนายของตัวเองเป็นธรรมดา และหนูก็ยังรู้สึกขยาดเขี้ยวของโคลลี่อยู่เลย

โคลลี่พาหนูขุดโพรงใหญ่ขนาดเราสองเข้าไปนอนเล่นได้สบาย ๆ หนูทำตัวเป็นเด็ก..เป็นน้อง โคลลี่จึงดูแลหนูอย่างดีเท่าที่ตัวโตกว่าจะทำได้ ..หนูถามโคลลี่ว่าเคยมีลูกไหม โคลลี่บอกว่าไม่เคย และไม่เคยมีหนุ่มมาตามจีบด้วย..เอ๊ะ..แล้วทำไมแม่คุกกี้ของหนู มีลูกตั้งแต่เพิ่งแรกรุ่น
“โคลลี่..วันนี้จะพาไปหาหมอนะ” นายป้าบอกโคลลี่ตอนให้อาหารเช้า หลังจากทานเสร็จนายป้าก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์
“โคลลี่..มาเร้ว” โคลลี่วิ่งรี่ไป และกระโดดขึ้นนั่งซ้อนท้ายเบียดนายป้าอย่างคล่องแคล่ว..นี่แหละคือสิ่งที่หนูทำไม่ได้ และไม่กล้าทำ ..บางครั้งหนูจึงอดไปไหน ๆ กับนายป้า ...หนูยืดคอมองรถเครื่องของนายป้าที่มีโคลลี่นั่งไปด้วยจนลับตา..จากนั้นหนูก็ไปนั่งคอยตรงประตูใหญ่ ..ไม่นานรถเครื่องของนายป้าก็กลับมา โคลลี่เล่าว่า นายป้าพาไปฉีดยา เมื่อหนูโตขึ้นอีกหน่อยก็ต้องไปให้หมอฉีดยาให้ น้องหมาทุกตัวต้องฉีดยาเพื่อไม่ให้เป็นบ้า ..


โคลลี่ตอนที่ยังเล็กอยู่


แล้วอยู่มาวันหนึ่งโคลลี่ก็มีอาการแปลก ๆ กระสับกระส่าย นั่งไม่ติดที่ ท่าทางหงุดหงิด จนหนูไม่กล้าเข้าไปใกล้ โคลลี่ส่งเสียงร้อง อี๊ ..อี๊ ..ในลำคอ
“โคลลี่ เป็นอะไร” นายป้าถามพร้อมกับก้มมองดูโคลลี่ โคลลี่ก็พยายามตระเกียกตระกายจะขึ้นนอนตักนายป้า
“ไหนดูซิ.. เป็นอะไร.. อืม..จมูกแห้งด้วย แสดงว่าไม่สบาย” นายป้าจึงอุ้มโคลลี่ไปนอนห้องครัวหลังบ้าน พร้อมกับปูผ้าให้ด้วย ...โคลลี่นอนเกือบทั้งวัน..ไม่ทานข้าวทานน้ำ.. หนูได้แต่เฝ้ามองดูห่าง ๆ พอตกกลางคืน.. นายป้าปิดไฟเตรียมจะเข้านอน โคลลี่ก็ลุกงัวเงียขึ้นมา ใช้ขาหน้าข้างหนึ่งข่วนประตู พร้อมกับทำเสียงร้อง อี๊..อี๊..ในลำคอ
“โคลลี่ .. ตื่นแล้วเหรอ ..ทานข้าวไหม..หิวไหม” นายป้าถือชามอาหารมาให้...โคลลี่เหลือบมองและไม่แตะอาหารเลย....นายป้าจึงไปเอาน้ำมาให้..โคลลี่เลียจ๊วบ ๆ ไปหลายอึก ..ดื่มเสร็จก็ทำเสียง อี๊ อี๊ ๆ ในลำคออีก..นายป้าเอามือลูบหลังโคลลี่
“เธอเป็นอะไร โคลลี่.. ดูสิตัวร้อนจี๋เลย.. ไปนอนก่อนไป๊..พรุ่งนี้จะพาไปหาหมอ” โคลลี่มีท่าทางลังเลว่าจะไปนอนตามที่นายป้าบอก หรือจะยืนหยัดขออยู่ตรงนั้น.. ในที่สุดโคลลี่ก็เดินตรงไปที่โคนต้นมะม่วงหลังบ้าน และนอนเอาท้องแนบพื้นอยู่ตรงนั้น.. ไม่สนใจใยดีหนูเลย ปกติเราเคยนอนด้วยกันทุกคืน..หนูจึงเลือกนอนใต้ชายคาบ้าน และหันหน้าไปทางโคลลี่จ้องมองโคลลี่ไม่ให้คลาดสายตาเลยแหละ.. แล้วหนูก็ผล็อยหลับไป

หนูสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนที่นายป้าเปิดประตูบ้านออกมาดูโคลลี่..หนูวิ่งตามนายป้าไปดูใกล้ ๆ .. นายป้าเอามือซ้อนยกตัวโคลลี่ขึ้น
“ตายแล้ว..มีคราบเลือดเกรอะพื้นเลย.. โคลลี่เลือดไหลเหรอ” สีหน้านายป้าซีด..และมีท่าทีตกใจ
“ลูก..มาขับรถเครื่องให้ป้าหน่อย..จะพาโคลลี่ไปหาหมอ” ตอนนี้นายทั้งสองไม่มีใครสนใจหนูเลย หนูได้แต่วิ่งตามไปทางโน้นที..ทางนี้ที หนูก็กระวนกระวายใจไม่แพ้นายป้า..ห่วงโคลลี่พอ ๆ กับนายป้า... รอไม่นานเสียงรถเครื่องก็เคลื่อนเข้ามาที่บ้าน.. โคลลี่ยังคงมีอาการซึม ๆ ไม่พูดไม่จา.. หนูวิ่งเข้าไปเลียและถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง.. โคลลี่ก็ไม่ตอบ เดินจากไปอย่างช้า ๆ ..หนูสังเกตเห็นท่าเดินของโคลลี่ผิดปกติ..แข้งขาแข็งทื่อเลย.. นายป้าก็คงสังเกตเห็นเช่นกัน
“โคลลี่ไปนอนพักนะ..หมอบอกว่าอีกสามวันไปฉีดยาอีกเข็ม.. เดี๋ยวคงหายนะ”
โคลลี่หลบไปนอนคนเดียวตามเคย.. ไม่ยอมทานข้าวทานน้ำ.. หนูต้องทานคนเดียว..รู้สึกเหงา..หดหู่กลืนข้าวลงคออย่างลำบาก.. จากนั้นหนูก็ไปนอนในรัศมีที่มองเห็นโคลลี่ได้ชัดเจน..ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะโคลลี่ดูเหม่อลอยไม่สนใจใยดีอะไรทั้งนั้น..

ตกตอนกลางคืนหนูได้ยินเสียงโคลลี่พยายามลากขาเดินอย่างลำบาก เข้าไปนอนในห้องครัว แต่หนูก็ง่วงเกินกว่าจะตามไปดู.. หนูอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน.. หัวถึงพื้นหนูก็ผล็อยหลับทันที..สะดุ้งตื่นอีกครั้งก็เช้าแล้วตอนที่นายป้าเปิดประตูบ้านออกมาดูโคลลี่.. หนูวิ่งตามไปดูด้วยความอยากรู้ นายป้าก้มตัวลงมองโคลลี่ แววตาตื่น ๆ หน้าซีด
“โคลลี่.. เธอตายแล้วเหรอนี่” ตามมาด้วยเสียงเรียกนายลูก.. ตอนที่นายลูกโผล่หน้ามาดู..สีหน้าก็ไม่แตกต่างไปจากนายป้า.. หนูสัมผัสได้ว่าเกิดอะไรขึ้น.. เห็นนายป้าเอามือปาดน้ำตา.. และสั่งน้ำมูกฟิด ๆ ร่างอันแข็งทื่อของโคลลี่ถูกยกออกมา.. เลือดสีคล้ำ ๆ เปอะเปื้อนที่พื้นเป็นวงกว้าง
“หมอบอกป้าว่า โคลลี่เป็นโรคลำไส้อักเสบ.. ฉีดยาแล้วคงหาย..แต่โคลลี่ก็ไม่หาย..” เสียงนายป้าสะอื้นขณะพูดกับนายลูก ร่างโคลลี่ถูกนำไปที่ท้ายสวน..นายลูกใช้จอบขุดหลุม นายป้านั่งสะอื้นอยู่ใกล้ ๆ และก็เป็นครั้งสุดท้ายที่หนูได้เข้าไปดมโคลลี่..สัมผัสได้ถึงความเย็นชืดและแข็งทื่อ.. โคลลี่ที่หนูรัก..เป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ที่คอยดูแลหนู..จากหนูไปเสียแล้ว.. .หนูยังเด็กนัก..ต่อนี้ไปหนูจะเล่นกับใคร….ใครจะคอยอบรมสั่งสอนหนู...
“ล่ำลากันเสียนะพัฟฟี่.. โคลลี่จะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว.. ต่อแต่นี้ไปหนูต้องอยู่คนเดียวนะ” นายป้ายกร่างของโคลลี่ลงหลุม..นายลูกเกลี่ยดินกลบ ..จากนั้นนายป้านำเอากระถางดอกไม้สีเหลืองมาวางบนหลุม....เอาน้ำใส่ถังมาเทลงตรงหลุม ทำปากขมุบขมิบ..

กลางคืนหนูนอนคนเดียว..หนูรู้สึกกลัวต้องหาที่หลบนอนให้มิดชิด..ตกดึกหนูอดร้องคร่ำครวญหาโคลลี่ไม่ได้..เสียงหอนของหนูคงจะดังโหยหวนจนนายป้าต้องเปิดประตูออกมาปลอบใจหนู.. อุ้มหนูขึ้นและลูบหัวของหนู
“พัพฟี่ต้องอยู่คนเดียว และนอนคนเดียวนะ..ป้ากับพี่เขาก็อยู่ใกล้ ๆ หนู..ไม่ร้องนะ..นอนเสียนะ” หนูไม่อยากรบกวนนายป้าตอนมืด ๆ ดึก ๆ อย่างนี้..หนูจึงนอนนิ่ง ๆ กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็ต้องใช้เวลานาน

ช่วงเวลาอย่างนี้ นายป้ากับนายลูกก็ดูเซื่องซึม เหงาหงอย.. หนูรู้ว่าโคลลี่อยู่ตรงไหน..หนูจำกลิ่นได้ในตอนกลางวันหนูไปดมบริเวณที่ตั้งกระถางดอกไม้สีเหลืองนั้นบ่อย ๆ ...โคลลี่นอนอยู่ใต้กระถางใบนั้น ...หนูประทับใจโคลลี่หลายอบ่าง..ตัวดำ..ใจดี..สุภาพและเรียบร้อยมาก.. เชื่อฟังคำสั่งนายเสมอต่อแต่นี้ไปหนูต้องอยู่คนเดียวในบ้านที่เปลี่ยว เนื้อที่กว้างขวาง ล้อมรอบด้วยป่า ..เพื่อนบ้านก็ไม่มี..โธ่..หนูจะเอาตัวรอดไหมนี่..



ท่านอนยอดฮิตของโคลลี่



Create Date : 01 มิถุนายน 2554
Last Update : 1 มิถุนายน 2554 22:56:20 น.
Counter : 484 Pageviews.

0 comment
2.ครอบครัวใหม่. เพื่อนใหม่ .นายใหม่
หนูงัวเงียตื่นเมื่อมือของยายล้วงเอาหนูออกจากตะกร้า
“นี่ไง.. ลูกหมา มารับเอาสิ”
“ว้าว..น่ารักจัง.. ทำไมตัวเล็กจัง” เสียงผู้หญิงที่หนูไม่คุ้นหูดังขึ้น
“ตัวนี้เล็กที่สุด.. แต่หน้าตาเหมือนแม่กว่าตัวอื่น ๆ นะ.. แต่สีไม่เหมือนเลย ..แกชื่อทิฟฟี่น่ะ”
“หนูเป็นยาแก้หวัดเหรอนี่..” รู้สึกถึงการถ่ายโอนตัวหนูจากมือยายไปสู่อีกมือที่หนูยังไม่คุ้นเคย..แต่มีความรู้สึกว่าอ่อนโยนและอบอุ่น.. ตอนนี้หัวของหนูยังทื่อ ๆ อยู่เลยคงเป็นเพราะเมารถมั้ง.. แต่จมูกของหนูยังทำงานได้ดี.. หนูไม่คุ้นเคยกลิ่นของที่นี่เอาเสียเลย
“ไง..เจ้าตัวน่ารัก..แม่อยู่ขอนแก่น.. มาเกิดอยู่กาฬสินธุ์..มาโตอยู่มุกดาหารก็แล้วกันนะ”
ตัวของหนูอ่อนปวกเปียกไม่มีเรียวแรงจะขยับเขยื้อนเอาเสียเลย ..พลันมีกลิ่นใหม่สายพันธ์อย่างพวกหนูโชยมาเตะจมูกหนูอย่างแรง
“โคลลี่.. มานี่ซิ.. มารู้จักกับน้องนะ” หนูมองเห็นเจ้าตัวอ้วนเตี้ยสีดำหน้าตายุ่งเหยิงปกปิดด้วยขนยาว ๆ ดวงตากลมโต แววตาดุร้าย.. หนูถูกยื่นไปใกล้ ๆ จมูกของของแก.. มันแยกเขี้ยวมีเสียงแหง่..ๆ..ๆ เล็ดลอดไรฟันออกมาเบา ๆ แกคงไม่ชอบหนู..และโดยเฉพาะหนูอยู่ในมือของเจ้าของแก
“โคลลี่ อย่าดุน้องนะ” เสียงคนที่อุ้มหนูดังขึ้น
“มันจะไม่กัดกันเหรอ.. ยิ่งตัวเมียเหมือนกันเสียด้วย” เสียงยายแฝงด้วยความวิตกกังวล
“มันคงไม่รังแกลูกหมาตัวเล็ก ๆ มั้ง”
คำว่า ‘มั้ง’ แสดงถึงความไม่มั่นใจ.. หนูจะต้องอยู่ที่นี่เหรอ.. แปลกถิ่น แปลกกลิ่นกับคนแปลกหน้า..และเจ้าตัวโตสีดำที่มีท่าทางไม่เป็นมิตร..โธ่..แล้วหนูจะปลอดภัยไหมนี่.. พอหนูถูกวางลงพื้น..โคลลี่ก็พยายามเข้ามาสำรวจตัวหนู.. มาดม..ดม ดม …และมีท่าทีระแวงหนู พอหนูเงยหน้าดูก็ทำเสียงแหง่.. หนูกลัวจนตัวสั่น..ไม่มีใครคอยช่วยหนูเลย ..นูต้าก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน..แต่ถึงจะกลัวยังไงหนูก็หลับลงจนได้ด้วยความเพลีย ..โคลลี่ยังคงนั่งเฝ้าจับตามองอยู่ข้าง ๆ …หนูตื่นอีกทีก็เกือบจะมืดแล้ว
“ป้าโทรมาถามว่าโคลลี่กัดเจ้าตัวเล็กมั้ย” หนูได้ยินเสียงผู้หญิงพูดกับเด็กผู้ชาย
“แล้วป้าบอกไปว่าไงล่ะ”
“บอกว่ามันคงเข้ากันได้ดี เพราะเห็นโคลลี่นอนกับเจ้าตัวเล็กด้วย”

วันรุ่งขึ้น.. หลังจากหนูกับโคลลี่ทานอิ่มแล้ว..ทั้งสองก็แต่งตัวและขับรถออกจากบ้านไป โคลลี่วิ่งไปส่งที่ประตูใหญ่ ส่วนหนูนั่งมองห่าง ๆ ไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไร บ้านนี้ก็คงเหมือนบ้านยาย พอตอนเย็นก็คงกลับมา..พลันหนูก็ต้องใจหายเมื่อรู้ตัวว่าจะต้องอยู่กับโคลลี่ตามลำพัง..ทีนี้คงไม่มีใครช่วยหนูแล้ว..โคลลี่จะทำยังไงกับหนูก็ได้.. คิดอย่างนี้แล้วหนูแทบไม่กล้าขยับตัวไปไหน .. แต่กลับไม่เป็นดังที่หนูคาดคิดหนูต้องแปลกใจที่พอรถพ้นลับสายตาโคลลี่ก็วิ่งรี่ตรงเข้ามาหาหนู..ชวนเล่นโน่นเล่นนี่ ..และสอนหนูหลาย ๆ อย่าง โคลลี่แนะนำว่าในบ้านนี้มีอยู่แค่สองคน เด็กชายจะเรียกผู้หญิงว่าป้า ผู้หญิงจะเรียกเด็กชายว่าลูก...สุนัขอย่างเราต้องซื่อสัตย์ เคารพนับถือเจ้าของและถือว่าเจ้าของเป็นนาย โคลลี่จึงเรียกทั้งสองว่านายป้ากับนายลูก และบอกให้หนูเรียกตามอย่างนั้นด้วย โคลลี่ยังบอกอีกว่าเราต้องปกป้องและดูแลเจ้านาย รวมทั้งดูแลทรัพย์สินของเจ้านายด้วย และยังบอกว่าเวลานายป้ากับนายลูกขับรถออกไป ต้องไปส่งที่หน้าประตู พอเวลากลับก็ต้องไปคอยต้อนรับ ..จากนั้นโคลลี่ก็พาหนูวิ่งดูรอบ ๆ บริเวณบ้าน หนูเพิ่งสังเกตว่า บ้านหลังนี้อยู่โดดเดี่ยว ล้อมรอบด้วยป่า มองเห็นบ้านหลังอื่น ๆ อยู่ไกลลิบ ..โชคดีที่มีรั้งรอบขอบชิดมันทำให้หนูรู้ว่าอาณาเขตของหนูก็กว้างจรดรั้วทุกมุมทุกด้าน หนูได้ไปดูสถานที่โปรดของโคลลี่ด้วย ก็คือโพรงที่โคลลี่ขุดเอาไว้และแอบเข้าไปนอนเล่นเวลาอากาศร้อน ๆ ..สอนวิธีดื่มน้ำจากท่อเลี้ยงปลา โดยใช้สองขาหน้ายกขึ้นพาดขอบท่อแล้วก้มหัวลงเลียกิน.. สนุกกว่าดื่มจากชามที่นายป้าเตรียมไว้ให้เป็นไหน ๆ เราสองเล่นกันทั้งวัน สนุกไม่แพ้กับเล่นกับนูต้า.. และโคลลี่จะไม่เล่นรุนแรงด้วย ..ซึ่งตัดกับบุคลิกที่ตัวดำผมเผ้ายุ่งเหยิ่ง แต่กลับสุภาพ ก็ใจดี..น่ารัก ..ตกเย็นพอได้ยินเสียงรถนายป้ามาเท่านนั้นแหละ ท่าทีโคลลี่ก็เปลี่ยนไป.. โคลลี่วิ่งไปรอที่ประตูใหญ่ หนูยังไม่อยากเลิกเล่น และไม่เข้าใจด้วยว่าโคลลี่วิ่งไปทำไม จึงวิ่งตามและกระโดดเย้าแหย่..โคลลี่จึงแหง่ ใส่หนูและบอกว่าให้ทำตัวให้น่ารัก..นายป้ากับนายลูกกลับบ้านแล้ว....นายลูกเป็นคนลงมาเปิดประตู มองดูพวกเราแล้วส่งยิ้มให้..รถนายป้าเคลื่อนเข้าไปจอดที่โรงรถ..โคลลี่รีบวิ่งไปรอหน้าประตูรถ กระดิกหางด้วยท่าทางดีใจ หนูจึงวิ่งตามไป
“ไงโคลลี่..รังแกน้องหรือเปล่า” นายป้าถามพร้อมกับลูบหัวของเราทั้งสอง โคลลี่กระดิกหางแสดงความดีใจ
“ไงเจ้าตัวเล็ก.. ปลอดภัยไหม.. ฮื่อ ดีแล้วล่ะ อยู่ด้วยกันได้นี่” นายป้าพูดประโยคหลังนี้หลังจากสำรวจดูว่า หนูยังอยู่ครบทั้งสามสิบสอง

พอถึงเวลาให้อาหาร ซึ่งใส่มาในชามใหญ่สองเราทานในชามเดียวกัน.. ด้วยความที่ตอนอยู่บ้านยายกับดาก้าและนูต้านั้น หนูตัวเล็กสุด เวลาทานอาหารต้องแย่งกัน เบียดกัน ต่างก็อยากจะกินก่อนใครอื่น กินให้เร็วที่สุดและให้มากที่สุด ชามวางยังไม่ถึงพื้นพวกเราทั้งสามก็แย่งกันเอาหัวซุกลงไปแล้วรีบกิน..กิน และกิน ทะเลาะกันไป กินไปใ แย่งกันใครเก่งกว่าก็ได้กินก่อน พอมาอยู่ที่นี่หนูก็กลัวโคลลี่แย่ง หนูรีบกินก่อน.. โคลลี่คงเห็นว่าหนูเป็นเด็กไม่อยากแย่งจึงนั่งมองนิ่ง ๆ จนหนูพุงป่อง และถอยออกมา โคลลี่จึงกิน
“เจ้าตัวเล็กนี่ตะกละน่าดูเลย” นายป้าไม่เรียกหนูว่าทิฟฟี่
“ป้าไม่ชอบชื่อเจ้าตัวเล็กเลย..มันเป็นชื่อยาแก้หวัด..เดี๋ยวจะหาชื่อให้ใหม่” หนูได้ยินนายป้าพูดกับนายลูก
ทานอาหารทุกครั้ง หนูยังทำเหมือนเดิม.. บางครั้งแค่เห็นนายป้าถือชามออกมาหนูก็วอมอัพรอด้วยการยืนสองขาแล้วกระโดด ๆ ก็คุณตาที่อยู่บ้านยายเคยสอน วิธีที่คุณตาสอนก็คือ ยื่นชามอาหารมาใกล้ ๆ จมูกของพวกเรา พอพวกเราจะก้มหน้าลงไปหม่ำ คุณตาก็จะยกชามขึ้น ให้เราต้องยืดคอตาม ชามยกสูงขึ้น ๆ เราก็ยืดสุดตัว..เขย่งเท้า และในที่สุดก็ต้องกระโดด.. บางทีก็ต้องกระโดดตั้งหลายครั้งกว่าคุณตาจะยอมให้พวกเราทาน และบอกว่าโครกระโดดได้สูงที่สุดได้ทานก่อน แต่ที่นี่โคลลี่กลับบอกให้หนูทำตัวให้เรียบร้อย..แต่วัยซุกซนอย่างหนูไหนจะเชื่อฟังกันง่าย ๆ
และแล้ววันหนึ่ง สิ่งที่หนูไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น นายป้านำอาหารมาให้เหมือนเคย.. หนูก็ทำตัวเหมือนเดิม.....แต่คราวนี้โคลลี่ไม่นั่งรอและให้หนูทานก่อนเหมือนอย่างที่เคยทำและคงหิวจัดด้วย พอโคลลี่เดินเข้ามาเพื่อทานกับหนู..หนูจึงแหง่..ใส่เป็นเชิงดุ
“โฮ่ง..”
“เอ๊ง..เอ๋ง ๆ ๆ ๆ ” หนูรู้สึกเจ็บแปลบที่คอ ทั้งตกใจทั้งกลัว ทั้งเจ็บ หนูจึงวิ่งไปหลบอยู่หลังบ้าน ได้ยินเสียงนายป้าเปิดประตูออกมาดู
“อะไรกันโคลลี่...รังแกน้องเหรอ..แล้วน้องไปไหนล่ะ” หนูเดาว่าโคลลี่คงเฉยและก้มน้าก้มตาทานอย่างเดียว ไม่สนใจว่านายป้ากำลังถามหาหนู หนูจะวิ่งไปหานายป้าก็เกรงว่าจะโดนขย้ำอีกรอบจึงได้แต่นั่งสั่นงก ๆ นายป้าหาหนูเจอ หนูยังไม่หายตกใจกลัว เจ็บปวดที่คอแต่ก็เลียแผลไม่ถึง
“ตายแล้วเลือดไหลเลย..ไหนดูซิแผลลึกไหม” หนูยังคงนั่งท่าเดิมให้นายป้าดูแผลให้ และหนูก็รู้สึกทั้งอบอุ่นทั้งปลอดภัยเวลานายป้าสัมผัสตัวหนู
“ลูกเอายาแดงมาให้ป้าหน่อย”
“ตัวเล็กโดนโคลลี่กัดเอาเหรอ” นายลูกถามขณะยื่นยาให้นายป้าและมองเห็นเลือดของหนู
“กัดตรงคอเสียด้วย ..มีรอยเขี้ยวอันเดียว ดีนะที่แผลไม่เหวอะหวะ” นายป้าทายาให้แสบ ๆ ร้อน ๆ แต่หนูก็อดกลั้นไม่ร้องไห้ เพราะรู้ดีว่านายป้ากำลังช่วยหนู หนูเหลือบไปเห็นโคลลี่ยืนมองดุหนูอยู่ห่าง ๆ ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด.. เดาใจไม่ออกว่าโคลลี่ดีใจหรือเสียใจที่ได้ขย้ำคอของหนู
กว่าแผลหนูจะหายก็เกือบอาทิตย์หนึ่งเต็ม ๆ ช่วงนั้นนายป้าแยกชามอาหารให้เรา.. เวลาทานนายป้าก็จะยืนอยู่ตรงกลางเป็นตัวกันชน.. หนูทานไปก็ระแวงไป.. ขยาดกลัวโคลลี่อย่างมาก.. หนูได้สังเกตและเรียนรู้ว่า โคลลี่เป็นสุนัขที่สุภาพมาก เวลานายป้ายกอาหารมาให้จะนั่งรอนิ่ง ๆ จนกว่าชามจะวางลงพื้นและให้มือนายป้าพ้นออกจากชามเสียก่อนโคลลี่จึงลุกเดินเข้าไปทานอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อนมูมมามเหมือนหนู..ถ้านายป้าหรือนายลูกนั่งกับพื้นโคลลี่ก็จะค่อย ๆ ปีนเข้าไปนอนบนตัก..ส่วนหนูได้แค่นั่งเบียดข้าง ๆ เท่านั้นเอง และอยู่ในบริเวณที่ไม่ล้ำแดนของโคลลี่ ซึ่งตอนนี้สงวนท่าที วางท่าเฉยเมยกับหนู ไม่ชวนหนูเล่นเหมือนเช่นเคย ..แต่พอลับหลังนายทั้งสอง โคลลี่ก็มีสีหน้าแววตาอ่อนโยนกับหนู
ไม่นานหนูกับโคลลี่ก็กลับมาเล่นด้วยกันได้อีก..และยิ่งสนุกมากขึ้นกว่าเดิม แต่คราวนี้หนูต้องระวังตัวอย่าทำอะไรที่เป็นการละเมิดโคลลี่เด็ดขาด
“นี่ตัวเล็ก..ได้ชื่อใหม่ให้เธอแล้วนะ.. กลม ๆ พอง ๆ อย่างนี้..ชื่อพัฟฟี่ก็แล้วกัน” แล้วนายป้าก็เรียกหนูว่า 'พัฟฟี่' นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา

(พัฟฟี่กับโคลลี่)





Create Date : 20 พฤษภาคม 2554
Last Update : 16 กรกฎาคม 2554 14:58:05 น.
Counter : 438 Pageviews.

1 comment
1  2  3  

Maya_II
Location :
มุกดาหาร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



Star sign : Gemini
Hobby : Reading & Writing
Interest : variety