My Time & My Life
Group Blog
 
All Blogs
 

ทำไปได้

ปกติ ไม่เคยๆ จะขับรถไปไหนดึกๆ เพราะ เป็นอันรู้ตัวดีว่า หลับ นั่นเอง

ถึงเวลานอนเมื่อไหร่ ร่างกายจะเหมือน ถูกกดปุ่มให้หลับ ในทันทีทันใด

แต่ วันนี้ ไหนๆ ก็ต้องเดินทางกลางคืน เวลาที่เสี่ยงที่สุด คือ ช่วงเวลาสามทุ่มสี่ทุ่ม ก็เลย เลือกไว้เป็นเวลานอน .... หลับ สบาย

ตื่นมาอีกที ตีสอง ขยับตัวไปอยู่หลังพวงมาลัย ขับรถ ยืดๆๆๆๆๆๆ ชนิดที่เรียกว่าซิ่ง...ไปเรื่อยๆๆ

ก็ ต้องเรื่อยอะนะ ไปกลับ ขับไปได้ เกือบพันโล โดยแทบจะไม่หยุดพักเครื่องรถเลย สงสารรถเหมือนกัน ไม่ค่อยทรมานมันขนาดนี้หรอก แต่ถ้าหยุดบ่อยๆ สิ่งแรกคือ อันตราย จากคน...เพราะ มันเป็นช่วงเวลาดึก ถึงเช้า คนน้อยนั่นเอง

สิ่งที่สอง..คือ กลัวหยุดแล้ว หลับ...ก็ พอลงจากรถ คนมันก็จะหลับอะดิ อยู่ที่รถ ยังไม่ง่วงหรอก ขับเร็วๆน่าตื่นเต้นดีออก แข่งกับนาฬิกาไปเรื่อยๆๆ เอ้าๆๆ รถ เร็วปาไป 150 หลายรอบ..เกินลิมิต ตัวเองแล้ว ต้องเตือนตัวเองบ่อยๆๆ อย่าเผลอ.... 140 ก็เยอะแล้ว แม่คุณ

ใจจริงตั้งใจว่าจะไม่ขับรถไกลเกิน 200 กิโล อีกแล้ว แค่ 100 กิโลเมตร ก็ไม่อยากขับไป รู้สึกอยากถนอมรถมากๆ ก่อนจะเข้าซ่อมครั้งใหญ่ แต่เนอะ..ถึงเวลา รถมันก็ของคู่ใจ คู่กายเจ้าของ เจ้าของจะไป มันก็ต้องไป..แถมไม่ดื้ออีกด้วย...ซิ่งได้นิ่งดีมาก ทั้งๆที่แอบสั่นใจนิดๆๆๆ ว่าแล้วเชียวจะเปลี่ยนยางมาก่อนแต่ก็ไม่ทัน

ขับรถไป ก็บอกไม่ถูกว่าคิดยังไง จากสัตหีบ ไปโน่นถึงพิโลก โดยไม่หยุดพัก...และแล้วก็ วนรถกลับเหมือนไม่คิดอะไรตั้งใจจะกลับมาพักที่บ้านนั่นแหละ ไปกลับ หยุดเติมน้ำมันครั้งเดียว ขากลับลากยาวจนถึงบ้านด้วยน้ำมันที่เหลืออยู่ พอแฮะ ไม่น่าเชื่อ....

เข็มระยะทางหน้าปัด บอก ตัวเลข เกือบ 1 พันกิโล คงเป็นสถิติที่ขับรถ รวดเดียวยาวสุด โดยไม่พักรถ

กลับมาถึงบ้าน รถ คงหลับนิ่ง...สงสารมันจริงๆๆ มัน วิ่งนิ่งเงียบมาก

ส่วนคนขับอย่างฉัน ยังซนไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าตาจะปิด แต่อย่างใด

ไม่ใช่ไม่เหนื่อยนะ แต่ มันเอ๋ออะ ไม่รู้สึกว่าหิว..ไม่รู้สึกว่าง่วงนอน แค่รู้สึก งงๆ เหมือนเมารถ จริงๆ มันเป็นอาการเมาบก เวลาที่ขับรถนาน เดินลงจากรถนี่ หัวทิ่ม เหมือนคนเมา เดินไม่ตรงเอาซะเลย

สิ่งที่แก้ไขได้ คือขับรถไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึง จุดหมายปลายทางแล้วค่อยลงมานั่ง นอกรถทีเดียว...

หาก ขึ้นๆลงๆ รถเมื่อไหร่ละก็ มีหวัง ขับรถไม่ถูก แน่ๆ

จริงๆ ก็โชคดีนะ ที่เช้านี้ อากาศดีมาก เห็นพระอาทิตย์ยามเช้าสวย พร้อมด้วยหมอกที่ลง ไม่หนามาก บนแนวต้นหญ้า และต้นไม้ พาลนึกไปถึง ภาพ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เลย เสียดายๆ ไม่มีกล้องติดรถมาด้วย

บางทีนะ การเดินทางก็ บอกอะไรเราได้มากมาย ช่วยเรื่องสมาธิ ช่วยเรื่องความคิด อย่างน้อยคนเราก็ไตร่ตรองมากขึ้น อดทนมากขึ้น เส้นทางชีวิต ก็ ยาวไกลเหมือน เส้นทางที่รถวิ่ง มีบ้างที่ราบเรียบ มีบ้างที่ขรุขระ มีบ้างที่การจราจรติดขัด นั่นก็ขึ้นอยู่กับเราจะเลือกเส้นทางไหนให้ตัวเอง แล้วอดทนจะผ่านมันไปเช่นไร

จุดหมายปลายทางของชีวิต คนเรา คงไม่ต่างกันเท่าไหร่

แต่ระหว่างทางของชีวิต คนเราเลือกได้

บ่ายวันนี้เจอเจ้าพี่ชาย ซื้อ โรตีสายไหม มาฝากน้องสาว แถมมมานอนเอ้งแม้งอยู่ในบ้าน

ก็สงสัยว่าพี่ชายไปไหนมา...แต่ ไม่ทันถาม พี่ชายก็ ถามสวนกลับมาก่อนว่า ไปไหนมาละเรา

โอย..ไปทำงาน เจอแต่ทหารตัวดำๆๆ ไม่น่าดูเลย...

พี่ชายหัวเราะหึๆๆ แล้วตอบว่าพี่ไปยุดยามา...

ก็เพิ่งจะดู โห พี่เราแต่งตัวเป็นวัยรุ่นเลย ทั้งๆที่ ลูกสองแล้ว แถมลูกสาวโตเป็นสาวแล้วอีกด้วย...คุณพ่อนี่ ไม่ยอมแก่เลย

ก็เลยแซวๆๆ ไป หาสายที่ไหนมาละเนี่ย แว้บไปไกล ถึงยุดยาเชียว...

พี่ชาย...หัวเราะหึๆๆ แล้วหันมาถามว่า เย็นนี่เล่นกีฬาอะไรดีละ...


น้องสาวตัวดี ตอบง่ายๆๆ แดดแบบนี้เล่นเทนนิสสิ น่าสนุก...

แต่พี่ชายมองไปที่ไม้กลอ์ฟของน้อง แล้วบอกว่า น่าจะไปเล่นกอล์ฟเนอะ...

โอย...ไม่ไหว เดินไม่ไหว....น้องสาวอดจะร้องตอบไปไม่ได้

ว่าแล้วก็ลาพี่ชาย ที่หน้าบ้าน....แล้วไปหม่ำโรตีสายไหม ที่พี่ซื้อมาฝาก อย่างอร่อย...

เรื่องอ้วนค่อยพูดกัน แต่ ขนม อร่อยๆๆ นี่ ฝากบ่อยๆ ก็ดี..อิอิ

พี่ชายที่แสนดี ว่าไปแล้วมาทีไรก็ หนีบขนมมาฝากน้องทุกทีละ...

วันนี้เลยเหนื่อยกว่าทุกวัน..... และก็ยังเอ๋อไม่หาย บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร แค่รับรู้เพียงว่า...อยากจะหลับ แต่ ทำไม ตายังไม่ปิดเนี่ย..





 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2552 23:16:05 น.
Counter : 322 Pageviews.  

ความลับที่ไม่ลับ

วันว่างทั้งที่ ขับรถไปก็นึกไป เอ้ มีอะไรที่ในชีวิต เรายังจดจำได้อยู่ และ อะไรที่ยังไม่มีโอกาสทำเลย..((สองเรื่องนี้มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย))

น่าจะเริ่มจาก สิ่งที่ยังจำได้จ้า...

4 พ.ค. วันเกิดแฟนคนแรก...ตามมาด้วย 6 พ.ค. วันเกิด คุณพ่อ...แถมด้วย วันแต่งงาน ของพ่อและแม่...8 พ.ค. และ 9 พ.ค. วันเกิดเพื่อนรัก ... 30 พ.ค. ก็วันเกิดพี่สาว...ด้วยนะ ((เดือนนี้เกิดกันจริงเชียว))

8 ก.พ. หนุ่มนัดเดทไปดูหนังครั้งแรก... ขนเพื่อนกันไปเพียบ...สุดท้ายก็ใจอ่อน ยอมเป็นแฟน 555 ใครตกหลุมพรางใครกันแน่..((แม่สื่อล็อคคอ))

1 ส.ค. เป็นวันที่ ชีวิตเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ((ปีนัั้นเป็นวันเข้าพรรษาอีกด้วย))


เดือน พ.ย. เป็นเดือนที่ป่วยหนัก เกือบทุกปี (เป็นไปได้ไงเนี่ย)

นอกจากนี้ มีวันอะไรอีกมากมายในชีวิตที่ต้องจำ...แต่ช่างมันเหอะ..

แต่สิ่งที่ ไม่มีโอกาสได้ทำ...แต่ก็ยังอยากทำ คือ...

หากเป็นที่ท่องเที่ยวแล้วละก็..

1. อยากไปเวียดนาม วู้...เกือบซื้อตั๋วเครื่องบินเก้อแล้ว
2. อยากไปปาย...ชวดมาหลายครั้งแระ มันต้องมีสักวัน
3. อยากไปเกาะไผ่ สงสัยละสิ ว่าเกาะนี้อยู่ตรงไหนของประเทศไทย... ชลบุรีนี่เองแหละ
4. อยากไปเกาะกูด...ไปไม่ถึงสักที วืด ทุกที
5. เกาะสิมิลัน สุรินทร์ ชวดหลายรอบแระ...ไม่มีดวง จะได้ไปฟรี
6. ภูชี้ฟ้า...แก่แล้วจะไปไหวละเนี่ย...เดินไม่ถึงแน่ๆๆ
7. ภูกระดึง ได้แต่แหงนมองมัน ผ่านไป ผ่านมา เกือบสิบปี ก็ยังได้แต่มอง...
8. ภูเก็ต..อายๆๆ ที่จะบอกว่า เป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ ที่ ไม่เคยได้ไป (เฮ้อ ไม่น่าเป็นไปได้ ไปเกือบทั่วไทยแระ)
9. อยากไป เมืองจีน... ลุ้นหลายรอบ ก็ยังไม่ถึงคิว ไปฟรีสักที
10. ไป เขมร นี่แหละ....ปีนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด ก่อนปีใหม่ได้ไป แน่ๆๆ....อุตส่าห์ ลงทุน ลงแรง ไว้แระ
11. จริงๆ อยาก ไปเที่ยวเกาะทั่วไทยเลย....กระโดดลงจากเรือ ดำไปในน้ำนี่ชอบๆๆ สงสัยชาติที่แล้วเป็นปลาแหง๋มๆ

ถ้าเป็นสิ่งของ...

1. อยากได้บ้านหลังใหม่ เล็กๆๆ สักหลัง...สงสัยใช้เวลาอีกนานเลยเรา....อยากเลี้ยงหมา อ่ะ...เหตุผลง่ายๆ แค่นี้เอง อิอิ
2. อยากได้เรือสักลำ (สปีดโบ๊ทน่ะ..เรือยอร์ท ก็ได้...มันจะเว่อร์ไปไหมเนี่ย) จะได้ไปได้เรื่อยๆ ตามใจเรา
3. อยากได้สร้อยข้อมือทองที่มันหายไปจัง...(จะมีแบบเดิมอีกไหมนะ คนให้ก็ ไม่อยู่แล้วสิ อดๆๆ ไม่รู้ว่าซื้อมาจากไหนเลย)

อยากได้อะไรอีกบ้างเนี่ย...เพี๊ยงๆๆ เอาแค่นี้ละกัน

แต่ถ้าเลือกได้นะ...อยากให้โลกหมุนกลับ ไปสัก ปี 2543 ก็พอ..

แล้วจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซนแบบนี้อีกแล้ว...เข็ดแล้วววววว

หลายปีผ่านมา เหนื่อยมาก ไม่รู้ เมื่อไหร่จะชดใช้ หยดน้ำตา ได้เท่ากับที่ทำให้เธอเสียใจ

มันต้องมีสักวันแหละ ... สู้ๆๆ






 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2552 14:24:35 น.
Counter : 210 Pageviews.  

สุขที่มองไม่เห็น


เคยมั๊ย ความสุขที่มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้

บางครั้งบางทีเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทำไม เราอิ่มเอม เราสุขใจ แต่...เรารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

ไม่ว่าจะหลับจะตื่น เราได้รับความรู้สึก อบอุ่น มีความสุขห่อหุ้มตัวเราอยู่เสมอ

มองไปรอบๆ ตัว ความรัก เหมือนจะห่างไกลตัวนัก แทบไม่มีใครอยู่ใกล้ แต่ เหมือนหัวใจไม่ไกลกัน

ไม่รู้ว่า ความรู้สึกเหล่านี้มาจากไหน โบยบินมาจากที่ใด
แต่...หัวใจยังยิ้มได้ ยังแบ่งปันให้คนรอบข้างได้อีกมากมาย

เอาน่า...นานๆ โลกจะ เป็นสีหวานๆ แบบนี้

อิอิ




 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2552 11:55:00 น.
Counter : 354 Pageviews.  

การเดินทางของความรัก

การเดินทางของความรัก


เย็นวันหนึ่ง ในสวนแปลงเล็กของย่า ที่มีลักษณะ เป็นคอก มีรั้วไม้ตีรอบขอบชิด   เนื้อที่ ไม่ถึงสิบไร่  มีลำธารเล็กๆ ไหลเอื่อยๆ ผ่าน ไปอย่างสงบ


ที่นี่มีหญ้าปล้องและแมลงปอ  จำนวนมาก  เป็นทุ่งหญ้า เรียบๆ มีต้นไม้ใหญ่เพียงไม่กี่ต้น  บ่อยครั้งที่ฉันมักจะวิ่งเล่นในที่ดินผืนนี้  เพราะ มันเป็นทางผ่านทางหนึ่งไปยังสวนของพ่อ ที่อยู่ถัดไป


ย่าบอกฉันว่า คอกนี้ ย่าไว้เลี้ยงวัวนะลูก  แต่แปลกฉันไม่ค่อยเห็นวัวของย่าเลย   นอกจากเวลาเย็นๆ  มันเลยเป็นที่วิ่งเล่นของเด็ก 12 ขวบอย่างสบายๆ


ใกล้ๆ คอกนี้ ตรงกันข้าม มีหนองน้ำ  อยู่ นอกรั้วไม้ซี่ๆ นั้นอีก  แต่หนองนี้ ท่าทางจะลึกน่าดู  เวลาน้ำหลาก  จะเห็นไซและข้องดักปลา ถูก วางไว้ ระหว่างรั้ว  เพราะปู่จะขุด ทางเดินริมรั้ว ให้น้ำไหล ผ่านที่ดินไป ยังลำธาร อีกฝั่งของคอกวัว


แน่นอนว่า มิใช้น้ำแค่อย่างเดียวที่จะไหลผ่านอย่างรวดเร็ว  แต่ก้มีปลาตัวเล็กตัวน้อยไหลมาด้วยเช่นกัน  ฉันสนุกสนานไม่น้อยที่จะกระโดดข้าม ไปข้ามมาเพื่อดูปลา ที่ไหลมาอย่างตื่นเต้น


กว่าจะเดินถึงสวนแต่ละครั้ง  ฉันก็ชมนกชมไม้  เรียนรู้ต้นไม้แต่ละต้นไปเรื่อยๆๆ และ ก็แปลกใจกับท่อนไม้ จำนวนมาก สีดำ ที่ถูกสุมไว้ ใต้ต้นชมพู่(จริงๆมันคือฝรั่ง  ชาวใต้เรียกชมพู่เหมือนกันหมด)


เย็นวันหนึ่ง ฉันถามพ่อว่า เจ้าท่อนดำๆ นี่ คืออะไร เหมือนต้นไม้ที่ตายแล้ว แต่มีสีดำแปลกกว่าต้นอื่นๆๆ แล้ว ทำไมปู่เก็บไว้แบบนี้ละ  ไม่เอามันไปทิ้งเสียที  ผ่านมากี่ปีๆๆ ก็อยู่แบบเดิม


พ่อ ยิ้ม แล้วก็บอกลูกว่า  ปู่ไว้ทำน้ำตาลเมาน่ะลูก  มันคือ เคี่ยม นั่นเอง


น้ำตาลสดจากต้นตาลโตนด ในสวนยางของฉันนั่นล่ะ  คือสิ่งที่ปู่ ปีน มันขึ้นไป เพื่อเอาน้ำตาลสดลงมาแล้วใส่ เศษไม้เคี่ยมลงไป  มันจะทำให้น้ำตาลสดไม่บูด นั่นเอง  แถมเมาอีกต่างหาก


วันเวลาก็ หัดเรียนรู้พืชแต่ละชนิด  จริงๆแล้วครู เกษตรคนแรกของฉันก็พ่อ  พ่อสอนวิธีติดตาต้นไม้ให้ฉันตั้งแต่ 7 ขวบ พ่อสอนให้ ติดตา ทาบกิ่ง ดูแลต้นไม่สารพัด  และนั่นคือหน้าที่ของฉันแต่ละวัน และมากขึ้นในวันหยุด  แทบจำไม่ได้เลยว่าตัวเองได้ไปวิ่งเล่นกับเพื่อน หรือติดอยู่กับทีวีแบบเด็กสมัยนี้  เพราะ  วันหยุด เราจะไปเรียน ห้องเรียนธรรมชาติกันในสวน  นั่งกัน ใต้ต้นไม้ เรียนวิธีขยายพันธ์ต้นไม้ แบบต่างๆ


พ่อสอนลูก แล้วก็สอนแม่ไปในตัว  ว่าไปแล้ว แม่เรียนรู้ช้าที่สุด เดินสักนิดแม่ก็เหนื่อย  หรือไม่ก็คันๆๆ  จนพ่อเองก็จนปัญญา อันเชิญแม่กลับไปนั่งสบายๆๆ หรือ ไป ดูทีวีที่บ้านย่าก่อน


ส่วนลูก ก็ ฮุยเลฮุย  ไปไหนไปกัน


พ่อ มักจะเหลาไม้ ขนาดหนึ่งเมตรนิดๆ ให้ลูก หนึ่งอันเสมอ  ในขณะที่ปล่อยลูกในสวนที่รก นักในขณะนั้น


ด้วยเนื้อที่ กว้างใหญ่ สิ่งที่เรียนรู้สิ่งแรก คือทิศทางและอาณาเขต


มองไปตะวันตก จะมองเห็นเทือกเขานครศรีธรรมราช ยาวเป็นแนวตั้งตระหง่านไม่ไกลนัก


มองไป ทางเหนือ ถ้าเดินไปสุดดินจะพบถนน ถ้าเราเลี้ยวไปทางขวา ถนนจะมาตรงหน้าบ้านย่าพอดี


มองไปทางใต้ หรือซ้ายมือของเรา เมื่อมองเข้าภูเขา  ถ้าเดินพ้น พื้นที่ต่างระดับเมื่อไหร่  นั่นคือลูก กำลังจะมุดไปสวนคนอื่นทันที นอกจากนั้น ยังมีหนองน้ำ เล็กๆ อีกด้วย


มองไปตะวันออก นั่นจะไปเจอบ้านย่า คือทางกลับบ้านนั่นเอง


แต่เด็กๆๆ บ่อยครั้งก็หลงทาง...ต้องมองหาภูเขาเรื่อยๆๆ  นั่นหมายถึงเราหันหลังให้ภูเขาเดินไป  ไกลแค่ไหน  ก็จะพบบ้านย่า


อาณาเขตที่ดิน เราไกล สุดลูกหูลูกตา หากหลงกันก็ แทบจะหากันไม่เจอทีเดียว


พ่อเลยสอนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ สังเกต วิธี ข้ามแปลง สวน และ จุด จะถูกแบ่งออกเป็นแปลงๆๆ แต่ละแปลง เป็นของใครบ้าง นั่นเป็นสิ่งที่ต้องจำ


หากต้นไม้ เริ่มเปลี่ยนแนวแถว ไม่ตรงกันที่ ต้นไหน นั่นหมายถึง เรากำลังจะข้ามไป อีกแปลงทันที


เดินๆๆ   ต้นไม้เริ่มเปลี่ยน  นั่นหมายถึงเราเดินทะลุๆๆ ไปเรื่อยๆ


ตอนเด็ก สิ่งที่กลัวที่สุด คงจะเป็นงู  พ่อจึงให้ถือไว้ไว้สำหรับแหวกหญ้า และ ไว้ค้ำยันตัวเอง ในสวน ที่ถูกรถไถขนาดใหญ่ ไถไว้ เมื่อเหยียบดินมันจะจมฮวบไปครึ่งแข้งทันที  หากเดินไม่ดีก็ หัวคะมำได้


แต่พ่อก็หารู้ไม่ ว่า ไม้ที่พ่อให้เป็นไม้ประจำกาย มัน เกิดอุบัติเหตุกับลูก ตอนที่พยายามปีน ของ ตลิ่ง  จากที่ดินแปลงลึก มายังที่ดินแปลงสูงที่ต่างระดับกัน เกือบหนึ่งเมตร


ด้วยตัวเล็ก  กว่าจะ ปีนป่ายขึ้นมาได้ก็ทุลักทุเล ประกอบกับดิน ที่เหยียบแล้วจมๆ ทำให้หัวคะมำ แต่คะมำไปทางไหน ก็ ไม่ไป  ดันคะมำ ไป ทับไม้ตัวเอง ที่ปักอยู่ข้างหน้าอย่างจัง  ผลคือ  ไม้ตำท้องอย่างแรง  เลือดออกทันที


ป๊าด ตำโดนข้างๆสะดือเนี่ยเจ็บสุดๆๆ แต่จะร้องหาใครก็คงไม่มีใครได้ยิน ไกลออกขนาดนี้ ใครละจะมาช่วยเรา


หายใจเข้าลึกๆๆ ก็ ตัดสินใจพาตัวเอง เดินกุมท้องๆๆ กลับไปยังบ้านย่าได้สำเร็จ  ด้วยความซน เกือบจะเอาชีวิตมาทิ้งซะแล้ว


เนื่องจากย่ามีหลาน มากกว่า ยี่สิบคน  ก็เลย ไม่มีหลานคนไหนที่ย่าจะใส่ใจมากนัก คนไหนก็เหมือนกัน ย่าปล่อยตามบุญกรรม  เพราะ ย่าเองก็ลูก ถึง 11 คน หลานจึงมีมากมายขนาดนี้


ถ้านับ เหลน โหลนของย่าในปัจจุบันเข้าไปด้วย  ก็ มากกว่าร้อยทีเดียว นี่ละนะ ย่าเลยเฉยๆๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


ที่คอกเลี้ยงวัวของย่า ที่นี่ละ เป็นที่ซ้อมขับรถยนต์ครั้งแรกในชีวิต หากเทียบกับทางภาคกลางมันก็คือ ทุ่งเลี้ยงม้านั่นเอง


มันจึงมีที่ราบ ที่เนิน มีต้นไม้หรอมแหรม  พ่อจึง สอนให้ฉันขับรถ อย่างไม่กลัวว่าลูกจะไปชนอะไรเข้า นอกจากต้นมะม่วงที่ลูก เลี้ยวไปหากิ่งมันเสมอ จนพ่อร้องว่า หลังคารถ เป็นรอยหมดแล้ว ถอยมาไกลๆหน่อย


หัดขับอยู่ไม่นาน  ก็ เริ่ม ไปถนนซอยหน้าบ้านย่า   แวะไปเรื่อยเปื่อย  จน พ่อสอนขับออกถนนใหญ่


ถนนใหญ่ของพ่อนี่ ถนน สายหลักของภาคใต้เลยล่ะ  พ่อนี่ใจกล้าน่าดู  ส่วนลูกนี่ใจแป้วๆๆ


พ่อ เป็นพ่อของลูก ที่น่ารักมาก  พ่อบอกว่า ชีวิตพ่ออยู่ไกล แขวนอยู่บนเส้นด้าย ลูกจึงต้องเข้มแข็ง ทำอะไรด้วยตัวเองได้ด้วย ที่สำคัญ ต้องดูแลคุณนายแม่ให้ดี เพราะพ่อไม่อยู่บ้านนั่นเอง


คุณนายแม่ ผู้แสนจะอ่อนแอ ขี้งอนอีกต่างหาก 


วันหนึ่ง ลูกอยากได้ขี้วัว ไปโรงเรียน และเอาไปใส่ต้นไม้ ที่ปลูกไว้ พ่อ ก็ พาลูกไปสวนด้วย  แล้วพ่อก็ส่งกระสอบปุ๋ย ให้ สองใบ  พร้อมกะลาเก่าๆๆ อีกหนึ่งอัน  พ่อบอกว่า  เข้าไปใต้ถุนบ้านเลือกที่แห้งๆ ตรงที่วัวเคยนอนนั่นล่ะ เสร็จแล้วเรียกพ่อละกัน


ลูก ก็ ซุกซนอยู่กับกองขี้วัว ที่ มีทั้งเปียกทั้งแห้ง เอากะลามะพร้าว ขูดๆๆ ให้มันเป็นผงๆ แล้วโกย ใส่กระสอบ สองใบจนเต็ม


ไม่นานนัก พอกลับถึงบ้าน แม่ถามว่าลูกไปทำอะไรมา มอมแมมเหมือนหมาเลย  ลูกก็หัวเราะ ๆๆ  พ่อให้มุดไป ใต้ถุน ไปอยู่ในคอกวัวมา


แม่  เริ่มงง  อ้าว ทำไม พ่อไม่ไปตักให้ลูกละ


ลูก ก็ งง อ้าว  ทุกที นึกว่าแม่ตักมาเอง เห็นพ่อ ส่งอุปกรณืให้แล้วเดินหายลับไปในสวนเลย


แม่เลยบอกว่าเปล่า  ปกติ แม่จะ นั่งเป็นกำลังใจเท่านั้น  แล้วนี่ พ่อ ใช้ให้ลูก มุดๆ กับกองขี้วัวได้ไงเนี่ย


พ่อหนอพ่อ...ก็ลูกพ่อเนอะ ...ทำได้ทั้งนั้น..เพราะพ่อ ไปขึ้นมะพร้าวอ่อนให้ลูกกินเป็นรางวัล ตอนท้ายอีกด้วย


พ่อเก่งเรื่องเกษตร ตั้งแต่ปลูกข้าวโพด ลูกก็ได้ปลูก ปลูกอ้อย ลูกก็ได้ปลูก ไป ขุดหน่อกล้วยมาปลูก ลูกก็ได้แบกหาม แม้กระทั่ง ส้มโอ ส้มเขียวหวาน ส้มจุก มะนาว มะกรูด พ่อทำให้มันออกในต้นเดียวกันได้หมด


พ่อทดลองปลูกอะไรเรื่อยๆ ตามประสา ของพ่อ ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่แย่สุดน่าจะเป็นเราปลูกข้าวโพดกัน  กำลังออกฝักน่ากิน แต่ น้ำกลับท่วมสูงมาก  พ่อ ไม่วาย พาลูก ผ่านกระแสน้ำเข้าไปในสวน  เพื่อไปตัดข้าวโพดทั้งหมดลงกระสอบไปขาย ก่อนที่มันจะแช่น้ำนานจนเสียหาย


ช่วงนั้นสนุก แต่ก็คันยุบยิบๆๆ เดินก็ยาก  พ่อสอนให้ใส่รองเท้าบู๊ท  เพื่อกันสัตว์ร้าย แต่น้ำก็ท่วมเข้ารองเท้าอยู่ดี  เดินยากชะมัด


ตัดข้าวโพดเสร็จ  พ่อก็แบ่งส่วนหนึ่งให้แม่เอาไปต้มให้พวกเรากินเป็นค่าแรงงาน ที่ช่วยวุ่น ลากกระสอบ ข้าวโพด ออกจากไร่ไปจนได้


มาระยะหลังๆ เราเหน็ดเหนื่อยกับการทำสวนยางพารา ทุกวันหยุด  พ่อแข็งขันมาก ด้วยวัยพ่อ เพียง 40 แต่พ่อก็ทำงานเยอะ จน ไม่รู้เลยว่า พ่อเหนื่อยเป็นไหม


พ่อขับรถ  กว่า 400 กิโลมาหาลูก และก็พาลูกไปสวน ทุกๆวันหยุด  แล้วก็ขับรถไปทำงานอีกครั้งในเย็นวันอาทิตย์  เจ้า 800 กิโลของพ่อ มันนานมากสำหรับลูก  แต่ มันไม่เคยทำให้พ่อ ลืมเราไปสักสัปดาห์


ทุกๆวันศุกร์ เราจะชะเง้อเสียงรถยนต์ของพ่อ ที่กระหึ่มมา ตอนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว


ถึงวันอาทิตย์ ก็น้ำตาซึม เกาะแข้งเกาะขาพ่อ เป็นปกติ  พ่ออย่าลืมขนมหนูนะ  อาทิตย์หน้าหนูจะรอ


พ่อมักจะมาพร้อมกับขนมให้ลูกๆ กินเสมอๆ   พ่อบอกว่า พ่อแวะ หาดใหญ่นะ บางทีก็แวะกินข้าวหากดึกมาก  แล้วก็ซื้อ ขนมครกที่หน้าตลาดสันติสุขมาฝากลูก ขนมครกที่นี่แปลกกว่าขนมครกแถวบ้าน เพราะใส่ผักหลากหลาย อร่อยดี


บางสัปดาห์ พ่อซื้อปูดำมาฝาก หนึ่งถัง  แม่มักจะขังมันไว้แล้วนึ่งให้เรากินในตอนเช้า แต่หากไม่ดึกนัก แม่จะนึ่งให้ลูกกินในคืนนั้นเลย  ฉันชอบปูดำนึ่งมาก  อร่อยสุดๆ


หากเป็นฤดูกาลของผลไม้ เช่นทุเรียน เงาะ  พ่อรู้ว่าลูกพ่อกินล้างกินผลาญ ซื้อน้อยก็ไม่ได้ ทั้งเมียทั้งลูกชอบ  แถมแม่ยายก็ชอบอีก  เอาน่า ตัดสินใจซื้อยกหาบ  คือ เหมายกเข่งนั่นเอง


บ้านหลังนี้จึงเป็นบ้านที่อุดมสมบูรณ์ในเรื่องอาหารการกินมากอยู่ ลูก   จึงอ้วนกลมกันทุกคน


พ่อ ให้พวกเรากินนม กลัวว่าจะตัวเล็ก  พวกเราจึงถูก บังคับให้กินนมเป็นเนืองนิจ  แต่ก็ ตัวโต ได้ดั่งใจพ่อจริงๆ


นอกจากพ่อจะเก่งด้านเกษตรแล้ว  พ่อเก่งเรื่องการทำกับข้าว เก่ง เรื่องงานช่าง ทั้งงานปูน งานไม้ งานไฟฟ้า งานประปา  พ่อทำได้สารพัด กระทั่งเชื่อมเหล็ก พ่อยังเชื่อมได้ดีกว่าลูก ที่เรียนมาถึงสามปีเลย


จริงๆ แล้วก็ แอบสงสัยนะว่า พ่อเคยเหนื่อยไหม ที่เดินทางไกล


พ่อ เคยท้อไหม ที่พวกเราอยู่ไกลพ่อขนาดนั้น


พ่อเคยเหงาไหม  ที่เราไม่เจอหน้ากันทุกวัน


แต่ทั้งหมดนั้น พ่อทำเพื่อลูก ให้ลูกมีชีวิตที่ดีกว่า


พ่อบอกว่า พ่อเลี้ยงเรา ได้ ไม่ดีเท่าที่ตาเลี้ยงแม่  แต่พ่อก็ทำดีที่สุดแล้ว 


ลูกเองก็อยากบอกพ่อว่า พ่อเป็นฮีโร่ของลูกเลย


แม้ว่าลูกโตมา จะมีปัญหาครอบครัว พ่อไม่เคย เอ่ยปากตำหนิลูกสักนิด  ไม่เคยพูดให้ลูกเสียใจ  มีแต่ให้กำลังใจ  พ่อไม่เคยให้ความเห็นว่า พ่อชอบเขาหรือไม่ชอบเขา  พ่อดีใจหรือเสียใจ ที่ลูกเลือกใคร


แต่สิ่งที่ลูก จำได้ดี คือ พ่อรักลูกนะ


พ่อ แอบบ่นกับแม่ว่าอยากได้หลาน  ลูกรู้แหละว่าพ่อรักเด็ก  ด้วยวัย 61 ปีของพ่อ ยังไม่มีหลานสักคน  แต่สิ่งที่พ่อห่วง คงกลัวลูก เหงา ว้าเหว่นั่นเอง


พ่อก็ยังเป็นพ่อ เหมือนเดิม... จะมีใครยิ่งใหญ่กว่าพ่อฉัน..นั้นไม่มี










 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2552 18:53:51 น.
Counter : 350 Pageviews.  

เชื่อตัวเอง หรือ เชื่อดวง

วันนี้ แอบงีบหลับตามประสา คนไม่มีงานทำ (งานเยอะแต่ไม่ทำ)

ตื่นขึ้นมาหน้าจอ ก็ ฟ้องว่า มีคนเข้ามาทักทาย ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ชายเราเอง...

เอ้...จะมาถามอะไรน้องสาว นะ...

ทักกลับไป พี่ชายถามว่าว่าง ป่าว....ตอบไปง่ายๆ ว่า ว่าง แต่จะทำรายงาน...พี่ชายก็ ถามกลับมาว่า เยอะมากเหร่อ...น้องก็ตอบสั้นๆว่า สองหน้า...ไม่มีอะไรทำ จึงจะทำ

ว่าแล้วพี่ชายก็เปิดฉาก ถามว่า ดูดวงให้พี่หน่อยสิ...น้องก็ตอบไปอีกว่า ก็ดูให้แล้วนี่...

เธอยังดูไม่ละเอียด ขอ หกเดือนล่วงหน้าได้ไหม...

โห...จะเอาเดือนต่อเดือนเลยเหร่อ...((น้องก็ยังไม่ดู ทุกเดือนเลยนะ))

เอาน่าๆๆ..ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาผูกดวง เดือนต่อเดือนนะ น้องก็ บอกไปว่า..เมื่อคืนบอกแม่ว่า ดูดวงให้พี่...แต่จะไม่ดูละเอียดให้ เพราะ...

น้องก็เจื้อยแจ้วถึงสาเหตุ...ว่า...

ถ้าดูแล้วออกมาไม่ดี น้องจะบอกพี่ว่าไง...สุดท้ายน้องก็กังวล เพราะพี่เป็นพี่ชายที่ดีที่สุด ก็อยากให้พี่มีความสุข...สุดท้ายการไม่รู้ ดีกว่า ให้พี่กำหนดตัวเอง...

ก็ อธบายเพิ่มเติมไปว่า ตัวของเรากำหนดการกระทำได้ดีที่สุด ดวงหมายถึงเครื่องนำทาง เราอาจจะ ตัดสินใจหรือไม่ตัดสินใจก็ได้...หากเรามีสติมั่นพอ ไม่จำเป็นว่า ต้องไปทางที่ดวงกำหนดให้ได้ เสมอไป ...ไม่งั้นคนจะทำบุญ เปลี่ยนดวง ช่วยให้ทุกอย่างเบาลงกันทำไม

กุศลกรรม นี่ละ จะเป็นตัวชี้นำในที่สุด

พี่ชายก็ บ่น ตัดพ้อ แล้วก็เล่าเรื่องแฟนสาวให้ฟัง...

แล้วก็บอกว่า เธอดูดวงแม่น..

555 เหร่อ...เพิ่งรู้ตัว

จริงๆ น้องไม่เคยเห็นแฟนพี่ชายเลย แม้แต่เสียงก็ไม่เคยได้ยิน พี่ไม่เคยบอกเล่าอะไรนักหนา...แต่ ก็ดูออกมาได้เหมือนเคยรู้จัก

ฟลุ๊ก แหง๋ๆๆ ฉันคิดในใจ

พี่บอกว่า เธอดูดวงเขามาว่า เขามีอะไรปกปิด บางอย่าง ซ่อนเร้นปิดบัง..แล้วมันก็คือความจริง เขาขอเวลาพี่ ที่จะไปเคลียร์ ก่อน

แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร...

อืม...ดวงเขาบอกแบบนั้นนี่ว่าปิดบังซ่อนเร้น เจ้าชู้มีเสน่ห์ แล้วน้องจะทายว่าไง...เพราะเขาเก็บงำ ความรู้สึกได้ดีเยี่ยม...และ พร้อมจะก้าวไปสู่ความเป็นใหญ่ ด้วย การไต่เต้า..จากสามี ที่เขาเลือกล้วนๆๆ..(อยากบอกแบบนี้) แต่บอกให้มันซอฟลง)

พบว่า มันยากเหมือนกันนะ ที่จะสื่อสาร ตรงไปตรงมา เดี๋ยวจะหาว่า น้องสาวนี่ปากหมา...

เอาเป็นว่าการพูดให้ทุกอย่างดีขึ้นน่ะ ยากแฮะ มันเหมือนเรื่องจิตวิทยา พูดดีเป็นศรีแก่ปาก พูดตรงมาก ปากอาจมีสี...เฮ้อ...

เอาละนะ น้องสรุปง่ายๆๆ ว่า..

พี่ มองตัวเองให้ชัด เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ แล้วก็ แยกแยะมันให้ออก แล้วก็ตัดสินใจ...

พี่คนฉลาดนี่...แต่อย่าฉลาด จนตกหลุมพรางตัวเอง...

มารยาหญิงน่ะ ไม่ใช่ 108 เล่มเกวียนนะจ๊ะ...

((เตือนแล้วนะ...อย่าหาว่าไม่เตือน))

ใครจะตรงไปตรงมาเหมือนน้องคนนี้ของพี่ละ...พูดแต่ละที พี่ไม่เตะปากให้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว...

อะไรร้ายๆๆ...วาดมันออกมาให้หมด เอาให้รับกันได้ไม่ได้แต่แรก ที่เหลือ ผ่านไปได้นะ สบายปร๋อ เชื่อน้องสิ...

แล้วพี่จะกำหนดชะตาชีวิตเอง หรือ เชื่อดวงละเนี่ย...

การดูดวง..
ถ้าดูแล้วพี่เลิกกันชัวร์...น้องก็บาป
ถ้าดูแล้วพี่ไปกันได้ไม่ดี ...น้องบอกไป ว่าดี น้องก็บาป..

เอาเป็นว่า..ตัวใครตัวมันละกัน...((น้องยังเอาตัวไม่รอดเลย))

เคยฟังเพลงนี้ไหม...





วันที่เวียนเปลี่ยน วันที่เลยผ่าน รักคงมั่น
เราไม่เคยห่าง เคียงคู่ชิดใกล้ ทุกเวลา
ยอมทิ้งความฝัน ยอมทุกๆอย่าง ให้กันและกัน
เพียงได้เคียงข้าง เพียงได้ร่วมทาง โอ้รักนิรันดร์

ก่อนเคยคิดว่ารักต้องอยู่ด้วยกันตลอด
เติบโตจึงได้รู้ความจริง

หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เธอได้ตามหาฝัน ของเธอ

เรียนรู้รักอย่าง รู้คุณค่า ฝันไม่ไกล
บินไปตามทาง หาดวงตะวัน ที่เธอต้องการ
ไม่มีฉุดรั้ง ไม่มีดึงดัน เราเข้าใจ
รักยังแสนหวาน รักยังไม่เปลี่ยน เคียงคู่กัน

ก่อนเคยคิดว่ารักต้องอยู่ด้วยกันตลอด
เติบโตจึงได้รู้ความจริง

หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เธอได้ตามหาฝัน

วันเวลาที่เราห่างไกล ความเข้าใจจะทำให้เราใกล้กัน
กลับกลายเปลี่ยนเป็นพลัง โว...




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 15:02:54 น.
Counter : 419 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

noomint
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ฉันไม่ได้ยินดีในความตาย
แต่พร้อมที่จะจากไปอยู่เสมอ

เวลาในการมีชีวิตฉันเหลือน้อย
จะใช้สอยอย่างมีคุณค่าทุกนาที



Friends' blogs
[Add noomint's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.