My Time & My Life
Group Blog
 
All Blogs
 

วันหยุด วันเหนื่อย

เคยได้ยินหัวหน้าบ่น เมื่อแต่งงานไปไม่นานว่า ทำไม แต่งงานแล้วมันเหนื่อยแบบนี้

เราก็ได้แต่หัวเราะหึๆ ๆ เออ รู้ซะมั่งว่าผู้หญิงเหนื่อยนะเฟ้ย...ทำงานนอกบ้านก็ ปางตาย ยังงานในบ้านอีก จะสิ้นชีพกันอยู่แล้ว ช่วยๆ กันบ้างก็ดี

วันศุกร์ที่ผ่านมา ก็ พูดกันเรื่อง กวาดบ้านถูบ้าน หัวหน้าก็บอกว่า เออ ปล่อยๆมันบ้างเหอะ ให้ฝุ่นมัน เดินเล่นบ้าง มัวแต่ถู แต่กวาด คงหมดลมกันพอดี งานก็เยอะปางตายแบบนี้

ฉันเลยขำๆๆ เออ ฉันก็ปล่อยบ้านไว้สองสัปดาห์แล้ว งานบ้านแทบไม่ได้แตะเลย...

แน่นอนละ วันเสาร์อาทิตย์นี้ ฉันเลยปางตายอยู่เช่นนี้ไง ทำงานบ้านแต่เช้า ยันเที่ยงคืนติดๆ กันสองวัน...

เออ นี่ มันวันหยุดหรือวัน ทำงานหนักกันแน่...ไม่แน่ใจตัวเองเท่าไหร่

เริ่มแต่เช้า ลงไป เจอ มู่ลี่ ที่พี่สาวถอดไว้..นั่นมันหน้าที่ฉันแหละ ที่จะเอามันไปทำความสะอาด..เพราะพี่สาวต้องไปทำงาน...แต่ โอ้ มู่ลี่มัน ถูกเอาลงมาแล้วก็ ยัง ถูกตรึงไว้ จะ ดึงในแนวราบกับพื้นก็ไม่ได้ ต้องเอามือถือไว้มือหนึ่ง แล้วอีกมือหนึ่งดึงมันออก ทุลักทุเลพอควร แน่ๆ มันหนัก ก็อยู่บ้านคนเดียวจะ หาใครมาช่วย ดึงมันก็ไม่มี...ใช้ทั้งมือ ใช้ทั้งเท้า เฮ้อ...

หลังจากดึงมันออกได้ ก็ต้องบรรจงถู เอาฟองน้ำมา ถู ทีละซี่ๆ สองด้าน...เออ ถูเข้าไป ก้มๆ เงยๆ ตาลาย กว่าจะเสร็จเจ้าสองอันไปได้ ลมแทบจับ เพราะ เล่น ทำงานบ้านอยู่หน้าบ้าน ร้อนตับแลบ

เสร็จจาก มู่ลี่แล้ว ก็ ซักผ้า นี่ละ งานถาวร หนีไปไหนไม่ได้ ซักผ้าไว้ ก็ มีเวลาว่างเนอะ ต้องไปล้างรถ

ล้างรถ มันคง ไม่ง่ายเท่าไหร่เพราะ รถเกิดอาการไม่ปกติตั้งแต่วันศุกร์แล้ว ล้างไป ก็เช็กรถไป ลงน้ำยาเคลือบสีรถ อีก เอ้าๆๆ กว่าจะเสร็จ ปาไปห้าโมงเย็น...ข้าว ละข้าว ขอกินข้าวก่อน จะตายแล้ว

กินข้าวเสร็จ เออ ผ้ายังไม่ได้ตาก วิ่งไปตากผ้าก่อน แล้วก็ซักต่ออีกถัง .. เวรกรรมจริงๆๆ ทำไม ทำไม ไม่มีคนช่วยเลยเนี่ย...

ลีซานมา ต้องดูทีวี แต่ กลับเป็นว่าต้องคุยโทรศัพท์ กับหัวหน้า ชม. กว่าๆ เอ้า ลีซานเกือบจบพอดี...

แต่..ยังไม่ได้ตากผ้า...และ ยังไม่ได้ล้างผ้าคลุมรถ

เอาน่าไม่เป็นไร วิ่งไป เอาผ้าคลุมรถ คลุมรั้วบ้านเลย ปีนๆๆๆ ไป..คลุมๆๆ ลากสายยาง ฉีดน้ำใส่ผ้าคลุมรถ ที่ตากไว้กับรั้วบ้าน เพื่อทำความสะอาด แล้วตากลมไว้แบบนั้นจนกว่าจะแห้ง...

เสร็จแล้ว วิ่งไปตากผ้า แล้วก็ ไปอาบน้ำ...

เออ..อยากบอกว่า เหนื่อยสุดๆๆๆๆ

เสร็จทุกอย่างเหมือนจะเรียบร้อยใช่ไหม...เปล่าเลย ต้องไปปีนเอาผ้าคลุมรถลงมา เพื่อ คลุมรถอีก...

พี่ข้างๆบ้านเดินมาแซว...กลับมานี่ พี่เห็นยังทำไม่ได้หยุดเลยนะเรา...

ฉันได้แต่ส่งยิ้ม แหยๆๆ นึกในใจ ใครจะสบายเหมือนพี่เล่า วันๆ เดินไปเดินมา อยู่ระหว่างสองสามบ้าน..

มาดูละครตอนดึก..ไม่นาน ก็ เริ่มเหนื่อย..แต่เหนื่อยไม่พอ เริ่มไป แยกผ้าสำหรับรีด....

พักผ่อนได้ นิดหน่อย..โอยไม่ไหวแล้ว ไว้รีดพรุ่งนี้ดีกว่า...

................หมดไปหนึ่งวันที่แสนสั้น.................

ตื่นมาเช้าวันอาทิตย์ ข้างบ้านก็ ปีนหลังคาบ้านฉันอยู่ ...โอย จะมาซ่อมอะไร ปีนอะไร ตรงบ้านเนี่ย เอ้า ออกไปดูสักหน่อย...

เก้าโมงก็ เปลี่ยนเสื้อผ้าเอารถไป เปลี่ยนน้ำมันเบรก ที่อาจจะดูเหมือนแพง แพงสิ ตั้ง เจ็ดร้อยกว่า..แต่เขาก็ทำดี ไล่น้ำมันเก่าหมด แต่มันไม่แค่นั้น น้ำมันพาวเวอร์ หายไปไหนหมด...โอ้วววว เสียเงินอีกต่อ...

แลครถ หน้าซ้ายมันรั่ว....เออ ขับอยู่ได้ไม่รู้เลย ว่าทำไมพวงมาลัยเริ่ม สะเทือน

ไม่เท่านั้นช่างบอกว่า เบรคหลังกำลังจะหมดนะครับ หาเวลาเอาไปเปลี่ยนได้แล้ว...

ค่ะๆๆ รับปาก อย่างแข็งขัน..พร้อมส่งรอยยิ้มให้ช่าง เออ เหนื่อยไม่พอ ยังกระเป๋าแห้งอีก...คนอะไรฟะ

พอจะ จ่ายเงินทั้งหมด..พี่สาวก็โทรมา สายน้ำฉีดชำระที่บ้านแตก ซื้อมาด้วยนะ เอาแบบแสตนเลสสนะ แพงหน่อยแต่ ทนแรงดันน้ำได้...

คร๊าบบบบ เจ้านาย สั่งอยู่ได้

ฉันไม่รอ ช้า คว้าบัตรเอทีเอ็มขึ้นมาแล้วกดไปยังธนาคารทันที...

ไม่ได้กดไปเปล่าๆ หรอก กดดูว่ามีเงินเหลือพอ จะซื้อทุกอย่างที่ท่านพี่สั่งมาได้หรือเปล่า..

ไปถึง ก็ ซื้อ สายชำระ ที่ ราคา เกือบๆ สามร้อย...แล้วยังมี ฟลินโค้ท คัลเลอร์...แบบถูกพี่ พี่ฉันไม่ จะเอาแบบ มีสี แพง มากๆๆ สี่ร้อยปลายๆๆ...
เจ้าฟลินโค้ท ก็เอามาซ่อมบ้านไง ก็ เพราะช่าง ที่ซ่อมหลังคาข้างบ้านละเป็นเหตุ เหยียบกระเบื้องอีท่าไหนไม่รู้ ผนัง มันเกิดร้าวลงมา เป็นทางยาว เลยต้องรีบซ่อม โบกมันซะ แล้วก็เลยต้องเก็บ รอยผนังร้าวจากการ ทุบเจาะของบ้านอีกฝั่ง...เฮ้อ


หมดไป หลาย กลับบ้านดีกว่า อยากกินกาแฟใจจะขาด...เออ กลับไปกินน้ำมะขามที่บ้านละกัน...ขับรถมุ่งหน้าเข้าบ้านโดยไม่แวะที่ใด...หิวก็หิว ไปกินข้าวบ้านนี่ละ...

มาถึงก็ตรงไปหาหม้อหุงข้าวก่อนเลย หิวๆๆๆ

ต่อด้วยซักผ้าที่เหลือไว้นิดหน่อย...มีถุงนอน ที่ซักไว้เอามาเก็บ มีรองเท้าวิ่ง เอาไปซักดีกว่า ผ้าพันคอ หลายผืน ที่สีตก ต้องเอามาซักมือ...เออ มหกรรมซักๆ นี่ไม่เสร็จซะที สองวันแระ

ไม่นานนัก ก็ ไปหอบผ้าที่แยกไว้มาจะรีด...แต่ก่อนจะรีด..

ก็ เป็นลม หลับสลบ ตั้งแต่บ่ายสาม จนถึงห้าโมงเย็น นอนจมเหงื่อ เลย..ฝันร้ายอีกต่างหาก เอ้อ คนเรา..

ตื่นมา...โอย...

หิว...

เดินคว้าแก้วไปซื้อกาแฟ ปั่น..หน้าบ้าน...ตักข้าวมากินๆๆๆ ค่อยดีหน่อย..

ปฏิบัติการติดตั้งมู่ลี่ก็เริ่มขึ้น...เฮ้อ งานจะเบาลงไหมเนี่ย..มองไปเห็นผ้ากองโต มากกว่าสี่สิบตัว..เต็มเลย..ยังไม่ได้รีด

ไม่นานนัก ก็ ลากเตารีดมา หน้าทีวี แล้วก็รีดๆๆๆ

หมดไปสองชม.กว่า รีดผ้าหมดกองจริงๆๆ

น่าจะไปแข่งรีดโอลิมปิก นะเนี่ย..หรือเปิดร้านซักรีดให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

รีดเสร็จ พับ ค่ะ เนื่องจากตู้เสื้อผ้า ใส่ผ้าทีละ สี่สิบตัวไม่ไหวแล้ว...ก็พับ แยกสี แยกประเภทอีก...

จัด อันนี้เอาใส่ตะกร้าไปไว้ที่ทำงาน อันนี้ ใส่ไว้ ที่บ้าน...ยกขึ้นมาเก็บในห้องนอน...เป็นที่เรียบร้อย

พรุ่งนี้ต้องไปอบรมเนอะ...

จัดกระเป๋าต่อ มีอะไรจำเป็นบ้าง อบรมมีภาคค่ำด้วย ต้องเตรียมเสื้อผ้าเผื่อ ตอนดึก...อีก...

เตรียมเสื้อผ้าเผื่อไปออกกำลังกาย...เอาน่า จัดไปจัดมา เที่ยงคืนแล้ว ยังไม่ได้ อาบน้ำสระผม...

เออ นี่ละหนาคนเรา....เวรกรรมอะไรแท้ๆ เกิดเป็นมนุษย์แท้จริงแสนยาก เกิดเป็นหญิงนี่ยากกว่าหลายเท่า

มันน่าจะเรียกวันหยุดว่า เป็นวันทำงานบ้าน ซะมากกว่า

ผ่านพ้นไปอีกวัน...พรุ่งนี้ ไปหลับที่อบรมดีกว่า...

เฮ้อ...ได้เวลา นอน หมดแรงแล้ว




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2552 1:04:55 น.
Counter : 285 Pageviews.  

วันอันแสนเหนื่อย

บางวันก็ เหนื่อยแสนเหนื่อย...เหนื่อยหูน่ะ...

แปลกจริงหนอ วันนี้ ทั้งวัน เอาแต่พูดๆๆๆ พูดจน เหนื่อย..

ทำไมนะ...ต้องมาทำหน้าที่พูดๆ ตอบคำถามคนเป็นชม.ๆๆ หันไปอีกที เฮ้อ เที่ยงแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรเลย

ข้าวก็ยังไม่ได้กิน แต่งตัวยังไม่เสร็จเลย...ครึ่งวันแล้วเนี่ย

วางหูจากโทรศัพท์ สารพัดสาย ก็ แกว่งกุญแจรถออกจากบ้าน

มุ่งหน้าไปจ่ายค่าลงทะเบียน ไหนๆ ก็ต้องจ่าย จะวันนี้วันหน้า ก็จ่ายซะเลย หมดเรื่อง

หมดไป สองพันหก หน่อยๆๆ นี่ ยังไม่หมดนะ เดือนหน้าอีกรอบ ทำไม มันจ่ายทุกเดือนก็ไม่รู้...

รวมๆ ปีหนึ่งก็ ร่วมสองหมื่น...เฮ้อ...

พาตัวเองมาถึง สนง ได้ อย่างทุลักทุเลเล็กน้อย...ก็แดดร้อนเปรี้ยงออกอย่างนั้น ฝ่าแดดมาได้ ก็บุญแล้ว หันมามองตัวเอง แขนดำไปเป็นกอง...

เอาน่าสู้ๆ กะมันหน่อย

ปวดหัวเรื่อง ก่อสร้างนี่ละ หลายปาก หลายกระแส มองไปก็ ระอาเหลือเกิน ว่าแล้วเชียวจะไปให้พ้นเรื่องก่อสร้าง แต่มันอยู่ในสายเลือดเลยละมั๊ง...หนีไม่พ้น

ขึ้น สนง วางของ ไว้ที่ระเบียง ตั้งใจจะ ไม่นั่งโต๊ะทำงานแล้ว เพราะร้อนจับใจ แล้วก็ อยากอยู่ที่โปร่งๆ สมองจะได้โปร่ง โล่งสบาย

พาตัวเองขึ้นไป สนง เพื่อสั่งงาน กะเอาเสื้อทีมให้น้องใหม่ แต่ไหง ขึ้นไปก็พูดๆ ไม่หยุด คนนั้นทีคนนี้ที สารพัดงานที่รออยู่ตรงหน้า...

สั่งงานเพื่อเตรียม งานสถาปนิก 52 ให้เรียบร้อย มอบหมายหน้าที่แบ่งฝ่าย แบ่งงาน และกำหนด เตรียมพร้อม เข้าติดตั้งงาน

บางทีนะ การวางแผนงานการลงวันงานก็ เหนื่อยเหมือนกัน ต้องคอยเตือนเด็กๆ ว่า เวลาทำงานน้อยนะ อย่าคิดว่า อีกสองเดือนเด็ดขาด...เพราะ เราเหลือวันทำงานน้อยเต็มที เดี๋ยวทุกอย่างจะไม่เสร็จ

พี่ผจก. สนง ก็ มาคุยด้วย ก็เรื่องเรียนนั่นล่ะ ไหนๆ ก็เรียนเหมือนกัน ตั้งหน้าตั้งตาว่า จะ เรียนต่อโท แต่พี่เขาก็มี ลุ้นๆ ไปเรียนกับพี่ไหม ... ถ้าออกตังค์ให้จะไปอยู่นะ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะพี่ 555

พอย้ายตัวเองมาข้างล่าง ผู้รับเหมาส่งคนมาเจรจาพอดี พูดจบไม่กี่คำ เจ้าของบริษัทก็ตามมา เออ มันจะคุยกันตั้งแต่เก้าโมงเช้า ยันห้าโมงเย็นหรือไงนะ...จะพิมพ์งาน แค่หน้าเดียว ยังไม่ได้พิมพ์เลย มัวแต่คุยๆๆ จะเอาสมองไหนไปคิดละเนี่ย

สงสัยที่ทำงานเขาจ้างเรามาคิด มาพูดแหง๋มๆๆ วันๆ เอาแต่พูดๆๆ เหนื่อยแล้วนะ

ไม่ทันห้าโมง ก็ ออกไปตลาดนัด ได้ไก่ปิ้งมาสองไม้ แปลกนะ แม่ค้าพ่อค้าจำเราได้ อยากกินที่เขาเพิ่งยกไปวางบนเตาเฉยเลย เขาก็บอกว่า จะเอาอันไหนชี้ไว้ เดี๋ยวพี่ใส่ถุงไว้ให้

เดินเล่นไม่นาน กลับมา เออ พี่เขาใส่ถุงไว้ให้จริงๆ แถมจำได้อีกต่างหาก ความจำแม่นแฮะ

วันนี้เลย กินอิ่มๆๆ ก็เลยง่วง แต่ก็ รีบเปิด โจโฉแตกทัพเรือ ที่ได้มาจากเพื่อนทันที หนีบไว้หลายวันแล้ว ไม่ได้ดูสักที

ตั้งใจ ปูที่นอนอย่างดี วาง คอมพิวเตอร์ตัวโปรด แล้วก็ นอน ใส่หูฟัง ระบบเซอร์ราวน์ เออ ฟังแล้วเหมือนดูในโรงเลย แต่เกือบแอบหลับ ต้องพัก สองสามช่วง มากินยา

ช่วงนี้กินยาอีกแระ...เหมือนเมื่อช่วงกลางปีก่อน ยอมกินอีกรอบ...

กินทีไรโดนบ่นทุกทีว่าน้ำหนักขึ้น ครานี้จะขึ้นอีกไหมนะ แต่ก็ดีตรงช่วยภูมิแพ้ได้มาก แต่ยาขมเหลือหลาย ได้ใจไปเลย

ต้องกินยาวันละ 12 เม็ด ขมอีก เคี้ยวอีก..สนุกเลย

เอาน่า วันนี้ไหนๆ ก็ง่วงแระ...เหนื่อยจัง กินอื่มอยากหลับ นี่ละนะ คนจะอ้วนเลย

เอ้า..นอนๆๆๆๆ ได้เวลานอน ดึกแระ..

หลับฝันดีคjะ...

โอ้... ยอดรักฉันกลับมา จากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล
จากโคนรุ้งที่เนินไสลจากดอกไม้หลากสีสัน
ฉัน... เหนื่อย ฉัน... เพลีย ฉัน... หวัง
ฝากชีวิตให้เธอเก็บไว้ฝากดวงใจให้นอนแนบรัง
ฝากดวงตาและความมุ่งหวังอย่าชิงชังฉันเลยยอดรัก
นานมาแล้ว เราจากกันโอ้คืนวันนั้นแสนหน่วงหนัง
ดั่งทุ่งแล้งที่ไร้เพิงพัก ดั่งภูสูงที่สูงสุดสอย
โอ้... ยอดรักฉันกลับมาดั่งชีวาที่เคยล่องลอย
มาบัดนี้ที่เราเฝ้าคอย เจ้านกน้อยโผคืนสู่รัง
ฉัน.... เหนื่อย ฉัน... เพลีย ฉัน... หวัง




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2552 22:32:44 น.
Counter : 341 Pageviews.  

มองซิมองทะเล


เพิ่งมาจากทะเลแท้ๆ แต่ทำไม แอบคิดถึงทะเลจับใจ...

มองซิมองทะเล ....

ย้อนไป ปี 2001 มัน นาน จังเลยแฮะ...

ปีนั้น..ฉันได้รู้จักกับทะเล ภาคตะวันออกเป็นครั้งแรก...

ทะลที่นี่ สวย แปลกตา สำหรับฉันนัก

วันที่ 1 มกรา ปี 2001 เราก็ ไปทะเลกันไง

ฉันและเพื่อนๆอีกหลายคน พาตัวเองไปขึ้นที่เอกมัยตั้งแต่ ตีสี่่

นี่ละนะ คนไม่มีรถ จะไปไหนทั้งที ก็ ต้องตื่น แต่เช้ามืดเสมอๆๆ

วันนั้นฉันมี กี้ เพื่อนรักไปด้วย...

ไอ้กี้ เป็นเพื่อนรักที่ดีที่สุด รองจากคนรัก ว่าไปแล้ว มันไม่ขี้บ่น แต่มีเหตุผลมากมาย

ทุกครั้งที่เราไปเที่ยวกับ เราจะพากี้ไปด้วยเสมอๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน กี้มาร้องเย้วๆๆ อยู่ เพื่อให้ฉันแต่งตัว รีบไปขึ้นรถเร็วๆๆ

รูปครั้งแรกที่ทะเลตะวันออก อย่างสัตหีบ จึงมาจากฝีมือไอ้กี้นี่เอง...มันอุตส่าห์ พกกล้อง ที่เหลือฟิมล์ไม่มาก จากงานรับปริญญาของมันไปด้วย เพื่อเพื่อนแท้ๆ เลย

ก็เพื่อนมันบ้ากล้องนี่นา เลยมีแต่รูปฉัน...เกือบทั้งนั้น

ไอ้กี้บอกว่า พอรูปรับปริญญาออกมา มันมีฉันอยู่แทบทุกใบ จนมีคนมาถามว่า แฟนมันเหร่อ...

มันเลยขำๆ บอกว่า อือ แฟน แต่แฟนเพื่อนโว้ย

พวกเราเลยสนิทกับครอบครัวนี้ดี ทำให้ พ่อแม่พวกเราสนิทกันไปด้วย ตลอดไปจนญาติมิตร

ไปสัตหีบทีไร ก็คิดถึง เพื่อนทุกที

นอกจากนี้ คนที่ อดคิดถึงไม่ได้ คือลูกชายของฉันเอง ป่านนี้โต เป็นหนุ่มแล้ว เมื่อก่อนยังซ้อนมอไซต์ กันไป ซื้อของกินใน กร. (กองเรือยุทธการ) เลย

ไอ้จอบ คือฉายาของลูกชายฉัน จริงๆ เขาชื่อ โต แต่ ด้วยฟันซี่โตๆ เลยเรียกว่าไอ้จอบ

จอบมีบ้านอยู่ ใกล้ๆ หมวดการทาง พ่อแม่ของจอบจริงๆ เป็นทหารเรือทั้งคู่ แต่ด้วยเลี้ยงลูกยาก หรือเลี้ยงไม่ได้เลย ถูกส่งมาเป็นลูกชายฉันโดยปริยาย

ก็เลี้ยงจอบอยู่สามปี จนโตเป็นหนุ่มนี่ละ

ช่วงชีวิต ช่วงนั้นเลยมีแต่ความสุขมากกว่าความทุกข์...ความทุกข์ที่มี ก็คงจะเหนื่อยกับการเดินทาง เหนื่อยกับการทำงาน เหนื่อยจะบ่นแฟน อะไรทำนองนั้น

แต่แปลกมะ มีแฟน แต่แฟน ถนัดเป็นแม่บ้านมาก เขาชอบทำกับข้าว ไม่ชอบไปทำงาน ในขณะที่ฉันออกไปทำงานนอกบ้าน กลับมาได้กินข้าวอร่อยๆ ฝีมือเขาประจำ

บ่อยครั้ง เพื่อนๆเลยมาฝากท้องไว้กับเขา ที่เป็นพ่อครัวหัวป่า

ตอนเด็กๆ สมัยนั้น ฉันจะแทนตัวเองว่าน้องทุกคำ

ซึ่งคำๆนี้ ไม่ได้ใช้กับใครอีกเลย

วันเวลาผ่านไป น้องคนนี้ ก็ ผ่านห้วงแห่งความสุขมา เรียนรู้ความทุกข์บ้าง

ในวันที่ทุกข์ น้นองไป นั่งเล่นที่ทะเลริมหาดเสมอๆ หากเมื่อก่อนไปคนเดียวก็ไปได้แค่ หาดบางแสน

จน ถึงวันที่ จะกลับไป สัตหีบได้อีกครั้ง

ฉันดีใจมากเมื่อได้กลับไปสัตหีบอีกรอบ...

หลังจากไม่ได้ไป มานานหลายปี

และบ่อยครั้ง ที่ฉันเลือกจะเอาที่นี่ เก็บความทรงจำไว้มากมาย

แต่วันนี้ เธอรู้ไหม...

ฉันเอาความทุกข์ไปซ่อนไว้ที่นี่แล้วด้วยล่ะ...โดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ

ฉันพยายามค้นหารูปเก่าๆ ที่ ถ่ายที่นี่เมื่อ หลายปีก่อน ตอนที่กี้ เก็บภาพเราไว้ให้

แต่ มันไม่รู้ว่า หายไปไหน...

คงหลงเหลือแต่ภาพในความทรงจำ ก็แค่นั้นเอง

ความทรงจำ กับทะเล จึงมีมากมายหลากหลายอารมณ์

ถ้ามีเวลามากพอ ฉันอยากเอาตัวเองไปฝังไว้ในผืนทราย....เอาตัวเองไปแช่ในผืนน้ำ เอาความเค็มจากน้ำ ล้างคราบน้ำตาให้เหือดแห้งไป....

คงมีสักวัน...




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2552 23:55:36 น.
Counter : 347 Pageviews.  

คุณค่า แห่งรัก


เมื่อนึกถึงคำว่า "คุณค่า" ก็จะ นึกถึงคำต่าง คือ "ราคา"

นั่นสินะ หลายๆคนอาจไม่รู้จักคุณค่า แต่มองเห็น ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยราคา
แม้กระทั่งหัวใจ ความรัก

เรื่องราวมากมายผ่านไปทำให้คิด คิด คิด ย้อน ไป ย้อน มา

คุณค่าของความรัก อยู่ที่ความสุข รึเปล่า

หรือ อยู่เพียงแค่การได้รัก

แต่จริงๆแล้ว การดำรงอยู่ กันอย่าง ซื่อสัตย์ ดูแลกันและกัน อย่างมีความสุขนั่นต่างหาก คือคุณค่าในรักที่แท้จริง

ในหลายๆ ครั้งที่โชคร้าย ก็มักจะมีความโชคดีปนเป กันอยู่

ความโชคดี คือการที่ได้เรียนรู้ อะไรเพิ่มขึ้นมากมายนั่นเอง

อาจจะมี ทั้ง ไม่สมหวัง มีน้ำตา เสียใจ หาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไม

แต่ ทุกๆเรื่องราว ก็ ผ่านไป ตามกาลเวลา

จริงๆวันนี้ ฉันนึกถึงใคร หลายคน..

ใครคนหนึ่งนั้น...อาจจะหายไปจากโลกนี้แล้ว...
แต่สิ่งที่ฉันจำเขาได้คือ...เขาซื่อสัตย์ อาจจะไม่ฉลาด แต่ เขาเสมอต้นเสมอปลาย บางทีนะ ฉันตำหนิเขาเสมอๆ ว่าเมื่อไหร่ เธอจะฉลาดขึ้นบ้างนะ แต่ฉันหารู้ไม่ว่า ในความไม่ฉลาดของเขา แฝงเอาไว้ด้วยคุณค่าอันยิ่งใหญ่

เพราะบางคน ฉลาด แล้วเลือกจะกระทำในสิ่งที่ไม่ดี บางทีก็ใช้ความฉลาดในทางที่ผิด

ส่วนอีกคนหนึ่ง...แปลกมาก เธอจะบอกข้อเสียตัวเองอยู่เนืองนิจ บอกทุกๆเรื่องที่ตัวเองทำผิด เหมือนจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่สิ่งที่พบเรื่อยๆมา คือ เขาจะไม่เลือกโกหก เลือกจะบอกความจริงเสมอๆ แม้จะเป็นเรื่องผิด เลวร้ายมากแค่ไหนก็ตาม การเผชิญหน้าความจริง ของเขา ทำให้ฉันรู้ว่า เขามีความกล้ามากมาย ที่ยอมรับตัวตนของตนเอง ยอมรับการกระทำของตนเอง แม้จะ ไม่คิดจะปรับปรุงก็ตาม แต่ฉันไม่เคยเหนื่อย ที่จะรู้ว่า มันจริงไม่จริง

ก็ไม่รู้ทำไม ฉันถึงคิด ถึงคนสองคนนี้ขึ้นมา...อาจเพราะว่า ฉันไม่ชินกับการโกหกนั่นเอง

แต่ในโลกแห่งความจริง ปัจจุบันฉันเจอคนโกหกหลอกลวงมากมาย มากซะจน ไม่รู้ว่า ความจริงอยู่ตรงไหน บางทีก็เหนื่อยหน่าย บางทีก็เอือมระอา

ถ้าหลีกหนีได้ ฉันคงอยากหลีกหนีคนเหล่านี้

การที่เราพูด สิ่งไม่จริงออกไป ทำให้คุณค่า ของความเชื่อใจ ในรัก หมดลงเช่นกัน

แต่ละวันมันถูกลดทอนโดยไม่รู้ตัว

กว่าจะรู้ อาจสายเกินไป เกินจะเยียวยา

มีคนพูดกับฉันว่า...เขาอยากได้ยินคำโกหกสวยหรู มากกว่า ความจริงที่เจ็บปวด...

แต่สำหรับฉันแล้ว...ฉัน บอกกับตัวเองในใจเสมอว่า ฉัน อยากฟังความจริงที่เจ็บปวด มากกว่า ยาหวาน ที่กำลังจะฆ่าฉันไปทีละน้อยๆ

ในความรัก ทำไมหนอ คนเราถึงไม่ให้คุณค่า ในความจริง




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2552 23:25:22 น.
Counter : 256 Pageviews.  

เนื่องใน..วันแห่งความรัก

วันแห่งความรัก คล้ายๆกับไม่ใช่วันพิเศษ ของฉัน มันอาจจะเป็นวันที่เหงาๆ ซะด้วยซ้ำ

หลายปีผ่านมา จำได้ว่า แทบไม่มีอะไรพิเศษ ที่ประทับใจจนน่าจดจำ

ปีนี้ก็เหมือนเดิม ออกจะเป็นวันที่เซ็งๆ แดดร้อน ไม่มีอะไรที่ได้ให้อะไรกับตนเองมากไปกว่าวันอื่นๆ

ถึงวันนี้ทีไร คิดถึงเพื่อนมากกว่า

คิดถึงเพื่อนตอนเล็กๆ ที่เอาหัวใจดวงน้อยๆมา มาแปะที่เสื้อให้

ทั้งวันตอนเด็กๆ พวกเรามีความสุข นานแค่ไหนแล้วหนอ ที่เราไม่ได้เจอเพื่อน...

อีกไม่นานนะ เพื่อนรักคนหนึ่ง เราจะได้พบกัน

แม้ว่าเพื่อนส่วนใหญ่จะอยู่ห่างไกล นักหนา บ้างก็แต่งงานแล้ว บ้างคงสาละวนกับการเลี้ยงลูก บ้างก็กลับไปยังถิ่นฐานเดิม ที่เราเติบโต

ความห่างด้วยวันเวลา ทำให้เรา เจอกันได้ยากมาก

ก็ดีใจนะ ที่ อีกไม่กี่วันเป็นวัน ฉลองแต่งงานของพี่ชายเพื่อน พี่ชายที่เกือบๆจะเป็นพี่ชายเราไปด้วย โตกันมาแต่เด็กๆ เล่นกันมาแทบทุกวัน ทั้งๆที่วัยห่างกัน ถึงห้าปี แต่ก็ เป็นพี่ชายของน้องๆ ในสมัยเด็กๆ ที่ดีเชียวละ

มองดูไป พี่ๆ เริ่มมีครอบครัวกันไป ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกัน มีไม่กี่คนที่แต่งงาน ออกแนวแต่งกะงานซะมากกว่า

ไม่ใช่ พวกเราไม่อยากมีครอบครัวนะ แต่ ส่วนใหญ่ ไม่ประสบความสำเร็จทางความรักนัก เลยปลงๆๆ เลือกแนวสันโดด คือโดดไปอยู่คนเดียวให้มันรู้เรื่องรู้ราวไปเลย

ปีนี้ อายุก็ เข้าเลขสามกัน หมดแล้ว... ก็ ยังมองหน้ามองตากันเป็นแถวๆ

จริงๆ ก็เหงาเหมือนกัน ไม่เหมือนตอนยี่สิบกว่าๆที่มีเวลาให้กันกับเพื่อนเยอะๆ

ตอนนี้ เหมือน ทุกคนต่างคนต่างอยู่ ด้วยหน้าที่ ด้วยภาระ ที่มากขึ้น นั่นเอง

วันแห่งความรักของพวกเราและเพื่อนๆ จึงไม่ค่อยพิเศษ

บางทีนะ น่าจะมีวันรักตัวเองบ้าง

ปีนี้..พาตัวเองไปอยู่สัตหีบ ออกจะ เสียดายที่ไปครั้งนี้ ไม่ได้ นอนดูทะเลให้สบาย หรือขับรถกินลมชมวิว เหมือนทุกครั้งที่ ชอบทำ

บางทีนะ ก็เสียดายวันเวลา โอกาสดีๆ จังหวะดีๆ ในชีวิต ที่ผ่านไป เรื่อยๆๆ

อยากลงเล่นน้ำทะเลใจจะขาด ทั้งๆที่ เตรียมตัวมาแล้ว ก็ อด (ทุกที)

ไม่มีโอกาส ลงเดินชายหาด ทรายขาวๆ นั่งแช่น้ำทะเลเค็มๆๆ

ไปทะเล แต่ไม่ถึงทะเล...ได้แต่ชะเง้อคอยาว...

วันที่น่าจะพักผ่อน สบายใจ กลับเป็นวันที่สมองรกรุงรังไป ด้วยเรื่องกระทบใจ

นี่ละนะ ชีวิต ไม่เคยมีอะไรพอดี

ดินแดน แห่งการซ่อนตัวเอง เอาไว้ กลับต้องจากลามันมาอย่างรวดเร็ว เป็นสองครั้งแล้ว ที่ ไม่ได้มาตามลำพัง แล้วก็จากไปโดยไม่มีความสุขเลย

หาก เป็นที่อื่นคงจะรู้สึกแย่กว่านี้..ในความรู้สึก

สัตหีบ เป็นเหมือนบ้าน เหมือนชีวิต ที่อบอุ่นเสมอ

ทุกครั้งที่ปวดร้าว จะพาตัวเอง ฝังลงไปในทะเล ทะเลที่ เค็มจัด กว้างใหญ่ และ พร้อมจะสวยงามและบ้าคลั่งได้เสมอ

ไม่รู้เมื่อไหร่นะ..ที่จะได้ไปเยือนอีกครั้ง...

ครานี้อาจจะจากมันมานาน...นานจนกว่าจะคิดถึงมันอีก

หากที่พิเศษ ไปบ่อยๆ ก็ ไม่ใช่ที่พิเศษ สำหรับเราอีกต่อไป..

ความรู้สึกที่เกิด..

ความเสียใจ มันคงเป็นเรื่องชาชิน กับหัวใจที่ด้านชาของตัวเอง

จะเสียใจทำไม...ถามตัวเอง เสมอๆ...มันก็ เกิดขึ้นซ้ำๆ เสียใจซ้ำๆ
มันก็เท่านั้น

ปล่อยไป.. อย่าไปเก็บความเสียใจมาไว้ในใจเราเลย

ของบางสิ่งบางอย่าง เราอาจจะชอบ อาจจะนึกรัก แต่เมื่อ เราจำต้องผ่านเลยมา ก็ ปล่อยไว้ ให้เหลือในห้วงความทรงจำก็พอ

อาจจะแค่ความเสียดาย คงค้างอยู่ในใจ แต่ไม่อาจจะเดินกลับไป หยิบมันขึ้นมาได้อีก

ถามใจตัวเองซ้ำๆ ว่าเหนื่อยไหม...

เหนื่อยเหมือนกันแหละ...อยากตอบแบบนี้

แต่สิ่งที่รู้สึกมากกว่า เหนื่อย คือ เบื่อ

เบื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เบื่อทุกสิ่งที่เป็นไป

คนเราเกิดมาทำไมกันนะ...สงสัยจัง

คงจะโชคดีมากๆ ถ้า สักวัน ฉันจะหลับไป โดยไม่ต้องตื่นมาอีกเลย

แต่ทำไมนะ ทุกๆเช้า ฉันยังคงหายใจอยู่

วันแล้ววันเล่า...ก็ยังหายใจคงเดิม

หากเลือกได้ คงเลือก เวลาที่จะหายใจอยู่น้อยๆ อย่างมีความสุขดีกว่า





 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2552 0:08:24 น.
Counter : 248 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

noomint
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ฉันไม่ได้ยินดีในความตาย
แต่พร้อมที่จะจากไปอยู่เสมอ

เวลาในการมีชีวิตฉันเหลือน้อย
จะใช้สอยอย่างมีคุณค่าทุกนาที



Friends' blogs
[Add noomint's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.