Challenge you life : ภารกิจที่ 1 เอาตัวรอดด้วย 500 บาทใน 8 วัน



โจทย์ท้าทายชีวิตข้อแรกในรอบปี เริ่มขึ้นแล้ว !!
น่าสงสัยว่าถ้าต้องไปทำงานทุกวันจะใช้เงินอย่างประหยัดที่สุดได้เท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ที่บ้านก็มีสเบียง (ที่ขนช้อปปิ้งโน่นนี่นั่นไว้ตั้งแต่ต้นเดือน) พอปะทังชีวิตได้บ้าง แต่เมื่อชีวิตส่วนใหญ่อยู่นอกบ้าน จะใช้เงินแบบประหยัดสุดๆ ได้อย่างไร???

ภารกิจแรกเริ่มตั้งแต่อังคารวันที่ 23 ม.ค.
เจ้าหนูมีเงินในกระเป๋า 500 บาท (ไม่นับเศษเหรียญอีกนิดๆ หน่อยๆ)
ดูซิว่าจะสามารถเจียดใช้จนถึงสิ้นเดือนได้หรือไม่ !!






วันที่ 1 : ยังหน้าชื่นตาบาน Photobucket - Video and Image Hosting

ก็แหม...วันแรก เงินยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทว่า หิวโหยมาจากวันจันทร์ ซึ่งปกติจะกินมังสาวิรัติที่เน้นผักและผลไม้เป็นสำคัญ อยากทำบุญในวาระวันเกิดตัวเอง และอยากล้างพิษไปในตัว แต่ส่งผลให้เช้าวันอังคารหิวสุดๆ

ตื่นขึ้นมา ก็รับประทานซุปเห็ดแคมเบลล์ ดีนะที่ซื้อเป็นซองเก็บตุนไว้ ยามยาก เอาผงซุปเห็ดผสมกับน้ำร้อน เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารเช้าแบบง่ายๆ ปะทังหิวไปได้

สายหน่อย ก็นั่งรถเมล์มาออฟฟิศ ใช้เงินไป 8 บาท
พอตกเที่ยง...อิอิ เราต้องประหยัดสุดฤทธิ์ เลยชวนคุณหมากินข้าว กินข้าวราดแกงร้านป้าเผ็ด กับข้าว 3 อย่างผัดต้นหอมกุ้ง ผัดฟักทอง และหมูทอดอีก 2 ชิ้น อิ่มแปล้....ตังค์ไม่ต้องจ่าย

กินข้าวเที่ยงอิ่มหนำ ตอนแรกกะซื้อผลไม้ติดไม้ติดมือขึ้นไปกินยามบ่าย แต่พอดีร้านผลไม้คั้นกากเจ้าเก่า กลับมาเปิดแผงอีกรอบ เลยประเดิมเขาไปด้วย สัปปะรด + แพชชั่นฟรุ๊ต + สลารี่ กินน้ำผลไม้คั้นสดๆ สดชื่นสุดๆ แก้วนี้แม่ค้าคิดแค่ 30 บาท

ตกค่ำเริ่มอยากกินส้มตำ แต่ส้มตำไม่ขาย...แงๆๆๆ ในที่สุดจากอยากกินเลยกลายเป็นหิว ยกขบวนไปกินอิจิบังราเมนที่หัวมุมถนน เจ้าหนูก็ลืมไปว่าต้องประหยัด สั่งสลัดไก่ หมูชาชู (มาเป็นเนื้อเติมในสลัด) และซุปสหร่ายมากลั้วคอ บวดน้ำเบ็ดเสร็จมื้อนี้หมดไป 107 บาทแน่ะ

ตกดึก กว่าจะได้กลับ รอคุณหมาทำงาน...ปาไปเกือบ 4 ทุ่ม คุณหมาเห็นว่าดึกมากแล้ว เลยอาสาออกค่าแท็กซี่กลับ อ่อ กินข้าวมื้อดึกเป็นเพื่อนหมาอีกรอบ (ข้าวขาหมูด้วย...แงๆๆ)

วันที่ 1 หมดไปเบ็ดเสร็จ 145 บาท ขนาดมีคนเลี้ยงข้าวเที่ยงนะเนื่ย
เหลือ 355 บาท




วันที่ 2 : ยังคงกินฟรี

วันนี้ 24 ม.ค. ดูท่าจะไม่สบาย เจ็บคอ ไอคอกๆ แค่กๆ กว่าจะตื่นก็ปาเข้าไปเกือบ 11 โมง (ประหยัดข้าวเช้า)
ร้อ รอรถเมล์ วันนี้มาช้าจัง (ปกติขึ้นแท็กซี่ซิ่งไปแล้ว) รออยู่นานเกือบ 30 นาที ในที่สุดก็มาจนได้ จ่ายไป 8 บาท

กินข้าวเที่ยงทันที่ไปถึงออฟฟิศ
อิอิ....คุณหมาเลี้ยงอีกแล้ว เที่ยงนี้กินสเต็กเนื้อร้านเปิดใหม่ 59 บาท (คุณภาพตามราคา ไม่ค่อยอร่อย แถมไม่อิ่มอีกต่างหาก)

Photobucket - Video and Image Hosting ระหว่างวันหิ๊วหิว ยิ่งบ่ายแก่ ยิ่งหิว

นับถอยหลัง กว่าจะถึง 5 โมงเย็น เรียกสมัครพรรคพวกไปกินส้มตำร้านประจำกัน
มื้อนี้หมดไป 54 บาท ขาเดินกลับออฟฟิศซื้อเปปซี่อีก 12 บาท

รอคุณหมาอยู่เกือบ 3 ทุ่มเช่นเดิม แต่วันนี้อยากออกกำลังขา เลยพากันเดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วต่อรถเมล์ (ให้หมาจ่ายอีกแว้ววว)

วันนี้เกิดอยากกินปาท่องโก๋ (ทั้งๆ ที่ไอ) แถวป้ายรถเมล์มีปาท่องโก๋เกลียวตัวละ 2 บาท กะซื้อ 10 บาท แต่ 5 ตัวมันหารไม่ลงตัว เด๋วตบตีกะคุณหมา เลยซื้อมา 6 ตัว 12 บาท เหลือบไปเห็นอุปกรณ์การจิ้ม ทั้งสังขยา วนิลลา บลูเบอร์รี่ สัปปะรด กระปุกน้อยๆ กระปุกละ 7 บาทเลยเอา 1 กระปุกเป็น 19 บาท แต่แม่ค้าบอกว่าเอาปาท่องโก๋เพิ่มอีกตัวสิคะจะได้คิด 20 บาท เอาก็ได้ แต่ท้ายที่สุดแม่ค้าแถมให้อีก 1 ตัว

สรุปซื้อปาท่องโก๋ไป 8 ตัวและวนิลลาจิ้ม 1 กระปุก เป็นเงิน 20 บาท

แวะเซเว่น คุณหมาเลี้ยงบีทาเก้นขวดใหญ่ 1 ขวด..อิอิ กินเยอะจริงๆ

Photobucket - Video and Image Hosting วันที่ 2 นี้ใช้เงินไปทั้งสิ้น 94 บาท
เหลือเพียง 261 บาท จะรอดไหมเนี่ย


วันที่ 3 พบแหล่งอาหารประหยัด


วันนี้ต้องไปธนาคารแถวโพธิ์สามต้น ดั้นดันไปเปิดบัญชีไว้ที่โน่น เป็นกสิกรที่เดินทางจากบ้านสะดวกที่สุด แต่ก็คนละทางกับที่ไปออฟฟิศ แต่ก็สามารถนั่งรถเมล์แค่เพียงต่อเดียว ก็ถึงออฟฟิศ แต่ต้องเดินเอาหน่อย (แต่เยอะจัง)

ไปรับเอกสารที่ขอไว้ รอคิวอยู่พักใหญ่ เสร็จบ่ายแก่ๆ หิวนิดๆ เลยเดินดูแถวๆ ธนาคาร มีตลาดโพธิ์ต้น เคยเดินสมัยเด็กๆ สำรวจตลาดเล็กๆ แห่งนี้อยู่พักนึง รื้อฟื้นความหลังที่พ่อแม่เคยซื้อขนมปังสังขยากับอาหารปักษ์ใต้จากแถวนี้ประจำ ระหว่างทางไปรับไปส่งเจ้าหนูและหมู่น้องๆ ไปกลับโรงเรียน


ที่นี่ อาหารถูกมาก...กกกก
มีกับข้าวถุงละ 10 วางขายอยู่หลายเจ้า อาหารสำเร็จรูป อาหารตามสั่ง อาหารจานเดียว อูย...ยยย มากมาย น่ากินไปหมด (แต่แฮะๆๆ วันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้)

ในที่สุดเลยได้ต้มจับฉ่ายถุงละ 10 บาทมา 1 ถุง และน้ำพริกกะปิพร้อมชะอมชุบไข่ทอด เยอะมากๆ แค่ 20 บาทเอง แถมส้มมาอีก 1 โล 10 บาท ส้มลูกเล็ก แต่หน้าตาดี

หมดที่ตลาดไปเบ็ดเสร็จ 40 บาท กะจะมาหุงข้าวกินเอง แบ่งคุณหมาด้วย (เกาะมาหลายวันแล้ว...อิอิ)

แต่กว่าจะถึงเย็น...ก้อ...ต้องหาอะไรรองท้องสำหรับมื้อเที่ยง (ที่ปาเข้าไปบ่ายกว่าๆ แล้ว) โซ้ยหมูปิ้งไป 4 ไม้ 20 บาท


ช่วงค่ำ...ก่อนกลับห้อง แวะซื้อนำแข็ง 6 บาท วันนี้จ่ายค่ารถไป 16 บาท

วันนี้ใช้เงินไปทั้งสิ้น 82 บาท
เหลือเงินอยู่แค่ 179 บาทเท่านั้น


อีกตั้ง 5 วันมาดูกันว่า เจ้าหนูจะอยู่รอดถึงสิ้นเดือนไหม

 

 

วันที่ 4 กระเหม็ดกระแหม่สุดฤทธิ์


มาถึงครึ่งทางแล้ว แต่เหลือแค่ 179 บาทเองนี่สิ ถ้าผ่านวันศุกร์นี้ไปได้ เสาร์-อาทิตย์สบายแฮ เพราะหมกตัวอยู่บ้าน กินของที่สต็อกไว้ น่าจะเหลือพอผ่านวันอังคาร ไปรับเงินเดือนในวันพุธได้ (สาธุ!!)

เช้านี้ขออนุญาตแคะเศษตังค์ในกระป๋องมาใช้ เชื่อว่าทุกคนต้องมีกระป๋องใสเศษเงินทิ้งไว้ในบ้าน ชีวิตส่วนใหญ่ควักแบงค์จ่าย พอเศษเงินเต็มกระเป๋าก็ถ่ายออกกองไว้ในกระป๋อง กองๆ ไว้ได้หลายอยู่ แต่จะขอจิ๊กมาเป็นค่ารถไปออฟฟิศ 8 บาทก่อนละกัน โกยมามากจะเป็นการขี้โกงเกินไป

วันนี้มีผู้มีอุปการะคุณเลี้ยงข้าวเที่ยงเหมือนเดิมค่ะ....ดีใจจัง ถ้าไม่ได้คุณหมา แค่ 500 คงหมดไปตั้งแต่ 3 วันแรกแล้ว พาไปกินร้านอาหารญี่ปุ่น เจ้าหนูสั่งข้าวหน้าไข่มากินค่ะ อิ่มมากถึงเย็นเลย...เย่ๆๆ

ตกเย็น กินขนม ผลไม้ที่โต๊ะอาหารกลาง เพื่อนๆ ในออฟฟิศมักจะซื้อมาวางไว้แบ่งกันกิน (แต่ช่วงภารกิจเจ้าหนูขอเป็นฝ่ายกินอย่างเดียวละกันนะ...อิอิ)

เปิดน้ำผัก (ที่มีคนหิ้วกระเช้ามาอวยพรปีใหม่) แบ่งกับเพื่อนๆ ที่ออฟฟิศกินไป 1 ลิตรใหญ่ แถมเงาะกระป๋อง (จากตระกร้าเดิม) และโชคดีอีกทีได้ของคาว เผอิญว่ามีคนมาให้ทดสอบไส้กรอกซีฟู้ดของพรานทะเล กินไป 4-5  ชิ้น บวกกับน้ำผลไม้ และผลไม้กระป๋อง อิ่มแปล้ดีแท้

วันนี้กลับดึกอีกตามเคย แต่คุณหมา (สปอนเซอร์ใหญ่ของรายการ) พาขึ้นแท็กซี่ (ฟรีอีกแย้ววว)

สรุปเบ็ดเสร็จวันนี้ใช้ไปแค่ 8 บาทเองค่ะ (แถมเป็น 8 บาทที่หยิบมาจากกระป๋องเศษเงิน)
วันที่ 4 เหลือเงิน 179 บาท เท่ากับวันที่  เป๊ะเด๊ะ (ไม่รู้ว่าจะผิดกติกาไหม )


ส่วนวันที่ 5 และ 6 ซึ่งเป็นเสาร์-อาทิตย์ สบายแฮ...จะหมกตัวอยู่บ้าน กินไม่ก้าวออกไปไหนเด็ดขาด..(ถ้าไม่จำเป็น หุหุ)

วันที่ 5 กินน้ำเปล่าทั้งวัน -_-"


วันนี้ตื่นสาย ปาเข้าไปเกือบเที่ยง  ท่าจะไม่ค่อยสบาย เจ็บคอมาก ไอเล็กน้อย แถมปวดหัวอีก สงสัยเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย (แต่ไม่ได้เครียดเพราะเงินจะหมดแน่ๆ)

กินโจ๊กคัพที่ซื้อมาตุนไว้ไป 1 ซอง อิ่มมาก กินยาแก้ปวดหัวกะแก้ไข้เข้าไป หลับไปอีก 1 งีบ

ตื่นขึ้นมาเหมือนมีเสมหะเต็มคอ เลยต้มน้ำจิบน้ำอุ่นบ้าง กินน้ำขิงร้อนๆ บ้าง ปาไปหลายแก้วอยู่

ตกค่ำ ชักหิว อยากกินอะไรหวาน พอดีมีโมจิ ไว้ถั่วไข่เค็ม คุณหมา (อีกแล้ว) เอามาฝาก กินไป 2-3 ชิ้น อิ่มอีกแล้ว กินยาตามอีกรอบ

วันนี้ไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้ใช้เงิน สมความตั้งใจจริงๆ
แต่ไอ้ที่ป่วยเนี่ยอ่ะดิ...ไม่รู้เป็นผลพลอยได้จากการใช้เงินน้อยหรือเปล่า ?!?!


วันที่ 6 ใช้เงินไปตั้ง 1 บาท


เมื่อวานเย็นๆ เพื่อนเป้ เข้ามาอ่านบล็อก เลยโทรมาถามด้วยความเป็นห่วง ชวนกินข้าวเย็น พร้อมกับบอกว่า ถ้าเงินไม่พอใช้ ให้ยืมก่อนได้นะ ไม่ต้องทำตัวลำบากลำบนอย่างนี้ เจ้าหนูซึ้งใจเพื่อนจริงๆ...แต่ก็ปฏิเสธไม่ออกไปกินข้าวเย็นด้วย (เพราะกำลังปฏิบัติภารกิจ)

แล้วก็บอกความจริงกับเพื่อนไปว่า...จริงๆ แล้วเป็นภารกิจดัดนิสัย หลังจากใช้เงินฟุ่มเฟือย เรื่อยเปื่อย ใช้เงินทะลุแผนประจำ เดือนแรกของปีนี่แหละ เป็นการทำโทษตัวเอง โทษฐานใช้เงินเปลือง (มากๆ) อยากมีเงินเก็บตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่เป้ก็อดสงสาร "คุณหมา" ผู้เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ไม่ได้..อ่ะนะ เป็นแฟนหนูต้องอดทน

กลับมาที่ภารกิจวันที่ 6 ดีกว่าค่ะ

วันนี้แช่แข็งเงินไว้ (เกือบ) เท่าเดิม...อิอิ ดีใจจัง อย่างแรกเพราะอาการเจ็บคอ เลยตื่นมาตอนเช้ากินอะไรไม่ลง คอแห้งๆ เลยซัดส้มที่ซื้อมาวันก่อนไป 4 ลูก จากนั้นสักพัก กินยา กินน้ำขิงร้อน และงีบไป 1 รอบ พยายามดูแลหลอดคอสุดชีวิต เพราะวันนี้ต้องใช้เสียงทำมาหากิน

ตกเที่ยงเกือบบ่ายคุณหมาส่งเสียงมา...ตอนเที่ยงจะกินอะไร (เสียงสวรรค์) ว่าแล้วก็กินก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอย (2 คน 3 ชาม แบ่งกัน ) วันนี้หมาไม่ต้องจ่ายค่าน้ำ เพราะหนูพกกระติกน้ำร้อนมาเอง ห้ามกินน้ำเย็นเด็ดขาด เดี๋ยวจะเป็นอุปสรรคในการหารายได้

กินมื้อเที่ยง ฟรีๆ เสร็จแล้ว ยังมีหน้าขอคุณหมา 8 บาทเพื่อเป็นค่ารถเมล์ไปออฟฟิศ (เฮ้อ เพื่อให้ผ่านภารกิจนี้ หนาขึ้นเยอะ) แต่ว่าหมามีเศษตังค์แค่ 7 บาท หนูเลยต้องควักเพิ่มเอง 1 บาท (ค่ารถเมล์ 1 บาทโปรโมชั่นพิเศษ)

ระหว่างทำงานก็ไอคอกๆ แคกๆ ตลอด พยายามจิบน้ำอุ่นมากๆ ในที่สุดก็ถึงเวลาเข้าห้องอัดใน
ช่วงเย็น รายการสดเสียด้วยสิ จะกลั้นไอไหวไหมนะ แค่ 10 นาทีแรกก็ไปเสียแล้ว ระหว่างเพื่อนร่วมรายการพูด เจ้าหนูก็ไอไป 2-3 แคก และรู้สึกเกรงใจคนที่ฟังอยู่นอกห้องส่ง ก็เลยพยายามกลั้นไอ...ทว่ายิ่งกลั้นก็ยิ่งแย่ ในที่สุดก็รีบกระโจนออกนอกห้องอัดไปอย่างเงียบเชียบ (อากัปกิริยาดูขัดแย้งกันเล็กน้อย)

ออกไปสำลักไอ น้ำหู น้ำตา น้ำมูก หน้าแดงก่ำ วุ่นวายไปหมด น้องฝ่ายประสานงานรายการช่วยหายาแก้ไอมาให้จิบ แถมน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นเอามาจิบ...อาการดีขึ้น เฮ้อ กว่าจะผ่านรายการที่ต้องพูดเกือบ 2 ชั่วโมงมาได้ จิบน้ำมะนาว ยาแก้ไอให้วุ่น มีเสียงไอแคกๆ เล็ดลอดออกไปเป็นระยะ  แย่จัง...

ตกค่ำ กลับบ้าน วันนี้ไม่มีคุณหมา เลยตั้งใจว่าจะเดินกลับ ก็แค่ 10 นาทีเอง ค่ำแล้วไม่ร้อนเดินไปเรือยๆ ทว่า โชคดียังเป็นของเจ้าหนู พอดีคุณเกียรติบอกว่าจะนั่งแท็กซี่ไปหาเพื่อน ผ่านทางเดียวกันพอดี...อิอิ เสร็จหนู เลยได้ขึ้นแท็กซี่ฟรี


ส่วนมื้อเย็นคุณหมาอุปการคุณเช่นเดิม โดยให้เจ้าหนูช้อปปิ้งอาหารให้เต็มที่ แล้วมาเบิก...หุหุ เพราะคุณหมาจะตั้งตาดูบอล (ไทย-เวียดนาม) เจ้าหนูเลยซื้อปลาทูตัวใหญ่ๆ (เพราะเมื่อเช้าอ่านบล็อกคุณ comenubb เรื่องปลาทูของเจ้าสัว อ่านไปนึกภาพปลาทูทอดกลิ่นหอมฉุย...ยยย) กินซะให้หายอยาก

หมดวันที่ 6 ด้วยการใช้เงินไปแค่ 1 บาท...ส่วนพรุ่งนี้รอดแน่นอน เพราะวันจันทร์จะเป็นวันที่เจ้าหนูใช้เงินน้อยมากๆ เพราะอะไรนั้นต้องติดตามค่ะ...อิอิ


สรุปวันนี้ใช้เงินไปทั้งสิ้น 1 บาท
เหลือเงินอยู่ 178 บาท...รอดแน่ๆ


วันที่ 7 อุปสรรคอันยิ่งใหญ่


ตอนแรกนึกว่าวันนี้จะหมูๆ แต่ไม่หมูอย่างที่คิด
เพราะปกติวันจันทร์ เจ้าหนูจะแปลงร่างเป็นมังสวิรัติไม่บริโภคเนื้อสัตว์ ทำบุญทุกวันจันทร์ (วันเกิด) แล้วก็เน้นกินผักและผลไม้ (ถือโอกาสทำดีท็อกซ์ไปในตัว)

แต่วันนี้...อาการเจ็บป่วยถามหา หลังจากกลั้นไอและใช้เสียง ตกดึกเลยไอหนักขึ้น หนักขึ้น แม้จะกินทั้งน้ำอุ่น อมยาสารพัด อาการก็ไม่ดีขึ้น...ไปหาหมอแต่เช้าตรู่...เพราะไอจนนอนไม่หลับ

ปกติเรียกแท็กซี่แล้วค่ะ...แต่เห็นว่าอยู่ในช่วงภารกิจ รถเมล์ก็ได้ 8 บาทเอง โรงพยาบาลก็ไม่ได้ไกลมาก แต่กว่าจะไปถึงรถก็แสนจะติด อากาศก็เย็น จากปกติ 20 นาทีนี่กลายเป็น 1 ชั่วโมงเอาชีวิตรอดถึงโรงพยาบาล ตรวจเสร็จ รอรับยาประมาณ 10 โมงครึ่ง ออกจากโรงพยาบาลเตรียมมุ่งหน้าสู่ออฟฟิศ

เผอิญเหลือเกิน จากโรงพยาบาลไปออฟฟิศมีรถเมล์อยู่สายเดียวที่ผ่านต่อเดียวถึง...ทว่าเป็นสายที่ติดอันดับซิ่งสุดๆ ถ้านั่งแล้วทั้งกลัวเกิดอุบัติเหตุและหัวใจวาย

เจ้าหนูยอมเสียเงินเพื่อรักษาชีวิตค่ะ  เลยโบกแท็กซี่เสียเลย มันไม่ได้ไกลกันมาก ถึงออฟฟิศ จ่ายค่าแท็กซี่ไป 53 บาท

วันนี้เจ็บคอและไอ กินอะไรไม่ค่อยลง กินแต่น้ำอุ่นๆ เช่นเดิม พยายามละเลียดซีเรียลไป 1 แท่ง เพื่อจะได้กินยา

นั่งทำงานไปได้สักพัก...สงสัยแอร์ที่ออฟฟิศเย็นไป ทั้งเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอหายชั้นแล้วก็ยังหนาวๆ ซ้ำยิ่งไอถี่ขึ้นกว่าตอนอยู่ข้างนอก เริ่มเกรงใจเพื่อนร่วมงาน แม้จะเอาผ้าคาดปิดปากไว้ แต่ไอทุกนาที (ก็น่ารำคาญอยู่) ในที่สุดช่วงบ่าย เลยตัดสินใจหอบงานกลับมาทำที่ห้อง

โบกแท็กซี่กลับอพาร์ทเม็นต์หมดไปอีก 51 บาท
แวะซื้อนมไว้กินตอนเย็น เลือกขวดเล็กๆ มาหลายขวดเลยค่ะ และขนมปังอีก
หมดไป 56 บาท

กลับถึงห้องกะว่าจะนอนสัก 1 งีบค่อยตื่นมาทำงาน ปรากฎหลับยาวเลยค่ะ ทดแทนที่เมื่อคืนนอนไม่หลับ สิ้นสติไปตั้งแต่บ่าย 3 มารู้สึกตัวอีกทีเกือบ 2 ทุ่ม...

อาการไอก็ยังไม่หาย คราวนี้ไอหนัก

พยายามกินนม ขนมปังที่ซื้อมาตุนไว้ แล้วทำงานอีกนิดหน่อย รีบนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม...อยากหายไวๆ ไอ้เพื่อนที่ทำงานไซโคไว้ว่าไข้หวัดระบาด ตายไปแล้ว 3 คน น่ากลัวจริงๆ


สรุปวันนี้ใช้เงินไปทั้งสิ้น 168 บาท
เหลือเงินอยู่ 10 บาท...เอ่อ....ยังเหลืออีก 1 วันจะเป็นยังไงเนี่ย !!

วันที่ 8 กับ 10 บาทสุดท้าย !!


วันสุดท้ายนี้ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี ไม่ได้ใช้เงินซักบาทเดียว
ตื่นเช้ามา คิดว่าอาการยังไม่ดี เลยตัดสินใจ...อู้...ไม่ไปทำงานดีกว่า นอนพักสัก 1 วันน่าจะดีขึ้น

ต้มข้าวต้ม 1 หม้อไว้ตั้งแต่เช้า พร้อมทั้งไข่เค็มและหมูหยองของสามัญประจำบ้าน กินได้อย่างละนิดละหน่อย พอรองท้องให้กินยาได้ และพยายามกินน้ำอุ่นๆ ให้ได้ 10 แก้วตามคำสั่งคุณหมอ

หลับๆ ตื่นๆ กินน้ำ กินยา ทั้งวัน ไม่ได้ก้าวออกไปไหนเลย

ตกค่ำ อาการไอ...และเจ็บคอดีขึ้นมาก

คุณหมาซื้อกุนเชียงมาฝาก เป็นอาหารค่ำ

แต่เจ้าหนูเกิดอยากกินอะไรหวานๆ อย่างเค้ก
โชคดีจริงๆ ที่มีสแตมป์เซเว่นอยู่กองนึง วันที่ 31 ก็จะหมดเขตแล้ว เลยได้ฤกษ์เอาไปใช้ นับรวมได้ตั้ง 54 บาท เลยสามารถซื้อเค้กเซเว่น มากินได้อย่างสบายใจ....อิอิ

ขอบคุณทุกๆ คนที่เป็นห่วงนะคะ
เมื่อวันสุดท้ายของภารกิจที่ไม่สบาย ก็หลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้นึกถึงภารกิจ (คิดว่าช่างมัน คงทำไม่สำเร็จแล้ว) เพราะตอนแรกคิดว่าถ้าถึงเย็นแล้วยังไม่ดีขึ้น จะไปหาหมอที่คลินิกแถวบ้านอีกรอบ ถ้าเป็นไข้หวัดขึ้นมาจริงๆ คงแย่...แต่ดีที่อาการดีขึ้นจนเกือบหาย

เลยมีตังค์เหลือ 10 บาท ไว้ขึ้นรถเมล์ไปรับเงินวันสิ้นเดือน...

สรุปภารกิจ 500 บาท ใช้ 8 วัน แม้จะเหลือ 10 บาท แต่ในความเป็นจริงยังไงก็ไม่พอแน่ๆ

เพราะฉะนั้นนี่ก็ตืนเดือนแล้ว...นอกจากจะต้องวางแผนการใช้เงินให้ดีๆ ก็ไม่ควรเถลไถลออกนอกแผน ไม่เช่นนั้นเราก็จะมีเงิน(ที่ควร) ออม (ไว้เพื่อนอนาคต) น้อยลงๆๆ ซึ่งมันเป็นนิสัยที่ไม่ดีของเจ้าหนูเลยค่ะ

หวังว่าเดือนแห่งความรัก คงไม่มัวซื้อของขวัญแจกกิ๊ก จนหมดเงินในตอนปลายเดือนอีกนะ





Create Date : 25 มกราคม 2550
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2554 14:26:47 น.
Counter : 1801 Pageviews.

11 comments
  


Myspace Layouts

สวัสดีค่ะ

มาเยี่ยมเยียน ค่ะ ได้เวลา

เดินชมบ้านเพื่อน แล้วค่ะ

(@^_^@)

จุ๊ฟๆๆๆ

Myspace BackgroundsMyspace LayoutsMyspace Codes, Myspace GraphicsMyspace LayoutsMyspace BackgroundsMyspace CodesMyspace BackgroundsMyspace LayoutsGlitter GraphicsMyspace Text Generator, Myspace Graphics


โดย: STAR ALONE (STAR ALONE ) วันที่: 25 มกราคม 2550 เวลา:1:37:51 น.
  
มาปล่อยเงินกู้..ฮี่ ๆ.......
โดย: i'm not superman วันที่: 25 มกราคม 2550 เวลา:9:15:41 น.
  
ที่กทม. คงจะยากเหมือนกันนะครับเนี่ย แต่ว่าผมอยู่ต่างจังหวัด ก็เลย ไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไหร่ อย่างไรก็สู้ๆนะครับ กินมาม่าประทังชีวิตไปก่อนสิครับ
โดย: sak (psak28 ) วันที่: 25 มกราคม 2550 เวลา:15:09:44 น.
  







มารอลุ้นค่ะ ว่าจะรอมั้ย เราว่ารอด สู้ ๆ จ้า ฝันดีน่ะค่ะ

โดย: icebridy วันที่: 25 มกราคม 2550 เวลา:21:44:26 น.
  
ไม่รอดแน่ ขอบวอก
โดย: Oakyman วันที่: 26 มกราคม 2550 เวลา:15:05:37 น.
  
ครับผม เรื่องวิทยาศาสตร์ เดี๋ยวจะต้องไปหาคำตอบก่อนนะครับ ถ้าหาเจอก็ฝากเผื่อแผ่บอกผมด้วยนะครับ แวะมาเยี่ยมครับ หวังว่าคงจะยังไม่อดตายนะครับ คิคิคิ สู้ๆนะครับ
โดย: sak (psak28 ) วันที่: 27 มกราคม 2550 เวลา:16:06:48 น.
  
เหลือ 500 บาท
แต่ยังกินอิจิบัง... น้ำอัดลม
ฉันล่ะสงสารสปอนเซอร์รายใหญ่จริงจริ๊งงงงง
โดย: กาน้ำชากะเชี่ยนหมาก วันที่: 27 มกราคม 2550 เวลา:16:58:50 น.
  
สู้ๆ นะยะ หล่อน แต่เห็นมีสปอนเซอร์ก็หายห่วง อิอิ
โดย: เดอะ กั้ง (เดอะ กั้ง ) วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:0:25:42 น.
  
เห็นวันที่ 5 ที่ 6.. ไอ้เราก็เบาใจ
พออ่านถึงวันที่ 7

เอาใจช่วยนะเพื่อน
แล้ววันศุกร์ไปช้อปกัน
โดย: กาน้ำชากะเชี่ยนหมาก วันที่: 31 มกราคม 2550 เวลา:8:43:15 น.
  
เห็นแกเขียนแล้วสะเทือนใจว่ะ ชั้นก็ใช้เงินกระหน่ำเหมือนกัน แต่จะพยายามเก็บๆๆๆ ละ เดี๋ยวอดไปเที่ยว (เอ๊ะ ยังไง?)


แต่ยังไงก็แสดงความยินดีด้วยนะ ที่ทำภารกิจสำเร็จ
โดย: เดอะ กั้ง วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:28:53 น.
  
ขี้โกงนีหน่า...
โดย: Oakyman วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:57:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

theminnie
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



"It is better to write a bad first draft than to write no first draft at all." - Will Shetterly
All Blog