… GREATEST LOVE OF ALL …

I believe the children are our future. Teach them well and let them lead the way
Show them all the beauty they possess inside. Give them a sense of pride to make it easier
Let the children's laughter remind us how we used to be

Everybody's searching for a hero. People need someone to look up to
I never found anyone who fulfilled my needs. A lonely place to be and so I learned to depend on me

I decided long ago. Never to walk in anyone's shadows. If I fail, If I succeed
At least I lived as I believed. No matter what they take from me. They can't take away my dignity

Because the greatest love of all is happening to me. I've found the greatest love of all inside of me
The greatest love of all is easy to achieve. Learning to love yourself, it is the greatest love of all

And if by chance that special place. That you've been dreaming of
Leads you to a lonely place. Find your strength in love ….

MiniPenzman
Location :
Quebec, Canada

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ไดอารี่ออนไลน์เล่มนี้
แม่ตั้งใจทำเก็บไว้ให้ ลูกน้อยของแม่
ที่กำลังจะเกิดมาเป็นกำลังใจ
ให้แม่ดำเนินชีวิตต่อไป
อย่างมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
และมีความหวังมากยิ่งขึ้น
อย่างที่แม่และพ่อเอง
ก็ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าชีวิตของเรา
จะมีเป้าหมายชีวิตที่มีความชัดเจน
ได้มากมายถึงเพียงนี้




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add MiniPenzman's blog to your web]
Links
 

 
"เมื่อฉันแก่ตัวลง"

อยากจะมอบเรื่องนี้ให้กับผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิดผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน ....
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ตระเวนทั้งเรียนทั้งทำงานไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แม้เขาจะ เติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้เริ่มเล็กลง แต่พ่อแม่ที่อยู่บ้านเดิม (ในเมืองจีน) ก็เริ่มแก่ตัวลง ลูกคนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด เลยได้คุยสดกันบ้าง ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือนให้ระวังสุขภาพของตัวเอง ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง.. ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ เขารู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงเขามาก จนกระทั่งปีนี้ แม่อายุ 75 เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่ โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่มเตรียมตัวในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูก แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคย ชอบห่มมาปะชุนใหม่... สำหรับคนอายุ 75 เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

พอกลับถึงบ้าน
ตอนอยู่บนเครื่องบิน เคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้งแต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ ตรงหน้าผอมแห้ง หน้าตาเหี่ยวย่น ช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย... แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตรียม อาหารที่ลูกเคยชอบ โดยที่หาทราบไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้วและเพราะแม่ตาไม่ค่อย ดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนาทั้ง หยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูกนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว แต่เขาก็ไม่บ่น อะไร เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อนแม่จริงๆ

สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่น สอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10 กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่า ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม "เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม ครั้นผมพยายามชวนแม่ไป กินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน แม่ก็โวยวายว่า แม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้ อื่นได้เลย ผมเลยพูดไม่ออก พอผมจะออกไปช้อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วย ทำเอาวันนั้นทั้งวัน พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย .."
"พอพวกเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง... ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น แต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ พอผมขัดแม่แม่ก็หยุดกึกลงไม่พูด ไม่จา ในตามีแววเหม่อลอย – โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ"

"ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมาในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปนอก ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอกบ้านนอกเมืองต้องระวังตัวให้มากๆ ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน มีการปะทะกันด้วยแม่เป็นห่วงมาก ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไร ตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น"
แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบาก วางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง มันหนักมากผมเริ่มรู้สึกลำบากใจ เพราะผมไม่อยากนำกลับไป มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ 2 หน้าก็เก่งแล้วนี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้ ทันใดนั้นมีข่าวแผ่นหนึ่ง ปลิวหลุดลงมาแม่รีบเอื้อมไปหยิบ แต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง ผมรู้สึกเอะใจ เลยถามว่า "แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ" แม่ลังเล อยู่ครู่หนึ่ง จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น แล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที

ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า "เมื่อฉันแก่ตัวลง" ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004 เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกที บทความนั้นคัดมาจากนิตยสารฉบับหนึ่งของเม็กซิโก ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที ....

เมื่อฉันแก่ตัวลง ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า ขอให้คิดถึงตอนแรกๆ ที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะ ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆฉันต้องทั้งออดทั้งปลอบเพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆ อย่าหัวเราะเยาะฉัน จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม "ทำไม ทำไม" ทุก ครั้งที่เธอถามได้ไหม ตอนฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉันเห มือนตอนที่ฉันพยุง เธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็กๆ หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ ให้เวลาฉันคิดสักนิด ที่จริงสำหรับฉันแล้ว กำลังพูดเรื่องอะไร ไม่สำคัญหรอก ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจแล้ว ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอนเธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ ตอนนั้นฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต ตอนนี้ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทาง ให้ความรักและอดทนต่อฉัน ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ ในรอยยิ้มของฉันมีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉันที่มีให้กับเธอ

ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบ เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ตอนนั้น แม่เดินออกมา ผมแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนแรกแม่คงอยากให้ผมได้ อ่านบทความนี้หลังจากผมกลับไปแล้ว จึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้ รู้สึกแม่จะดีใจมาก เหมือนกับว่าหนังสือพิมพ์เหล่านั้นเป็นยันต์โชคลาภสำหรับผม และเหมือนกับว่าการที่ผมยอมรับ หนังสือพิมพ์เหล่านั้น ผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่อีกครั้งหนึ่ง แม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยที่เดียว หนังสือพิมพ์ที่ผมนำกลับมาเหล่านั้น ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่บทความ "เมื่อฉันแก่ตัวลง" บทนั้น ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบ เอาไว้ข้างตัวผมตลอดไป



Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2551 11:57:12 น. 9 comments
Counter : 564 Pageviews.

 
อ่านไปร้องไห้ไป ซึ้งมาก มาก ค่ะ


โดย: fonpalita IP: 84.208.104.211 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:49:15 น.  

 
ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่เพนนีที่มีข้อความดีๆให้อ่าน ฝนเป็นคนหนึ่งที่จากบ้านมาอยู่อีกที่ ที่แสนไกล ฝนอยู่เกาะแฟโร ดินแดนที่ปกครองตนเองของเดนมาร์ก อยู่กับสามี วันๆนั่งอยู่หน้าเน็ตเพราะไม่มีอะรัยทำ ท่องเน็ตจนมาพบข้อความนี้ในพันทิพมันกินใจมากมาย ฝนอ่านไปร้องให้ไป ร้องแบบเสียงดังด้วย ด้วยความที่คิดถึงแม่ คิดถึงบ้าน ฝนเหงามากไม่มีเพื่อนที่เป็นคนไทยเลยวันๆอยุ่บ้านรอสามีกลับจากทำงาน ตอนนี้ท้องได้ ห้าเดือน อยากมีเพื่อนคนไทยคุยไว้แก้เหงามาก คิกถึงแม่มาก ก็ได้แต่คุยกันผ่านสายโทร โทษทีนะค่ะบ่นเยาะไปหน่อย ชอบข้อความเตือนใจอันนี้มากค่ะ ถ้าเป็นไปได้ขอหลังไมได้ไหมค่ะ
namfonsawadee@hotmail.com


โดย: http://www.flickr.com/photos/41875286@N00/page2/ IP: 81.25.178.153 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:50:53 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเพ็ญ ดิฉันเห็นและอ่านข้อความของคุณหลายครั้ง ทั้งจากที่ไกลบ้านและThaiontario ชื่นชมข้อความของคุณเสมอ ดิฉันเคยอยู่ที่แคนาดา ตอนนี้อยู่ US คาดว่าอีกไม่กี่ปีจะกลับแคนาดาค่ะ

สำหรับบทความนี้ น้ำตาไหลตั้งแต่ยังอ่านไม่จบ คิดถึงพ่อกับแม่ที่บ้านมากค่ะ ท่านแก่แล้ว ตอนดิฉันจะมาอยู่ไกล ท่านก็ไม่อยากให้มาหรอกค่ะ แต่คงเห็นว่ามันดีต่อดิฉันและหลาน ตอนนี้ถ้าท่านดูข่าว เห็นว่ามีภัยธรรมชาติต่างๆ พายุหิมะ ทอร์นาโดหรือ คนยิงกัน เวลาโทรไปหา ท่านจะถามอย่างเป็นห่วงเสมอและเตือนว่าอย่าไปแถวนั้น รวมถึงคำหนึ่งที่บอกเสมอคือ อยู่ไม่ได้ก็กลับมาอยู่บ้านเรานะลูก....


โดย: Kamon IP: 70.171.215.209 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:02:54 น.  

 
ขอบคุณคะคุณ Kamon

ไม่เคยนึกมาก่อนมาจะมีเพื่อนจาก Thai Ontario ตามมาที่พันทิพด้วย รู้สึกดีจังค่ะ

นึกว่าจะมีแต่คนไม่ค่ยอชอบหน้า เพราะเราเป็นคนขวานผ่าซาก และซีเรียสเกินไป

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ที่ทำให้รู้สึกดีๆ


โดย: เพนนี (MiniPenzman ) วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:13:03:34 น.  

 

เคยได้รับ FW เรื่องนี้ค่ะ อ่านแล้วนั่งน้ำตาไหลเลย

ตอนกลับเมืองไทยตั้งใจจะไม่หงุดหงิดเวลาแม่พูดอะไรจู้จี้เหมือนเรายังเป็นเด็กๆ

เราอาจเป็นลูกสาวที่ไม่ดีเท่าไรที่หงุดหงิดแม่ในบางที

อาจเป็นช่องว่างระหว่างวัยที่เวลาคุยกันมันเหมือนไม่เข้าใจกันอะค่ะ

พยายามเข้าใจและให้ความสำคัญกับแม่มากๆนะคะ

เราก็พยายามอยู่เหมือนกัน (เพราะพวกเราเป็นแบบไม่ค่อยแสดงออกไงคะ กอดแม่ เอาใจแม่แล้วเขิน)


โดย: LiLLa_JoY วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:18:52:01 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะพี่เพ็ญ....พี่เพ็ญมีสาระดีดีมาบอกกล่าวกันเสมอ
ฝันดีนะคะ...jub jub ตัวเล็กด้วยค่ะ


โดย: เจน IP: 61.19.214.85 วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:22:43:49 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเพ็ญ...ดิฉันเพิ่งมาอยู่แคนาดาได้ 5 วัน...รู้จักเวปไทยออนตาริโอตอนอยู่เมืองไทย แต่ดีใจมากที่สุดที่ได้เข้ามารู้จักคุณเพ็ญในบล๊อค...ฝากตัวด้วยนะคะ


โดย: ธิดาดอง วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:22:52:18 น.  

 
คุณเพ็ญนีค่ะ

บทความคุณทำให้คิดถึงลูกตัวเองค่ะ อยากให้แกได้อ่านจะได้รู้ว่าแม่ห่วงแกแค่ไหน
ตอนนี้จะต้อง chip หนังสือ ประมาณ 100 กก ให้แกยังหาวิธีส่งอยู่ค่ะ มีคำแนะนำใหมคะ ถ้าส่งทางเรือตอนแกไปเอาออกต้องเสียภาษีเท่าไรคะ หากไม่รบกวนมากกรุณาให้คำแนะนำไปที่ gpenchan@gmail.com ค่ะ ขอบคุณค่ะ


โดย: penchan IP: 117.47.82.94 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:21:28 น.  

 
อ่านแล้วกินใจมาก ๆ เลยค่ะ....คิดถึงพ่อแม่มาก ๆเสมอเช่นกัน


โดย: Som' IP: 71.126.94.248 วันที่: 30 สิงหาคม 2552 เวลา:3:01:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.