++ Etsy อีกแล้ว...ทำไมร้านค้าใน Etsy ถึงถูกปิด ++



เง้อ...กลับมาเรื่อง etsy อีกแล้ว รอบนี้ขยายตัวหนังสือด้วย ^__^" กลัวอ่านยาก


เห็นมั้ยว่าคิดคนเดียวคิดไม่ออก บอกไม่หมด ต้องขอบคุณ คุณเจนนี่นะคะที่ถามเรื่องนี้มา
โดยส่วนตัวยังไม่เคยโดนกับตัวนะคะ ทั้ง ebay และ etsy และไม่เคยรู้มาก่อนด้วยว่า etsy เค้ามีมาตรการปิดร้านด้วย
ไม่ได้จะอวดอ้างว่าตัวเองเก่ง แต่ตอนฟีดแบคน้อยๆ จะพยายามขายสินค้าสายขาวตลอด
พอมีฟีดแบคเยอะยอมรับว่ามีเทาบ้าง แต่ไม่เคยขายสายดำ


เอาล่ะเข้าเรื่อง...เห็นคุณ jenny มาโพสต์ถามเรื่องร้านถูกปิดก็เลยนั่ง search ข้อมูลในอากู๋ ก็เลยเห็นว่าตอนนี้คนไทยโดนกันเยอะเลย [ไม่ต้องตกใจ โดนเยอะ ก็เพราะมีคนขายเยอะขึ้น] เมื่อทางระบบปิดร้านเรา ทาง etsy จะส่งคำถามมาให้เราคร่าวๆ ดังนี้;


1. First, how many people are involved in your shop and what role does each person play? This includes making things, creating listings, running the shop and shipping items.


2. Where are you located? From where are your items shipped?


3. Could you tell us how your products are made? Please include as much information as you can about the process.


4. Are you involved with any other Etsy accounts?


We REQUIRE that you send photos of the step-by-step creation of the items currently sold in your shop. Please also include pictures of your raw materials and work space.


Let us know if you have any other questions about this.


คำถามก็สอบถามเกี่ยวกับร้านค้าโดยทั่วไปของเรา แปลคร่าวๆ ได้ดังนี้ ผิดถูกยังไงช่วยกันด้วยนะ T___T
1. ร้านของคุณมีสมาชิกกี่คน แล้วแต่ละคนทำหน้าที่อะไรบ้าง ไม่ว่าจะลิสต์สินค้า ออกแบบ รวมถึงขั้นตอนต่างๆ จนถึงส่งของ
2. ร้านของคุณตั้งอยู่ที่ไหน แล้วสินค้าส่งจากที่ไหน [ไม่แน่ใจว่าเคสนี้ etsy กลัวว่าเราจะเป็นพวก drop ship หรือเปล่า]
3. อธิบายวิธีการผลิตสินค้าของคุณโดยละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้
4. คุณมีบัญชี etsy ชื่ออื่นอีกหรือเปล่า
เราขอให้คุณส่งรูปภาพวิธีทำแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการขายในร้านของคุณ
และช่วยแนบรูปภาพวัตถุดิบและสถานที่ทำงานที่คุณใช้ในการผลิตมาด้วย
ถ้ามีคำถามอื่นเพิ่มเติมโปรดติดต่อเรา


ในเมื่อขอมา เราก็จัดให้ ถ้าแน่ใจว่าสินค้าเราทำเอง ไม่ได้ซื้อใครมาขาย ไม่ได้ผิดกฎใดๆ ไม่ได้ก๊อปปี้ของคนอื่น ก็รอค่ะว่าทาง etsy จะว่ายังไง แต่รอแล้ว รอเล่าไม่ยอมแก้ไขให้เรา ไปตั้งกระทู้ที่ Help Forum เลยค่ะ ก็เหมือนกึ่งประจานเล็กน้อย เป็นการกระตุ้นหน่อยๆ เค้าจะได้ใส่เรามากขึ้น


จากปัญหานี้ ทำให้กลับไปตั้งใจอ่าน policy ของ etsy อย่างจริงจัง [ไม่อยากจะบอกเลยว่าที่ผ่านมาไม่เคยอ่านเลย]
เพื่อหาสาเหตุ และไว้ป้องกันร้านตัวเองด้วย แค่คลิกเข้าไป โอ้ว...เยอะมาก! จะพยายามรวบรัดเฉพาะที่สำคัญนะคะ


1. ห้ามสมาชิกหนึ่งคนเปิดหลาย account 
2. Username สมัครแล้วเปลี่ยนไม่ได้ นอกจากจะมีเอกสารทางกฎหมายเช่นทำๆ ไปขายดี จดทะเบียนการค้า
3. ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
4. ห้ามส่ง spam ใน convo ส่งไปโฆษณาต่างๆ ก็ไม่ได้ คือมีไว้แค่ติดต่อเรื่องสินค้าที่เราขาย
5. ห้ามแอบติดต่อไปซื้อขายกันนอก Etsy เค้าถือว่าเราหลีกเลี่ยงค่า Fees
6. สินค้าวินเทจต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป
7. ลงสินค้าให้ถูกหมดหมู่
ที่สำคัญ และคิดว่าข้อนี้น่าจะเป็นสาเหตุหลัก...ที่นี่เค้ามีไว้สำหรับขายสินค้า handmade


เอาล่ะ...คำว่า "Handmade" ที่จะวางขายใน Etsy จะต้องเป็นสินค้าที่เรา "ทำเอง" ย้ำ "ทำเอง" หลังจากไปงมเรื่องนี้อยู่หนึ่งวันเลยได้คำตอบว่าร้านค้าส่วนมากที่โดนแบน โดนปิด สาเหตุโดยส่วนมากคือไปซื้องาน handmade มาขาย [คนที่ทำเองแล้วโดนปิดก็มี ก็แก้ปัญหาตาม 4 ข้อด้านบน ไม่น่ามีปัญหา] หลายๆ คนไปตั้งกระทู้ตามเวบต่างๆ ว่าโดนปิดร้านทำยังไงดี อ่านไปอ่านมาก็น่าจะโดนอยู่หรอกก็เล่นซื้อมาขายไปนี่นา...บางคนก็เถียงว่าของที่ขายเนี่ยก็ handemade แต่เป็น hand ของคนอื่น made ปั๊ดโธ่! เค้าให้ขายงานที่เราทำเองค่ะ เช่นไปซื้อพัดสานมาขาย แบบเนี้ยไม่ได้ อยากขายก็นั่งสานเอง หรือจะไปเหมาโหลต่างหูสำเพ็งมาขายก็ไม่ได้ อยากขายซื้ออุปกรณ์ลูกปัดถุงละ 10 บาทเอง ตัวตะขออีกถุงละ 10 บาท ทำไปทำมาต้นทุนถูกกว่าซื้ออีก แถมงานออกมาไม่เหมือนใครด้วย นี่ล่ะสิ่งที่ลูกค้างาน handmade ต้องการ ลูกค้าต้องการสิ่งที่ไม่มีใครเหมือน... อย่าไปซื้อคนอื่นแล้วเอามาขาย นอกจากจะโดนปิดร้านแล้ว ยังทำให้คนอื่นที่ขายของประเภทเดียวกันโดนตรวจสอบไปด้วย แต่ถึงยังไงทุกวันนี้ก็มีคนขายที่ซื้อมาขายไปอยู่ ตอนนี้เค้ายังรอดสายตาไปได้ไงคะ แต่ถ้าวันนึงมีคนส่งเรื่องแจ้งไปทางเวบ สุดท้ายก็ต้องโดนปิดเหมือนกัน อย่าไปคิดว่าทำไมคนอื่นขายได้ แล้วชั้นจะขายไม่ได้ เห็นมอ' ไซค์คันหน้าไม่ใส่หมวกกันน็อค เราจะไม่ใส่ตามก็ได้ แต่เวลาโดนตำรวจจับจะไปโทษเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นะ เพราะเค้าทำตามหน้าที่


กฎระเบียบเยอะแยะมากมาย //www.etsy.com/help/article/483#conversations ลองอ่านให้มั่นใจก่อนลงขาย แต่จากคำถาม 4 ข้อด้านบน อ้อมว่าค่อนข้างจะครอบคลุมกฎของเวบแทบทั้งหมดแล้วนะคะ ถ้าเราตอบคำถามกับตัวเองได้ทั้ง 4 ข้อก่อนที่จะลงขาย เราก็อยู่ในเวบนี้ได้อย่างสบาย หายห่วงแล้ว 


พักหลังมานี้คนไทยเข้าไปขายของใน etsy กันมากขึ้น เนื่องจากหลายๆ คนหนีจาก eBay เดี๋ยวนี้สมัครสมาชิกใหม่ eBay ลงขายค่อนข้างลำบาก ปัญหาโดนแบน โดนลิมิต โดน hold เงินมีมาตลอด eBay อาจจะไม่ใช่บ่อน้ำมันอีกต่อไป [หรือว่า...ไม่ใช่ตั้งนานแล้ว] ไม่รู้เหมือนกันว่าคนส่วนมากเข้าใจหรือเปล่าว่า etsy คืออะไร หรือแค่เห็นคนอื่นบอกว่าขายดีก็มาลงขายมั่ง 




Create Date : 21 ธันวาคม 2554
Last Update : 19 กันยายน 2555 23:00:33 น.
Counter : 17072 Pageviews.

89 comment
++ Etsy ตอนจบ..เทคนิคเล็กน้อย ที่อยากให้เลียนแบบ ++

อายจัง...ไม่จบซะที คือตอนแรกแพลนไว้ว่า 2-3 ตอนคงหมด แต่พิมพ์ๆ ไป เรื่องนั้นก็อยากเล่า เรื่องนี้ก็อยากเล่า
เก็บกดค่ะ ปกติไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรนอกจากเย็บผ้า Y___Y

ก่อนอื่นต้องขอบคุณ คุณ Gunpung ที่ถามเกี่ยวกับการลงขาย อ้อมก็เลยเออ...เราลืมอะไรไปหลายอย่างเลย

เนื่องจาก Series นี้ [ต๊าย...หล่อนกล้าใช้คำว่า series >_<] เราเน้นการขายสินค้าใน etsy ซึ่งเป็นเวบไซต์สำหรับขายสินค้า handmade [จริงๆ เวบนี้ขายสินค้า vintage ได้ด้วย แม้ไม่ได้ทำเอง] วิธีการลงขายก็จะเน้นสินค้า handmade นะคะ

1. ไม่สต๊อกสินค้าเยอะ...ทำชิ้นเดียวลงขายไปเลย ถ้าขายดีทำเพิ่มทีหลังได้ วิธีนี้จะทำให้เราไม่ต้องลงทุนเยอะ ถ้าขายไม่ได้เราก็ทำแบบใหม่ วิธีที่อ้อมใช้คือ ทำชุดแบบที่ 1 แค่ชุดเดียวแล้วลงขาย จากนั้นก็ทำชุดแบบที่ 2 ชุดเดียวแล้วลงขาย สมมติลูกค้ามาซื้อแบบที่ 1 ก็จัดส่งตัวที่ลงขายไป แล้วเราก็กลับมาทำแบบที่ 1 อีกสัก 2-3 ชุดไว้เป็นสต๊อก ไม่ทำเยอะ

2. ลิสต์สินค้าแบบละ 1 ชิ้นพอ...ข้อนี้ขอยกเลิกเพราะ etsy ปรับเปลี่ยนการคิดค่า fee แล้ว

3. การตั้งราคาสินค้าอย่าให้แพง หรือถูกเกินไป...ถ้าแพงคนก็ไม่ซื้อ ถ้าถูกนอกจากเราจะขาดทุนแล้ว สินค้ายังดูเหมือนของไม่มีคุณภาพ ลูกค้าเค้าก็คิดเหมือนเรานั่นแหละค่ะ ของถูกและดีไม่มีในโลก อย่าลืมบวกค่า Fee ต่างๆ ให้ครบ ทั้ง ค่า Fee ตอน list สินค้า $0.20 ค่า Fee หลังจากขายสินค้าได้ 3.5% ค่า Paypal Fee ค่ากล่อง ค่าซอง ค่าห่อ ค่ามอไซค์ไปส่งของ อ้อมแนะนำคู่มือการคำนวณค่า fee ที่นี่ค่ะ //www.rolbe.com/etsy.htm

4. Packaging ให้ปลอดภัย...อย่าลืมว่าเราส่งของข้ามประเทศ สินค้าอาจโดนโยน โดนเหยียบ ไม่รู้ตั้งกี่ครั้งว่าจะไปถึงปลายทาง คำนึงด้วยว่าถ้าพัสดุโดนน้ำจะเปียกสินค้าเราหรือเปล่า แล้วตัว package แนบรายละเอียดร้านค้าเราได้ยิ่งดี ทั้ง e-mail / facebook / twitter ถือเป็นการโฆษณาในตัว ถ้าเลือกได้ไม่แนะนำให้ขายสินค้าที่แตกหักง่าย หรือชิ้นใหญ่ในช่วงแรกๆ เพราะประสบการณ์ส่งของเรายังน้อย ความเสี่ยงสูงค่ะ อันนี้เคยเจอกับตัวมาแล้ว

5. รับปากว่าจะส่งวันไหนต้องทำให้ได้...ส่วนมากจะมีปัญหาในกรณีที่เป็นสินค้า made by order รับปากว่าจะส่งภายใน 5 วันก็ควรทำให้ได้ ไม่ใช่ผ่านไป 10 วันแล้วของยังไม่เสร็จ เพราะลูกค้าจะเสียความรู้สึกแล้วไม่อยากอุดหนุนเราอีก อ้อมเองก็ไม่ส่งของทุกวันนะคะ จะแจ้งไว้เลยว่าส่งภายใน 3 วันทำการหลังได้รับ completed payment ส่งทุกวันเราก็ต้องเสียค่าน้ำมันเพิ่ม ส่งของแล้วควรแจ้ง tracking ให้ลูกค้าทราบด้วย

6. การส่งของแนะนำให้เลือกแบบ "พัสดุย่อยทางอากาศลงทะเบียน" เวลาไปส่งของเขียนคำนี้ไว้ที่ซองหรือกล่องเลยค่ะ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เค้าจะได้เข้าใจ บางคนประหยัดค่าส่งไม่ยอมลงทะเบียน อย่าลืมว่า jackpot จะมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ของหายขึ้นมาก็ไม่รู้จะตามกับใคร หรือเกิดโชคร้ายเจอลูกค้าได้รับของแล้วแต่มาโมเมว่าไม่ได้รับ เราก็ซวยอีกต้องคืนเงินสถานเดียวค่ะ เพราะเราไม่มีหลักฐานยืนยันว่าส่งของแล้ว ยังไงก็แพ้คดี อ้อมจะอธิบายลูกค้าก่อนเลยว่าที่ค่าส่งเราแพงเนี่ย เพราะเราส่งแบบลงทะเบียนนะ ส่งแล้วเรามี tracking ให้คุณตรวจเช็คสถานะด้วย ... ลูกค้าร้อยละ 99.99 ยอมจ่ายค่ะ เพิ่มอีกแค่ 2-3 เหรียญเอง

7. ตรวจดูให้ดีว่าได้เงินแล้วก่อนส่งสินค้า...พอได้รับ e-mail แจ้งว่าได้รับชำระค่าสินค้าให้ log in เข้าไป Paypal ด้วยว่าเงินมาจริงมั้ย ระบบแจ้งว่า completed หรือยัง ถ้าแจ้งว่าได้รับเป็น e-cheque ห้ามส่งเด็ดขาดจนกว่าจะ completed เพราะต้องรอเงินเป็นสิบวัน จำให้ขึ้นใจเลยว่าห้ามส่งสินค้าเด็ดขาดถ้าระบบยังไม่แจ้งว่า completed ไม่แน่ใจ corp หน้าจอส่งมาให้อ้อมช่วยดูก็ได้ค่ะ ยินดีเสมอ ^^

8. การส่งทั่วโลกน่ะดีเพราะมีโอกาสได้ลูกค้าเยอะ แต่บางแถบ เช่น แอฟริกา เลี่ยงได้ควรเลี่ยง อย่างที่ทราบดีลูกค้าไนจีเรียเนี่ยชอบดึงเงินคืน ถ้าไม่อยากเสี่ยง remark ไปเลย ไม่ส่ง Africa ศึกษาให้ดีประเทศไหนมักมีปัญหา ถ้าไม่อยากเสี่ยงเราไม่ส่งดีกว่า หลายคนไม่ส่งอิตาลีด้วย เพราะประเทศนี้มีปณ. ค่อนข้างมีปัญหา ถ้าอยากขายและสินค้าราคาแพงแจ้งเลยว่าอิตาลีเราส่งแบบ ems เท่านั้น ลูกค้าต้องจ่ายค่าส่งเพิ่ม แต่อ้อมโชคดีต้นทุนถูกเลยยังส่งลงทะเบียนอยู่ และยังไม่เคยเจอปัญหา แต่ว่าของจะถึงช้ากว่าปกติ

นึกไม่ออกแล้วค่ะ ^^" ส่วนไหนที่หลงลืมไปสอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ ยินดีค่ะ มีปัญหาไม่รู้จะแก้ไขยังไงลองปรึกษากันได้ค่ะ บางทีเราคิดคนเดียวไม่ออกต้องหาคนช่วยค่ะ...เร็วๆ นี้อ้อมเพิ่งมีปัญหาว่าลูกค้าสั่งของสีเขียว แต่ทาง supplier ที่อ้อมซื้อดันส่งสีชมพูมาให้ แล้วไม่บอกด้วยนะ จนแกะของจะแพคส่งให้ลูกค้าเพิ่งเห็น โทรกลับไปถามว่าพี่ไม่มีสีเขียวหรอคะ เค้าบอกไม่มี ก็เลยใส่สีชมพูให้...โห...ไรว้า แล้วไมไม่บอก จะให้กลับไปเปลี่ยนจากบางนา ไปสำเพ็งก็ไม่ไหวแฮะ โอกาสในการแก้ปัญหาก็มาถึง Y___Y รีบส่งเมลขอโทษลูกค้าก่อนเลย...[ยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็ขอโทษก่อนละ] แจ้งว่าเรามีปัญหาในการแพคของ เราดันแพคสีชมพูแทนสีเขียวไป แล้วก็ใส่เกินไปด้วย ช่วยรับสีชมพูแทนได้มั้ย ส่วนที่เกินเราก็แถมให้ไปเลย ... โชคดีค่ะ ลูกค้ายินดีรับขณะที่พิมพ์นี่ก็เพิ่งมี mail ลูกค้าตามของป่านนี้ยังไม่ได้รับของ 15 วันแล้ว บอกแล้วปัญหานี้ถ้าไม่เจอ จะถือว่าไม่ปกติ เฮ้อ...ไปส่งเมลขอโทษลูกค้าก่อนนะคะ Y___Y

สำหรับเรื่อง etsy ถึงตอนนี้คงมีให้อ่านแค่นี้ โอกาสหน้าจะเรียบเรียงเล่าเรื่องขายของออนไลน์กันบ้าง ตั้งแต่ขายในเวบบ้านเราจนถึง ebay อ้อมเองทุกวันนี้ยังแอบมี log in อื่นใน ebay เพื่อขายของประเภทอื่นด้วยนะ ใครว่าปัญหาเยอะ จะพามาดู สมัคร 2 log in ในเครื่องเดียวกัน ไม่เคยมีปัญหาการ hold เงินใน paypal มาดูวิธีปั่นฟีดแบคใน ebay เดือน สองเดือน อ้อมก็ได้ 200 กว่าละ แล้วขายของไม่ขาดทุนด้วยนะ เปิดร้านขายของออนไลน์คิดว่าคงเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆ คน อ่านหนังสือ หรือบทความที่ไหน ก็มีแต่คนบอกว่ารวยอย่างนั้น รวยอย่างนี้ เข้าเวบร้านค้าแต่ละร้านก็เห็นมีแต่ลูกค้าเข้ามาสั่งสินค้าถล่มทลาย จนทำให้ใครหลายๆ คนอดอิจฉาไม่ได้ จนอยากจะทิ้งงานประจำมาเปิดร้านออนไลน์กันบ้างเลยทีเดียว แต่จริงๆ แล้วเป็นยังไง ไว้มาเล่าให้ฟังค่ะ ^^




Create Date : 16 ธันวาคม 2554
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2556 21:59:37 น.
Counter : 11406 Pageviews.

41 comment
++ Etsy ภาคห้า ตอน..จุดเด่นของสินค้า อยู่ไหน วานบอก ++

Credit photo by: Blue Light Fly [MINI JIJO's customer]

ขอบ่นต่อเนื่องจากบทที่แล้วนิดนึงนะคะ...หลายๆ คนขายของได้กำไร แต่ดันขาดทุนเพราะค่าส่งของ เพราะไปเลือกการส่งแบบผิดวิธี อ้อมเองก็เป็นมาก่อนตอนช่วงแรกๆ ถ้าคุณกำลังเจอปัญหานี้เหมือนกันก็ไม่ต้องเสียใจ..ผิดเป็นครูค่ะ เราผิดบ่อย เราก็มีครูเยอะ ^^ บางคนก็ไม่มีลูกค้าเพราะตั้งราคาค่าส่งแพงเกินไป เอาแบบพอดีๆ ค่ะ กินเยอะไปก็ท้องอืด กินน้อยไปเราก็ไม่หายหิว

ทีนี้กลับมาเรื่องที่ค้างไว้ เราต้องหาจุดเด่นของสินค้าเราให้เจอ...เรื่องเริ่มเมื่อ Nov. 2010 อ้อมซื้อตุ๊กตาใหม่มาตัวนึง ตุ๊กตา BJD เนี่ยส่วนมากถ้าให้สวยเค้าจะใส่ชุดลูกไม้กัน...เอาล่ะสิ สั่งซื้อจากฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี แบบสวยๆ ชุดนึงก็หลักพันทั้งนั้น แต่อยากได้ ทำไงดี...เย็บมือค่ะ!! เย็บมือทั้งตัว ใช้เวลาเย็บชุดตุ๊กตาชุดเดียวเกือบ 20 ชั่วโมง!! ทั้งๆ ตอนนั้นทำชุดตุ๊กตาเป็นแล้วนะ ทำเสร็จภูมิใจมาก...ลังเลว่าจะเก็บไว้เอง หรือว่าจะลงขายดี เพราะคิดเอาเองว่าชาตินี้ชั้นคงไม่สามารถทำชุดนี้ได้อีกแล้ว... ณ ตอนนั้นคิดว่ามันยากมาก และใช้เวลานานมาก แต่...ความโลภก็ไม่เคยปราณีใคร ก็ลงขายดู เผื่อขายได้ ตั้งราคาแพงด้วย ขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะชุดนี้ก็อยากเก็บไว้เองอยู่แล้ว คิดว่าลงขายไปก็ไม่มีใครซื้อหรอก ก็เอาฟะ...ลงขาย $27 คนที่ไม่เล่นตุ๊กตาจะรู้สึกเลยว่าแพงมาก ส่วนคนที่เล่นตุ๊กตาและซื้อเสื้อผ้าตุ๊กตาจากตปท. อยู่แล้วจะรู้สึกว่าราคานี้ธรรมดา....ขนาดลงขายเองยังคิดเลยว่าแพง รวมส่งแล้วก็พันบาท ใครจะบ้าซื้อ!!! แต่...ลงไปอาทิตย์เดียวก็มีลูกค้าจากนอร์เวย์ซื้อ จำได้ว่า ดีใจมาก...โม้ให้แฟน ให้เพื่อนฟัง ดีใจสุดๆ ครั้งแรกที่ขายชุดได้ราคาขนาดนี้ ... ต่อจากนั้นก็ไม่เคยทำชุดผ้าลูกไม้อีกเลย

ครึ่งปีผ่านไป...มีคนจากนอร์เวย์ติดต่อมา พร้อมกับแนบไฟล์รูปมาใบนึง บอกว่าเค้ากำลังจะซื้อตุ๊กตารุ่นนึงอยากได้ชุดนี้ เธอเป็นคนทำใช่มั้ย ราคาเท่าไหร่ เอาแบบนี้เลย ก็บอกไปว่า เออ ชั้นทำเอง!! ด้วยความภูมิใจ ^o^ บอกราคาผิดไปด้วย บอกไป $40 เค้าก็ยังเอา .... เราก็เฮ้ย...อะไรเนี่ย ชอบขนาดนี้เลยหรอ เค้าสมัครสมาชิก Etsy เพื่อจะมาซื้อชุดนี้โดยเฉพาะ [แต่ตอนหลังก็แจ้งราคาที่ $27] ...รูปที่อ้อมพูดถึงก็คือรูปด้านบนนั่นล่ะค่ะ เป็นชุดที่ลูกค้าคนแรกซื้อไป ชุดที่เย็บมือกว่า 20 ชม. เย็บมือเสร็จเย็บจักรซ้ำอีกที เจ้าของรูปตั้งชื่อว่า "Best dress of me" เค้าบอกว่าชุดนี้น่ะมีคนสนใจเยอะนะ [ใน flickr เจ้าของภาพบอกว่าเค้าอยากใส่ชุดนี้เอง] ไอเดียมาเลยค่ะตอนนั้น ทำชุดผ้าลูกไม้ขายอย่างเดียว พอมีไซส์ใหญ่ ลูกค้าก็อยากได้ไซส์เล็ก เลยต้องหัดทำทุกไซส์เลยทีนี้ แรกๆ ก็ทำเหมือนเดิมคือเย็บมือก่อนแล้วค่อยเย็บจักรซ้ำอีกที กว่าจะได้แต่ละชุด ก็หมดเกือบวันเหมือนกัน แต่ใจมันรัก อะไรก็ยอม พอเห็นตัวเงินมากขึ้นความพยายามก็มีมากขึ้น ในที่สุดลูกค้าก็เยอะขึ้น คนเข้ามาคลิกดูของในร้านมากขึ้น แต่การหาจุดเด่นของสินค้าตัวเองฟังดูเหมือนง่าย คนเรามักเข้าข้างตัวเองอยู่แล้ว ว่าของชั้นดี คนเรามักไม่รู้จักตัวเองดีพอ ต้องให้คนนอกเค้ามองเข้ามา ทำเสร็จลองให้คนรอบข้างวิจารณ์ดู เอาแบบสนิทๆ ที่เค้ากล้าพูดความจริงกับเรา และเราสามารถฟังความจริงจากเค้าได้ อ้อมเห็นสาวๆ ชอบมาตั้งกระทู้อวดงานฝีมือกันแต่ก็ไม่ค่อยมีใครกล้าวิจารณ์เท่าไหร่เพราะไม่ได้สนิทกัน อันนี้เราก็ไม่รู้ตัวอยู่ดีว่าเราต้องลด หรือเพิ่มอะไร อ้อมเองแรกๆ ให้แฟนวิจารณ์ค่ะ...ทุกครั้งที่ได้ยินคือ บ้า! ใครจะซื้อ Y__Y พูดอย่างนี้ทุกครั้ง เลยไม่ใช้แล้ววิธีนี้ อารมณ์เสีย...วิธีง่ายๆ เลยใน facebook น่ะหา add เพื่อนๆ ที่เค้าสนใจสิ่งเดียวกับเรา อย่างอ้อมนี่เพื่อนใน facebook มีแต่คนเล่นตุ๊กตา กับเลี้ยงแมว ทำเสร็จถ่ายรูปโพสต์ไปเลย ... อย่าลืมถ่ายรูปให้สวยเหมือนตอนเราจะขายด้วยนะ แต่เชื่อเถอะคนก็ยังไม่กล้าวิจารณ์อยู่ดี แต่...ดูจากจำนวน like ค่ะ ถ้าคน like น้อยแสดงว่าชิ้นนี้ไม่น่าเวิร์ค ถึงยังไงก็ลงขายไปเถอะ แต่ควรจะต้องทำใจเผื่อไว้ด้วยว่าอาจจะใช้เวลานานหน่อยกว่าจะขายออก แต่ถ้าโอ้โห คนกด like เป็นพัน นั่งยิ้มรอรับเงินได้เลยค่ะ

ก่อนที่จะเล่าเรื่องตัวเองก็คิดอยู่นานว่าจะเล่าดีมั้ย เพราะไม่มีข้อมูลอะไรที่เป็นวิชาการเลย ไม่สอนวิธีสมัคร Paypal ไม่สอนวิธีสมัคร Etsy ไม่มีเทคนิคการขาย ไม่มีคำแนะนำอะไรเลย มาถึงก็บอกให้ลงขายเลย ... อยากให้ทุกคนมีความรู้ด้านข้อมูลก่อนที่จะลงสนามจริงค่ะ ไม่ใช่มีปัญหาทีวิ่งหาข้อมูลที มันจะทำให้เราเบื่อและท้อ แต่ถ้าข้อมูลพร้อมมีปัญหาอะไรเราก็รับมือได้หมด เรื่อง Paypal เนี่ยศึกษาเยอะๆ ค่ะพักหลังเห็นพ่อค้า แม่ค้าคนไทยโดนทาง Paypal hold เงินกันค่อนข้างบ่อย ถ้าเรามีข้อมูลเราก็ไม่ต้องไปปวดหัวกับปัญหานั้น ก่อนอ้อมจะขายก็ไม่มีใครสอนค่ะ ไม่มีใครสนับสนุน คิดดูละกันส่งลูกหลานจนเรียนจบอยู่ดีๆ มาบอกว่าชั้นจะไม่ทำงานแล้ว ชั้นจะทำชุดตุ๊กตาขาย เราจะรู้สึกยังไง นั่นล่ะค่ะ ตอนแรกไม่มีใครเข้าใจเลย คิดแต่ว่าปล่อยให้มันบ้าไป เดี๋ยวมันก็เลิก!...

ถ้าคุณกำลังอ่านอยู่แล้วอยากทำ [แต่ไม่แนะนำให้ทิ้งงานประจำมาทำ จนกว่าจะมีรายได้คงที่] ทำเถอะค่ะไม่มีอะไรเสีย เริ่มจากชิ้นเล็กๆ น้ำหนักเบา สามารถแพคได้ง่าย ค่าส่งถูก อุปกรณ์ค่อยๆ ซื้อทีละน้อย อย่าเพิ่งไปเหมาโหล อย่าสักแต่ว่าซื้ออะไรก็ได้ ให้ต้นทุนถูกไว้ก่อน คำถามสำคัญที่เน้นมาตลอด "เราต้องถามตัวเองเสมอว่าถ้าเราเป็นลูกค้า เราจะอยากได้มั้ย"...ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เรียนรู้ ทำเสร็จช้าหน่อยไม่เป็นไร เราไม่ได้กะรวย [แม้ลึกๆ จะแอบหวังไว้ก็ตาม] เวลาตั้งราคาขายก็อย่าให้แพงเวอร์ เห็นคนอื่นเค้าขายชิ้นละพัน เราจะตามเค้าก็ไม่ได้เพราะต้นทุนต่างกัน คนไทยโชคดีมีทุกอย่างพร้อม งานฝีมือนี่ไปสำเพ็งได้แทบทุกอย่าง ส่วนแม่ค้าตปท. บางอย่างเค้าต้องสั่งซื้อจากประเทศอื่นเข้ามาอีกที เราคนไทยได้เปรียบเค้าเห็นๆ แล้วคุณภาพวัตถุดิบก็เลือกให้ดีหน่อย แต่ไม่ใช่ดีซะจนต้นทุนแพงเกินไป แล้วก็ไม่ใช่ถูกซะจนคุณภาพไม่มี แล้วไม่ใช่ว่าลงขายไป 2-3 ชิ้น แล้วมาบ่นนะว่าขายไม่ได้...เราไปร้านขนมหวาน ร้านนี้มีแต่ลอดช่อง กับอีกร้านมีให้เลือก 30-40 อย่าง เราจะเข้าร้านไหนคะ การที่เรามีของลงเยอะๆ ก็เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าซื้อเพิ่มด้วย เวลาตั้งค่าจัดส่งสินค้าเราก็เพิ่ม option เข้าไป เช่นซื้อชิ้นเดียวค่าส่ง $5 แต่ถ้าคุณซื้อตั้งแต่ชิ้นที่ขึ้นไป 2 เพิ่มค่าส่งอีกแค่ $1 ต่อชิ้น อ้อมเคยได้เป็นสิบชิ้นมาแล้วเพราะ option นี้
แล้วถ้าใครกำลังแอบเถียงอยู่ในใจว่า คนไม่เก่งภาษาอังกฤษไม่มีทางทำได้...หยุดเถียงเลยค่ะ อ้อมก็ไม่เก่งอาศัยว่าอยู่มานาน ช่วงแรกๆ ลูกค้าเมลมาว่าไรต้องเปิด dict. ทุกคำ แต่ลูกค้าโดยส่วนมากร้อยละ 90 เค้าโต้ตอบเราแค่สั้นๆ ให้พอเข้าใจค่ะ ไม่ยาวยืด นอกประเด็น เมลมาทีนึง 1-2 บรรทัดแค่นั้นเอง เรื่องก็วนอยู่เดิมๆ สินค้าส่งประเทศนี้มั้ย ค่าส่งเท่าไหร่ ชั้นโอนเงินแล้วนะ ส่งของแล้วแจ้งด้วยนะ ของมาถึงช้าจัง ประมาณนี้ ก็เหมือนๆ คนไทยเรานั่นล่ะเวลาเราซื้อของออนไลน์เราทำยังไง ลูกค้าตปท. เค้าก็ทำเหมือนเรา

ถ้าผลสุดท้ายมันขายไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยเราก็ได้ประสบการณ์ การขาดทุนเป็นเรื่องธรรมดา คิดซะว่าเป็นค่าโฆษณา ค่าการตลาด ถ้าท้อแล้วไม่ไหวแล้วก็ให้หยุด กลับมาตั้งสติใหม่ เน้นว่าแค่ให้ตั้งสติ ไม่ได้ให้เลิกทำ แพ้ครั้งเดียวยังไม่ถือว่าแพ้ค่ะ อย่าไปยอม เรียกเพื่อนพ้องน้องพี่มาช่วยวิจารณ์ แต่เค้าวิจารณ์แล้วเราต้องฟังด้วยนะ ไม่ใช่ใครว่าอะไรก็ไม่ยอมรับความจริง....

สุดท้ายถ้าสงสัยตรงไหนพูดคุยกันได้นะคะ อันไหนตอบได้ ก็จะตอบค่ะ แต่บางปัญหาอับจนจริงๆ ก็ยินดีจะช่วยหาทางแก้ไขค่ะ แต่อย่าถามว่า Paypal สมัครยังไง ไม่มีบัตรเครดิตสมัครได้มั้ย ค่าส่งของน้ำหนักเท่านี้คิดค่าส่งเท่าไหร่ แบบนี้ไม่เอานะคะ ถาม google ได้คำตอบเร็วและละเอียดกว่าค่ะ ขยันหาข้อมูลเยอะๆ วันนึงเราจะเก่งเองค่ะ แล้วก็ลูกค้ามีปัญหาร้อยแปดพันเก้า เรามีข้อมูลพวกนี้มากเท่าไหร่ เวลาลูกค้ามีปัญหามาเราจะสามารถรับมือเค้าได้ค่ะ


ขอให้ทุกคนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำกับงาน handmade ที่ทุกคนรักนะคะ >^o^<



Create Date : 15 ธันวาคม 2554
Last Update : 19 กันยายน 2555 22:59:49 น.
Counter : 4342 Pageviews.

18 comment
++ Etsy ภาคสี่ ตอน..ส่งของช้า ปัญหาที่ทุกคนต้องเจอ ++


หลังจากขายได้ก็ต้องมีการส่งของ...หลายคนถ้าเข้าใจการส่งของตปท. แล้วข้ามไปก็ได้นะคะ การส่งของตปท. แนะนำให้ส่งแบบพัสดุย่อยทางอากาศลงทะเบียน ไม่ช้าเกินไป และประหยัด โดยส่วนมากที่อ้อมส่งจะใช้เวลาประมาณ 7-15 วัน [ใกล้ๆ ก็แค่ 3-5 วัน ถ้าเมกา บราซิล ยุโรป ปกติจะ 10 วัน] พัสดุย่อยจะมีแบบ SAL และ ทางอากาศถ้าเราเลือก SAL การเดินทางจะช้าค่ะ เพราะเค้าจะผสมการขนส่งที่ถูกที่สุดให้เรา อาจมีเรือ รถ เครื่องบินผสมกันไป การแพคของสำหรับการส่งแบบพัสดุย่อยถ้าใส่ซองกระดาษห้ามติดกาวหรือเทปกาว ให้ใช้ลวดเย็บกระดาษได้ได้อย่างเดียว ถ้าแบบกล่องพอเราสอดกล่องแล้วห้ามติดกาวหรือเทปกาว ให้ผูกเชือกได้ และอย่าลืมติดใบศุลกากรสามารถขอได้ที่ ปณ. ค่ะ ค่าจัดส่งเข้าไปเช็คได้ที่เวบของ thailandpost เลยค่ะ


และแน่นอนการขายของตปท. เราต้องเจอปัญหาขั้นพื้นฐาน ที่จะอยู่คู่กับเราไปตลอด ตราบใดที่ยังคิดจะขายของให้ลูกค้าตปท. คือ...ชาตินึงผ่านไป แต่ลูกค้ายังไม่ได้รับของ ปัญหาโลกแตกสุดๆ เจอจนชิน จนเบื่อ ถ้าเดือนไหนไม่เจอรู้สึกเหมือนลืมกินส้มตำยังไงไม่รู้ แต่...อ้อมไม่เคยได้ฟีดแบคลบเพราะปัญหานี้เลย เพราะอะไร...อย่างที่บอกค่ะ พูดคำว่าขอโทษให้ติดปาก แม้จะไม่ใช่ความผิดของเรา บางทีแค่อาทิตย์เดียวลูกค้าก็ทวงแล้ว...ในใจก็คิด อะไรฟะ! นี่หล่อนอยู่คนละซีกโลกกับชั้นนะ หล่อนจะรอหน่อยไม่ได้หรือไง นั่นคือสิ่งที่เราสามารถคิดได้ แต่ห้ามให้ดังออกมาเด็ดขาด แม้จะบ่นกับคนอื่นก็ไม่ควร เพราะความคิดแบบนี้จะทำให้เราเกิดอคติกับลูกค้า เห็นหลายๆ คนพอมีปัญหากับลูกค้า ชอบไปตั้ง status บน facebook...อย่าทำเลยค่ะ อย่างที่บอกโลกออนไลน์มันช่างแคบ เอาเป็นว่าถ้าเราเห็นแม่ค้าตั้ง status ไม่ดีเกี่ยวกับลูกค้าเราจะรู้สึกยังไง อยากจะซื้อของกับเค้ามั้ย...ที่ต้องทำคือ รีบตอบเมลให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ขึ้นต้นด้วยการขอโทษก่อนเลย....ชั้นขอโทษนะที่ของไปถึงช้า ชั้นส่งของไปวันที่เท่านี้นะ อาจจะกำลังว่ายน้ำข้ามแปซิฟิกอยู่ ในระบบแจ้งว่าอยู่ตรงเกาะไหหลำแล้ว อีกไม่นานคงถึง ช่วยกรุณารออีกนึดนึงนะ ลงท้ายด้วยชั้นขอโทษจริงๆ นะ....คร่าวๆ ประมาณนี้ คิดดูถ้าเป็นเราเอง จะยังโกรธอยู่มั้ย คอยตรวจสอบสถานะให้เค้าเรื่อยๆ จนกว่าเค้าจะได้รับของ ถึงแม้ของจะถึงช้า แต่ลูกค้าจะเห็นแล้วว่าเราไม่ได้ขายของเสร็จแล้วทิ้งเค้าเลยนะ เราติดตามเรื่องให้ตลอด อ้อมเคยเจอพัสดุช้าไป 4 เดือน!!! ใช่ค่ะ 4 เดือนไปแค่บราซิลนี่แหละ แต่หลังจากนั้นลูกค้ากลายเป็นลูกค้าประจำไปซะแล้ว...วิธีแก้ปัญหาเคสนี้คือครั้งแรกที่ลูกค้าส่งเมลแจ้งคือผ่านไป 1 เดือนแล้วหลังจากส่งของ อ้อมก็ขอโทษและขอเวลาอีกอีก 1 สัปดาห์เพื่อทำการตรวจเช็ค [ปณ. บ้านเราตรวจเช็คเป็นเดือน แต่ลูกค้าคงรอไม่ไหวเลยขอสัปดาห์เดียวเพื่อดึงเวลา] ถ้าอีก 1 สัปดาห์ของยังไม่ถึง จะส่งของไปให้ใหม่....อ๊ะๆๆ อย่าคิดว่าจะขาดทุน การตั้งราคาสินค้า ควรเผื่อเคสนี้ไว้ด้วย ทุกชิ้นที่อ้อมตั้งราคาขายจะต้องเผื่อกรณีที่ของหาย ของไปไม่ถึง ของพัง ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกค้ามีปัญหาเหล่านี้ อ้อมพร้อมจะส่งชิ้นใหม่ให้เค้าเลย โดยที่เราต้องไม่ขาดทุนด้วย แต่ก็ไม่ใช่แพงเวอร์จนรับไม่ได้ กลับเข้าเรื่อง...สรุปอาทิตย์นึงของก็ยังไม่ถึง ก็เอาวะ ส่งไปให้ใหม่ ราคาขายตั้งพันกว่าบาทแน่ะ แต่ทุนหลักร้อย แต่ก่อนส่งบอกลูกค้าด้วยว่า ถ้าสินค้าชิ้นเก่าไปถึงรบกวนช่วยส่งกลับได้มั้ย หรือถ้าอยากได้ไว้ด้วยจะรบกวนช่วยจ่ายค่าสินค้าเพิ่มได้มั้ย...ส่งคำพูดที่ดีๆ อ่านแล้วรู้สึกดี หรือจะลดราคาให้เค้าก็ได้ เอาแบบว่าลดแล้วเราไม่ขาดทุน สรุปว่าสินค้าชิ้นใหม่ไปถึงก่อน ผ่านไปอีก 2-3 เดือนสินค้าชิ้นเก่าก็ไปถึง T^T พัสดุไปแวะเที่ยวประเทศอื่นมา และโชคดีว่าลูกค้ายินดีจ่ายเพิ่มเพื่อจะเอาสินค้าทั้งสองชิ้น อ้อมก็ลดราคาให้เค้าไป สรุปเราก็ win-win ทั้งคู่ เห็นมั้ยคะว่าไม่ได้ยากเลย หลายคนพอลูกค้าทวงของชอบบ่นลูกค้า แหม...เป็นเราถ้าของที่ซื้อมาช้าเราก็ทวงเหมือนกัน ต้องใจเขาใจเราค่ะ


ทุกครั้งที่มี complain กลับมา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นความผิดของเรา หรือบุคคลอื่น ใน reply mail อ้อมจะต้องมีคำขอโทษไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง...อย่างน้อยนะ!! ถ้าผิดเรื่องใหญ่ก็มีเยอะขึ้น ขายของมา 3 ปีรวมทั้งใน eBay ด้วย เคยได้ฟีดแบคลบครั้งเดียวจาก eBay สาเหตุเพราะ....สามีลูกค้าตกงาน อยากส่งของที่ซื้อไปเดือนที่แล้วคืน T^T ตลกมะ ก็บอกเค้าเฮ้ย..ได้ไง ส่วนที่ยังไม่ได้ส่งชั้นจะคืนให้ แต่ส่วนที่ซื้อไปตั้งเดือนนึงแล้วชั้นไม่รับนะ [จริงๆ พูดจาดีกว่านี้ ขอโทษเค้าทุกครั้งที่ตอบเมลกลับไปด้วย แต่ก็เนื้อหาประมาณนี้ล่ะ] เค้าก็ไม่ยอมเปิดเรื่องกับ Paypal ว่าสินค้าไม่ตรงตาม description ... ฝรั่งก็ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย ตอนแรกที่เจอปัญหาเครียดค่ะ ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ค่าสินค้าประมาณหลักพันบาท อ้อมเลยตอบไปว่าถ้าของไม่ดี ทำไมถึงกลับมาซื้อสินค้าเราอีก แล้วนี่ตั้งเดือนนึงแล้วทำไมถึงเพิ่งแจ้ง ก็อธิบายตามความจริง แต่ไม่พูดถึงเรื่องสามีเค้าตกงานนะคะ สุดท้ายฟ้าก็เข้าข้างคนดี ^_^ ไม่ต้องส่งเงินคืนค่ะ แต่ก็เสียลูกค้าประจำไปคนนึง


ส่งท้ายบทนี้...ปกติพอใกล้ตรุษจีน และปีใหม่ ร้านค้าส่วนมากจะหยุดส่งของ เพราะว่าช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่ของหายมากที่สุด การส่งของจากไทยไปเมกาจะต้องใช้ china airline ซึ่งต้องพักที่จีนก่อน ถ้าช่วงไหนจีนมีปัญหาไม่ว่าจะปัญหาฝนตก ฟ้าร้อง หรืออะไรที่เครื่องลงไม่ได้ รับรองว่าปัญหาการส่งของช้าจะต้องตามมา ประเทศไหนมีปัญหาอะไรเราต้องคอยตามข่าวตลอด





Create Date : 14 ธันวาคม 2554
Last Update : 19 กันยายน 2555 22:59:13 น.
Counter : 10718 Pageviews.

30 comment
++ Etsy ภาคสาม ตอน..ลงขายได้ แต่หาคนซื้อไม่ได้ ++


และแล้ว Etsy ก็ทำให้เกิดมหากาพย์


ภาคสามแล้ว คาดว่าหลายคนต้องเจอปัญหานี้แน่นอน..หลังจากลงขายได้แล้ว หนึ่งเดือนผ่านไป สองเดือนก็แล้ว ทำไมชั้น ยังขายไม่ได้เลยว้า หรือทำไมขายได้แค่เดือนละชิ้นเองว้า หรือว่าหนทางนี้มันจะไม่ใช่สำหรับเรา บลาๆๆ หยุด!! หยุดการคิดแง่ลบใดๆ ทั้งสิ้น ชีวิตเราต้องคิดบวกค่ะ เราทำงานฝีมือ เราทำงานที่ต้องสร้างสรรค์ เราทำงานที่ต้องออกแบบ เรากำลังทำงานที่ใช้ความคิด ถ้าเรามัวแต่คิดแง่ลบ งานที่ออกมามันก็ไม่น่ามอง เพราะฉะนั้นเราต้องคิดบวก....ผลสุดท้ายถ้าไม่มีอะไรดีขึ้นจะเปลี่ยนใจไปคิดบวชก็ยังไม่สาย


อ้อมเองลงขาย eBay ก่อนที่จะมา Etsy ขายของใน eBay ตอนปี 2008 ตอนนั้นทำงานอยู่ สินค้าแรกๆ ก็คงไม่พ้นเสื้อผ้า เห็นเจ้าใหญ่ๆ เค้าเปิดราคา $0.99 ปิดก็หลัก 20-30 เหรียญ ไอ้เราก็เอาบ้าง ด้วยความด้อยประสบการณ์ เปิด $0.99 กะเค้ามั่ง คิดเหรอว่าคนจะมาบิดเยอะแยะขนาดนั้น ไอ้เราก็โนเนม ฟีดแบคก็ยังไม่ขึ้นเลขสองหลัก ปิดประมูลราคาทุนก็ยังไม่ได้ ไหนจะค่าส่งอีก ขาดทุนทั้งค่าของ ค่าไปรษณีย์ ค่าธรรมเนียม eBay ค่าธรรมเนียม Paypal หนังสือเล่มไหนว่าดีซื้อมาอ่านหมด ก็ยังเจ๊ง! สรุปทำอยู่ได้ไม่นาน ก็เลยไม่เอาละ หยุดดีกว่า ทำงานออฟฟิศชั้นก็มีเงินใช้ ทำไมต้องหาเรื่องใส่ตัว หยุด...ชั้นไม่เล่นแล้วเวบนี้ ชิส์!


แต่คนเราน่ะ จะให้เข็ดหลาบง่ายๆ ก็คงไม่ได้ จนวันนึงมี Blythe เป็นของตัวเองและของแต่งตัวตุ๊กตาส่วนมากที่สวยๆ มักมาจากตปท. อยากซื้อของตปท. หาได้ง่ายๆ ก็ต้องซมซานกลับไปหา eBay อีกละ ก็ซื้อๆๆ ... แล้วก็เกิดประกาย ปิ๊ง! ถ้าเราไม่ถนัดขาย เราก็ซื้อมาขายในบ้านเราได้นี่ และแล้วก็เริ่มหาซื้อของตุ๊กตาเข้ามาขาย ซื้อมาเยอะก็แบ่งขายบ้าง เล่นบ้าง อะไรบ้าง ฟีดแบคก็เริ่มเพิ่มละตอนนี้ ปีนึงผ่านไปเล่นไปเรื่อยๆ ซื้อไม่ไหวละ หมดตัวกับของตุ๊กตาเดือนๆ นึงหลายพัน เริ่มเสียดายเงิน นั่งคุยกับตุ๊กตา ถ้าหล่อนอยากแต่งตัวสวย...หล่อนก็ต้องช่วยชั้นหาเงินสิยะ! ว่าแล้วก็ร่วมมือกันระหว่างคนบ้ากับตุ๊กตา เริ่มทำชุดขาย


อย่างที่เล่าให้ฟังเริ่มแรกค่ะ ก็ออกแบบเอง แล้วก็จ้างเค้าทำ เริ่มขายจาก eBay .... มัน ไม่ ได้ เรื่อง เลย Y___Y แบบที่ช่างตัดมามันไม่ใช่แบบที่เราคิด งานที่ออกก็ทำเราผิดหวังมาก ค่าจ้างก็แพงกว่าคนอื่นที่เค้าตัดกัน หายนะเริ่มมาเยือนอีกรอบ ถามว่าขายได้มั้ย...ขายได้ แต่ก็เจ็บตัว เราไม่สามารถตั้งราคาสูงแบบที่คิดไว้ตอนแรกได้ ไหนจะค่าส่ง ค่าธรรมเนียม ทุกอย่างแพง มีปัญหาอะไร eBay เข้าข้างลูกค้าตลอด ชีวิตรันทดยิ่งนัก เลยต้องหาที่ดามใจใหม่ ก็ search ไปเรื่อยๆ ไปพบรักใหม่ที่ Etsy [Art Fire ก็เคยลองนะคะ แต่ไม่ปลื้ม เพราะขายไม่ออก T__T] ในเวบ Etsy ใครเข้าไปเวบนี้จะเห็นเลยว่าเวบนี้ของส่วนมากราคาแพงมาก...ยิ่งถ้าเป็นคนไม่ได้รักใคร่ของ handmade จะรู้สึกได้ชัดเลย อ้อมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ก่อนลงขายก็หาคนที่เค้าขายของเหมือนเราเค้าตั้งราคากันเท่าไหร่ ก็สะเออะตั้งราคาตามเค้า ไม่หันมาดูงานตัวเองเลยว่าอยู่ชนชั้นไหน....ใครที่ลงขายแล้วคิดว่าทำไมขายไม่ได้...2 เดือนก็แล้ว 3 เดือนก็แล้วทำไมยังขายไม่ได้ อ้อมผ่านจุดนั้นมาแล้วค่ะ ทั้งๆ ที่ลดราคาก็แล้ว ส่งฟรีก็แล้ว ขายได้ก็น้อยนิดไม่พอกิน ขายได้ชิ้นนึงดีใจมาก ตีสองตีสาม มี mail alert มายังลุกขึ้นมานั่งตอบเลย ผลสุดท้ายก็เกิดอาการท้อใจจนหยุดไปอีกรอบ แต่รอบนี้ไม่นาน เพราะใจมันไปแล้ว อยากจะทำมากๆ


จำได้ว่าตอนนั้นใกล้ออกจากงานละ ไปรูดบัตรซื้อจักรไฟฟ้าเลย รุ่นเล็กสุด...อย่าถามว่าใช้เป็นมั้ย จักรไฟฟ้าทำงานยังไงยังไม่รู้เลย ไม่รู้เลยว่าต้องใช้เท้าเยียบหรือใช้มือ เสียบปลั๊กหรือใช้แบตก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอุปกรณ์ชิ้นนี้เลย แต่ตอนนั้นจ้างช่างไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นอยากทำชุดตุ๊กตามาก ต้องซื้อต้องมี ไม่ไปเรียนด้วยนะ เพราะเสียดายตังค์ค่าอุปกรณ์แล้วคลาสเค้าก็ไม่ได้สอนเย็บชุดตุ๊กตาด้วย ไม่เอาไม่เรียนดีกว่า.... อ้อมใช้วิธีไปซื้อผ้าที่เค้าขายกัน 3 เมตรร้อย แล้วก็หาฟรีแพทเทิร์นในอินเตอร์เน็ต เริ่มจากเย็บมือก่อน ให้รู้วิธี จากนั้นก็ใช้จักรแต่ไม่ใช้เท้าเหยียบนะ ใช้มือค่อยๆ หมุน ค่อยๆ เย็บ โฮะๆๆ...อย่าถามหาเลยความเรียบร้อย ทิ้งผ้าไปไม่รู้เท่าไหร่ สุดท้ายทำได้เริ่มขายคนไทยก่อน ชุดละ 50-60 บาทแต่มันก็ไม่สวยหรอกค่ะ แค่ออกมาพอดูเป็นชุดตุ๊กตาแค่นั้นแหละ จากนั้นความมั่นใจเริ่มกลับมา ก็กลับไปลงสนามอีกครั้ง...Etsy จ๋า ชั้นกลับมาแล้ว...ยังค่ะ งานก็ยังไม่สวยหรอกตอนนั้น แต่..ตอนนี้ทำเองทุกอย่างไงคะ ต้นทุนถูกลง และไม่ต้องสต๊อกสินค้า ทำขายทีละชุด สองชุด ขายได้ก็ทำเพิ่ม ขายไม่ได้ก็เลิกทำ คิดแบบใหม่ ออเดอร์เริ่มมีมากขึ้น...มากนี่คืออาทิตย์ละชุดก็ดีใจแล้ว ขายถูกด้วยนะตอนนั้นชุดละ 5-9 เหรียญ โห...แค่นี้ก็ดีใจแล้ว เพราะอย่างน้อยก็มีคนเข้ามาสนใจเราแล้ว ต่อให้ไม่ซื้อแค่กดถูกใจแค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ


และนี่คือเหตุการณ์ตลอดปลาย 2009 และปี 2010 ที่ผ่านมา ช่วงนั้นขายได้เดือนๆ นึง 5-6 พันบาท ใครที่ยังขายไม่ได้ ลองปรับเปลี่ยนดูนะคะ ตั้งแต่ตัวสินค้าถ้าเป็นเราเองอยากซื้อมั้ย ไอ้ของที่เราทำเนี่ยเราจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ยังไง คำอธิบายสินค้าอ่านแล้วรู้เรื่องหรือเปล่า รูปภาพสินค้าน่ากดเข้ามาดูมั้ย ค่าขนส่งแพงไปหรือเปล่า รูปแบบร้านน่าสนใจมั้ย อะไรอีกล่ะ...นึกไม่ออก ตลอด 2 ปีกว่ากับเวบนี้อ้อมปรับเปลี่ยนมาตลอดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ประสบการณ์จะสอนเราเองค่ะ ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ถ้าคุณเข้ามาแล้วถามว่าอ้อมมีเทคนิคอะไรแนะนำมั้ย....ไม่มีค่ะ ไม่มีเลย อ้อมทำไปเรื่อยๆ ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ กว่าจะมาเจอจุดทีถูกก็กลางปี 2011 ถ้าเค้าว่ากันว่าผิดคือครู...อ้อมคงมีครูเป็นร้อยคนแล้ว อย่างที่บอกว่าทำของขายไม่ใช่ว่าอะไรก็ขายได้ ชุดตุ๊กตาตอนแรกที่ทำขาย ก็ทำแบบที่ทั่วไปเค้าทำกัน แต่ทำไมของเราขายไม่ได้ ... ก็ต้องมานั่งคิด ทำไมเค้าต้องมาซื้อของเรา เค้าซื้อของในประเทศเค้าก็ได้ ได้ของเร็วด้วย ค่าส่งถูกด้วย ไว้ใจได้มากกว่าด้วย สุดท้ายถามตัวเองว่าถ้าชั้นจะเสียเงินชั้นอยากได้ชุดตุ๊กตาแบบไหน....


ตอนนี้ชุดที่อ้อมขาย แค่โชว์ไว้แบบเดียวลูกค้าก็บอกได้เลยว่าจะเอาสีไหน ไซส์อะไร ไม่ต้องทำโชว์เยอะ ไม่ต้องสต๊อกสินค้า ไม่ได้จะอวดว่าของตัวเองดีหรือเก่ง หลังจากลองผิดมาหลายครั้ง...มันต้องทำให้เราสามารถหาจุดเด่นของสินค้าเราได้ ตอนหน้าจะมาเล่าให้ฟังว่าทำไมอ้อมถึงหาจุดขายของตัวเองได้ ... เปล่า ไม่ได้คิดเอง แหะๆ มีคนชี้ทางให้ แต่คนที่ชี้ให้คือใครล่ะ นี่ล่ะที่สำคัญ โอกาสผ่านมาแค่แว่บเดียวจริงๆ ค่ะ และเราต้องคว้าให้ทัน


ก่อนจบบทนี้...ของในร้านพยายามลงให้เต็ม แม้จะมีแบบเดียว ก็ทำหลายๆ สีก็ได้ และใน Etsy เค้าจะมีให้เรา add เพื่อนๆ เข้า circle เข้า group พยายามเข้าไปมีส่วนร่วมนะคะ เพราะว่าเวลาเรากดเข้าไปดูของเพื่อน ระบบก็จะโชว์เพื่อนของเพื่อน หรือของที่เค้าสนใจเข้ามาด้วย เอาน่า...แม้มันจะมีผลไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย เนาะ ^^






Free TextEditor




Create Date : 12 ธันวาคม 2554
Last Update : 19 กันยายน 2555 22:58:55 น.
Counter : 17320 Pageviews.

23 comment
1  2  3  

kokore
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 91 คน [?]



สวัสดีค่ะ หวังว่าทุกคนคงได้ประโยชน์และความบันเทิงกลับไปบ้างนะคะ