All Blog
มรดกรักฉบับพันล้านวอน วันที่ 12 มีนาคม 2555



“อ้าว...เธอบอกสิว่าแพ้หอย ไม่ใช่มานั่งกินข้าวเปล่า”

“นายบอกเองไม่กินซุปกระดูก”

“เธอเห็นฉันเป็นตัวชั่วร้ายมากใช่มั้ย อย่างเรื่องกระเป๋า ถ้าบอกฉันแต่แรกเรื่องหา
กระเป๋า ฉันก็ไม่มีอคติกับเธอหรอก”

“มีใครบ้างจะบอกความจำเป็นส่วนตัวให้คนอื่นรู้ เพิ่งเจอที่ผับ ราวกับจะฆ่ากันให้ตาย ถามหน่อยว่าใครเคยฟังฉันบ้างมั้ย ฉันบอกเหตุผล นายเคยฟังบ้างมั้ย”

“แล้วตอนอยู่ที่บ้าน...”

“อยู่บ้านนายก็มองฉันเป็นขโมย ฉันบอกคุณย่าเรียกมา นายจะเรียกตำรวจจับฉัน จริงมั้ยล่ะ....เฮ้อ....ยังว่าทำไมไม่บอกก่อน คนอย่างนาย ไม่เคยมองตัวเองเลย เคยมั้ยที่จะฟังคนอื่น”

“พอแล้ว เธอกินไป....คนอะไรนิสัยไม่ดี ไม่กินต่อแล้วรึ” ยูฮังถามเมื่อเห็นอุนซองลุกขึ้น อุนซองบอกเธอจะกลับบ้านเอง

ยูฮังกลับมาบ้าน น้องสาวและแม่ก็ถามเรื่องที่ยูฮังขับรถให้กับอุนซองเพื่อไปเคารพศพแม่

“ที่ว่าไม่มีพ่อแม่แล้ว ไม่ได้โกหกน่ะสิ” ยงนังเอ่ยขึ้น

“พ่อเขาเพิ่งตาย เป็นความจริง ถึงมีเรื่องปิดบังแต่ไม่ใช่พวกหลอกลวง”

“เดี๋ยวนี้พี่ปกป้องเขาแล้วรึ” ชองยีถามอย่างแปลกใจ

“ใครว่าฉันปกป้อง ฉันพูดตามความจริง” “ระหว่างทางนั่งคุยกันรึเปล่า”

“พี่ชายลูกไม่มีทางคุยกับอุนซองหรอก มีแต่เขาแจ๋นฝ่ายเดียว”

“ไม่ แล้วพี่รู้เรื่องเขาได้ไง หรือว่านั่งเทียนอ่านใจได้”

“ฉันรู้เรื่องที่ไหนกันเล่า พ่อแม่เขาตาย เขาไม่ได้ขายกระเป๋า เอามาคืนให้ รู้แค่นี้ พอใจรึยัง” ยูฮังมีอารมณ์เมื่อชองยีพูดว่าอุนซอง

“ต้องทำดุด้วย” ชองยีสะบัดเสียงงอน ๆ

“จะนอน ออกไป” ยูฮังไล่ตรง ๆ ชองยีและยงนังงง ๆ กับท่าทีของยูฮัง

ปั๊กเซ็งฮีรู้เรื่องที่ซึงมีจะขายบ้านเพื่อเอาเงินให้อุนซองก็คัดค้าน แต่ซึงมีบอกต้องการชดใช้และขอโทษอุนซอง และคิดว่าอุนซองคงให้อภัย

“แม่คะ ตั้งแต่อุนยูหายไป หนูไม่เคยนอนหลับเลย ถ้าหาบ้านให้เขาตั้งแต่แรก อุนยูก็จะไม่หาย ทั้งที่แม่มีเงินมากมาย”

“ลืมแล้วรึ ลูกโกหกอุนซองเอง ว่าบ้านหลังนี้ พ่อแท้ ๆ ของลูกยกให้”

“หนูรู้ อุนซองเป็นคนดี เขาต้องยกโทษ แม้ไม่ยกโทษ อย่างน้อยเขาก็ไม่บอกคุณย่า แม่คะพี่ยูฮังมีความรู้สึกดี ๆ กับหนู หนูอยากมีภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับเขา” ซึงมีสับสนและละอายใจมาก

“งั้นยิ่งบอกไม่ได้เด็ดขาด”

“แม่ไม่รู้ พี่ยูฮังคิดยังไงกับหนู พ่อแท้ ๆยังอยู่ ไม่เคยมาหาหนู แม่ทำงานหาแต่เงิน ในยามที่หนูต้องการใครสักคน...มีแต่พี่ยูฮัง กับคนอื่นเป็นไงก็ช่าง เขาดีกับหนูเสมอ เขาเป็นคนอบอุ่นสำหรับหนู หนูละอายใจทุกครั้งที่เจอหน้าเขา หนูไม่อยากหวาดระแวงกลัวอุนซองเปิดโปงเรา”

“แล้วถ้าวินาทีที่อุนซองเปิดโปงเราล่ะ” ปั๊กเซ็งฮีโกรธจัด

“หนูจะคุกเข่าขอร้อง ตั้งแต่อุนซองอยู่บ้านพี่ยูฮัง หนูไม่สบายใจจะบ้าตายอยู่แล้ว” ซึงมีร้องไห้อย่างอัดอั้น

“พอที แม่เจอศึกหนักมากพอแล้ว ขอร้อง พอสักทีได้มั้ย” ปั๊กเซ็งฮีตวาดเสียงลั่น

อุนซองยังออกไปส่งนมตอนเช้าทั้งที่ขาแพลง จุนเซจึงมาช่วยขี่จักรยานให้ อุนซองรู้สึกซาบซึ้งใจในความมีน้ำใจของจุนเซเป็นอย่างมาก

ชองยีบอกแม่และย่าว่าจะไปทำงานที่ร้านอาหารของจุนเซ ทุกคนไม่ขัด


//www.dailynews.co.th



Create Date : 13 มีนาคม 2555
Last Update : 13 มีนาคม 2555 12:34:24 น.
Counter : 496 Pageviews.

0 comment
มรดกรักฉบับพันล้านวอน วันที่ 11 มีนาคม 2555



“พ่อเป็นหุ้นส่วนกับพ่อของยูฮัง และยังเป็นเพื่อนสนิท ช่วยสักครั้งนะ เห็นแก่พ่อ”

“พ่อบอกมีเรื่องสำคัญคุยกับผม เรื่องนี้รึครับ”

“แกรู้จักชองยีนานแล้ว จะได้มีอะไรใหม่ ๆบ้าง เผื่อสนิทสนมกันเป็นแฟนได้ก็ยิ่งดี” พ่อจุนเซบอกจริงจัง

“พ่อ ตกลงพ่อจะพูดอะไร” จุนเซถามอย่างสงสัย

“แกถึงวัยควรแก่การแต่งงานแล้ว ถึงจะดูไม่ประสา แต่เป็นคนหัวอ่อนใสซื่อ ผู้หญิงแบบนี้ ผู้ชายชอบนักล่ะ”

“ผมว่ามันไร้สาระทั้งเพ คิดมัดมือชกกันรึไง”
จุนเซไม่พอใจนักที่พ่อมาบงการความรักของตนเอง

“เรื่องแต่งงานไร้สาระรึ”

“พ่อ ผมไม่อยากเดินตามรอยพ่อกับแม่” จุนเซพูดอย่างอัดอั้น

“อะไร”

“ถึงสายไปหน่อย แต่แม่อยากมีชีวิตตามแบบของแม่ แม่เลยต้องอ้างว้าง ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น”

“พ่อไม่ให้เงิน พ่อไม่มีชื่อเสียงรึไง ผู้หญิงวัย 40 จะทำงาน จะเรียนต่อ ไม่เข้าใจจริง ๆ” พ่อจุนเซอารมณ์เสีย เมื่อพูดถึงอดีตภรรยา

“แต่ผมเข้าใจแม่”

“เพราะเป็นแม่แกน่ะสิ ถ้าเป็นเมียล่ะ”

“ผม...ผมเคารพการตัดสินใจเขา เพราะนั่นคือ ทั้งชีวิตของผู้หญิงที่เรารัก จึงแต่งงานกับเขา” จุนเซน้ำเสียงหนักแน่น

อุนซองทำความเคารพหน้าหลุมศพแม่ก่อนจะเล่าให้แม่ฟังเรื่องในครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องที่พ่อตายและขาดการติดต่อกับปั๊กเซ็งฮี แต่คำพูดของอุนซองที่เรียกแม่ ว่าได้ขาดการติดต่อกัน ทำให้ยูฮังแปลกใจ

“แม่อุนซองตายแล้วนี่นา ที่บอกขาดการติดต่อทางบ้านหมายความว่าไง” ยูฮังพึมพำกับตัวเอง

“แม่คะ ขอโทษ หนูมาคนเดียว ตั้งแต่อุนยูหายไป ยังหาไม่เจอเลย ขอโทษที่หนูมาคนเดียวนะคะ.......ฮือ ๆ.....” อุนซองน้ำตาไหลพรากด้วยความคิดถึงน้อง

หลังเคารพหลุมศพแม่ อุนซองพยายามลุกขึ้น แต่ด้วยขาที่แพลงทำให้เคลื่อนไหวตัวเองลำบาก ยูฮังเดินเข้ามาจะช่วยเหลือ อุนซองรีบปฏิเสธ

“ถือว่าฉันเป็นไม้เท้า”

“ไม่ต้อง........โอ๊ย....” อุนซองฝืนลุกขึ้นด้วยตัวเอง แต่กลับล้มลง ยูฮังรีบเข้าไปช่วยประคอง “เห็นมั้ย......ลุกขึ้น เป็นไรมั้ย”

ด้านโคพิงจูมาเคารพศพภรรยาเช่นกันและพบว่าที่หน้าหลุมศพของภรรยามีดอกไม้และของที่ภรรยาชอบวางอยู่ ซึ่งมีเพียงอุนซองเท่านั้นที่รู้ ทำให้โคพิงจูแน่ใจว่าอุนซองต้องมาเคารพศพแม่แน่ ๆ โคพิงจูออกวิ่งตามอุนซอง แต่ก็ไม่ทันเพราะยูฮังได้ขับรถพาอุนซองออกไปเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

“......นี่เป็น....ดอกไม้ที่เธอชอบ ยังมีแชมเปญที่เธอกล้าดื่ม แม่อุนซอง ลูกอุนซองเรามาใช่มั้ย ขอบใจนะ แม้วันนี้คลาดกัน แต่เพราะเธอ .....ทำให้ฉันได้เห็นอุนซอง”

โคพิงจูรีบติดต่อปั๊กเซ็งฮีพร้อมกับเล่าเรื่องที่เห็นสิ่งของที่หน้าหลุมศพ และมั่นใจว่าต้องเป็นอุนซองมากราบศพแน่ ปั๊กเซ็งฮีตกใจแต่รีบเก็บอาการและว่า อุนซองไม่ได้ติดต่อเธอ ยิ่งทำให้โคพิงจูสงสัยมากขึ้น เพราะปั๊กเซ็งฮีบอกว่าอุนซองอยู่ต่างประเทศ

ยูฮังบ่นหิว จึงพาอุนซองมาที่ร้านสุกี้ อุนซองรู้ว่ายูฮังไม่ชอบหน้าเธอ ก็พยายามเลี่ยง

“ฉันกินซุปราดข้าวก็พอ เราต่างคนต่างกินก็แล้วกัน”

“เธอจะแกล้งฉันให้เป็นตัวประหลาดรึไง” ยูฮังบ่น

“นายไม่อยากกินข้าวกับฉัน ตอนทำงานนายก็ออกไปกิน นายว่าฉันอยู่บ้าน นายไม่กินข้าวบ้านนี่นา”

“คนเดียวกินสุกี้ได้ไง เขาไม่ขาย” ยูฮังบอก ก่อนจะสั่งสุกี้มากิน แต่อุนซองก็เอาแต่กินข้าวเปล่า “ฉันกินหอยแล้วแพ้” อุนซองบอก

“อะไรนะ”

“กินสุกี้ซีฟู้ดตั้งสองหมื่นห้ามันเปลืองนะ”

อุนซองบ่น


//www.dailynews.co.th



Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 23:53:34 น.
Counter : 314 Pageviews.

0 comment
มรดกรักฉบับพันล้านวอน วันที่ 9 มีนาคม 2555



“มาโทษฉันได้ยังไง...อ๋อ...เพราะเรื่องสมบัติใช่มั้ย นายนึกว่าฉันขอคุณย่ารึ”

“ใครว่ายกให้เธอ”

“นายก็รู้ เป็นไปไม่ได้ แล้วยังมาใส่อารมณ์กับฉันอีก”

“ถ้าไม่เป็นเพราะเธอ ฉันไม่ตกในสภาพลำบากแบบนี้หรอก ก่อนเธอมา ฉันอยู่ของฉัน
ดี ๆ เธอไม่น่าไว้ใจตั้งแต่เรื่องกระเป๋าแล้ว...ทำไมเธอต้องเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตฉันด้วย”

“ฉันวุ่นวายกับชีวิตนายรึ แล้วนายล่ะ รู้มั้ยทำอะไรกับชีวิตฉัน”

“ชีวิตเธอ ฉันไม่สนใจ”

“แน่ล่ะ เพราะนายเป็นคนแบบนี้ไง นายมองแต่ตัวเอง ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา” อุนซอง กล่าว

“เธอรู้นิสัยฉันรึ”

“เพราะนาย ทำให้ฉัน ไม่ได้เห็นหน้าพ่อครั้งสุดท้าย”

“อะไร”

“นายบอกจะคืนกระเป๋าให้ฉัน ครั้งแล้วครั้งเล่า วันนั้นพ่อฉันตาย...ฮือ ๆ...นาย...นายก็มีพ่อ ความสูญเสียในชั่วพริบตา นายเคยมั้ย...ความรู้สึกมันเป็นยังไง...ฮือ ๆ...ถ้าฉันได้เห็นพ่อครั้งสุดท้าย จะได้รู้ ต่อไปนี้ไม่ได้เห็นพ่ออีก และพ่อจะไม่ส่งยิ้มให้ฉันอีก อย่างน้อยฉันจะได้รู้...พ่อโบกมือให้ฉันก่อนจากไป ความสูญเสียนี้ นายไม่เข้าใจหรอก... นายทำร้ายชีวิตฉันยับเยิน เป็นเพราะนาย ทำให้ฉันไม่ได้เห็นหน้าพ่อครั้งสุดท้าย เพราะนายคนเดียว...ฮือ ๆ”

“วันนั้น...พ่อเธอตายรึ” ยูฮัง รู้สึกผิด

หลังจากแยกตัวมาอุนซองรู้สึกว่าตัวเองบ้าที่พูดเรื่องพ่อให้ยูฮังฟัง ระหว่างนั้นปั๊ก โทรฯ มาชวนทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่อุนซองปฏิเสธ เพราะไม่อยากเจอกันตามที่สัญญาไว้

ปั๊ก มาหาอุนซอง บอกให้เธอย้ายออกมาจากบ้านคุณย่า โดยปั๊กจะเป็นคนหาเช่าคอนโดฯ ให้อยู่ แต่อุนซองปฏิเสธ บอกว่าคุณย่ารับปากช่วยตามหาอุนยู จึงต้องอยู่บ้านหลังนั้นเพราะเป็นเงื่อนไข ปั๊กจึงบอกว่าควรที่จะตามหาเองไม่ควรไปเดือดร้อนคนอื่น

“คุณย่าบอกว่าช่วยเธอ แต่ต้องจ้างตั้งหลายสิบคน เมื่อไหร่จะหาเจอ แล้วต้องจ่ายอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าหนึ่งเดือน หรือว่าอีกหนึ่งปี อีกอย่าง คนหายในกรุงโซล ก็ต้องอยู่ในโซลสิ ไม่มีทางที่อุนยูจะตามคนอื่นไป หรือขึ้นรถเมล์ นั่งรถไฟออกนอกเมืองเองได้รึ...อุนยู...ยังอยู่ในกรุงโซล พวกนักสืบหวังแต่เงิน พวกนั้นไม่ตามหาจริงจังหรอก แค่ค่าจ้างคิดดูสิเท่าไหร่ แกล้งทำเป็นตามหาทั่วประเทศ เตะถ่วงเวลา คุณย่ามิยิ่งลำบากรึ สุดท้ายตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ คว้าน้ำเหลวเปล่า ๆ”

“เฮ้อ...ก็เป็นไปได้” อุนซอง กล่าว

“ใช่สิ เพราะงั้น อย่าเป็นเบี้ยล่างเค้า บอกว่าเธอจะหาอุนยูเอง แล้วย้ายออกมาซะ นับแต่นี้...ฉันช่วยเธอตามหาอุนยูนะ”

“ไม่ค่ะ หนูต้องอยู่บ้านคุณย่าต่อไป ไม่ใช่เพราะคว้าน้ำเหลว หรือเป็นเบี้ยล่าง เลิกตามหา
อุนยู”

“ใครว่าเลิกตามหากันล่ะ”

“แม้เราสองคนออกแรงตามหา ก็เร็วสู้คุณย่าไม่ได้หรอกค่ะ คุณแม่ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยที่มีต่อหนู แต่ไม่ต้องห่วง ขอเพียงได้พบอุนยู หนูยอมอดทน ยอมทำได้ทุกอย่าง อีกอย่าง...หนูเชื่อคุณย่าค่ะ”

“ไม่นะ ฉันไม่ได้บอก ว่าอย่าเชื่อคุณย่า”

“แม้ชีวิต หนูยินดีตอบแทนให้คุณย่า หนูพร้อมทำทุกสิ่งเพื่อคุณย่าได้ หนูรู้สึกเหมือนคุณพ่อคอยช่วยเหลือ ขอให้พบอุนยูเร็ว ๆ เถอะ เหมือนคุณพ่อดลบันดาลหนูพบคุณย่า”

ปั๊ก กลับไปถึงบ้านก็พบว่าซึงมีนั่งอยู่กับพื้นห้อง ข้าวของกระจาย ซึ่งมีค้นหารูปอุนยู แต่ กลับไปพบโฉนดอพาร์ตเมนต์ที่เป็นชื่อตนเอง ก็สงสัยว่าแม่เอาเงินก้อนมาจากไหนซื้อทั้งทีบอกว่ากู้เงินมา จึงไม่พอใจ

“แต่หนู ไม่นึกว่าแม่มีเงินมากมายขนาดนี้ ไม่นึกไม่ฝันจริง ๆ...แม่มีเงิน ทำไมถึงไม่ช่วยพวกเขา ถ้าแม่เช่าบ้านให้เขาอยู่ อุนยูก็ไม่หายไปหรอก แม่ไม่รับรู้บริษัทพ่อล้มละลาย แม่ไม่อยากแบ่งเงินครึ่งให้อุนซอง เพราะแม่เห็นแก่ตัว ทำไมค่ะ...ทำไมแม่ใจร้ายไล่พวกเขาไป แม่ใจร้ายทำให้อุนยูหายไป”

“การอยู่รอดได้ ต้องใจแข็ง ต้องตัดให้ขาด ถ้าไม่ถอนรากถอนโคน รังแต่จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เช่าบ้านให้อุนซองอยู่รึ เวลามีปัญหามิวิ่งมาหาฉันรึ ไม่รู้จักจบสิ้น เพราะงั้น สู้ตัดขาดถาวรไปเลยไม่ดีรึ”


//www.dailynews.co.th



Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 23:51:03 น.
Counter : 358 Pageviews.

0 comment
มรดกรักฉบับพันล้านวอน วันที่ 8 มีนาคม 2555



“ยกบริษัทให้....ยัยเด็กนั่นรึ ไม่ได้นะครับ” ยูฮังและทุกคนคัดค้านหัวชนฝา

“ทำไมไม่ได้ มีข้อห้ามรึ ต้องยกให้ลูกหลานเท่านั้น...ไม่ยกสมบัติให้พวกเธอ จะจับฉันเข้าคุกรึไง พวกเธอได้แต่หวังสมบัติของฉัน ฉันทำร้ายความเป็นคนของพวกเธอ ทำให้เป็นคนไม่เอาไหน.....ฉันทำผิดมหันต์ ตอนนี้จึงให้โอกาสพวกเธอปรับปรุงตัวซะใหม่.... เธอสามคน.... เริ่มพรุ่งนี้ไปทำงานบริษัท เอาเงินเดือนมาเลี้ยงตัวเอง”

“ให้ทำงานรึคะ” ชองยีพูดเสียงสูง

“ที่แท้คุณย่าก็มีแผน บีบพวกเราทำงานบริษัท” ยูฮังบ่น

“ดิฉันด้วยรึคะ ทำไมดิฉันต้องทำงานคะ” ยงนังส่ายหน้า

“คำโบราณว่างอมืองอเท้าก็อดตาย” จังซุกจาน้ำเสียงจริงจัง

“คุณย่าทำให้พวกเราเป็นแบบนี้”

“ให้ฉันปล่อยพวกแกเป็นไปแบบนี้อย่างงั้นรึ ฉันไม่มีหน้าที่เลี้ยงพวกแก โต ๆ กันหมดแล้วนี่นาไม่ใช่รึ ฉันผิดพลาดมาแล้ว ดังนั้นพวกแกต้องอยู่ด้วยตัวเอง แต่ว่า....อย่างที่ฉันพูด จากวันนี้ห้ามใช้เงินฉันเด็ดขาด”

“อุนซองรู้รึเปล่า คุณย่าบอกรึเปล่าว่ายกสมบัติให้เขา” ชองยีถาม

“ถ้าพวกเธอ.....ช่วยบอกเขาได้ก็ยิ่งดีสิ.....นับแต่พรุ่งนี้ พวกขี้เกียจหลังยาว ห้ามอยู่บ้านฉัน” จังซุกจาเสียงเข้ม “หากไม่ทำงานก็ออกไปจากบ้านนี้ ฉันไม่ขวาง”

ทั้งยงนัง ชองยีกังวลหนัก ส่วนยูฮังโกรธจัด

ในที่สุด ย่าก็ตัดสินใจตัดเงินช่วยเหลือยงนัง, ชองยีและยูฮัง ย่าริบเงินและรถยนต์ของยงนังและพวกเอาไว้ แต่ก็ให้เงินเล็กน้อยเพื่อใช้จ่ายในแต่ละวัน ยูฮังไม่พอใจที่ย่าทำเช่นนี้จึงออกจากบ้านไป ชองยีไปหาจุนเซเพื่อบอกเล่าถึงพฤติกรรมของย่า ในเวลาเดียวกันก็ขอทำงานที่ร้านอาหารของจุนเซ

อุนซองไปหาจุนเซ หลังจากที่เธอได้พบชองยีแล้วถึงได้รู้ฐานะที่แท้จริงของจุนเซจึงทำให้เธอรู้สึกว่าถูกหลอก

“รู้มั้ย การทำให้คนดีใจมีค่าขนาดไหน คิดว่าเราลำบากเหมือนกัน เข้าใจความรู้สึก คุณจึงทำดีกับฉัน...ความจริงแล้ว คุณเป็นเจ้าของไม่ใช่ลูกจ้าง ยังรู้จักน้องสาวซังยูฮัง คุณย่าประธานบริษัทจินเซ็ง รู้จักสินะ”

“นี่แหละที่จะบอก ถึงได้นัดเธอมา” จุนเซพูดอย่างสำนึกผิด

“ฉันย้ายไปอยู่บ้านนั้นแล้ว คุณก็ยังไม่พูด ทำไมคุณต้องปิดบังฉันด้วย...ถึงแม้ ลีฮังจินโกหกตั้งแต่แรก แต่คุณ...ยังหลอกฉันเล่นเหมือนตัวตลก” อุนซองโกรธจัด

อุนซองกลับมาบ้านเช่าและบ่นกับเฮลีเรื่องที่เอถูกจุนเซหลอกลวง

“โคอุนซอง เธอนี่ได้โชคสองชั้นเลยนะ...ฮ่ะ...ฮ่ะ...เชื่อใครไม่ได้สักคน นึกว่าเขาใสซื่อบริสุทธิ์”

“คุณย่าเร่ร่อนเป็นประธานบริษัท พี่ชายยาจก เป็นเศรษฐีมีกะตังค์...น่าอิจฉาจัง” เฮลีพูดขำ ๆ

“ฉันไม่ขำไปกับเธอด้วยหรอก”

“ช่วงลำบากที่สุดของชีวิต รู้มั้ยอะไรน่ากลัวที่สุด.......ใจตัวเอง”

“นี่เธอว่าฉันใช่มั้ย”

“พั๊กจุนเซ เป็นคนดีมากนะเธอ”

“ดีบ้าเรอะ หลอกฉันมาตลอดเลย”

“นี่...อย่าสนใจว่าเขาหลอก หรือบอกความจริง แต่เขาทำทุกอย่างก็เพื่อเธอ...ใช้ความรู้สึก แล้วคิดให้ดี”

ยูฮังโกรธคุณย่าจึงขนเสื้อผ้าออกจากบ้านเช่าโรงแรมราคาแพงอยู่และเรียกเพื่อนออกมากินเหล้า เมื่อคิดเงินเพื่อน ๆ ต่างเกี่ยงกันออกค่าใช้จ่ายและโบ้ยให้ยูฮังจ่ายเหมือนทุกครั้ง ยูฮังบอกย่ายึดบัตรเครดิตไปหมด เพื่อนมองหน้ายูฮังแบบไม่เคยเห็นมาก่อน

ยูฮังไม่มีเงินชำระค่าห้องพัก จึงโทรฯไปขอเงินจากยงนัง ยงนังบอกตนเองก็ไม่มีเช่นกันเพราะทุกวันนี้ทำงานได้เงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยงนังบอกจาซุกจาเพราะหวังว่าจาซุกจาจะช่วยเหลือหลานชายเพียงคนเดียว แต่ผิดคาดจาซุกจาไม่ยอมช่วย ทำให้ยูฮังถูกนำตัวส่งสถานีตำรวจ

จุนเซ มาช่วยประกันตัวให้กับยูฮัง เมื่อกลับมาถึงบ้านย่าสั่งให้เขาคืนเงินให้กับจุนเซและให้ทำงาน โดยให้อุนซองเป็นคนพายูฮังไปทำงานด้วย เมื่อไปทำงานวันแรกยูฮัง ก็ไม่ยอมขึ้นรถเมล์ นั่งแท็กซี่ไปทำงานเมื่อมีเงินไม่พอจ่ายก็ขอยืมเงินของอุนซอง ยูฮัง ไม่สำนึก หลังถูกตำรวจจับ อุนซอง เลยพูดจาสั่งสอน จนยูฮังไม่พอใจ

“นี่เธอ อย่ามาสอนฉันนะ”

“เพราะฉันเห็นแล้วทุเรศ ทำให้คุณย่ากับคุณน้าทะเลาะกัน”

“เธอเป็นใคร ยุ่งเรื่องคนอื่น”

“ต้นเหตุก็คือนาย คุณน้าต้องอ้อนวอนขอร้อง ถามจริง ไม่ละอายใจ” อุนซอง ถาม

“เธอไม่ต้องยุ่ง อาศัยเขาอยู่ยังจะ...แส่ไม่เข้าเรื่อง หุบปากไปเลย”

“ฉันแส่รึ รู้ไว้ด้วย ไม่ว่าใคร คำว่าแส่ก็ห้ามพูดทั้งนั้น ฉันว่านายดูตัวเองก่อนเถอะ”

“อะไร”

“ว่าเขาดูตัวเองซะก่อน ตัวเองไม่เอาไหน ยังซ่า”

“หาเรื่องรึ”

“เฮ้อ.....คิดจะขอเงินค่ารถเมล์ฉัน ฝันไปเถอะ”

“ฟังให้ดีนะ อย่ามาดูถูกฉัน ฉันขอเตือน”

“ปล่อยฉันนะ”

“เธอรู้คุณย่ายกสมบัติให้เธอ เลยทำเป็นจองหอง อย่าได้หวัง”

“สมบัติอะไรกัน”

“ใช่สิ ทำหน้าซื่อตาใส”

“นายพูดเรื่องอะไร ทำไมคุณย่าต้องยกสมบัติให้ฉัน”

“เธอว่าฉันน่าสงสาร เธอเป็นคนพูดไม่ใช่รึ”

“ฮ่ะ...ฮ่ะ....พิลึก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสมบัติ”

“นี่.....อย่าคิดว่าฉันจะยอมง่าย ๆ นึกรึคุณย่าจะยกสมบัติให้เธอจริง ๆ ไม่ต้องสงสารฉัน ยัยหลอกลวง อย่าหวังฉันจะหลงกลเธอ”

“เรื่องสมบัติ ฉันไม่เคยรู้เรื่อง ระวังคำพูดหน่อย”

“ความจริงรู้หรือไม่ไม่สำคัญ ฉันขอเตือน ฝันไปก่อนเถอะ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด”

“เดี๋ยวก่อน คุยกันให้รู้เรื่อง จะไปดื้อ ๆ แบบนี้รึ”

“ทำไม สนใจล่ะสิ”

“พูดอะไร” อุนซอง ถาม

“ไปถามคุณย่า”

ยูฮัง เริ่มทำงานวันแรกถูกใช้ให้ทำงานหนัก และต้องกินข้าวร่วมกับพนักงานก็ไม่พอใจ ด้านยงนัง กลับมาที่บ้าน ชองยี ก็วิ่งออกมาบอกว่าตนเองรู้วิธีหาเงินแล้ว จากนั้นทั้งสองเข้าไปคุยกัน ชองยี เสนอให้แม่เอากระเป๋ามาขาย ส่วนยงนัง บอกลูกให้เอานาฬิกาที่มีเยอะออกมาขายด้วย จากนั้นยูฮัง ก็กลับมาจากที่ทำงาน ยงนัง รีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง ก็ถูกว่าลูกชายไม่ได้กินข้าวเที่ยงที่ทำงาน

ชองยี สอบถามอุนซอง ว่ารู้จักพี่จุนเซได้ยังไง อุนซอง ให้ชองยีไปถามจุนเซเอง

“พี่จุนเซ เขาไม่ยอมบอกฉัน เขาว่าเป็นเพื่อนของเพื่อน” ชองยี กล่าว

“ใช่ เป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน”

“แล้วทำไมเห็นฉันต้องหลบหน้า....ว่าไง เธอหลอกอะไรพี่จุนเซเค้า ทำอะไรผิดต้องหนี” ชองยี กล่าว

“ไม่มี อย่างเธอพูด อยู่บ้านนี้ไม่ต้องแส่ เธอไปเจอฉันอยู่ร้านอาหารหรู ๆ ไม่หนีได้รึ”

“อะไร”

“พอใจมั้ย”

“น่าโมโห”

ยูฮัง กลับมาถึงบ้านก็กินข้าวอย่างมูมมาม ชองยีบอกพี่ชายว่าห้ามลาออกเด็ดขาดตราบที่คุณย่ายังไม่แบ่งสมบัติ เพื่อเห็นแก่แม่และน้อง ยูฮังถามกลับว่าตนเองต้องทนอีกเท่าไร ชองยีให้ทนอีกเดือนสองเดือน เดี๋ยวคุณย่าก็เปลี่ยนใจเอง แต่ต้องหาวิธีเฉดหัวยัยอุนซอง ออกไปก่อน

อุนซองได้ยินเรื่องที่ยูฮังและแม่ กับน้องสาวพูดเรื่องสมบัติ จึงนำเรื่องนี้ไปคุยกับคุณย่า ซึ่งคุณย่าบอกว่าอุนซองเป็นคนเดียวที่เธอวางใจ และบอกว่าที่พูดอย่างนั้นเพราะต้องการให้ยูฮังปรับปรุงตัว จากนั้นก็ขอความร่วมมือจากอุนซองให้ทำตัวเหมือนว่าจะได้รับสมบัติจริง ๆ และสามารถรับแรงกดดันจากยูฮังและคนอื่นไหวรึเปล่า

“หนูโดนมาเยอะแล้วล่ะค่ะ...นี่เป็นเงื่อนไข ช่วยหาอุนยูใช่มั้ยคะ เลยต้องให้หนูย้ายมาอยู่ที่นี่”

“ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก” จัง กล่าว

“เฮ้อ......หนูต้องใจแข็งอีกแล้ว....ฮ่ะ...ฮ่ะ”

จัง สอบถามเรื่องน้องชายอุนซองกับพ่อบ้าน เขารายงานให้นายหญิงฟังว่า ดูเหมือนไม่อยู่กรุงโซล ออกตามหาที่สถานสงเคราะห์จนทั่วแล้ว และกำลังออกตามหาแถบชานเมือง โดยใช้กำลัง 13 คน จึงสั่งให้จ้างคนตามหาเพิ่มอีกเท่าตัว และต้องตามหาน้องชายของอุนซองให้พบ

ปั๊กไปคุยธุรกิจกับเพื่อนชาย ซึงมี มาเห็นจึงสอบถามว่าแม่มีเพื่อนชายเร็ว คงไม่คิดแต่ง
งานใหม่ ปั๊กรีบปฏิเสธ บอกเบื่อ เพราะเจอแต่ผู้ชายแบบเดิม ๆ ด้านโคพิงจุง แอบตามปั๊กมาถึงบ้านพัก สอบถามว่าปั๊กพาอุนซอง อุนยู ไปไว้ที่ไหน

อุนซองกำลังรีบไปส่งนม แต่จุนเซมาดักรอขอคุยด้วย

“ฉันทำผิดอะไรนักหนา แม้โทษตาย ก่อนประหาร ยังให้สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย”

“แค่นี้รึ งั้นก็รีบสั่งเสียมา”

“เธอ...ไม่อยากเห็นหน้าฉันใช่มั้ย ระบายออกมาเลย ด่ามาเลย อย่างน้อยจะได้รู้ ฉันขอโทษเธอทุกอย่าง ฉันทำไม่ใช่เพราะความสงสาร ตลอดเวลา...ฉันอยากบอกเธอนานแล้ว แต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวพูดแล้ว เธอจะหนี ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ให้แม้โอกาสขอโทษ ฉันอยากบอก....พั๊กจุนเซ ได้มอบชีวิตให้เธอแล้ว”

“คุณยังโกรธฉันอยู่ใช่มั้ย” อุนซอง ถาม

“ฉันโกรธตัวเองตะหาก ฉันกลัวเธอนิ่งเงียบ กลัวเธอไม่เจอหน้าฉัน ฉันเกลียดการโกหกที่สุด เพราะฉันไม่ชอบหลอกใคร จึงโกหกคนไม่เป็น แต่กับเธอฉันพูดไม่ออก เหมือนฉันตอนนี้ กลัวเธอผิดหวัง กลัวเธอรับไม่ได้ นี่แหละที่กลัว แต่สุดท้าย ทุกสิ่งมันก็เกิด ฉันโกรธตัวเอง”

ซึงมี บอกกับปั๊ก ว่า ยูฮัง เริ่มงานแล้วเมื่อวาน และกำลังเตรียมอาหารกล่องให้เขา เพราะคนอย่างเขา ไม่กินข้าวกับพนักงาน ปั๊กบอกลูกสาวว่าไม่ต้องทำทุกวัน ผู้หญิงไม่ควรแสดงความรักต่อผู้ชายมากจนเกินไป จะกลายเป็นความเคยชิน โดยเฉพาะยูฮัง เคยแต่คนเอาใจ เขาไม่ขอบใจหรอก ควรใช้สายตา และรอยยิ้ม เท่านั้นก็พอ

“แต่ว่าหนูเต็มใจทำ”

“ผู้หญิงทำอาหารเก่งเกินไป เหนื่อยทั้งชีวิตเลยนะจะบอกให้...ดูอย่างยงนัง วัน ๆ ได้แต่ดูแลผิวพรรณ มือไม่เคยด้าน”

“เพื่อคนที่รัก หนูทำได้ทุกอย่าง...ตอนนี้ เขาเขม่นอุนซองอยู่ ไม่มีทางกินข้าวด้วยกัน”

“อะไรนะ ยูฮังทำงานที่เดียวกันกับอุนซองรึ”

ยงนัง มาปลุกยูฮัง ที่เผลอหลับไปโดยไม่อาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืน ให้รีบตื่นไปทำงาน เมื่อลงมาพบคุณย่ายูฮังสอบถามว่าตนต้องไปทำงานที่ร้านด้วยหรือ เพราะอยากไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ มากกว่า คุณย่าบอกว่าที่ให้ทำที่ร้านเพราะขาดพนักงานชั่วคราว ที่สำนักงานใหญ่ ยังไม่มีตำแหน่งว่าง ครึ่งปีแรก เปิดรับสมัครเต็มอัตราแล้ว

“ถ้าอยากทำที่สำนักงานใหญ่ ไว้ค่อยสมัครตอนครึ่งปีหลัง แต่ถ้าไม่อยากทำงานที่ร้านละก็ ไปหางานทำเอาเอง”

อุนซอง ทวงเงิน 775,900 วอน กับยูฮัง เธอแจกแจงว่าเป็นค่าเหล้า 5 แสน มือถือที่ยูฮังเหยียบพัง สองแสนเจ็ด ค่าแท็กซี่ห้าพัน ค่ารถเมล์อีกเก้าร้อย ยูฮัง บอกว่าตนเองมีเงินเดือนหมื่นเดียวยังจะทวงอีก

อุนซอง ถูกผู้จัดการสั่งให้ช่วยสอนงานวิธีปฏิบัติต่อลูกค้า ให้กับยูฮัง

“ลูกค้าเข้าร้านพูดยินดีต้อนรับครับ ลูกค้ากลับพูดว่า มาอุดหนุนอีกนะครับ กิจิม หัวผักกาดสองจาน กาน้ำร้อน ถ้วยน้ำ ต้องเสิร์ฟลูกค้าทุกครั้ง ผ้าเช็ดโต๊ะที่ยังไม่ล้าง ห้ามนำมาใช้เด็ดขาด...นายฟังฉันอยู่รึเปล่า”

“ฉันไม่ได้หูหนวก”

“พักวันละ 40 นาที แล้วแต่ช่วงเวลา ที่สำคัญห้ามออกนอกร้านเด็ดขาด พร้อมปฏิบัติงานตลอดเวลา”

“พอได้รึยัง” ยูฮังทำหน้าเบื่อ

“นายลุกขึ้น.....พูดซิ ยินดีต้อนรับ”

“อะไร”

“ยินดีต้อนรับค่ะ....ลองพูดซิ”

“ล้อเล่นรึเปล่า”

“ไม่ได้ยินผู้จัดการสั่งรึ ถ้าฉันไม่สอนงานให้นายละก็ บางทีผู้จัดการอาจต้องสอนเองนะ”

“ก็ได้ ว่าต่อไป”

“อ้าว...คู่มือการปฏิบัติงาน ยังมีอีก หลักการทำงานที่ฉันเขียนเอง พรุ่งนี้นายต้องท่องขึ้นใจ วันนี้ฉันสอนมารยาทเบื้องต้นการเสิร์ฟ การเก็บโต๊ะ”

ปั๊กมาหา ยงนังช่วงเวลาพักเที่ยง ถามว่ายูฮังทำงานที่ร้านใช่มั้ย ต่อไปเขาต้องเป็นผู้บริหารทำไมไปฝึกงานที่ร้าน

“เฮ้อ...ไม่รู้แม่สามีฉันคิดยังไง ฉันว่าท่านเองก็ไม่รู้ ยูฮังบอกไม่ชอบทำงานที่ร้าน ท่านก็บังคับให้ไปจนได้” ยงนัง กล่าว

“เห็นว่าเด็กผู้หญิงคนที่อยู่บ้านเธอทำงานที่ร้านไม่ใช่รึ”

“ก็ใช่น่ะสิ ยูฮังเกลียดเขาจะตาย อยู่บ้านก็เจอหน้า ทำงานก็เจอหน้า นอกจากท่านอยากให้สนิทกัน ไม่งั้นคงไม่ทำแบบนี้” ยงนัง กล่าว

“สนิทกันรึ”

ยูฮัง ไม่ยอมกินข้าวร่วมกับพนักงาน ซึงมี ทำอาหารเที่ยงมาให้ ด้านเฮลี และอินยง ก็มาหาอุนซอง ทั้งสามคุยเรื่องที่คุณย่าจะยกสมบัติให้อุนซอง โดยใช้เธอเป็นเครื่องมือ แต่อุนซองปฏิเสธ บอกกับเพื่อนว่า เขาจะช่วยหาอุนยู ยังให้ทำงาน อยู่ฟรีกินฟรีได้สองเด้ง และคุณย่าคงอยากดัดนิสัยหลานชาย

ยูฮัง บอกกับซึงมีว่าตนคงต้องยอมทำตามความต้องการของคุณย่าไปก่อน ต้องมาทำงานที่ร้านและมีอุนซองเป็นคนสอนงาน โดยเป็นคำสั่งผู้จัดการ และคุณย่ากำกับมาอีกที

อุนซองเห็นยูฮัง พักเที่ยงนานเกินเวลาของบริษัทก็มาเตือน ทำให้ยูฮังไม่พอใจ เดินส่ายหน้าออกไป ต่อมาเวลาช่วงเย็นจุนเซมาที่ร้านก็แปลกใจที่เห็นจักรยานของอุนซองจอดอยู่ เมื่อเขาไปที่ร้าน ก็เห็นอุนซอง ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่หลังร้านบริเวณสนามหญ้า อุนซองกำลังปลูกต้นงา โดยเอามาจากนิวยอร์ก ตั้งใจจะปลูกบนดาดฟ้า จุนเซรีบกล่าวขอบคุณที่อุนซองยกโทษให้

ชองยี ยงนัง กลับบ้านมาพร้อมกัน กลัวคุณย่าสงสัยจึงเตี๊ยมกัน ว่าตนไปหาหางานอื่นทำ ส่วนแม่ไปไหว้พ่อที่สุสาน เมื่อเข้ามาถึงบ้าน คุณย่าเรียกทั้งสองมานั่งคุย บอกว่าตนเห็นทั้งสองคนถือถุงใหญ่ออกไปแต่กลับบ้านตัวเปล่า หากค้นเจอเงินในบ้าน และทั้งสองขายเครื่องประดับกิน จะเชิญออกจากบ้านไปทันที

อุนซอง นำรูปถ่ายของอุนยู มาให้พ่อบ้านเพิ่มเติม พ่อบ้านบอกกับอุนซองว่านาย
ท่านสั่งถึงแม้ต้องพลิกแผ่นดิน ก็ต้องตามหาให้เจอ ขอให้รอหน่อย ด้านยงนังกับชองยีหารือ
กันหลังคุณย่ารู้ทัน ชองยีบอกแม่ให้หาวิธีให้ตนไปทำที่ร้านพี่จุนเซ ระหว่างนั้นทั้งสองก็เห็นพ่อบ้านออกมาจากห้องอุนซอง จึงเกิดความสงสัยขึ้นมา

โคพิงจุงเดินทางไปหาข่าวของอุนซองจากที่สถานศึกษาเก่า ก็พบว่าลูกสาวลาออกไปสองปีแล้ว ไม่ได้เรียนต่อ 2 ปีแล้ว อีกด้านอุนซองโทรศัพท์หาซึงมี ขอร้องให้นำอัลบั้มรูปที่มีรูปอุนยู มาให้ เพื่อตามหาอุนยู โดยนัดเจอกันพรุ่งนี้ หลังเลิกงาน หลังจากนั้นผู้จัดการมาถามหายูฮังเพราะเห็นหายตัวไป อุนซอง จึงอาสาเป็นคนตามหาให้ เมื่อเจอตัวก็รีบถามเรื่องงานและวิธีปฏิบัติกับลูกค้า ยูฮังตอบแบบไม่พอใจ อุนซองจึงถามขึ้นว่า

“นายเกลียดฉันมากรึไง”

“ไม่รู้ตัวรึ” ยูฮังตอบ

“ฉันไม่รู้...กระเป๋าใบนั้น นายก็ได้คืนไปแล้วนี่นา น่าจะรู้ ทั้งหมดมันเป็นความเข้าใจผิด”


//www.dailynews.co.th



Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 23:50:00 น.
Counter : 340 Pageviews.

0 comment
มรดกรักฉบับพันล้านวอน วันที่ 7 มีนาคม 2555



“เถอะน่า เธอเลือกใหม่สิ เอาชุดนี้ รู้ขนาดมั้ย”

อุนซองเลือกรองเท้าได้กำลังจะจ่ายเงิน จุนเซบอกเธอว่าจะซื้อให้

“คุณย่าให้เงินฉันมาซื้อ” อุนซอง กล่าว

“อะไรนะ”

“อีกอย่าง ถ้าคุณซื้อให้ ฉันไม่ตามมาหรอก”

“ก็เธอว่า อยากได้ของขวัญไม่ใช่รึ” จุนเซ กล่าว

“ตัวเองอย่างกับรวยนัก ทั้งช่วยหาอุนยู ทั้งซื้อมือถือ ของขวัญอีกรึ...ขอบคุณค่ะ”

ซึงมีพายูฮังมานั่งกินบะหมี่ ยูฮังถามซึงมีว่าอยากได้อะไรอีกจะซื้อให้

“แผนงานที่ให้เขียนเสร็จรึยัง” ซึงมี ถาม

“ยัง”

“ทำไมพี่ไม่ชอบทำงานที่บริษัท ถ้าหากคุณย่าเสีย พี่ต้องรับช่วงธุรกิจต่อไม่ใช่รึ”

“ฉันจะขาย ทำอย่างอื่น”

“พี่ไม่ชอบธุรกิจน้ำซุปรึ”

“ไม่ชอบ”

“แล้วทำไมไม่ชอบล่ะ นี่เป็นธุรกิจที่พ่อพี่กับคุณย่าสร้างมากับมือ”

“นึกถึงพ่อเลยไม่ชอบ”

“นึกถึงพ่อเลยไม่ชอบ หมายความว่าไง”

“ชืดแล้ว รีบกินเถอะ” ยูฮัง พูดเปลี่ยนเรื่อง

“พี่นึกถึงอุบัติเหตุครั้งนั้นใช่มั้ย”

“เฮ้อ...เด็กที่ย้ายมาอยู่บ้านฉัน ไม่เลวร้ายซะทีเดียว ฉันเห็นรูปครอบครัวเขา”

“รูปครอบครัวรึ...เป็นรูป...อะไรหรือคะ”

“เป็นรูปถ่ายเขากับพ่อ ไม่เหมือนหนีออกจากบ้าน คงมีเหตุผลส่วนตัว น่าจะบอกกันก่อน”

อุนซองพาจุนเซมาที่แห่งหนึ่งพร้อมเล่าเรื่องความหลังให้เขาฟัง

“ที่นี่.....เป็นครั้งแรกที่ฉันดื่มเหล้ากับพ่อ พ่อสร้างตัวด้วยมือเปล่า... อายุ 20 ท่านเดินทางมาโซล...ที่โน่นเห็นมั้ย เป็นงานแรกของพ่อที่รับเหมาก่อสร้าง”

“เป็นงี้นี่เอง”

“หลังจากฉันเรียนจบมัธยม พ่อพามาที่นี่ สอนฉันดื่มเหล้าครั้งแรก... มีหมูย่างแกล้มเหล้า”

“เธอจึงอยากมาดื่มเหล้า แกล้มกับหมูย่างใช่มั้ย เพราะคิดถึงพ่อ”

“เฮ้อ...ไม่มีเวลาไปไกลกว่านี้ ฉันต้องรีบกลับให้ทันก่อนร้านปิด”

“ร้านรึ” จุนเซ ถาม

“ฉันอยากส่งนมวัวตอนเช้า ตอนเช้ามีแต่คนทำงาน”

“เธอจะส่งนมรึ”

“ฉันต้องรีบหาเงิน คืนค่าเช่าบ้านให้เฮลี” อุนซอง กล่าว

“ได้เงินเดือนแล้วค่อยคืนให้ก็ได้ งานที่ร้านก็ยืนทั้งวัน เช้ายังจะส่งนมอีก”

“รีบ ๆ หาอุนยูให้เจอ ลำพังเงินเดือนไม่พอจ่ายหนี้หรอก” อุนซอง กล่าว

เซ็งมีลืมมือถือไว้ที่บ้านของยงนัง ยงนังขอให้อุนซองเอามือถือไปคืนให้เพื่อนของเธอที่บ้าน เมื่ออุนซองไปถึงก็พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของเซ็งฮีและซึงมี ซึงมีกลัวความลับจะแตกเรื่องที่แม่โกงสมบัติของอุนซองจึงโกหกว่าเป็นบ้านของพ่อซึงมีที่เก็บไว้ให้เป็นของขวัญวันที่ซึงมีแต่งงาน อุนซองแม้จะไม่เชื่อนักแต่ก็ไม่อยากจะพบปะกับสองแม่ลูกอีก อุนซองยังได้กระเป๋าไปคืนยูฮังด้วย

เซ็งมีมาพบโคพิงจุงและขอร้องให้เขาไปหาที่อยู่ที่อื่นเพราะกลัวตำรวจจับได้เรื่องโกงเงินประกัน และไม่ยินดีที่จะอยู่กับโคพิงจุงอีก ทำให้โคพิงจุงรู้ว่าเซ็งมีเปลี่ยนไปแล้ว เซ็งมีบอกเธอยังไม่พบอุนซองและอุนยู และหากพบจะติดต่อโคพิงจุงผ่านอีเมล โดยที่ไม่ยอมให้เบอร์ติดต่อกับโคพิงจุง โคพิงจุงเสียใจจนหมดแรงและได้จุนเซช่วยไว้

ย่ามีอาการผิดปกติที่ดวงตา หลังจากที่ย่ากลับบ้านแล้วเห็นการใช้ชีวิตของยงนังและชองยีก็รู้สึกอนาถใจขึ้นมา และเมื่อเห็นโครงงานที่ไม่ได้ความของยูฮังและชองยีก็ยิ่งทำให้ย่ารู้สึกผิดหวัง

“ขอบอกว่า เธอสามคน คือคนที่ฉันรักที่สุด ณ ตรงนี้...ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษพวกเธอทุกคน นับแต่นี้ วินาทีนี้ ฉันระงับโครงการทั้งหมดของพวกเธอ หากินกันเอาเอง”

“คุณย่า หมายความว่าไง” ยูฮังตกใจ ไม่ผิดกับทุก ๆ คน

“รวมทั้งหุ้นทั้งหมดของฉันในบริษัท ทรัพย์สินทั้งหมด ฉันขอยกให้.... อุนซองเป็นผู้รับไปทั้งหมด....ฉันจังซุกจา สร้างบริษัทนี้เพื่อเป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลาน”

“จะยกทรัพย์สมบัติ.....ยกให้ใครนะ” ยูฮังตกใจมาก

“เมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดผิด และพวกเธอไม่ฟังผิด ฉันพูดอย่างชัดเจน...สมบัติทั้งหมดยกให้อุนซอง เพราะหลังจากฉันตาย บริษัทจะอยู่ต่อไป...พวกเธอทุกคน ไม่มีใครยอมรับช่วงกิจการฉัน...ฉันจำเป็นต้องตัดสินใจ...ยกให้คนที่ทำได้


//www.dailynews.co.th



Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 23:48:54 น.
Counter : 340 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]