All Blog
รักประกาศิต ตอนที่ 8





ลัคนายิ้มหวานพร้อมกับเดินเข้ามากอดนริศรา นริศรายืนอึ้งเพราะทำอะไรไม่ถูก
“น้องนิดจริงๆด้วย หายไปเลยนะจะติดต่อส่งข่าวให้พี่รู้บ้างก็ไม่ได้ นี่พอยายวันบอกพี่ว่านิดอยู่ที่ไหนพี่ก็รีบมาทันทีเลยนะ”
พูดจบลัคนาก็กอดนริศราอีกครั้ง พิสุทธิ์ถึงกับส่ายหน้าด้วยความเซ็ง แล้วลัคนาก็หันไปหาภูชิชย์
“พ่อเลี้ยงภูชิชย์ใช่ไหมคะ ดิฉันชื่อลัคนา สุริยรักษ์ค่ะ”
พอได้ยินนามสกุลภูชิชย์ก็หันไปหานริศราทันที นริศราหน้าเจื่อนไป
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณลัคนา สุริยรักษ์” ภูชิชย์พูด
ลัคนายิ้ม “ลาวัลย์น้องสาวดิฉันเขาเล่าให้ฟังหมดแล้ว ขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องนิดนะคะ”
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ คุณลัคนาเป็นญาติกับนริศราหรือครับ” ภูชิชย์ถาม
“พี่สะใภ้ค่ะ ที่มาคราวนี้ก็เพราะอยากจะมาดูด้วยว่าน้องนิดอยู่ยังไง คุณณะพี่ชายแกเป็นห่วงน่ะค่ะ”
ภูชิชย์ยิ้ม “คุณลัคนาอยากจะไปเที่ยวที่ไร่ไหมล่ะครับ จะไปพักก็ได้ผมยินดีครับ”
นริศราสะดุ้งด้วยความตกใจที่ได้ยินภูชิชย์ชวนลัคนาไปที่ไร่ ลัคนายิ้มพร้อมกับนิ่งคิดก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่รบกวนขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะเรื่องที่พักน่ะ นา พักโรงแรมคุณโป๊ะจะสะดวกกว่า” ลัคนาหันมาพูดกับพิสุทธิ์ “ยังไงพี่ขอรบกวนอีกนะคะคุณโป๊ะ”
“ได้ครับผมจะจัดการให้” พิสุทธิ์รับปาก
ทันใดนั้น ลาวัลย์ก็เดินเข้ามา ลัคนาหันไปเห็นก็พูดกับทุกคน
“อุ๊ย...ยายวันมาแล้ว”
“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง คุณโป๊ะ เอ่อ...พี่นารู้จัก” ลาวัลย์จะถามแต่ลัคนาชิงสวนขึ้น
“เรียบร้อยจ้ะ พ่อเลี้ยงชวนพี่ไปที่ไร่เรียบร้อยแล้ว” ลัคนาหันไปพูดกับภูชิชย์และพิสุทธิ์ “งั้นนาขอตัวก่อนนะคะ คุณโป๊ะจะกลับโรงแรมเลยหรือเปล่าคะ”
“เอ่อ....ยังครับ ผมจะไปกับนิด” พิสุทธิ์ตอบ
“งั้นอย่าลืมโทรบอกที่โรงแรมให้พี่นาหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ ไปนะคะทุกคน”
ลัคนารีบลากลาวัลย์ที่ไม่ค่อยจะเต็มใจจะไปให้เดินไปกับตน นริศรามองตามด้วยความกลุ้มใจแล้วหันไปมองพิสุทธิ์ พิสุทธิ์ยิ้มปลอบแต่พอนริศราหันไปเห็นภูชิชย์ที่จ้องอยู่เธอก็ถึงกับเครียดทันที

ภูชิชย์กับเจมส์เดินคุยกันอยู่ข้างหน้า ส่วนนริศราและพิสุทธิ์เดินตาม พิสุทธิ์สังเกตว่านริศรามีสีหน้าไม่มีความสุข พอใกล้ที่รถจอดพิสุทธิ์ก็ดึงแขนนริศราให้หยุดเดิน ในขณะที่ภูชิชย์กับเจมส์เดินห่างออกไปข้างหน้า
“เป็นอะไรอ่ะนิด กลัวเหรอ” พิสุทธิ์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ที่จริงเราก็ทำใจแล้วว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่พอรู้ว่ามันใกล้เข้ามาก็อดกลัวไม่ได้” นริศราบอก
“ไม่ต้องกลัวนะ เอาเป็นว่าถ้านิดต้องเสียงานที่นี่ ก็ยังมีงานของเราสำรองแล้วกัน รับรองถ้านิดทำงานที่เชียงใหม่คุณพ่อคุณแม่ของเราไม่รู้แน่นอน”
นริศรานิ่งคิดสีหน้าเครียด
“เอาเป็นว่าถึงตอนนั้นค่อยมาคุยกันก็แล้วกัน” พิสุทธิ์บอก
ภูชิชย์กับเจมส์เก็บของใส่ท้ายรถจนเสร็จ ทั้งสองหันไปเห็นพิสุทธิ์กับนริศรายืนคุยกันอยู่ภูชิชย์ก็เลยเดินไปหา
“ไปคุยกันต่อในรถเถอะ คุยหลายคนสนุกดีออก” ภูชิชย์ชวน
ภูชิชย์ยิ้มนัยตาวาวให้นริศราจนนริศรารู้สึกหวาดหวั่นแล้วเขาก็เดินกลับไปรอที่รถ นริศรากับพิสุทธิ์มองหน้ากันด้วยความเซ็งแล้วเดินตามภูชิชย์ไป

ภูชิชย์ขับรถกลับไร่ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือนั่งเงียบในบรรยากาศที่ชวนอึดอัด
“อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็รู้ว่าเธอมีพี่ชายและพี่สะใภ้” ภูชิชย์พูดขึ้น
นริศรานั่งเงียบ ภูชิชย์ยิ้มกวนๆ แล้วพูดต่อ
“ดูๆแล้วพี่สะใภ้ของเธอเขาก็ดีกับเธอมากนะ เธอหนีที่บ้านมาทำไม” ภูชิชย์เริ่มกวน “หรือเธอติดยา ไม่เป็นไรนะ ฉันพาไปรักษาได้”
“จะบ้าเหรอ หน้าฉันเหมือนคนสิ้นคิดขนาดนั้นหรือไง” นริศราเริ่มรำคาญ
“ใครจะไปรู้ คนเราสมัยนี้ไว้ใจได้ง่ายๆเหรอ”
“นี่พ่อเลี้ยง คุณไม่รู้อะไรอย่าเพิ่งสรุปดีกว่าไหมคะ” นริศราฉุน
“ได้ ฉันจะรอไปถามพี่สะใภ้เธอ”
ภูชิชย์กับนริศราตั้งท่าคล้ายจะทะเลาะกัน พิสุทธิ์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบไกล่เกลี่ย
“ใจเย็นๆครับ อย่าเพิ่งทะเลาะ ค่อยๆคุยกันดีกว่านะครับ”
จู่ๆ เจมส์ก็พูดภาษาไทยคล่องปร๋อออกมา “ถูกของคุณโป๊ะ คนไทยนิสัยดีไม่ทะเลาะกันนะครับ”
ทุกคนอึ้งต่างหันไปมองเจมส์ด้วยความตกใจ
“พูดไทยได้เหรอ” ทั้งสามพูดพร้อมกัน
“ผมเรียนภาษาไทยที่วัดไทยในอเมริกามาหกปี” เจมส์เล่า “พูดได้ เขียนได้ อ่านได้ แต่ด่าไม่คล่องครับ”
เจมส์ยิ้มอย่างสดใสให้กับทุกคน
“เป็นไงครับหยุดทะเลาะกันเลย” เจมส์หันไปพูดกับพิสุทธิ์
พิสุทธิ์ยิ้มแล้วยกนิ้วโป้งให้เจมส์เป็นการขอบคุณที่ทำให้ทั้งสองหยุดทะเลาะกันได้

ลาวัลย์เปิดตู้เย็นในห้องพักของลัคนาที่โรงแรมแล้วหยิบน้ำเปล่าออกมาดื่ม ส่วนลัคนาเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋ามาแขวนที่ตู้
“นึกแล้วยังเสียดาย พี่นาไม่น่ารีบลาพวกนั้น วันยังไม่ได้คุยกับพ่อเลี้ยงเลย” ลาวัลย์ตัดพ้อ
“กลัวเขาไม่รู้ว่าแกชอบหรือไง” ลัคนาพูด ลาวัลย์แอบค้อน “เป็นผู้หญิงน่ะหัดเล่นตัวไว้บ้างนะจะได้มีค่า”
ลาวัลย์ประชด “จ้า....ที่กับนายโป๊ะเห็นพยายามดันน่าดู”
ลัคนายักไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะพูดต่อ
“อ้าว....ก็พี่ยังไม่เห็นไร่นี่ เลยไม่รู้ว่ารวยจริงหรือเปล่า ถ้าวันไหนจับได้ว่า นายนี่รวยกลวงพี่ไม่ยอมให้แกคุยกับเขาอีกแน่”
“พี่นา...นี่มันชีวิตวันนะ ขอวันเลือกทางเดินเองได้ไหม” ลาวัลย์บอก
“ไม่ได้ ฉันไม่อยากให้เหมือนพี่ใหญ่ เห็นไหมรายนั้นเลือกสามีผิดทุกวันนี้ยังต้องมายืมเงินแกเงินฉันอยู่เลย ฉันไม่ยอมให้แกมีแฟนจนเด็ดขาด ไม่ไหวจะดูแลย่ะ” ลัคนาบ่น
ลาวัลย์เซ็ง “อุตส่าห์มาทำงานถึงเชียงใหม่แล้วพี่ยังตามมาควบคุมชีวิตฉันอีก”
ลัคนาค้อนแล้วเดินไปหยิบเครื่องสำอางก์ขึ้นมาวางบนโต๊ะ

ภูชิชย์ นริศรา พิสุทธิ์ยืนอยู่ที่ท้ายรถ เจมส์เอากระเป๋าเดินทางลงมาถือโดยมีนิพนธ์คอยช่วย
“เฮ้อ...โล่งอก แบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย ถ้างั้นผมต้องให้เจมส์สอนภาษาอังกฤษผมด้วยแล้ว” นิพนธ์ถอนหายใจยาว
“ด้วยความยินดีครับพี่นิพนธ์” เจมส์กล่าว
“นั่นๆๆๆ รู้วัฒนธรรมเราด้วยนะ หัดเรียกพี่เรียกน้องไว้แบบนี้คนงานรักตายเลย” นิพนธ์ท่าทางดีใจ
ภูชิชย์พูดกับเจมส์ “พักที่บ้านพักของพี่นิพนธ์นะ มันมีสองห้องนอน แล้วพรุ่งนี้เราค่อยมาว่ากันเรื่องฝึกงาน”
นิพนธ์กับเจมส์ช่วยกันขนของแล้วเดินออกไป
พิสุทธิ์หันมาพูดกับนริศรา “เราไปเที่ยวกันได้แล้วใช่ไหม”
นริศราพยักหน้ารับแล้วจะเดินไปกับพิสุทธิ์ แต่ภูชิชย์รีบเรียกเธอไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไรอีกคะ” นริศราถาม
“ฉันว่าจะปรึกษาเธอเรื่องงานเลี้ยงต้อนรับเจมส์เย็นนี้หน่อย” ภูชิชย์รีบหาเรื่อง
“เราจะมีงานเลี้ยงเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง” นริศรางง
“ฉันก็บอกเธออยู่นี่ไง”
“ไหนคุณบอกวันนี้ฉันแค่ไปรับเจมส์ไง”
“ก็ใช่ แต่พอมาคิดดูอีกที เจมส์เป็นฝรั่ง ถ้าเราไม่มีงานแนะนำ คนงานคงไม่กล้าเข้าหาเจมส์ ตกลงจะช่วยฉันได้ไหม” ภูชิชย์ถาม
นริศราคิดหนักมองหน้าพิสุทธิ์ด้วยความเกรงใจ พิสุทธิ์รีบยิ้มให้ทันที
“ไม่เป็นไรหรอกนิด ไว้เที่ยวกันคราวหน้าก็ได้ แต่วันนี้เราขออยู่ช่วยนิดด้วยนะ”
นริศรายิ้ม “ขอบใจนะโป๊ะ เราไปคุยกับแม่อุ้ยเรื่องอาหารก่อนดีกว่า”
นริศรากับพิสุทธิ์จะเดินไปด้วยกัน
ภูชิชย์ยืนเหวอ “อ้าว...แล้วฉันล่ะ”
ภูชิชย์จะเดินตามไปแต่นริศราหันกลับมามองตาขวางแล้วพูด
“พ่อเลี้ยงไม่ต้องมาหรอกค่ะ คุณให้จัดการแล้ว ฉันจะทำเอง”
พูดจบนริศรากับพิสุทธิ์ก็เดินไปด้วยกัน ภูชิชย์มองตามตาขุ่น
“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ภูชิชย์บ่น

เจ้าทิพย์ดารานั่งเพ้นท์เสื้ออยู่ในห้องเพ้นท์ของเธอ เธอเอากระดาษแข็งรองเสื้อยืดที่วาดลายไว้แล้ว ส่วนโต๊ะด้านข้างมีสีอะครีลิคและแก้วใส่พู่กันตั้งอยู่
สักพักเจ้าดาระกาก็เดินเข้ามา พอเห็นลายเพ้นท์ของบุตรสาวก็ชอบใจ
“เพ้นท์เสื้อใส่เองอีกเหรอลูก”
เจ้าทิพย์ดาราหันมายิ้มให้
“ให้ภูค่ะ” เจ้าทิพย์ดาราตอบแล้วหันไปหยิบพู่กันมาระบายเสื้อ
เจ้าดาระการู้สึกอึดอัดใจ เจ้าทิพย์ดาราเห็นเจ้าแม่เงียบไปก็มองอย่างสงสัย
“เจ้าแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เจ้าพ่อให้มาถามเรื่องที่จะชวนคุณโป๊ะมาทานข้าวที่บ้าน ลูกชวนเขาหรือยัง”
เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “เจ้าแม่คะ น้อยรู้ว่าอยากเชียร์คุณโป๊ะ แต่เขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้วนะคะ”
“อ้าว...มีแฟนแล้วเหรอ” เจ้าดาระกาเพิ่งทราบ
“น้อยก็ยังไม่แน่ใจหรอกนะคะ แต่ดูๆแล้วคุณโป๊ะน่าจะชอบคุณนิดผู้จัดการไร่สุพัฒนา”
“ลูกเคยบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกันนี่”
เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “น้อยแค่รู้สึกตามที่เห็นน่ะค่ะ แต่ถึงยังไงน้อยก็ไม่มองผู้ชายคนอื่นนอกจากภูอยู่แล้ว เจ้าพ่อเจ้าแม่เลิกเชียร์ได้ค่ะ”
เจ้าดาระกามองเจ้าทิพย์ดาราด้วยความเครียด เจ้าทิพย์ดาราเข้ามากอดอ้อนเจ้าแม่ของตัวเอง

เจ้าเทพมงคลยืนมองวิวในไร่ด้วยสีหน้าเครียดอยู่ที่ระเบียง โดยมีเจ้าดาระกายืนอยู่ใกล้ๆ
“พี่จะไม่ปล่อยให้ลูกของเราต้องไปอยู่กับคนที่ยอมให้น้องสาวบงการชีวิตอย่างนั้นเด็ดขาด”
“น้องก็คิดเหมือนกัน ถ้าพ่อเลี้ยงกับลูกเราแต่งงานไป คนที่จะเจ็บปวดและทรมานที่สุดก็คือลูกสาวเรา แต่เราจะทำยังไงล่ะคะ เพราะลูกเรายืนยันหนักแน่นว่าจะรักพ่อเลี้ยงคนเดียว”
เจ้าเทพมงคลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทรออก
“เจ้าพี่จะโทรหาใครคะ” เจ้าดาระกาถาม
“ผู้ว่าฯ พี่จะคุยเรื่องที่เราจะช่วยงานฤดูหนาว”
“แล้วมันจะเกี่ยวกับลูกเรายังไงคะ”
เจ้าเทพมงคลยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร เขากดต่อสายแล้วคุยกับผู้ว่าทันที
“สวัสดีครับท่านผู้ว่าฯ”

ภูชิชย์เดินอย่างหงุดหงิดมานั่งที่โต๊ะทำงาน
“ดีนะ ฉันเป็นเจ้าของไร่ แต่ไม่ให้มีส่วนร่วม แต่กับแฟนตัวเอง ดึงไปช่วยงานซะงั้น” ภูชิชย์บ่น
ภูชิชย์เปิดแฟ้มจะทำงานแต่ก็ต้องปิดแฟ้มลงเพราะความเซ็ง ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ภูชิชย์หยิบมาดูเห็นชื่อเจ้าทิพย์ดาราก็รีบกดรับ
“สวัสดีครับเจ้า”
เจ้าทิพย์ดารานั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องเพ้นท์เสื้อ
“ภูไปรับนักศึกษาฝึกงานมาหรือยังคะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“งั้นเราจะเจอกันกี่โมงดีคะ”
“กี่โมง” ภูชิชย์งงแล้วเขาก็นึกได้ “โอ๊ย....ตายแล้ว ผมขอโทษครับเจ้า วันนี้ผมคงพาเจ้าไปดูหนังไม่ได้แล้ว”
เจ้าทิพย์ดาราหน้าเสีย “อ้าว...ทำไมล่ะคะ หรือว่าคุณเล็กเธอไม่ยอมให้ไป”
“เปล่าหรอกครับ พอดีตอนเย็นเราจะมีงานเลี้ยงต้อนรับเจมส์เขาน่ะครับ”
“ภูไม่เห็นบอกเรื่องนี้กับน้อยเลย”
“เอ่อ ผมขอโทษครับ...พอดี...เราเพิ่งแพลนกันน่ะครับ ถ้ายังไงผมขอเชิญเจ้าด้วยนะครับ”
“เอ่อ...ได้ค่ะ น้อยจะไปร่วมงาน”
เจ้าทิพย์ดาราวางสายแล้วนิ่งคิด
“ภูลืมนัดน้อยเหรอคะ” เจ้าทิพย์ดาราตัดพ้อกับตัวเอง
ภูชิชย์นั่งบ่นถึงนริศราอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา
“ไม่รู้ยัยนั่นทำงานเละไปถึงไหนแล้ว”

ลูกมือของแม่อุ้ยกำลังเตรียมข้าวของสำหรับทำกับข้าวอยู่ในโรงครัว พรตำน้ำพริก แม่อุ้ยยืนเคี่ยวแกง ภูชิชย์เดินเข้ามาในโรงครัวแล้วมองไปทั่วๆ พอเห็นทุกคนวุ่นวายเขาก็มองหานริศราแล้วก็เห็นนริศรากับพิสุทธิ์ช่วยกันล้างผักเตรียมหมูเตรียมเนื้ออย่างสนุกสนาน ภูชิชย์เดินเข้าไปหาทั้งคู่แล้วถามขึ้นทันที
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
ทุกคนชะงักแล้วมองภูชิชย์เป็นตาเดียว บรรยากาศในโรงครัวเงียบกริบขึ้นมาทันที
ภูชิชย์พูดกับทุกคน “เอ่อ...ก็ คือ ฉันกลัวจะเสร็จไม่ทัน”
“แต่พ่อเลี้ยงไม่เคยทำครัวนี่คะ” แม่อุ้ยงง
“มันจะยากอะไรแม่อุ้ย” ภูชิชย์พูด
“แต่มันก็ไม่ง่ายนะครับ คนไม่เคยทำอาหารอาจจะไม่ชอบ” พิสุทธิ์บอก
“งั้นก็ให้ ผู้จัดการคนเก่งผมเขาสอนแล้วกัน” ภูชิชย์หาเรื่อง
นริศรางง “ฉันเหรอ”
ภูชิชย์ยักคิ้วกวนๆ ให้นริศรา

ปังตอสับลงมาบนเขียงเต็มแรง นริศราถือปังตอที่เพิ่งสับในมือด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ภูชิชย์เห็นถึงกับทำหน้าแหยงๆ บนโต๊ะมีเนื้อหมู เนื้อไก่ และผักสีสันสวยงามวางอยู่เต็มไปหมด
“ถ้าอยากช่วย พ่อเลี้ยงก็หั่นหมูให้เป็นชิ้นลูกเต๋าก็แล้วกัน ทำได้ไหมคะ” นริศราถาม
“ก็ไม่น่ายาก” ภูชิชยืพูดจบก็จะหั่นหมูออกเป็นครึ่งชิ้น
นริศรารีบจับมือภูชิชย์ยั้งไว้ “นี่พ่อเลี้ยง หั่นชิ้นพอคำสิ หั่นชิ้นใหญ่อย่างนั้นจะทานเข้าไปยังไง เป็นมั้ยเนี่ย ถามจริง”
ภูชิชย์มองที่มือนริศราที่กำลังจับมือตนไว้ นริศรามองตามแล้วรีบปล่อยด้วยความเขิน แล้วทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงแม่อุ้ยดังขึ้น
“โอ้โฮ คุณโป๊ะ อย่างกับมืออาชีพแน่ะ”
ภูชิชย์กับนริศราหันไปเห็นแม่อุ้ยกำลังดูพิสุทธิ์ซอยผักอย่างมืออาชีพ ภูชิชย์เห็นก็ได้แต่อึ้ง
“ตอนเรียนอยู่อเมริกาผมต้องทำอาหารทานเองน่ะครับ” พิสุทธิ์เล่า “แล้วก็เคยฝึกงานในโรงแรมที่นั่น ก็เลยพอทำเป็นบ้าง”
“งานนี้แม่อุ้ยก็หายห่วงได้เลยนะคะ โป๊ะเขามืออาชีพ” นริศราบอก
“คุณนิดเคยอยู่อเมริกากับคุณโป๊ะเหรอคะ” พรถามขึ้น
นริศรากับพิสุทธิ์อึ้ง นริศราเห็นภูชิชย์เหลือบมองอยู่ก็รีบปฏิเสธทันที
“เอ่อ...เปล่าหรอกจ้ะพร”
ภูชิชย์หยุดหั่นหมูแล้วมองนริศราไม่วางตา
“พ่อเลี้ยงคะ ถ้าทำไม่เป็นก็อย่าเกะกะเลย ให้ฉันกับโป๊ะช่วยก็พอแล้ว” นริศราพูดขึ้น
ภูชิชย์ยักไหล่ “ฉันจะทำ ทีเธอทำไร่ทำสวนไม่เป็น ฉันยังให้โอกาสเลย เพราะฉะนั้นเธอต้องคอยสอนฉัน”
ภูชิชย์ยิ้มกวนๆ นริศรากัดปากด้วยความเจ็บใจ

สุพัฒนากับบัวเกี๋ยงเดินเข้ามาในห้องทำงานของภูชิชย์
“ไหนแกบอกพี่ภูกลับมาตั้งนานแล้วไง แล้วนี่ไปไหน” สุพัฒนาถาม
“กลับมาแล้วจริงๆนะคะ ก็พวกในไร่ยังบอกว่าเห็นคุณนิพนธ์พาฝรั่งไปพักที่บ้านผู้จัดการเลย” บัวเกี๋ยงบอก
“งั้นพี่ภูอยู่ไหนล่ะ”
บัวเกี๋ยงส่ายหน้า “บัวเกี๋ยงก็ไม่ทราบค่ะ”
“โอ๊ย...แกนี่ใช้อะไรไม่ได้เรื่อง ดีแต่โง่ไปวันๆ”
สุพัฒนาเดินไปยกหูโทรศัพท์บนโต๊ะภูชิชย์เพื่อจะกดโทรออกแต่เธอเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของภูชิชย์วางอยู่บนโต๊ะ
“สงสัยพ่อเลี้ยงคงอยู่แถวนี้แหล่ะค่ะถึงไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย” บัวเกี๋ยงพูด
“งั้นแกก็ไปตามหาพี่ภูสิ บอกว่ามาพาฉันไปซื้อของที่เชียงใหม่หน่อย”
“แล้วบัวเกี๋ยงจะไปตามหาที่ไหนล่ะคะคุณเล็ก”
“แกจะไปหาที่ไหนก็เรื่องของแก” สุพัฒนาตวาด “ไปสิ”
สุพัฒนาตบโต๊ะจนบัวเกี๋ยงสะดุ้งแล้วรีบเดินออกไปทันที

แม่อุ้ยกับพรช่วยกันตำน้ำพริกและทำอาหารเหนือ ภูชิชย์พยายามหั่นหมู นริศราเหลือบมองแล้วก็แอบขำ พอภูชิชย์หันมาเธอก็ทำเป็นเคี่ยวน้ำซอส
พิสุทธิ์หั่นผักเสร็จแล้วก็เข้ามาช่วยนริศรา ภูชิชย์ก็มาช่วยด้วยแต่ทำซอสหกผิดกับพิสุทธิ์ที่ทำได้อย่างคล่องแคล่ว
ภูชิชย์ยืนทำสมาธิอยู่หน้าเตา แล้วเขาก็ลงมือหยิบกุ้ง หยิบผัก และเครื่องปรุงต่างใส่กระทะจากนั้นก็ผัดอาหารอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจราดไวน์ใส่กระทะ แต่ราดเยอะเกินไปทำให้ไฟลุกพรึ่บ นริศรารีบดึงภูชิชย์เข้ามากอดเพื่อหลบไฟ
ภูชิชย์กับนริศรามองหน้ากัน ภูชิชย์แอบยิ้ม นริศราเห็นภูชิชย์ยิ้มก็ทำเป็นหงุดหงิดกลบความเขินก่อนจะไล่ภูชิชย์ให้ออกไป แต่ภูชิชย์จะไม่ไป นริศราจึงดันหลังเขาให้ออกไปจากครัว
นริศรากลับมาจัดการผัดต่อเอง เธอรู้สึกแปลกจึงหันหลังกลับไปดูก็เห็นภูชิชย์ยืนดูอย่างตั้งใจ นริศราสะดุ้งที่เห็นภูชิชย์ แต่เธอก็หันกลับไปผัดต่อด้วยสีหน้าละเหี่ยใจ ภูชิชย์แอบมองนริศราจากด้านหลังจู่ๆ ก็เผลออมยิ้ม
นริศรายกถาดหมูที่หมักแล้ว พริก ผลไม้ แล้วจานใส่ไม้เสียบให้ภูชิชย์ จากนั้นเธอก็เสียบบาบีคิวให้ดูเป็นตัวอย่าง บัวเกี๋ยงมายืนแอบดูทั้งคู่ด้วยความรู้สึกอย่างหึงหวงจับใจ

บัวเกี๋ยงกลับมายืนรายงานให้สุพัฒนาฟัง สุพัฒนาหอบถี่ด้วยความโกรธ
“บัวเกี๋ยงละแทบทนไม่ไหวอยากจะเอาถังขยะครอบหัวมันจริงๆ มันน่ะทั้งอ่อยทั้งจับมือพ่อเลี้ยงแล้วยังมีกอดกันด้วยนะคะ”
“นี่มันกล้ากอดพี่ภูเหรอ” สุพัฒนาโมโห
ใช่ค่ะ ทั้งกอด ทั้งส่งสายตาหวานหยดเยิ้มเลยค่ะ บัวเกี๋ยงกระดากปากไม่อยากจะเล่า นี่ขนาดผัวมันยืนหัวโด่อยู่ด้วยทั้งคนนะคะ”
“แล้วผัวมันก็ยอมให้เมียมันทำแบบนี้น่ะเหรอ”
“อู๊ย ทำไมจะไม่ยอมล่ะคะ บัวเกี๋ยงละรู้ไส้ไอ้คนพวกนี้ดีเลยค่ะ ถึงจะเป็นผัวเมียกันแต่ก็บอกชาวบ้านว่าไม่มีอะไร เพราะมันคิดจะปอกลอกพ่อเลี้ยงไงล่ะคะ” บัวเกี๋ยงใส่ไฟ
สุพัฒนาเริ่มหอบหนักขึ้น “นังนิด ฉันอยากจะฆ่าแกนัก”
สุพัฒนาหอบหนักพร้อมกับกำมือแน่นด้วยความแค้น

นริศรากำลังชิมอาหารที่ทำเสร็จแล้วอยู่กับพิสุทธิ์ แม่อุ้ยกำลังเคี่ยวอาหารอยู่ที่เตาแต่ก็มองทั้งคู่อย่างเอ็นดู แล้วแม่อุ้ยก็ยิ้มกับพร ส่วนภูชิชย์กำลังเอาหมู มะเขือเทศ พริกหยวกเสียบไม้พร้อมกับแอบมองทั้งสองอย่างไม่พอใจ
ทันใดนั้นสุพัฒนาก็พุ่งเข้าไปผลักนริศราจนอาหารหกเลอะเสื้อ บัวเกี๋ยงวิ่งตามมายืนอยู่ข้างๆ ภูชิชย์
ทุกคนที่อยู่ในครัวชะงักไปทันที
พิสุทธิ์พูดกับสุพัฒนา “นี่มันอะไรกันคุณ ของขึ้นหรือไง”
“ปากดีนักนะ ไอ้พวกสิบแปดมงกุฎ ไม่มีทางที่พวกแกจะมาหลอกพี่ฉันได้” สุพัฒนาเสียงดังลั่น
“คุณเล็กใครจะมาหลอกพี่” ภูชิชย์งง
“ก็ไอ้สองคนผัวเมียนี่ไงคะ พี่ภูรู้ไว้เลยนะว่าพวกมันกำลังวางแผนจะปอกลอกพี่ภู”
“คุณเล็กเอาอะไรมาพูดคะ หรือว่ามีใครไปฟ้องคุณอีก” นริศราพูดแล้วก็หันไปมองบัวเกี๋ยง
บัวเกี๋ยงรีบหลบตาแล้วทำเป็นมองไปทางอื่น แต่ก็ไปเจอสายตาของแม่อุ้ยกับพรที่มองมาอย่างรู้ทัน บัวเกี๋ยงจึงก้มหน้านิ่ง
“ไม่ต้องมีใครมาฟ้องฉันก็รู้ว่าแกกับผัวแกคิดจะทำอะไร แกกำลังหาทางใช่เสน่ห์มารยาหลอกให้พี่ภูรักใช่ไหม เก่งนะผัวยืนทนโท่อยู่นี่ก็ยังกล้าทำ” สุพัฒนาโวยวาย
“นี่คุณเล็ก ถึงคุณจะเป็นเจ้านายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไร้มารยาทกับฉันได้นะคะ” นริศราเตือน
“อีบ้า นี่แกกล้าด่าฉันเหรอ”
สุพัฒนาจะเข้าไปตบนริศราแต่พิสุทธิ์มาขวางไว้ ภูชิชย์รีบถอดถุงมือพลาสติกออกแล้วเข้าไปขวางด้วย “คุณเล็ก หยุดนะ”
“พี่ภูนั่นแหล่ะหยุด วันนี้คุณเล็กจะกระชากหน้ากากของไอ้สองผัวเมียนี่ออกมา”
พูดจบสุพัฒนาก็ผลักพิสุทธิ์จนเซไปแล้วเข้าไปดึงนริศรามาจะตบแต่นริศราปัดป้องแล้วก็ผลักสุพัฒนาออก
“กรี๊ดดด นังนิด แกผลักฉัน” สุพัฒนาหันไปสั่งบัวเกี๋ยง “บัวเกี๋ยงตบมันสิ”
บัวเกี๋ยงจะเข้าไปตบแต่พิสุทธิ์รีบเข้ามาหานริศราแล้วจ้องหน้าบัวเกี๋ยงจนบัวเกี๋ยงต้องชะงัก ส่วนภูชิชย์รีบเข้าไปขวางน้องสาวเอาไว้
“คุณเล็ก หยุดนะ” ภูชิชย์ตวาด
“พี่ภู มาดุคุณเล็กทำไม ด่าพวกมันสิ พวกมันจะปอกลอกสมบัติพวกเรา”
“คุณเล็กกลับไปเถอะ” ภูชิชย์บอก
“พี่ภู ทำไมไม่ฟังคุณเล็ก”
ภูชิชย์เสียงดุ “พี่บอกให้กลับไป บัวเกี๋ยงพาคุณเล็กกลับไปสิ”
สุพัฒนาตกใจ “นี่..นี่พี่ภู...พี่ภูไล่คุณเล็ก”
สุพัฒนาทำเป็นหอบแล้วกรี๊ดลั่น ก่อนจะร่วงลงไปกับพื้นแล้วตั้งท่าจะชักแต่พอวางมือไปที่พื้นสุพัฒนาก็รู้สึกเหนียวเหนอะ
“อ๊าย นี่มันน้ำมันนี่” สุพัฒนาร้องออกมาอย่างรังเกียจ
“ไม่ชักแล้วเหรอคะ” นริศราแกล้งถาม
“นังนิด แกแกล้งฉันเหรอ”
“ใครจะไปแกล้งคุณ ครัวทุกที่ก็มีไอน้ำมันทั้งนั้น”
“นังนิด นังบ้า ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ”
สุพัฒนาจะเข้าไปตบนริศราแต่ภูชิชย์ดึงแขนน้องสาวไว้
“ไปกับพี่”
พูดจบภูชิชย์ก็ลากสุพัฒนาออกไปทันที บัวเกี๋ยงยืนอยู่เห็นทุกคนจ้องหน้าอย่างเอาเรื่องจึงรีบวิ่งออกไปด้วย

ภูชิชย์ลากสุพัฒนาที่พยายามดิ้นหนีออกมาตามทางเดินหน้าโรงครัว
“ปล่อยคุณเล็ก พี่ภูเข้าข้างมัน ไม่เข้าข้างคุณเล็ก”
“คุณเล็ก ถ้าคุณเล็กทำถูก พี่อยู่ข้างคุณเล็กอยู่แล้ว แต่นี่คุณเล็กไปหาเรื่องนริศรา”
“ก็มันหลอกล่อพี่ภูมาที่ครัวนี่”
“หลอกล่อที่ไหน เราจะมีงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาฝึกงาน ทุกคนก็มาช่วยทำอาหารจัดงาน คุณเล็กน่าจะถามก่อนไม่น่าวู่วามเลย”
“ใช่สิ คุณเล็กผิด กี่ครั้งแล้วที่พี่ภูว่าคุณเล็ก บอกคุณเล็กมาตรงๆดีกว่าพี่ภูชอบมัน”
ภูชิชย์อึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“คุณเล็ก เลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว พี่มีเจ้าน้อยคุณเล็กก็รู้”
“เหรอคะ แต่นับวันพี่ภูก็ยิ่งแคร์มันมากกว่าคุณเล็ก ไม่ใช่สิคะ พี่ภูแคร์ทุกคนทั้งนังเจ้าน้อย นังนิด แต่พี่ภูไม่แคร์คุณเล็ก”
“คุณเล็ก มันไม่ใช่อย่างนั้น”
สุพัฒนาตวาด “ไม่ต้องพูด พี่ภูแคร์พวกมันมากก็ไปอยู่กับพวกมันสิ ไปเล้ย”
สุพัฒนาร้องไห้โฮแล้วผลักภูชิชย์
“ไปสิ ไปให้พ้น”
สุพัฒนาวิ่งร้องไห้ออกไป บัวเกี๋ยงออกมาจากที่ยืนแอบดูอยู่แล้วเดินไปหาภูชิชย์
“พ่อเลี้ยงเป็นยังไงมั่งคะ”
“ไปดูคุณเล็กไป” ภูชิชย์บอก
“แต่ว่าบัวเกี๋ยงก็ห่วงพ่อเลี้ยงนะคะ”
“ฉันบอกให้ไปดูคุณเล็ก”
บัวเกี๋ยงหน้างอแล้วเดินสะบัดออกไป ภูชิชย์มองตามน้องสาวตัวเองด้วยสายตาเป็นกังวล

นริศรานั่งเซ็งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว สักพักพิสุทธิ์ก็เดินเข้ามาปลอบ
“นิด โอเคหรือเปล่า”
นริศรายิ้มเศร้าๆ “ไม่เป็นไรหรอก จะว่าไปเราก็ชินแล้ว”
“เราไม่เข้าใจ ทำไมนิดต้องมาทนมาอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่ดีกับนิดด้วย นิดไปทำงานกับเราไม่ดีกว่าเหรอ”
“โป๊ะ ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่ที่เราทนอยู่ทุกวันนี้ เพราะนี่เป็นงานเดียวที่เราหาได้ด้วยตัวเอง แล้วคนที่ไม่ดีกับเราเอาเข้าจริงก็มีไม่กี่คน”
“แต่ไม่กี่คนของนิดน่ะคือเจ้าของที่นี่นะ” พิสุทธิ์พูด
ภูชิชย์เดินเข้ามา
“นริศรา ฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ”
นริศราหันไปมองภูชิชย์ ภูชิชย์ถอนหายใจด้วยความหนักใจ ส่วนพิสุทธิ์มองนริศราด้วยแววตาเป็นห่วง
ภูชิชย์ยืนคุยกับนริศราด้วยความรู้สึกผิดที่มุมหนึ่งในไร่
“ดูท่าทางโป๊ะจะเป็นห่วงเธอมากนะ” ภูชิชย์บอก
“นี่พ่อเลี้ยงแอบฟังเราคุยกันเหรอ” นริศราถามฉุนๆ
“ใครว่าฉันแอบ ก็เธอคุยในที่โล่งซะขนาดนั้น ฉันก็บังเอิญได้ยินน่ะสิ”
นริศราค้อน “นี่คือเรื่องที่พ่อเลี้ยงเรียกฉันมาคุยใช่ไหมคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะไปทำอย่างอื่น”
“เดี๋ยวสิ ฉันมีอีกเรื่อง”
นริศรากำลังจะเดินไปแต่ก็หยุดรอฟัง
“ที่คุณเล็กทำกับเธอน่ะ ฉันขอโทษนะที่เป็นต้นเหตุ”
“เรื่องที่ผ่านไปแล้วฉันไม่อยากจะคิดหรอกค่ะ แต่ถ้าพ่อเลี้ยงรู้ว่าฉันลำบากใจก็ดีแล้ว”
“ฉันก็มาขอโทษแล้วไง” ภูชิชย์บอก
“แต่ฉันว่าขอโทษ ไม่น่าจะแก้ปัญหาอะไรได้มาก”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
“ฉันอยากให้พ่อเลี้ยงอยู่ห่างๆฉันหน่อย เพราะฉันรู้สึกว่าคุณมาใกล้ฉันทีไรเป็นเรื่องทุกที ฉันเลยคิดว่าเราอยู่ไกลๆกันจะดีที่สุด”
“ฮึ....ทำไม กลัวแฟนเธอเข้าใจผิดละสิ” ภูชิชย์ตัดพ้อ
“ฉันกับโป๊ะเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ” นริศราย้ำ
“ตกลงยังไงกัน นายวัสเธอก็บอกไม่คิดอะไร นายโป๊ะก็ไม่ใช่แฟน เธอหลอกอะไรฉันหรือเปล่าเนี่ย”
นริศราถอนใจ “แล้วทำไมฉันจะต้องมานั่งอธิบายเรื่องพวกนี้กับคุณด้วย เอาเป็นว่าพ่อเลี้ยงจะทำตามที่ฉันขอร้องได้หรือเปล่า”
ภูชิชย์พยายามนึก “เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่ฉันขอว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คุณก็อยู่ห่างๆฉันได้ไหม เราจะได้ไม่ต้องมีปัญหากับคุณเล็กอีกไงคะ”
ภูชิชย์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา “ตกลง..ต่อไปนี้ฉันจะอยู่ห่างๆเธอ...สบายใจได้”
นริศรายิ้ม “ขอบคุณค่ะพ่อเลี้ยง”
ภูชิชย์มองหน้านริศราสักครู่แล้วก็เดินออกไป นริศราหันหลังเดินกลับ
ภูชิชย์กับนริศราเดินแยกไปคนละทาง แต่ภูชิชย์หันกลับมามองนริศราแป๊บนึงก่อนจะเดินต่อ

สุพัฒนาเดินมาตามทาง โดยมีบัวเกี๋ยงเดินตามมาห่างๆ ด้วยความหงุดหงิด
“คุณเล็กจะเดินไปไหนคะ” บัวเกี๋ยงถาม
“เรื่องของฉัน”
“เอ่อ...แล้วทิ้งพ่อเลี้ยงมาแบบนี้จะดีเหรอคะ”
“อีบัวเกี๋ยง ถ้าแกไม่หุบปาก ฉันจะให้แกกินดินแทนข้าวมื้อเย็น”
บัวเกี๋ยงหุบปากพร้อมกับหน้างอทันที ทั้งสองเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงแปลงดอกไม้
สุพัฒนาชะงักมองด้วยความสงสัย บัวเกี๋ยงเดินมาดูด้วย
“นี่ใครมาทำแปลงดอกไม้ของฉัน” สุพัฒนาถาม
“บัวเกี๋ยงก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเป็นคนในไร่ก็ไม่น่าจะมีใครกล้ามายุ่งนอกจาก.....” บัวเกี๋ยงกำลังจะพูดต่อแต่สุพัฒนาพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“พี่ภูเหรอ นี่พี่ภูทำให้ฉันเหรอ” สุพัฒนายิ้ม
ทันใดนั้นทั้งสองก้ได้ยินเสียงนิพนธ์ที่กำลังอธิบายให้เจมส์ฟัง “บริเวณตรงนี้ก็จะเป็นแปลงดอกไม้ของคุณเล็กน้องสาวของพ่อเลี้ยงครับ”
นิพนธ์พาเจมส์เดินเข้ามาที่แปลงดอกไม้พอเห็นสุพัฒนากับบัวเกี๋ยงเขาก็อึ้งไป
“คุณเล็ก”
“นิพนธ์ พี่ภูทำแปลงดอกไม้ให้ฉันใหม่ใช่ไหม” สุพัฒนาถาม
นิพนธ์อึกอักพยายามคิดหาคำตอบ “เอ่อ...คือ....”
“จะพูดอะไรก็พูดออกมาสิ” สุพัฒนาว่า
นิพนธ์ยิ้ม “คุณเล็กชอบไหมครับ”
สุพัฒนามองแปลงดอกไม้แล้วเริ่มยิ้มอย่างมีความสุข เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ ดอกไม้แล้วนั่งดู
“ดอกไม้สวยดีนะ ถ้าเสร็จหมดคงสวยน่าดู” สุพัฒนายื่นมือจะจับดอกไม้แต่แล้วก็นึกได้ว่ามือเลอะ “บัวเกี๋ยง มือฉันเลอะ”
บัวเกี๋ยงหันซ้ายหันขวา “แล้วจะให้บัวเกี๋ยงทำไงล่ะคะ”
นิพนธ์เดินไปหยิบสายยางแล้วเปิดก๊อกน้ำ จากนั้นเขาก็ดึงสายยางไปหาสุพัฒนา สุพัฒนาล้างมือแล้วนั่งดูดอกไม้อย่างมีความสุข นิพนธ์มองด้วยแววตามีความสุข พอสุพัฒนาเห็นเจมส์ก็สงสัย
“แล้วนี่ใคร” สุพัฒนาถาม
“ผมเจมส์ครับ นักศึกษาฝึกงาน”
สุพัฒนาฉุนขึ้นมาทันที “เธอนี่เองตัวต้นเหตุ รู้ไหมว่ามาถึงก็ก่อเรื่องเลย”
พูดจบสุพัฒนาก็เดินกลับไปด้วยความโมโห บัวเกี๋ยงรีบวิ่งตามไป เจมส์มองตามอย่างงงๆ
“นี่ใครครับพี่นิพนธ์ มาถึงก็ดุผมเลย”
“คุณเล็ก น้องสาวคนเล็กของพ่อเลี้ยงครับ” นิพนธ์บอก

มัลลิกานั่งดื่มกาแฟอยู่กับเพื่อน 2 คนในร้านกาแฟสุดหรู
“มอลลี่ ยูเลิกยุ่งกับพี่วัสไปจะดีกว่าไหม” เพื่อนคนที่หนึ่งบอก
“ทำไมต้องเลิก” มัลลิกาถามกลับ
“คราวที่แล้วเขาว่ายูเสียๆหายๆนะ”
“นั่นสิ ยัยคุณเล็กบอกจะบังคับพี่ชายได้ แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรสักอย่าง” เพื่อนอีกคนเสริม
“ก็เพราะคุณเล็กไม่ทำนี่ไง ไอถึงต้องทำเอง” มัลลิกาบอก
“มอลลี่ ยูก็ไม่ใช่ว่าขี้เหร่ สวยๆอย่างนี้หาเอาใหม่ก็ได้”
“ไอก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าสวยอย่างไอหาผู้ชายได้ไม่ยาก แต่ไออยากได้พี่วัส” มัลลิกายืนยัน
เพื่อนๆ ได้ยินก็พากันเหนื่อยใจ
“ความรักที่ได้มาจากการเอาชนะจะมีความสุขเหรอ” เพื่อนถามขึ้น
มัลลิกายักไหล่ “สุขไม่สุขไม่รู้ รู้แต่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้” มัลลิกาพูดเน้น “ไม่ได้ แล้วตกลงจะช่วยไหม”
“ก็ต้องช่วยสิ ยังไงเราก็เพื่อนกัน” เพื่อนของมัลลิกาพูดแล้วหยิบกระดาษที่จดอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าส่งให้มัลลิกา “นี่น่ะมือดีที่สุดที่หาได้เลยนะ”
มัลลิกานั่งอ่านกระดาษใบนั้นด้วยสีหน้ามีความสุข

ภูชิชย์ที่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วเดินลงมาที่ห้องรับแขกก็ต้องแปลกใจที่เห็นสุพัฒนาที่เปลี่ยนชุดใหม่นั่งยิ้มรออยู่ พอเห็นพี่ชายสุพัฒนาก็วิ่งเข้าไปกอดจนภูชิชย์ถึงกับงง
“เอ่อ...คุณเล็กหายโกรธพี่แล้วเหรอ” ภูชิชย์งง
“เพราะแปลงดอกไม้ที่พี่ภูทำให้ไงคะ พอคุณเล็กเห็นคุณเล็กก็หายโกรธเลย” สุพัฒนาบอก
ภูชิชย์ตกใจ “แปลงดอกไม้ คุณเล็กเห็นแล้วเหรอ”
“แต่คุณเล็กดีใจแค่เรื่องดอกไม้นะคะ ส่วนเรื่องนังนิดนัง คุณเล็กจะหายโกรธก็ต่อเมื่อพี่ภูรับปากว่าจะอยู่ห่างจากมัน”
“คุณเล็กไม่ต้องห่วงหรอก นริศราเขาก็ไม่ได้อยากอยู่ใกล้พี่สักเท่าไหร่”
“เช๊อะ คุณเล็กไม่เชื่อมันหรอก ยังไงพี่ภูก็อย่าไปยุ่งกับมันนะคะ”
ภูชิชย์ยิ้มรับ
“เดี๋ยวพี่จะไปงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาหน่อยนะ คุณเล็กไปด้วยกันไหม”
“ไม่ค่ะ แล้วพี่ภูก็ไม่ต้องไปหรอก อยู่เป็นเพื่อนทานข้าวกับคุณเล็กนะคะ”
“คุณเล็ก เราเป็นเจ้าของไร่ยังไงก็ต้องไป” ภูชิชย์บอก
“พี่ภู ทำไมคะ พอคุณเล็กอารมณ์ดีทีไรพี่ภูต้องทำให้มันเสียด้วย พี่ภูอยากไปอยู่กับมันนักใช่ไหม”
“คุณเล็ก ฟังพี่บ้างสิ”
“ไม่ฟัง พี่ภูจะไปไหนก็ไป”
สุพัฒนาเดินกระทแกเท้าขึ้นข้างบน ภูชิชย์ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ

ซุ้มหน้างานเลี้ยงต้อนรับเจมส์ตกแต่งด้วยเถาวัลย์ ภายในงานมีอาหารบุปเฟ่ต์ มีเตาปิ้งบาร์บีคิว และมีผลไม้ของไร่สีสันสวยงามวางอยู่เต็มไปหมด ลุงปั๋นและคนงานชายอีกคนกำลังช่วยกันติดไฟประดับ
พรกับแม่อุ้ยยกถาดอาหารมาวางที่โต๊ะเพิ่มเติม บัวเกี๋ยงเร่เข้ามาดูอาหาร
“กินเข้าไปจะตายไหมเนี่ย” บัวเกี๋ยงเบะปาก
พรหมั่นไส้จึงวางถาดอาหารดังโครมแล้วก็ถกแขนเสื้อ
“กินอาหารคุณนิดน่ะไม่ตายหรอก แต่มันจะตายเพราะปากไปกินอย่างอื่น”
“อีพร เดี๋ยวนี้ชักแรงนะแก” บัวเกี๋ยงด่า
แม่อุ้ยเดินเข้ามา “แล้วเอ็งเบาลงเหรอ นับวันจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆนะ อย่าให้ข้าเหลืออดนะ แม่จะเอาตะหลิวยัดปากสักวัน”
“เชอะ ไอ้พวกเลือกนายผิด สักวันอีบัวเกี๋ยงจะทำให้กระเด็นพ้นหูพ้นตาเลย”
ระหว่างนั้นคนงานหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาบัวเกี๋ยง
“พี่บัวเกี๋ยง คุณเล็กบอกให้มาตามพี่ไปอยู่เป็นเพื่อน”
“อะไรวะ...นี่คุณเล็กไม่มางานเหรอ” บัวเกี๋ยงเซ็ง
คนงานหญิงส่ายหน้า บัวเกี๋ยงมองอาหารบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิด
“ไง...รอดตายแล้วสิพี่บัวเกี๋ยง หน้าตาดูสบายใจดีนะ” พรจิก
บัวเกี๋ยงเดินเชิดหน้าออกไป แม่อุ้ยกับพรมองตามด้วยความหมั่นไส้
“อีบัวเกี๋ยงมันต้องโดนอย่างนี้ ตินักด่านัก อดกินเลยสม” แม่อุ้ยสะใจ

ท้องฟ้าโดยรอบเริ่มมืดลง พวกคนงานนั่งกินข้าวและพูดคุยกัน บางคนเดินมาตักอาหาร แม่อุ้ย กับพรช่วยปิ้งบาบีคิวให้คนงาน ลุงปั๋น ผล นั่งเฮฮาอยู่กับเหล่าคนงานชาย
ภูชิชย์ นริศรา นิพนธ์ พิสุทธิ์ เจ้าทิพย์ดารา และเจมส์นั่งอยู่ร่วมโต๊ะเดียวกัน พิสุทธิ์คอยหั่นอาหารส่งให้นริศรา นริศราส่งทิชชู่ให้พิสุทธิ์ ภูชิชย์แอบมองด้วยแววตาเขม่น
“งานออกมาน่ารักดีนะคะภู” เจ้าทิพย์ดาราชม
ภูชิชย์นิ่งเงียบจนเจ้าทิพย์ดารามองด้วยความสงสัยก่อนจะเรียก “ภูคะ”
“อะไรครับเจ้า” ภูชิชย์หันมาตามเสียง
“ใจลอยไปไหนคะ”
“เอ่อ...เปล่าครับ เจ้าจะเอาอาหารอะไรเพิ่มไหมครับ ผมจะไปตักให้”
“ภูคะ อาหารของน้อยยังเต็มโต๊ะอยู่เลยนะคะ”
เจ้าทิพย์ดาราสะกิดให้ภูชิชย์ดูจานของเธอ พอเห็นอาหารหลายจานอยู่ตรงหน้าเจ้าทิพย์ดาราเขาก็ยิ้มเจื่อนๆ เจ้าทิพย์ดาราหันไปมองนริศราที่กินอาหารอยู่จนนริศรารู้สึกตัวจึงยิ้มให้
“น้อยเพิ่งทราบว่าคุณนิดเป็นแม่งาน ต้องขอชมว่าจัดงานออกมาได้ดีจริงๆค่ะ”
“โชคดีที่ได้โป๊ะมาช่วย ลำพังนิดคนเดียวคงไม่สำเร็จหรอกค่ะ”
“นิดก็ถ่อมตัวเกินไป จริงๆนิดเขาเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับเจ้า ผมน่ะแค่ลูกมือ” พิสุทธิ์บอก
“น้อยเห็นด้วยกับคุณโป๊ะค่ะ คุณนิดเธอเป็นคนเก่ง ทั้งสวยทั้งเก่งจนน้อยเริ่มจะอิจฉาเธอแล้ว”
“เจ้าน้อยอย่าอิจฉานิดเลยค่ะ หลายอย่างนิดทำเพื่อความอยู่รอดนะคะ”
เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “นั่นแหล่ะค่ะที่เรียกว่าเก่ง ถ้าเป็นน้อยคงรอดอยาก”
นริศรา พิสุทธิ์ และเจ้าทิพย์ดาราหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“ผมว่าได้เวลาแล้ว พ่อเลี้ยงกล่าวแนะนำเจมส์กับคนงานหน่อยดีไหมครับ” นิพนธ์พูด
ภูชิชย์หันมาพูดกับเจมส์ “เจมส์ไปกับผม”
ภูชิชย์ นิพนธ์ และเจมส์ลุกขึ้นไปด้วยกัน

สุพัฒนานั่งหน้างออยู่ที่โต๊ะไม่ยอมแตะข้าวไข่เจียวที่วางอยู่ตรงหน้า บัวเกี๋ยงชะเง้อคอมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเสียดาย
“นังบัวเกี๋ยง” สุพัฒนาเรียก
บัวเกี๋ยงเดินเข้ามานั่งคุกเข่าข้างๆ สุพัฒนา
“นี่แกทำบ้าอะไรให้ฉันกินเนี่ย”
“โธ่...คุณเล็กขา ก็อาหารทั้งหมดน่ะไปอยู่ในงาน บัวเกี๋ยงก็เลยทำได้แค่นี้ค่ะ”
สุพัฒนาโมโหปัดจานข้าวไข่เจียวตรงหน้าทิ้งลงพื้นทันที
“งั้นแกก็กินเองแล้วกัน”
“โธ่...คุณเล็กขา ทำไมทำกับบัวเกี๋ยงแบบนี้ล่ะคะ” บัวเกี๋ยงนึกได้ “เอางี้ไหมคะ ถ้าคุณเล็กอยากทานอย่างอื่นเราก็ไปที่งานกันดีไหมคะ”
พูดจบบัวเกี๋ยงก็ยืนลุ้น
“ฉันไม่ไป” สุพัฒนาตอบทำลายความหวังของบัวเกี๋ยง “ต่อให้คืนนี้หิวตายฉันก็ไม่ไป”
“เอ่อ...งั้นบัวเกี๋ยงขอไปตักอาหารให้คุณเล็กก็ได้นะคะ เดี๋ยวบัวเกี๋ยงกลับมา”
“ไม่ต้อง ฉันไม่กินแกก็ต้องไม่กิน”
สุพัฒนาจ้องตาบัวเกี๋ยงเขม็ง บัวเกี๋ยงหน้าจ๋อยรีบหลบตาทันที

ลุงปั๋นกับคนงานพยายามซ่อมไมค์โครโฟนและเครื่องเสียง ภูชิชย์กับเจมส์ยืนรออยู่ใกล้ๆ เวที ภูชิชย์มองกลับไปที่โต๊ะก็เห็นพิสุทธิ์กับนริศรากำลังนั่งคุยกัน ตักอาหารแบ่งกัน โดยมีเจ้าทิพย์ดารานั่งคุยด้วย
ลุงปั๋นพยายามซ่อมเครื่องเสียงแต่ก็ไม่สำเร็จ “เอ...ทำไมไฟมันไม่เข้าหว่า”
ภูชิชย์เริ่มหงุดหงิด “ตกลงยังไงน่ะลุงปั๋น จะซ่อมได้ไหม”
“ได้แน่นอนครับพ่อเลี้ยง ผมขอเวลาอีกแป๊บนะครับ” ลุงปั๋นบอก
ภูชิชย์เริ่มเซ็ง ยิ่งหันไปมองที่โต๊ะอาหารเห็นภาพดังกล่าวก็ยิ่งเซ็ง

บัวเกี๋ยงเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำพอเห็นสุพัฒนาจ้องตาขวางก็ลงมานั่งข้างๆ อย่างเจี๋ยมเจี่ยม แล้วก็มีเสียงท้องร้องดังที่บัวเกี๋ยง บัวเกี๋ยงอายแต่ก็พูดกับสุพัฒนา
“คุณเล็กขาบัวเกี๋ยงหิว”
“แกห้ามหิวเลยนะนังบัวเกี๋ยง ยังไงฉันก็จะไม่ไปที่งานเด็ดขาด”
พูดจบก็มีเสียงท้องร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง บัวเกี๋ยงเริ่มงงจับที่ท้องตัวเอง
“เอ๊ะ...ไม่ใช่เสียงท้องเรานี่หว่า เสียงท้องคุณเล็กร้องหรือเปล่าค่ะ”
สุพัฒนาค้อนใส่บัวเกี๋ยงแต่ก็เริ่มปวดท้องเพราะหิวจัด
“แกไปเอาข้าวไข่เจียวเมื่อกี้มาให้ฉันใหม่สิ”
“ไม่มีค่ะ ไข่เมื่อกี้ก็ฟองสุดท้ายพอดี” บัวเกี๋ยงบอก
“ผักผลไม้อะไรสักอย่างก็ไม่มีเหรอ”
“มีค่ะ แต่อยู่ในงานหมด” บัวเกี๋ยงตอบ
“โอ๊ย....นังนิดบ้า นี่ฉันจะทำยังไงกับแกดีถึงจะไล่แกไปได้” สุพัฒนาโมโห
“บัวเกี๋ยงว่าคุณเล็กคงไล่มันไม่ได้แล้วล่ะคะ”
“นังบัวเกี๋ยง!”
“แหม...ก็จริงนี่คะ เราทำมาทุกวิธีแล้ว ทั้งให้คนงานไล่ คุณเล็กไล่ มันก็ยังเชิดหน้าชูคออยู่ได้ แล้วจะให้ใครไล่มันได้อีกละคะ”
สุพัฒนาค้อนบัวเกี๋ยงแล้วคิด สักพักเธอก็นึกได้
“ฉันรู้แล้วว่าใครที่จะกำจัดนังนิดมันได้”
“ใครคะ” บัวเกี๋ยงถาม
“ก็พี่ภูกับตัวมันไง”
บัวเกี๋ยงงง “คุณเล็กจะทำอะไรคะ?”
สุพัฒนายิ้มร้ายเพราะสะใจที่คิดแผนออก ทันใดนั้นก็มีแสงไฟหน้ารถพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามา
“อุ๊ยสงสัย พ่อเลี้ยงกลับมาแล้วค่ะ” บัวเกี๋ยงบอก
สุพัฒนายิ้มดีใจแล้วเดินออกไปโดยมีบัวเกี๋ยงเดินตามไปด้วย

สุพัฒนากับบัวเกี๋ยงเดินออกมาที่หน้าบ้าน ทั้งสองเห็นนิพนธ์ปิดประตูรถพร้องกับถือกล่องใส่อาหาร 3-4 กล่องอยู่ พอเห็นสุพัฒนานิพนธ์ก็ยิ้มดีใจ
“ผมไม่แน่ใจว่าคุณเล็กทานอะไรหรือยัง เลยเอาอาหารมาให้ครับ” นิพนธ์บอก
“พี่ภูล่ะ” สุพัฒนาถาม
“พ่อเลี้ยงกำลังจะกล่าวเปิดงานครับ ผมไปจัดอาหารให้นะครับ”
สุพัฒนามองอาหารที่นิพนธ์ถือแล้วผลักออก
“ไม่ต้อง ฉันไม่กิน”
“ทำไมละคะ คุณเล็กยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ บัวเกี๋ยงเองก็หิว” บัวเกี๋ยงงง
“ฉันบอกว่าไม่กินก็คือไม่กิน” สุพัฒนาพูดกับนิพนธ์ “นิพนธ์ เธอไปตามพี่ภูกลับมานี่ บอกฉันจะกินข้าวกับพี่ภูเท่านั้น”
“แต่พ่อเลี้ยงกำลังจะขึ้นกล่าวเปิดงาน ถ้าจะกลับมาได้ก็คงอีกนานนะครับ ผมว่าคุณเล็กทานก่อนเถอะครับอย่ารอเลย”
“ไอ้นิพนธ์ แกสั่งฉันเหรอ”
“ผมแค่ไม่เห็นด้วยกับการที่คุณเล็กจะทรมานร่างกายแบบนี้”
“มันเรื่องของฉัน หน้าที่ของแกคือไปตามพี่ภูกลับมา”
นิพนธ์พยักหน้ารับแล้วเดินคอตกขึ้นรถก่อนจะขับกลับไป
“ไอ้นิพนธ์นี่ก็บ้าขึ้นทุกวัน เรื่องที่ควรทำไม่ทำ เรื่องที่ไม่ควรละชอบทำดีนัก” สุพัฒนาบ่น
“แหม...แต่ถ้าไม่ได้คุณนิพนธ์มือนี้เราคงหิวกันหน้ามืดนะคะ” บัวเกี๋ยงบอก
“นี่แกจะกินของนังนิดมันเหรอ”
“โอ๊ย ชั่วโมงนี้ต่อให้เกลียดยิ่งกว่านังนิดบัวเกี๋ยงก็กินแล้วค่ะ หรือคุณเล็กจะไม่กิน”
สุพัฒนานิ่งคิดไปเล็กน้อย “ไปจัดของขึ้นโต๊ะให้ฉันสิ”
บัวเกี๋ยงรีบเดินไปทันที สุพัฒนายิ้มอย่างสะใจ
“นังนิด ฉันแทบจะทนรอดูวันแกไสหัวออกไปจากที่นี่ไม่ไหวแล้ว”

นิพนธ์แอบดูสุพัฒนาอยู่ตรงหน้าต่างด้านนอก เขาเห็นสุพัฒนากำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย “นึกว่าจะไม่ยอมทานซะแล้ว”
นิพนธ์ยิ้มแล้วเดินขึ้นรถขับออกไป

ผลกับกลุ่มคนงานชายนั่งกินอาหารอยู่โต๊ะเดียวกัน
“แหม...ไอ้บีคิวเนื้ออย่างนี่อร่อยว่ะ กินแล้วมีใครเปรี้ยวปากอยากเหล้าบ้างวะ” ผลถาม
“เฮ้ย พี่ผล อย่าบอกว่าชวนไปข้างนอกนะไม่เอาแล้ว” เป็งกลัว
“ข้าก็ไม่เอานะเว้ย ถ้าคราวนี้พ่อเลี้ยงจับได้ คุณนิดคงช่วยไม่ได้อีกแล้ว” หนานบอก
“เออน่า...ไม่ต้องห่วง วันนี้ไม่ต้องออกไปหรอก มีมาบริการถึงที่”
“พี่แอบเอาเหล้าเข้ามาเหรอวะ” เป็นถาม
ผลชูถุงกระดาษให้ดูแล้วจะหยิบขวดที่อยู่ข้างในออกมา คนงานรีบจับมือห้ามไว้
“ไอ้บ้าผลเอ๊ย เอ็งหาเรื่องอีกแล้ว กูยังไม่อยากถูกไล่ออกนะเว้ย” หนานรีบห้าม
“เฮ้ย...อย่าปอดแหกสิ คนอย่างไอ้ผลรอบคอบเสมอ คราวนี้น่ะแปรรูปมาเสร็จเรียบร้อย”
ผลหยิบขวดออกจากถุง ทุกคนตาโตดีใจที่เห็นว่าเป็นขวดชาเขียว
“ชาเขียว” กลุ่มคนงานชายพูดพร้อมกัน
ผลจุ๊ปากให้ทุกคนเสียงเบา แล้วเขาก็เอาขวดมาตั้งบนโต๊ะ ทุกคนยิ้มมองขวดชาเขียวตาเป็นมัน
“แต่เราจะกินกันยังไงวะ” หนานถาม
“ทำยังกับไม่รู้นิสัยพ่อเลี้ยง เดี๋ยวแกก็กลับแล้ว แล้วที่เหลือก็กลับกันหมด หลังจากนั้นก็สนุกกันได้เลย” ผลบอก
กลุ่มคนงานชายหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

นิพนธ์เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ แล้วเอ่ยถามทุกคนที่โต๊ะ
“พ่อเลี้ยงยังไม่กล่าวอีกเหรอครับ”
“ยังเลยค่ะ ไม่รู้มีปัญหาอะไร แล้วคุณนิพนธ์ไปไหนมาคะ” นริศราถามกลับ
“เอ่อ...ผมเอาอาหารไปให้คุณเล็กน่ะครับ”
นริศราเผลอมองตานิพนธ์ เธอเห็นนิพนธ์พยายามทำเป็นกินอาหารกลบเกลื่อน
ภูชิชย์กับเจมส์ยังยืนรอลุงปั๋นซ่อมไมค์โครโฟนอยู่ข้างเวที
“ฉันไม่รอแล้วนะลุงปั๋น เสร็จแล้วไปตามที่โต๊ะแล้วกัน” ภูชิชย์บอกด้วยความหงุดหงิด
ลุงปั๋นหมุนที่ใส่แบตเสร็จแล้วก็กดเปิดไฟสักพักไฟก็ติด
“ได้แล้วครับพ่อเลี้ยง พอดีตรงที่ใส่ถ่านมันหลวมผมเอากระดาษยัดให้แน่นแล้วครับ แหม หาตั้งนาน”
ภูชิชย์รับไมค์โครโฟนแล้วหันมาพยักหน้ากับเจมส์ให้เดินตามขึ้นเวทีไป
“สวัสดีทุกคน” ภูชิชย์พูดใส่ไมค์โครโฟน
คนงานที่คุยกันอยู่เริ่มเงียบ ภูชิชย์ยิ้มแล้วมองไปทั่ว พอมองไปที่โต๊ะตัวเองเขาก็เห็นพิสุทธิ์กับนริศรายังคุยกันอยู่ แถมพิสุทธิ์ยังแกะเนื้อบาบีคิวจากไม้ให้นริศราด้วย มีเพียงเจ้าทิพย์ดาราที่ตั้งใจฟังเขา
“อะแฮ่ม...ฉันขอเวลานิดหน่อยนะ” ภูชิชย์พูดเสียงดังขึ้น “ฟังๆกันหน่อยแล้วกัน คือวันนี้ทางไร่สุพัฒนาของเรามีความยินดีที่ได้ต้อนรับนักศึกษาฝึกงานจากอเมริกา พวกเราเรียกชื่อเขาง่ายๆว่าเจมส์แล้วกัน”
ภูชิชย์ผายมือไปทางเจมส์ เจมส์ยกมือไหว้ทุกคน คนงานต่างเป่าปากและปรบมือให้เจมส์
“คนที่จะทำงานกับเขาก็ไม่ต้องกลัว เพราะเจมส์พูดภาษาเราได้เก่งมาก ใครที่จะนินทาเขาก็คิดให้ดีแล้วกัน”
คนงานหัวเราะร่วน พิสุทธิ์พูดเสียงเบากับนริศรา
“พ่อเลี้ยงเขามีอารมณ์ขันเหมือนกันนะ”
นริศรากระซิบ “ไม่น่าเชื่อนะว่านิสัยดีๆจะเก็บไว้มิดเลย”
พิสุทธิ์กับนริศราหัวเราะพร้อมๆ กัน โดยไม่รู้ว่าภูชิชย์แอบเหลือบมองทั้งคู่อยู่ตลอด
“เอาละขอให้เจมส์กล่าวอะไรกับพวกเราหน่อยนะ” ภูชิชย์กล่าว
เจมส์รับไมค์โครโฟนจากภูชิชย์แล้วพูดภาษาเหนือทันที “สวัสดีครับ ผมจื่อเจมส์ ขอฝากเนื้อฝากตั๋วโต๊ยเน้อครับ”
คนงานสาวๆ กรี๊ดสนั่น แล้วเจมส์ก็ส่งไมค์โครโฟนคืนให้ภูชิชย์
“เอาละ เราก็รู้จักเจมส์กันแล้ว ตอนนี้ฉันก็เลยคิดว่าเราน่าจะมีเพลงมอบให้เจมส์สักเพลง ขอเชิญคุณนิดผู้จัดการของเรามาร้องเพลงให้เจมส์สักเพลง”
คนงานปรบมือกันลั่น เจ้าทิพย์ดารากับพิสุทธิ์มองหน้านริศราด้วยความงง นริศราก็อึ้งจนถึงกับเหวอ
“นิดเตรียมเพลงมาร้องด้วยเหรอ” พิสุทธิ์ถาม
“เพลงอะไร เราไม่ได้เตรียมมานะ” นริศรางง
“แต่เสียงปรบมือแฟนคลับเยอะขนาดนี้ คุณนิดคงต้องร้องสักเพลงแล้วค่ะ” เจ้าทิพย์ดาราบอก
นริศราเริ่มโมโหจึงทำท่าจะไม่ลุกแต่คนงานโต๊ะใกล้ๆ ลุกขึ้นปรบมือให้ นริศรายิ้มรับเจื่อนๆ

ภูชิชย์ยืนรอพร้อมกับยิ้มกวนๆ อยู่บนเวที นริศราเดินหน้าตึงมาหา
“คุณแกล้งฉันเหรอ” นริศราฉุน
“เด็กนักเรียนคุยในห้องเรียนก็ต้องโดนทำโทษเป็นธรรมดา” ภูชิชย์ว่า
“แต่ฉันไม่ใช่....”
นริศรายังพูดไม่จบภูชิชย์ก็สวนขึ้นทันที “คนงานรอฟังเพลงเธออยู่นะ”
“เล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้ค่ะ....ฉันจัดให้”
นริศรารับไมค์โครโฟนแล้วเดินยิ้มหวานขึ้นเวที
“ขอบคุณทุกคนมากนะจ๊ะ แต่จะร้องเพลงคนเดียวไม่มีดนตรีมันก็แปลกๆใช่ไหม”
คนงานตอบพร้อมกันว่า “ใช่”
“คงต้องขอเชิญพ่อเลี้ยงภูชิชย์ขึ้นมาเล่นกีตาร์ให้หน่อยแล้ว”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างเหวอๆ ภูชิชย์ได้ยินก็ชะงักทันที เขาหันขวับขึ้นไปบนเวทีก็เห็นนริศรายิ้มกวนกลับ
“ปรบมือให้พ่อเลี้ยงหน่อยจ้ะ” นริศราพูดใส่ไมค์โครโฟน
ทุกคนปรบมือดังลั่น

เจ้าทิพย์ดาราที่นั่งอยู่เริ่มอึ้ง
“เอ...พ่อเลี้ยงเล่นกีตาร์ด้วยเหรอครับ ผมไม่เคยรู้เลย” นิพนธ์ถาม
“ภูเคยเล่นตั้งแต่สมัยมัธยมค่ะ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เลิกไป น้อยเองก็เคยฟังไม่กี่ครั้งเอง ไม่ยักรู้ว่าภูกลับมาเล่นอีก” เจ้าทิพย์ดาราตอบทั้งๆ ที่ยังอึ้งอยู่
“ถึงว่าผมไม่เคยเห็นพ่อเลี้ยงจับกีตาร์สักครั้ง จะว่าไปผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อเลี้ยงมีกีตาร์ คุณนิดนี่เก่งนะครับ ไปรู้มาได้ยัง”
“นั่นสิคะ”
เจ้าทิพย์ดารายังอึ้งอยู่ พิสุทธิ์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยหันไปมองบนเวทีด้วยความสงสัย

ลุงปั๋นเอาเก้าอี้มาวางบนเวที ภูชิชย์ขึ้นไปนั่ง แล้วลุงปั๋นก็ไปรับกีตาร์มาจากคนงานก่อนจะเดินมาให้ภูชิชย์
“กีตาร์ของไอ้เป็งมันครับ พอดีมันถือมาดีดเล่น ผมเลยยืมมาให้” ลุงปั๋นบอก
ภูชิชย์รับกีตาร์ไป เขามองหน้านริศราแล้วถามขึ้น
“เธอจะร้องเพลงอะไร”
“ถ้าเป็นสุนทราภรณ์รุ่นๆพ่อเลี้ยงคงไม่ไหวค่ะ” นริศราแขวะ
“นี่...ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้น”
นริศรายิ้มกวน “เพลงที่คุณเล่นคืนนั้นก็ได้ค่ะ คืนที่ฉันเดินไปเจอคุณน่ะ”
ภูชิชย์อึ้ง “เธอจำได้เหรอ”
“จำได้ไปนานเลยล่ะ เพราะฉันนึกว่าผีเล่น”
ภูชิชย์มองเขม่น “ชิ...ทำปากดี ฉันเล่นแล้วเธอร้องให้จบแล้วกัน”
ภูชิชย์เริ่มเล่นกีตาร์ คนงานปรบมือกันลั่น พอนริศราเริ่มร้องเพลงคนงานก็ยิ่งอึ้งและนั่งฟังเคลิ้มไปกับเสียงเพลงของทั้งคู่









Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2555 3:44:11 น.
Counter : 496 Pageviews.

0 comment
รักประกาศิต ตอนที่ 7 (ต่อ)





ในเวลาเดียวกัน ภูชิชย์ชำระเงินที่แผนกการเงินของโรงพยาบาลเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปรับยา แล้วเขาก็กดมือถือเพื่อต่อสายอีกครั้ง

เจ้าทิพย์ดาราเดินออกจากห้องประชุมแล้วกดรับสาย
“ภูคะ คุณอยู่ที่ไหน นี่เขาเริ่มประชุมไปตั้งนานแล้วนะ” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“ผมอยู่โรงพยาบาลครับ”
เจ้าทิพย์ดาราตกใจ “ภูเป็นอะไรคะ”
“เปล่าครับ ผมมารับลูกคนงานที่เป็นไข้เลือดออก วันนี้ผมคงไปประชุมไม่ได้”
เจ้าทิพย์ดาราชะงักไป “อ๋อ...เหรอคะ ที่จริงเรื่องนี้ให้คนอื่นจัดการให้ก็น่าจะได้นี่คะ”
“นริศราเขาก็จะทำครับ แต่ผมคิดว่าผมควรทำเองมากกว่า” ภูชิชย์บอก
“ค่ะ...งั้นก็ไม่เป็นไร”
“เจ้าโกรธผมหรือเปล่าครับ”
“ช่างมันเถอะค่ะ แต่คราวหน้าถ้ามีอะไรภูบอกน้อยก่อนนะคะ อย่าหายไปแบบนี้”
“ครับ” ภูชิชย์รับคำ
“งั้นเย็นนี้เราไปทานข้าวกันนะคะ”
“ได้ครับ”
เจ้าทิพย์ดารากดวางสายแล้วก็ยิ้มด้วยความดีใจ

ลาวัลย์ช่วยแต่งชุดกลับบ้านให้ลูกของฝ้ายจนเสร็จ นริศรากับฝ้ายยืนช่วยอยู่ จากนั้นนริศราก็เอาถุงเสื้อผ้าส่งให้ลาวัลย์
“พี่วันคะ นี่เสื้อที่ยืมไปค่ะ นิดขอบคุณมากนะคะ”
“แหม..ไม่น่ารีบคืนเลย พี่ว่าจะรับคืนที่ไร่สักหน่อย” ลาวัลย์เสียดาย
“พี่วันพูดเล่นอีกแล้ว”
“พี่พูดจริงค่ะ เดี๋ยวพี่นากลับมาคราวนี้พี่ไปเยี่ยมคุณนิดแน่”
นริศรามองลาวัลย์อย่างงงๆ
“ไม่ต้องกลัวค่ะ พี่บอกแล้วเรื่องคนอื่นพี่ไม่ยุ่ง” ลาวัลย์ย้ำ
ภูชิชย์ถือถุงยากับใบเสร็จเปิดประตูเข้ามา เขาเดินมาลูบหัวลูกของฝ้ายอย่างอ่อนโยน
“อยากกลับไร่หรือยัง” ภูชิชย์ถาม ลูกของฝ้ายพยักหน้ารับ “ไป งั้นก็ไปขึ้นรถ”
ลูกของฝ้ายรีบกระโดดลงจากเตียง ทุกคนจะเดินไปแต่ลาวัลย์รีบเข้าไปหาภูชิชย์
“เอ่อ...พ่อเลี้ยงคะ”
“ครับ”
“วันยังไม่ลืมนะคะที่ว่าจะไปเที่ยวที่ไร่” ลาวัลย์บอก
“ผมก็ไม่ลืมครับ แขกของนริศราก็เหมือนแขกของผม”
พูดจบภูชิชย์ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้นริศรา นริศราถอนหายใจด้วยความเซ็ง

ภูชิชย์ขับรถกลับมาจอดที่หน้าสำนักงาน ทุกคนลงจากรถ ภูชิชย์เอาถุงยาส่งให้ฝ้ายแล้วพูด
“อย่าลืมให้เด็กทานยาจนหมดนะ”
ฝ้ายยกมือไหว้ภูชิชย์
“ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยงที่อุตส่าห์มาเอง”
“ฝ้ายทำงานให้ฉัน เวลามีปัญหาก็ต้องดูแลกันสิ พาลูกไปพักผ่อนเถอะ”
ฝ้ายกับลูกหันมาไหว้ภูชิชย์กับนริศราก่อนจะพากันเดินกลับไป นริศราจะเดินไปทำงานต่อแต่ภูชิชย์รีบเดินเข้าพูดกับเธอ
“เธอดูซึมๆไปนะ กลัวอะไรหรือเปล่า”
“ฉันเหรอ กลัวอะไร” นริศราทำหน้าเหรอหรา
“ก็กลัวเรื่องที่คุณพยาบาลจะไปที่ไร่น่ะสิ”
“ฉันทำใจแล้วค่ะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
นริศราเดินไปขึ้นรถประจำตำแหน่งแล้วขับออกไป ภูชิชย์ยืนยิ้มอย่างมีชัยก่อนจะค่อยๆ หน้าเจื่อนไป “ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเธอเป็นใครเท่านั้นเอง”

ภูชิชย์เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงาน นิพนธ์เดินถือกระดาษแฟกซ์มาให้
“ทางเกษตรจังหวัดแฟกซ์มาบอกครับว่ายุวเกษตรที่จะมาฝึกงานกับเราจะมาถึงอีกสองวัน” นิพนธ์บอก
ภูชิชย์ดูใบแฟ็กซ์ “วันเสาร์นี่ ถ้าไงฝากคุณไปรับด้วยนะ”
“ผมขอชวนคุณนิดไปด้วยนะครับ ลำพังผมคงพูดกับฝรั่งไม่รู้เรื่อง แต่ไม่รู้เธอจะไปหรือเปล่าเพราะเป็นวันหยุดของเธอพอดี”
“งั้นคุณก็ไปบอกเขาแล้วกัน เพิ่งเข้าไปที่ไร่นี่แหล่ะ”
“ครับ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์ของพิสุทธิ์ดังเข้ามา ภูชิชย์รีบไปมองที่หน้าต่างทันที เขาเห็นพิสุทธิ์ขี่รถมอเตอร์ไซต์ผ่านไป
ภูชิชย์เห็นนิพนธ์จะเดินออกจากห้องก็รีบเรียกไว้ “นิพนธ์”
นิพนธ์ชะงักหันกลับมา ภูชิชย์เดินเข้ามาหา
“ผมไปบอกเขาเองดีกว่า” ภูชิชย์เห็นนิพนธ์มองอย่างงงๆ จึงรีบพูด “คือผมมีเรื่องอื่นต้องคุยกับเขาด้วย”
ภูชิชย์ดึงกระดาษออกจากมือนิพนธ์แล้วเดินออกไป นิพนธ์มองตามด้วยความงง
คนงานส่วนหนึ่งกำลังขุดหลุมสำหรับลงต้นกาแฟอยู่ที่พื้นที่ว่างท้ายไร่ นริศราช่วยคนงานอีกกลุ่มขนต้นกาแฟลงจากท้ายรถ
“คุณนิดไม่ต้องทำหรอกครับพวกผมทำเอง” เป็งบอก
“ไม่ได้สิ ไร่นี้เป็นความคิดฉัน ฉันก็ต้องลงมือทำด้วย” นริศราพูด
คนงานยิ้มด้วยความปลื้มใจแล้วช่วยกันขนต้นกาแฟต่อ ระหว่างนั้นพิสุทธิ์ก็ขี่มอเตอร์ไซต์มาจอดแล้วลงมาหานริศรา
“โป๊ะ...ทำไมมาตอนนี้ล่ะ อย่าบอกว่าโดดงานนะ” นริศราถาม
“วันนี้เราฝึกงานที่ห้องอาหาร เข้าหกโมงเลิกบ่ายสอง”
“แล้วไป”
“ให้เราช่วยนะ”
“ได้สิ แต่ไม่มีค่าแรงให้นะ”
พิสุทธิ์ยิ้ม เขาถอดแจ็คเก็ตออกแล้วก็ลงมือช่วยทันที ภูชิชย์ขับรถมาจอดแอบดูอยู่ห่างๆ ภูชิชย์ลงจากรถแล้วจะเดินไปแต่ก็เปลี่ยนใจเดินกลับมาทำท่าจะเปิดรถแล้วก็ไม่เปิด ได้แต่ยืนถือแฟกซ์แอบดูอยู่ห่างๆ

นริศราขับรถมาจอดที่ลานจอดรถหน้าอาคารสำนักงาน พิสุทธิ์ขี่มอเตอร์ไซต์มาจอดใกล้ๆ นริศราลงจากรถแล้วเดินมาหาเพื่อน
“จะเข้าไปนั่งเล่นข้างในไหม เราจะเข้าไปคุยงานกับคุณนิพนธ์”
“ไม่ดีกว่า แต่นิดรีบกลับมานะ เราหิวแล้ว” พิสุทธิ์บอก
“ได้เลย เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าวที่โรงอาหาร”
“โอ้โห อย่างนี้นิดก็กระเป๋าฉีกแย่สิ” พิสุทธิ์แซว
นริศราหัวเราะแล้วเดินเข้าไปด้านใน พิสุทธิ์แยกไปเดินเล่นดูต้นไม้ไปเรื่อยๆ จนไปเห็นไม้ดอกต้นหนึ่งที่ขึ้นอยู่ริมถนน พิสุทธิ์เห็นว่าสวยจึงจะดึงดอกไม้มาดม สุพัฒนาเดินมาเห็นเข้าพอดีจึงตะคอกเสียงดัง
“นั่นจะทำอะไร”
พิสุทธิ์สะดุ้งแล้วหันไปหา “อ๋อ...ดอกไม้สวยดีนะครับ ผมเลยอยากดมกลิ่น”
“คนงานใหม่เหรอ ทำไมมาเดินแถวนี้”
พิสุทธิ์เริ่มฉุน “เอ่อ...โทษนะครับ แล้วคุณเป็นใคร”
“นี่กล้าย้อนถามฉันเหรอ”
“อยากรู้ก็ต้องถามสิครับ”
“นี่...แก มีงานอะไรก็ไปทำเลย อย่ามาเดินเพ่นพ่านให้ฉันเห็นอีก” สุพัฒนาไล่
“คุณนั่นแหล่ะ มาทางไหนไปทางนั้นเลย หน้าตาก็ดีทำไมมารยาทแย่มาก” พิสุทธิ์ไล่ด้วยความโกรธ
สุพัฒนาได้ยินถึงกับเหวอ “ไอ้บ้า มาว่าฉันเหรอ ฉันจะไล่แกออก ออกไป๊!”
นริศรากับนิพนธ์ได้ยินเสียงเอะอะก็รีบวิ่งออกมาดูจึงเห็นพิสุทธิ์กับสุพัฒนากำลังประสานตากันอยู่
“เกิดอะไรขึ้นครับ” นิพนธ์ถามขึ้น
“นิพนธ์” สุพัฒนาชี้ไปที่พิสุทธิ์ “จัดการไล่ไอ้คนงานนี่ออกเดี๋ยวนี้เลย”
“แต่คุณโป๊ะไม่ใช่คนงานนะครับ แกเป็นเพื่อนคุณนิดครับ” นิพนธ์บอก
“นิด...ยัยเสียงโทรโข่งนี่ใคร” พิสุทธิ์หันมาถาม
“แกว่าฉันเหรอ”
สุพัฒนาจะเข้าไปตีพิสุทธิ์แต่นิพนธ์ดึงเอาไว้ ส่วนนริศราก็รีบมาดึงพิสุทธิ์ให้ห่างออกมา
“โป๊ะใจเย็นๆ นี่คุณเล็กน้องสาวพ่อเลี้ยง”
พิสุทธิ์แกล้งตกใจ “ห๊า...นี่น่ะเหรอเจ้าของไร่ มารยาทไม่ผ่านนะเนี่ย”
“กรี๊ด ไอ้บ้า ไอ้ปากเสีย นังนิดนี่แกพาพวกมารุมฉันเหรอ” สุพัฒนาโวยลั่น
“โป๊ะ ไปกันก่อนเถอะนะ เราขอร้อง”
นริศราพาพิสุทธิ์เดินหนีไป สุพัฒนาดิ้นจนหอบเหนื่อย

นริศรากับพิสุทธิ์หลบมายืนคุยกันที่มุมหนึ่งในไร่ หลังจากเล่าให้เพื่อนฟัง นริศราก็ถึงกับหน้าเครียด
“ที่จริงพอยัยนั่นตวาดคำแรก เราก็นึกทันทีว่าต้องเป็นคุณเล็กอย่างที่นิดเคยเล่า” พิสุทธิ์บอก
“รู้แล้วยังไปกวนเขาอีก” นริศราว่า
พิสุทธิ์เริ่มคิดได้ “นิด เราทำให้นิดลำบากหรือเปล่า”
นริศราส่ายหน้า “ถึงคุณเล็กไม่รู้จักโป๊ะเขาก็ไม่ชอบเราหรอก ช่างมันเถอะ”
“เราขอโทษนะ ต่อไปถ้าเราเห็นยัยนี่เราจะวิ่งหลบสี่คูณร้อยเลย”
นริศราขำกับมุกของพิสุทธิ์

สุพัฒนานั่งทุบเก้าอี้ในห้องรับแขกด้วยความโกรธ นิพนธ์นั่งอยู่ใกล้ๆ
“นังนิดมันมีสิทธิ์อะไรเอาเพื่อนมาที่นี่ เพื่อนจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” สุพัฒนานึกขึ้นได้ “จริงด้วย นิพนธ์ ถ้าเกิดไอ้กุ๊ยนั่นมันมาปล้นไร่เราล่ะ ไม่ได้ ฉันต้องพี่ภู พี่ภู พี่ภูอยู่ไหน นิพนธ์ ไปตามพี่ภูเร็วสิ”
“แต่พ่อเลี้ยงก็รู้จักคุณโป๊ะนะครับคุณเล็ก แล้วเท่าที่ดูผมว่าคุณโป๊ะแกก็ดีนะครับ” นิพนธ์บอก
“ดีบ้าอะไร แค่เห็นหน้าฉันก็เกลียดมันแล้ว ยังไงฉันก็จะบอกพี่ภู พี่ภูอยู่ไหน”
“พ่อเลี้ยงออกไปข้างนอกครับ”
“ไปไหน นี่มันเลิกงานแล้วนี่”
สุพัฒนาจ้องหน้านิพนธ์อย่างคาดคั้น นิพนธ์จึงจำใจต้องบอก
“พ่อเลี้ยงนัดกับเจ้าน้อยครับ”
“นังเจ้าน้อยอีกแล้วเหรอ ทำไม...ทำไมพี่ภูถึงต้องคบแต่คนที่ฉันเกลียด”
สุพัฒนาหยิบหมอนที่วางอยู่บนโซฟามาดึงทึ้ง นิพนธ์มองด้วยความห่วงใย
“คุณเล็กครับ คุณเล็กลองลดการมองแต่ด้านไม่ดีของคน แล้วหันมามองแต่ข้อดีของคนบ้างสิครับ บางทีคุณเล็กอาจจะมีความสุขมากขึ้นก็ได้”
สุพัฒนาตวาด “ออกไป ฉันอยากอยู่คนเดียว”
นิพนธ์เดินออกไปจากห้องแต่ก็แอบดู เขาเห็นสุพัฒนาขว้างหมอนขว้างหนังสือเพื่อระบายแค้น

พนักงานถือกระเป๋าเดินออกจากบริษัทของวิทวัสเพื่อกลับบ้าน วิทวัสถือกระเป๋าเอกสารเดินออกมา พนักงานบางคนที่เห็นก็ยกมือไหว้เขา
เมื่อเดินมาถึงรถวิทวัสก็ต้องชะงักเมื่อเห็นมัลลิกายืนอยู่ที่รถตัวเองซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆ รถของเขา
“ยังไม่กลับอีกเหรอ” วิทวัสเอ่ยถาม
“มอลลี่รอเพื่อนน่ะคะ เขามาธุระแถวนี้เลยว่าจะไปทานข้าวเย็นกัน”
วิทวัสมองมัลลิกาอย่างไม่ไว้ใจ แต่มัลลิกายิ้มให้
“ไม่ต้องกลัวมอลลี่จะแอบสะกดรอยตามอีกหรอกค่ะ มอลลี่พูดคำไหนคำนั้น”
วิทวัสตัดสินใจขึ้นรถแล้วขับออกไป แล้วโทรศัพท์ของมัลลิกาก็ดังขึ้น มัลลิกาหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสาย
“ฮัลโหล......มาเร็วๆสิ ฉันยืนคอยนานแล้วนะคะคุณเพื่อน หิวมากด้วย”

วิทวัสกับรัชนิดานั่งดูลูกหนูถีบรถเล่นอยู่ที่สนามหน้าบ้าน รัชนิดาแอบเห็นวิทวัสยิ้มอย่างมีความสุข
“คุณวัสอารมณ์ดีนะคะ ดาไม่ได้เห็นแบบนี้มาสักระยะแล้ว”
“ตั้งแต่ผมได้เลขาใหม่ใช่ไหม” วิทวัสย้อนถาม
“ค่ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“วันนี้มอลลี่เขามาบอกว่าจะเลิกยุ่งกับผม เขาจะเป็นคนใหม่” วิทวัสเล่า
รัชนิดาดีใจ “จริงเหรอคะ แต่ดูเขาตัดใจได้เร็วนะคะ”
“ผมก็ไม่ค่อยเชื่อเขานะ แต่ก็คิดว่าเขาคงทำได้ ต้องดูๆกันไป”
“ถ้าเขาทำตามที่พูด เราก็ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณเล็กแล้วสิคะ”
วิทวัสกับรัชนิดาส่งยิ้มให้กัน

ภูชิชย์กับเจ้าทิพย์ดารานั่งรับประทานอาหารด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภูชิชย์เหม่อลอยบ่อยครั้งและไม่ค่อยกินข้าวจนเจ้าทิพย์ดาราสังเกตได้
“วันนี้ภู ทานข้าวน้อยนะคะ”
“เอ่อ...ผมไม่ค่อยหิวครับ”
“ภูมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ บอกน้อยได้นะ”
ภูชิชย์รีบกลบเกลื่อน “หน้าผมเหมือนคนอมทุกข์เหรอครับ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่เหมือนคนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา”
“เอ่อ...ผมคิดเรื่องงานนิดหน่อยครับ”
“นั่นไงน้อยว่าแล้ว แบบนี้หมอน้อยต้องรีบรักษาเยียวยาแล้ว ก่อนที่พ่อเลี้ยงภูชิชย์สุดหล่อของน้อยจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า”
เจ้าทิพย์ดาราพูดแล้วยิ้มให้ภูชิชย์ ภูชิชย์ยิ้มตอบแล้วกินอาหารต่อ เจ้าทิพย์ดารามองเขาอย่างใช้ความคิด

เจ้าทิพย์ดารากับภูชิชย์เดินมาด้วยกันที่ริมทางเดินคูเมือง แล้วเจ้าทิพย์ดาราก็จับมือภูชิชย์ ภูชิชย์หันมายิ้มให้เธอ
“อากาศดีจังเลยนะคะ” เจ้าทิพย์ดาราพูด
“ครับ”
“ภูรู้ไหมคะ จริงๆแล้วภูไม่ได้ชอบน้อยก่อนหรอก”
ภูชิชย์แปลกใจ “เจ้าพูดจริงเหรอครับ”
“ตอนนั้นน้อยอยู่ ม.3 เจ้าพ่อกับเจ้าแม่มาบอกว่าเราจะมีเพื่อนบ้านใหม่ ที่เป็นเพื่อนของเจ้าพ่อกับเจ้าแม่ย้ายมาอยู่ใกล้ๆกัน ตอนแรกน้อยก็ไม่ได้คิดอะไร จนวันที่เจ้าพ่อจัดเลี้ยงต้อนรับ แล้วคุณพ่อคุณแม่ของภูพาครอบครัวมา ครั้งแรกที่น้อยเห็นภู น้อยก็ตกหลุมรักภูเลยนะคะ”
“ทำไมเจ้าไม่เคยบอกผมเลยล่ะครับ”
เจ้าทิพย์ดาราอาย “น้อยเป็นผู้หญิงนะคะ”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงบอกผมล่ะ”
“ไม่รู้สิ น้อยคงกลัวภูไม่รักแล้วมั้ง”
ภูชิชย์อึ้ง “เจ้าคิดอย่างนั้นเหรอครับ”
“มันคงเป็นความกลัวไปเองมั้งคะ”
“ไม่ต้องกลัวนะครับ สำหรับผมแล้ว เจ้าเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดคนเดียวเท่านั้น” ภูชิชย์กล่าวหนักแน่น
เจ้าทิพย์ดาราเกาะแขนแล้วเอียงหัวลงไปซบภูชิชย์
“น้อยรักคุณนะคะภู”
ภูชิชย์ดึงเจ้าทิพย์ดาราเข้ามากอด

เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกานั่งดื่มกาแฟอยู่ในห้องรับแขกของบ้าน เจ้าทิพย์ดาราเดินเข้ามานั่งด้วยแล้วโผเข้ากอดเจ้าดาระกา
“ไปทานข้าวที่ไหนกันมาล่ะลูก” เจ้าดาระกาเอ่ยถาม
“ร้านประจำของภูกับน้อยค่ะ เจ้าพ่อเจ้าแม่ยังไม่นอนอีกเหรอคะ อย่าบอกว่ามาคอยเฝ้าน้อยนะ”
“บังเอิญใช่ด้วยสิลูก” เจ้าดาระกาตอบ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เจ้าดาระกาพยักหน้าให้เจ้าเทพมงคลพูด
“คือพ่อว่าจะให้น้อยไปเชิญคุณโป๊ะมาทานข้าวที่บ้าน”
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ” เจ้าทิพย์ดาราสงสัย
“พ่อกับแม่อยากรู้จักเด็กคนนี้ให้มาก”
เจ้าทิพย์ดาราพูดอย่างรู้ทัน “แค่นี้เองเหรอคะ งั้นเราก็ไปทานที่โรงแรมคุณโป๊ะสิคะ จะต้องให้เขามาที่นี่ทำไม”
เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกาอึกอักเพราะตอบไม่ถูก
“เจ้าพ่อเจ้าแม่คะ น้อยว่าอย่าเลยค่ะ ยังไงน้อยก็รักภูคนเดียว”
“แต่รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหลายนี่” เจ้าดาระกาบอกบุตรสาว
เจ้าทิพย์ดาราเห็นความมุ่งมั่นของบิดากับมารดาก็ยอมแพ้ “พูดแบบนี้แสดงว่าน้อยไม่มีทางเลือกอื่นน่ะสิคะ”

เจ้าทิพย์ดาราเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วหยิบรูปที่เคยถ่ายคู่กับภูชิชย์ขึ้นมาดู
“รู้ไหม เจ้าพ่อกับเจ้าแม่จะยกน้อยให้คนอื่นแล้วนะคะภู แต่น้อยไม่ยอมหรอก เพราะน้อยรักภู และภูจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่น้อยจะแต่งงานด้วย”
เจ้าทิพย์ดาราวางรูปกลับที่เดิม เธอมองรูปนั้นก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุข

ภูชิชย์ยืนถือกระดาษแฟกซ์ในมือมายืนรออยู่หน้าบ้านพักคนงานหญิง นริศราเดินมึนๆ ด้วยความง่วงลงมาหา
“พ่อเลี้ยงให้คนไปตามฉันมีอะไรคะ” นริศราปิดปากหาว
ภูชิชย์ส่งแฟกซ์ให้ “เห็นว่าเธอภาษาดี เลยจะให้ไปรับนักศึกษาที่จะมาฝึกงานหน่อย”
นริศราเพ่งอ่านจากไฟถนน “นี่มาพรุ่งนี้นี่คะ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“แต่มันเป็นวันหยุดฉันนะคะ แล้วฉันก็มีนัดแล้วด้วย”
“ยกเลิกทุกนัด แล้วก็มาทำงานให้ฉัน ฉันจ่ายโอทีให้”
“นี่คุณเอาเงินฟาดฉันเหรอ”
“หรือเธอจะไม่เอา”
“เอาสิ แต่คุณต้องจ่ายโอทีฉันเต็มวันนะ” นริศราบอก
“แล้วไม่ติดแล้วเหรอ”
“ฉันขอเอาโป๊ะไปด้วย”
“นี่เธอจะเอาคนนอกไปทำงานของทางไร่ได้ไง” ภูชิชย์พูดด้วยความหงุดหงิด
“ถ้าไม่ได้ก็ไม่ไป”
ภูชิชย์เบ้ปากด้วยความเจ็บใจแล้วเดินกลับไป นริศรามองตามด้วยสายตาเขม่นแล้วเดินขึ้นบ้าน

วันรุ่งขึ้น นริศรายืนรอพิสุทธิ์ที่ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด
“ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปเที่ยวกับโป๊ะอ่ะ” นริศราเอ่ย
“ไม่เป็นไร จะไปเที่ยวหรือทำงานขอให้ได้อยู่ใกล้นิดก็พอ” พิสุทธิ์รีบหยอด
นริศราค้อน “ไปกันเถอะ”
ทั้งสองจะเดินไปขึ้นรถแต่ภูชิชย์เดินเข้ามาหาทั้งคู่แล้วพูดขึ้น “ไปรถฉันดีกว่า”
นริศรางง “พ่อเลี้ยงไปด้วยเหรอคะ”
“ใช่สิ” ภูชิชย์ตอบทันที
“อ้าว...ก็ถ้าคุณไปด้วยแล้วให้ฉันไปทำไม”
“ก็...ก็เธอเป็นผู้จัดการก็ต้องไปกับฉันสิ ไปเหอะสายแล้ว”
พิสุทธิ์กับนริศราเดินตามภูชิชย์ไปที่รถ พิสุทธิ์ทำท่าจะขึ้นไปนั่งข้างหน้าแล้วให้นริศรานั่งข้างหลัง
“คุณโป๊ะนั่งข้างหลังนะครับ” ภูชิชย์รีบบอก “เผื่อผมมีอะไรต้องคุยกับนริศราเขา”
“ไม่เป็นไรครับ ผมนั่งไหนก็ได้” พิสุทธิ์พูด
ทั้งสองคนขึ้นไปนั่งตามที่ภูชิชย์บอก ภูชิชย์อมยิ้มแล้วขับรถออกไปทันที

ภูชิชย์ นริศรา และพิสุทธิ์มายืนรถผู้โดยสารขาเข้าอยู่ที่สนามบินเชียงใหม่ พิสุทธิ์ถือป้ายชื่อเขียนว่า James Watson ตัวโต
ผู้โดยสารหลายคนทยอยเดินออกมา เวลาผ่านไปสักพักเจมส์ก็เดินแบกของมองหาป้ายชื่อจนเห็นแล้วเขาก็รีบเดินมาหาทันที
“Hello, I’m James. you guys from Supattana farm?”
“Hello, I’m Phuchit. Nice to meet you.” ภูชิชย์ตอบฉะฉาน
“I’m Narissara, you can call me Nid.I’m the manager. And this is Poh, my friends” นริศราพูดกับเจมส์
ทั้งสามคนจับมือทักทายเจมส์ด้วยไมตรี
จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกนริศราดังขึ้น “น้องนิด”
ทุกคนหันไปตามเสียงก็เห็นลัคนาเดินยิ้มตรงมาหานริศรา

นริศรายิ้มรับแบบเจื่อนๆ เพราะไม่ทันตั้งตัว ภูชิชย์มองลัคนาอย่างงงๆ









Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2555 3:42:13 น.
Counter : 275 Pageviews.

0 comment
รักประกาศิต ตอนที่ 7 (ต่อ)





สุพัฒนาเดินวนไปวนมาพร้อมกัดเล็บด้วยความเครียดอยู่ในห้องนอน บัวเกี๋ยงนั่งมองเจ้านายอยู่ที่ข้างเตียง

“คุณเล็กคะ ใจเย็นๆเถอะค่ะ” บัวเกี๋ยงพูด
“ใจเย็นบ้าอะไร แกไม่เห็นเหรอว่าพี่ภูไม่ฟังฉันน่ะ” สุพัฒนาตะคอกใส่
“บัวเกี๋ยงเห็นค่ะ บัวเกี๋ยงยังเจ็บแทนคุณเล็กเลย นังนิดนี่มันเก่งนะคะที่ทำให้พี่น้องแตกกันได้”
“นังนิด ฉันอยากจะฆ่าแกนัก”
สุพัฒนาพูดอย่างโมโหแล้วก็เริ่มหอบจนตัวสั่น บัวเกี๋ยงรีบเข้ามาประคองเจ้านายแล้วพาไปนั่งที่เตียง ก่อนจะแอบยิ้มร้าย
“ต่อไปนี้คุณเล็กต้องอย่ายอมให้นังนิดมันมารังแกได้อีกนะคะ” บัวเกี๋ยงใส่ไฟ
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของสุพัฒนาก็ดังขึ้น บัวเกี๋ยงรีบวิ่งไปหยิบมาดูแล้วก็ต้องยืนงง
“ใครโทรมา” สุพัฒนาถาม
“ไม่ทราบค่ะ ชื่อภาษาฝรั่ง”
บัวเกี๋ยงตอบแล้วก็ส่งโทรศัพท์ให้สุพัฒนากดรับ สุพัฒนารู้ว่าเป็นเพื่อนจึงระบายอารมณ์ใส่ทันที
“ว่าไงมอลลี่ มีอะไร คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่”
มัลลิกายืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งห่างจากเคาน์เตอร์คอนโดออกมา
“อารมณ์ไม่ดีก็ต้องฟังมอลลี่ เพราะมีเรื่องด่วน” มัลลิกาพูดด้วยความหงุดหงิด
“มีอะไรก็ว่ามา”
“มอลลี่อยู่ที่คอนโดพี่วัส พนักงานบอกว่าพี่วัสเข้ามาที่นี่ครั้งสุดท้ายก็ตอนที่พี่ภูมาพัก”
“ไม่จริง ถ้าไม่อยู่ที่นั่นพี่วัสจะไปอยู่ไหน”
“อันนี้คุณเล็กต้องไปถามพี่ชายคุณเล็กเองนะ อาจจะไปแอบซื้อบ้านอยู่กับใครก็ได้นี่”
สุพัฒนานิ่งอึ้งมือสั่นแล้วขว้างโทรศัพท์ทิ้งทันที ก่อนจะกรี๊ดออกมาสุดเสียง บัวเกี๋ยงค่อยๆถอยห่างออกมาเพราะกลัวถูกลูกหลง

เช้าวันใหม่ นริศราเดินดูสมุดบัญชีในขณะที่เดินออกมาจากธนาคาร เธอเห็นตัวเลขในสมุดก็หยุดยิ้มปลาบปลื้ม
“ถ้าเราไม่ใช้เลยสักบาท ทำสักปีหรือปีครึ่ง ก็คงมีค่าตั๋วค่าลงทะเบียน แล้วที่เหลือก็ไปหาทุน” นริศรายิ้ม “คุณพ่อคะ นิดจะต้องเรียนให้จบค่ะ”
นริศราเดินอย่างอารมณ์ดีไปที่รถ แล้วก็ก้าวขึ้นไปนั่งก่อนจะขับออกไป

นิพนธ์เริ่มเอาต้นไม้ที่มีดอกสวยซึ่งวางอยู่ลงดินบนแปลงดอกไม้ของสุพัฒนา สักพักรถของนริศราก็แล่นเข้ามาจอด นริศรารีบลงจากรถมายืนมองอย่างงงๆ นิพนธ์หันไปเห็นก็ยิ้มให้
“นี่คุณนิพนธ์ทำเองหมดเลยเหรอคะ” นริศราถามด้วยความแปลกใจ
“ครับ บางทีผมว่าไม่รู้จะทำอะไรก็เลยมาทำสวนนี่” นิพนธ์ตอบ
นริศราหน้าเสีย “นิดขอโทษค่ะ นิดนี่แย่จังเลย เป็นคนอยากทำแต่กลายเป็นคุณนิพนธ์ต้องมาลำบาก”
“ไม่หรอกครับ ผมถือเป็นการออกกำลังกายด้วย ให้นั่งทำงานที่โต๊ะอย่างเดียวมันไม่ใช่ตัวผม”
“ขอบคุณนะคะคุณนิพนธ์ที่พูดให้นิดรู้สึกดีขึ้น แต่นิดก็ยังรู้สึกแย่เหมือนเดิม”
นิพนธ์ยิ้ม “อย่าคิดมากเลยครับ ผมกะว่าจะขอคุณนิดดูแลแปลงดอกไม้นี่แทน คุณนิดจะได้ดูแลแปลงกาแฟของคุณนิดได้เต็มที่ แบบนี้ดีไหมครับ”
“แต่ว่า....” นริศราอ้ำอึ้ง
“ตกลงว่าเราแบ่งงานกันนะครับ ผมขอร้อง”
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณๆนิพนธ์มากนะคะ”
นิพนธ์ยิ้มให้แล้วหันไปพรวนดินต่อ นริศราเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ
“แล้วทำไมคุณนิพนธ์เลือกมาออกกำลังกายกับสวนดอกไม้ล่ะคะ”
นิพนธ์ชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็รีบยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะตอบ
“เอ่อ...คือผมชอบที่นี่มันสงบดีครับ ไม่ค่อยมีใครมายุ่ง”
นริศราพยักหน้าด้วยความเข้าใจ

ภูชิชย์กับเจ้าทิพย์ดาราเดินคุยกันมาตามทางเดินในไร่องุ่น
“กิติศัพท์เรื่องเมื่อวานของคุณนิด คนงานของไร่ภูเอาไปเล่าให้คนของน้อยฟังด้วยนะคะ น่าชื่นชมเธอนะคะ” เจ้าทิพย์ดาราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าก็เลยจะมาหายัยนั่น แทนที่จะเป็นผม”
เจ้าทิพย์ดาราขำที่เห็นภูชิชย์หน้างอ
“แน่ะ ทำเป็นงอน ก็เพื่อนหญิงพลังหญิงนี่คะ โดยเฉพาะคุณนิดเธอมีอะไรให้น้อยทึ่งอยู่เรื่อย ไม่ปลื้มคุณนิดก็ไม่รู้จะปลื้มใครแล้วล่ะค่ะ”
“อวยกันเข้าไป”
ทันใดนั้นทั้งสองก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มจึงหันไปดู ทั้งสองเห็นพิสุทธิ์ในชุดหนังสีดำพร้อมหมวกกันน็อคขี่รถแล่นมาจอดข้างๆ พิสุทธิ์ถอดหมวกกันน็อคออกแล้วยิ้มให้ทั้งคู่
“ผมมาหานิดน่ะครับ ไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนครับ”
ภูชิชย์มองพิสุทธิ์แล้วแอบบ่นพึมพำ
“มาเสริมทีมอีกคนแล้ว”
พิสุทธิ์กับเจ้าทิพย์ดารามองภูชิชย์อย่างงงๆ
“พ่อเลี้ยงว่าอะไรนะครับ” พิสุทธิ์ถาม
“อ๋อ...เขาก็อยู่ในไร่นี่แหล่ะครับ ลองหาๆดูแล้วกัน” ภูชิชย์ตอบส่งๆ
เจ้าทิพย์ดาราตีแขนภูชิชย์ “ดูตอบเข้าสิ ที่เป็นพันไร่นะคะ ไม่รู้หล่ะภูต้องพาน้อยกับคุณโป๊ะไปหาคุณนิดให้เจอด้วย”
ภูชิชย์แอบถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แล้วหันไปถามคนงานที่อยู่ใกล้ๆ
“ผู้จัดการอยู่ไหน?”

นริศรากับนิพนธ์ช่วยกันลงดอกไม้ที่แปลง สักพักภูชิชย์ เจ้าทิพย์ดารา และพิสุทธิ์ก็เดินเข้ามา พอนริศราเห็นพิสุทธิ์ก็แปลกใจ
“โป๊ะ มาได้ไง”
“ก็นิดผิดสัญญาไม่ยอมเปิดเครื่อง เราเลยต้องมาไง” พิสุทธิ์บอก
“อุ๊ย...ขอโทษ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ต่อไปเปิดแน่นอน” นริศราพูดเย้า
เจ้าทิพย์ดาราแอบกระซิบกับภูชิชย์
“คุณนิดกับคุณโป๊ะนี่น่ารักดีนะคะ”
ภูชิชย์แอบเบ้ปากเพราะรู้สึกไม่ชอบหน้าพิสุทธิ์

ภูชิชย์ นริศรา เจ้าทิพย์ดารา นิพนธ์ และพิสุทธิ์มานั่งดื่มกาแฟคุยกันที่มุมร่มรื่นมุมหนึ่งในไร่ โดยที่เจ้าทิพย์ดารามานั่งข้างๆ นริศรา เธอเอ่ยชมนริศราไม่หยุด
“คุณนิดนี่เก่งจริงๆนะคะ ขนาดน้อยเป็นคนที่นี่ ยังไม่กล้าขับรถตอนฝนตกหนักแบบนั้นเลย”
“ไม่ใช่แค่ขับได้นะครับ ขนาดรถติดหล่มเกือบตกเขา คุณนิดก็ยังแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างดีเลย” นิพนธ์เสริม
“นิดไม่ได้เก่งหรอกค่ะ แต่ความจำเป็นมันบังคับ” นริศราถ่อมตัว
“เอาละค่ะ วันนี้น้อยคงมากวนคุณนิดแค่นี้ เดี๋ยวต้องไปธุระอีก”
“ไว้ว่างๆนิดจะไปหาที่ไร่นะคะ” นริศราบอก
“มาสักทีสิคะ น้อยรอต้อนรับอยู่นานแล้ว คุณโป๊ะ คุณนิพนธ์ด้วยนะคะ”
นิพนธ์กับพิสุทธิ์พยักหน้ารับ เจ้าทิพย์ดาราลุกขึ้นแต่หันไปเห็นภูชิชย์ยังคงนั่งอยู่
“ภูคะ น้อยจะไปแล้ว”
“เอ่อ...ไปสิครับ”
นิพนธ์ลุกขึ้นทำท่าจะเดินไปด้วย ภูชิชย์มองนิพนธ์อย่างงงๆ เพราะอยากให้นิพนธ์นั่งเป็นก้างไปก่อน
“แล้วคุณจะไปไหน” ภูชิชย์ถามนิพนธ์
“ผมต้องไปตามเรื่องนักศึกษาฝึกงานกับทางจังหวัดครับ เห็นว่าจะส่งวันเดินทางมาวันนี้ครับ”
“อ้าวเหรอ ผมนึกว่าถ้าไม่มีงานรีบจะนั่งเล่นไปก่อนก็ได้ นั่งไปเถอะ นั่งนานๆก็ได้”
นิพนธ์มองภูชิชย์อย่างงงๆ “วันนี้พ่อเลี้ยงใจดีนะครับ แต่ไม่ดีกว่า ผมขอไปทำงานให้เสร็จก่อนแล้วกันครับ”
“งั้นก็ไปกันเถอะค่ะ คุณนิดจะได้คุยกับคุณโป๊ะบ้าง”
เจ้าทิพย์ดาราพูดแล้วรีบดึงแขนภูชิชย์ให้เดินออกไป นิพนธ์เดินตามไป
“ที่นี้ก็เหลือคุณเพื่อนสุดหล่อแล้ว จะกลับเมื่อไหร่จ๊ะ นิดจะได้ทำงาน” นริศราถาม
“โห...มาตั้งไกล จะไล่ซะแล้ว” พิสุทธิ์ตัดพ้อ
“นี่ ถ้านิดมานั่งคุยกับโป๊ะทั้งวัน นิดก็โดนไล่ออกสิ ไม่เห็นรังสีอำมหิตจากตาพ่อเลี้ยงเหรอ”
“เราไม่ได้มาคุยทั้งวัน แต่ไหนๆก็มาแล้วขออยู่ดูนิดทำงานหน่อยได้ไหมล่ะ”
“ได้เลย วันนี้เกษตรกรนริศราพาทัวร์เต็มที่”
พิสุทธิ์ยิ้มด้วยความดีใจแล้วเดินไปกับนริศรา

ภูชิชย์เดินคุยกับเจ้าทิพย์ดารามาตามทางเดินภายในไร่
“ไหนเจ้าว่าจะมาอยู่กับยัยนิดทั้งวัน แล้วทำไมไปบอกเขาว่ามีธุระล่ะครับ” ภูชิชย์ถาม
“แหม...จะให้น้อยไปเป็น กขค. เขาเหรอคะภู”
“ก็เลยส่งเสริมซะงั้น ดีนะครับจู่ๆก็สนับสนุนให้พนักงานของผมอู้งาน”
“ไม่เอาล่ะค่ะ ถ้าภูเกเรแบบนี้น้อยไม่คุยด้วยแล้ว”
“นี่ผมกลายเป็นคนไม่ดีไปแล้วเหรอครับ”
“ใช่ ก็อยากมาว่าไอดอลของน้อยทำไม”
“โห วันหลังเจ้ามาไร่ผมก็เอาป้ายไฟชื่อยัยนิดนั่นติดมาด้วยนะครับ” ภูชิชย์แซว
เจ้าทิพย์ดาราทำท่าดีใจ “จริงด้วย ความคิดดีจังค่ะ น้อยไปสั่งทำวันนี้เลยดีกว่า”
“ห๊า....นี่เอาจริงเหรอเนี่ย”
“ก็อยากมาล้อทำไม เดี๋ยวนี้หัดประชดประชันน้อยนะ”
พูดจบเจ้าทิพย์ดาราก็หยิกไปทั่วแขนของภูชิชย์ ภูชิชย์หลบเป็นพัลวันแล้วก็จับมือเจ้าทิพย์ดารา เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “เราไม่ได้หยอกล้อเล่นกันแบบนี้นานมากเลยนะคะภู”
ภูชิชย์หยุดนิ่งแล้วคิดตาม
“มีอะไรเหรอคะภู” เจ้าทิพย์ดาราถาม
“เอ่อ...ผมก็กำลังคิดเหมือนเจ้าว่าเราไม่ได้ล้อเล่นแบบนี้นานมาก”
“น้อยมีความสุขมากเลยนะคะ”
เจ้าทิพย์ดาราเกาะแขนภูชิชย์แล้วซบกับแขนของเขาพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข ภูชิชย์แอบมองเจ้าทิพย์ดาราด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“วันนี้เจ้าอยากไปไหนไหมครับ ผมจะอยู่กับเจ้าทั้งวันเลย”
“จริงนะคะ งั้นเราไปกาดคำเที่ยงกันนะคะ”
ภูชิชย์งง “กาดคำเที่ยง”

นริศราซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของพิสุทธิ์มาที่ไร่องุ่น พิสุทธิ์จอดรถแล้วทั้งสองก็ลงไปเดินดูไร่องุ่น นริศรายืนอธิบายเกี่ยวกับไร่องุ่นให้พิสุทธิ์ฟัง จากนั้นทั้งสองก็มาที่สวนลำใย ก่อนจะขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป
พอมาถึงลานตากกาแฟ นริศราอธิบายให้พิสุทธิ์เข้าใจภาพรวมแล้วชวนเดินต่อไปจนถึงฟาร์มวัว ภูชิชย์ขับรถมาจอดซุ่มดูทั้งคู่อยู่ห่างๆ สักพักเขาก็ขับรถออกไป
มอเตอร์ไซค์ของพิสุทธิ์แล่นมาจอดที่โรงอาหาร นริศราพาพิสุทธิ์เดินเข้ามาในโรงอาหาร เหล่าคนงานมองแล้วก็ซุบซิบกัน
แม่อุ้ย ลุงปั๋น พร และผลนั่งมองอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน
“ใครมากับคุณนิดวะพร” แม่อุ้ยถาม
“แหม...ก็เห็นพร้อมๆกันอ่ะแม่อุ้ย จะรู้ไหมล่ะ”
“สงสัยแฟนคุณนิด” ลุงปั๋นพูดขึ้น
ผลหูผึ่งมองตามทันทีแล้วเขาก็เบ้ปากก่อนจะแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจออกมา
นริศราพาพิสุทธิ์มาถึงโต๊ะที่พวกแม่อุ้ยนั่งกันอยู่
“แม่อุ้ย ฉันพาเพื่อนมาฝากท้องด้วยคนนะจ๊ะ”
“แฟนใช่ไหมคะ” แม่อุ้ยชิงถาม
นริศราตกใจ “ไม่ใช่ แค่เพื่อนน่ะ”
พรเขิน “เพื่อนคุณนิดหล่อจังค่ะ”
นริศรากับพิสุทธิ์ถึงกับหัวเราะเพราะขำพร ผลหมั่นไส้ถือจานลุกขึ้นเดินออกไป
“พอดีเลย งั้นนั่งด้วยกันนะครับคุณนิด” ลุงปั๋นชวน
นริศรากับพิสุทธิ์นั่งลงร่วมโต๊ะแม่อุ้ย ผลเอาจานวางลงในที่เก็บจานแล้วหันไปมองอย่างไม่พอใจ บัวเกี๋ยงเดินเข้ามาหาผล
“ใครน่ะพี่ผล”
“คุณนิดบอกว่าเพื่อน แต่พี่ว่าผัว” ผลตอบอย่างเคืองๆ
“ต๊าย มีผัวแล้วเหรอ” บัวเกี๋ยงร้องอย่างดีใจ
“อย่าเพิ่งดีใจไป คุณนิดเขาอาจจะนิสัยเหมือนเอ็งก็ได้ มีผัวแล้วแต่อยากจับพ่อเลี้ยง”
บัวเกี๋ยงได้ยินก็ถึงกับอึ้ง ผลมองบัวเกี๋ยงแล้วอารมณ์เสียเดินออกไปทันที บัวเกี๋ยงมองไปที่นริศราด้วยความหมั่นไส้
“ก็ลองมาแย่งดูสิ” บัวเกี๋ยงพูดกับตัวเอง

วิทวัสกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง จู่ๆ มัลลิกาก็เดินถือโทรศัพท์มือถือเข้ามาในลักษณะเหมือนคุยกับใครอยู่
“สวัสดีตอนสิบเอ็ดโมงค่ะ” มัลลิกาผละจากหูโทรศัพท์มาทักวิทวัส
วิทวัสเหลือบมองแล้วทำงานต่อ
“ไม่ถามเหรอคะว่าทำไมวันนี้มอลลีมาสาย”
“ผมจะถามถ้าคุณมาเช้า”
มัลลิกาค้อน “คือเมื่อคืนมอลลี่ไปรอพี่วัสที่คอนโดฯค่ะ”
วิทวัสชะงักมองมัลลิกาด้วยความโกรธ
“นี่มันเกินไปแล้วนะ”
มัลลิกาส่งโทรศัพท์ให้วิทวัส “คนที่จะบอกว่าใครทำเกินไปอยู่ในสายแล้วค่ะ”
วิทวัสมองหน้าจอโทรศัพท์จึงเห็นชื่อขึ้นว่าคุณเล็ก

มัลลิกาเดินยิ้มออกมาจากห้องของวิทวัส
“ขอโทษนะคะพี่วัสมอลลี่ทำไปเพราะรักค่ะ”
มัลลิกาเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วเปิดกระเป๋าหยิบแป้งขึ้นมาเติมหน้า

สุพัฒนายืนคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าโกรธจัดอยู่ในห้องรับแขก
“พี่วัส พี่วัสโกหกคุณเล็ก โกหกพี่ภู พี่วัสมีผู้หญิงใช่ไหม บอกมาเดี๋ยวนี้”
วิทวัสนั่งคุยโทรศัพท์กับน้องสาวอยู่ที่ห้องทำงาน
“พี่ไม่มีอะไรจะบอก”
“พี่วัส นี่พี่วัสยอมรับแล้วเหรอว่าพี่วัสแอบมีผู้หญิง นังนิดใช่ไหม พี่วัสซื้อบ้านอยู่กับมันใช่ไหม”
วิทวัสเสียงเข้ม “คุณเล็ก....พี่ไม่มีใครทั้งนั้น ยิ่งคุณนิดยิ่งไม่เกี่ยวเข้าไปใหญ่”
“คุณเล็กไม่เชื่อ พี่วัสโอ๋มันขนาดนี้ทำไมจะไม่เกี่ยว”
“คุณเล็ก พี่ว่าคุณเล็กเลิกคิดเรื่องพวกนี้ แล้วกลับมารักษาตัวที่นี่ดีกว่า เพราะรู้สึกอาการจะลุกลามมากขึ้นทุกวันนะ”
สุพัฒนากรี๊ดลั่นจนวิทวัสต้องเอาโทรศัพท์ออกห่าง
“พี่วัส ไอ้พี่บ้า พี่วัสน่ะแหล่ะบ้า”
สุพัฒนาจะอ้าปากว่าต่อแต่วิทวัสกดตัดสายไปก่อน
“พี่วัส...พี่วัส กลับมาคุยกันก่อน พี่วัส”

มัลลิกานั่งเติมลิปสติกที่ปากอยู่ที่โต๊ะ วิทวัสเปิดประตูออกมา มัลลิการีบเก็บเครื่องสำอางก์แล้วยิ้มรับ
“เป็นยังไงบ้างคะ พี่วัสสารภาพอะไรกับคุณเล็กบอกให้มอลลี่รู้บ้างสิคะ”
วิทวัสจ้องหน้ามัลลิกานิ่ง แล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ “ถ้ายังตามคุกคามชีวิตผม คุณจะเป็นเลขาคนแรกที่ถูกเจ้านายแจ้งตำรวจจับ”
มัลลิกาอ้าปากค้างที่ได้ยินเช่นนั้น
“คุณยังไม่ผ่านโปร ผมจะให้เวลาปรับปรุงตัวอีกห้าวัน ถ้ายังไม่เลิกทำตัวนักสืบแล้วหันกลับมาทำงาน ผมจะไล่คุณออก”
มัลลิกาจ้องหน้าวิทวัสด้วยความโกรธ วิทวัสประสานสายตาสู้
“แต่มอลลี่เป็นเพื่อนคุณเล็กนะคะ แล้วคุณพ่อมอลลี่ก็ใหญ่มากด้วย”
“งั้นก็เรียกพ่อคุณมาเลย ผมจะได้ถามท่านว่าส่งคุณไปเรียนอังกฤษทำไม สูญเปล่าทางการศึกษาชัดๆ”
พูดจบวิทวัสก็เดินเข้าห้องไป มัลลิกาอยากจะกรี๊ดแต่ก็ต้องเอาสองมือปิดปากตัวเองไว้

ร้านขายต้นไม้และไม้ดอกวางตัวอยู่ทั่วกาดคำเที่ยง ภูชิชย์วางกระถางดอกไม้ใส่หลังรถกระบะที่มีไม้ดอกไม้ประดับอยู่เต็มไปหมด เจ้าทิพย์ดารายืนดูไม้ดอกที่เรียงรายอย่างมีความสุข
“ที่จริงเจ้าไม่ต้องลำบากซื้อดอกไม้พวกนี้ก็ได้นะครับ” ภูชิชย์ว่า
“ไม่ได้หรอกค่ะ น้อยรู้สึกผิดที่เคยออกปากว่าจะช่วยทำสวนดอกไม้ให้คุณเล็ก แต่ก็ไม่เคยเข้าไปทำเลย ขอน้อยช่วยซื้อพันธ์ดอกไม้ไปให้คุณนิพนธ์แกลงเถอะนะคะ”
“เจ้าจะรู้สึกผิดทำไมครับ ยัยคนที่อยากทำคนแรกผมไม่เห็นจะเดือดร้อนเลย” ภูชิชย์แขวะนริศรา
“แหม...ก็คุณนิดเธองานเยอะภูก็รู้ แล้วนี่ยังจะเพิ่มโปรเจ็คปลูกกาแฟปลอดสารพิษอีก ยังไงเธอก็ไม่มีเวลาหรอกค่ะ”
“ฮึ...แต่มีเวลานัดผู้ชายมาไร่”
“ภูอ่ะ...ว่าคุณนิดอีกแล้วนะไ
ภูชิชย์จ้องหน้าเจ้าทิพย์ดาราด้วยแววตาสงสัย
เจ้าทิพย์ดารางง “มีอะไรเหรอคะ”
“เจ้าแอบเป็นดี้หรือเปล่าครับ เห็นออกโรงปกป้องยัยนั่นจัง”
เจ้าทิพย์ดาราตัดบท “ไปเถอะค่ะ น้อยหิวแล้ว”
“นั่นไงไม่ตอบชัวร์เลย”
เจ้าทิพย์ดาราอมยิ้มเจ้าเล่ห์ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของภูชิชย์ก็ดังขึ้น ภูชิชย์หยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นชื่อคุณเล็ก เขาก็รีบกดรับทันที
“ว่าไงเหรอคุณเล็ก...” ภูชิชย์หน้าเสียด้วยความตกใจ “อะไรนะ.........คุณเล็กใจเย็นๆก่อนนะ.....เอ่อ คือพี่มาธุระที่เชียงใหม่อาจจะกลับ.....ฮัลโหลๆ คุณเล็ก”
ภูชิชย์กดวางสายแล้วก็มีสีหน้าไม่ดี เขามองไปเห็นเจ้าทิพย์ดารามองหน้าเหมือนรอคำตอบอยู่
ภูชิชย์ถอนใจ “คุณเล็กกับนายวัสทะเลาะกันครับ”
เจ้าทิพย์ดารายิ้ม “งั้นเรารีบกลับเถอะค่ะ”
“ผมขอโทษนะครับเจ้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ภูรีบกลับไปหาคุณเล็กเถอะ”
ภูชิชย์ยิ้มขอบคุณเจ้าทิพย์ดารา

เวลาผ่านไป ภูชิชย์กลับมานั่งคุยกับสุพัฒนาที่โซฟา สุพัฒนาดวยวายด้วยมีสีหน้าที่โมโหสุดขีด
“พี่ภูต้องจัดการเรื่องนี้นะคะ คุณเล็กไม่ยอมให้พี่วัสเอานังนิดมาผลาญสมบัติเราเด็ดขาด”
“ใจเย็นๆก่อนคุณเล็ก บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ภูชิชย์ปลอบ
สุพัฒนาตวาด “นี่พี่ภูเข้าข้างพี่วัสเหรอ ใช่สิ เข้าใจกันนี่ พี่ภูก็คงชอบนังนิดด้วยใช่ไหม”
“คุณเล็ก ไปกันใหญ่แล้ว”
“ก็มันจริงไหมล่ะ ตอนนี้คุณเล็กเหมือนหมาหัวเน่า ทั้งพี่ภูพี่วัสต่างก็มีคนอื่นกันหมด ต่อไปถ้าคุณเล็กตายก็คงไม่มีพี่คนไหนมาสนใจ”
สุพัฒนากวาดของที่อยู่บนโต๊ะรับแขกลงพื้นด้วยความโกรธจนภูชิชย์ต้องเข้าไปกอด
“คุณเล็กหยุดเถอะพี่ขอร้อง เอาเป็นว่าพี่จะจัดการเรื่องนี้ให้นะ”
สุพัฒนาหยุดอาละวาดแล้วหันมายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“จริงๆนะคะพี่ภู แล้วก็เรื่องของพี่ภูกับนังเจ้าน้อยด้วยนะคะ พี่ต้องเลิกกับมัน ส่วนนังนิดก็ห้ามเข้าใกล้มันอีกนะคะ คุณเล็กไม่อยากเสียพี่ภูกับพี่วัสไป แล้วคุณเล็กจะแนะนำเพื่อนคุณเล็กที่สวยๆรวยๆ สูงส่งกว่านังนิดกับเจ้าน้อยให้พี่ภูนะคะ”
ภูชิชย์ถอนใจ “เอาเป็นว่าพี่จะคุยกับนายวัสก่อนเรื่องอื่นไว้ว่ากันที่หลัง”
ภูชิชย์เดินออกไปจากห้อง สุพัฒนามองตามแล้วก็ยิ้มด้วยความดีใจ
“ยังไงคุณเล็กก็ต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้พี่ภูกับพี่วัสค่ะ”

วิทวัสนั่งคุยกับรัชนิดาในห้องทำงานของรัชนิดาที่ธนาคาร
“ตายแล้วนี่ทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ” รัชนิดาตกใจ เธอนั่งพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าเครียด
“ถ้าดาไม่สบายใจ ผมว่าเราย้ายครอบครัวไปอยู่เมืองนอกกันเลยไหม” วิทวัสเสนอ
รัชนิดาตกใจ “ไปเมืองนอกเหรอคะ”
“ใช่ ผมจะจัดการทุกอย่างเอง” วิทวัสบอก
“ถ้าคุณไปแล้วบริษัทของครอบครัวคุณล่ะคะ”
วิทวัสมีสีหน้าสลด “ก็คงต้องให้พี่ภูหรือคุณเล็กดู”
“คุณวัสคะ ดาเองก็อยากจะหนีเรื่องวุ่นวายพวกนี้ แต่เราต้องคิดให้รอบคอบนะคะ ตอนนี้คุณเล็กก็ป่วยไม่ได้ทำงาน ถ้าคุณไปอีกคน ทุกอย่างก็จะตกหนักที่คุณภู คุณวัสคิดดูให้ดีนะคะ”
วิทวัสนิ่งคิด
“แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งพี่ภูกับคุณเล็กรู้เรื่องของเราล่ะ” วิทวัสถามขึ้น
รัชนิดาถอนใจ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดาก็จะรักคุณตลอดไปค่ะ”
“ผมก็เหมือนกัน ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแยกคุณกับลูกไปจากผมเด็ดขาด”
รัชนิดากับวิทวัสมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันอย่างเศร้าๆ

วิทวัสเดินออกจากธนาคารที่รัชนิดาทำงาน ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น วิทวัสหยิบมาดูก็ส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“คงฟ้องจนหมดแล้วสิ” วิทวัสกดรับสาย “ครับพี่ภู”
ภูชิชย์เดินคุยโทรศัพท์อยู่ในไร่กาแฟ
“คุณเล็กบอกพี่หมดแล้ว นายมีอะไรจะพูดไหม”
“ก็อย่างที่ผมบอกคุณเล็กแหล่ะครับ ผมเช่าห้องไว้ที่ใกล้ๆบริษัท” วิทวัสบอก
“นายวัส พี่เป็นพี่นายนะ เอาเป็นว่า ถ้านายจะรักใครชอบใครพี่ไม่ว่า แต่นายต้องดูให้ดีๆ ผู้หญิงบางคนน่ะตอนเขาอยู่ใกล้นายเขาอาจจะดีเป็นทอง แต่พออยู่ห่างกันเขาอาจจะมีคนอื่นก็ได้”
“พี่ภูพูดอะไรครับผมไม่เข้าใจ”
“ก็ยัยนิดสุดที่รักของนายไง”
“นี่พี่ภูเชื่อคุณเล็กเหรอครับ”
“พี่เชื่อตาตัวเอง ตอบมาดีกว่า ที่นายไม่กลับคอนโดก็เพราะนายแอบไปซื้อบ้านอยู่กับยัยนี่แล้วใช่ไหม”
วิทวัสตกใจ “พี่ภู มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะครับ”
“ไว้นายพร้อมจะพูดความจริงเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน แต่ที่ฉันอยากบอกก็คือถ้านายเลือกผู้หญิงที่ไม่เหมาะไม่ควร พี่ก็จำเป็นจะต้องทำหน้าที่ของพี่ที่ดี เข้าใจใช่ไหม”
วิทวัสกดวางสายไปอย่างงงๆ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความกลุ้ม “เฮ้อ...จะช่วยคุณนิดยังไงดีเนี่ย”

นริศรากับพิสุทธิ์กำลังยืนดูคนงานช่วยกันถางหญ้าพื้นที่รกร้างเพื่อเตรียมปรับพื้นที่
“โห...กว่ากาแฟจะโตจนเก็บได้ก็ 3 ปีแล้วมั้ง แสดงว่ากว่านิดจะได้กลับไปเรียนก็อีกนานน่ะสิ” พิสุทธิ์ตั้งคำถาม
“นี่โป๊ะ ถ้าเราออกไร่นี่เขาก็หาคนมาทำงานแทนเราได้ เราแค่เริ่มต้นให้เขาเท่านั้น”
พิสุทธิ์ถอนใจอย่างโล่งอก “ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะต้องรอนาน”
นริศรายิ้ม “โป๊ะอย่ารอเราเลย โป๊ะมีโอกาสดีกว่าเราก็รีบกลับไปเรียนเถอะ”
“ไม่ล่ะ ยังไงเราก็จะรอไปพร้อมนิด” พิสุทธิ์ยืนยัน
“รู้ไหม โป๊ะเป็นเพื่อนที่ดื้อที่สุดที่เรารู้จักเลยนะ”
ทันใดนั้นภูชิชย์ก็ขับรถมาจอดแล้วลงมาหาทั้งคู่ พิสุทธิ์ยิ้มให้ด้วยความจริงใจแต่ภูชิชย์ไม่เต็มใจจะยิ้มตอบ
“ขอโทษนะครับ พอดีผมจะต้องคุยงานกับผู้จัดการของผม” ภูชิชย์พูด
“ผมต้องขอโทษมากกว่าที่มากวนนิดทั้งวัน” พิสุทธิ์หันไปพูดกับนริศรา “ไว้วันหยุดเราเจอกันนะ” พิสุทธิ์หันไปลาภูชิชย์ “ผมไปนะครับพ่อเลี้ยง”
ภูชิชย์พยักหน้ารับ พิสุทธิ์ขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ออกไป นริศรายืนโบกมือส่ง ภูชิชย์มองนริศราด้วยความหมั่นไส้
“ตกลงเธอจบประมงหรือป่ะเนี่ย” ภูชิชย์แขวะ
นริศรางง “พ่อเลี้ยงว่าอะไรนะคะ”
“เปล่า...เห็นจับปลาหลายมือ”
“นี่..พ่อเลี้ยง ตกลงธุระคุณคือมาหาเรื่องฉันใช่ไหม”
ภูชิชย์มองไปรอบๆ แล้วเห็นคนงานอยู่กันเยอะจึงเอ่ยชวนนริศรา
“ไปคุยทางโน้นดีกว่า”

ภูชิชย์ยืนดูพระอาทิตย์ตกดินในที่ห่างจากพื้นที่รกร้าง นริศรายืนหงุดหงิดอยู่ข้างๆ
“ตกลงพ่อเลี้ยงพาฉันมาที่นี่ทำไม มีอะไรก็พูดสักทีเถอะ”
“ตกลงเธอกับนายโป๊ะเป็นอะไรกัน”
นริศราแปลกใจ “เป็นอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“เกี่ยวสิ เพราะถ้าเธอมีแฟนแล้วก็เลิกยุ่งกับนายวัสน้องชายฉัน แล้วไปมุ่งมั่นจับนายโป๊ะของเธอดีกว่า เพราะดูแล้วนายนั่นถึงจะเด็กไปหน่อย แต่ความรวยของเขาก็คงทำให้เธอสุขสบายได้”
“พ่อเลี้ยงคะ ถ้าคุณจะมาคุยเรื่องไร้สาระแบบนี้ฉันขอไปทำงานดีกว่า”
นริศราจะเดินไปแต่ภูชิชย์ดึงแขนเธอไว้ นริศราจะศอกใส่อีกครั้งแต่ภูชิชย์รู้ทันจึงจับไว้
“จำไว้นะนริศรา ลูกไม้ของเธออาจจะหลอกล่อคนอื่นได้หลายครั้ง แต่หลอกคนอย่างฉันได้แค่ครั้งเดียว”
“ฉันจะไปทำงาน” นริศราบอก
“ฉันจะปล่อยเธอถ้าเธอรับปากว่าจะไม่ยุ่งกับนายวัส”
“ฉันสาบานเลยก็ได้ถ้าคุณต้องการ”
ภูชิชย์มองนริศราอย่างอึ้งๆ
“เธอพูดจริงเหรอ” ภูชิชย์ถามย้ำ
“ฉันไม่มีวันชอบคุณวัสมากไปกว่าเจ้านายกับลูกน้อง”
นริศรายืนยันหนักแน่น ภูชิชย์จึงยอมปล่อยนริศรา
“หวังว่าเราคงจะไม่ต้องมาคุยเรื่องนี้กันอีกนะคะ”
นริศราจะเดินไปแต่ภูชิชย์เห็นงูเห่าตัวโตกำลังเลื้อยมาก็รีบเข้าไปคว้าเอวนริศราเข้ามา “ระวัง!”
นริศราตกใจ “นี่จะทำอะไรฉัน ปล่อยนะไอ้บ้า!”
นริศราดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของภูชิชย์
“ไม่เห็นงูหรือไง” ภูชิชย์ชี้ให้ดู
นริศรามองไปก็เห็นงูเห่ากำลังเลื้อยตรงมา “กรี๊ด”

ด้วยความตกใจนริศราจึงดิ้นและหันหลังจะวิ่งหนีแต่กลับเสียหลักพาภูชิชย์ล้มไปด้วย ภูชิชย์รีบเอามือประคองหัวนริศราไว้ในอ้อมอกระหว่างที่ทั้งคู่กลิ้งตกเนินเขาลงไปด้วยกัน
ภูชิชย์กอดนริศรากลิ้งตกลงมาจากเนินเขาจนลงมากองอยู่ที่พื้น แม้จะบอบช้ำและกลิ้งจนถึงพื้นแล้ว แต่ภูชิชย์ก็ยังคงกอดนริศราไว้แน่น

นริศราซบหน้าอยู่ที่อกภูชิชย์ พอได้สติเธอก็เงยหน้ามองแล้วเห็นว่าภูชิชย์มองเธออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองมองตากันนิ่งสักพักแล้วนริศราก็รีบผละมาลุกขึ้นนั่ง ภูชิชย์ค่อยๆ ลุกตาม
ภูชิชย์ถามด้วยความเป็นห่วง “เธอเป็นไงมั่ง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ”
นริศรากับภูชิชย์ลุกขึ้นยืน ทั้งสองต่างไม่กล้าสบตากัน
ภูชิชย์รู้สึกปวดสะบักหลังทางด้านซ้ายจึงเอามือจับเพื่อจะบีบนวดแต่ก็รู้สึกเจ็บมาก พอชักมือกลับมาดูก็เห็นว่ามีเลือด
นริศราเห็นเลือดที่มือภูชิชย์ก็ตกใจ “เอ๊ะ...นั่น”
นริศราเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นว่าภูชิชย์เสื้อขาดและมีเลือดออก
“คงโดนหินหรือกิ่งไม้น่ะ” ภูชิชย์บอก
“ฉันว่ารีบกลับไปทำแผลเถอะค่ะ” นริศราแนะนำ
ภูชิชย์มองไปรอบๆ ก็เห็นกิ่งไม้ยาวตกอยู่ เขาก้มหยิบแล้วเดินกลับมาหานริศรา
“เอาไว้เผื่อเจองูอีก”
ภูชิชย์เดินนำ นริศราจะเดินกลับขึ้นเนินแต่เดินไปได้นิดหน่อยก็ลื่น ภูชิชย์รีบหันไปคว้ามือนริศราไว้ แล้วเขาก็รู้สึกเจ็บที่สะบักแต่ก็กัดฟันทนเจ็บ
“ฉันเดินเองได้ค่ะ คุณบาดเจ็บดูแลตัวเองดีกว่า”
“มาเหอะน่า หรือเธอจะไหลขึ้นไหลลงอยู่ตรงนี้ทั้งวัน”
นริศราค้อนแล้วก็ยอม ภูชิชย์จึงจูงมือนริศราเดินกลับขึ้นเนินเขาไป

คนงานกลุ่มใหญ่ที่กำลังถางหญ้าและฟันต้นไม้เพื่อปรับพื้นที่รกร้างเห็นภูชิชย์กับนริศราเดินมาในสภาพมอมแมมก็รีบวิ่งเข้ามาดู
“พ่อเลี้ยง คุณนิด ไปทำอะไรมาครับ ทำไมเป็นแบบนี้” หนานถามขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอก อุบัติเหตุนิดหน่อย ทุกคนกลับไปทำงานเถอะ” ภูชิชย์บอก
คนงานค่อยๆ ทยอยแยกย้ายกลับไปทำงาน ภูชิชย์จะเดินไปที่รถแต่นริศราทักขึ้น
“ให้ฉันขับรถไปส่งนะคะ จะได้ทำแผลให้คุณด้วย”
“ไม่ต้องหรอก แผลแค่นี้เอง” ภูชิชย์บอก
ภูชิชย์เดินไปเปิดประตูรถแต่เขาก็รู้สึกเจ็บหลังขึ้นมาอีก นริศราเห็นอาการของภูชิชย์จึงรีบวิ่งมาหา
“คุณเดี้ยงขนาดนี้แล้วยังจะทำเก่งอีก”
ภูชิชย์ฉุน “นี่เธอกล้าว่าฉันเหรอ”
นริศราแบมือออก “กุญแจค่ะ”
ภูชิชย์จำใจส่งกุญแจรถให้นริศรา นริศณาประคองภูชิชย์ไปนั่งข้างคนขับ แล้วเธอก็วิ่งอ้อมกลับไปขึ้นด้านคนขับ ภูชิชย์มองนริศราอย่างเหยียดๆ ก่อนจะพูด
“ไม่ใช่ให้เธอทำแผลแล้วฉันเจ็บหนักกว่าเดิมนะ”
นริศรายิ้มกวน “ชาติที่แล้วฉันเป็น ฟลอเรนซ์ ไนติ้งเกล ค่ะ”
ภูชิชย์พึมพำ “ฮึ..ขี้โม้”
นริศราเชิดหน้าคล้ายจะท้าทาย ภูชิชย์มองด้วยสายตาเหยียดๆ

ภูชิชย์แหกปากร้องลั่นห้องทำงานของตัวเอง
“โอ๊ย เบาๆสิ นี่เธอแกล้งฉันหรือเปล่า?”
นริศราก้มหน้าก้มตาเช็ดแผลให้ภูชิชย์ซึ่งถอดเสื้ออยู่ด้วยแอลกอฮอลล์
“ฉันไปแกล้งคุณที่ไหนล่ะ ล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ลมันก็ต้องแสบนิดนึงสิ ถ้าแกล้งต้องเป็นแบบนี้”
พูดจบนริศราก็หยิบขวดทิงเจอร์ขึ้นมา ภูชิชย์เห็นก็ถึงกับหน้าเสีย
“เฮ้ย...ทิงเจอร์”
นริศราจับคอให้ภูชิชย์หันหน้าไป แล้วเธอก็เอาทิงเจอร์ราดใส่สำลีจนชุ่มจากนั้นก็แปะไปที่แผลภูชิชย์ทันที ภูชิชย์สะดุ้งแล้วร้องลั่น
“โอ๊ย....ซี้ด นี่เธอใช้ทิงเจอร์เหรอ ยาอื่นตั้งเยอะแยะทำไมไม่ใช้ อู๊ย!”
นริศราพูดกวนๆ “หายไวไวนะคะพ่อเลี้ยง”
นริศราเอาพลาสเตอร์มาปิดทับแผล ภูชิชย์หันมาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง นริศราแกล้งทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าก้มตาเก็บของใส่กล่องยา ภูชิชย์หยิบเสื้อมาใส่ด้วยความยากลำบาก นริศราเห็นก็เลยเดินเข้ามาจะช่วย
“ให้ฉันช่วยดีกว่าค่ะ”
ภูชิชย์เริ่มระแวง “เธอจะแกล้งอะไรฉันอีกหรือเปล่าเนี่ย”
นริศรายิ้ม “วันนี้พอแค่นี้ค่ะ”
นริศราใส่เสื้อให้ภูชิชย์จากด้านหลังแล้วเดินอ้อมมาจะติดกระดุมให้ ทั้งสองประสานสายตากันชั่วครู่แล้วต่างก็รีบหลบตากัน นริศราช่วยติดกระดุมจนเสร็จแล้วกลับไปเก็บกล่องยาต่อ
“ขอบใจนะ” ภูชิชย์พูด
“ฉันก็ต้องขอบคุณพ่อเลี้ยงเหมือนกันที่ช่วยกัน ถ้าไม่ได้คุณฉันคงแย่”
นริศรายิ้มให้ด้วยไมตรีแล้วถือกล่องยาเดินออกไป ภูชิชย์มองตามแล้วเผลออมยิ้ม

สุพัฒนาเดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิดอยู่ในห้องรับแขก พอเห็นรถภูชิชย์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เธอก็รีบเดินไปรอที่ประตูทันที แต่เมื่อเห็นสภาพของภูชิชย์เธอก็แปลกใจ
“ทำไมพี่ภูเป็นแบบนี้ล่ะคะ”
“เอ่อ...พี่เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ” ภูชิชย์บอก
“เดี๋ยวค่ะ แล้วเรื่องพี่วัสตกลงว่ายังไง” สุพัฒนาถาม
“นายวัสก็บอกพี่เหมือนที่บอกคุณเล็ก”
“อย่าบอกว่าพี่ภูเชื่อพี่วัสนะคะ”
“พี่คุยกับนริศราแล้ว เขาก็ยืนยันว่าไม่มีอะไรกับนายวัส”
“ตอแหลทั้งคู่ละสิไม่ว่า ถ้าเราเชื่อสองคนนั่น มีหวังพี่วัสได้เอาสมบัติ พวกเราไปประเคนนังนิดหมดแน่”
สุพัฒนาเริ่มโกรธ เธอกำมือแน่น
“ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานว่านายวัสกับนริศราคบกันพี่คงทำอะไรมากไม่ได้” ภูชิชย์บอก
สุพัฒนาตวาด “พี่ภูจะรอให้นังนิดมันเอาทะเบียนสมรสมาแบ่งสมบัติเราไปงั้นเหรอ ใช่สินังนิดมันสวยนี่ ทั้งพี่ภูกับพี่วัสถึงได้ชอบมัน”
“คุณเล็ก ไปกันใหญ่แล้ว ทำไมมาพาลพี่ด้วยล่ะ”
ภูชิชย์เข้าไปจับมือน้องสาวแต่สุพัฒนาสะบัดออก
“จำไว้นะคะพี่ภู ยังไงคุณเล็กก็ไม่ยอมให้พี่วัสหรือพี่ภูไปคว้าพวกหิวเงินมาปอกลอกเรา ไม่ว่าจะนังเจ้าน้อยหรือนังนิด”
สุพัฒนาจ้องหน้าภูชิชย์ด้วยความโกรธแล้วเดินออกไปจากห้องทันที

สุพัฒนาเปิดประตูเข้าห้องมาด้วยสภาพที่เต็มไปด้วยความโมโหจนมือไม้สั่น สักพักบัวเกี๋ยงก็เคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา สุพัฒนาตวาดใส่บ่าวทันที “แกหายหัวไปไหนมา”
“บัวเกี๋ยงก็ไปดูเรื่องอาหารเย็นของคุณเล็กไงคะ แล้วบัวเกี๋ยงก็ได้ข่าวมาบอกคุณเล็กด้วยค่ะ”
“ข่าวอะไรของแกอีก”
“พวกคนงานท้ายไร่ มันมาคุยกันที่โรงอาหาร บอกว่าพ่อเลี้ยงกับนังนิดพากันไปคุยกันที่เนินเขาเป็นนานสองนานเลยค่ะ” บัวเกี๋ยงฟ้องทันที
“อะไรนะ” สุพัฒนาตกใจ
“แต่บัวเกี๋ยงว่าคงไม่ได้แค่คุยนะคะ เพราะเห็นเขาเล่าว่าหลังจากที่ กลับมาอีกทีก็เนื้อตัวมอมแมมทั้งคู่ แอบไปทำอะไรกันหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ”
“มิน่า พี่ภูถึงได้กลับมาในสภาพนั้น...นังนิด แกจะจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหน กรี๊ด”
สุพัฒนากรี๊ดลั่นแล้วกระชากหมอนมาตีที่เตียงไม่ยั้ง บัวเกี๋ยงถอยไปยืนหลบที่มุมห้องทันที สักพักสุพัฒนาก็หันขวับมาทางบัวเกี๋ยง บัวเกี๋ยงเห็นก็กลัวจนตัวสั่น
“นิพนธ์อยู่ไหน” สุพัฒนาตะคอกถาม
“คุณนิพนธ์ไปประชุมในเมืองค่ะ” บัวเกี๋ยงตอบ
“ตามนิพนธ์มาเดี๋ยวนี้ เร็วสิ.....ฉันบอกให้ตามไง...นังบ้า เร็วๆไม่ได้ยินเหรอ”
“ค่ะๆๆ เดี๋ยวนี้ค่ะ”
สุพัฒนาตวาดบัวเกี๋ยงลั่นห้อง บัวเกี๋ยงลนลานมือไม้สั่นหยิบโทรศัพท์ออกมาแทบไม่ทัน

สุพัฒนายืนรอนิพนธ์ที่ขับรถเข้ามาจอด นิพนธ์ลงจากรถมาพร้อมกับแฟ้มใบโต สุพัฒนาใจร้อนเดินเข้าไปโวยใส่นิพนธ์ทันที
“ทำไมถึงปล่อยให้นังนิดมันไปอยู่กับพี่ภูสองคน ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมให้จีบมัน มัวแต่ไปทำอะไรอยู่”
“ผมทำไม่ได้ครับ ผมไม่ได้ชอบคุณนิดแบบนั้น” นิพนธ์ยืนยัน
“ไม่ชอบก็ต้องจีบ มันเป็นคำสั่ง”
นิพนธ์นิ่งเงียบ สุพัฒนาเห็นแบบนั้นก็ยิ่งฉุน
“ผู้ชายที่มีแต่ตัวอย่างเธอน่ะเหมาะจะมีเมียเป็นคนงานด้วยซ้ำ ฉันแนะนำคนอย่างนังนิดให้ ยังจะโง่ไม่เอาอีกเหรอ”
“เรื่องความรักมันไม่มีโง่มีฉลาดหรอกครับ แต่มันอยู่ที่ว่าเรามีความสุขที่จะรักใคร”
สุพัฒนาเกาหัวจนผมยุ่ง “โอ๊ย...นี่เพ้อเจ้อบ้าอะไร”
“ผมไม่ได้เพ้อเจ้อ แต่ที่คุณเล็กไม่เข้าใจเพราะคุณเล็กไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง”
สุพัฒนาอึ้งแล้วก็โมโหจนมือไม้สั่น ก่อนที่จะลงมือตบหน้านิพนธ์ทันที
สุพัฒนาตวาด “แกกล้าว่าฉันเหรอ ไอ้นิพนธ์”
“ขอโทษครับ แต่ผมแค่อยากเตือนคุณเล็ก”
“ไม่ต้อง หน้าที่ของแกคือทำตามฉันสั่ง ไม่ต้องสะเออะมาเตือนฉันอีก ไอ้ลูกจ้าง”
“งั้นผมก็เสียใจที่จะบอกว่าผมเป็นลูกจ้างที่ทำตามเฉพาะเรื่องงานครับ”
“ไอ้...ไอ้...นิพนธ์ ไป....จะไปไหนก็ไป ฉันเกลียดแก ไอ้บ้า ไอ้นิพนธ์บ้า”
สุพัฒนาร้องกรี๊ดไม่หยุด นิพนธ์เดินหน้าเศร้าออกไปทันที

นิพนธ์เดินเซ็งๆ มาถึงแปลงดอกไม้ของสุพัฒนา แล้วเขาก็นั่งลงที่พื้นข้างกระถางดอกไม้ที่เจ้าทิพย์ดาราซื้อให้ซึ่งวางเรียงรายเตรียมถูกนำลงดิน
นริศราเดินเข้ามาเห็นนิพนธ์นั่งอยู่เช่นนั้นเธอก็แปลกใจจึงเอ่ยทักขึ้น
“อ้าว...คุณนิพนธ์ แหม...ขยันจังเลยนะคะมาดูแปลงดอกไม้อีกแล้ว”
นิพนธ์ฝืนยิ้ม “เอ่อ...ครับ”
“นิดแวะมาดูพวกดอกไม้ที่เจ้าน้อยซื้อมาให้น่ะค่ะ อยากเห็นว่ามีอะไรบ้าง”
นริศรามองไปที่กระถางดอกไม้ที่อยู่ข้างๆ นิพนธ์ แล้วรีบเข้าไปนั่งดูใกล้ๆ ก่อนจะยิ้มด้วยความตื่นเต้น
“พวกนี้น่ะเหรอคะ....โห...สวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ เสียดายถ้านิดไม่ติดเรื่องกาแฟที่ท้ายไร่นิดจะมาช่วยแน่นอน เอางี้ดีกว่า...ถ้านิดมีเวลาขอมาลงแรงอีกคนนะคะ”
นริศราพูดไปนั่งดูต้นไม้ไปแล้วก็รู้สึกว่าบรรยากาศเงียบพิกล พอเธอหันไปก็เห็นนิพนธ์ยืนเหม่อ
“คุณนิพนธ์” นริศราเรียก นิพนธ์สะดุ้ง “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เอ่อ...พอดีผมนึกได้ว่าต้องกลับไปพิมพ์รายงานประชุม ผมขอตัวก่อนนะครับ”
พูดจบนิพนธ์ก็เดินไปทันที นริศรามองอย่างสงสัยแล้วรีบเดินตามไป

นิพนธ์เดินครุ่นคิดมาเรื่อยๆ ตามทาง โดยไม่รู้ว่านริศราเดินตามมาห่างๆ สักพักหนึ่งเขาก็รู้สึกตัวจึงหันกลับไปมองก็เห็นนริศราเดินตามมาก่อนที่เธอจะหยุดยืนอยู่ห่างๆ
“คุณนิดตามผมมาทำไมครับ” นิพนธ์ถาม
“ตอนนี้มันเลิกงานแล้ว คุณนิพนธ์จะกลับไปพิมพ์รายงานอะไรคะ” นริศราถาม
นิพนธ์เงียบเพราะตอบไม่ได้
“คุณนิพนธ์คะ คุณนิพนธ์เองก็ช่วยเหลือนิดมาเยอะ ถ้ามีอะไรที่นิดพอจะช่วยได้บ้าง นิดก็อยากจะทำนะคะ”
นิพนธ์ยิ้มเศร้าๆ “ขอบคุณครับ”
“สงสัยคุณนิพนธ์คงยังไม่พร้อมจะคุยกับนิด ไม่เป็นไรค่ะ นิดจะเป็นเพื่อนที่พร้อมจะพูดคุยกับคุณนิดตลอดเวลานะคะ”
นิพนธ์พยักหน้ารับ นริศรายิ้มให้ด้วยความจริงใจ

ภูชิชย์ล้มตัวลงนอนแล้วก็รู้สึกเจ็บแผลจึงลุกขึ้นจับบริเวณแผลที่หลังแล้วก็เผลออมยิ้มออกมา เขานึกถึงตอนที่ตกเนินเขามากับนริศรา
ตอนนั้นภูชิชย์โอบกอดนริศราแล้วกลิ้งตกเนินเขาจนมากองอยู่ที่พื้น โดยที่ภูชิชย์ยังคงกอดนริศราไว้ในอ้อมอก นริศราที่ซบอยู่ที่อกของเขาเงยหน้ามองแล้วเห็นภูชิชย์ที่มองเธออยู่ก่อน ทั้งสองมองตากันสักพักแล้วนริศราก็รีบผละออกมาลุกขึ้นนั่ง ภูชิชย์ลุกขึ้นตาม

นริศรานอนลืมตาโพลงอยู่ในห้องพักของพร แล้วเธอก็ถอนหายใจแรงจนพรที่นอนอยู่ข้างๆ ตื่นขึ้น
“คุณนิดนอนไม่หลับเหรอคะ” พรงัวเงียถาม
“ฉันทำพรตื่นอีกแล้วใช่ไหม ขอโทษนะ”
“พรเห็นคุณนิดนอนพลิกตัวไปมาหลายครั้งแล้ว มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก พรนอนเถอะ”
พรหลับต่อ นริศราค่อยๆ ย่องออกไปจากห้องเพราะเกรงใจพร ภูชิชย์ที่นั่งอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเช่นกัน

ดวงจันทร์ดวงโตส่องแสงนวลตา ดวงดาวสกาวเต็มท้องฟ้าที่มืดมิด นริศราออกมายืนมองดวงจันทร์แล้วก็เดินเล่นไปตามทางหน้าห้องพักคนงานหญิง
สักพักนริศราก็ได้ยินเสียงกีตาร์เบาๆ ดังลอยมาจากที่ไหนสักแห่ง เธอรู้สึกแปลกใจจึงพยายามมองหาที่มาของเสียง นริศราเดินตามเสียงกีตาร์ไปเรื่อยๆ สักพักเธอก็หยุดชะงัก
“เสียงผีมาเล่นกีตาร์หรือเปล่าเนี่ย....อึ๋ย”
นริศราเริ่มรู้สึกกลัวจึงจะเดินกลับแต่ก็ได้ยินเสียงคนฮัมเพลงคลอไปกับเสียงกีตาร์ เธอจึงหยุดเดินแล้วหันกลับไปทางเดิม ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเสียงต่อไป

ภูชิชย์นั่งเล่นกีตาร์และฮัมเพลงอยู่ที่ศาลาริมทางเดิน นริศราเดินตามเสียงมาจนใกล้ถึงศาลาแล้วก็แอบดู เธอเห็นภูชิชย์กำลังนั่งเล่นกีตาร์และฮัมเพลงอยู่
“หืมมม...มีดนตรีในหัวใจกับเขาด้วยเหรอ”
นริศราเบ้ปากแล้วก็แอบดูต่อด้วยความรู้สึกสบายใจจนเผลอเอามือไปเกาะกิ่งไม้ กิ่งไม้หักคามือจนเกิดเสียงดัง นริศราหน้าเหวอรีบหันหลังจะเดินกลับ
“แอบดูฉันเหรอ” เสียงภูชิชย์ดังขึ้น
นริศราชะงัก เธอรีบออกจากที่ซ่อนแล้วเดินมาหาภูชิชย์ที่กำลังเกากีตาร์ด้วยท่าทีเหมือนไม่สนใจ
นริศรายิ้มแหยๆ “ฉันมาเดินเล่นแล้วได้ยินเสียงเพลงลอยมา ก็เลยเดินมาดู”
“คงไม่คิดว่าฉันเป็นผีนะ” ภูชิชย์ถาม
นริศรารีบพูดกลบเกลื่อน “ไม่คิ้ดดด ค่ะ ใครจะไปคิดแบบนั้น แหม นี่มันปี 2555 แล้วนะคะ”
ภูชิชย์ยิ้มมุมปากเพราะขำนริศรา “ฉันนอนไม่หลับก็เลยมานั่งเล่น”
“งั้นฉันไม่กวนพ่อเลี้ยงดีกว่า” นริศราจะเดินไป
“เดี๋ยวสิ” ภูชิชย์เรียก นริศราหยุดยืน “ที่เธอบอกเมื่อกลางวันน่ะ เธอพูดจริงใช่ไหม”
นริศรานึกสักครู่ก่อนจะพูด “เรื่องคุณวัสน่ะเหรอคะ” นริศราถอนใจด้วยความรำคาญ “ต่อให้พ่อเลี้ยงฆ่าฉันให้ตายฉันก็จะตอบหมือนเดิม พอใจหรือยังคะ”
“แสดงว่าตัดสินใจแล้วว่าจะจับนายโป๊ะ” ภูชิชย์สรุป
นริศราชักโกรธ “นี่พ่อเลี้ยงคะ เราจะคุยกันดีๆสักครั้งได้ไหม ฉันมาที่นี่เพื่อทำงานไม่ได้มาหาศัตรูนะคะ”
พูดจบนริศราก็เดินจ้ำหนีไปทันที
“นริศรา....เดี๋ยวสิ” ภูชิชย์พยายามเรียกไว้

นริศราเดินอย่างหงุดหงิดมาตามทางที่จะกลับห้องพัก
“คนอะไร เสียเวลาทำดีด้วยจริงๆ”
ทันใดนั้นผลก็โผล่ออกมาจากข้างทาง
นริศราตกใจ “ว๊าย!”
ผลยิ้มตาฉ่ำ เนื้อตัวของเขาคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า “ดึกๆดื่นๆไปไหนมาครับคุณนิด”
“ฉันมาเดินเล่น แต่กำลังจะไปนอน” นริศราตอบ
ผลเดินเข้ามาใกล้นริศรา นริศราถอยห่าง
“จะรีบไปไหนครับคุณนิด อยู่คุยเป็นเพื่อนผมก่อนสิครับ”
“นี่แอบไปกินเหล้ามาหรือเปล่า” นริศราถาม
“อยากรู้ก็มาอยู่ใกล้ผมสิครับ”
ผลเดินตรงเข้ามาหานริศรา นริศราถอยหลังแล้วหันหลังจะเดินหนีแต่ไปชนเข้ากับภูชิชย์ที่ถือกีตาร์เดินมาพอดี
“มีอะไรกันหรือเปล่า” ภูชิชย์ถาม

ผลยกมือกราบลงที่พื้นห้องทำงานของภูชิชย์ ภูชิชย์กับนริศรานั่งมองอยู่บนเก้าอี้
“พ่อเลี้ยงครับ ผมผิดไปแล้ว ผมสัญญาจะไม่หนีออกไปอีกแล้วครับ” ผลบอก
“คราวที่แล้วไปมีเรื่องฉันก็ให้อภัยไปทีนึงแล้ว แต่ไม่เข็ด งั้นก็ออกไปหางานอื่นที่แกจะได้กินเหล้าทุกวันก็แล้วกัน” ภูชิชย์ดุ
ผลกลัวจนลนลานรีบคลานเข้าไปหานริศรา
“คุณนิด ช่วยผมหน่อยสิครับ ผมไม่อยากถูกไล่ออก ผมไหว้ละครับ” ผลก้มลงกราบ
นริศรานิ่งคิดเพราะตัดสินใจไม่ถูก
“พอเถอะไอ้ผล ฉันตัดสินใจแล้ว” ภูชิชย์บอก
ผลตกใจ “พ่อเลี้ยง”
“เอ่อ...พ่อเลี้ยงคะ นายผลทำผิดเป็นครั้งที่สอง เราลงโทษอย่างอื่นไม่ได้เหรอคะ” นริศราขอ
“นี่เธอใจอ่อนอีกแล้วเหรอ”
“ฉันอยากขอโอกาสให้นายผลอีกสักครั้ง” นริศราบอก
“ใช่ครับพ่อเลี้ยง ผมขอโอกาสอีกครั้งนะครับ” ผลพูดกับนริศรา “คุณนิดช่วยผมด้วยครับ”
ภูชิชย์มองหน้านริศราด้วยความหงุดหงิด
“ตกลงครั้งที่สองก็ปล่อยอีก” ภูชิชย์ถามย้ำ
“เปล่าค่ะ ครั้งนี้นายผลต้องรับโทษบ้าง” นริศราบอก
“ได้ครับ ผมยอมทุกอย่าง ขอแต่อย่าให้ผมตกงานเลย” ผลอ้อนวอน
“แล้วเธอจะให้ฉันลงโทษยังไง” ภูชิชย์ถาม
“ตัดเงินเดือนค่ะ” นริศราตอบ
ภูชิชย์มองหน้านริศราด้วยความเซ็งที่เห็นนริศราใจอ่อนอีกครั้ง

ผลเดินออกมาจากสำนักงานแล้วหยุดมองกลับไปด้วยสายตาเคียดแค้น
“ไอ้ภูชิชย์ กูไม่รวยบ้างก็ไป”
ผลเดินกุมหัวกลุ้มใจและบ่นไปตามทาง
“โอ๊ย...แล้วจะเอาเงินที่ไหนกินเหล้าเข้าบ่อนวะเนี่ย”

นริศรากับภูชิชย์ช่วยกันปิดไฟในสำนักงาน แล้วจะเดินออกจากสำนักงาน
“เดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่บ้านพัก” ภูชิชย์บอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้”
“หรือจะเดินไปเจอกับไอ้ผลมันอีก”
นริศราหน้าเจื่อน
ภูชิชย์กับนริศราเดินมาด้วยกันเงียบๆ ตามทางเดินกลับไปห้องพักคนงานหญิง ทั้งคู่ต่างไม่มองหน้ากัน จนมาถึงหน้าบ้านพัก
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” นริศราเอ่ย
นริศราจะเดินขึ้นบ้าน แต่ภูชิชย์ตัดสินใจพูดขึ้น “ฉันขอโทษนะ”
“เรื่องอะไรคะ” นริศรางง
“ที่ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเธอ ฉันแค่เป็นห่วงน้องชาย”
นริศรายิ้ม “ในเมื่อพ่อเลี้ยงรู้แบบนี้แล้ว ต่อไปเราคงทำงานกันราบรื่นขึ้นนะคะ”
ภูชิชย์พยักหน้ารับ นริศราเดินขึ้นบ้านพักไป ภูชิชย์หันหลังเดินกลับ แต่เมื่อเขาเดินไปได้สักพัก นริศราที่กำลังเดินจะเข้าบ้านก็หันไปมองเป็นจังหวะเดียวกับที่ภูชิชย์หันกลับมามองพอดี พอประสานสายตากันทั้งสองก็รีบหันกลับแล้วแยกย้ายกันเดินไป

เช้าวันใหม่ คนงานกลุ่มหนึ่งทยอยกันเอาจานที่กินเสร็จแล้วไปวางในอ่างสำหรับล้าง นริศรา นิพนธ์ แม่อุ้ย และลุงปั๋นนั่งกินอาหารอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน
“แล้วคุณนิดจะไปคนเดียวเหรอคะ ฉันเป็นห่วง” แม่อุ้ยถาม
“นั่นสิครับ ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม” ลุงปั๋นอาสา
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ วันนี้ฝนไม่ตกฉันไปเองได้สบายมาก”
พรเดินถือถุงใส่เสื้อผ้าที่ลาวัลย์ให้มาจากโรงพยาบาลเข้ามาวางบนโต๊ะ
“นี่เสื้อผ้าที่พวกเรายืมมาจากโรงพยาบาลค่ะ พรซักรีดให้หมดแล้ว”
นริศราพูดกับนิพนธ์ “ยังไงนิดฝากคุณนิพนธ์ดูงานแป๊บนะคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ แล้วคุณนิดบอกพ่อเลี้ยงหรือยังครับ” นิพนธ์ถาม
นิพนธืพูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงของภูชิชย์ก็ดังขึ้น “ยังไม่เห็นมีใครบอกอะไรฉันเลย”
ทุกคนหันไปมองเห็นภูชิชย์เดินเข้ามาที่โต๊ะแล้วเลิกคิ้วมองนริศราเป็นเชิงถาม

ภูชิชย์ขับรถไปตามทางที่ตรงไปโรงพยาบาลโดยมีนริศรานั่งอยู่ข้างๆ
“ดีนะ เธอจะลางานไปไหนก็ไปลาที่โรงอาหาร ทุกคนรู้หมด ยกเว้นฉัน” ภูชิชย์ว่า
“เอ่อ...ฉันขอโทษค่ะ ฉันเห็นว่าไปรับกลับแค่นี้ฉันไปเองจะดีกว่า”
“นริศรา ฝ้ายเป็นคนงานของฉัน ยังไงฉันก็ต้องไปดูแล เข้าใจไหม”
“แต่คุณนิพนธ์บอกว่าพ่อเลี้ยงมีประชุมที่จังหวัดวันนี้นี่คะ”
“ประชุมเหรอ” ภูชิชย์นึกขึ้นได้ก็อึ้งไปทันที

มัลลิกากำลังนั่งทำงานอย่างขมักเขม่นอยู่ที่โต๊ะของเธอ วิทวัสเดินเข้าบริษัทมาเห็นเข้าก็ถึงกับหยุดชะงักแล้วเหลือบดูนาฬิกาข้อมือเพื่อเช็คเวลา มัลลิกาเห็นวิทวัสแปลกใจก็ยิ้มให้
“มอร์นิ่งค่ะพี่วัส ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะ นิวมอลลี่ไงคะ”
“ขอให้ทำให้ได้ตลอดนะ” วิทวัสพูด
มัลลิกาลุกขึ้นมายืนยิ้ม “มอลลี่มาคิดๆดูแล้ว มอลลี่ก็ทำสิ่งที่ไม่สมควรมาเยอะ แล้วหลายอย่างที่พี่วัสพูดก็ถูก มอลลี่ไม่อยากให้ใครมาว่ามอลลี่สูญเปล่าทางการศึกษาต่อไปนี้มอลลี่จะปรับปรุงตัวค่ะ”
มัลลิกาหยิบแฟ้มส่งให้วิทวัส
“แฟ้มการทำสัญญาส่งองุ่นกับบริษัท เบสท์ ไวน์เนอรี่ค่ะ พอดีนอนไม่หลับก็เลยทำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ” มัลลิกาหยิบสมุดจดคิวขึ้นมาดู “ลูกค้าจะมาพบพี่วัสตอนสิบโมงนะคะ”
“ผมดีใจที่เห็นคุณเป็นแบบนี้นะ”
วิทวัสเอ่ยชมแล้วเดินเข้าห้องไป มัลลิกามองตามยิ้มๆ แล้วนั่งลงทำงานต่อ

ผู้ร่วมประชุมนั่งกันอยู่เต็มโต๊ะทรงรีตัวใหญ่ในห้องประชุมของหอการค้าจังหวัด จะมีก็แต่ที่นั่งข้างๆเจ้าทิพย์ดาราที่ยังว่างเปล่า
“ปีนี้กิจกรรมใหญ่ที่เหลือก็คงจะเป็นงานฤดูหนาว” ประธานหอการค้ากล่าว “กับการจัดงานหาทุนซื้อเครื่องกันหนาวให้โรงเรียนต่างๆนะครับ”
เจ้าทิพย์ดาราดูเวลาแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ
“ปกติผู้สนับสนุนหลักของทั้งสองงานก็จะเป็นไร่สุพัฒนากับไร่เทพมงคล ซึ่งปีนี้เราก็หวังว่าทั้งสองท่านจะสนับสนุนเหมือนเดิมใช่ไหมคะ” กรรมการคนหนึ่งถามขึ้น
ทุกคนในห้องปรบมือให้ เจ้าทิพย์ดาราลุกขึ้นยกมือไหว้ขอบคุณผู้ร่วมประชุม
“ทางไร่เทพมงคลมีความยินดีที่จะช่วยเหลือทั้งสองงานเหมือนเดิมค่ะ”
“เอ..แล้วไร่สุพัฒนาล่ะครับ พ่อเลี้ยงภูยังไม่มาอีกเหรอ” ประธานหอการค้าถามขึ้น
กรรมการคนหนึ่งแซวขึ้น
“หรือว่ามอบหมายให้เจ้าน้อยตัดสินใจแทนแล้วคะ เพราะอีกหน่อยก็ต้องเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วนี่”
ทุกคนยิ้มด้วยความเอ็นดู แต่เจ้าทิพย์ดารายิ้มรับหน้าเจื่อนๆ หน้าจอมือถือของเจ้าทิพย์ดาราที่วางอยู่บนโต๊ะสว่างขึ้น

เจ้าทิพย์ดารารีบหยิบขึ้นมาดู









Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2555 3:40:07 น.
Counter : 474 Pageviews.

1 comment
เรื่องย่อจบบริบูรณ์ รักประกาศิต (ต่อ)




เมื่องานเริ่ม ภูชิชย์ที่เห็นนริศราก็ถึงกับตาค้างตะลึง และในงานเสื้อที่เจ้าน้อยขอให้นริศราเป็นคนเพ้นท์ก็ได้รับการประมูลจากภูชิชย์แข่งกับโป๊ะ จนสุดท้ายภูชิชย์ได้ไป โดยที่พิธีกรประกาศว่าเป็นฝีมือเพ้นท์ของเจ้าน้อย และเชิญเจ้าน้อยออกมาเต้นรำกับภูชิชย์ แต่เจ้าน้อยรู้สึกผิดจึงบอกไปว่าจริงๆแล้วเสื้อตัวที่ภูชิชย์ประมูลเป็นฝีมือการเพ้นท์ของนริศรา ค่ำคืนนั้นภูชิชย์จึงได้เต้นรำกับนริศรา

หลังจากงานเลิก โป๊ะจะพานริศราไปดื่มกาแฟ ภูชิชย์อยากไปด้วย แต่โป๊ะพูดตรงๆขอเป็นเวลาส่วนตัว ทำให้ภูชิชย์โมโหหงุดหงิดที่หน้าแตก เมื่อแยกคู่กันไปแล้ว เจ้าน้อยก็ถามภูชิชย์ตรงๆว่าชอบนริศราใช่ไหม ภูชิชย์อึ้งตอบไม่ได้ เจ้าน้อยบอกว่าเธอสังเกตุมานานแล้ว ภูชิชย์ขอโทษเจ้าน้อย แต่เขาสัญญาว่าจะกลับมารักเจ้าน้อย เพราะยังไงเขาก็รักผู้หญิงอย่างนริศราไม่ได้ เจ้าน้อยบอกว่าภูชิชย์รักไปแล้ว และที่สำคัญนริศราก็เป็นคนดีพอที่ภูชิชย์จะรัก เจ้าน้อยบอกว่าเธอจะไม่อยู่กับคนที่ไม่ได้รักเธอเป็นอันขาด ภูชิชย์เศร้าและเสียใจแต่ไม่รู้จะทำยังไง

ทางด้านโป๊ะ ที่พานริศราออกมาขับรถเล่น โป๊ะถามตรงๆว่านริศราชอบภูชิชย์หรือเปล่า นริศราตอบไม่ได้ โป๊ะบอกว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ภูชิชย์เป็นอันขาด นริศราได้แต่ยิ้มรับ

นายผลไปเล่นการพนันแล้วติดเงินมาอีกจึงแอบมาหาบัวเกี๋ยงที่ไร่ แต่คราวนี้บัวเกี๋ยงไม่มีเงินให้เพราะคุณเล็กเริ่มเห็นว่าเงินหายจึงเริ่มเก็บของดีขึ้น นายผลโกรธมากที่บัวเกี๋ยงหาเงินให้ไม่ได้ จึงขู่อีก บัวเกี๋ยงคิดอะไรได้จึงขอเวลาหาเงินแต่นายผลจะต้องทำงานให้เธอ

เพราะบัวเกี๋ยงอ่อยภูชิชย์หลายครั้งไม่สำเร็จ และเริ่มรู้ว่าพ่อเลี้ยงกับนริศราน่าจะชอบกัน ขืนปล่อยไว้แบบนี้เธออดแน่ๆ สุดท้ายก็ยุคุณเล็กให้กำจัดนริศรา คุณเล็กไม่เข้าใจว่าจะทำไงดี บัวเกี๋ยงจึงบอกขอเงินก้อนใหญ่ๆ หนึ่งก้อน เธอจะเอาไปซื้อปืนแล้วจัดการฆ่านริศรา คุณเล็กไม่แน่ใจว่าจะทำดีไหม แต่บัวเกี๋ยงยุจนคุณเล็กยอม บัวเกี๋ยงบอกให้นายผลไปฆ่านริศราโดยจ่ายให้ครึ่งหนึ่งก่อน ตอนแรกนายผลไม่กล้าทำเพราะเกิดมาไม่เคยฆ่าใคร แต่เมื่อคิดถึงหนี้สินนายผลก็ยอม

นายผลวางแผนล่อนริศราไปข่มขืนแล้วกะฆ่าไกลๆ ในขณะที่ทางไร่ก็เริ่มเป็นห่วงว่านริศราหายไป ภูชิชย์ โป๊ะ นิพนธ์ และทุกคนเริ่มเป็นห่วงและออกติดตาม ทางด้านนริศราก็ใช้ไหวพริบหนีนายผลมาได้ นายผลกลัวนริศราจะปากโป้งจึงไล่ยิง ทำให้ภูชิชย์ โป๊ะ นิพนธ์ วิ่งเข้าไปช่วยตามเสียงปืน แต่เมื่อไปถึงก็เห็นนริศราถูกนายผลจับตัวอยู่ ภูชิชย์ตัดสินใจเสี่ยงเข้าไปช่วยจนถูกยิงบาดเจ็บ ด้วยความโกรธแค้น นายผลจึงเผาไร่ คนงานต้องช่วยกันดับ แต่บ้านของภูชิชย์คุณเล็กตกใจมากเอาแต่ร้องกรี๊ดๆๆๆ และติดอยู่ด้านใน เพราะบัวเกี๋ยงหนีเอาตัวรอดออกมาก่อน นริศรากับนิพนธ์จึงเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยคุณเล็กออกมาได้

วันรุ่งขึ้นนริศรา เจ้าน้อยและโป๊ะ ต้องมาเยี่ยมภูชิชย์ นิพนธ์ และคุณเล็ก ที่นอนป่วยอยู่ เจ้าน้อยขอให้นริศราดูแลภูชิชย์ เพราะรู้ว่าภูชิชย์อยากอยู่กับนริศรา วิทวัสที่รู้ข่าวจากนริศราก็รีบพารัชนิดาและลูกหนูบินมาเยี่ยมทันที ภูชิชย์ดี
ใจที่ได้เจอหลาน และขอโทษรัชนิดา วิทวัสอยากพารัชนิดากับลูกหนูไปหาคุณเล็ก แต่หมอบอกว่าคุณเล็กช็อคมากจนสภาพจิตแย่คงต้องฟื้นฟูจิตใจกันอีกนาน

วันต่อมาตำรวจแจ้งว่าจับนายผลกับบัวเกี๋ยงได้แล้ว ทุกคนดีใจกันมาก หมอเองก็มาแจ้งว่าคงต้องส่งคุณเล็กกลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ นริศราขอให้นิพนธ์ได้ไปดูแลคุณเล็ก ภูชิชย์กับวิทวัสงงมาก แต่นิพนธ์ก็ยืนยันว่าจะขอดูแลคุณเล็ก สองพี่น้องจึงอนุญาต ทางด้านโป๊ะกับเจ้าน้อย ก็มานั่งคุยกันโป๊ะเสียใจที่ไม่ว่าจะทำดียังไงนริศราก็ไม่รัก เจ้าน้อยบอกว่านริศรารักโป๊ะมากแต่รักได้แค่เพื่อน เหมือนกับที่ภูชิชย์ก็รักเธอเหมือนเพื่อนเท่านั้นโป๊ะตัดสินใจกลับไปเรียนต่อ เจ้าน้อยดีใจด้วยแล้วบอกว่างๆจะบินไปเยี่ยม โป๊ะบอกว่ายินดี

ทางด้านภูชิชย์กับนริศราที่ดูแลกัน นริศราถามว่าใครสั่งให้มาช่วยเธอ ภูชิชย์บอกว่าความรักไงที่ประกาศิตให้เขาต้องทำและจะว่าไปความรักก็ประกาศิตให้เขาและเธอมาเจอกันและได้รักกัน ภูชิชย์ขอนริศราแต่งงาน แต่นริศราบอกว่าขอถามพี่ชายดูก่อนได้ไหม ภูชิชย์บอกก็ถามเลยสิ พูดจบณรงค์ ลัคนา ลาวัลย์ นุ้ย นุ่น ก็เปิดประตูเข้ามา ลัคนาเข้ามาอี๋อ๋อกับนริศราเพราะดีใจที่นริศราจะได้สามีรวย

นริศรายื่นคำขาดว่าจะกลับไปเรียนต่อ ภูชิชย์หวงกลัวไปกับโป๊ะ นริศราอมยิ้มไม่แคร์

วันเวลาผ่านไป นิพนธ์ยังดูแลคุณเล็กที่มีอากาหวาดผวาจำได้บ้างไม่ได้บ้าง นิพนธ์อ่านโปสการ์ดของทุกคนที่บินไปร่วมงานรับปริญญาของนริศราและโป๊ะที่อเมริกา และสุดท้ายก็คือ งานแต่งงานของนริศรากับภูชิชย์จะเป็นงานหมั้นของโป๊ะกับเจ้าน้อย คุณเล็กฟังจบก็น้ำตาไหล แล้วหันมาจับมือนิพนธ์บอกขอโทษ

นิพนธ์เองก็ขอโทษที่เขาอาจจะไม่ได้เป็นผู้ชายที่เสป็คสูงอย่างที่คุณเล็กต้องการ แต่เขาก็รักคุณเล็กมาก คุณเล็กยิ้มให้นิพนธ์ทั้งน้ำตา

จบบริบูรณ์

หมายเหตุละครออนไลน์ : เรื่องย่อจบบริบูรณ์ รักประกาศิต นี้ อาจมีการปรับ และเปลี่ยนแปลงเรื่องราว เหตุการณ์ ตามแนวทางการคิดและวิถีการทำงานของผู้เขียนบท ผู้กำกับ และผู้จัด

รู้จักตัวละคร เรื่อง รักประกาศิต

1.ภูชิชย์ บริรักษ์กิจเกษตร (คุณภู) อายุ 32 ปี แสดงโดย ณัฐวุฒิ สกิดใจ

เป็นบุตรชายคนโตของคุณหญิง สุนทรีย์ เจ้าของไร่สุพัฒนา บุคลิกภายนอก เป็นหนุ่มหน้าตาดี ร่างใหญ่ ผิวคล้ำ ตาดุ ขรึม เคร่งเครียด เอาจริงเอาจังกับงาน ขยันทำงานหนัก รักน้อง ปากร้ายใจดี ใจร้อน ชอบวางอำนาจ เด็ดขาด เผด็จการ ระเบียบจัด ฉุนเฉียว เจ้าอารมณ์ เป็นคนมีสัจจะ รักษาสัญญา บุคลิกภายใน มีน้ำใจ กล้าตัดสินใจ เด็ดเดี่ยว ยุติธรรม ปากแข็ง เย็นชา มีใจรักมั่นคง ซื่อสัตย์ รักครอบครัว พี่น้องและกตัญญูต่อแม่มาก รักน้องสาวคนเล็กมากจนเกินไปและผิดทางด้วยการตามใจน้องทุกอย่างตามที่แม่สั่ง เห็นน้องสาวเป็นเด็กที่ต้องปกป้องตลอดเวลาเพราะอายุห่างจากน้องสาวเกือบสิบปี ภูชิชย์มีปมในใจ ด้วยความที่ครอบครัวต้องสูญเสียพ่อไปตั้งแต่สมัยวัยรุ่น จึงทำให้เขาต้องเข้ามาช่วยเหลือดูแลกิจการของครอบครัวเพื่อนผ่อนแรงแม่ เขาจึงเป็นผู้ใหญ่กว่าวัย และด้วยความที่เป็นพี่คนโตที่แม่ไว้ใจ แม่จึงมองภูชิชย์เป็นผู้ใหญ่กว่าวัย แต่กลับมองคุณเล็กเป็นเด็กเล็กๆ กว่าวัย ภูชิชย์เองก็มองเช่นเดียวกัน จึงทำให้ทั้งสองโอ๋คุณเล็กเหมือนเด็ก ช่วยกันตามใจจนเสียคน

2.นริศรา สุริยรักษ์ หรือ นิด อายุ 22 ปี แสดงโดย ทักษอร

บุตรสาวคนเล็กของ พล.อ. ณัฐ สุริยรักษ์ ผู้จัดการไร่สุพัฒนา บุคลิกภายนอก สวย สง่า ผิวขาว สูงโปร่ง หุ่นดี บอบบาง เรียนบริหารธุรกิจระดับปริญญาตรีที่สหรัฐฯ แต่ไม่จบต้องพักการเรียนกลางครัน ตอน ปี 3 เพราะคุณพ่อเสียกะทันหัน มีความรู้ความสามารถทางภาษา เป็นคนคล่องแคล่วว่องไว พูดจาตรงไปตรงมา ฝีปากกล้า ไม่มีจริตจก้าน ไม่มีท่าทางเอียงอาย ท่าทางเข้มแข็งหยิ่งทระนง รักศักดิ์ศรี เกลียดการดูถูกดูหมิ่นที่สุด ไม่ยอมคน หัวดื้อ ถือดี มุ่งมั่น บุคลิกภายใน กล้าหาญ เสียสละ มีจิตใจเมตตา มีความเป็นผู้นำรักลูกน้อง รักและเคารพงานที่ทำ จิตใจเข้มแข็ง อดทน มีมานะพยายาม ซื่อสัตย์ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ สู้คน รักและเคารพพี่ชาย จิตใจมั่นคง นริศรามีปมในใจ ขัดเคืองใจที่ภูชิชย์ดูหมิ่นดูแคลนในความสามารถ และคิดว่าเธอหน้าตาดีหวังจะมาขุดทองรวยทางลัด ทำให้ไม่กล้ารักภูชิชย์ เพราะกลัวว่าจะเข้าทางความคิดของเขา

3. นิพนธ์ ชุติวัจน์ อายุ 26 ปี แสดงโดย สรวิชญ์ สุบุญ

ผู้จัดการไร่ (ก่อนนริศรามาอยู่) ดูแลงานสำนักงานเอกสารต่างๆ หน้าตาดี ช่างเจรจา มีน้ำใจ มีความเป็นธรรม ยืดหยุ่น ซื่อสัตย์ ตั้งใจทำงาน อดทน มีความเป็นผู้นำรักลูกน้อง และซ่อนความโรแมนติค แอบชอบสุพัฒนา แต่สุพัฒนาไม่สนใจเพราะต่ำศักดิ์กว่า ช่วยเหลือนริศราด้วยความบริสุทธิ์ใจ เอ็นดูเหมือนน้องสาว เพราะเห็นว่าเป็นคนใจสู้

4. สุพัฒนา บริรักษ์กิจเกษตร (คุณเล็ก) อายุ 23 ปี แสดงโดย ณปภา ตันตระกูล

บุตรีคนเล็กของพระยาบริรักษ์กิจเกษตรกับคุณหญิงสุ่น หรือ สุนทรี เจ้าของไร่สุพัฒนา บุคลิกภายนอก หน้าตาดี รสนิยมดี ไม่อ่อนหวาน กระด้าง อารมณ์ร้าย เจ้าอารมณ์ ขี้ระแวง เจ้ายศเจ้าอย่าง ดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่า เข้มงวด ชอบตำหนิ ชอบจับผิด เจ้าระเบียบ รักพี่ชายคนโตมาก และหวงมาก บุคลิกภายใน เกลียดผู้หญิงหน้าตาดีเพราะกลัวพี่ชายรักแล้วแต่งงาน จะแย่งความรักไปหมด เห็นแก่ตัว งกสมบัติ รักใครไม่เป็น ไม่เชื่อในความรัก กลัวคนมาหลอกสมบัติ ชอบคิดว่าคนที่ขัดใจคือคนที่จะมารังแกตัวเอง ไม่เคยเข้าใจชีวิต มองโลกในแง่ร้าย อิจฉา ริษยา โลภมาก แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ใจดำ อำมหิต โหดร้าย เพราะถูกเอาใจแต่เด็กทำให้เสียนิสัย บวกกับการที่ต้องห่างจากพี่ชายคนโตเกือบสิบปี ทำให้คิดเสมอว่าตัวเองเป็นเด็กที่พี่ๆต้องรักและตามใจ สุพัฒนามีปมในใจ ด้วยความที่มีโรคประจำตัวคือโรคสำออย (hyperventilation syndrome) บวกกับถูกเลี้ยงมาอย่างเจ้าหญิง ทำให้เป็นคนดูถูกคน ไม่มีน้ำใจ และคิดว่าตัวเองคือศูนย์กลางของโลก เมื่อไม่ได้อย่างใจหรือเจอคนที่ขัดใจก็จะโกรธและพาลคิดว่าถูกรังแกจนกลายเป็นอาการประสาท

5. เจ้าทิพย์ดารา (เจ้าน้อย) อายุ 25 ปี แสดงโดย

บุตรสาวคนเดียวของเจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกา ทายาทเจ้าของไร่เทพมงคล
สาวสวยที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างทั้งชาติตระกูล การศึกษา และหน้าตา เป็นคนมีความคิดที่ดีมองโลกในแง่ดี เชื่อมั่นในรักแท้ แต่ก็เป็นคนที่ไม่เข้มแข็งเท่าไหร่ทำให้ต้องหนีไปจากชีวิตของภูชิชย์เมื่อครั้งที่คุณเล็กเข้ามาขัดขวางการแต่งงาน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับมาสู้เพื่อความรักแท้

6. พิสุทธิ์ เลิศพาณิชย์กิจ (โป๊ะ) อายุ 22 ปี แสดงโดย

เพื่อนสนิทของนริศรา ศึกษาที่มลรัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา (ที่เดียวกับนริศรา)ชายหนุ่มรูปงาม และนิสัยก็งามตามรูป เป็นคนมีอัธยาศัยดี รักใครรักจริง มีความจริงใจให้กับทุกคน และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เชื่อมั่นและเคารพความคิดของตัวเอง แม้บ้านมีฐานะดีมีธุรกิจหลายอย่าง แต่ก็ยอมขัดใจพ่อแม่เพื่อความถูกต้องในความรัก หลงรักนริศรามาตั้งแต่รู้จักกันตอนเรียนปี 1 และยอมรอจนกว่านริศราจะใจอ่อน แม้ที่บ้านจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ยอมขัดใจพ่อแม่

7. วิทวัส บริรักษ์กิจเกษตร อายุ 29 ปี

บุตรชายคนกลางของคุณหญิงสุนทรี ดูแลกิจการที่กรุงเทพ นามบริษัท สุพัฒนาการเกษตร บุคลิกภายนอก ผิวขาว(อยู่ห้องแอร์) หน้าตาดี ใจเย็น สุขุมรอบคอบ มีน้ำใจชอบช่วยเหลือ ไม่ดู
ถูกผู้อื่น ตั้งใจทำงาน รักครอบครัว บุคลิกภายใน ใจดี มีเมตตา รักและเคารพพี่ชายมาก ด้วยความที่เป็นลูกคนกลาง ที่แม่และพี่ชาย ปล่อยอิสระมาตลอดเพราะมัวแต่ไปทุ่มเทที่น้องสาว ทำให้วิทวัสเข้มแข็ง อารมณ์ดีและรัก อิสระ วิทวัสมีปมในใจ ชังน้องสาวที่กีดกันไม่ให้พี่ชายและเขาแต่งงานเพราะห่วงสมบัติและห่วง ตัวเองว่าจะไม่มีใครเอาใจใส่ ทำให้ต้องแอบแต่งงานและซ่อนภรรยาไว้ นอกบ้าน

8. รัชนิดา อายุ 27 ปี

ภรรยาของวิทวัส รักกับวิทวัสตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แต่ด้วยความที่คุณเล็กเห็นว่าไม่รวยจึกีดกันจนทั้งคู่ต้องทำเป็นเลิกกัน จนเมื่อเรียนจบวิทวัสทำทีมาดูแลบริษัทที่กรุงเทพฯ เมื่อรัชนิดาเรียนจบก็ตามมาและแอบแต่งงานอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ จนมีลูกด้วยกัน นิสัยเป็นคนเรียบร้อย ง่ายๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อ วางตัวดี นิสัยดี มีความเป็นแม่บ้าน รักครอบครัว และวิทวัสมาก

9. พ.ต.ณรงค์ สุริยรักษ์ (พี่ณะ) อายุ 29 ปี

พี่ชายคนเดียวของนริศรา อาชีพ ทหารอากาศ ดูแลเรื่องการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ (ได้ทุนเรียนต่อ) แม้ภายนอกจะเป็นทหารที่ดูเหมือนอดทน เข้มแข็ง มีความเป็นผู้นำ รักครอบครัวมาก แต่จุดอ่อนคือหูเบาเชื่อเมีย ไว้ใจเมียมากเกินไป เป็นคนเรียนเก่งมากได้ทุนมาตั้งแต่เริ่มเรียนเตรียมทหาร จนได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารที่สวีเดน เพื่อที่กลับมาจะได้ช่วยเหลือกองทัพในด้านการจัดซื้อ ด้วยความที่เป็นคนเก่งในด้านการเรียนจึงทำให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว

10. ลัคนา อายุ 25 ปี

ภรรยาของพันตรีณรงค์ พี่สะใภ้ของนริศรา หน้าตาสวย ผิวพรรณดี เป็นคนสองหน้า ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง เลือกคบคนที่ฐานะรวยๆ ปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่จริงใจกับใคร นับถือเงินทองวัตถุนิยมมากกว่าค่าของความเป็นคน ด้วยความโลภและขี้อิจฉา จึงคิดว่านริศราเอาเปรียบสามีเธอในเรื่องเงินมาตลอด สุดท้ายก็ทำทุกอย่างเพื่อจะให้นริศรากระเด็นออกไปจากกองมรดก
มีน้องสาวหนึ่งคนคือลาวัลย์ ก็พยายามอยากให้น้องสาวได้คนรวยๆ

11. ลาวัณย์ อายุ 23 ปี

น้องสาวของลัคนา เป็นพยาบาลอยู่เชียงใหม่ มีอาชีพเป็นพยาบาล หน้าตาสวย เปรี้ยว กล้าได้กล้าเสีย แต่ทะเยอะทะยาน ชอบคนรวย เป้าหมายในชีวิตคือได้ผู้ชายรวยๆ ขี้อิจฉาถ้าใครได้ผู้ชายดีกว่า และต้องเป็นคนที่ได้ของดีที่สุด ยอมทำทุกอย่างเพื่อจับผู้ชายที่หมายปอง

12. เจ้าดาระกา ชายาเจ้าเทพมงคล มารดาของเจ้าน้อย อายุ 50 ปี เจ้าระเบียบ ใจดี มีขนบประเพณีแบบแผน รักครอบครัวเป็นที่สุด รักลูก เป็นผู้หญิงประเภทช้างเท้าหลัง ตามใจสามีทุกอย่าง

13. เจ้าเทพมงคล ท่านพ่อของเจ้าน้อย อายุ 55 ปี รักลูก ตามใจ เจ้าของสวนเทพมงคล มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี ทิฐิสูง รักครอบครัว ถือตัวไม่ชอบให้ใครมาดูถูก ภูมิใจในชาตระกูล เป็นคนเจ็บแล้วจำ ใจเด็ดเดี่ยว ถ้าคิดว่าตัดก็คือตัด ไม่ว่ามิตรภาพเก่าก่อนจะดีแค่ไหน รักลูกสาวมาก ยอมลดทิฐิเพื่อความรักของลูก

14. บัวเกี๋ยง แฟนนายผล คนรับใช้ของคุณเล็ก หน้าที่ทำความสะอาดบ้านเรือนตั้งโต๊ะอาหารบนบ้าน เป็นพวกนายว่าขี้ข้าพลอย ขี้ประจบ เป็นหูเป็นตาให้คุณเล็กตอนไม่อยู่ ยุแหย่เพื่อผลประโยชน์ตนเอง เห็นแก่ตัว ไม่รู้จักบุณคุณคน แว้งกัด ทะเยอะทะยานในทางที่ผิด มักใหญ่ใฝ่สูง ทำได้ทุกอย่างถ้าจะทำให้ชีวิตตัวเองสบาย แอบรักภูชิชย์มานานเพราะชอบที่หล่อและรวย ปากคอร้ายกาจ เบ่งอวดอำนาจกับคนที่ด้อยกว่า ถือว่ามีนายคุ้มหัว

15. นายผล แฟนบัวเกี๋ยง คนขับรถในไร่ นิสัยเหล้าเข้าปากเปลี่ยนเป็นนักเลง ชั่วร้าย แว้งกัด เจ้าชู้ เอาทุกอย่างที่ไม่ดี ทั้งเหล้า การพนัน ชอบไถเงินบัวเกี๋ยง แอบชอบนริศราหวังอยากฟัน เป็นคนหน้าเงินเห็นเงินเป็นใหญ่ หัวหน้าคนงาน เป็นผู้ช่วยนิพนธ์ ใจดีมีเมตตา อารมณ์ดี มีน้ำใจ แต่ก็ทำงานไม่ค่อยละเอียดมีผิดมีพลาดเป็นประจำ แต่ด้วยความเป็นคนดีและเป็นคนเก่าคนแก่ ลุงปั๋นจึงอยู่ได้อย่างมีความสุข

17. พร คนงานหญิงวัยรุ่น อายุประมาณ 17-18 คอยทำงานทุกอย่างในสำนักงาน จริงใจใสซื่อ แต่ไม่ถูก กับบัวเกี๋ยงเพราะบัวเกี๋ยงชอบข่ม ชอบนริศราที่ความสวยจึงถวายตัวเป็นพวกนริศรา

18. แม่อุ้ย หัวหน้าแม่บ้านของไร่สุพัฒนา เป็นคนดูแลทุกอย่างตั้งแต่อาหารของคนงานในไร่ ที่อยู่ที่กินไปจนถึงดูแลควบคุมคนทำงานทำความสะอาดของที่พักและสำนักงานของไร่ จิตใจดี มีเมตตา เป็น ผู้ใหญ่ มีความคิดรอบคอบใจเย็น

19. ด.ช.นุ้ย สุริยรักษ์ หลานคนโตของนริศรา น่ารัก นิสัยดี รักอานิด

20. ด.ญ.นุ่น สุริยรักษ์ หลานคนเล็กของนริศรา รักอานิดเหมือนพี่ชาย

21. น้องลูกหนู ลูกสาวของวิทวัสกับรัชนิดา

รายชื่อนักแสดงละครเรื่อง รักประกาศิต

ณัฐวุฒิ สกิดใจ แสดงเป็น ภูชิชย์
ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ แสดงเป็น นริศรา
สรวิชญ์ สุบุญ แสดงเป็น นิพนธ์
ณปภา ตันตระกูล แสดงเป็น สุพัฒนา
พิจิตรา สิริเวชชะพันธ์ แสดงเป็น เจ้าทิพย์ดารา
สุริยนต์ อรุณวัฒนกุล แสดงเป็น โป๊ะ
สุพจน์ จันทร์เจริญ แสดงเป็น วิทวัส
โชติรส แก้วพินิจ แสดงเป็น รัชนิดา
สกาวใจ พูนสวัสดิ์ แสดงเป็น ลัคนา
วรันลักษณ์ ศิริมะณีวัฒนา แสดงเป็น ลาวัณย์
ศิระ แพทย์รัตน์ แสดงเป็น ผล
รมิดา ประภาสโนบล แสดงเป็น บัวเกี๋ยง
ถนอม สามโทน แสดงเป็น ลุงปั๋น
พิมพ์พรรณ บูรณะพิมพ์ แสดงเป็น แม่อุ้ย
พรรษชล สุปรีย์ แสดงเป็น พร
เจสสิกา ภาสะพันธุ์ แสดงเป็น มอลลี่
กรุณพล เทียนสุวรรณ แสดงเป็น ณรงค์
วิวัฒน์ ผสมทรัพย์ แสดงเป็น เจ้าเทพมงคล
เพ็ญพักตร์ ศิริกุล แสดงเป็น เจ้าดาระกา






Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 20:47:24 น.
Counter : 1761 Pageviews.

0 comment
รักประกาศิต เรื่องย่อจบบริบูรณ์




เรื่องย่อจบบริบูรณ์ รักประกาศิต

บทประพันธ์ : ก.สุรางคนางค์
บทโทรทัศน์ : กฤษณ์ มงคลเกษม
กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์ (ป้าแจ๋ว)
ควบคุมการผลิต : บริษัทเมกเคอร์ วาย กรุ๊ป โดย ยศสินี ณ นคร
แนวละคร : โรแมนติก-ดราม่า
วันเวลาออกอากาศ : พุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรก วันพุธที่ 22 กุมพาพันธ์ พ.ศ. 2555 -
จำนวนตอนออกอากาศ : -

ภูชิชย์ บริรักษ์กิจเกษตร (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) หรือที่ทุกคนเรียกว่า คุณภู - พ่อเลี้ยงภู เป็นพี่ชายคนโตของ วิทวัส (สุพจน์ จันทร์เจริญ) และ สุพัฒนา หรือ คุณเล็ก (ณปภา ตันตระกูล) หลังจากที่พ่อแม่ของสามพี่น้องได้เสียไปตั้งแต่วิทวัสและคุณเล็กยังไม่จบมหาวิทยาลัย ทำให้ภูชิชย์ต้องดูแลธุรกิจของครอบครัว ซึ่งก็คือ ไร่และฟาร์มชื่อ สุพัฒนา ซึ่งพ่อและแม่ของภูชิชย์ ตั้งชื่อตามลูกสาวคนเล็กที่ทั้งสองรอคอยลูกสาวมานาน

ด้วยความที่คุณเล็กสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ทุกคนในบ้านดูแลประคบประหงมเธอไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิงน้อยๆ ของที่บ้าน ไม่ว่าจะอยากได้อะไรอยากจะทำอะไร ไม่มีใครกล้าขัดใจคุณเล็ก เพราะถ้าขัดใจเธอเมื่อไหร่ คุณเล็กจะป่วยหอบและอาละวาดขึ้นมาทันที

สาเหตุจากสุขภาพของคุณเล็กนี่เอง ที่ทำให้ก่อนตายพ่อกับแม่จึงขอให้ภูชิชย์กับวิทวัสดูแลน้องอย่างดี อย่าทำให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วงอีก และนี่ก็คือข้ออ้างไม้ตายทุกครั้งที่ภูชิชย์กับวิทวัสตั้งท่าจะเริ่มขัดใจคุณเล็ก ซึ่งก็ทำให้เธอได้ทุกอย่างจากพี่ชายทั้งสองมาจนโต

ยิ่งนานวันนิสัยเอาแต่ใจ โวยวาย ขี้โมโหของคุณเล็กก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนลามไปถึงเรื่องส่วนตัวทั้งของภูชิชย์และวิทวัส เพราะคุณเล็กไม่ชอบหน้า เจ้าน้อย หรือ เจ้าทิพย์ดารา (พิจิตรา สิริเวชชะพันธ์) บุตรสาวคนเดียวของ เจ้าเทพมงคล (วิวัฒน์ ผสมทรัพย์) และเจ้าดาระกา (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) เจ้าของไร่เทพมงคลและเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อแม่ของภูชิชย์มาตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มๆจนชวนกันมาซื้อที่ทำไร่อยู่ข้างกัน
ทั้งสองครอบครัวสนิทกันมากจนแทบจะกลายเป็นญาติกัน ถ้าหากภูชิชย์ได้แต่งงานกับเจ้าน้อย แต่การก็ไม่เป็นดังที่ทุกคนหวัง เมื่อเจ้าเทพมงคลประสบปัญหาสะดุดทางธุรกิจ ในช่วงที่ภูชิชย์กับเจ้าน้อยกำลังจะแต่งงานกัน คุณเล็กจึงบังคับให้ภูชิชย์เลิกกับเจ้าน้อย เพราะคิดว่าเจ้าน้อยต้องการจะมาฮุบสมบัติของครอบครัวเธอ

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เจ้าน้อยเสียใจมาก เจ้าเทพมงคลกับเจ้าดาระกาก็โกรธภูชิชย์ จึงส่งเจ้าน้อยไปอยู่ที่อังกฤษและประกาศตัดความสัมพันธ์กับครอบครัวของภูชิชย์

ส่วนเรื่องของวิทวัสก็ไม่แพ้กัน เมื่อคุณเล็กรู้ว่าวิทวัสมีคนรักตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย คือ รัชนิดา หรือ ดา (โชติรส แก้วพินิจ) และทั้งคู่ตั้งใจว่าเรียนจบจะแต่งงานกัน คุณเล็กก็เข้าจัดการไล่รัชนิดาออกไปจากชีวิตทันที เพราะเธอสืบรู้มาว่ารัชนิดาเป็นเพียงผู้หญิงที่มาจากครอบครัวธรรมดา ซึ่งคำว่าธรรมดาไม่สามารถจะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับครอบครัวเธอได้

วิทวัสเสียใจมากกับการกระทำของคุณเล็กจึงคิดจะเอาเรื่อง แต่ภูชิชย์ไม่อยากให้พี่น้องทะเลาะกันจึงเข้าไกล่เกลี่ย วิทวัสไม่เห็นด้วยกับการกระทำของภูชิชย์จึงขอย้ายตัวเองไปดูแล บริษัท สุพัฒนาการเกษตร ที่กรุงเทพฯ เพื่อลดการปะทะกับคุณเล็ก

วันเวลาผ่านไป คุณเล็กมีความสุขอยู่กับการควบคุมพี่ชายทั้งสอง โดยอ้างว่าเธอต้องการให้คนที่จะมาเป็นพี่สะใภ้เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้งหน้าตา ชาติตระกูล และฐานะ เมื่อเงื่อนไขเยอะขนาดนี้ ภูชิชย์กับวิทวัสจึงตัดสินใจเป็นโสด เพราะรู้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกที่จะดีพอสำหรับคุณเล็ก

แถมคุณเล็กยังตั้งกฎห้ามรับผู้หญิงที่หน้าตาสวยเข้าทำงานทั้งในไร่และบริษัทที่กรุงเทพฯ โดยอ้างว่าจะทำให้คนงานชายเสียสมาธิในการทำงาน แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าคุณเล็กตั้งกฎนี้เพราะไม่ต้องการให้ภูชิชย์กับวิทวัสติดกับดักพวกผู้หญิงที่จะมาขุดทองจากสมบัติของครอบครัว

แต่แล้ววันหนึ่งความฝันของคุณเล็กก็ต้องสลาย เมื่อเจ้าน้อยตัดสินใจกลับเมืองไทยและกลับมาหาภูชิชย์ เพราะตลอดสองปีที่จากภูชิชย์ไป เจ้าน้อยไม่เคยมีความสุขเลย เธอจึงคิดจะกลับมาเริ่มต้นอีกครั้งและในครั้งนี้เธอจะไม่ถอยให้คุณเล็กอีกแล้ว เพราะเธอพร้อมทุกอย่างรวมถึงฐานะที่เจ้าเทพมงคลสามารถฟื้นฟูธุรกิจกลับมาเหมือนเดิม

เมื่อเจ้าน้อยกับคุณเล็กได้พบกัน ทั้งสองก็เถียงกัน คุณเล็กไม่พอใจไล่เจ้าน้อยออกจากไร่ แต่เจ้าน้อยไม่ยอมไปจึงทำให้คุณเล็กกรี๊ดจนเป็นลม อาการหอบหนักมากจนหมดสติ ภูชิชย์กับนิพนธ์จึงต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล

ระหว่างที่หมอตรวจคุณเล็ก เจ้าน้อยก็ขอปรับความเข้าใจกับภูชิชย์และตกลงจะกลับมารักกันเหมือนเดิม แม้ว่าตอนนี้ทั้งคู่จะรู้ว่าอุปสรรคไม่ใช่มีแต่คุณเล็ก แต่ยังเพิ่มเจ้าเทพมงคลและเจ้าดาระกา ที่เคยเอ็นดูภูชิชย์ในอดีต แต่ปัจจุบันไม่ต่างอะไรกับศัตรูคู่อาฆาต

หลังจากการตรวจคุณเล็กเสร็จสิ้น หมอก็แจ้งกับภูชิชย์ว่าร่างกายคุณเล็กแข็งแรงดีทุกอย่าง แต่อาการที่เกิดน่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์และลักษณะทางจิตมากกว่า หมอแนะนำให้พาคุณเล็กไปรักษาที่กรุงเทพฯ ภูชิชย์กับนิพนธ์จึงจำเป็นต้องหลอกคุณเล็กว่าจะพาไปตรวจร่างกาย ซึ่งคุณเล็กก็ยอมไปแต่โดยดี เพราะคิดว่าจะทำให้ภูชิชย์กับเจ้าน้อยห่างกัน
นริศรา สุริยรักษ์ หรือ นิด (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) สาวสวยนักเรียนนอก วัย 22 ปี ต้องถูกเรียกตัวกลับมาเมืองไทยทั้งๆ ที่เรียนเหลืออีกเพียงเทอมเดียว ก็จะจบคณะเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาจากอเมริกาอยู่แล้ว เพราะคุณพ่อของเธอ พล.อ.ณัฐ สุริยรักษณ์ ล้มป่วยกระทันหันด้วยโรคหัวใจและเส้นโลหิตในสมองแตก

แม้เธอจะกลับมาดูแลใกล้ชิดร่วมกับ ร.อ.ณรงค์ (กรุณพล เทียนสุวรรณ) นายทหารหนุ่มอนาคตไกล พี่ชายของเธอพร้อมทั้งพี่สะใภ้ ลัคนา (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) และหลานทั้งสอง ด.ช.นุ้ย และ ด.ญ.นุ่น แต่อาการของ พล.อ.ณัฐ ก็มีแต่ทรงกับทรุด หลังจากการผ่าตัดใหญ่ของพล.อ.ณัฐ อาการต่างๆ ก็ไม่ดีขึ้น หนำซ้ำยังแย่ลงและชั่วระยะเวลาไม่นาน พล.อ.ณัฐ ก็จากไปอย่างสงบท่ามกลางความเสียใจของนริศราและณรงค์

ในงานพระราชทานเพลิงศพ พิสุทธิ์ เลิศพาณิชย์กิจ หรือ โป๊ะ (สุริยนต์ อรุณวัฒนกุล) เพื่อนสนิทจากอเมริกาของนริศราก็แอบบินมาร่วมงานด้วย แม้โป๊ะจะน้อยใจที่นริศราไม่ยอมบอกข่าวนี้ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าเขารักเธอมาตลอดเวลาที่เรียนด้วยกัน แต่โป๊ะก็ยังไม่ยอมถอยและยืนยันกับนริศราว่าจะรอกลับไปเรียนพร้อมกับเธอทันทีที่เธอเสร็จธุระทางนี้

หลังจากเสร็จงานศพ ลัคนาก็เร่งให้เปิดพินัยกรรม เพราะ ณรงค์จะต้องบินไปเรียนต่อที่สวีเดนตามที่ได้ทุนจากกองทัพในคืนนั้น แต่เมื่อเปิดพินัยกรรมแล้วลัคนาก็ต้องหงุดหงิดเมื่อพล.อ.ณัฐ พ่อสามีไม่ได้แบ่งสรรปันส่วนอย่างชัดเจน แต่กลับแต่งตั้งให้ ณรงค์ เป็นผู้จัดการมรดก แล้วค่อยแบ่งทรัพย์สินทุกอย่างหลังจากที่นริศราเรียนจบ ณรงค์จึงขอให้ลัคณาช่วยดูแลแทนในเรื่องต่างๆช่วงที่เขาเรียน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการเรียนของนริศราที่อเมริกาด้วย แม้จะไม่พอใจแต่ลัคนาก็ต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้จนกว่าณรงค์จะไปเรียนต่อ

และเช้าวันรุ่งขึ้นนริศราก็ต้องแปลกใจ เมื่อลัคนาบอกกับเธอว่านริศราไม่ควรเอาเงินของทางบ้านไปเรียนอีก แม้นริศราจะยืนยันว่าเงินก้อนนี้พ่อของเธอตั้งใจให้เป็นทุนการศึกษา แต่ลัคนาก็พูดจาเปรียบเทียบว่านริศราเอาเปรียบทุกคน ตั้งแต่เด็ก ณรงค์ เรียนด้วยทุนรัฐบาลมาตลอด แต่นริศราต้องเรียนด้วยเงินทางบ้าน และตอนนี้นริศราก็จะมาเอาเงินกองกลางไปเรียนต่อ เมื่อจบกลับมาก็มาแบ่งเงินที่เหลือกับณรงค์ ซึ่งเท่ากับนริศราเอาเปรียบณรงค์และนุ้ยกับนุ่น

นริศราได้ฟังก็ประกาศทันทีว่าเธอจะยังไม่ขอรับเงินจากลัคนา และแบ่งมรดกเมื่อณรงค์กลับมาจากเรียนต่อ ลัคนาฟังแล้วก็พอใจในระดับหนึ่ง แต่ไม่วายบอกว่าค่ากินอยู่ในระหว่างนี้ก็เหมือนกัน นริศรามีแต่ใช้ไม่ได้หาเพิ่มก็ไม่ต่างอะไรกับเกาะเธอกิน นริศราจึงประกาศที่จะหางานทำเลี้ยงตัวเอง

ทางด้านภูชิชย์ที่พาคุณเล็กมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ ก็โทรเรียกวิทวัสให้มาช่วยดูแล วิทวัสไม่ค่อยอยากดูเท่าไหร่เพราะรู้ว่าถ้าอยู่ใกล้คุณเล็กเขาก็อาจจะทนไม่ไหวทะเลาะกับเธออีก แต่สุดท้ายก็ขัดภูชิชย์ไม่ได้จึงยอมทำตามและก็เป็นดังคาด แค่เจอหน้ากันไม่ถึงสองนาที วิทวัสกับคุณเล็กก็เปิดฉากทะเลาะกันทันทีจนภูชิชย์ต้องเข้าห้ามศึกและลากวิทวัสออกไปอธิบายถึงโรคของคุณเล็ก วิทวัสจึงเข้าใจทุกอย่าง

คืนนั้นหลังจากเฝ้าไข้คุณเล็กแล้ว ภูชิชย์ก็กลับมาที่คอนโดของวิทวัส และพบว่าวิทวัสกลับมาดึกมาก เมื่อถามวิทวัสก็อ้างว่าไปพบลูกค้า แต่ภูชิชย์ยังไม่ปักใจเชื่อและคิดว่าวิทวัสอาจจะมีแฟนแล้ว

วันรุ่งขึ้นนริศราเริ่มออกหางานอย่างมุ่งมั่น แต่ทุกที่ๆเธอไปก็ล้วนแต่ปฎิเสธเพราะเธอยังไม่มีปริญญาซึ่งเท่ากับว่าเธอจบเพียงแค่ ม.6 นริศราหางานจนท้อ โป๊ะเห็นแล้วสงสารจึงอาสาที่จะให้เงินนริศรายืมเพื่อไปเรียนต่อให้จบ แต่นริศราไม่ขอรับ โป๊ะจึงอาสาจะพานริศราไปทำงานกับที่บ้าน นริศราไม่อยากรับความช่วยเหลือนี้ แต่โป๊ะยืนยันว่าเขาจะให้พ่อรับนริศราเข้าทำงานด้วยความสามารถของเธอเอง

ที่โรงพยาบาลภูชิชย์กับวิทวัสมาเยี่ยมคุณเล็ก ทำให้ได้พบกับ มัลลิกา หรือ มอลลี่ (เจสสิกา ภาสะพันธุ์) เพื่อนสาวไฮโซสุดเปรี้ยวของคุณเล็ก คุณเล็กพยายามที่จะดันมอลลี่ให้กับภูชิชย์ แต่วิทวัสไหวตัวทันจึงรีบขวางไว้แล้วพาภูชิชย์หลบออกมาท่ามกลางความไม่พอใจของคุณเล็ก ในขณะที่มอลลี่เองก็เริ่มปิ๊งวิทวัสมากกว่าภูชิชย์ หลังจากที่วิทวัสพาภูชิชย์หลบมาแล้ว ทั้งสองก็คุยกันเรื่องที่คุณเล็กต้องรักษาตัวอีกนาน ภูชิชย์ก็ต้องกลับไร่เพราะไม่มีใครดูแลงานทั้งของเขาและของคุณเล็ก วิทวัสอาสาจะหาเลขาส่งให้ไปทำงานกับภูชิชย์เองเพราะตอนนี้เขาก็กำลังหาเลขาเช่นกัน

เมื่อวิทวัสกลับมาที่บริษัท เขาก็มาสัมภาษณ์คนที่มาสมัครงานเลขา และหนึ่งในนั้นก็คือนริศรา แต่วิทวัสไม่สามารถรับนริศราได้ด้วยเหตุผลเดิมๆ นั่นคือวุฒิการศึกษาของเธอ นริศราเริ่มท้อจึงขอวิทวัสทำงานไม่ว่าจะตำแหน่งอะไร ตั้งแต่คนเดินเอกสาร แม่บ้าน หรือแม้แต่ยามเธอก็เอา วิทวัสทึ่งกับการสู้งานของนักเรียนนอกสาวคนนี้ แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกัน วิทวัสก็ต้องรีบออกไปพบลูกค้าทำให้นริศราคิดเอาเองว่าเธอคงไม่ได้งานนี้แล้ว

หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการสมัครงานมาทั้งวัน นริศราจึงมาเดินเล่นที่ร้านหนังสือในห้างสรรพสินค้า เพราะยามนี้ความสุขของเธอก็คือการได้ดูแบบเพนท์เสื้อสวยๆ ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่เธอรัก ทางด้านภูชิชย์ที่ไม่มีอะไรทำจึงมาเดินห้างแล้วโทรกลับหาเจ้าน้อยเพื่อจะซื้อของฝาก เจ้าน้อยขอให้ภูชิชย์ซื้อหนังสือเพ้นท์เสื้อให้เธอสักเล่มเพราะกำลังหัดทำอยู่พอดี
ระหว่างที่นริศรายืนดูหนังสืออยู่นั้น โป๊ะก็โทรมาแจ้งข่าวดีขอนัดให้นริศราไปสัมภาษณ์กับพ่อของเขาที่บ้านในวันรุ่งขึ้น ขณะเดียวกันภูชิชย์ก็เดินมาจากอีกทางเพื่อหาหนังสือ และเห็นหนังสือที่นริศรากางไว้ก็เข้าใจว่าไม่มีคนอ่านจึงรีบหยิบไปทันที นริศราพอวางสายหันกลับมาเห็นภูชิชย์ถือหนังสือออกไปก็รีบตามไปทันทีเพื่อขอคืน แต่ภูชิชย์ไม่ยอมเพราะถือว่าไม่มีคนอ่านในขณะที่นริศราก็อ้างว่าเห็นก่อน ยื้อกันไปแย่งกันมานริศราโมโหจึงปล่อยหนังสือที่กำลังดึง ทำให้ภูชิชย์เสียหลักล้มใส่กองหนังสือโปรโมชั่น แล้วนริศราก็เดินหนีไป ภูชิชย์ทั้งโกรธทั้งอายมาก

วันรุ่งขึ้น พอคุณเล็กได้รู้ว่าภูชิชย์จะหาคนไปทำงานแทนเธอ จึงรีบเสนอมัลลิกาเพื่อรักทันที มัลลิกาไม่ค่อยอยากไปเพราะกลัวลำบากจึงเรียกเงินเดือนสูงๆ จนวิทวัสไม่ยอมรับ แต่ภูชิชย์กลัวขัดใจคุณเล็กจึงบอกให้วิทวัสรับไปก่อน วิทวัสดูก็รู้ว่ามัลลิกาทำงานไม่ได้ จึงกระซิบกับภูชิชย์ว่าเรื่องนี้เขาจะจัดการเอง

นริศรามาสัมภาษณ์งานกับพ่อและแม่ของโป๊ะตามนัด แต่กลายเป็นว่าพ่อกับแม่ของโป๊ะเรียกมาเพื่อเตือนว่าอย่ามาจับลูกชายของพวกเขา นริศราจึงปฎิเสธความช่วยเหลือของโป๊ะอีก นริศรากลับบ้านด้วยความเซ็ง หนำซ้ำต้องมาเจอกับลัคนาที่คอยถามว่าได้งานหรือไม่ เมื่อนริศราตอบว่าไม่ได้ ลัคนาก็สั่งห้ามลูกเข้าใกล้นริศราอีก นริศรายิ่งช้ำใจมากขึ้น

วิทวัสกับภูชิชย์สัมภาษณ์เลขาที่จะส่งไปไร่ แต่เหล่าบรรดาสาวสวยพอรู้ว่าจะต้องไปอยู่ป่าอยู่เขา ต่างก็ขอปฎิเสธด้วยเหตุผลว่ากลัวร้อนบ้าง ไกลบ้าง กลัวเป็นฝ้าบ้าง สุดท้ายก็หาไม่ได้ ภูชิชย์คิดว่าคงต้องใช้บริการมอลลี่ตามที่คุณเล็กเสนอ แต่วิทวัสยังไม่ยอมแพ้ เขานึกถึงนริศราขึ้นมาได้จึงขอโอกาสสัมภาษณ์อีกคน

นริศราได้รับโทรศัพท์จากบริษัทของวิทวัสก็ดีใจมาก รับปากว่าจะไปสัมภาษณ์ภายในหนึ่ง ชม. แต่เมื่อลงมาข้างล่างก็ต้องตกใจที่รู้ว่าลัคนาขายรถตัวเอง แล้วแย่งเอารถของนริศราไปใช้หน้าตาเฉย นริศราจึงต้องเรียกแท๊กซี่ไปแทน เวลาผ่านไปภูชิชย์ได้รับโทรศัพท์ด่วนจากนิพนธ์ให้กลับไปประชุมที่จังหวัดในเช้าวันรุ่งขึ้น ภูชิชย์เห็นว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก เขาจึงคิดจะยกเลิกนัดสัมภาษณ์ เพราะนริศราก็ท่าทางจะมาไม่ทัน แม้วิทวัสจะทัดทานยังไงภูชิชย์ก็ไม่ฟังและขอตัวกลับไปลาคุณเล็ก

นริศราที่เห็นรถติดมากจึงสละแท๊กซี่แล้วหันมาเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปแทน แต่ช่วงที่ใกล้จะถึงบริษัทสุพัฒนา การเกษตร ก็เป็นจังหวะพอดีที่ภูชิชย์ขับรถออกมาแล้วเกิดชนกับมอเตอร์ไซค์ที่นริศรานั่งมา ทั้งสองทะเลาะกันตกลงกันไม่ได้จนต้องไปโรงพักแบบไม่มีใครยอมใคร เพราะภูชิชย์คิดว่านริศราเป็นพวกสิบแปดมงกุฏมาไถเงิน ส่วนนริศรากับมอเตอร์ไซค์ก็คิดว่าภูชิชย์เป็นพวกชนแล้วหนี กว่าจะยอมความกันได้ก็เล่นเอาเสียเวลาไปนาน

นริศราเล่าเรื่องทั้งหมดให้วิทวัสฟัง วิทวัสทึ่งในความสู้ชีวิตของนริศราจึงรับเธอไว้ทันที แล้วจะส่งไปเชียงใหม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น นริศราดีใจมากและต้องการจะส่งข่าวให้ณรงค์รู้ แต่ลัคนาก็กีดกันทุกอย่างไม่ให้เบอร์โทรศัพท์หรือแม้แต่อีเมล์ โดยอ้างว่าณรงค์เรียนหนักมากเธอจะบอกข่าวนี้กับเขาเอง

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นนริศราให้โป๊ะมาช่วยรับไปสนามบิน ลัคนาแอบเห็นเข้าจึงโทรไปรายงานณรงค์ว่านริศราหนีตามผู้ชายไป ณรงค์เข้าใจผิดจึงฝากให้ลัคนาช่วยดูแลด้วย

นิพนธ์มารับนริศราที่สนามบินและพาไปที่ไร่ นริศราพอเห็นบรรยากาศของไร่สุพัฒนาก็ชอบมาก แต่ก็ต้องช๊อคเมื่อภูชิชย์กลับมาจากประชุมและได้เจอกับนริศรา ภูชิชย์เองก็ตกใจที่รู้ว่านริศราคือคนที่วิทวัสส่งมา ภูชิชย์ไม่ต้องการับนริศราไว้ นริศราเองก็ไม่ต้องการทำงานกับภูชิชย์ ทั้งสองผลัดกันโทรโวยวายกับวิทวัส แต่สุดท้ายวิทวัสก็ขอร้องนริศราให้ทำงานโดยรับปากว่าจะไม่บอกวุฒิการศึกษาหรือประวัติของเธอให้ภูชิชย์รู้ เพราะเธอกลัวจะโดนดูถูกจากภูชิชย์

ส่วนทางด้านภูชิชย์เองก็ยอมรับนริศราตามคำขอของวิทวัสเพราะเขาสงสัยว่านริศราจะเป็นผู้หญิงของวิทวัสเพราะวิทวัสไม่ยอมบอกรายละเอียดอะไรที่เกี่ยวกับนริศราเลย เมื่อเป็นดังนี้ภูชิชย์จึงคิดว่าจะจับนริศราแยกกับวิทวัสเพราะไม่ต้องการให้น้องชายมีแฟนเป็นโจร

มอลลี่รีบไปรายงานคุณเล็ก เรื่องที่ว่าวิทวัสเสนอให้เธอเป็นเลขาเขาแทน แล้วส่งใครไปที่ไร่ไม่รู้ คุณเล็กโกรธมากแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะมอลลี่เต็มใจที่จะอยู่ใกล้วิทวัสมากกว่า คุณเล็กจึงโทร.สั่งให้บัวเกี๋ยง (รมิดา ประภาสโนบล) สาวใช้คนสนิทคอยดูว่าเลขาคนใหม่เป็นใคร

เมื่อภูชิชย์ตัดสินใจให้นริศราทำงาน เขาจึงแกล้งเธอด้วยการประกาศกับคนงานว่านริศราคือผู้จัดการไร่คนใหม่แทนนิพนธ์ที่เขาจะย้ายไปทำเอกสาร นริศราไม่ยอมเพราะผิดข้อตกลงแต่ภูชิชย์บอกว่าทำไม่ได้ก็ลาออกไป นริศราไม่มีทางไปจึงขอสู้สักตั้งและพนันกับภูชิชย์ว่าเธอจะอยู่ให้นานที่สุด ภูชิชย์หัวเราะเยาะทันที แม่อุ้ย ลุงปั๋น พร และนายผลพร้อมทั้งคนงานในไร่ ต่างก็งงกับคำสั่งใหม่ของภูชิชย์เป็นอย่างมาก ทางด้านบัวเกี๋ยงก็รีบรายงานกับคุณเล็กเกี่ยวความสวยของนริศรา คุณเล็กโมโหมากจึงสั่งให้บัวเกี๋ยงคอยหาทางแกล้งนริศราให้ได้

การเริ่มงานของนริศราเต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆตั้งแต่วันแรก เพราะเธอทำอะไรก็ไม่ได้ขับรถแทรกเตอร์ก็ไม่ได้ ครั้นนิพนธ์จะมาช่วยแนะนำภูชิชย์ก็ยังไม่ยอมอีก หนำซ้ำบัวเกี๋ยงยังรับคำสั่งคุณเล็กมาบอกคนงานให้คอยกลั่นแกล้งต่างๆ นานา แต่นริศราก็พยายามฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนผ่านไปได้

วันหนึ่งเจ้าน้อยมาเยี่ยมภูชิชย์และได้เจอกับนริศรา ก็รู้สึกคุยถูกคอถูกใจกันมาก ภูชิชย์เห็นเข้าก็ไม่พอใจว่านริศราให้เจ้าน้อยฟังต่างๆ นานา เจ้าน้อยจึงบอกให้ภูชิชย์ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์คนดีกว่า ว่าแล้วเจ้าน้อยก็ขอเชิญภูชิชย์ นริศราและนิพนธ์ไปทานอาหารเย็นที่บ้านเธอ เพราะเจ้าเทพมงคลต้องการจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าน้อยกลับมาจากอังกฤษ

แต่งานเลี้ยงเย็นนั้นก็เกือบจะล่มเมื่อเจ้าเทพมงคลและญาติได้เห็นเจ้าน้อยพาภูชิชย์ นิพนธ์ และนริศรามาร่วมงาน ทุกคนขอตัวกลับแม้แต่เจ้าเทพมงคลและเจ้าดาระกาก็ขอยกเลิกการทานอาหารร่วมโต๊ะ เจ้าน้อยเสียใจมาก แต่ได้นริศราและทุกคนปลอบงานเลี้ยงจึงดำเนินต่อ

ในช่วงหัวค่ำหลังจากทานอาหารเย็นแล้ว เจ้าน้อยก็ชวนทุกคนมาดูงานเพ้นท์ของเธอ และห้องนี้เองที่นริศราได้เห็นว่าหนังสือที่เธอแย่งกับภูชิชย์มาอยู่ที่นี่เอง นริศราจึงแกล้งขอยืมหนังสือจากเจ้าน้อย ทำให้ภูชิชย์หงุดหงิดที่นริศราแกล้งเขาคืน เมื่อกลับมาที่ไร่ นิพนธ์เล่าเรื่องเจ้าน้อยกับภูชิชย์ให้นริศราฟัง ภูชิชย์ได้ยินก็โกรธทันที ทำให้ต้องปะทะคารมกับนริศรา

บัวเกี๋ยงเล่าเรื่องทุกอย่างให้กับคุณเล็กฟังแถมยังเติมฟืนว่านริศราคิดมาจับภูชิชย์ท คุณเล็กโกรธมากจึงหนีออกจากโรงพยาบาลกลับไปที่ไร่ทันที และเมื่อได้พบกับนริศรา คุณเล็กก็ต้องการไล่นริศราออก แต่นริศราไม่ยอมเพราะเธอยังไม่ทำอะไรผิด ทำให้คุณเล็กกับบัวเกี๋ยงเจ็บใจและคิดหาแผนกำจัดนริศราทันที

แต่ไม่ว่าจะทำยังไงคุณเล็กก็ยังไล่นริศราไม่ได้ เพราะนริศราใช้แง่มุมกฎหมายมาตอบโต้ ในขณะเดียวกันคุณเล็กก็ต้องไปจัดการกับเจ้าน้อย แต่ครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน เมื่อฝ่ายเจ้าเทพมงคลเป็นคนไล่คุณเล็กออกมาจากไร่อย่างไม่สนศักดิ์ศรีของคุณเล็ก ยิ่งทำให้เธอเจ็บใจมากขึ้นไปอีก

ทางด้านวิทวัส ก็เริ่มรำคาญที่มอลลี่พยายามสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเขาเพราะมอลลี่เริ่มจับสัญญาณได้ว่าวิทวัสน่าจะมีแฟนแล้ว วิทวัสกลุ้มใจมากแต่รัชนิดาที่แอบจดทะเบียนและอยู่กินกับวิทวัสเงียบๆ พร้อมกับ ลูกหนู ลูกสาวแสนน่ารักก็คอยให้กำลังใจตลอด

ที่โรงเรียนของลูกหนู วิทวัส กับ รัชนิดาได้รู้ว่า ลูกหนูมีเพื่อนสนิทคือ นุ่น ซึ่งเป็นลูกของลัคนา โดยที่ไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้ ทั้งหมดจึงทักทายพูดคุยกันอย่างดีทุกครั้งที่ได้เจอกัน

ยิ่งนานวัน คุณเล็กก็ทนนริศราไม่ไหว จึงร่วมมือกับบัวเกี๋ยงปลุกปั่นคนงานให้ขับไล่นริศรา ถ้าคนงานคนไหนไม่ให้ความร่วมมือก็จะโดนไล่ออก คนงานจึงคอยกลั่นแกล้งนริศราต่างๆ นานา จนนิพนธ์ทนไม่ไหวต้องคอยแอบให้ความช่วยเหลือ คุณเล็กเมื่อรู้เข้าก็โกรธนิพนธ์มาก แต่นิพนธ์ยืนยันในความถูกต้องคุณเล็กจึงประกาศว่าเธอจะเกลียดนิพนธ์ ทำให้นิพนธ์เสียใจมาก

นิพนธ์ แอบหลบมากลุ้มใจอยู่ที่แปลงดอกไม้ที่คุณเล็กเคยโปรดปราน แต่ตอนนี้กลับถูกทิ้งร้างเพราะคุณเล็กเลิกเห่อ นริศราเห็นเข้าก็มาปลอบ และขอทำแปลงดอกไม้ให้ดูดี นิพนธ์เห็นด้วยและขอลงมือช่วย นริศราเริ่มสังเกตุว่านิพนธ์น่าจะรู้สึกดีๆกับคุณเล็ก

หลายๆ เหตุการณ์ที่คุณเล็กพยายามกลั่นแกล้งนริศรา ทำให้ภูชิชย์เริ่มเห็นความอดทนและแข็งแกร่งของนริศรามากขึ้น ทำให้ภูชิชย์เองก็เริ่มสับสนความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อนริศรา โดยเฉพาะเวลาที่เขาอยู่ใกล้นริศรา แม้ปากจะแข็งคอยเหน็บกัดนริศรา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เธอ หลายครั้งที่ภูชิชย์อยู่กับเจ้าน้อย แต่เขากลับเหม่อลอยและคิดถึงนริศรา จนเจ้าน้อยก็เริ่มจับสัญญาณได้แต่ยังไม่แน่ใจ

ทางด้านบัวเกี๋ยง เองก็เริ่มรำคาญนายผล (ศิระ แพทย์รัตน์) ผู้เป็นสามี เพราะนายผลชักสงสัยว่าการที่บัวเกี๋ยงคิดกำจัดนริศรา แถมยังไม่ชอบหน้าเจ้าน้อยแฟนภูชิชย์นั่น เพราะบัวเกี๋ยงเองก็คิดจะจับภูชิชย์ บัวเกี๋ยงกลัวความจะแตกจึงแกล้งทำดีกับนายผลให้ตายใจ แต่ก็แอบคิดว่าถ้าวันไหนที่เธอจับภูชิชย์ได้เธอจะเฉดสามีแย่ๆ อย่างนายผลทันที

ในระหว่างที่คุณเล็กมาที่แปลงดอกไม้ แล้วเห็นดอกไม้สวยเต็มแปลงก็อารมณ์ดี เดินเล่นนั่งเล่นอยู่กับดอกไม้ทั้งวัน นิพนธ์ที่แอบดูอยู่จนคุณเล็กเห็นเข้าก็เรียกมาคุย นิพนธ์ไม่กล้าบอกว่าตัวเองก็มีส่วนทำแปลงดอกไม้ จึงบอกแต่เพียงว่านริศราทำ คุณเล็กได้ยินชื่อเข้าก็โกรธมาก สั่งนิพนธ์ทำลายแปลงดอกไม้ให้หมด นิพนธ์พยายามทัดทานแต่คุณเล็กไม่ฟัง สุดท้ายคุณเล็กสั่งให้บัวเกี๋ยงกับนายผลมาทำลายแปลงดอกไม้ต่อหน้านิพนธ์ นริศราที่รู้เรื่องรีบมาดูและจะพูดความจริง แต่นิพนธ์ก็ห้ามไว้อีก นริศราจึงได้แต่พานิพนธ์ไปคุย คุณเล็กกับบัวเกี๋ยงเห็นเข้าก็สรุปทันทีว่านิพนธ์กับนริศรามีอะไรกัน

คุณเล็กสั่งให้นิพนธ์จีบนริศราซะเพื่อจะได้ไม่มายุ่งกับภูชิชย์อีก แต่นิพนธ์ไม่ยอมและบอกว่าไม่ได้รักนริศรา คุณเล็กโมโหและบอกว่าต่อไปนี้นิพน์ไม่ต้องมาให้เธอเห็นหน้าอีก

โป๊ะที่อยู่กรุงเทพฯเริ่มคิดถึงและเป็นห่วงนริศรามาก เพราะเขาไม่สามารถติดต่อนริศราได้เลย เมื่อพ่อแม่คิดจะส่งให้โป๊ะกลับไปเรียนต่อเขาก็ไม่ยอมไป สุดท้ายพ่อกับแม่โทษว่าเป็นความผิดของนริศรา จึงคิดจับโป๊ะแยกด้วยการวางแผนให้โป๊ะไปดูแลโรงแรมเปิดใหม่ที่เชียงใหม่

วันหนึ่งเจ้าน้อยมาชวนนริศราและภูชิชย์ไปเดินเล่นในเชียงใหม่และที่นี่เองที่นริศราก็ได้เจอกับโป๊ะ นริศราแอบข้อร้องโป๊ะไม่ให้บอกเกี่ยวกับตัวตนของเธอ ซึ่งทำให้ภูชิชย์ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก ระหว่างที่โป๊ะต้อนรับภูชิชย์ เจ้าน้อยกับนริศราอยู่นั้น ลาวัลย์ (วรันลักษณ์ ศิริมะณีวัฒนา) ก็มารอรับพี่สาวคือลัคนาที่พานุ้ยกับนุ่นมาพักผ่อนและเยี่ยมเยียนเธอที่มาทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่นี่ ลาวัลย์พาลัคนามาแอบดูนริศราที่นั่งอยู่กับภูชิชย์และโป๊ะ ลาวัลย์พอจะรู้จักภูชิชย์มาบ้างจากข่าวสังคมไฮโซเมืองเหนือ จึงคิดอยากตีสนิท ลัคนาที่อิจฉานริศราอยู่แล้วจึงสนับสนุนเต็มที่ด้วยการเข้าไปทักทายนริศรา
นริศราเริ่มงงกับท่าทีของลัคนาที่แสดงออกเหมือนคิดถึงและเป็นห่วงเธอมาก ลัคนากับลาวัลย์ขอภูชิชย์ไปเที่ยวไร่ทันที นริศราอยากจะห้ามเพราะเกรงใจเจ้าน้อย แต่ภูชิชย์ก็รับปากไปตามมารยาท เพราะภูชิชย์ต้องการที่จะรู้จักนริศราให้มากขึ้น นริศราเองก็หนักใจที่พี่สะใภ้กับน้องสาวทำตัวใกล้ชิดกับภูชิชย์แบบไม่เกรงใจเจ้าน้อย

เมื่อกลับมาที่ไร่ ภูชิชย์ก็ทั้งเหน็บทั้งสืบว่า นริศราไปรู้จักกับคนระดับโป๊ะได้ยังไง นริศราไม่ยอมบอกและกวนประสาทกลับทำให้ภูชิชย์สงสัยว่านริศราคือใครกันแน่ เมื่อคิดแล้วก็อยากเจอลัคนากับลาวัลย์ทันที จะได้ถามเรื่องนริศราให้ได้

วันรุ่งขึ้น ลาวัลย์กับลัคนา ก็มาตามสัญญาทันที ภูชิชย์ต้อนรับสองพี่น้องอย่างดี และพยายามจะถามเรื่องนริศรา แต่ยังไม่ทันจะถามคุณเล็กก็เข้ามาอาละวาดซะก่อน จนสองพี่น้องเผ่นออกจากไร่แทบไม่ทัน ลาวัลย์รู้สึกอิจฉานริศรามากที่ได้ใกล้ชิดกับภูชิชย์ และหมายมั่นปั้นมือว่าวันหนึ่งเธอจะเอาภูชิชย์มาครอบครองให้ได้ แต่ลาวัลย์ขยาดความแรงและความงกของคุณเล็กจึงอยากให้ถอนตัวไปรักโป๊ะ แต่ลาวัลย์ไม่ยอม

มอลลี่ เริ่มสืบตามวิทวัสจนเกือบรู้ว่าวิทวัสมีเมียมีลูก แต่ก็จับไม่ได้คาหนังคาเขา สุดท้ายมอลลี่ใช้วิธีเข้าไปขอความรักกับวิทวัส แต่วิทวัสไม่เล่นด้วยและบอกให้มอลลี่เลิกคิดเรื่องนี้กับเขา มอลลี่เจ็บใจมากจึงโทรบอกคุณเล็ก คุณเล็กออกอุบายว่าจะจัดงานวันเกิดของเธอ โดยให้วิทวัสมาด้วย แล้วให้มอลลี่มาเซอร์ไพรส์ มอลลี่ชอบความคิดนี้มาก

วิทวัสบอกรัชนิดากับลูกหนูว่าจะไปเชียงใหม่ ลูกหนูอยากไปด้วยแต่วิทวัสก็ให้ไปไม่ได้ วิทวัสสัญญาว่าสักวันจะพาลูกหนูไปพบกับญาติฝ่ายพ่อบ้าง ลูกหนูดีใจกอดวิทวัสแน่น วิทวัสกับรัชนิดาน้ำตาซึมทันที

ลัคนาคิดจะกลับกรุงเทพฯ เพราะเริ่มเป็นห่วงหลานๆ ที่ฝากญาติดูแล แต่ลาวัลย์บอกให้อยู่ต่ออีกวันสองวัน เพราะเธอจะชวนไปไร่สุพัฒนา ลัคนาบอกไม่อยากไปเพราะกลัวโดนไล่ออกมาอีก ลาวัลย์บอกคราวนี้ยากเพราะเป็นงานวันเกิดคุณเล็ก ผ.อ.ที่โรงพยาบาลก็จะไป ลัคนาแม้จะขยาดแต่ทนความตื้อของลาวัลย์ไม่ได้ก็จำใจรับปากอยู่ต่ออีกวันสองวัน

ในวันงาน วิทวัสต้องแปลกใจที่ได้เจอกับมอลลี่เพราะมอลลี่ยังไม่ได้ลางานกับเขา คุณเล็กบอกว่าเธออนุญาตมอลลี่เอง และมอลลี่ก็มาในฐานะแฟนของวิทวัส ทั้งภูชิชย์กับวิทวัสก็อึ้งในสิ่งที่ได้ยิน คุณเล็กบอกว่าเธอต้องการให้วิทวัสกับมอลลี่คบกัน วิทวัสไม่ยอมแต่คุณเล็กกับมอลลี่ก็ใช้ไม้นวมพูดดีๆว่าให้ลองคบกันดูก่อน วิทวัสก็ยังไม่ยอมอีก ระหว่างนั้นลัคนากับลาวัลย์ก็มาในงาน ลัคนาพอเห็นวิทวัสก็ทักกันโดยไม่ตั้งใจ
คุณเล็กโกรธมากกว่าที่วิทวัสรู้จักกับลัคนาได้ยังไง ลัคนาจึงบอกว่าลูกเธอกับลูกวิทวัสเป็นเพื่อนกัน คุณเล็กโกรธมากถามคาดคั้นเอาความจริง วิทวัสจึงยอมรับโดยดี คุณเล็กช็อคกรี๊ดจนต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะคาดไม่ถึงว่าวิทวัสจะกลับไปคว้าผู้หญิงชั้นต่ำในสายตาคุณเล็กอย่างรัชนิดาที่เธอเคยไล่ไปแล้วอีกจนได้

ที่โรงพยาบาล ภูชิชย์กับวิทวัสได้ปรับความเข้าใจกัน วิทวัสเองก็บอกภูชิชย์ว่า ถ้าเจอคนที่คิดว่าจะแก่ไปด้วยกันทำไมเขาจะทิ้งโอกาสนั้นไป ไม่ว่าใครจะว่ายังไง เขากับรัชนิดาแล้วก็ลูกหนูก็จะอยู่ด้วยกัน และถ้าภูชิชย์คิดเหมือนคุณเล็ก เขาก็ยินดีจะออกจากบริษัทแล้วจะไปหางานทำเพื่ออยู่กับครอบครัวของเขา พูดจบวิทวัสก็ขอตัวกลับไปเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ และก่อนไปวิทวัสก็บอกให้มอลลี่มาลาออกไป เพราะมันจะดีกว่าให้เขาไล่ออก เนื่องจากงานอะไรก็ไม่เคยทำให้เสร็จ เอาแต่อู้แต่หลบงาน มอลลี่โกรธมากบอกจะไล่ก็ได้นะ วิทวัสจึงบอกงั้นขอไล่ออกเลยแล้วกัน

เมื่อคุณเล็กฟื้น คุณเล็กพยายามบังคับให้ภูชิชย์ไปเอาวิทวัสกลับมา เธอไม่ต้องการผู้หญิงอย่างรัชนิดา ภูชิชย์ไม่เห็นด้วยกับคุณเล็ก เพราะยังไงเรื่องก็เลยเถิดมาขนาดนี้แล้ว และเขาเองก็อยากเจอหลาน แต่คุณเล็กโมโหมากบอกเธอจะตัดวิทวัสออกจากความเป็นพี่ และต่อไปนี้เธอจะต้องควบคุมภูชิชย์ให้มากขึ้นไปอีก

ทางด้านนิพนธ์ ก็แอบมาดูคุณเล็กอยู่ห่างๆ จนวันหนึ่งนริศราก็มาเจอ นริศราอดรนทนไม่ไหว ลากนิพนธ์มาถาม นิพนธ์บอกว่าเขาก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มรักคุณเล็กเมื่อไหร่ คงเป็นเพราะทำงานที่นี่มานาน จนผูกพันและสงสาร นริศราเข้าใจและอยากช่วยแต่นิพนธ์ขอร้องว่าอย่าช่วย มันจะทำให้ทุกอย่างแย่ไปกว่านี้ นริศราเข้าใจทันที เพราะคุณเล็กเสป็คสูงไม่มีวันชอบนิพนธ์ และถ้าภูชิชย์หรือคนงานรู้นิพนธ์ก็จะเสียเปล่า นริศราเห็นใจและให้กำลังใจนิพนธ์

ช่วงที่คุณเล็กกลับมาบ้าน ก็จัดแจงห้ามภูชิชย์ยุ่งกับเจ้าน้อย แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะภูชิชย์แม้จะห่างจากเจ้าน้อย แต่กลับยิ่งสนิทกับนริศรามากขึ้น หลายครั้งที่ภูชิชย์มีปัญหาทั้งในเรื่องงาน หรือเรื่องคุณเล็ก นริศราก็มักจะมาช่วยแก้ปัญหาให้เสมอ แม้จะขอเหน็บจิกกัดให้เจ็บเล่น แต่สุดท้ายคำแนะนำของนริศราก็ทำได้เสมอ จนหลายครั้งภูชิชย์รู้สึกอยากมองหน้าอยากอยู่ใกล้กับนริศรานานๆ แต่ก็แสดงความรู้สึกนี้ออกมามากไม่ได้ เพราะโป๊ะเองก็มารับนริศราไปเที่ยวข้างนอกบ่อยๆ จนภูชิชย์แทบอยากจะทำป้ายกั้นโป๊ะไม่ให้เข้าไร่ ยิ่งวิ่งเฝ้านริศรามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ภูชิชย์ห่างจากเจ้าน้อยมากขึ้นเท่านั้น

ทางด้านนายผลที่ชอบแอบออกไปกินเหล้าเล่นการพนันนอกไร่ จนวันหนึ่งก็ติดหนี้เยอะมาก จึงกลับมาไถเงินเอากับบัวเกี๋ยง บัวเกี๋ยงไม่มีให้นายผลจึงขู่จะบอกทุกคนว่าเป็นผัวเมียกัน บัวเกี๋ยงจึงแอบขโมยเงินคุณเล็กมาให้นายผล แต่หลายๆครั้งเข้า นายผลก็ถูกจับได้ ภูชิชย์โกรธมากที่นายผลเหลวไหล จึงตัดสินใจไล่ออก ไม่ว่านายผลจะอ้อนวอนยังไงก็ไม่สงสาร ทำให้นายผลเจ็บแค้นใจมากและขู่อาฆาตก่อนจากไป

วันหนึ่งเจ้าน้อยได้รับการขอร้องให้ช่วยเป็นกรรมการงานการกุศล โดยไฮไลท์ของงาน จะมีการเพ้นท์เสื้อประมูล ซึ่งเจ้าน้อยทำยังไงก็ไม่สวยถูกใจ จึงชวนนริศรามาช่วยออกแบบ นริศราออกแบบมาสวยถูกใจเจ้าน้อยมาก เจ้าน้อยจะส่งเข้าประมูลในชื่อของนริศรา แต่นริศราต้องไปปรากฎตัวในงานด้วย เจ้าน้อยชวนไปงาน แต่นริศราปฎิเสธเต็มที่เพราะเธอไม่ชอบงานแบบนี้ และไม่มีชุดด้วย ไม่ว่าเจ้าน้อยจะตื้อยังไงนริศราก็ไม่ยอมไปอยู่ดี สุดท้ายนริศราเสนอให้ใส่ชื่อว่าเป็นเจ้าน้อยแล้วกัน

เย็นวันนั้นเจ้าน้อยก็นัดภูชิชย์ออกมาเพื่อเชิญไปงาน ภูชิชย์เองก็ไม่รับปากว่าจะไป เจ้าน้อยแอบบ่นน้อยใจว่าชวนนริศราก็ไม่ไป ชวนภูชิชย์ก็ไม่ไป เธอไม่มีเพื่อนเลย

วันรุ่งขึ้นเจ้าน้อย มาดูสถานที่จัดงานประมูลเสื้อการกุศลที่โรงแรมของโป๊ะ โป๊ะจึงอาสาดูแลเต็มที่ ทำให้ทั้งสองได้คุยกันและเจ้าน้อยก็ได้รับรู้ว่าโป๊ะรู้สึกอย่างไรกับนริศรา เจ้าน้อยให้กำลังใจโป๊ะเพราะเธอรู้ว่านริศราเป็นคนดีและอยากให้โป๊ะชวนนริศรามาให้ได้ โป๊ะเองก็บอกว่าเจ้าน้อยโชคดีที่ได้เจอคนอย่างพ่อเลี้ยง เจ้าน้อยเพียงแต่ยิ้มรับจนโป๊ะสังเกตุเห็นความผิดปกติ

วันจัดงานประมูล โป๊ะพยายามตื้อนริศราแต่นริศราก็ไม่ใจอ่อนเพราะไม่มีชุด โป๊ะจึงเนรมิตรชุดสวยให้นริศราสวยจนเหมือนเป็นเจ้าหญิง ภูชิชย์ที่แอบดูอยู่รู้สึกหมั่นไส้จึงเปลี่ยนใจบอกเจ้าน้อยว่าเขาจะไปด้วย เจ้าน้อยถึงกับหน้าถอดสีทันที

ทางด้านคุณเล็กที่ได้ฟังความจากบัวเกี๋ยง ก็รีบมาห้ามไม่ให้ภูชิชย์ไปร่วมงาน ภูชิชย์พยายามพูดคุยกับคุณเล็กจนสุดท้ายก็ออกไปจนได้ คืนนั้นคุณเล็กอาละวาดทั้งคืน นิพนธ์ต้องเข้ามารองรับอารมณ์คุณเล็กยอมถูกด่าถูกตี ทั้งเรื่องที่ไม่ยอมจีบนริศรา ไม่ยอมช่วยเธอ นิพนธ์ก็นิ่งเงียบจนคุณเล็กยิ่งโกรธขว้างแก้วใส่จนนิพนธ์ได้แผลไป






Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 20:46:14 น.
Counter : 416 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]