All Blog
ทองประกายแสด ตอนที่ 10



นรินทร์กำลังนั่งเซ็นต์เอกสารอยู่ในห้องทำงาน มนตราเดินเข้ามาหา

“อ้าว...คุณมนตรา ทำไมวันนี้มาเร็วจัง อ๋อ...มาซ้อมเพลงให้นักร้องใหม่หรือ”
“เปล่าครับ ผมมีเรื่องจะมาคุยกับคุณนรินทร์ เรื่อง...ผมจะขอลาออก”
“ได้สิคิดว่าเรื่องอะไรซะอีก” นรินทร์นึกได้ก็ตะลึง “อะไรนะลาออก...ไม่นะ คุณอย่าล้อผมเล่น เดี๋ยวผมหัวใจวายหรอก”
“ไม่ได้ล้อเล่นครับ ผมขอลาออกจริงๆ”
“ไม่นะ...โธ่...”
นรินทร์ ก้มเอาหัวโขกโต๊ะอย่างเครียดจัด

มนตรา เดินออกจากหน้าคลับนรินทร์คุยโทรศัพท์กับเพื่อนไปด้วย
“ฉันฝากวงให้นายดูแลด้วย ฉันมั่นใจนายทำได้ โอเค นะเพื่อน”
มนตรากดปิดโทรศัพท์ แล้วหันหน้าไปมองคลับของนรินทร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะยิ้มเศร้า
“ทำไงได้ ผมรักคุณมากกว่านี่ ทองประกาย”

ละเอียดเดินไปเดินมาอย่างใช้ความคิด
“ไม่รู้ละ เป็นไงเป็นกัน คราวนี้พี่เอียดต้องพูด ขืนปล่อนไว้ คุณมนตราต้องแย่แน่เลย”
มนตราเดินเข้ามาในบ้านหน้าขรึมๆ ละเอียดสูดลมหายใจรวบรวมความกล้า เดินเข้าไปหา
“คุณมนคะ พี่เอียดมีเรื่องจะบอก”
“ดีครับ ผมก็มีเรื่องจะบอกพี่เอียดเหมือนกัน ผมลาออกจากงานแล้วนะ”
ละเอียดตะลึง
“แหม...ดีใจจนพูดไม่ออกเลยนะครับ คงสมใจคุณแม่แล้ว...อีกไม่นานผมจะกลับไปเชียงใหม่”
“อะไรนะคะ ลาออก ทำไมถึงได้ปุบปับขนาดนี้ล่ะ”
“ก็พี่เอียดแนะนำผมเอง ให้ผมเลือก ตอนนี้ผมเลือกทองประกาย ทำไงได้ล่ะครับ ผมรักทองมากกว่านี่ ขอบคุณนะคะรับพี่เอียด” มนตรานึกได้ “เออ...พี่เอียดมีเรื่องอะไรหรือครับ”
ละเอียดถอนใจบ่นเบาๆ
“คงไม่ทันแล้วละค่ะ”
“พี่เอียดอย่าลืมนะครับ พี่เอียดต้องทำให้ทองประกายพร้อมที่สุด คุณแม่จะยอมรับทองได้หรือไม่ อยู่ที่พี่เอียดคนเดียว ผมฝากด้วยนะครับ”
มนตราลุกขึ้นจับมือพี่เอียด ก่อนจะเดินออกไป ละเอียดมองตามถอนหายใจหนักใจ
“โธ่คุณมน...เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย...”

มนตราเดินเข้ามาในห้อง ทองดีสังเกตเห็นท่าทางของเขาดูไม่สดชื่น
“เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า”
“ผมลาออกจากคลับแล้วนะ”
ทองดีตื่นเต้น
“จริงหรือ...ออกจากคลับน่ะหรือ ทำไมเร็วจัง”
“อ้าว คุณไม่อยากให้ผมทำงาน ผมก็ลาออกน่ะสิ เตรียมตัวเก็บข้าวของได้เลย เราจะได้กลับไปเชียงใหม่กัน”
ทองดีอึ้งอ้าปากจะพูด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดเสียก่อน มนตรามองโทรศัพท์แล้วถอนหายใจ
“คุณแม่นี่ เหมือนเลี้ยงกุมารทองเข้าไปทุกวัน” มนตรารับสาย “สวัสดีครับคุณแม่ ผมลาออกจากงานแล้ว ครับผมทราบ”
ทองดีพยายามส่งสัญญาณว่าไม่กลับเชียงใหม่ มนตราไม่เข้าใจ เอามือปิดโทรศัพท์แล้วถาม
“คุณพร้อมเมื่อไหร่ล่ะ”
ทองดีหงุดหงิด คว้าโทรศัพท์จากมือเขา แล้วกดปิดทันที มนตรางง
“เป็นอะไรของคุณน่ะ ทิ้งโทรศัพท์ทำไม”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก มนตราจะเดินไปรับ ทองดีห้ามเสียงดัง
“อย่ารับนะ”
“ทำไม...นี่คุณอารมณ์ไหนกันแน่ ผมตามไม่ทันเลย”
“ฉันยังไม่พร้อม ฉันไม่อยากไปเชียงใหม่ตอนนี้”
“อะไรนะ ไม่พร้อมหรือ นี่ผมลาออกจากงานเพื่อคุณแล้วนะ”
มนตราฉุนเดินออกจากห้องไปทันที ทองดีหน้าเครียดลำบากใจ

มนตราเดินลงมาจากข้างบนอย่างหงุดหงิด เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ละเอียดเดินเข้ามารับสายอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ฮัลโหล...คุณผู้หญิงหรือคะ...อุ๊ย...ทำไมรู้เร็วนักเนี่ย...”
มนตรารีบเดินเข้ามาใกล้ ทำท่าโบกไม้โบกมือ ละเอียดไม่เข้าใจคิดว่ามนตราจะขอพูดกับแม่
“คุณมนตราจะพูดกับคุณผู้หญิงค่ะ”
มนตราเซ็งเลย
“ครับคุณแม่ ผมขอโทษครับเมื่อกี้โทรศัพท์มันหล่น”
“ถ้าลาออกแล้ว ก็กลับมาช่วยแม่ทางนี้เถอะลูก งานเยอะแยะเหลือเกิน แม่ไม่ไว้ใจคนอื่น กลับมาพรุ่งนี้เลยก็ได้ เดี๋ยวแม่เช็คไฟลท์ให้เลย”
“คงยังกลับไม่ได้หรอกครับ ผมต้องเคลียร์งานกับเพื่อนๆก่อน นี่ก็กะทันหันมาก”
“ให้มันเร็วหน่อยแล้วกัน แม่คิดถึงอยากเห็นหน้าลูก”
“แค่นี้ก่อนนะครับแม่”
มนตราวางหู หันกลับมาเห็นละเอียดทำหน้าเบื่อๆ
“พี่เอียดไม่ต้องมาเยาะเย้ยผมเลย...เพราะพี่เอียดนั่นแหละ”
มนตราเดินหนีละเอียดเข้าห้องทำงานไป ละเอียดทำท่าเซ็ง

ค่ำนั้น...ละเอียดจูงมือทองดีพร้อมถาดของว่าง มายืนหน้าห้องทำงานมนตรา
“นี่หน้าที่ของภรรยาที่ดี ต้องรู้จักดูแลสามี โบราณว่า ก้นถึงฟาก ปาก ต้องถึงข้าว”
ทองดีลังเล
“แน่ใจนะว่าจะได้ผล”
“คุณจะไปรู้อะไร คนเราน่ะ พอท้องอิ่ม อารมณ์ก็จะดี เร็วเข้า เอาเข้าไปให้คุณมนตรา พูดกับเธอเพราะๆนะคะ ไปเร๊ว...”
ทองดีลังเลอยู่หน้าห้อง ละเอียดโบกมือให้ทำ ทองดีตัดสินใจเคาะประตูก่อนเข้าไปละเอียดถอนหายใจโล่งอก
มนตรานั่งเล่นดนตรีอยู่ พอทองดีเดินเข้ามา เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปรับ
“ฉันเห็นคุณปิดห้องเงียบ เลยเอาของว่างมาให้ทาน”
“ขอบคุณมาก มาทานด้วยกันสิ”
ทองดียิ้ม
“ฉันทานมาแล้ว คุณทานเหอะ”
มนตรานั่งทานขนมอย่างอร่อย ทองดีมองแล้วยิ้ม
“คุณลาออกจากงานแล้ว คืนนี้ก็ว่างน่ะสิ เราไปดูหนังกันดีมั๊ย”
มนตราส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่า ผมไม่ชอบ ไปตามโรงหนังหรอก คนเยอะ เหม็นควันบุหรี่ด้วย อึดอัด”
“อ้าว...แล้วทีไปที่คลับล่ะ ทั้งเหล้า ทั้งควัน ทั้งเสียงดัง คุณยังไปได้เลย”
“มันไม่เหมือนกัน ผมไปที่นั่นเพราะไปทำงาน ไปเล่นดนตรี มันจำเป็น”
“งั้นไปทานข้าวนอกบ้านก็ได้ ดีมั๊ย”
“อย่าดีกว่า ทานที่บ้านนี่แหละ อร่อย ไม่ต้องเบียด เป็นส่วนตัวดีด้วย”
ทองดีเซ็งลุกขึ้นยืนทันที
“สรุปว่า คุณจะไม่พาฉันไปไหน ให้อยู่เฝ้าบ้านแบบนี้ใช่มั๊ย”
“อาทิตย์นี้ เราก็ไปกันเกือบทั้งอาทิตย์แล้วนี่นา วันนี้เราพักอยู่บ้านเงียบๆกันบ้างดีกว่า”
“ก็ได้ คุณไม่อยากไป งั้น...ฉันไปเอง”
ทองดีสะบัดหน้าออกจากห้องไปทันที มนตราหงุดหงิดมาก
“มันอะไรวันวะเนี่ย...”

ละเอียดแอบฟังหน้าห้อง ทองดีเปิดประตูออกมาหน้าบึ้งหน้างอ
“อ้าว...ทำไมหน้าหงิกแบบนั้นล่ะคะ ไม่ได้ผลหรือคะ”
“ไม่ได้ผลหรอก คนบ้าอะไร ว่างก็จะหมกตัวอยู่แต่บ้าน ฉันเป็นคนนะ ไม่ใช่ตุ๊กตา จะเอามาตั้งทิ้งๆขว้างๆ ไว้ในบ้านไม่ให้ออกไปพบเจอผู้คนบ้างเลยหรือไง”
ละเอียด ตกใจ
“ตายจริง...คุณทองประกาย พูดออกมาได้ยังไง”
ละเอียดลากแขนทองดีออกมา กลัวมนตราได้ยิน
“นี่คุณ...ใช้อะไรคิด คุณรู้หรือเปล่าว่า คุณมนเธอรักคุณแค่ไหน”
ทองดีเชิดหน้า ไม่ตอบ
“ทางบ้านขอร้องแทบเป็นแทบตายให้คุณมนเลิกทำงาน คุณมนยืนยันคำเดียวว่าไม่ แต่พอคุณพูดคำเดียว เธอก็วิ่งไปลาออก หัดให้หัวคิดซะบ้างนะคะ ว่าคุณมนทำเพื่อใคร”
“ไม่ต้องมาสะเออะสั่งสอนฉัน มีหน้าที่เป็นขี้ข้าก็เป็นต่อไป...”
ละเอียดไม่พอใจ
“ค่ะ...ฉันรู้ว่าฉันเป็นแค่คนใช้ แต่อยากจะบอกว่า คุณมนตรา เสียสละเพื่อคุณได้ทุกอย่าง กระทั่งงานที่คุณมนรัก แล้วคุณล่ะ เคยทำอะไรเพื่อคุณมนบ้างหรือเปล่า”
ทองดีหน้าเสียไปนิด แต่ไม่ยอมแพ้สะบัดหน้าเดินออกไปจากบ้านทันที ละเอียดมองตามไปอย่างหงุดหงิด
“นี่ถ้าไม่เห็นกับคุณมนล่ะก็ สองตา อีเอียดก็ไม่อยากจะแล เชอะ”
มนตรากำลังเล่นเปียโน อย่างกระแทกกระทั้น ละเอียดแง้มประตูห้องแอบมองอย่างสงสาร ก่อนจะปิดประตู ถอยหลังออกจากหน้าห้อง หันมาจะเอ๋กับแอนที่เดินประคองถาดอาหารเข้ามา
“นังแอน เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง เดี๋ยวฉันก็หัวใจวายหรอก”
แอนงง
“ก็คุณแม่บ้านสั่งไม่ใช่หรือคะ ให้ทำอะไรเงียบๆ”
ละเอียดจะเขกหัว
“กวนประสาทนักนะแก เฮ้อ...เมื่อไหร่จะสงบเหมือนเดิมนะนี่...ไม่เคยเห็นคุณมนเป็นแบบนี้เลย”
“แล้วจะให้แอนทำยังไงกับข้าวต้มคะ คุณแม่บ้าน”
“เอาไปเก็บก่อน”
แอนทำท่าหวานหมู รีบเดินออกไป ละเอียดทำท่าจะเดินตาม มนตราเปิดประตูพรวดออกมา ละเอียดสะดุ้ง
“อุ๊ย...คุณมน หิวหรือยังคะ เดี๋ยวเอียดจัดอาหารให้”
“ไม่ต้อง ทองประกายไปไหน”
“อุ๊ย..ไม่ทราบค่ะ เห็นว่าจะออกไปเที่ยว กลับดึก”
“ไปเที่ยว...เที่ยวที่ไหน บอกหรือเปล่า”
ละเอียดประชด
“เธอคงจะบอกเอียดหรอกนะคะ”
มนตราร้อนใจรีบวิ่งออกไปตามทองดี ละเอียดเบื่อหน่าย
“โอ๊ย...อะไรกันนักกันหนานี่”

ทองดีเดินอยู่บนสะพาน เห็นคนอื่นมาเป็นคู่ๆ เธอมองอย่างรู้สึกว้าเหว่
“ทำไมมันหนาวแบบนี้นะ”
ทองดีห่อไหล่อย่างรู้สึกหนาว นิ่งคิด เธอนึกถึงคำพูดของละเอียด
‘คุณมนตรา เสียสละเพื่อคุณได้ทุกอย่าง กระทั่งงานที่คุณมนรัก แล้ว คุณล่ะ เคยทำอะไรเพื่อคุณมนบ้างหรือเปล่า’
ทองดีหน้าเสียรู้สึกผิด เธอนิ่งคิด ถึงมนตราเมื่อครั้งที่เขาถอดเสื้อคลุมไหล่ให้ แล้วพูดกับเธออย่างจริงจัง
‘แค่มีคุณอยู่ใกล้ๆ เป็นกำลังใจให้ผม เท่านั้นผมก็พอใจแล้ว’
ทองดีรู้สึกผิด
“บ้าจริง แล้วฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่...”
ทองดีหันหลังกลับจะเดินลงจากสะพาน เธอหยิบโทรศัพท์ออกมากดหาเขาแล้วนิ่งคิด ก่อนจะชะงักเปลี่ยนใจเป็นกดข้อส่งข้อความแทน
‘ฉันจะรอคุณ ที่เราสองคนเคยดูดาวด้วยกัน’
ทองดีพูดเบาๆกับตัวเอง
“ไหนลองดูซิ เขา จะใจตรงกับเรามั๊ย”
ทองดียืนชมวิวรอ มนตราอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันนั้น จิ๊กโก๋ 2 คน เห็นทองดีนั่งอยู่คนเดียว ทั้งสองคนหันไปมองหน้ากัน แล้วยิ้มร้าย

มนตราขับรถตระเวนไปที่ต่างๆ ที่เคยไปกับทองดี แต่ไม่มีแม้แต่เงา
“คุณไปอยู่ที่ไหนนะ ทองประกาย”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงแมสเสจดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มากดอ่าน
“นี่คุณ จะลองใจผมใช่มั๊ยเนี่ย...ที่ที่เราเคยดูดาวด้วยกัน...”
มนตรานิ่งคิดแล้วเลี้ยวรถกลับอย่างรวดเร็ว

ทองดี นั่งรอจนเริ่มเบื่อ
“เค้าคงไม่มาแล้ว ใครจะไปจำได้ สมน้ำหน้าตัวเองมั๊ยล่ะ หาจนได้เรื่อง”
ทองีเปลี่ยนใจ หันหลังเดินลงสะพาน จิ๊กโก๋ 2 คนเข้ามาขวางไว้ ทองดีหน้าเครียด
“น้องสาวคนสวย จะรีบไปไหนจ๊ะ...”
“ยืนชมดาวคนเดียวไม่เหงาหรือ มามะ พี่จะยืนเป็นเพื่อน”
ทองดีตวาด
“หลีกไป ฉันจะกลับ”
“โหย...พูดจากกระชากใจพี่จัง ทำไมเสียงไม่หวานหมือนหน้าเล๊ย...”
ทองดีเดินหนี จิ๊กโก๋คนหนึ่งคว้าแขนไว้ เธอสะบัดแล้ววิ่งหนีทันที จิ๊กโก๋ทั้งสองวิ่งตามมาทันขวางไว้ ทองดีร้องลั่น
“ช่วยด้วย...เจ้าค่ะ ไฟไหม้ ไฟไหม้”
จิ๊กโก๋ตรงเข้าต่อท้องทันที ทองดีตัวงอ จิ๊กโก๋ทั้งสองลากเธอมาทีเปลี่ยว แล้วกระชากเสื้อเธอออก ทองดีกรี๊ดลั่น ทันใดนั้นเสียงมนตราดังขึ้น
“เฮ๊ย...พวกแกทำอะไรวะ”
ทองดีหันไปเห็นเขา
“คุณมน ช่วยด้วยค่ะ”
จิ๊กโก๋ทั้งสองคนหันมามอง เห็นมนตราคนเดียว จึงชักมีดออกขู่
“มาเสือกเรื่องอะไรด้วย เดี๋ยวกูแบ่งให้ก็ได้ ตามคิวสิวะ”
“นั่นมันเมียกู”
จิ๊กโก๋เข้ารุมมนตราทันที แต่สู้มนตราไม่ได้จึงหนีไปแบบสะบักสะบอม ส่วนมนตรา มีแผลปูดบวมเล็กน้อย ทองดีรีบเข้าไปประคอง
“คุณมนตรา ฉันทำให้คุณเดือดร้อนอีกแล้ว”
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ไม่มีคุณผมอยู่ไม่ได้เข้าใจมั๊ย”
ทองดีรู้สึกผิดมาก
“ฉันขอโทษค่ะ”

ทองดี ประคองมนตราเข้ามาในบ้าน ละเอียดเห็นเขาบอบช้ำก็โวยวาย
“ตายจริง คุณมน เป็นอะไรไปคะ ทำไมถึงได้หน้าตายับเยินขนาดนี้”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่หกล้มนิดหน่อย”
ละเอียดค้อน หันไปมองหน้าทองดีอย่างจับผิด
“ค๊า...หกล้ม พี่เอียดดูไม่ออกเลย มาพี่เอียดทำแผลให้”
“ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง ผมแค่ล้างหน้า เดี๋ยวให้ทองประกายทายาให้ก็พอขอบคุณนะครับ”
มนตรารีบพยักหน้าให้ทองดีพาขึ้นไปข้างบนทันที ละเอียดมองตามอย่างเป็นห่วง
“คุณมนตราละก็ ออกรับกันไปซะทุกเรื่องเลยนะ ดูซิ วันนี้เจ็บแค่นี้ วันหน้าไม่ถึงแก่ชีวิตหรอกหรือ”
ละเอียดพูดแล้วนึกได้ รีบตบปากตัวเอง
“ตายจริง พูดอะไรก็ไม่รู้...ไม่เอา ไม่เอา”

ทองดี กำลังทำแผลทายาให้ มนตราสูดปาก
“เจ็บหรือคะ ฉันขอโทษ เพราะฉันแท้ๆเลย ทำให้คุณพลอยมาเจ็บตัวแบบนี้”
“ไม่เป็นไร เจ็บแค่นี้เรื่องเล็ก แต่ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แน่นอน”
“อย่าพูดแบบนี้นะคะ ฉันรู้สึกแย่จริงๆ” ทองดีด่าตัวเอง “ทำอะไรไม่รู้จักคิด”
“เรื่องมันแล้วไปแล้ว ช่างมันเถอะ”
“มีแต่คุณเท่านั้นที่เข้าใจฉัน คอยให้อภัยฉันตลอด ต่อไปนี้ ฉันจะไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนี้อีกแล้ว ฉันสัญญา ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะ ฉันจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณค่ะ”
“ทองประกาย ผมไม่เคยโกรธคุณเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่ายังไง ผมก็รักคุณ”
ทั้งคู่สบตากัน ค่อยๆโน้มตัวเข้าหากันแล้วจูบกันอย่างดูดดื่ม

ทองดีนอนหลับฝันไป ภาพในฝันเธอยืนอยู่ท่ามกลางหมอกควัน มองไปด้านหน้า เห็นมนตราเดินอยู่ไกลลิบๆ
“คุณมนตรา รอฉันด้วย”
ทองดีวิ่งตามเขาไปจนทัน เอื้อมมือไปคว้าแขนไว้ แต่พอมนตราหันหน้ามาเขามีเลือดไหลออกมาเต็มหน้า ทองดีกรี๊ดสุดเสียง
ทองดีสะดุ้งตื่นเหงื่อแตกเต็มหน้า เธอหันไปมองข้างตัว เห็นเขานอนหลับอยู่ เธอถอนหายใจโล่งอก
“นี่เราฝันร้ายหรือนี่”
ทองดีรีบกลับหมอนของตัวเองแล้วนั่งสวดมนต์เป็นการใหญ่ มนตราพลิกตัวตื่นขึ้นมาเห็นก็มองอย่างงงๆ
“นึกยังไง ลุกขึ้นมาสวดมนต์ตอนนี้”
“เพื่อความสบายใจค่ะ ฉันสวดเผื่อคุณด้วยนะ”
มนตรายิ้มขำ
“คุณนี่ตลกนะ บทจะดีก็ถึงกับสวดมนต์สวดพรเป็นเรื่องเป็นราว ยังไง ก็อย่าทิ้งผมไปอยู่วัดซะก่อนล่ะ”
ทองดีค้อน
“ดูพูดเข้าสิ นอนได้แล้ว”
ทองดีล้มตัวลงนอนซุกในอ้อมกอดของเขาอย่างมีความสุข

เช้าวันใหม่...ทองดีออกมายืนใส่บาตรตอนเช้า มีแอนยืนคอยอยู่
“เฮ้อ...ทำบุญแล้วสบายใจจังเลย”
“แหม...ถ้าคุณผู้หญิง สั่งแอนไว้ก่อน แอนจะได้เตรียมของไว้ให้ครบเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ไว้พรุ่งนี้ค่อยเตรียมก็ได้ ช่วยเก็บของให้ทีนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง”
ทองดีชะงัก
“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ”
แอนงง
“คุณผู้หญิง...อ้าว ก็คุณเป็นเมีย เอ๊ย...ภรรยาของคุณมนตรา แอนก็ต้องเรียกคุณผู้หญิงสิคะ คุณผู้หญิงโกรธแอนหรือคะ”
“อ๋อ...เปล่าหรอกจ๊ะ...เธอจัดการเก็บข้าวของให้เรียบร้อยนะจ๊ะ”
ทองดีเดินรำพึงเบาๆ
“คุณผู้หญิงหรือ...ใช่สิ ฉันเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้แล้วนี่”
ทองดียิ้มมองบ้านมนตราอย่างมีความสุข

อาหารจัดวางไว้พร้อมบนโต๊ะ มนตราเดินลงมาจากข้างบน สูดกลิ่นอาหาร
“แหม...พี่เอียดตั้งอาหารเช้าชุดใหญ่เลยนะครับนี้ วันนี้จะมีทัวว์มาลงหรือครับ จัดชุดใหญ่เชียว”
ละเอียดค้อน
“ไม่ใช่เอียดหรอกค่ะ”
“อ้าว...ไม่ใช่พี่เอียดแล้วจะใครซะอีกล่ะ”
ทองดีเดินใส่ผ้ากันเปื้อนยกน้ำผลไม้คั้นสดเข้ามา
“ตื่นแล้วหรือคะ ฉันคั้นน้ำส้มไว้ให้คุณด้วยนะ ลองชิมดูสิคะ”
ละเอียดขยับจะเข้าปรนนิบัติมนตรา แต่ทองดียิ้มให้ละเอียด
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เอียด ฉันจัดการเอง”
ละเอียดชะงัก เหมือนไม่เชื่อหู แต่ยอมให้ทองดีทำโดยดี มนตรายิ้มอย่างพอใจ
“แหม...อย่างนี้ผมรู้สึกเหมือนเป็นพระราชาเลย”
“คุณชอบหรือคะ ถ้าอย่างนั้น ต่อไปนี้ฉันจะทำอาหารให้คุณทานทุกมื้อเลยดีมั๊ย”
มนตรายิ้มอย่างมีความสุข ทองดีคอยดูแลปรนนิบัติอย่างไม่บกพร่อง ละเอียดกับแอนยืนมองทั้งคู่อยู่ห่างๆ ละเอียดมองอย่างไม่เชื่อถือ ส่วน แอนยิ้มอย่างปลื้มๆ
“ไม่อยากจะเชื่อ สงสัยฝนจะตก น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ แกว่ามั๊ยนังแอน”
“แล้วคุณแม่บ้านไปเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะคะ” แอนมองทั้งคู่แล้วยิ้ม “แหม...น่ารักอ่ะ...”
ละเอียดมองแอนอย่างหมั่นไส้ หยิกหมับ แอนสะดุ้ง
“นี่แกว่าใคร นังแอน”
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ แอนลืมตัวไป”
ละเอียด มองมนตรากับทองดี
“ขอให้เป็นแบบนี้นานๆเถอะ...กลัวยังไม่ทัน 7วันก็หมดช่วงซะก่อนละสิ”

ทองดีเดินลงมาจากข้างบนบ้าน ในชุดทะมัดทะแมง มองรอบๆตัวหน้าตามุ่งมั่น
“ฉันจะเป็นคุณผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบของบ้านนี้ให้ได้ คอยดูสิ”
ทองดี จัดดอกไม้ใส่แจกัน เอามาวางไว้ในบ้านอย่างสวยงาม ละเอียดมองอย่างทึ่งๆ หลังจากนั้น เธอพยายามแกะสลักผักเป็นดอกไม้ อย่างที่ละเอียดสอนไว้ เธอเอาดอกที่แกะมาวางเทียบกับของละเอียด สวยเหมือนกัน ไม่มีที่ติ ละเอียดพยักหน้ายิ้มๆ
ทองดีบงการให้ แอนทำความสะอาดบ้าน จนสะอาด ละเอียดแอบๆ เอามือลูบแล้วถูมือก่อนจะยิ้ม เป็นเชิงสะอาดมาก จากนั้นเธอพับผ้าเช็ดตัวเป็นรูปสัตว์ วางไว้อย่างสวยงาม จนละเอียดต้องยกนิ้วโป้งให้

ทองดี กำลังยืนชงกาแฟ และจัดของว่างใส่ถาด ละเอียดเดินเข้ามาหา
“บ่ายแล้ว มีใครจัดของว่างให้คุณมนตราหรือยังเนี่ย”
“ฉันเตรียมเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะยกเข้าไปให้”
“คุณทองคะ สิ้นเดือนแล้วนะคะ เอ่อ...”
“บัญชีค่าใช่จ่าย กับเงินเดือนคนงาน ฉันจัดไว้เรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ วางอยู่ตรงนั้น”
ละเอียดหันไปมอง บัญชีวางไว้เรียบร้อย
“มีอะไรอีกหรือเปล่าจ๊ะ”
ละเอียดอึกอัก
“ไม่มีค่ะ คุณผู้หญิง เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว”
ทองดี ยื่นถาดของว่างส่งให้
“งั้นพี่เอียดช่วย เอานี่ไปเสริฟต์ให้คุณมนตราก่อน ฉันขอตัวไปล้างหน้าก่อน แล้วจะตามเข้าไป”
ละเอียดรับถาดงงๆ
“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง”
ทองดียิ้มหวาน แล้ววางท่าอย่างสง่าเดินผ่านละเอียดไป ละเอียดมองตามอย่างทึ่งๆ

ละเอียดประคองถาดเข้ามาในห้องมนตราท่าทางตื่นๆ มนตรามองแล้วหัวเราะ
“พี่เอียดเป็นอะไรไป ทำท่าประหลาด”
“คุณมนตราคะ เอียดว่า คุณผู้หญิง ทำท่าประหลาดๆนะคะ”
มนตราสะดุ้ง
“อะไรนะ คุณแม่มาหรือ มาเมื่อไหร่เนี่ย”
มนตราตื่นเต้น ละเอียดรีบเบรก
“ไม่ใช่ค่ะ พี่เอียดหมายถึง คุณทองประกายต่างหาก”
มนตราชะงัก
“อ้าว...คิดว่าคุณแม่มา เห็นพี่เอียดเรียกคุณผู้หญิง” มนตราหันขวับไปทางละเอียดทันที “อ๊ะ...พี่เอียดเรียกทองประกายว่าคุณผู้หญิงหรือ นี่ผมหูฝาดหรือเปล่าเนี่ย”
ละเอียดค้อนแบบเขินๆ
“ไม่ฝาดหรอกค่ะ เอียดเรียกคุณผู้หญิงจริงๆ”
“งั้นแสดงว่า ทองประกายพร้อมแล้วใช่มั๊ย”
มนตรากระโดดดีใจเหมือนเด็กๆ ละเอียดยิ้ม
“ค่ะ คุณทองประกายเธอพร้อมแล้ว”
“ผมดีใจจริงๆ งั้นผมจะพาเธอไปเชียงใหม่”
มนตราดีใจโลดออกไปจากห้องทันที ละเอียดยิ้มมองตามไปอย่างมีความสุข
“คุณมนมีความสุข พี่เอียดก็พลอยมีความสุขไปด้วยนะคะ”
ทองดีนั่งอยู่หน้ากระจก
“เฮ้อ...อีกไม่นาน เราคงต้องเผชิญหน้ากับพ่อแม่ของมนตราแล้ว”
ทองดีถอนหายใจ มนตราเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องคว้าตัวทองดีมากอดแล้วอุ้มหมุนไปรอบๆ
“ทองประกายของผม เราจะไปพบเชียงใหม่กันนะ เราจะได้แต่งงานกันซะที”
“ปล่อยฉันลงก่อนเถอะค่ะ หมุนแบบนี้ฉันเวียนหัว”
มนตรา ชะงักวางเธอลงทันที
“จริงสิ ผมขอโทษ มัวแต่ดีใจ”
“มนตราคะ ฉันมีเรื่องอยากขอร้องคุณ”
“ได้สิ คุณต้องการอะไร ผมให้คุณได้ทุกอย่าง ยกเว้นเดือนกับดาวเท่านั้น”
“ฉัน...ฉันอยากไปทะเลอีกสักครั้ง ก่อนไปเชียงใหม่ คือ ฉันอยากแก้ตัวแล้วก็อยากเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ อยากจะล้างความทรงจำที่ไม่ดีทุกอย่าง ในชีวิตออกไป”
มนตรานิ่งคิด
“ถ้าคุณต้องการแบบนั้น แต่สำหรับผม ไม่จำเป็นเลย แค่มีคุณอยู่ ผมไม่ต้องการอะไรแล้ว”
“สำหรับฉันมันจำเป็นมาก ขอฉันเถอะนะคะ คุณมนตรา”
ทองดีกอดซุกกับอกของเขาอย่างหวังให้เป็นที่พึ่งสุดท้าย
“คุณดีกับฉันจริงๆ”







Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 9:23:08 น.
Counter : 563 Pageviews.

0 comment
ทองประกายแสด ตอนที่ 10



ทองดีกับละเอียดใส่ผ้ากันเปื้อนเตรียมพร้อม บนโต๊ะมีอุปกรณ์แกะสลักพร้อมผักวางไว้ ทองดีคว้าเบบี้แครอทจะใส่ปาก ละเอียดตีมือเพี๊ยะ ทองดีรีบวางหน้าเสีย
“วันนี้เราจะเริ่มจากการจัดจานอาหาร โต๊ะอาหารสำหรับรับแขก ผักผลไม้ต้องแกะสลัก จัดเรียงให้สวยงาม”
“ทำไมต้องแกะด้วย เปลืองเปล่าๆ กินก็ไม่ได้กิน วางไว้เฉยๆ เสียดายเงิน เอาของมาทิ้งไม่เข้าท่า”
ละเอียดข่มใจ
“แขกที่มาบ้านส่วนใหญ่จะเป็นแขกผู้ใหญ่ วีไอพี่ ของคาวของหวานที่เตรียมไว้ ต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ วันนี้เราจะลองแกะสลักผักกัน เริ่มต้นจากแครอท มีดต้องคม มือต้องเบา”
ทองดีนั่งประจำที่ ตรงข้ามกับละเอียด ตรงหน้าเป็นจานอาหารพร้อมอุปกรณ์ชุดใหญ่ เรียงรายกันเต็มโต๊ะไปหมด
“โหย...นี่มันอะไรกันเนี่ย...ทำไมมันยุ่งยากวุ่นวายขนาดนี้ ช้อนไม่รู้กี่อันต่อกี่อัน อันไหนเป็นอันไหนกันเนี่ย”
“เริ่มจากไกลตัวสุด เข้าหาตัว ช้อนเล็กสุดนั่นเป็นช้อนของหวาน”
ทองดีหยิบช้อนซุปขึ้นมาโบก
“แล้วไอ้นี่เอาไว้ทำอะไร ช้อนกลมๆหน้าตาประหลาด”
“นั่นช้อนซุป วางลงเดี๋ยวนี้”
ทองดีทำหน้ารำคาญ พี่เอียดอารมณ์เสียแต่พยายามข่มใจ

ละเอียดยืนอยู่หน้าอ่างทำน้ำสลัด มีไข่เรียงรายอยู่ ทองประกายยืนมองแบบทึ่งๆ แอนยืนอยู่ห่างๆ
“วันนี้เราจะทำน้ำสลัดกัน น้ำสลัดแบ่งเป็น 2 แบบหลักๆ คือ น้ำใส กับน้ำข้น วันนี้เราจะทำน้ำสลัดน้ำข้น เริ่มจากการแยกไข่แดงไข่ขาวก่อนลองดู อย่าให้ไข่แตกนะระวังหน่อย”
ทองดีเงอะงะ ตอกไข่อย่างแรงไข่ตกลงพื้น
“ตายจริง ทำไมพลังช้างแบบนั้นล่ะคุณ ตอกเบาๆพอให้เปลือกร้าวก็พอ นี่ทำแบบนี้”
“ทำไมต้องทำเอง ซื้อเอาก็ได้ ตามห้างมีขายเยอะแยะไป”
“แล้วมันสะอาดไว้ใจได้หรือเปล่า คิดแต่สะดวกอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องคำนึงถึงความสะอาด ความอร่อยด้วย นะคะ คุณทอง”
ทองดีพยักหน้าอย่างเบื่อๆ ละเอียดตอกไข่แยกไข่อย่างชำนาญ แล้วลงมือทำอย่างรวดเร็ว”
ทองประกายมองอย่างทึ่งๆ
“ลองชิมดูได้แล้ว บ้านนี้จะไม่เน้นรสหวานเหมือนน้ำสลัดที่ขายกัน”
ละเอียดหันไปมองหาช้อนเล็กๆสำหรับชิม ทองดีเอานิ้วจิ้มเข้าปากแล้วดูดทันที ละเอียดหันกลับมามอง ร้องกรี๊ด
“ตายจริง...คุณทอง ทำไมไม่ใช้ช้อนล่ะคะ ทำไมสกปรกโสโครกแบบนี้ ใครเห็นเข้าจะหาว่าเราเป็นไพร่ฉันต่ำ”
ทองดีโกรธ
“ช่างหัวมันสิ ทำไมจะต้องเรื่องมากเรื่องมายแบบนี้ คำก็ไพร่ สองคำก็ต่ำ สามคำก็บ้านนอก ไม่ทำแล้วโว๊ย...”
ทองดีขว้างของลงกับพื้น มนตราเดินเข้ามา
“เอะอะโวยวายอะไรกัน ดังเข้าไปถึงห้องทำงานผม” มนตรามองรอบๆตัว “แล้วนี่ทำไมมันเลอะเทอะขนาดนี้ สงครามหรือไงครับ”
“ฉันไม่เรียนแล้ว ฉันมันไม่ใช่ผู้ดีตีนแดงแบบพวกคุณนี่”
ทองดีสะบัดหน้าออกจากห้องครัวไปทันที มนตราเกาหัวอย่างหงุดหงิด รีบวิ่งตามไป
“เฮ้อ...จะอยู่ทันก้นหม้อดำหรือเปล่าก็ไม่รู้” ละเอียดหันไปสั่งแอน “จัดการเก็บทำความสะอาดให้เรียบร้อย มัวแต่ยืนยิ้มอยู่นั่นแหละ”
แอนฟังเพลินๆสะดุ้ง ก่อนจะแอบทำหน้าเบื่อ

ทองดีเดินกระแทกเท้าเข้ามาในห้องหน้าบึ้ง มนตราเดินตามเข้ามาพยายามเอาใจ
“ไม่เอาน่า ทอง คุณต้องอดทนหน่อย พี่เอียดก็แบบนี้แหละ แกเป็นคนละเอียด พูดแรง แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรหรอก”
“แต่ฉันไม่ชอบให้แกพูดดูถูกฉันแบบนั้น คำนึงก็ไพร่ คำนึงก็บ้านนอก”
“เอาน่า ผมจะพูดกับพี่เอียดเอง คุณอดทนหน่อยนะ ถ้าคุณทำได้ ผมรับรอง พ่อกับแม่ผมต้องยอมรับคุณอย่างแน่นอน เพื่อผมนะ”
ทองดีทำหน้าเบื่อ มนตราแอบมองอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
“เอ่อ...ผมขอกาแฟแก้นึงได้มั๊ย คุณช่วยหน่อยนะ”
“ทำไมไม่ให้พี่เอียดจัดการล่ะ”
มนตราออดอ้อน
“ก็ผมอยากกินฝีมือเมียนี่นา น่านะ”
“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการให้”
ทองดีจำต้องรับปาก

ทองดีเดินเข้ามาในครัว ไม่มีใครอยู่ เธอเปิดตามตู้หากาแฟ จนเจอพอเปิดฝาขวด เธอบิดแรงไปหน่อย กาแฟหล่นลงบนโต๊ะ
“ตายจริง...หกหมดเลย”
ทองดีปัดกาแฟบนโต๊ะลงในขวดอย่างมักง่าย ละเอียดเดินเข้ามาเห็นเข้าก็ร้องโวยวาย ทองดีตกใจขวดกาแฟหล่นลงที่พื้นแตกกระจาย
“ตายจริง ทำไมคุณถึงได้มักง่าย สกปรกแบบนี้”
“ขอโทษ ก็เธอร้องซะตกใจ ขวดมันเลยหล่น”
“ฉันหมายถึงก่อนหน้านั้น คุณปัดผงกาแฟที่หล่นใส่ขวดได้ยังไง มือห่างตีนห่างจริงๆ”
มนตราวิ่งพรวดพราดเข้ามาที่ประตู
“มีอะไรครับ ทองคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ กาแฟมันหก เห็นว่ามันแค่หก โต๊ะก็สะอาดดี ทองเลยกะจะเก็บไว้ ก็แค่นั้นเอง แต่พอพี่เอียดเข้ามาร้องซะตกใจ ฉันเลยทำขวดหล่นลงพื้น”
ละเอียดถอนใจ
“แค่นั้นเอง...เฮ้อ...พูดไม่รู้จักคิด ไม่มีใครเค้าสั่งสอนให้เก็บของหล่นพื้นมากินบ้าง แย่จริงๆ”
ทองดีโกรธ
“นี่เธอเป็นใคร กล้าดียังไงมาด่าฉัน”
ละเอียดมองทองดีอย่างหงุดหงิด ทำท่าจะต่อปาก มนตรารีบห้าม
“พอทั้งคู่เลย ผมขอร้อง พี่เอียดครับ ไหนพี่บอกจะช่วยผมไง พี่สัญญาจะฝึกให้ทองประกายเป็นแม่บ้าน เพื่อผม ส่วนคุณทองประกาย คุณสัญญาจะอดทน ไม่โหวกเหวกโวยวาย คุณแม่จะได้ยอมรับคุณ”
ทองดีกับละเอียดมองหน้ากันแล้วเชิด มนตราถอนหายใจ
“ถ้าเป็นอย่างนี้ ผมคงต้องรับสภาพใช่มั๊ย”
ทองดีหันไปมองหน้ามนตราอย่างรู้สึกผิด
“ฉันขอโทษ ต่อไปฉันจะพยายาม คุณอย่าโกรธฉันเลย”
“พี่เอียดก็จะไม่ว่าคุณอีกแล้ว คุณมนคะ พี่เอียดขอโทษ”
มนตราซ่อนยิ้ม
“สัญญาแล้วนะ ทั้งสองคนเลย”
ทองดีกับละเอียดพูดพร้อมกัน
“สัญญา”
ละเอียดกับทองดีมองหน้ากันแล้วเมิน มนตราแอบถอนหายใจโล่งอก

วันต่อมา...ทองดีถอนหายใจหนัก สวมผ้ากันเปื้อนแบบเตรียมพร้อม
“สู้โว๊ย...”
ละเอียด ยืนสวดมนต์บริกรรมคาถา
“ขอคุณพระคุณเจ้าช่วยให้ลูกช้างผ่านวันนี้ไปได้ด้วยดีนะคะ...สาธุ”
ทั้งสองคนเดินมาเผชิญหน้ากัน โดยมีมนตรายืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ แอนยืนลุ้น ทองดียืนทำอาหารอยู่ในครัว ควันคลุ้งไปหมด เธอสำลักควัน พอตักอาหารขึ้นจากกระทะก็ไหม้ดำ กินไม่ได้ทองดีหน้าเสีย
ทองดีกำลังเอาขนมอบออกจากเตา ขนมท่าทางสวยดี เธอใจร้อนเอามือหยิบ ขนมร่วงลงพื้น เธอรีบเอามือจับหูไว้ทันที ละเอียดส่ายหน้า ส่งบัญชีรับจ่ายของบ้านให้ ทองดีก้มหน้าก้มตาคิดด้วยเครื่องคิดเลข จนหัวฟูไปหมด
ทองดีจัดโต๊ะอาหารเตรียมพร้อม เสียงกริ่งเตาอบดังขึ้น เธอหันไปหยิบถุงมือ เปิดเตาอบหยิบถาดอาหารหน้าตาสวยงามออกมา วางบนโต๊ะ ละเอียดมองแล้วยิ้ม ทองดีแอบยิ้มภูมิใจ
หลังจากผ่านการฝึกมาอย่างหนก ในที่สุดบนโต๊ะอาหารมีอาหาร พร้อมของหวานวางไว้อย่างสวยงาม มนตรานั่งอยู่หัวโต๊ะมองอย่างไม่เชื่อสายตา
“โห...นี่ฝีมือคุณทั้งหมดเลยหรือเนี่ย”
“ฝีมือคุณทองทั้งหมดเลย เอียดแค่ยืนดูเฉยๆ” ละเอียดชื่นชม
“เมียผมนี่เก่งจริงๆ ผ่านแล้วใช่มั๊ยครับพี่เอียด”
“ไม่ใช่แค่ผ่านนะคะ ดีเยี่ยมเลย” ละเอียดหันไปชมทองดี “เก่งมากค่ะ”
มนตราคว้าทองดีมากอดไว้ เธอยิ้มเขิน มองโต๊ะอาหารอย่างภูมิใจ

ค่ำนั้น มนตรากำลังแต่งตัว จะออกไปทำงาน ทองดีเดินออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นมนตรา เธอก็หน้าบึ้ง
“นั่นคุณจะไปไหนคะ”
“อ้าวก็ไปทำงานน่ะสิ”
“แล้วฉันล่ะ ฉันจะอยู่กับใครล่ะ”
“คุณก็อยู่บ้าน จะทำอะไรก็ได้”
“อยู่คนเดียวเนี่ย ไม่เอาหรอก”
“คนเดียวที่ไหน มีทั้งพี่เอียด ทั้งแอน ไม่มีอะไรหรอก ดูหนังก็ได้ มีซีดีอยู่ในตู้หลายเรื่องเลย เปิดเป็นใช่มั๊ย”
“แต่ฉันเหงานี่นา อยู่กับฉันไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้หรอก ผมรับปากคุณนรินทร์เค้าไว้ คุณกับวิไลออกแล้ว ถ้าขาดวงดนตรีไปอีก คลับต้องลำบากแน่ ไว้หาคนมาแทนได้ ผมจะอยู่กับคุณ ทุกวันเลยนะ”
ทองดีฮึดฮัด แต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องจำยอม

ทองดีเดินมาส่งมนตราที่หน้าบ้าน ละเอียดยืนมองอยู่ห่างๆ
“พี่เอียดครับ ผมฝากทองด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ”
มนตราเดินขึ้นรถไป ทั้งคู่ยืนมองจนรถมนตราลับไป ละเอียดกับทองดีหันมามองหน้ากัน
“คุณจะรับอะไรก่อนนอนหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกจ๊ะ ขอบคุณ”
ละเอียดยิ้มน้อยๆแล้วเดินไป ทองดีถอนหายใจ ที่สงบศึกกับละเอียดได้

ทองดีนั่งรอมนตราอยู่ในห้องรับแขกด้านล่าง นาฬิกาบอกเวลา ตี 2 เธอปิดปากหาว
“ทำไมช้าจัง เฮ้อ...ป่านนี้ยังไม่กลับเลย”
ทองดีเปิดโทรทัศน์ ดูค่อยๆเอนตัวลงนอนดูหนังในความมืด ในโทรทัศน์ เป็นภาพหนังรักโรแมนติค พระเอกกับนางเอก กอดกัน
“คุณอย่าทิ้งฉันไปนะคะ ขาดคุณ ฉันอยู่ไม่ได้”
ทองดีเคลิ้มๆ ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ มนตราเปิดประตูบ้านเข้ามาท่าทางเหนื่อยอ่อน พอเห็นทองดีนอนหลับอยู่ที่โต๊ะรับแขก เขายิ้มอย่างเอ็นดู
“รอจนหลับเลยหรือ...ทองประกาย ผมอยู่นี่”
มนตราเอื้อมมือจะปลุก ทองดีพลิกตัวละเมอ
“คุณมนตรา อย่าทิ้งฉันไปนะ อย่าทิ้งฉันไป”
มนตราชะงัก
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทิ้งคุณไปเด็ดขาด ทองประกาย”
มนตราอุ้มเธอขึ้นไปข้างบน

วันใหม่...มนตรานอนตะแคงตัวมองทองดีที่หลับอยู่ สักครู่เธอพลิกตัวตื่น
“คุณมาเมื่อไหร่คะเนี่ย ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย”
“เวลาคุณหลับนี่ น่ารักดีเนอะ มีน้ำลายไหลด้วย”
ทองดีรีบเช็ดทันที
“บ้าจัง คุณแอบดูฉันนอนน้ำลายไหลด้วยหรือ”
“ไม่แค่นั้นนะ คุณยังกรนด้วย”
ทองดีชะงัก มนตราหัวเราะขำ
“คุณหลอกฉันนี่นา ไม่ยอมด้วย”
ทองดีไล่ทุบเขาแบบหยอกๆ มนตรารวบกอดเธอไว้ในอ้อมอก
“สำหรับผม คุณเป็นยังไงก็น่ารักเสมอ”
ทองดีเขิน มนตรากอดไว้แน่น
“ไปอาบน้ำล้างหน้าก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยววันนี้ฉันจะแสดงฝีมือทำอาหารเช้าให้กิน”
“ก็ได้...งั้นไปอาบน้ำด้วยกันนะ”
ทองดีทำตาโต มนตราไม่ฟังเสียงแบกเธอขึ้นบ่าเดินเข้าห้องน้ำไป เสียงทั้งคู่หัวเราะอย่างมีความสุข

ทองดียกอาหารเช้าเดินมาวางที่โต๊ะทำงานของมนตรา เธอหันไปเก็บข้าวของที่วางเกะกะในห้องให้เรียบร้อย ขณะเดียวกันนั้น เสียงโทรศัพท์ของมนตราดังขึ้น ทองดีชะงักแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
“สวัสดีค่ะ”
เสียงแม่มนตราดังมาจากปลายสาย
“นั่นใครพูด นั่นโทรศัพท์มนตราไม่ใช่หรือ”
“อ๋อ...ใช่คะ มนตราอยู่ในห้องน้ำ ใครจะพูดสายด้วยคะ”
“ฉันเป็นแม่ของมนตรา แล้วเธอน่ะเป็นใคร ไปอยู่ในบ้านมนตราได้ยังไง”
ทองดีตกใจ กดตัดสายทันที มนตราเข้ามาเห็น ทองดียืนถือโทรศัพท์ค้างอยู่
“ใครโทรมาหรือ”
“แม่คุณโทรมาค่ะ”
มนตราตกใจ
“แย่แล้ว...พี่เอียด”
มนตรานึกได้คว้ามือทองดีวิ่งออกจากห้องไปทันที

ทองประกายกับมนตราวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องแต่ไม่ทัน ละเอียดยืนคุยโทรศัพท์กับแม่มนตราหน้าเสีย
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวนี้หล่อนร่วมมือกับมนตรา หลอกฉันหรือ แม่เอียด”
“โธ่...คุณผู้หญิงขา...เอียด...ไม่รู้จะพูดยังไงดี โน่นแนะ คุณมนตรามาแล้วคุยกับเจ้าตัวเลยแล้วกัน”
ละเอียดยื่นโทรศัพท์ให้มนตรา แล้วเดินออกห่าง
“คุณแม่ครับ คุณแม่เข้าใจผิดแล้วนะครับ เธอเป็นเพื่อนผมครับ”
“ผิดยังไง ก็แม่คนนั้นบอกว่าลูกอยู่ในห้องน้ำ เพื่อนสนิทแค่ไหนรับโทรศัพท์แทนกัน แถมยังรู้อีกว่าลูกฉันอยู่ในห้องน้ำ”
“โธ่...แม่ครับ ผมอยู่ในห้องน้ำข้างล่าง เขาแค่มาธุระ คุณแม่อย่าโวยวายเลยน่า ไม่มีอะไรหรอกครับ”
มนตรากดตัดสายวางหูโทรศัพท์ลง แล้วหันมามองหน้าทองดีที่ยืนจ๋อย
“ไม่มีอะไรแล้ว...สบายใจได้”
มนตราทำท่าโล่งใจ ทองดีจ๋อยๆส่วนละเอียดถอนหายใจเหมือนพายุกำลังจะเริ่มขึ้น

มนตรานั่งทานอาหารที่ทองดีทำให้อย่างเอร็ดอร่อย เธอมองเขาอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
“คุณเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า” มนตราถามอย่างห่วงใย
“ฉันไม่ค่อยสบายใจ คุณแม่คุณเค๊าจะไม่ชอบฉันหรือเปล่า”
“อย่าคิดแบบนั้นสิ คุณน่ารัก แบบนี้ คุณแม่ต้องชอบคุณแน่นอนแล้วอีกหน่อย ถ้าเรามีลูกด้วยกัน...คุณแม่ต้องยอมรับคุณแน่”
“ลูกหรือ...ไม่หรอก ฉันไม่ขอบเด็กถึงขั้นเกลียดเลยด้วยซ้ำ”
“แต่ผมอยากมีลูกนะ หลายๆคนยิ่งดี หรือว่าเราเริ่มลงมือเลยดีมั๊ย คุณจะได้เป็นลูกสะใภ้คนโปรดของคุณแม่เร็วๆ”
ทองดีเขิน
“อ๊ะ พูดแบบนี้ แสดงว่าต้องมีหลายคนน่ะสิ ใช่มั๊ย”
ทองดีหยิกหมับ มนตราสะดุ้งเฮือก
“แหม...พูดผิดนิดเดียว ดุจังเลยแฮะ เมียเรา ไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะมีคุณคนเดียวเท่านั้น ตลอดไป”
ทองดีดีใจลึกๆ
“จริงหรือ คุณจะรักฉันคนเดียว แน่นอน ตลอดไปนะ”
“แน่นอนที่สุด เอางี้ ถ้าคุณเห็นผมหายใจเข้า หายใจออกแสดงว่า ผมกำลังบอกรักคุณ”
มนตราทำหายใจเข้าออกแรงๆ ทองดีอดไม่ได้ต้องหัวเราะ เขาดึงตัวเธอมากอดไว้แนบอกอย่างมีความสุข แต่ทองดีวิตกกังวล

ค่ำนั้น...ทองดีนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างห้องอย่างเบื่อๆ โทรทัศน์เปิดไว้ เธอเดินกลับเข้ามา คว้ารีโมตมาปิดโทรทัศน์แล้วนั่งเบื่อ
“กว่าจะกลับก็เกือบเช้า จะให้ฉันทำอะไรดีล่ะเนี่ย”
ทองดีหันไปคว้าโทรศัพท์มากดหาจูน แล้วนึกได้
“ป่านนี้จูนมิหลับปุ๋ยไปแล้วหรือเนี่ย โทรหาวิไลดีกว่า”
ทองประกายกดโทรศัพท์หาวิไล แต่มีเสียงข้อความดังขึ้น
“ขณะนี้ดิฉันอยู่ต่างประเทศ กรุณาฝากข้อความไว้และจะติดต่อกลับ”
“อ้าว...ไม่อยู่หรอกหรือ...ว๊า...เซ็ง...พรุ่งนี้ให้มนตราพาไปดูหนังดีกว่า”
ทองดีล้มตัวลงนอนอย่างเบื่อหน่าย

เช้าวันใหม่...มนตรา นอนหลับอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ทองดีเดินเข้ามาเห็นเข้าก็ชะงัก
“อ้าว...ทำไมมานอนตรงนี้” เธอเข้าไปปลุกเขา “ทำไมมานอนอยู่ที่นี่ ไม่ขึ้นไปนอนข้างบนล่ะคะ”
มนตรางัวเงียตื่น
“ผมเพิ่งกลับเมื่อกี้นี้เอง ง่วงตาจะปิด ขี้เกียจไปกวนคุณ ผมของีบแป๊บนึงนะ”
“อ้าว...วันนี้คุณสัญญาว่าจะพาฉันไปดูหนังไงล่ะ ลืมแล้วหรือ”
“ไม่ลืม แต่ไม่ไหวง่วงเหลือเกิน ขอนอนก่อนแล้วกันนะ”
มนตราล้มตัวลงนอนหลับต่อ ทองดีหงุดหงิด

นาฬิกา บอกเวลาเที่ยงวัน ทองดีแต่งตัวสวยพร้อมออกนอกบ้าน เดินเข้าไปดูมนตราในห้องทำงาน เห็นเขายังหลับไม่ได้สติ เธอเขย่าเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมตื่น พลิกตัวหันหลังแล้วหลับต่อ
“ผมลุกไม่ไหวจริงๆ ไว้วันอื่นนะ”
ทองดีหงุดหงิดเดินหนีออกไปข้างนอกทันที
ทองดีนั่งหงุดหงิดอยู่กลางบ้าน

“ฉันไปเองก็ได้วะ ไม่เห็นต้องง้อเลย”
เธอขยับจะลุกขึ้น ละเอียดรีบเรียกไว้
“คุณทองคะ บัญชีรับจ่ายของเดือนนี้ คุณทำเสร็จหรือยังคะ”
“ยังไม่เสร็จ ทำไมหรือ”
“คือ...ถึงกำหนดที่ต้องส่งไปให้ทางโน้นตรวจแล้วค่ะ คุณผู้หญิงท่านโทรมาทวง เอียดเกรงว่า...ท่านจะหงุดหงิด”
“รออีกวันสองวันไม่ได้หรือ จะรีบไปไหน”
“คุณคะ เอียดผลัดมาหลายครั้งแล้วนะคะ คุณผู้หญิงเส้นตายวันนี้แล้ว ขอร้องเถอะค่ะ”
ทองดีเบื่อสุดๆ
“ก็ได้ก็ได้ ฉันจะทำให้ จะเร่งอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้”
ทองดีหงุดหงิดเดินกระแทกเท้ากลับขึ้นไปข้างบน ละเอียดมองอย่างเบื่อหน่าย

ทองดีนั่งก้มหน้าทำบัญชีรับจ่าย มีใบเสร็จวางไว้เต็มไปหมดที่หน้าบ้าน ใบเสร็จด้านหน้าเริ่มลดน้อยลง เธอนั่งกดเครื่องคิดเลขอย่างคร่ำเคร่ง สักครู่เธอก็ปิดสมุดบัญชี ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
“เสร็จซะที...”
เธอลุกขึ้นหอบบัญชีลงไปให้ละเอียด

ทองดีเดินเข้ามาในห้องครัว ละเอียดกำลังเก็บจัดข้าวของอยู่ เธอเดินมายื่นบัญชีส่งให้
“เสร็จเรียบร้อยแล้ว นี่นะ”
“แหมเร็วจังเลย” ละเอียดเปิดดู “แหม...เสียดาย ลายมือไก่เขี่ยไปหน่อย”
ทองดีหน้าเจื่อนไป ละเอียดนึกได้
“ขอโทษนะคะ เอียดปากไวไปหน่อย”
ทองดียักไหล่
“ไม่เป็นไร ก็ฉันเรียนมาน้อยนี่นา เธอพูดถูกแล้ว...เออ...แล้วคุณมนตราล่ะตื่นหรือยัง”
“ตื่นแล้วค่ะ เห็นว่าจะต้องรีบไป”
ทองดีนิ่งคิด
“จริงสิ ไปนั่งเล่นที่คลับดีกว่า จะได้เม้าธ์กับเพื่อนฝูงบ้าง”
ทองดีวิ่งพรวดออกไปทันที
“อย่าไปเลย” ละเอียดขยับจะห้ามแล้วนึกได้ “เกือบแล้วมั๊ยเรา ไปยุ่งเรื่องของเค้าทำไมเนี่ย”

ค่ำนั้น...มนตรากำลังจะเดินไปขึ้นรถ ทองดีรีบวิ่งตามมาตะโกนเรียก
“คุณมนตรา รอทองด้วยค่ะ”
“อ้าว...แต่งตัวจะไปไหนล่ะ ดึกแล้วนะ”
“ฉันจะไปกับคุณด้วย”
“ผมไปทำงานนะ คุณจะไปทำไม อยู่บ้านดีกว่า”
“ไม่เอา อยู่แต่บ้าน เบื่อจะตาย ไม่รู้ละ ฉันไปกับคุณด้วย”
ทองดีไม่ฟังเสียงวิ่งขึ้นรถทันที มนตรามองอย่างหนักใจ แล้วจำใจขึ้นรถขับออกไป

มนตราขับรถเข้ามาจอดที่หน้าคลับของนรินทร์ พอรถจอดทองดีขยับตัวจะลงไปทันทีท่าทางตื่นเต้น มนตราคว้ามือไว้
“เดี๋ยวก่อน ผมมีเรื่องจะพูด”
“ทำไมหรือ งั้นพูดเลย ฉันอยากไปคุยกับเพื่อนๆบ้าง”
“ตอนนี้คุณไม่เหมือนเดิมแล้วนะ คุณเป็นเมียผม จะทำตัวเหมือนเก่า ไม่ได้”
“เหมือนเก่ายังไง ฉันก็แค่มาคุยกับเพื่อนๆแค่นั้น ไม่ได้มาเต้นซะหน่อย”
“ผมหมายถึง...คนอื่นอาจจะมองคุณหรือพูดอะไรที่ไม่ดี คุณต้องอดทนอย่าโวยวาย ให้เกิดปัญหา เข้าใจมั๊ย”
“เข้าใจ มีอะไรอีกมั๊ย”
มนตราส่ายหน้า ทองดีลงจากรถทันที เหล่าโคโยตี้เพื่อนเก่าหันมาเจอทองดีกรี๊ดรุมเข้ามาทักทาย ทองดี วุ่นวายไปหมด ทองดีร่าเริงท่ามกลางเพื่อนฝูง มนตราส่ายหน้าอย่างไม่ชอบใจนัก

มนตราจูงมือทองดีเข้ามาในคลับ นรินทร์เดินออกมาเห็นก็ชะงัก
“แหม...ลมอะไรหอบคุณทองประกายกลับมาที่นี้ได้อีกล่ะครับ หรือว่าคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ”
“ฉันแค่มาเที่ยวเฉยๆหรือว่าคุณไม่ต้อนรับลูกค้า”
นรินทร์ยื้มๆ
“ตามสบายเลยครับ” นรินทร์หันไปหามนตรา “คลับเลิกผมขอคุยด้วยหน่อยนะ มีเรื่องจะปรึกษา”
มนตรามองทองดีอย่างเป็นห่วง
“ได้ครับ คุณนรินทร์”
นรินทร์มองทองดีด้วยสายตาประชด
“เชิญตามสบายนะครับ คุณทองประกาย ในฐานะลูกค้า ผมยินดีต้อนรับเสมอ”
นรินทร์ยิ้มแย้มแจ่มใส่ พอลับหลังนรินทร์ก็เบ้ปาก
“เห็นแก่ผัวหล่อนทำงานให้หรอก ไม่งั้นกูไล่ส่งตั้งแต่เห็นเงาแล้ว”
มนตราหันไปบอกทองดี
“คุณนั่งรอแถวนี้นะ อย่าไปไหนล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก นี่ถิ่นเก่าฉันนะ”
มนตราจ้องหน้า
“แต่เดี๋ยวนี้ คุณไม่เหมือนเดิมแล้ว คุณไม่ใช่พนักงานที่นี่ คุณเป็นเมียผม นายมนตราคนนี้”
ทองดีประชด
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ไปทำงานของคุณเถอะค่ะ”
มนตรายิ้มมองเธออย่างเป็นห่วงแล้วเดินจากไป ทองดีมองบรรยากาศรอบตัวอย่างเพลิดเพลิน บนเวทีการแสดงเต้นของเหล่าโคโยตี้กำลังจะเริ่มขึ้น ทองดียิ้มระลึกถึงความหลัง เมื่อครั้งที่เธอเป็นโคโยตี้ที่เต้นโชว์อยู่ที่นี่ ตอนนั้นเธอเต้นอย่างมันสุดเหวี่ยง ทองดีนิ่งเคลิ้มไปกับบรรยากาศ ลูกค้าเก่าเดินเข้ามาเห็นก็ชะงัก รีบนั่งลงใกล้ๆเธอ
“คุณทองประกาย”
ทองดีสะดุ้ง หันมามอง
“คะ...เอ่อ...คุณ...”
“คุณจำผมได้หรือเปล่า ผมสกล ที่เคยซื้อดริ้งค์คุณ 200 ร้อยดริ้งค์ไงครับ”
ทองดีนึกไม่ออกแต่ทำเนียน
“อ๋อ...ค่ะ...มาเทียวหรือคะ”
“ครับ ตั้งแต่คุณหายหน้าไป ที่นี่ก็ไม่ครึกครื้นเหมือนเดิมเลย”
“หรือคะ เป็นเพราะ ลูกค้าจะทิปนักเต้นน้อยลงหรือเปล่า สมัยฉันเต้น ได้ทิปมากกว่านี้เยอะ”
“ต่อไปคงจะมากขึ้นแหละครับ เพราะมีคุณกลับมา”
“อ๋อ...เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้ทำที่นี่แล้ว”
“มาทำชั่วคราวหรือครับ ดีจังเลย” สกลขยับเข้ามาใกล้ เอามือวางบนเข่าของเธอแล้วเริ่มลูบ “กลับมาคราวนี้ ผมประเดิม ดีมั๊ยเอ่ย”
ทองดีไม่พอใจ แต่พยายามเฉย สกลยังไม่รู้ตัว เอียงหัวเข้ามากระซิบใกล้ๆ
“หรือจะให้ผมออฟคุณทั้งคืนเลยก็ได้ ค่าตัวคุณเท่าไหร่ล่ะ ผมสู้”
ทองดีหมดความอดทน ลุกพรวดคว้าแก้วเหล้าสาดใส่หน้าทันที
“ไอ้สันดานเสีย...กูมาเที่ยว ไม่ได้มาขายตัวโว๊ย...”
สกลลุกขึ้นโวยวายทันที คนเริ่มมุง นรินทร์เดินแหวกคนเข้ามาพอเห็นทองดี นรินทร์ส่ายหน้า แล้วหันไปถามลูกค้า
“ขอโทษนะครับ เกิดอะไรขึ้น”
“ก็อีนี่ มันเอาเหล้าสาดหน้าผม”
นรินทร์ไม่พอใจหันไปต่อว่าทองดี
“อ้าว...ทำไมไปทำอย่างนั้นกับลูกค้า ขอโทษลูกค้าซะ”
ทองดีเชิดหน้า
“ฉันไม่ใช่พนักงานของคุณแล้วนะ ฉันไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งคุณ แล้วไอ้ชีกอนี่มันมาลูบขาฉันก่อน โดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว”
นรินทร์อึ้ง ทำอะไรทองประกายไม่ได้ หันไปหาสกล
“เดี๋ยวผม เปิดเหล้าเลี้ยงคุณสกล ในห้องวีไอพีเลย ถือเป็นการขอโทษนะ ครับ” นรินทร์หันไปหาทองดี “ส่วนเธอทองประกาย เชิญออกไปข้างนอกคลับดีกว่า ก่อนจะก่อเรื่องไปมากกว่านี้ เชิญ”
ทองดีลุกขึ้นเชิดหน้าเดินออกไปทันที นรินทร์กุมขมับ
“มาถึงก็ก่อนเรื่องเชียวนะ...เฮ้อ...ปวดหัวโว๊ย”

ทองดีเดินมานั่งรอในรถของมนตรา
“ไอ้พวกผู้ชายปากหมา...พอไม่เล่นด้วยก็ขี้ฟ้องเลยนะมึง เลวจริงๆ”
ทองดีนั่งรอในรถซักพักก็เริ่มเบื่อ กดโทรศัพท์หามนตรา แต่เขาไม่รับสาย
“เฮ้อ...สงสัยเล่นดนตรีอยู่ ไม่น่าเล๊ย...ตั้งใจมาเที่ยวแท้ๆ ไม่น่าเจอไอ้พวกชีกอเลย เซ็งเป็ด”
ทองดีเดินไปเดินมาอย่างเบื่อหน่าย

มนตราเดินออกมาจากด้านหลังเวทีพร้อมเพื่อนๆ หลังจากเล่นดนตรีเสร็จแล้ว
“พรุ่งนี้เจอกัน มาเร็วหน่อยนะ พรุ่งนี้มีนักร้องใหม่คงต้องซ้อมก่อน”
มนตรากำลังจะล้วงกระเป๋าหาโทรศัพท์ นรินทร์ วิ่งเข้ามาเรียก มนตราชะงักเพื่อนๆแยกย้ายเดินออกไปก่อน
“มาทันพอดี คิดว่ากลับไปแล้ว ลืมหรือเปล่า วันนี้ผมนัดนักร้องมา คอยคุณอยู่”
มนตราขมวดคิ้ว
“อ้าว...คุณไม่เลือกเองหรือครับ”
“ก็อยากให้คุณช่วยดูด้วย จะได้เข้ากับวงได้ไง”
มนตรานิ่งคิด
“ก็ได้...คงไม่นานนะ”
“ไม่นานหรอก ดูท่าทางหน่วยก้านก็โอเคนะ”
มนตราพยักหน้าเดินตามนรินทร์ไป

ทองดียืนพิงรถรอมนตราอย่างเบื่อหน่าย เพื่อนของมนตราเดินออกมาหน้าคลับ แยกย้ายกันขับรถของตัวเองไป
“มากันแล้ว เดี๋ยวมนตราก็คงออกมา”
ทองประกายลุกขึ้นยืนชะเง้อคอมอง
“ทำไมยังไม่มานะ”
ทองดีกดหามนตราอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่รับสาย ทองดีปิดโทรศัพท์อย่างแรง
“ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์ มีอะไรนักหนา”
ทองดีเดินดิ่งเข้าไปข้างในคลับทันที

บนเวที นักร้องร้องเพลงจนจบ แล้วยืนรอฟังคอมเม้นต์ของมนตรากับนรินทร์
“ผมว่าใช้ได้นะครับ รูปร่างหน้าตาก็ใช้ได้” นรินทร์บอก
“ผมว่าเสียงก็โอเคนะครับ”
“โอเค พรุ่งนี้มาทำงานได้เลย”
นักร้องใหม่ไหว้ขอบคุณอย่างสวยงาม แอบมองมนตรานิดนึง เดินกลับเข้าไปหลังเวที แล้วชะงัก เมื่อเห็นโทรศัพท์ของมนตราวางอยู่ นักร้องใหม่หยิบขึ้นมาดู มนตราเดินขึ้นมาบนเวที มองหาโทรศัพท์ นักร้องใหม่หันไปถาม
“หาอะไรคะ คุณมนตรา”
“อ๋อ...หาโทรศัพท์ครับ ผมวางไว้ตอนเล่นดนตรี”
“อันนี้ใช่หรือเปล่าเอ่ย...”
“ใช่ครับ ขอบคุณมากเลย”
นักร้องใหม่แนะนำตัวทันที
“แอมค่ะ”
แอมยื่นโทรศัพท์ให้ มนตรายื่นมือไปรับ แต่แอมแกล้งดึงกลับ แบบอ่อยๆ ทันใดนั้นเสียงทองดีก็ดังขึ้น
“อ๋อ...ไม่รับโทรศัพท์เพราะมัวแต่มั่วกับอีนี่ใช่มั๊ย”
ทั้งคู่หันมา มนตราตกใจเมื่อเห็น ทองดีที่จ้องหน้าแอมอย่างเอาเรื่อง
“มึงเป็นใครกล้าอ่อยผัวกู”
“ผัวหล่อน ทำไมไม่แขวนป้ายไว้ล่ะ”
ทองดีโผเข้าจิกหัวแอมตบไม่ยั้ง มนตราตกใจหน้าเหวอ

มนตราหน้าเหวอ นรินทร์พรวดพราดเข้ามายืนข้างตัว
“ตายแล้ว ฟัดกันเหมือนหมา”
นรินทร์วิ่งเข้าไปแยกดึงตัวแอมออกมา มนตราลากตัวทองดีออกมา ทองดีบ้าเลือด
“อีหน้าด้าน...ไม่รู้จักหาผัวด้วยตัวเองหรือไง รู้จักแต่แย่งของคนอื่น”
“แล้วมึงล่ะ ยังกะกูไม่รู้ อีทองประกาย เก่ามาจากที่ไหน ก็มาใหม่ที่นี่ มึงก็แบให้เค๊าเหมือนกันนั่นแหละ”
“อีนี่วอนแล้วมึง” ทองดีสะบัดสุดแรง “ปล่อยฉัน...ฉันจะเอาเลือดหัวมันล้างตีน ปล่อยฉันสิ”
มนตราปล่อยมือ ทองดีเสียหลักเซลงไปนั่งที่พื้น
“ทองประกาย ผมเตือนคุณแล้วไม่ใช่หรือ ให้รู้จักอดทน ไม่รู้จักอายคนอื่นเค้าบ้าง ดูสภาพตัวเองสิเหมือนหมาบ้า มันดูได้มั๊ย”
ทองดีชะงัก หันไปมองเห็นเงาตัวเองในกระจกข้างร้าน เละเทะสุดๆ เธอเริ่มได้สติ มนตราส่ายหน้าเดินออกจากคลับไปทันที ทองดีตกใจ
“คุณมนตรา...” ทองดีหันมมองหน้าแอม “ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”
ทองดีรีบวิ่งตามมนตราออกไป
“เชอะ...คิดว่ามึงจะแน่จริงก็ผูกผัวมึงติดไว้กับตัวสิวะ...ถ้าไม่ดึงฉันไว้ล่ะก็ มันแหลกแน่”
นรินทร์มองแอมอย่างหมั่นไส้
“แหม...เก่งเหลือเกินนะแม่คุณ มาสมัครเป็นนักร้อง หรือนักมวยกันแน่ ดูหน้าตัวเองบ้างหรือเปล่า...เดี๋ยวเปิดค่าย มวยซะดีมั๊ยเนี่ย...เฮ้อ”

มนตราเดินพรวดๆไปที่รถ ทองประกายรีบวิ่งตามมาดึงแขนไว้
“มนตราคะ ฉันขอโทษ อย่าเดินหนีกันแบบนี้สิคะ”
มนตราชะงัก
“ผมบอกแล้วไง ต้องอดทน อย่าวู่วาม พอคุณโกรธทีไร เป็นแบบนี้ทุกที มันดูแย่รู้มั๊ย ใครเห็นเค้าก็จะดูถูกคุณ”
ทองดีเถียง
“ก็อีนังนั่นมันอ่อยคุณ เห็นเต็มสองตานี่คะ”
“ผมลืมโทรศัพท์ไว้ เขาเก็บได้ ผมขอคืน แล้วยังไง ถึงเขาอ่อยผมยังไงผมก็ไม่สนใจ...ผมมีแต่คุณคนเดียวเท่านั้นนะ ทองประกาย”
“แต่คุณเป็นผู้ชาย แล้วที่ฉันเห็น ผู้ชาย ก็เหมือนๆกันทุกคน”
มนตราหันมาจ้องหน้า
“แต่ผมไม่ใช่ผู้ชายพวกนั้น คุณจะมีอดีตหรือเคยผ่านผู้ชายมากี่คน ผมไม่แคร์ ขอแค่ ผมเป็นคนสุดท้ายสำหรับคุณเท่านั้น เข้าใจมั๊ย”
ทองดีอึ้ง มนตราเดินขึ้นรถไปทันที เธอรีบวิ่งตามไป

มนตราขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน แล้วลงจากรถเดินเข้าบ้านทันที ทองดีลงจากรถแล้ววิ่งตามเข้าบ้าน รีบวิ่งมาคว้าแขนเขาไว้
“ฉันขอโทษ...ฉันผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้วอย่าโกรธฉันนะคะ”
ละเอียดกับแอนเดินออกมา พอเห็นทั้งคู่ทะเลาะกัน ละเอียดกับแอน เบรกเอี๊ยด แอบดูการเคลื่อนไหว...ทองดีเดินไปกราบที่อกมนตรา
“ฉันสัญญาค่ะ ต่อไปฉันจะไม่โวยวาย”
“จริงหรือ คุณทำได้แน่นะ”
“จริงสิ แต่มีข้อแม้อย่างนึง”
มนตราหรี่ตามอง
“ว่าแล้วเชียว มันคงไม่ง่ายอย่างที่ผมคิดหรอก คุณมีอะไร”
“คุณต้องเลิกทำงานที่นั่น ไม่อย่างนั้น ฉันต้องไปกับคุณด้วยทุกวัน”
“จะบ้าหรือ...ไปเฝ้าผมที่ทำงานเนี่ยนะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ถ้าคุณยังทำงานอย่างนั้นอีกคงไม่พ้นเรื่องพวกนี้ ฉันคงอกแตกตายเข้าซักวัน ถ้าคุณทำไม่ได้...งั้น...เราเลิกกัน”
ทองดีหลุดปากออกไปแล้วใจหาย แต่ยังทำแข็ง ละเอียดกับแอนตกใจหันไปมองหน้ากันมนตราตกใจเหมือนกัน
“คุณว่าอะไรนะ เลิกกันหรือ มีเหตุผลหน่อยสิ ทอง”
“ได้ เหตุผลของฉันคือ ฉันทนไม่ได้ ที่เห็นผู้หญิงคนอื่นมาวุ่นวายกับคุณถ้าอย่างนั้น ตัดใจซะตั้งแต่วันนี้ดีกว่า”
ทองดีสะบัดหน้าเดินหนีขึ้นข้างบนไป มนตราหมดแรงนั่งลงกุมขมับบนโซฟา
“ทองประกาย ทำไมคุณต้องบังคับให้ผมเลือกด้วย”
แอนหน้าเหวอหันมาคุยกับละเอียด
“อุ๊ย...คุณแม่บ้านคะ สงสารคุณมนตราเนอะ หน้าเศร้าเลย”
“นั่นน่ะสิ” ละเอียดนึกได้ “แล้วแกไปวุ่นวายอะไรกับเค้าด้วยล่ะ นังแอน”
แอนทำหน้าจ๋อย รีบเดินกลับเข้าห้องไป ละเอียดมองมนตราแล้วถอนหายใจ
“เฮ้อ...คุณมนตรา เห็นมั๊ยเอียดเตือนแล้วก็ไม่ฟัง...เฮ้อ”

ทองดีเดินเข้ามาในห้อง พอปิดประตูเธอนั่งลงมองมือตัวเองที่สั่นระริกจนบังคับไม่ได้ เธอหน้าเครียด
“จะบ้าหรือ พูดอะไรออกไปรู้ตัวหรือเปล่า นังทองเอ๊ย...แล้วถ้าเค้าเลือกงานล่ะ จะทำยังไง”
มนตราเดินขึ้นมา หยุดยืนที่หน้าห้อง เงื้อมือจะเคาะประตู แล้วหยุด
“เข้าไปตอนนี้มีหวัง ต้องทะเลาะกันอีกแน่ะเลย”
มนตรากับทองดีนั่งหันหลังชนกัน มีประตูห้องขวางเป็นกำแพงระหว่างสองคน

เช้าวันใหม่...มนตรา นั่งมองเครื่องดนตรี นิ่งอยู่ ละเอียดยกกาแฟเข้าให้ พอเห็นสภาพ โทรมๆของเขาเธอก็ถอนหายใจ
“โจ๊กร้อนๆค่ะ ทานซะหน่อย จะได้มีแรงคิด ไม่ได้นอนทั้งคืน”
“พี่เอียดรู้ได้ยังไง”
ละเอียดค้อน
“โธ่คุณมนคะ พี่เอียดอาจจะแก่ แต่ว่าไม่ได้ตาบอดนะคะคุณ”
“แสดงว่าพี่เอียดรู้เรื่องแล้ว ผมลืมไป พี่เอียดรู้ทุกอย่างในบ้านอยู่แล้ว”
“คุณมนคะ อย่าว่าพี่เอียดยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณเลย พี่เอียดเลี้ยงคุณมาแต่อ้อนแต่ออก พี่เอียดรู้ใจคุณมนดีกว่าใคร”
“แล้วผมควรทำยังไงล่ะครับ”
ละเอียดแอบยิ้ม
“คุณมนก็เลือกสิคะ เลือกในสิ่งที่คุณมนรัก”
“เลือกสิ่งที่ตัวเองรักหรือ...” มนตรานิ่งคิด “หมายความว่า...”
“ค่ะ คุณมนอยากจะทำอะไรมากที่สุด คุณมนย่อมรู้ใจตัวเองดี”
มนตรากระโดดขึ้นกอดละเอียดไว้แน่น
“ขอบคุณพี่เอียดครับ...พี่เอียดรู้ใจผมจริงๆด้วย...”
มนตราวิ่งออกจากห้องไปทันที ละเอียดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

เช้าวันใหม่...ทองดี ลุกขึ้นเดินไปจับประตูดู
“ประตูก็ไม่ได้ล็อค ทำไมไม่ยอมเข้ามานอนนะ น่าโมโหจริงๆ”
ทองดีหงุดหงิดทำงอน เดินผละไป มนตราวิ่งเปิดประตูพรวดเข้ามาทันที
“คุณมนตรา” ทองดีนึกได้ทำเมิน “เข้ามาทำไม”
“ผมคิดได้แล้ว ว่าผมต้องการอะไรมากที่สุด”
ทองดียังงอนๆ
“แล้วไง...ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปได้ ฉันจะอาบน้ำ”
เขารวบตัวเธอมากอด เธอทำเล่นตัวพอเป็นพิธี
“ผมต้องการคุณ ผมจะไปลาออก แต่ว่า คุณต้องกลับไปเชียงใหม่กับผมนะ คุณพร้อมหรือยัง เราจะไปพบคุณพ่อคุณแม่”
“อะไรนะ ไปเชียงใหม่หรือ”
“ใช่ เราจะไปเริ่มชีวิตใหม่ที่โน่น กลับไปแต่งงานกัน แล้วก็มีลูกหลายๆคนไงล่ะ”
ทองดีอึ้งไป มนตราหน้าตาเปี่ยมสุข

ทองดีเดินไปเดินมาในห้องน้ำ แล้วไปยืนหน้ากระจก พูดกับเงาตนเอง
“ไปเชียงใหม่...ไปแต่งงาน จะได้เป็นคุณนายเสวยสุขซะที”
ทองดียิ้มมีความสุขแล้วชะงัก
“คิดว่าพ่อแม่เค้าจะยอมรับหรือ ทำอะไรเป็นบ้างล่ะ...”
เธอนิ่งไปก่อนจะฮึด
“ไม่สำคัญหรอก แค่มนตราเค้ารักฉันเท่านั้นก็พอ...”
แต่เมื่อนึกบางอย่างได้ก็ถอนใจ
“ใช่สิ พออีกหน่อย เธอออกลูกมาซักครึ่งโหล ตัวหย่อน พุงขยาย โทรมเป็นยายแร้งทึ้ง เลี้ยงลูกอยู่แต่ในบ้าน แบบนี้ใช่มั๊ย ชีวิตที่หล่อนฝันถึง...ไม่หรอก ไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก”
ทองดีนึกถึงภาพของตนเองที่โทรมหัวฟูยุ่งเหยิง อุ้มเด็กแบเบาะ กำลังกินนม มืออีกข้างไกวเปล รอบๆตัวมีแต่ข้าวของเด็กเล็กๆ เกลื่อนไปหมด แถมยังมีเด็กขนาดไล่เลี่ยกัน วิ่งเล่นกันรอบๆตัว ทองดีตกใจหน้าเสีย
“ว๊าย...เป็นไปไม่ได้หรอก”
ทองดีมองกระจกเห็นหน้าตัวเองปกติ เธอรีบเปิดน้ำล้างหน้า เรียกสติ
“ขืนยอมไปตอนนี้ มีหวัง...” เธอทำหน้าหวาดเสียว “ไม่ได้ ไปเชียงใหม่ไม่ได้เด็ดขาด”







Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 9:22:19 น.
Counter : 312 Pageviews.

0 comment
ทองประกายแสด ตอนที่ 9



ทองดีนอนอยู่บนเตียงเดียวกับมนตรา เขาพลิกตัวมากอดเธอไว้ ทองดีลืมตาตื่น

“คุณมนตรา”
ทองดีเอื้อมมือไปจะลูบหน้าเขาแต่ไม่กล้า มนตราพลิกตัวอีกครั้ง เธอขยับตัวออกลุกขึ้นนั่งมองเขาตรงๆ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย เราจะมีโอกาสอยู่กับคนดีๆอย่างนี้”
ทองดีขยับตัวลงนอนซุกกับอกเขา
“เราต่างกันมากเหลือเกิน...ไม่รู้พรุ่งนี้อะไรจะเกิดขึ้น...แต่ฉันรู้ว่า วันนี้ฉันมีความสุขที่สุด คุณมนตรา”
ขณะเดียวกันนั้นมนตราละเมอออกมา
“ทองประกาย ผมรักคุณ”
ทองดียิ้มอย่างมีความสุข มนตราพลิกตัวกลับมากอดเธอไว้ในอ้อมแขน

เช้าวันใหม่...ทะเลยามเช้า ทองดีอยู่ในเสื้อเชิ้ตของมนตรายืนมองทะเลใกล้เตียง มนตราพลิกตัวตื่นขึ้น ไม่เห็นทองดีก็ตกใจ
“ทองประกาย คุณอยู่ที่ไหน”
ทองดีได้ยินเสียงเรียก รีบกลับเข้ามาในห้องทันที
“คุณไปไหนมา ทำไมไม่ปลุกผมล่ะ”
“ฉันไปยืนดูทะเล สวยจังเลย”
มนตราดึงร่างของเธอมาไว้ในอ้อมกอด
“ทีหลังจะไปไหนต้องบอกผมนะ ห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด”
“ได้ยังไงคะ เดี๋ยวเราก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน”
“ไม่ต้องแล้ว ต่อไปนี้คุณต้องไปอยู่กับผม เราจะแต่งงานกัน คุณต้องเป็นแม่บ้านให้ผม”
ทองดีอึ้ง
“คุณมนตรา คุณล้อฉันเล่นหรือเนี่ย”
มนตราจ้องหน้าแล้วพูดอย่างหนักแน่น
“ผมพูดจริง ทุกคำ คุณโอเคหรือเปล่า”
ทองดีพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้า
“ฉันนึกไม่ถึงว่า คนอย่างฉันจะมีโอกาสแบบนี้”
มนตราดึงทองดีมากอดไว้
“อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้น คุณสมควรได้รับโอกาสนี้”
“แต่ว่ามีข้อแม้นะ”
ทองดีงงๆ
“คุณต้องลาออก มาเป็นแม่บ้านให้ผมเพราะอีกหน่อย ผมคงต้องเลิกทำงานแล้วก็กลับไปทำธุรกิจที่เชียงใหม่ คุณต้องไปอยู่กับผมด้วย”
ทองดีนิ่งคิด
“แต่ฉันไม่มีความรู้อะไรสักอย่าง จะทำได้หรือ”
“ไม่จำเป็น แค่มีคุณอยู่ใกล้ๆ เป็นกำลังใจให้ผม เท่านั้นผมก็พอใจแล้ว”
ทองดีสบตากับเขาอย่างตื้นตันแล้วโผเข้ากอดแน่น
“ผมรักคุณทองประกาย ต่อไปนี้ คุณต้องอยู่ข้างผมตลอดไป”
ทองดีน้ำตาซึมทั้งมีความสุข ทั้งกังวลลึกๆ

มนตรากำลังขับรถ ส่วนทองดีนั่งเหม่อ สักครู่เขาเอื้อมมือมากุมมือของเธอไว้ เธอหันไปยิ้มให้เขา
“ขอบคุณนะคะ คุณมนตรา ฉันมีความสุขมาก รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน มากกว่าความจริง”
“งั้นหรือ”
เขาหยิกแก้มเธอเบาๆ เธอเบี่ยงตัวหนี
“เล่นอะไรคะ เจ็บนะ”
“อ้าว...ก็คุณบอกว่า กำลังฝันไง ผมก็ลองหยิกคุณดู เจ็บหรือเปล่า”
“คนบ้า...ไม่พูดด้วยแล้ว”
“โอ๋..โอ๋..อย่าโกรธเลยนะคนดี แต่ช้าแต่ ยิ้มหน่อยสิ น่านะ ไม่งั้นผมไม่กลับ จะอยู่กับคุณที่นี่แหละไม่ต้องทำงานทำการกันแล้ว”
“คุณนี่ เซี้ยวจังเลย” ทองดียิ้มให้ “อ่ะ...พอใจหรือยังคะ”
“พอใช้ได้ แล้วตรงนี้ด้วย” มนตราชี้แก้มตัวเอง “ต้องจุ๊บกันก่อน”
ทองดีเขิน มองซ้ายมองขวา แล้วยื่นจมูกไปชนแบบเขินๆ มนตราดึงเธอไว้แล้วจูบอย่างหวานซึ้ง เธอผละออกจากเขาอย่างเขินๆ
“ไปดีกว่า ขืนอยู่แบบนี้พรุ่งนี้ก็คงไม่ถึงกรุงเทพฯ”
“ก็ได้ครับ แล้วแต่คุณผู้หญิงจะบัญชา”
มนตราออกรถไป แต่มือนึงกุมมือของเธอไว้

รถของมนตราวิ่งเข้ามาจอดหน้าคลับของนรินทร์ ทองดียังนิ่งเหม่อ มนตรามองแล้วยิ้ม
“คุณโอเคนะ ทองประกาย”
เธอยิ้มตอบเขา
“โอเคค่ะ”
“อย่าวิตก ทุกอย่างต้อง ยิ้มหน่อยนะ”
ทองดีพยายามยิ้ม มนตราส่ายหน้า
“ไม่เอา อย่างนั้นเรียกแยกเขี้ยว เอาใหม่ ยิ้มหวานๆ”
ทองดียิ้มใหม่ มนตราพอใจ
“อย่างนั้น นั่นแหละ น่ารักจัง ทองประกายของผม คุณรักผมบ้างมั๊ยเนี่ย”
ทองดีชะงัก
“คุณเป็นคนดีที่สุด เท่าที่ฉันเคยรู้จัก”
“ว๊า...แล้วรักหรือเปล่าล่ะ”
ทองประกายนิ่ง มนตรามองอย่างเข้าใจ
“ผมจะรอให้คุณเต็มใจ จะพูดคำนั้น”
ทองดียืนโบกมือให้มนตราที่ขับรถออกไปจนลับตา
“ซักวันนึง...ฉันจะบอกว่ารักคุณ”

ทองดีเดินกลับข้ามาในห้องนั่งลงบนเตียงนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา
“นี่เราฝันไปหรือเปล่าเนี่ย”
วิไลเดินกลับเข้าห้องมาหน้าสดชื่น หันมายิ้มแย้มถาม
“อ้าว...กลับมาแล้วหรือ เร็วจังเลย”
“อืมม...ต้องทำงานนี่นา ไม่เหมือนใครบางคนหรอก”
“อย่ามาเม้าธ์กันหน่อยเลย ขอกินน้ำก่อน”
วิไลเดินไปหยิบน้ำกิน ทองดีมองวิไลอย่างลังเล หาจังหวะบอกเรื่องมนตรา วิไลดื่มน้ำเสร็จหันมาจะบอกเรื่องตัวเองแต่ทองดีพูดขึ้นก่อน
“ฉันมีเรื่องจะบอก...”
วิไลขำ
“งั้นแกพูดก่อน”
“ฉันกับคุณมนตรา เราเอ่อ...”
“ยังไงก็ว่าไปสิ...”
ทองดีเขิน
“เค้าบอกให้ฉันไปอยู่ด้วย เป็นแม่บ้านให้เค้า”
วิไลดีใจกับเพื่อน
“กรี๊ด...จริงหรือ...ฉันดีใจกะแกด้วยจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย นิคก็บอกให้ฉันลาออก ไปอยู่กับเค้าเหมือนกัน”
“จริงหรือ” ทองดีโล่งอก “ฉันกลัวแทบแย่ว่าจะต้องเป็นฝ่ายทิ้งแกไปก่อน...เป็นอย่างนี้ก็ค่อยโล่งใจหน่อย”
“แล้วนี่แกจะลาออกเมื่อไหร่ละเนี่ย”
“วันนี้แหละ คุณมนตราเค้า...ไม่อยากรออีก”
“แหม...ใจร้อนเหมือนกันนะเนี่ย ดีงั้นวันนี้เราไปลาออกพร้อมกัน”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน แล้วหนักใจเมื่อนึกถึงนรินทร์

นรินทร์ยืนโวยวายอารมณ์เสียอยู่ในห้องทำงาน
“อะไรกันนี่...ฉันยังหาคนมาแทนจูนไม่ได้เลย แล้วเธอสองคนก็มาลาออกอย่างนี้ฉันก็แย่น่ะสิ ไม่ได้ ต้องอยู่ช่วยกันก่อน”
วิไลเกรงใจ
“แต่นิคเค้าต้องไปต่างประเทศอาทิตย์หน้า เค้าให้ฉันตามไป ด้วย ฉันคงอยู่ช่วยคุณนรินทร์ไม่ได้แล้วละ”
“รอให้ฉันหาคนมาแทนก่อนไม่ได้หรือ ถึงสิ้นเดือนก็ยังดี ทองประกายก็เหมือนกัน อยู่ช่วยกันไปก่อน เอางี้ ฉันเพิ่มเงินให้เธอสองคนเป็นพิเศษด้วยนะ 3 เท่าเลยก็ได้”
ทองดีส่ายหน้า
“คงไม่ได้หรอกค่ะ คุณนรินทร์ ฉันว่ามันถึงเวลาแล้ว”
“แล้วเธอจะทิ้งฉันไปทั้งคู่แบบนี้ ฉันจะหาใครมาแทนได้ทันล่ะ ฝึกคนน่ะไม่ใช่ใช้เวลาวันสองวันหรอกนะ”
มนตราที่นั่งเงียบๆอยู่ด้านข้างกระแอมขึ้นทันที
“ไว้ผมจะช่วยๆดูอีกแรงนึงนะครับ รับรอง ไม่ด้อยไปกว่าทองประกายแน่นอนครับ คุณนรินทร์”
“ก็แหงละ ผลงานคุณทั้งนั้นเลยนี่ บอกแล้วไง...ไงๆผมก็รับเละ เธอสองคนไปให้พ้นหน้าฉันเลย”
นรินทร์เซ็งมาก ไม่อยากพูดกับสองสาว มนตรารีบส่งสายตาให้ออกไป ทองดีกับวิไลรีบยกมือไหว้ลานรินทร์แล้วรีบเดินออกไปทันที

ทองดีและวิไล ยืนล่ำลากัน มนตรายืนมองอยู่ห่างๆ
“ฉันไปนะ มีอะไรก็โทรไปหาฉันบ้าง อย่าหายไปเลยล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ลืมพี่แน่นอน รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยนะพี่วิไล”
สองสาวกอดกันร้องไห้ สักพักวิไลผละออกมาเช็ดน้ำตา ก่อนจะพูดกับมนตรา
“ฝากทองด้วยนะคะ คุณมนตรา รักใคร่ดูแลอย่าทอดทิ้งทองประกายเป็นน้องสาวของฉัน ถ้าคุณไม่ดูแลให้ดี ฉันจะกลับมาเอาเรื่องคุณ”
วิไลส่งมือทองดีให้ มนตรารับมือทองดีมากุมไว้อย่างอบอุ่น
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ คุณวิไล ผมจะดูแลทองประกายอย่างดีที่สุด”
“คุณรับปากอย่างนั้น ฉันก็วางใจ ฝากด้วยนะคะ” วิไลหันไปมองรถของนิคที่จอดรออยู่ “ฉันไปก่อนนะทอง มาขอกอดอีกที”
ทองดีกับวิไลกอดกันแน่นอีกครั้ง
“ไปละ...ฉันไปนะคะคุณมนตรา โชคดีนะ”
วิไลหยิบกระเป๋าเดินหันหลังไปขึ้นรถของนิค ทองดีเช็ดน้ำตา โบกมือลา มนตราหันไปหยิบกระเป๋าของทองดีแล้วโอบเอวเธอไว้
“คราวนี้ถึงตาคุณแล้ว พร้อมหรือยังที่จะพบกับชีวิตใหม่”
“ค่ะ...ขอให้มีคุณ ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
มนตราจูบที่หน้าผากแล้วประคองกันไปที่รถ...รถของนิคกับมนตรา ขับแยกย้ายกันไปคนละทาง

รถมนตราวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน เขาเปิดประตูจะลงจากรถ ทองดียังนั่งนิ่ง
“อ้าว...ทำไมนั่งเฉยล่ะ ลงมาสิ”
“ฉันกลัว...ขอเวลาหน่อยสิ”
“จะกลัวอะไร บ้านผม คุณเคยมาตั้งหลายครั้งแล้วนี่นา”
“แต่มันไม่เหมือนกันนี่ คราวนี้ฉันจะต้องมาอยู่เลย ไม่ใช่มาเที่ยว”
“ไม่ใช่แค่อยู่เลยเท่านั้นนะ คุณต้องเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ ตลอดไปด้วย มาเถอะ เข้าไปในบ้านของเรา”
ทองดีทวนคำช้าๆ
“บ้านของเรา...บ้านของเราหรือคะ”
“ใช่สิ...บ้านของผม ก็เหมือนบ้านของคุณ คุณเป็นเมียผมนี่นา ทองประกาย”
มนตราเดินลงจากรถ อ้อมไปเปิดประตูให้ ทองดีพึมพำ
“เราจะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้วหรือนี่...”
ทองดียิ้มอย่างยินดี มนตราเปิดประตูให้แล้วผายมือ
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
ทองดียิ้มแล้วยื่นมือส่งให้เขา ก่อนจะลงจากรถ พอทองดีลงมายืน มนตราคว้าตัวเธอมาอุ้มไว้ เธอร้องวี๊ด
“ทำอะไรน่ะ วางลงนะ ฉันกลัว”
“ไม่ต้องกลัว คู่แต่งงานใหม่น่ะ เจ้าบ่าวต้องอุ้มเจ้าสาวเข้าประตูบ้าน เค๊าบอกว่า จะมีความสุขตลอดไปไงล่ะ”
มนตราไม่ฟังเสียงอุ้มเธอเข้าประตูบ้านไป

มนตราอุ้มทองดีเข้ามาในบ้าน เธอกลัวตกกอดคอเขาไว้แน่น ละเอียดเดินออกมากับสาวใช้ชื่อแอน ละเอียดมองอย่างไม่พอใจ
“อะไรกันเนี่ย คุณมนตรา ชักจะมากเกินไปแล้วนะคะ”
มนตราชะงัก ค่อยวางทองดีลงที่พื้น
“นี่ถ้าใครมาเห็นเข้า เค้าจะเอาไปพูดว่ายังไง เห็นแก่หน้าคุณพ่อคุณแม่คุณบ้างสิคะ คุณมนตรา”
“จะว่ายังไง ก็ช่าง ผมกับ ทองประกายเป็นสามีภรรยากัน ไม่เห็นจะผิดตรงไหน”
“นั่นแหละค่ะ มันก็ไม่เหมาะอยู่ดี” ละเอียดนึกได้ “อะไรนะ ไม่จริ๊ง...พี่เอียดหูฝาดใช่มั๊ยคะ คุณมนตรา”
“ไม่ฝาดหรอกครับ ทองประกายเป็นเมียผม ต่อไปนี้ ทองจะเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ฐานะคุณผู้หญิง” มนตราหันไปบอกแอน “รู้จักไว้นะแอน นี่คุณทองประกาย”
แอนรีบยกมือไหว้ทองดีทันที
“แหม...คุณทองประกายสวยเหมือนดาราเลยนะคะ”
ละเอียดทำหน้าไม่ชอบใจ มนตราเห็นเข้าพอดี
“แอน ยกของของคุณทองขึ้นไปไว้ที่ห้องฉันด้วย แล้วแกคอยรับใช้คุณทองด้วยเข้าใจมั๊ย” มนตราหันไปหาทองดี “คุณขึ้นไปข้างบนก่อน ประเดี๋ยวผมตามไป”
แอนรีบยกข้าวของของทองดีเดินนำขึ้นไปข้างบน ทองดีขยับจะตามไป แล้วหันมาทางมนตรา
“อย่านานนะคะ ทองคิดถึงคุณ”
ทองดีทิ้งหางตาให้ ละเอียดแล้วเดินขึ้นไปทันที ละเอียดถอนหายใจเฮือก
“คุณมนตรานะคุณมนตรา พี่เอียดผิดเอง ไม่น่าตามใจคุณเล๊ย...ดูสิบานปลายใหญ่โตขนาดนี้ คิดว่าคุณจะคบแม่นั่นเล่นๆ สนุกๆไปตามประสา ที่ไหนได้ คิดแล้วมันเจ็บใจจริง...จริ๊ง”
“เธอชื่อทองประกายครับพี่เอียด อย่าเรียกเธอว่าแม่คนนั้น ผมขอร้อง”
ละเอียดค้อน
“ค่ะ แม่คนนั้น เอ๊ย...แม่ทองประกาย แล้วทีนี้พี่เอียดจะบอกกับคุณแม่คุณยังไงละเนี่ย โอ๊ย...งานนี้คุณผู้หญิงฉีกเอียดเป็นชิ้นๆแน่เลย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ พี่เอียดก็ร่วมมือกับผมต่อไป”
“ร่วมมือ...คุณมนตราจะให้พี่เอียดทำยังไงอีกล่ะคะ ไม่น่าเล๊ย...”
“พี่เอียดต้องคอยฝึกฝนทองประกาย ให้เป็นที่ยอมรับของคุณพ่อคุณแม่ให้ได้ งานนี้ พี่เอียดเท่านั้นที่ทำได้ เพราะพี่เอียดรู้ใจคนในบ้านผมดีที่สุด”
ละเอียดถอนใจ
“จะไหวมั๊ยเนี่ย...ถ้าทางจะยากไม่ใช่เล่น ให้เอียดทำอย่างอื่นไม่ได้หรือคะ คุณมนตรา”
“นี่เป็นวิธีเดียวที่พี่เอียดจะช่วยผมได้ เพราะอีกไม่นาน ผมจะพาทองประกายไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่เชียงใหม่ พอเราแต่งงานกันถูกต้องแล้ว คราวนี้ก็ไม่มีใครสนใจว่าที่แล้วมาพี่เอียดเคยโกหกอะไรไว้”
ละเอียดตกใจ
“แต่งงานหรือ โอ๊ย...อกพี่เอียดจะระเบิด...คุณมนตรานะคุณมนตรา ฆ่าพี่เอียดทิ้งเลยดีกว่า”
ละเอียดรำพันไปเรื่อย มนตราส่ายหน้าเดินหนีขึ้นข้างบนไป

ทองดีนั่งอยู่บนเตียง แอนคุกเข่าเก็บเสื้อผ้าข้าวของทองดีเข้าไปในตู้
“เพิ่งมาทำงานหรือ เมื่อก่อนไม่เห็นเธอเลยนี่นา”
“นานแล้วค่ะ ปกติแล้วหนูจะอยู่หลังบ้าน พี่เอียดสั่งห้ามไม่ให้มาวุ่นวายบนบ้าน คุณก็เลยไม่เห็นหนู อยู่มาเป็น3-4 เดือนแล้วค่ะ”
ทองดีหน้าเหวอ
“3-4 เดือนเนี่ยนะ เรียกนานแล้วหรือ”
“นานสิคะ ส่วนมาก เค้าอยู่ได้อาทิตย์เดียว ก็ลาออกค่ะ ทนพี่เอียดไม่ได้”
“ทำไมล่ะ พี่เอียดใจร้ายมากหรือ”
“เปล่าหรอกค่ะ เธอเป็นคนเจ้าระเบียบ แถมปากคมยังกะกรรไกร ข้าวของทุกอย่างต้องอยู่ในระเบียบ กระเด็นออกนอกที่ทางไม่ได้เลย แกด่าเปิง...ไม่ได้ด่าหยาบคายนะคะ แต่ฟังแล้วสะอื้นเลย”
ทองดีพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ...ด่าแบบผู้ดีว่างั้นเหอะ อ้าว...แล้วเธอล่ะ ทำไมทนอยู่ได้”
“หนูเป็นญาติห่างๆของพี่เอียดค่ะ ไม่มีใครยอมมา คุณผู้หญิงเลยส่งหนูมาแทน”
มนตราเดินเข้ามาในห้อง ส่งเสียงกระแอม แอนรีบก้มหน้าก้มตาเก็บของให้เสร็จแล้วรีบออกจากห้องไป
“คุยอะไรกัน คุณอย่าไปเชื่อแอนมันมากนักนะ รายนั้นน่ะ ช่างพูดช่างคุย ขาเม้าท์”
“คุยเรื่องพี่เอียดค่ะ เฮ้อ...คุณแน่ใจนะ ว่าฉันจะเข้ากับพี่เลี้ยงของคุณได้”
มนตรากอดทองประกายไว้
“แน่ใจที่สุด ทองของผมน่ารักขนาดนี้ ใครเห็นใครก็ต้องรัก เชื่อผมสิ”
มนตรายิ้มอย่างมีความสุข ทองดียิ้มแต่เริ่มหนักใจ

เช้าวันใหม่...มนตรานอนหลับหันหลังให้ ทองดีเอานิ้วเขี่ยจมูก มนตราทำจมูกยุกยิกแล้วจามก่อนจะหันไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ดึงผ้าห่มมาคลุม เล่นผีผ้าห่มตอนเช้า...
ทองดีกำลังยืนแปรงฟัน มนตราเข้ามายืนเบียดแปรงใกล้ๆกัน เขาเอื้อมมือไปกุมมือของเธอไว้

บ่ายวันนั้น...ทองดีกับมนตราเดินเข้ามาในบ้าน ถือถุงข้าวของมาเต็มมือ ทั้งสองหน้าระรื่น ละเอียดยืนมองอย่างหนักใจ
ทองดีระกายนั่งบนเตียงหยิบข้าวของที่ซื้อออกมาดู เธอหยิบผ้าพันคอผืนสวยมากอดไว้อย่างถูกใจ เลือกชิ้นโน้นหยิบชิ้นนี้มาดู แล้วล้มตัวลงนอนท่ามกลางข้าวของอย่างมีความสุข

ทองดีกับมนตรานั่งมองพระอาทิตย์ตกบนระเบียงหน้าต่างห้อง ทั้งคู่กุมมือกันไว้ เธอเอียงหัวลงซบไหล่เขาอย่างมีความสุข
“ผมมีความสุขที่สุดเลย แล้วคุณล่ะ ทองคุณรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า”
“ค่ะ...ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ไม่อยากลืมตาเลย กลัวทุกสิ่งทุก อย่างจะหายวับไป”
“ลืมตาเถอะ มองดูผม ผมอยู่ตรงนี้”
ทองดีลืมตาขึ้นมา สบตากับมนตรา ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม

วันต่อมา...มนตรานั่งทำงานอยู่ ทองดีนั่งเปิดหนังสืออ่านแก้เบื่อ
“วันนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีคะ ไปดูหนังกันดีมั๊ยเอ่ย”
“ผมมีงานค้าง ต้องเร่งทำให้เสร็จ”
“ว้า...แล้วฉันจะทำอะไรล่ะ เบื่อจังเลย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้คุณยุ่งทั้งวันแน่”
ละเอียดเดินหน้าหงิกเข้ามาในห้อง
“มาพอดีเลย วันนี้พี่เอียดจะเริ่มต้นสอนงานในบ้านคุณทุกอย่าง”
ทองดีแปลกใจ
“งานบ้านหรืองานอะไร ซักผ้าถูกบ้านฉันทำเป็นแล้ว และอีกอย่าง ก็มีพี่เอียดกับแอนทำอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ทำไมฉันต้องเรียนด้วย”
“แหม...ดีจัง งั้นเอียดขอตัวก่อนนะคะ”
มนตรารีบคว้าแขนละเอียดไว้
“รอก่อนครับ” มนตราหันมาบอกกับทองประกาย “ผมหมายถึง มารยาทบนโต๊ะอาหาร การจัดโต๊ะ จัดดอกไม้ อะไรพวกนั้น รวมทั้งบัญชีรายรับรายจ่าย แม่ผมค่อนข้างพิถีพิถันมาก เป็นพิเศษ ถ้าเรากลับไปอยู่เชียงใหม่ คุณต้องเป็นคนดูแลเรื่องพวกนี้”
“จ้างคนมาทำไม่ได้หรือคะ ฉันทำไม่เป็นหรอก”
“พ่อกับแม่ผม ค่อนข้างมีระเบียบครับ ท่านจะไว้วางใจคนในบ้าน ให้ จัดการเรื่องพวกนี้แทน ซึ่งหมายความว่า ต้องเป็นลูกสะใภ้ของท่าน ก็คือ คุณ”
ทองประกายถอนหายใจยาว ละเอียดทำหน้าเบื่อ มนตราหนักใจ







Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 9:21:02 น.
Counter : 425 Pageviews.

0 comment
ทองประกายแสด ตอนที่ 9



ค่ำนั้น...ทองดีแต่งหน้าอยู่ นรินทร์เปิดประตูเข้ามา เธอเหลือบมอง แล้วแต่งหน้าต่ออย่างไม่สนใจ นรินทร์ทำหน้าเอือมๆ ไม่ค่อยอยากพูดด้วยนัก

“วันนี้เต้นด้วยนะ”
ทองดีหันมามอง
“เต้นอะไร”
“ก็เต้นแทนจูนไง ฉันยังหาคนมาแทนไม่ได้ จะปั้นใครมาเป็นดาวแทนก็คงไม่ทันมีก็แต่เธอ คืนนี้ทำสองจ๊อบไปก็แล้วกัน”
ทองดีวางเครื่องสำอางในมือลงอย่างแรงเหมือนไม่พอใจ แล้วเดินเข้าไปหานรินทร์เหมือนจะเอาเรื่อง นรินทร์ตกใจนิดๆ ค่อยๆถอยหลังไป แต่ก็ยังต่อว่าเธอ
“เธอจะทำอะไร ทำงานแค่นี้มีปัญหาอะไร อย่าถือว่ากำลังดังนะ”
ทองดียิ้มกวน
“พูดมากน่า ฉันแค่จะบอกว่าไม่ต้องห่วง จะร้องจะเต้นให้เกินค่าตัวแน่”
ทองดีเดินออกไป ปิดประตูปั้ง นรินทร์พ่นลม พลางบ่น
“ยัยบ้า”

บุญเทียมยืนมองเข้าไปด้านในอย่างมองหาใครอยู่ เห็นเด็กดริ๊งค์นั่งป้อนเหล้า เอาใจแขกอยู่ 2-3โต๊ะ บุญเทียมบ่นงึมงำ
“ทำไมต้องมานัดที่นี่ด้วยนะ มันใช่ไหมเนี่ย”
วิไลเดินมาเห็นก็เข้ามาต้อนรับอย่างดี
“สวัสดีค่า...เชิญด้านในเลยค่ะพี่”
บุญเทียมหันมาเจอวิไลที่ยิ้มหวานให้ ก็ยิ้มเจื่อนๆ
“มันใช่ไหมเนี่ย มันใช่ที่ของฉันไหมเนี่ย”
“ใช่สิคะ ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับผู้ชายทุกคน” วิไลเข้าไปคล้องแขนบุญทียม “พี่จะอ๊อฟด้วยไหมคะ”
บุญเทียมทนไม่ไหว
“ว้าย นี่หล่อน ตาไม่มีแววหรือไงยะ มาชวนฉันอ๊อฟเนี่ย โอ๊ย...ฉันอยากจะกรี๊ด”
วิไลอึ้งไปนิด แล้วหัวเราะ
“อ้าว...พี่ เป็นกะเทยก็ไม่บอก”
“แล้วฉันต้องป่าวประกาศด้วยเหรอว่าฉันเป็นกะเทยค่า ฉันเป็นกะเทย เฮ้อ...”
“แล้วพี่มาเที่ยวที่นี่ทำไมอ่ะ จะกลับใจเหรอ”
“อ๊าย...ฉันมาคุยธุระที่โต๊ะวีไอพี 1อยู่ตรงไหนล่ะ ฉันจะได้รีบคุยให้มันจบๆ แล้วจะ
ได้ไปจากที่นี่ซะที”
“อ๋อ หนูกำลังจะไปโต๊ะนั้นพอดี งั้นเชิญค่ะ”
วิไลผายมือให้ บุญเทียมเดินเชิดเข้าไปพร้อมกับบ่นอุบ
“ทำไมไม่นัดฉันที่บาร์เกย์นะ มันใช่ไหมเนี่ย...”
วิไลยิ้มขำ แล้วเดินตามไป

ที่โต๊ะวีไอพี บุญเทียม คุยงานกับผู้ใหญ่วัยกลางคน โดยมีวิไลนั่งดื่มด้วย
“ตกลงว่าพรุ่งนี้บีบีให้น้องจีบี้มาทานข้าวกับเสี่ย แล้วก็พาไปเซ็นต์สัญญาเป็นนางเอกของช่องนะฮะ”
ผู้ใหญ่คนนั้นพยักหน้า
“โอเค...แต่ขอเตือนก่อนนะ ว่าไม่ใช่พอดังแล้วเสี่ยเรียกไม่มานะ”
“รับรอง บีบีจะสั่งสอนเป็นอย่างดีเลยฮ่ะ”
บุญเทียมจะหยิบแก้วน้ำมาดื่ม แต่วิไลก็หยิบพอดี มือของเธอไปจับมือเขาพอดี
“อ๊ายหล่อน ปล่อยนะ โอ๊ย...มันใช่ไหมเนี่ย มันใช่ที่ของฉันไหม”
วิไลค้อน
“แหมเจ๊...หนูไม่ได้ตั้งใจ เห็นน้ำแข็งมันละลาย เลยจะเติมให้ใหม่”
“ขอบใจ แต่ไม่ต้อง ฉันจะกลับแล้ว” บุญเทียมหยิบน้ำมาดื่มหมดแก้ว “ลานะคะเสี่ย”
บุญเทียมไหว้แล้วลุกขึ้นจะไป ทันใดนั้นเสียงเพลงของทองดีก็เริ่มต้นขึ้น บุญเทียมได้ยินเสียงก็ชะงัก หันไปมอง ยิ่งตะลึงค้าง ร่วงลงนั่งบนโซฟาตามเดิม ยิ้มพอใจในหัวคิดเรื่องการค้าทันที ทองดีทั้งร้องทั้งเต้นได้อย่างประทับใจ วิไลมองบุญเทียมงงๆ
“ใครเนี่ย”
วิไลจ้องหน้า
“เจ๊...อย่าคิดอัปรีย์กับเพื่อนหนูนะ”
“สวยขนาดนี้ไม่คิดไม่ได้แล้วล่ะย่ะ”
วิไลหน้าผงะหน้าตื่น
“ฮ้า...มิน่าเขาถึงว่าปีหน้าโลกจะแตก”
“น้องเขาชื่ออะไรน่ะ” บุญเทียมถามอย่างสนใจมากๆ

ทองดีร้องเพลงเสร็จ เดินมาหลังเวที บุญเทียมมาดักเจอยืนทำเท่
“สวัสดีจ้ะ น้องทองประกาย”
ทองดีงงๆ มองบุญเทียมหัวจรดเท้า มองแล้วมองอีก จนบุญเทียมทนไม่ไหว หลุดจากเก๊ก
“นี่หล่อน สงสัยอะไรนักหนา นึกว่าฉันสังเคราะห์แสงได้หรือยังไง”
ทองดีโพล่งขึ้น
“นึกแล้วว่าต้องเป็นกะเทย เดี๋ยวนี้ฉันดูออกแล้วนะ เอ๊ะ...แล้วกะเทยเข้าได้เหรอที่นี่”
“กรี๊ด...ทำไมยะ เขากั้นสายสิญจน์ไว้หรือไง โอ๊ย...ผู้หญิงบาร์นี้ทำไมปากเก่งกว่ากะเทยอีก”
ทองดีขำ
“พี่นี่น่ารักดีนะ”
บุญเทียมยิ้ม
“ย่ะ”
“แล้วนี่พี่มีธุระอะไรกับฉันเหรอ”
“นอกจากเป็นนักร้องแล้ว อยากทำงานพิเศษอย่างอื่นอีกไหม”
“โห...ชมไม่ทันขาดคำ ฉันไม่ขายตัวเว้ย”
ทองดีเดินหนี บุญเทียมรีบตาม
“ว้าย ไม่ใช่ๆ จะให้ไปเป็นนางแบบถ่ายหนังสือ สนใจไหม”
ทองดีได้ยินก็ตาโตทันที
“นางแบบ...”
ทองดีหันมา ยิ้มดีใจสุดๆ บุญเทียมยิ้มเชิดๆ

วันใหม่...มนตราพาทองดีมาที่บ้าน เธอเอานามบัตรของ บุญเทียมให้เขาดู
“บีบี...ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“กะเทย”
“แล้วไปเจอที่ไหน เจอได้ยังไง”
“เจอที่ผับ เมื่อคืนนี้”
มนตราแปลกใจ
“เจอที่ผับ กะเทยเข้าผับแบบนั้นด้วยเหรอ ปกติดีหรือเปล่าเนี่ย”
“เขามาคุยธุระกับลูกค้า พอเห็นฉันร้องเพลง เขาก็สนใจ” ทองดียิ้มปลื้ม “อยากให้ฉันไป
เป็นนางแบบ”
“แล้วไปเชื่อเขาได้ยังไง เดี๋ยวนี้พวกสิบแปดมงกุฎเยอะแยะจนเกือบจะยั้วเยี้ยแล้ว”
ทองดีชักสีหน้า
“ก็เขาบอกว่าปั้นดาราดังๆมาตั้งหลายคนแล้ว ก็น่าจะเชื่อถือได้ แล้วอีกอย่างนี่เป็นความฝันของฉันเลยนะ ฉันไม่อยากปล่อยโอกาสให้ลอยไป”
“แต่ผมไม่อยากให้ทองไปเสี่ยงเลย”
ทองดีรำคาญ
“แล้วจะให้ฉันดักดานเป็นโคโยตี้กับนักร้องในผับแค่เนี้ยนะ ไม่เอาหรอก”
ทองดี ดึงนามบัตรบุญเทียมมา แล้วลุกออกไป มนตราตกใจ
“ทอง จะไปไหน”
มนตราลุกตามไป...ทองประกายฟึดฟัดออกมา มนตรารีบตามมาดึงไว้
“ทอง จะไปไหน ยังไม่ได้ซ้อมร้องเพลงเลย”
“จะกลับ ไม่ซ้งไม่ซ้อมแล้ววันเนี้ย เซ็ง”
“โกรธที่ผมไม่อยากให้ทองไปถ่ายแบบเหรอ”
“ใช่...อุตส่าห์มาปรึกษาก็แย้งโน่นแย้งนี่ตลอด รู้งี้ไม่บอกซะก็ดีหรอก”
“ทองไม่เข้าใจผมบ้างเลย”
ทองดีงง
“ฉันจะต้องเข้าใจคุณเรื่องอะไร คุณสิต้องเข้าใจฉัน ฉันมาปรึกษาคุณ ก็ต้องการการสนับสนุน แต่นี่กลับมาขัดขากันซะงั้น คิดจะดับอนาคตฉัน ให้อยู่แต่ในวงคุณใช่ไหม”
มนตราเศร้าสลดลง
“ผมแค่เป็นห่วง กลัวทองจะโดนหลอก ทำไมคุณมองไม่เห็นความหวังดีของผมบ้างเลย”
ทองดีอึ้ง อ่อนลง
“ให้ฉันได้ลองเถอะ ฉันอดทนรอโอกาสนี้มานานแล้ว”
“แล้วหนังสือที่จะไปถ่ายเป็นแบบไหนล่ะ” มนตราจำต้องอ่อนลง

มนตราพา ทองดีไปที่ร้านหนังสือ เธอหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาส่งให้กับมนตราดู
“หนังสือแบบนี้ไง”
มนตรามอง รูปนางแบบในชุดวาบหวิวบนปกหนังสือสำหรับผู้ชาย ก็อารมณ์เสีย
“หนังสือแบบเนี้ยนะ ไม่ๆ” มนตราวางหนังสือคืนแผง “แบบนี้ผมไม่ให้ถ่าย”
ทองดีงงๆ
“ทำไมล่ะ ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย”
“ถ่ายโป๊ๆแบบนี้น่ะเหรอไม่เสียหาย อยากให้คนอื่นเขามาดูนักเหรอ”
ทองดียังดื้อ
“ฉันจะถ่าย”
มนตราชักโมโห
“ถ้าถ่ายก็ออกจากวงไปเลย หนังสือแบบนี้แหละที่คนเขาจะมองว่าทองขายตัว”
ทองดีอึ้ง
“ขายตัวเหรอ…”
“คิดเอาเองก็แล้วกัน คิดให้ดีๆด้วย”
มนตราเดินหน้าบึ้งออกไปเลย ทองดีสับสน ลังเล มนตราเดินดุ่มๆมาด้วยความโกรธ ทองดีวิ่งตามมา
“คุณมนตรา หยุดก่อน”
ทองดีจับแขนแต่เขายังไม่ยอมหยุดเดิน
“ก็ได้ๆ ฉันไม่ถ่ายก็ได้”
มนตราหยุดเดิน หันมามองอย่างดีใจ
“จริงเหรอ”
เสียงมือถือทองดีดังขึ้นก่อนที่เธอจะตอบ เธอหันไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล...” ทองดีมองมนตราอย่างเกรงๆ “พี่บีบีเหรอคะ”
บุญเทียมเริงร่าเดินออกมาจากออฟฟิศหนังสือที่จะให้ทองมาถ่ายแบบ
“นี่หนู พี่เอารูปหนูให้บก.หนังสือที่จะถ่ายแบบดูแล้วนะ เขาชอบกันมากอยากนัดดูตัวจริงพรุ่งนี้จ้า”
ทองดีดีใจมาก
“...ทอง...จริงเหรอคะ”
เสียงบุญเทียมกรี๊ดจนเธอตกใจ ดึงโทรศัพท์ออกจากหู
“มาเลย...มาคุยกันเดี๋ยวนี้เลย”
ทองดีอึกอัก มนตรามองหน้า
“เขาว่ายังไง”
ทองดีไม่กล้าตอบ

มนตรานั่งจ้องหน้าบุญเทียมอย่างไม่ไว้ใจ บุญเทียมเคืองๆ หันไปหาทองดี
“เอาแฟนมาด้วยทำไม”
“ไม่ใช่แฟนค่ะ เป็นหัวหน้าวงดนตรีหนูเอง หนูกำลังจะฝึกเป็นนักร้อง”
บุญเทียมมองมนตรา
“หืม...เดี๋ยวก็มาสอนให้ตัดสินใจอะไรผิดๆหรอก”
“ทองไปทำงานกับคุณน่ะสิ ถึงจะเรียกว่าตัดสินใจผิด” มนตราย้อน
“ผิดยังไงคุณ ฉันน่ะแมวมองตาเพชรนะยะ โอ๊ย...เบื่อจริงๆพวกหล่อเสียเปล่าเนี่ย” บุญเทียมหันไปโน้มน้าวทองดี “หนูทอง หนังสือเล่มนี้เขาติดอันดับขายดีมาเป็นสิบปีแล้วนะ โอกาสสำหรับเด็กหน้าใหม่มาขึ้นปกน่ะ มันยากนะจ๊ะ”
ทองดีมองมนตราอย่างเกรงๆ
“เอ่อ...แต่หนูไม่อยากให้ใครมองว่าขายตัว”
“ว้าย...ขายตัวอะไรกันจ๊ะ” บุญเทียมหันมาค้อนมนตรา “เธอสอนให้คิดแบบนี้ล่ะสิ นี่มันงานอาร์ต งานศิลปะ เขาเน้นสวยงาม ไม่ได้เน้นปลุกใจเสือป่าซะหน่อย”
“แล้วทำไม่หาหนังสือดีๆ ที่ไม่ต้องใส่ชุดโป๊ๆมาให้ถ่าย”
“แหม...ทองประกายเขาเป็นนักร้อง เป็นโคโยตี้ จะให้ถ่ายแบบชุดไทยหรือไงยะ”
“งั้นก็ไปหาคนอื่นมาถ่ายเถอะ” มนตราฉุดมือทองดี “ไปทอง กลับ”
มนตราดึงไปแต่ ทองดีพยายามรั้งไว้
“เดี๋ยวสิ ยังคุยไม่เสร็จเลย”
บุญเทียมยืนขึ้น พูดอย่างเด็ดขาด
“ถ้าหนูถ่าย พี่จะดันให้ดัง”
ทองดีตาวาว
“จริงเหรอ”
ทองดีสะบัดมือจากมนตรา ไปหาบุญเทียม มนตราอึ้ง
“ทอง!”
ทองดีมองบุญเทียม
“พี่รับประกันนะ”
มนตราไม่พอใจ
“ดูก็รู้ว่าเป็นกะเทยหลอกลวง”
บุญเทียมโกรธ
“ว้าย นี่มันจะมากไปแล้วนะ พอกันที ไม่คุยแล้วโว้ย” บุญเทียมหันไปบอกทองดีเสียงเข้ม “ถ้าจะถ่ายก็โทรมาบอกเย็นนี้แล้วกัน ถ้าไม่ถ่ายก็เรื่องของเธอ” บุญเทียมคว้ากระเป๋า เดินออกไป พร้อมกับบ่น “ทำไมฉันต้องมาเจอแบบนี้นะ มันใช่ไหมเนี่ย...”
ทองดีมองค้อนมนตรา

มนตราขับรถด้วยอารมณ์หงุดหงิดโมโห ทองดีหน้าหงิกพอกัน
“เป็นไรมากป่ะเนี่ย ตกลงจะเป็นหัวหน้าวงหรือจะเป็นพ่อ ยุ่งไปหมดเลย”
มนตราโกรธ แต่ไม่พูดอะไร เร่งความเร็วจนทองดีตกใจ
“นี่ หยุดนะ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง...ถ้าไม่ขับดีๆ ก็จอด”
มนตราจอดรถเอี๊ยด ทองดีรีบลงจากรถด้วยความโมโห มนตรารีบตามลงไป จับมือเธอไว้
“ทองประกาย”
ทองดีสะบัด
“ปล่อย ไม่ต้องมายุ่ง”
“ทองจะโกรธผมไปจนตายก็โกรธไป ยังไงผมก็ไม่อยากให้ทองไปถ่ายแบบ”
“ทำไม”
มนตราหลุดปาก
“ก็หวงอ่ะ”
ทองดีอึ้ง มนตราสงบลง แล้วจ้องตา
“ผม...ชอบคุณ”
ทองดียิ่งอึ้ง มนตรามองด้วยสายตานุ่มนวล
“ผมชอบคุณนะ” มนตราเห็นทองดียังนิ่งก็พูดอีก “ผมชอบคุณ ๆ ๆ”
ทองดีใจเต้นพูดเสียงแผ่ว
“ได้ยินแล้ว”
มนตรายิ้ม
“แล้วคุณล่ะ รู้สึกเหมือนผมไหม”
ทองดีไม่แน่ใจ
“ฉัน...ไม่รู้สิ”
“ไม่เป็นไร คุณยังไม่ต้องตอบผมตอนนี้ก็ได้ แต่สิ่งที่ผมอยากให้ตอบ ก็คือคุณจะไม่ไปถ่ายแบบนั่น”
ทองดี ก้มหน้าหลบตา ตัดสินใจว่ายังไงก็จะไปถ่าย

ค่ำคืนนั้น ทองดีนั่งดูนามบัตรบุญเทียมอยู่บนเตียง คิดไม่ตก
“เอาไงดีวะ จะหาทางโกหกตาบ้า มนตรายังไงดี”
วิไลที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกถือถุงขนมเข้ามา
“อ้าว...เลิกซ้อมร้องเพลงแล้วเหรอ กินหนมป่ะ”
วิไลยื่นถุงขนมให้
“ไม่อ่ะ กลุ้ม”
“กลุ้มเรื่องอะไร”
“ก็พี่บีบีเขาจะให้ฉันไปถ่ายแบบ แต่คุณมนตราไม่ให้ บอกว่าโป๊ เถียงกันแทบตายแล้วอยู่ๆก็ดันบอกว่าชอบฉัน”
วิไลดีใจมาก
“กรี๊ด ฉันดีใจด้วยนะแก”
ทองดีตกใจ
“เฮ้ย...กรี๊ดทำไม ดีใจอะไร ฉันจะอดถ่ายแบบอยู่แล้วเนี่ย คุณมนตราดันไปด่าพี่บีบีเขาด้วย”
“ดีใจที่มีผู้ชายมาหลงรักแกต่างหาก แล้วแกรับรักเขาเลยป่ะ”
ทองดีเบะปาก ส่ายหน้า จะล้มตัวลงนอน แต่วิไลดึงขึ้นมาก่อน
“อ้าว...ทำไมล่ะ ทั้งหล่อทั้งดี ยังจะเลือกอีกเหรอ”
“มันก็ดีแค่ตอนแรกทั้งนั้นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้ต่างจากผู้ชายคนอื่นหรอก”
“แน่ใจ คิดให้ดีๆสิว่าคุณมนตราน่ะเหรอไม่ต่าง ทั้งไม่เคยแต๊ะอั๋ง ไม่เคยดูถูกแกแถมยังให้คำปรึกษา ช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ใช่พวกที่คิดจะมาเอาแต่ตัว แต่พอเรามีปัญหามันบอกไม่ยุ่ง แบบนี้ต่างไหม”
ทองดีเริ่มคิดตาม
“อือ...แต่ฉันก็ยังอยากไม่ปักใจ เพราะฉันไม่คิดว่าจะเอาชีวิตไปฝากใครได้จริง ตอนนี้น่ะ คิดแค่ทำยังไงที่จะไปถ่ายแบบ แล้วเขาไม่รู้”
ทองดีครุ่นคิด ยังไม่เชื่อใจผู้ชายนัก

ค่ำนั้น...วงของมนตรากำลังเล่น ซึ่งเป็นเพลงรักๆ ทองดียืนฟังอยู่เหลือบมองเขาที่เล่นเปียโน เห็นเขามองมาอยู่แล้วเธอก็เขินๆ แต่ก็ทำเป็นเฉย สักเดี๋ยวก็เหลือบมองอีก ก็เห็นเขามองอยู่ก่อน แล้วก็ยิ้มให้ ทองดีรู้สึกประดักประเดิด จนเพลงจบ แขกปรบมือให้มนตรา
ทองดีกำลังหาโทรศัพท์ มนตรายื่นแก้วน้ำมาให้ เธอไม่รับ
“โทรศัพท์ฉันหาย”
“อ้าว...หายที่ไหน ยังไงล่ะ”
“ก็ฉันเอาไว้ในกระเป๋า อย่างอี่นก็อยู่ครบ”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ”
“นั่นสิ ฉันกลุ้มใจมากเลยอ่ะ จะโทรติดต่อพี่บีบียังไงล่ะเนี่ย”
มนตราหน้านิ่ง
“ติดต่อเรื่องจะไปถ่ายแบบเหรอ”
ทองดีอึกอัก
“ก็ใช่น่ะสิ โอ๊ยจะทำยังไงดีเนี่ย”
ทองดียังมองหาอยู่ มนตราเจ็บปวดใจ
“ตกลงคุณเลือกที่จะเป็นนางแบบวาบหวิวใช่มั๊ย”
ทองดีมองหน้าเขาที่ดูผิดหวังในตัวเธอ
“ฉันฝันมาทั้งชีวิต ที่จะเป็นนางแบบ เป็นดารา เป็นนักร้อง แต่ฉันจะต้องมาหยุดฝันเพราะคุณไม่ชอบเหรอ คุณเป็นอะไรกับฉันล่ะ คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉันเหรอ”
มนตราเริ่มโกรธและงอน
“คุณรู้แล้วว่าผมเป็นห่วง”
ทองดีอ้ำอึ้ง มนตราถามย้ำ
“ชอบผมมั๊ย”
ทองดีอมยิ้ม เขิน
“ไม่รู้...”
“ยังไงก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ไปกับผม”
ทองดีแปลกใจ
“ไปไหนล่ะ”
“ก็ไปซื้อโทรศัพท์ไง เดี๋ยวผมซื้อให้”
ทองดีมองหน้า
“เนี่ยนะจะให้ฉันชอบคุณ...นิสัยพวกคนรวย”
“อะไรอีกล่ะ”
ทองดีโมโหสุดๆ
“ฉันอยากได้เครื่องเก่าไม่ได้อยากได้เครื่องใหม่”
“ตามใจ งั้นก็หาไปคนเดียวแล้วกัน ดื้อนัก”
มนตราเดินออกไป
“ใจดำ โอ๊ย...ทำไงดี...ทำไงดี พี่บีบีต้องคิดว่าฉันไม่สนใจจะโทรหาแน่ๆเลย”
ทองดีค้นหาต่อไปอย่างกังวล

เช้าวันใหม่ มนตรากับ ทองดีเข้ามาคุยกับนรินทร์ในห้องทำงาน นรินทร์ร้องเสียงหลง
“ขอให้มีวันหยุด ! ตายๆๆ อย่างนี้ผมก็เจ๊งน่ะสิ คนนั้นออก คนที่เหลือขอวันหยุด”
“ไม่ถึงกับเจ๊งหรอกครับ แค่หยุดงานอาทิตย์ละวัน คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะติดต่อวงดังเพื่อนผมมาแทน ตกลงไหมครับ”
นรินทร์ตาโต
“วงดังเหรอ เออดีๆ ได้วงดังมาอย่างนี้กำไรอื้อแน่ๆ ได้ งั้นคุณกับวงลาได้ แต่ทองประกายต้องอยู่”
มนตราส่ายหน้า
“ไม่...ทองประกายต้องไปกับผม”
“ก็ทองเขาก็ไม่ใช่คนของวงคุณเต็มตัวนี่ มันเรื่องอะไรที่จะต้องให้เขาลาด้วย”
ทองดีอยากแกล้งมนตรา
“ฉันก็เห็นด้วยกับคุณนรินทร์นะ”
“ไม่ได้ครับ ต้องหยุดเหมือนกันหมด”
นรินทร์ชักโมโห
“เฮ้ย...คุณนี่ ได้คืบจะเอาศอก ผมไม่ยอมหรอก เงินเข้าเป็นกอบเป็นกำกันเห็นๆ ผมให้ทองหยุดงานไม่ได้หรอก”
มนตราแรงกลับ
“แต่คุณต้องให้เขาหยุด ไม่งั้นผมกับวงจะไม่เล่นให้ที่นี่อีก”
ทองดีกับนรินทร์เหวอไปเลย

ทองดีนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่กับมนตรา
“คุณนี่ เอาแต่ใจ ขู่คุณนรินทร์ซะหงอเลย ต่อไปเขาต้องมาเขม่นฉันน่าดู”
“ถ้าเขาทำงั้น คุณก็มาบอกผม เดี๋ยวผมจัดการให้”
“ใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบ”
มนตราหัวเราะ แล้วทำเป็นแกล้งถาม
“แล้วพรุ่งนี้คุณคิดหรือยังว่าจะทำอะไร”
“ยังเลย”
มนตรายิ้มๆ
“ดี”
“หมายความว่าไง”
“เปล่า” มนตราทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง มองลูกชิ้นในชามของเธอ “ไม่เห็นกินลูกชิ้นเลย ผมจิ๊ก
ละนะ”
เขาคีบขึ้นมากินเลย เธอโวยวายลั่น
“เฮ้ย...คุณ ฉันเก็บไว้กินทีหลังต่างหากเล่า”
ทองดีงอน แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินที่เหลือไป มนตราหัวเราะชอบใจ มองทองดีอย่างหลงใหล
ทองดีรีดเสื้ออยู่ในห้อง ขณะที่วิไลก็นั่งตะไบเล็บ คุยอยู่ใกล้ๆ

“ดีแล้วที่แกได้วันหยุดกับเขามั่ง”
“ดีตรงไหน หยุดไปก็เสียรายได้ เซ็งหนักเลย ฝันจะได้ถ่ายแบบ ต้องมาจบหมดแล้วเพราะโทรศัพท์หาย โอ๊ย...อะไรกันเนี่ย”
“ก็ดีแล้ว หยุดพักให้หายเซ็ง อย่างกนักเลย ไม่ต้องหงุดหงิดแล้วด้วย เดี๋ยวก็หน้าแก่ก่อนวัยหรอก เดี๋ยวพี่บีบีเขาก็คงมาอีก ถ้าเข้าตาเขาจริง”
“พี่วันนี้ไปเดินห้างกับฉันมั๊ย ฉันเบื่อ”
“ไม่ได้หรอก นัดนิคไว้แล้ว”
“แหวะ หมั่นไส้ มาได้ทุกวี่ทุกวัน ไม่บอกให้เขาเหมาจ่ายรายปีเลยล่ะ”
“อย่ามาอิจฉา แกก็นัดคุณมนตรานี่”
“บ้า...ไม่เกี่ยวกันเลย มาหาเรื่องให้ฉันมีวันหยุด ใครอยากจะได้ รู้งี้ทำงานดีกว่า”
“ตอนกลางวันนี้นิคเขาจะพาฉันไปเที่ยวก่อน แกไปด้วยกันสิ”
“ไม่ไปหรอก กลัวเป็นก้างขวางคอ ฉันไปเดินห้างดูหนังคนเดียวก็ได้”
“ตามใจ” วิไลแกล้งแหย่ “แต่อย่าให้รู้นะว่าปากแข็ง นัดใครไว้แล้วบอกไม่ได้นัดอ่ะ”
วิไลเอาเสื้อคลุมหัว แลบลิ้นล้อ ทั้งสองหัวเราะกัน

มนตรากลับมาบ้านด้วยท่าทีมีความสุข เจอละเอียดกวาดบ้านอยู่ก็เข้าไปแกล้งจี๋เอว
“พี่เอียด”
ละเอียดสะดุ้ง
“ว้ายๆๆ”
มนตราหัวเราะ
“พรุ่งนี้ผมจะไม่อยู่บ้านนะ”
“อ้าว...จะไปไหนล่ะคะ”
มนตรากำลังเดินไปหันมาบอก
“จะไปต่างจังหวัด แค่ใกล้ๆนี่แหละ”
“จังหวัดไหน ไปกี่โมง กลับกี่โมง แล้วก็ไปกับใคร ถ้าไม่บอกให้ละเอียด พี่จะช่วยโกหกคุณพ่อคุณแม่คุณมนลำบากนะคะ คราวที่แล้วพี่เอียดโดนซักจนเกือบจนมุม”
“ก็...จะไปแค่ชะอำ ไปเช้า ค้างคืนนึง ไปกับ...”
“ทองประกาย”
มนตราพยักหน้า
“นึกแล้วเชียว เฮ้อ...ค่ะๆ พี่เอียดจะไม่บอกคุณๆหรอกค่ะ”
“ทำไมพี่เอียดถึงเปลี่ยนมาเป็นพวกเดียวกับผมล่ะครับ”
“พี่อยากเห็นคุณมนมีความสุข”
ละเอียดรู้ว่ามนตรารักผู้หญิงคนนี้มาก และรู้นิสัยเขาดี ถ้าขวางมากก็ประชดเลย อย่างตอนเรียนก็เหมือนกัน ที่บ้านส่งไปเรียนธุรกิจ แต่เขาแอบเปลี่ยนประเทศไปเรียนดนตรีเฉยเลย
“ขอบคุณนะครับพี่เอียด”
ละเอียดถอนใจเบาๆก่อนจะเอ่ยเตือน
“คุณมน จะรักใครก็ดูดีๆนะคะ เอียดเป็นห่วง”
มนตราพยักหน้ารับ
“ครับ”
มนตราเดินเข้าห้องไปอย่างอารมณ์ดี ละเอียดมองตามอย่างเป็นห่วง...มนตราวางโทรศัพท์ของทองดีไว้บนโต๊ะ มองอยู่นานแล้วยิ้ม ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เดินเข้าห้องน้ำไป

ค่ำนั้น...ทองดีเต้นลิปซิ้งค์อย่างเต็มที่ เธอกับเขาแอบมองกันบ่อยๆ ยิ้มให้กันทุกครั้ง ที่หันไปเจอ มนตรายิ้ม ทองดีอายๆ งอนๆ วิไลที่นั่งอยู่ตรงโซฟารอแขกเรียก มองมา ชี้ทองดีอย่างล้อๆ ทองดียิ้มแล้วค้อน วิไลหัวเราะ
ทองดีร้องเพลงเสร็จมานั่งดื่มน้ำที่บาร์ วิไลรี่เข้ามาหา
“นั่นแน่ เห็นนะ”
ทองดีอมยิ้ม หันหน้าหนี
“เห็นอะไร”
วิไลหมุนเก้าอี้ทองดีหันมา
“อย่ามาทำไก๋ ใจอ่อนกับเขาแล้วใช่มะ”
มนตราได้ยินก็เข้ามานั่งข้างหลังทองดี วิไลเห็น ก็ยิ้มๆ แล้วทำเป็นแกล้งถามต่อ
“ว่าไง ใจอ่อนหรือยัง”
“ก็แค่รู้สึกดีๆ”
วิไล ยักคิ้วยิ้มให้มนตรา
“แค่นั้นจริงอ่ะ เห็นยิ้มให้กันบนเวที แหม หวานเว่อร์”
“ถ้ามากกว่านั้น ฉันก็กลัวเจอเหมือนที่ผ่านๆมา”
“แล้วเธอคิดว่าเขาดีกว่าไอ้คนที่ผ่านมาหรือเปล่าล่ะ”
“ก็เพราะดีกว่าทุกคนนั่นแหละ ถึงได้ยิ่งต้องห้ามใจ กลัวออกลายตอนที่ทุ่มให้หมดใจ”
“พูดงี้ แปลว่าชอบเขาชัวร์ ใช่ป่ะ”
ทองดีเขิน
“ไม่รู้ ขี้เกียจบอกแล้ว เปลี่ยนเรื่องๆ”
“ขี้เกียจบอกฉัน ก็บอกเขาสิ”
วิไลหมุนเก้าอี้ทองดีให้หันไปเจอมนตรา เธอตกใจเมื่อเห็นเขานั่งอยู่
“เฮ้ย...มานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่”
มนตรายิ้ม
“ก็ตั้งแต่คุณวิไลถามคุณว่าใจอ่อนกับผมหรือยัง”
“โห ก็ได้ยินตั้งแต่แรกเลยสิ” ทองดีหันไปหยิกวิไล “มาทำเป็นหลอกถามฉันนะ”
“โอ๊ย เจ็บนะ เขินแล้วมาทำเป็นหยิกเพื่อน ไปเต้นดีกว่า”
“รีบๆไปเลย ไป”
ทองดีดันหลังเพื่อนไป วิไลหัวเราะคิกคัก ทองดีอมยิ้มเขิน มนตรายิ้มชอบใจ
“แล้วตกลงใจอ่อนกับผมหรือยัง”
ทองดีเขิน เลี่ยงไป
“ฉันไปเตรียมขึ้นเวทีก่อนนะ”
ทองดีเดินหนีไปเลย มนตรามองตาม ยิ้มตาเป็นประกาย

เมื่อผับเลิก นิคโอบวิไลออกมา ทองดีเดินตามหลังมา วิไลหันมาบอก
“ทอง...คืนนี้ฉันไม่กลับนะ”
“ไม่บอกก็รู้ย่ะ”
ทองดียิ้มให้ นิคยิ้มตอบ วิไลโบกมือบ๊ายบายแล้วพากันไปขึ้นรถ ทันใดนั้นเสียงมนตราดังขึ้น
“ให้ผมไปส่งนะ”
ทองดีหันมาเจอเขาที่ยืนยิ้มเท่อยู่ข้างหลัง เธอเขินอาย
“ที่พักพนักงานอยู่ใกล้แค่นี้ ฉันกลับเองได้”
“ดึกๆ ที่ไหนก็อันตราย ให้ผมเดินไปเป็นเพื่อนนะ”
ทองดีอมยิ้ม
“ตามใจ”
ทองดีเดินลิ่วไป มนตรารีบเดินตามมาถึงหน้าตึก
“ไปได้แล้ว”
“อะไรกัน ผมมาส่งนี่ จะขอบใจสักคำก็ไม่มี”
“ฉันไม่ได้บอกให้มาส่งนี่ คุณอยากมาเองต่างหาก ไปได้แล้ว ฉันจะขึ้นห้องแล้ว”
“ครับๆ” มนตรายิ้มเจ้าเล่ห์ “พรุ่งนี้เจอกัน”
ทองดีงง
“พรุ่งนี้เราหยุดงานกันนี่ จะเจอกันได้ไง”
มนตรายิ้มๆ
“งั้น ผมไปนะครับ...บาย”
มนตราโบกมือให้ก่อนจะหันหลังเดินไป ทองดีมองตาม แล้วเรียก
“คุณมนตรา”
มนตราหันมา
“ขอบคุณนะที่เดินมาส่ง”
มนตรายิ้มดีใจ แล้วหันหลังเดินไปอย่างมีความสุข ทองดียิ้ม แล้วเดินขึ้นตึกไป

6 โมงเช้า...ทองดียังนอนหลับอยู่ทันใดนั้น เสียงมือถือดังขึ้น ทองดีต้องสะดุ้งตื่น งัวเงียรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล ใครอ่ะ”
เสียงมนตราดังมาจากปลายสาย
“ผมเอง”
ทองดีตกใจ เด้งขึ้นมานั่งโดยอัตโนมัติ
“โทรมาทำไมเนี่ย” เธอหันไปมองนาฬิกา “โห เพิ่งจะหกโมงเช้าเองนะ อยากโดนด่าหรือไง แค่นี้นะ”
ทองดีจะกดวาง มนตรารีบร้องห้าม
“เดี๋ยว...อย่าเพิ่งวาง ลงมาหาผมหน่อยนะ ผมรออยู่ข้างล่างแล้ว”
ทองดีตกใจ
“เฮ้ย มาทำไม จะให้ไปตักบาตรหรือไง”
“ทำไมรู้ล่ะ ใจตรงกันเลย”
“ไม่อยากลง จะนอน”
“ต้องลง เร็วๆด้วย ไม่งั้นบุกถึงห้อง”
“นี่ ฉันชักโมโหแล้วนะ คนอะไรชอบบังคับจังเลย”
“คนอะไร บอกบุญไม่รับ เดี๋ยวชาติหน้าไม่สวยเหมือนชาตินี้นะ”
ทองดีถือโทรศัพท์ รีบลุกขึ้น
“ยุ่งชะมัดเลยคุณนี่” ทองดีเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว เข้าห้องน้ำ “ฉันไม่เห็นจะอยากไปเลย แค่นี้นะ”
ทองดีวางแล้วยิ้มๆ เดินไปเข้าห้องน้ำ

ทองดีแต่งตัวเสร็จแล้ว มานั่งที่กระจก หยิบผ้าคาดผม กิ๊บ และที่คาดผมมาคาดมาติด แล้วก็ถอด เลือกไปเลือกมาก็ฉุกคิดขึ้นมา
“จะสวยเพื่อนายนี่ทำไมวะ” ว่าแล้วก็เสยผมลวกๆ “บ้าหรือเปล่าเนี่ยเรา ยอมตื่นตามเขาทำไมเนี่ย”
ทองดีเดินหาวหวอดๆลงมาที่ลานจอดรถ เห็นมนตรายืนหันหลังพิงรถรออยู่
“คุณ”
มนตราหันมายิ้ม
“ขึ้นรถสิ”
“พาไปใส่บาตรจริงอ่ะ”
มนตราขำ
“ก็จริงน่ะสิ คุณคิดว่าผมจะพาคุณไปทำมิดีมิร้ายตั้งแต่ไก่โห่อย่างนี้น่ะเหรอ”
“จะไปรู้ได้ไง ก็ทำอะไรแปลกๆ อยู่ๆก็มา ใครจะไปอยากไว้ใจ”
“อยู่ๆก็มาที่ไหนกัน เมื่อวานบอกแล้วนี่ว่าเจอกันพรุ่งนี้เช้า ความจำเสื่อมนี่”
“นี่คุณ”
“น่า อย่าเสียเวลาเถียงกันเลย ไปเถอะ”
มนตราเปิดประตูรถให้ ทองดีค้อน แต่ก็ขึ้นรถโดยดี มนตรายิ้มพอใจ ปิดประตูให้ แล้วไปขึ้นรถขับออกไป

มนตราพา ทองดีมาใส่บาตรให้พระสงฆ์รูปนึ่งที่หน้าตลาด เมื่อใส่เสร็จเธอก็ยิ้มให้เขา
“ขอบคุณนะ ฉันไม่ได้ใส่บาตรมานานแล้ว รู้สึกดีจังเลย”
มนตรายิ้มกริ่ม
“ยังมีที่ที่ทำให้รู้สึกดีกว่านี้อีกนะ”
ทองดีแปลกใจ
“อะไร จะไปไหนอีก ไม่เอาแล้ว จะกลับไปนอน”
“โธ่คุณ ได้หยุดทั้งวัน คิดจะนอนอย่างเดียวหรือไง ไปขึ้นรถเร็ว”
“โอ๊ย คุณ ไปคนเดียวเหอะ จะไปไหน ทำอะไรก็ไม่บอก อยู่ๆก็บังคับให้ไปโน่นไปนี่”
“ก็จะพาไปเที่ยว ทีคุณเหงาผมยังอยู่เป็นเพื่อนเลย”
“แต่คุณก็เคยให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนแล้วนี่ หายกันแล้ว”
“แต่ผมช่วยคุณมากกว่า ทั้งเป็นที่ปรึกษา เป็นครู เป็นคนแก้เหงา แล้วก็ยังทำให้คุณได้หยุดงานด้วย”
“ทวงบุญคุณกันนี่”
“จะว่างั้นก็ได้ ไปเร็วเถอะคุณ”
ทองดีค้อน แล้วเดินไป มนตราเดินตามยิ้มๆ

ขณะที่มนตราขับรถไป ระหว่างทาง ทองดีเห็นป้ายบอกทางไปสมุทรสาคร
“จะพาไปไหน ทำไมมันไกลอย่างนี้”
“อดใจรออีกนิด เดี๋ยวได้เห็นของดี”
“ก็ที่ไหนล่ะ เมื่อไหร่จะถึงซะที”
“เลิกถามซะทีน่า เดี๋ยวถึงก็รู้เอง”
ทองดีโมโหนอนหลับเลยเพราะรำคาญ มนตราเห็นเธอนอนหลับก็ยิ้มเอ็นดู

ทองดีหลับอยู่ โดยมีแจ็คเก็ตของเขาคลุมอยู่ เสียงคลื่นดังแว่วมา เธอสลึมสลือตื่นขึ้น มองไปข้างหน้าเห็นมนตรายืนวาดทรายเล่นอยู่ที่หาด ทองดีตื่นตะลึงกับทะเล เดินลงจากรถไปหาเขา
“นอนพอแล้วเหรอ”
“ที่นี่ที่ไหน”
“ชะอำ”
“สวยจัง เกิดมาฉันไม่เคยเห็นทะเลของจริงเลย”
ทองดีมองบรรยากาศรอบๆตัวที่สวยงามมาก มนตราอึ้งไป
“จริงเหรอ คุณไม่เคยเห็นทะเล”
“ฉันไม่เคยได้ไปไหนนอกจากช่วยแม่กับเตี่ยทำงานอยู่ที่ร้าน พอมากรุงเทพฯ ก็อย่างที่คุณเห็น ทำแต่งานมาตลอด”
มนตราสงสาร
“ผมดีใจที่ได้พาคุณมา ผมชอบที่นี่มา เคยมากับครอบครัวบ่อยๆ” มนตราจ้องตา “ผมตั้งใจไว้ว่าถ้าผมมีคนรัก ผมจะพาเขามาชื่นชมบรรยากาศที่นี่เหมือนกัน”
ทองดีอึ้ง หลบตา แอบหวั่นไหวมากขึ้น
“คุณชอบที่นี่ไหม”
“ฉันชอบทะเลที่สุด”
“แล้วผมล่ะ”
ทองดีไม่ตอบได้แต่ยิ้ม
“คุณก็เป็นคนดีนะ”
“ว้า แต่ไม่เป็นไร ผมจะทำให้คุณชอบผมให้ได้”
ทองดีเลี่ยงไป
“แล้วเราจะกลับกี่โมงล่ะเนี่ย”
“ผมว่าจะค้างสักคืนนึง”
ทองดีตกใจ
“หา...จะค้างได้ไง ไม่ได้เอาเสื้อผ้าอะไรมาสักอย่าง”
มนตรายิ้มๆ

มนตราพาทองดีมาที่หน้ารีสอร์ทหรู เธอเห็นก็ชอบมาก มีความสุขมาก
“โห...สวยอย่างกับสวรรค์แน่ะ”
มนตรายิ้มดีใจ
“เข้าไปข้างในกันเถอะ”
มนตราเดินนำเข้าไป...มนตราเซ็นชื่ออยู่ที่เคาน์เตอร์ ทองดีมองไปรอบๆอย่างตื่นตา พนักงานบอกราคากับมนตรา
“สองห้อง หนึ่งหมื่นหกพันบาทค่ะ”
ทองดีหันขวับ ตาลุก ถามทันที
“หา...หมื่นหกเลยเหรอ ห้องละเท่าไหร่เนี่ย”
มนตรายิ้มเจื่อนๆกับพนักงาน
“ห้องละแปดพันค่ะ”
ทองดีหันไปบ่นกับมนตรา
“ห้องบ้าอะไรตั้งเกือบหมื่นแน่ะ สองห้องก็เกือบสองหมื่นเลยเหรอแพงเว่อร์ไปมั้งคุณ”
“ไม่เป็นไร ผมจ่ายได้”
ทองดีคิดนิดนึง
“เอาห้องเดียวก็พอ นอนด้วยกันก็ได้”
มนตราอมยิ้มดีใจ

มนตราพาทองดีเข้ามาในห้อง เธอก็ต้องตะลึงที่เห็นเสื้อผ้าหลายชุดแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่เปิดอยู่ จึงเข้าไปดู
“โอ้โห เสื้อผ้าใครเนี่ย สวยๆทั้งนั้นเลย คุณ เราเข้าผิดห้องหรือเปล่า ห้องนี้เขามีคนอยู่แล้วนี่”
มนตรายิ้ม
“ไม่ผิดหรอก ห้องเรานี่แหละ จริงๆผมเตรียมห้องนี้ให้คุณ แต่พอคุณบอกจะอยู่ห้องเดียวกัน ผมก็เลยคืนห้องของผมไป”
“แล้วตอนแรกทำไมถึงจองสองห้องล่ะ”
“ผมไม่อยากให้คุณเห็นผมเป็นคนฉวยโอกาส ถึงผมจะอยากอยู่ใกล้ๆกับคุณแค่สองคนก็เถอะ”
ทองดียิ้มๆ แกล้งต่อว่า
“ที่แท้ก็แอบคิดไม่ดีเหมือนกัน”
“โธ่คุณ ผมก็ห้ามใจสุดๆแล้วนะ…คืนนี้ยังไม่รู้จะเป็นยังไงเลย”
ทองดีทุบอกเขา
“บ้า เห็นไหม ผู้ชายก็อย่างนี้”
เธอเดินหนีไปทางระเบียง มองไปที่ทะเล เขามองเธอขำๆ แล้วเดินตามไป
“ไปเล่นน้ำทะเลกันไหม”
ทองดียิ้ม พยักหน้า

ทั้งสองคนเล่นน้ำทะเล เล่นเรือใบและไปเที่ยวตามที่ต่างๆอย่างสนุกสนาน มนตราไม่มีทีท่าแม้แต่จะจับมือหรือเอาเปรียบเธอ จากนั้นทั้งสองก็มาที่ร้านอาหาร มนตราแกะกุ้งให้ ทองดีพยายามแกะปู เขาสอนให้แกะตรงกระดองก่อน แล้วจิ้มน้ำจิ้มป้อน ทองดีคุยโน่นนี่นั่นอย่างมีความสุขทั้งสองกินเสร็จแล้วดื่มน้ำ
“อิ่มจนแน่นเลย”
“คุณนี่กินเก่งเหมือนกันนะ ถ้าอ้วนนะ...”
“ทำไม อ้วนแล้วทำไม”
“ก็ยังน่ารักอยู่น่ะสิ คุณจะผอมหรือจะอ้วน คุณก็ยังเป็นคุณ ที่ผมมองว่าน่ารักเสมอ”
“คุณก็พูดเก่งขึ้นเยอะเหมือนกัน ตั้งแต่ไปเที่ยวจนกินข้าว คุณพูดไม่หยุดเลย”
“คงเป็นเพราะมีความสุขที่มีคุณอยู่ใกล้ๆมั้ง”
มนตราสบตา ทองดียิ้มเขิน

ค่ำนั้นพระจันทร์ลอยเด่นบนท้องฟ้า ทองดีนั่งเล่นอยู่ที่ชายหาด แล้วมนตราก็มานั่งข้างๆ
“ไม่กล้าเข้าห้องหรือไงคุณ ถึงได้มานั่งอยู่นี่”
ทองดีค้อนนิดๆ
“นี่ ฉันขอถามตรงๆนะ คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา”
มนตราครุ่นคิด
“ผมขอจับมือคุณได้ไหม”
ทองดีอึ้ง ไม่ตอบ
“แค่จับมือ”
ทองดีพยักหน้า มนตราจับมือเธออย่างแผ่วเบามากุมไว้
“ผมรู้ว่าคุณคงเจออะไรที่ไม่ดีมาเยอะ คนอื่นอาจจะอยากได้แค่ตัวคุณ แต่ผมไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องระหว่างผมกับคุณ มันเป็นเรื่องของใจ ถ้าคุณไม่รักผม ผมก็จะไม่บังคับ แค่ได้รักคุณฝ่ายเดียว ผมก็มีความสุขแล้ว”
ทองดีมองเข่อย่างซาบซึ้งใจ
“แต่ถ้าผมโชคดี คุณยอมรับรัก แล้วในอนาคตคุณอยากให้เราแต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราว ผมก็โอเคนะ”
ทองดีตะลึง
“คุณพูดจริงเหรอ”
“ด้วยความเต็มใจ และจากใจ”
ทองดีแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ รีบเช็ดน้ำตา แล้ววิ่งหนีไป มนตราตกใจ
“ทองประกาย...”
มนตรารีบตามไป
ทองดีวิ่งสุดแรงมาตามริมหาด เหมือนจะปลดปล่อยความอัดอั้นในใจ จนสะดุดล้มลง มนตราวิ่งตามมาหยุดตรงหน้า
“ทองประกาย คุณโกรธผมเหรอ ผมพูดอะไรไม่ดีเหรอ”
ทองดีส่ายหน้า
“เปล่า”
มนตราทรุดลงนั่ง
“แล้วคุณวิ่งหนีผมมาทำไม”
“ฉันไม่ได้วิ่งหนีคุณ แต่ฉันวิ่งหนีความรู้สึกตัวเอง”
“ทำไมต้องหนี คุณรักผมใช่ไหม”
ทองดีร้องไห้โฮ ส่ายหน้า
“ไม่...ฉันไม่อยากรักใคร เวลาที่เสียใจ มันเจ็บมาก กว่าจะฮึดสู้ ให้มันผ่านพ้นไป มันต้องใช้พลังอย่าง มหาศาลเลยนะคุณ ฉันไม่อยากเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว”
“ผมรู้ แต่ถ้าคุณกลัว คุณก็จะไม่เจอกับความสุข ความรักมันไม่น่ากลัวเสมอไปนะ ให้โอกาสผม แล้วก็ให้โอกาสตัวเองบ้างนะครับ”
ทองดีสะอื้น

สองหนุ่มสาวนั่งกันคนละเตียงอยู่ในห้องพัก ทองดีหันไปถาม
“คุณจะทิ้งฉันไปเหมือนจูนกับวิไลหรือเปล่า”
“ถ้าคุณอยากให้ผมดูแลทั้งชีวิต ผมก็จะอยู่ด้วยทั้งชีวิต”
ทองดียิ้ม มนตรามองหน้า
“ตกลงว่าไงล่ะ”
ทองดีพยักหน้ารับ มนตราดีใจ แต่ก็ยังอยากให้เธอยืนยัน
“พยักหน้านี่อะไร พูดด้วยสิ ผมอยากฟัง”
“ฉันก็อยากให้คุณอยู่กับฉัน...ตลอดไป”
“ทองประกาย...ผมรักคุณ...”
มนตราเข้าไปจูบอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ทั้งคู่จะกอดกันล้มตัวลงบนเตียง






Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 9:20:16 น.
Counter : 339 Pageviews.

0 comment
ทองประกายแสด ตอนที่ 8



ทองดีเดินสำรวจข้าวของรอบๆห้อง ไปหยุดที่ประกาศนียบัตรของมนตรา เธอหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ มนตราเดินเข้าห้องมา ทองดีหันไปถาม

“นี่คุณ...ไอ้นี่มันอะไรน่ะ ฉันอ่านไม่ออกซักตัว”
มนตราเดินไปหยิบประกาศจากมือทองแล้วกลับไปวางไว้ที่
“อ๋อ...ประกาศนีบัตร”
ทองดีหน้าตื่น
“ห๊า...นี่คุณจบเมืองนอกเหรอ คุณเรียนอะไรอ่ะ”
“ฉันจบทำอาหาร”
ทองดีงง
“อะไรนะ”
มนตราหัวเราะ
“ล้อเล่น ฉันก็ต้องจบด้านดนตรีสิ ฉันเรียนดนตรีที่ออสเตรีย ภาษาที่ใช้น่ะเป็นภาษาเยอรมัน”
“โห...เรียนดนตรี ต้องไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาเลยหรือ...แสดงว่าคุณต้องรวยไม่เบาเลยนะเนี่ย แถวบ้านฉัน ถ้าอยากเป็นนักร้อง ก็ไปเข้าวงลูกทุ่งโน่น...ไม่เห็นต้องไปเรียนให้เสียเงินเสียทองเลย แล้วบ้านคุณทำมาหากินอะไรล่ะเนี่ย”
“ทำทัวร์ พาคนไปเที่ยวน่ะ”
“อ้าว...แล้วคุณไม่ทำงานที่บ้านล่ะ”
“ครอบครัวฉันก็อยากให้ไปดูงาน แต่ฉันขอเวลาใช้ชีวิตอย่างที่ฉันอยากทำก่อน 4-5 ปี ค่อยว่ากัน”
“เป็นคนรวยนี่ก็ดีเนอะ อยากทำอะไรก็ทำได้ ไม่เดือดร้อนเรื่องหากิน อิจฉาคุณจังเลย”
มนตราดึงมือทองดีลงนั่งที่เก้าอี้ แล้วหันไปจ้องหน้า จนเธอเริ่มอึดอัด
“ทีนี้ตาเธอบ้าง เล่าเรื่องของเธอให้ฟังหน่อยสิ”
ทองดีชะงักอึดอัดที่จะเล่า
“ครอบครัวหรือ...เออ...ไม่เห็นมีอะไรน่าเล่าเลย”
มนตราจ้องหน้า
“เล่าเถอะ ฉันอยากฟัง”
“ฉันไม่มีอะไรจะเล่า”
ทองดีหลบตา มนตรายิ้มให้
“ไม่เป็นไรหรอก ไว้เธอไว้ใจเมื่อไหร่ ค่อยเล่าให้ฟังก็ได้”
มนตรามองนาฬิกาแล้วลุกขึ้น
“ได้เวลาแล้ว ต้องไปเตรียมตัวทำงาน ไปกันเถอะ...”
ทองดีหน้าเสียไปนิด
“คุณโกรธฉันหรือเปล่า”
มนตรายิ้ม
“จะโกรธทำไม”
“ก็เรื่องที่ฉันไม่เล่าเรื่องตัวเองไง”
“ไม่หรอก เธอสบายใจที่จะทำอะไรก็ทำอย่างนั้นเถอะ”
“คุณนี่ใจดีเหมือนกันเน๊อะ”
มนตรามองหน้าทองดีนิ่ง ค่อยๆเอื้อมมือไปจะจับสายเสื้อที่หล่นลงมาแล้วสะกิดเธอให้เอาสายเสื้อขึ้น แล้วมองจ้องหน้านิ่งๆ ทั้งคู่สบตากัน
“ไป...รีบไปกันเถอะ”
มนตราเลี่ยงเดินออกไป ทองดีมองตามเขาไปอย่างทึ่งๆแล้วยิ้ม
“นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงแต๊ะอั๋งเราแล้ว แต่นายนี่แปลกแฮะไม่ยักทำ” ทองดีนึกได้ “เอ๊ะ...หรือจะเป็นตุ๊ดเหมือนพี่ป๊อบ”
ทองดีแอบขำกิ๊กอยู่คนเดียว

ค่ำนั้น...นิคกำลังนั่งดูโชว์อยู่ วิไลเดินเข้ามา นิครีบลุกขึ้นยืนอย่างให้เกียรติ
“สวัสดีค่ะ พ่อรูปหล่อ ดิฉันวิไล จะดื่มอะไรดีคะ”
“I am nick.”
วิไลทำท่างงๆ พูดไม่รู้เรื่อง รีบโบกไม้โบกมือ
“ฉันฟังไม่รู้เรื่องหรอก เดี๋ยวไปตามคนอื่นมาให้...เวรละสิ พูดไทยรู้เรื่องมั๊ยเนี่ย เอาไงดีวะเนี่ย...”
วิไลมองหาคนช่วย แต่ไม่มีใคร เธอทำท่าจะลุก นิครีบคว้ามือวิไลไว้ก่อน
“ผมชื่อนิค ครับ ผมพูดไทยได้ อย่าเพิ่งไปสิครับ”
วิไลโล่งอก
“ก็ไม่บอกว่าพูดไทยได้...จะดื่มอะไรดีคะ”
“ขอสก๊อตโซดาครับ ผมอยากคุยกับคุณ...คุณวิไล”
วิไลอึ้ง นิคจ้องวิไลอย่างหลงใหล วิไลยื่นเครื่องดื่มส่งให้
“พูดเก่งเหมือนคนไทยเลย อยู่เมืองไทยนานหรือยังคะ พูดชัดเชียว”
“ผมอยู่เมืองไทย7 ปีแล้วครับ ผมชอบอาหารไทย ชอบผู้หญิงไทย”
นิคจ้องจนวิไลชักเขิน ทำอะไรไม่ถูก
“ปากหวานแล้วนะเนี่ย ดูโชว์ก่อนนะคะ วันนี้มีโชว์ ทองประกายดาราของที่นี่ร้องเพลงด้วย”
วิไลหันไปดูบนเวที แต่นิคไม่ดูกลับจ้องวิไลนิ่ง

บนเวที...ทองดีกำลังโชว์เพลงอยู่ทั้งเต้นทั้งร้องจนจบ โดยมีวงดนตรีของมนตราเล่นเป็นแบ็คอัพให้...เมื่อโชว์จบ ทองดีกับจูนเดินกลับเข้ามาหลังเวที ทองดีท่าทางสบายๆ จูนเหนื่อยหอบ
“โอ๊ย...แทบขาดใจ นี่แกทำได้ยังไงวะ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”
“ไม่เท่าไหร่หรอก ตอนนี้ฉันรู้วิธีแล้ว คุณมนตราเขาช่วยสอนให้ การออมแรง การฝึกหายใจช่วยได้เยอะ เลยไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่”
“แสดงว่าได้ยาดีสิแก...” จูนพยักเพยิด มองไปทาง มนตราที่เล่นดนตรีอยู่บนเวที “ทั้งดี ทั้งหล่อ...เป็นฉันก็สู้ตายวะ...”
ทองดีเขิน
“บ้า...ไม่มีอะไรซะหน่อย”
“อย่ามาโกหก...ผิดศีลนะ...เออ...ข้ออะไรหว่า...ชั่งหัวมันเหอะ...ว่าแต่ยังไม่ซั่มกันเหรอ”
“นี่ บอกไม่มีก็ไม่มีสิ พูดไม่เชื่อหรือไง”
“ไม่เชื่อ...เพราะแกหน้าแดงอ่ะ อิอิ”
จูนหัวเราะขำแล้วเดินออกไป ทองดีมองไปที่มนตราแล้วยิ้มเขิน
“ไม่มีทางหรอก คนแบบนั้นเขาไม่สนฉันหรอก”
ทองดีมองมนตราที่กำลังเล่นดนตรีอยู่บนเวทีนิ่ง

ทองดีเดินมาถึงหน้าห้อง เห็นโน้ตของวิไลติดไว้
“วันนี้ไม่กลับนะจ๊ะ”
ทองดียิ้มๆ จะไขห้องแล้วเปลี่ยนใจ เดินไปตรงหน้าห้องพักของจูน ยังไม่ทันเคาะ จูนเดินออกมาจากห้องแต่งตัวสวยเหมือนจะออกไปข้างนอก
“อ้าว...เพิ่งกลับมาหรือ”
“อืม...พี่วิไลไม่อยู่สงสัยแขกออฟไป”
“สงสัยจะเป็นฝรั่งคนที่ซื้อดริ๊งค์วิไลแหงๆ”
“แล้วจูนล่ะแต่งตัวซะสวยเชียว จะไปไหนเนี่ย”
“ฉันก็มีนัดกับหนุ่มๆบ้างสิยะ”
“ไปไหนอ่ะ ฉันไปด้วยสิ”
“ว๊าย...ไม่ด๊าย นานๆจะได้ผู้ชายทีขอเถอะนะ ไว้ชีวิตเพื่อนเถอะนะจ๊ะทองประกายจ๋า ขอเพื่อนอยู่สองต่อสองนี้สนึง”
จูนเดินออกออกไป ทองดีมองตามแล้วถอนหายใจ
“เฮ้อ...แล้วฉันจะอยู่กับใครล่ะเนี่ย ไปกันหมดเลย...ว๊า...”
ทองดีทำท่าเบื่อหน่าย เดินกลับไปหน้าห้องของตัวแล้วนึกถึงมนตราเธอหยิบโทรศัพท์ออกมากดแล้วเปลี่ยนใจ กดปิด
“เดี๋ยวจะเข้าใจผิด นึกว่าเราโทรไปจีบ เชอะ!”
ทองดีส่ายหน้าหยิบกุญแจห้องออกมาไขประตู แล้วเปลี่ยนใจ
“ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา ลองโทรดูดีกว่า”
ทองดีหยิบโทรศัพท์มากดโทรหามนตราอีกครั้ง

มนตรายืนมองโทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกดรับ
“มีอะไรเหรอ...”
“นอนรึยัง ฉันโทรมารบกวนรึเปล่า”
“กวนสิ ไม่หลับไม่นอน เดี๋ยวก็เสียงเสียหรอก”
“ฉันไม่น่าโทรมาให้คุณบ่นเลยนะเนี่ย คิดผิดจริงๆ งั้นแค่นี้นะ”
“นอนไม่หลับล่ะสิ งั้นเดี๋ยวผมไปรับนะ แค่นี้นะ”
มนตรารีบกดโทรศัพท์ปิด เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปรับทองดีทันที...มนตราหมุนกุญแจเดินลงมาข้างล่างอย่างร่าเริง ละเอียดเดินถือแก้วน้ำหาว เดินขึ้นบันไดมาชะงัก
“จะไปทำงานหรือคะ...” ละเอียดนึกได้ “คุณมนเพิ่งกลับเข้าบ้านเมื่อกี้นี่นา”
“ฉันจะไปข้างนอกหน่อย”
มนตราเดินผิวปากร่าเริงออกไป ละเอียดงงๆ
“ไปข้างนอกตอนตีสามเนี่ยนะ เดี๋ยวนี้ชักมีอะไรแปลกๆนะคุณมน”
ละเอียดมองตามมนตราไปอย่างสงสัย

ทองดีเดินเล่น เคียงคู่กับมนตรามาบนสะพาน
“คุณโกรธหรือเปล่า ที่ฉันโทรหาคุณดึกดื่นแบบนี้”
“ไม่โกรธหรอก”
“ทำไมไม่โกรธล่ะ”
“ฉันนอนไม่เป็นเวลาหรอก บางที กลางคืน ก็ทำนี่ทำโน่นไปเรื่อย เธอโทรมาน่ะดีแล้ว”
“ขอบคุณนะ”
“แล้วนึกไงวันนี้ถึงโทรมาล่ะ”
“ฉันเหงา...ไม่รู้จะคุยกับใคร พี่วิไลก็ออกไปกับแขก”
“อ้าว...แล้วเธอล่ะ ไม่มีใครชวนคุณออกไปด้วยหรือ ไม่อยากเชื่อเลย”
“มีเยอะแยะ แต่ฉันไม่ไป” ทองดีพูดอย่างหนักแน่น
มนตรามองหน้าแล้วแอบยิ้ม ทั้งคู่เดินเคียงคู่กันต่อไป

ทองดีกับมนตรานั่งคุยกันอยู่ที่รถ ที่จอดอยู่ในลานจอดรถใต้สะพาน ลมเย็นพัดมาทองดีขยับตัวห่อไหล่ รู้สึกหนาวๆ
“หนาวหรือ”
ทองดีพยักหน้า
“นิดหน่อย ลมเย็นนะ”
เขาถอดเสื้อแจ๊กเก็ตคลุมให้ เธอมองอย่างเกรงใจ
“คลุมไว้...เสื้อคุณมันบาง”
“ขอบคุณค่ะ”
ทองดียิ้มให้แล้วหันมองดูดาว
“มีคนเคยบอกฉันว่า ฉันเป็นดาว...ดาวที่สว่างกว่าดาวทุกดวงบนท้องฟ้า”
“จริงของเขา”
ทองดีฉุนกึก
“เขาโกหก...เขาไม่สนอะไรหรอก ดาวเดือน เขาสนแต่ธุรกิจเท่านั้นแหละ เฮ้อ...พูดแล้วก็เซ็ง ไม่นึกถึงดีกว่า”
“ดี...อะไรที่พูดแล้วไม่สบายใจ อย่าไปนึกถึง ดูโน่นสิ...”
มนตราชี้ไปบนท้องฟ้า ทองดีมองตามอย่างสนใจ
“ดาวอะไรน่ะ ทำไมมันเคลื่อนที่ได้ด้วย”
“อ๋อ...นั่นไม่ใช่แสงของดาวหรอก ไฟจากเครื่องบินน่ะ”
มนตรากับทองดีหัวเราะขำ
“อยู่กับคุณแล้วฉันสบายใจนะ เหมือนอยู่กับพี่วิไล”
มนตราทำเสียงล้อเลียน
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะ ตัวเอ๊ง...”
“ไม่ใช่อย่างนั้น...ฉันรู้สึกแบบ...บอกไม่ถูกแฮะ...”
“ผมดีใจที่คุณรู้สึกดี...”
ทั้งคู่สบตากัน เขินๆ

เช้าวันใหม่...มนตราขับรถมาจอดหน้าคลับ ทองดีลงจากรถ
“ขอบคุณนะ ที่อยู่เป็นเพื่อนฉัน”
“เมื่อไหร่ที่เธอต้องการคนขับรถเล่น ก็โทรหาได้นะ”
“อย่าประชดฉันสิ...ขอบคุณนะ คุณมนตรา”
ทองดีถอยออกมาจากรถแล้วโบกมือให้ จนรถมนตราเคลื่อนออกไป
“นี่เรากำลังชอบเขาหรือเปล่านี่...ไม่ได้...ไม่ได้...บอกแล้วอย่าหลงไปชอบใครอีก ทองประกาย เจ็บแล้วไม่จำหรือไง”
ทองดีหยิกตัวเองอย่างแรง เพื่อให้จำ

เย็นนั้น มนตรานั่งแกะทำนองเพลงที่คีย์บอร์ดแล้วหยุดชะงัก เมื่อละเอียดเปิดประตูเดินเข้ามา
“อยู่คนเดียวเหรอคะ”
“ใช่สิ...พี่เอียดอยากเจอทองประกายเขาเหรอ”
มนตราพูดแล้วก็ยิ้มล้อเล่น ละเอียดค้อนใส่
“แหม...คุณมนพูดเข้า เอียดน่ะไม่อยากอยู่ใกล้กับเด็กปากเสีย มารยาทยังกับม้าดีดกะโหลกแบบนั้นหรอกค่ะ”
มนตราแกล้งดุ
“พี่เอียด เปิดช่องไม่ได้เลยนะ”
“คุณมนนั่นแหล่ะค่ะ ออกโรงปกป้องกันแบบนี้ หวังว่าคงไม่ชอบยัยเด็กนั่นนะคะ”
“เขาก็น่ารักดีนะ เป็นคนตรงๆดี ไม่ซับซ้อนด้วย”
“ตายๆๆๆ คุณมน...เป็นคนอื่นไม่ได้เหรอคะ พี่เอียดมองปร๊าดเดียวก็รู้ว่า คุณพ่อคุณแม่ของคุณมนไม่ชอบแน่ๆ”
มนตราทำเสียงล้อ
“ผมมองปร๊าดเดียวก็รู้เหมือนกัน แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ผมชอบก็พอ พี่เอียดก็รู้นี่ว่าผมดื้อ”
มนตราไม่สนใจนั่งเล่นคีย์บอร์ดแกะเพลงต่อ ละเอียดมองแล้วถอนใจเครียด

ละเอียดเดินเซ็งๆ มาถึงหน้าโทรศัพท์
“คุณมนนะคุณมน แล้วทีนี้พี่เอียดจะบอกคุณผู้หญิงยังไงเนี่ย”
ละเอียดยกหูโทรศัพท์กดเบอร์
“คุณผู้หญิงคะ...เอียดถามแล้วค่ะ...เอ่อ...เอียดว่าคงไม่มีอะไรอย่างที่พวกเรากลัวหรอกค่ะ ดูๆแล้วก็เหมือนเพื่อนร่วมงานกันเฉยๆ...เปล่านะคะเอียดไม่ได้กลับคำพูด แต่ดูๆไปมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ...ค่ะๆ ถ้ามีอะไรเอียดจะรายงานอีกนะคะ”
ละเอียดวางสาย แล้วถอนหายใจแบบหนักใจมาก
“ตอนนี้พี่เอียดทำได้ดีที่สุดแค่นี้แหละค่ะคุณมน ที่เหลือก็เป็นเรื่องของคุณสองคนแล้ว”
ละเอียดหนักใจมาก

ทองดี วิไล จูน ยืนคุยกัน วิไลเล่าให้ฟังด้วยความสุข
“นิค เขาชวนไปค้างที่คอนโดเขา...แล้ววันนี้เขาหยุดงาน เลยขอให้ฉันอยู่เป็นเพื่อน ฉันก็เลยทำอาหารไทยให้เขากิน เขาก็พาฉันไปดูหนังกินข้าวเดินเล่น แล้วก็มาส่งนี่แหละ”
ทองดีอึ้ง
“นี่อยู่กับนิคทั้งวันเลยเหรอ”
“ใช่...จริงๆวันนี้เขาก็บอกให้ฉันหยุดงาน แต่ฉันไม่กล้าหรอก กลัวคุณนรินทร์โกรธ”
จูนตาวาว
“โห...โรแมนติคจัง นี่แสดงว่านายคนนี้ชอบเธอมากเลยนะ จับเป็นพ่อของลูกเลยสิ”
จูนกับวิไลหัวเราะขำกันแต่ทองดียืนนิ่ง มนตราแอบสังเกตทองดี วิไลหัวเราะ
“ไม่เอาหรอก ฉันไม่กล้าคิดจริงจังกับแขกหรอก”
จูนหันมาหาทองดี
“คิดไว้บ้างก็ดี เพื่อนได้ดีเราก็ดีใจด้วยเน๊อะทองเน๊อะ”
“ใช่...ฉันดีใจด้วยนะพี่ ไป...ไปเตรียมตัวทำงานกันเถอะ” ทองดีบอกอย่างสดใส

สามสาวเดินมาด้วยกัน แล้วเจอนรินทร์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“โอ๊ย...อยู่ที่นี่กันเอง ฉันไปดูที่เวทีไม่เห็นใคร นึกว่าจะหนีไปแล้ว”
“ก็อยากจะไปเหมือนกัน ไว้หาที่ดีๆได้เมื่อไหร่ไปแน่” ทองดีประชด
นรินทร์หน้าเสีย
“โธ่...คุณทองประกายจ๋า อย่าไปจากที่นี่เลยนะอยู่กันจนแก่จนเฒ่าไปเลยนะ”
สามสาวเชิดจะเดินไป นรินทร์นึกได้เรียกวิไลไว้ด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดี
“วิไล...แล้วเรื่องเมื่อคืนแขกของเธอ...”
วิไลสวนทันที
“คุณนิคเขาฝากค่าอ๊อฟมาให้”
วิไลหยิบเงินให้ นรินทร์ยิ้มพอใจเปลี่ยนเสียงทันที
“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะจ๊ะ มันไม่น่ารักนะ”
ทองดี จูน วิไล เดินออกไป นรินทร์มองเงินแล้วยิ้มออก

ค่ำนั้น มนตรากับเพื่อนนักดนตรีเตรียมโน้ตกันอยู่ข้างเวที ทองดีใส่ชุดนักร้องแต่งหน้าแต่งคาสวยเดินเข้ามาอารมณ์ดี มนตราหันไปถาม
“พร้อมหรือยัง”
ทองดีเดินไปใกล้ๆเขา
“ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณฉันเรื่องอะไร ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้เธอเลย”
“ขอบคุณที่คุณเข้าใจฉันไง แล้วก็ช่วยฉันทุกเรื่อง จะว่าไปคุณเป็นคนแรกมั้งที่ไม่บังคับใจฉันให้ทำโน่นทำนี่ ฉันเลยอยากขอบคุณ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
“งั้นวันนี้ก็เต็มที่เลยนะ”
ทองดียิ้ม
“จ้างพันเล่นหมื่นเลยแล้วกัน”
มนตราแบมือให้ตี ทองดีตีอย่างแรงจนเขาเจ็บ เธอหัวเราะขำ

ทองดี ทั้งร้องทั้งเต้นแบบมันสุดเหวี่ยง เต็มที่สุดๆ จูนและเพื่อนๆก็เต้นอย่างอารมณ์ดี มนตรามองทองประกายเต้นอย่างมีความสุข
“ต้องแบบนี้สิ...เยี่ยมมาก”
นรินทร์ ยืนดูบรรยากาศแขกที่ชื่นชอบทองดีแล้วก็โล่งใจ
“ชื่นใจๆ จริงๆ”
วิไลนั่งดูโชว์ใจลอยอยู่มุมหนึ่งในร้าน แขกยกแก้วขึ้นจะขอชน วิไลยังไม่สนใจ
“เฮ๊ย...ใจลอยไปไหน...”
“ขอโทษค่ะพี่ มัวแต่ดูโชว์เพลินไปหน่อย มาค่ะ หมดแก้วเลย”
“ไม่เอาไม่เอา...ไม่อยากนั่งก็ไม่ต้องนั่ง หมดอารมณ์โว๊ย...ไปเรียกมาม่าบอกเปลี่ยนคนมาใหม่เลย”
“ขอโทษนะคะ”
วิไลรีบลุกขึ้นอย่างเกรงใจ แล้วรีบเดินออกไป บนเวทีทองดีร้องเพลงอยู่สังเกตเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด...ทองดีกับเพื่อนๆร้องจนจบเพลง แขกปรบมือกันลั่น แล้วแย่งกันทิปทองดี จูน และเหล่าโคโยตี้กันหนุกหนาน
วิไลยืนเบื่อๆอยู่ที่เคาเตอร์ ทองดีเดินเข้ามาหา
“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ ไม่ดูแลแขกหรือ”
“แขกเขาขอเปลี่ยนคน ช่างเหอะ”
“ที่จริงฉันเห็นตั้งแต่บนเวทีแล้ว เกิดอะไรขึ้น”
“นิค สัญญาว่าจะมาคืนนี้อีก”
ทองดีจับมือวิไล
“ไหนเมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าไม่กล้าคิดจริงจังกับแขก”
วิไลหน้าเศร้า
“ก็มันไม่เคยมีใครดีกับฉันแบบนี้นี่”
ทองดีมองวิไลอย่างเข้าใจ กอดวิไลไว้อย่างปลอบใจ
“เป็นผู้หญิงก็ลำบากแบบนี้แหละ ผู้ชายเขาคงคิดว่า จ่ายเงินซื้อแล้ว เราก็เป็นของเล่น ชั่วมื้อชั่วคราว เขาคงลืมนึกไปว่า เราเป็นคนมีหัวจิตหัวใจ ที่จะเจ็บ จะรักได้ เหมือนกับคนอื่นนั่นแหละ”
วิไลยิ้มเศร้า ทองดีปลอบต่อ
“เอาน่า...แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา ผู้ชายหมาๆหาได้เยอะไป”
วิไลยิ้มออกมาได้
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว เพราะมีเพื่อนดีอย่างทองไง”
ทองดีกับวิไล เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พากันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
“เดี๋ยวคืนเราไปกินก๊วยจั๊บกันนะ” ทองดีชวน
“จูนอยู่ไหนจะได้ชวนไปด้วย”
จูนเดินรี่เข้ามาหาวิไล
“อ้าว...แม่คุณทูนหัว มาหลบอยู่ตรงนี้เอง ไอ้คุณนรินทร์กริ้วใหญ่แล้ว มันตามหาตัวเธอใหญ่เลย”
ทองดีกับวิไลมองหน้ากันงงๆ
“จะมาโกรธอะไรอีกวะ ตอนนี้มันเลิกงานแล้วนี่”
“ใจเย็นๆจ้ะ มันเรียกก็ไปหาเถอะ”
ทองดี วิไล จูน เดินมาถึงล้อบบี้ นรินทร์ยืนรออย่างหงุดหงิดอยู่
“อ้าว...ทำไมใส่ชุดนี้มา”
“ก็เลิกงานแล้วนี่คะ คุณนรินทร์มีอะไรเหรอ”
“แขกเขาจะอ๊อฟเธอ”
“แต่ตอนนี้พวกเราเลิกงานแล้วนะ” ทองดีแย้ง
“เลิกได้ที่ไหน เขาจ่ายแพง ห้ามเลิก”
ทองดีหันไปหาเพื่อน
“เอาไง”
วิไลถอนใจ
“คุณนรินทร์ วันนี้ฉันขอได้ไหม บอกแขกว่าฉันป่วยก็ได้”
ทันใดนั้นเสียงนิคก็ดังขึ้น
“ถ้าลาป่วยหนีหน้าผม ผมจะโกรธมากที่สุด”
วิไลหันไปเห็นนิค แล้วตะลึง รีบวิ่งเข้าไปหา นิคโอบวิไลไว้
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย ทำไมวิไลไม่เห็นเลย”
“ผมติดลูกค้าน่ะสิ พอส่งเขากลับโรงแรมเสร็จ ก็ตรงมาหาคุณทันทีเลย คุณคิดถึงผมไหม”
“คิดถึงสิคะ คิดถึงที่สุดเลย”
วิไลกอดนิคไว้แน่น จูนกระแอม วิไลรู้ตัวผละออกจากเขาแบบเขินๆ แล้วรีบแนะนำ
“นิคคะ นี่ทองประกาย นี่จูน เพื่อนรักของฉันค่ะ”
“สวัสดีครับ ผมนิคเป็นแฟนของวิไล ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ”
ทองดี จูน วิไล นรินทร์ตกใจพูดพร้อมกัน
“แฟน!”
วิไลไม่เชื่อหูตัวเอง นรินทร์งงๆ
“เอ่อ...คุณนิคครับ คือ...”
นิคมองหน้านรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมอยากรู้จักกับวิไลให้มาก ห้ามให้วิไลรับแขกอื่น”
“คุณนิคทำแบบนั้นผมก็แย่สิ”
“ผมขอเหมาวิไลทั้งอาทิตย์ หนึ่งแสนบาทพอไหม”
ทุกคนตาโตแม้แต่วิไลเอง
นิคเดินควงแขนวิไลออกมาที่หน้าคลับ ทองดีเดินตามมาส่งวิไลที่รถของนิค ทองดีเข้าไปกระซิบ
“ระวังตัวด้วยนะ เขาว่า พวกฝรั่งมันเป็นโรค...เอ่อ...เอดส์”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันระวังตัวตลอดเลย”
“แล้วอย่าหายจ้อยล่ะ”
“แน่นอน ถ้าพรุ่งนี้กลับช้าจะโทรบอก ไปละนะ”
วิไลโบกมือให้เพื่อนอย่างร่าเริง แล้ววิ่งไปเกาะแขนนิค ขึ้นรถไปด้วยกัน
“ที่นี้ก็เหลือแค่เราคนเดียว ไปกินก๋วยจั๊บดีกว่า”
ทองดีเดินเหงาๆ กลับไปที่ห้อง เธอมองรอบๆตัว แล้วยิ้มเศร้าๆ
“อยู่คนเดียวก็ดีเหมือนกัน...”
ทองดีเปิดโทรทัศน์ เป็นเพื่อนแล้วเริ่มต้นเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะเดียวกันนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอยกโทรศัพท์ขึ้นดูเห็นเป็นมนตราโทรมาก็ประหลาดใจ
“คุณมนตรานี่ โทรมาทำไมเนี่ย...”
มนตรา ยืนพิงรถคุยโทรศัพท์อยู่ที่หน้าคลับของนรินทร์
“อยู่คนเดียวใช่มั๊ย วันนี้ไม่เหงาหรือ”
“ไม่เหงาหรอก” ทองดีนึกได้ “คุณรู้ได้ไงว่าฉันอยู่คนเดียว”
“ก็วิไล โทรหาฉัน ให้ช่วยมาดูแลเธอ”
ทองดีขำ
“ฮึ...ทิ้งเพื่อนแล้วมาฝากไว้กับคนอื่น”
“เอ้า...เห็นเป็นคนอื่นซะงั้น”
“ขอโทษค่ะหัวหน้า เอาเป็นว่าฉันจะนอนแล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“วันนี้เถอะ ตอนนี้ฉันอยู่บ้านคนเดียวน่าเบื่อจะตาย ออกไปเดินเล่นกันนะ”
ทองดีนิ่งไปนิดก่อนจะตัดสินใจ
“ก็ได้...งั้นคุณมารับได้เลย”
“ฉันรออยู่แล้ว”
“ห๊า...มาแล้วเหรอ”
ทองดีกดปิดโทรศัพท์
“คนอะไรไม่รู้ตื๊อชะมัดเลย...เฮ้อ...”
ทองดียิ้มลุกขึ้นไปแต่งตัว
มนตรายืนรอมองนาฬิกาข้อมือ สักครู่ทองดีวิ่งลงมา พอเห็นเขา เธอก็หยุดวิ่งเปลี่ยนเป็นเดินช้าๆ มนตราเห็นก็ยิ้มดีใจ รีบเดินมารับ

“ช้าจังเลย มารอตั้งนานแล้วนะ...”
“นี่ก็รีบแล้วนะ พอคุณวางสายฉันก็แต่งตัวเลย ยังนานอีกหรือ...คุณต่างหากที่มาเร็ว”
“เร็วที่ไหน ฉันรออยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว ดูสิยุงกัดตัวลายเลย”
ทองดีทำงอน
“ถ้าไม่อยากรอ กลับไปก็ได้นี่นา...”
มนตรารีบง้อ
“ขึ้นรถเถอะ หิวจะแย่อยู่แล้ว”
ทองดีขึ้นรถไปตามคำสั่งของเขา

มนตราพาทองดีมากินอาหารที่ร้านอาหารข้างทาง เธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยจนข้าวติดแก้ม มนตรามองเธอแล้วยิ้มๆ ทองดีแปลกใจ
“คุณยิ้มทำไม หน้าฉันมีอะไรติดหรือ”
เขาชี้ที่แก้ม เธอเอามือลูบแก้ม แต่ไม่มีอะไร มนตราเลยเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาส่งให้ ทองดีชะงัก ก่อนจะหัวเราะสดใส มนตรามองแล้วยิ้มก่อนจะเช็ดให้ แล้วส่งผ้าเช็ดหน้าให้
“เอาไว้ เผื่อต้องใช้”
ทองดียิ้มเขิน
“ฉันนี่แย่จัง ทำอะไรเลอะเทอะไปหมดเลย”
มนตราส่ายหน้า
“ไม่เลย ฉันว่าเธอทานข้าวดูน่าอร่อย แต่ช้าๆลงอีกนิดก็ดีนะ”
ทองดีหัวเราะ
“ฉันหิวมากเลย...วันนี้แทบไม่ได้กินอะไร มัวแต่ฟังเรื่องพี่วิไลแต่ตอนนี้เขามีแฟน มีความสุขไปแล้ว”
“ถ้าเพื่อนเธอมีแฟนกันหมด ต่อไปนี้เธอก็เหงาสิ”
ทองดีส่ายหน้า
“ไม่มั้ง...ฉันควรจะมีความสุขใช่ไหม”
พูดไปแล้วเธอก็รู้สึกเศร้าๆไป มนตรามองๆ
“แล้วถ้า...วันข้างหน้า เพื่อนเธอต้องแยกกันไปหมด แล้วเธอจะทำยังไง...เคยคิดบ้างหรือเปล่า”
ทองดีชะงัก
“ไม่รู้สิ ไม่อยากคิด”
ทองดีทำเป็นก้มหน้าก้มตากิน ไม่สนใจอะไร มนตรามองอย่างหนักใจ พอเขาเผลอเธอเริ่มคิดเป็นกังวลเหมือนกัน

หลังจากที่กินอาหารกันเสร็จ มนตราก็ขับรถมาส่ง ทองดีนั่งนิ่งครุ่นคิดตลอดเวลาจนกระทั่งรถเข้ามาจอดหน้าคลับของนรินทร์ เธอยังเหม่อจนเขาต้องเรียก
“ทอง...ทองประกาย ถึงแล้ว”
ทองดีสะดุ้ง มองรอบๆตัว
“ตายจริง มัวแต่เพลิน ขอบคุณนะ”
เธอขยับตัวปลดเข็มขัด แต่ไม่ออก มนตรายิ้มเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดให้ ทองดีเขินในความใกล้ชิดนั้น
“ด้านนี้ไม่ค่อยมีใครนั่ง เข็มขัดมันเลยปลดยากหน่อย”
“ขอบคุณมากนะ ฉันไปละ”
ทองดีลงจากรถ มนตรารีบตามลงมา
“ฉันขอโทษนะ ถ้าพูดให้เธอไม่สบายใจ”
ทองดีนิ่งคิด
“อ๋อ...เรื่องนั้นชั่งมันเถอะ”
“เห็นเธอเป็นกังวล ฉันก็ไม่สบายใจ”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ คุณพูดถูกแล้ว สักวันหนึ่ง เราก็ต้องแยกย้ายกันไป ถึงยังไงฉันก็อยู่ได้”
“ทองประกาย ชีวิตไม่ได้มีแค่วันนี้ ทุกคน ต้องมีทางของตัวเอง มีเวลาต้องแยกย้าย เธอเองก็เหมือนกันนะ ต้องคิดว่าวันหนึ่งจะเดินไปทางไหม”
“เดินไปทางไหนงั้นเหรอ”
“ใช่...เธออยากทำอะไรในอนาคต”
“ที่จริงฉันอยากเป็น...”
ทองดีชะงักไม่กล้าพูดต่อ มนตราแปลกใจ
“อยากเป็นอะไร”
“ช่างมันเถอะ ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากเป็นมันคงยากแล้วล่ะ”
“ทองประกาย คำว่าช่างมันของเธอนี่ มันทำให้ฉันเป็นห่วงรู้ไหม”
“เป็นห่วง”
มนตรารีบกลบเกลื่อนความรู้สึก
“เอ่อ...ก็ฉันก็ต้องห่วงลูกน้องในวงทุกคนแหละ”
“ขอบคุณนะ เอาไว้วันหนึ่งฉันจะบอกแล้วกันว่าฉันอยากเป็นอะไร”
ทองดียิ้มแล้วเดินจากไป มนตรามองตามยิ้มๆ
“ไม่ว่าเธอจะอยากเป็นอะไร ฉันก็อยากจะอยู่ใกล้ๆเธอนะทองประกาย”

ละเอียดนั่งหลับรอมนตราอยู่ในบ้าน มนตราเดินผิวปากเข้ามาพอเห็นละเอียดนั่งหลับอยู่ก็ยิ้มเดินเข้าไปปลุก
“พี่เอียด ตื่นได้แล้ว”
ละเอียดงัวเงียลุกขึ้น พอเห็นเป็นมนตราเธอก็ลนลานลุกขึ้น
“กลับมาแล้วหรือคะ แหม...หลังๆนี่กลับดึกทุกคืนเลยนะ”
“พี่เอียด”
“ขอโทษค่ะ คุณมนหิวหรือเปล่า ประเดี๋ยวพี่เอียดหาอะไรให้ทาน”
“เรียบร้อยมาแล้ว พี่เอียดไปนอนเถอะ ทีหลังไม่ต้องรอก็ได้นะ”
“อ้าว...ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ หรือว่า คุณมนไม่พอใจที่พี่เอียดทักเมื่อกี้”
“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่เอียดคิดมากจัง...ฉันแค่เกรงใจ เพราะต่อไปอาจจะกลับดึกบ่อยขึ้น”
มนตรายิ้มแล้วเดินผิวปากขึ้นไปข้างบน ละเอียดมองตามไปอย่างไม่สบายใจ หันไปมองนาฬิกา เกือบจะเช้าแล้ว
“ต้องไปกับแม่นั่นแน่ๆเลย เฮ้อ...คุณมนนะคุณมน ชักเหลวไหลใหญ่แล้ว”
ละเอียดถอนใจเฮือก

ทองดีเดินออกมาจากห้องน้ำ ลงมานั่งที่เตียงของตัวเองมองไปที่เตียงของ วิไลที่ว่างเปล่า เธอหันไปมองบนโต๊ะหัวเตียงเห็นผ้าเช็ดหน้าของเขาวางอยู่
“คุณพูดถูกนะ...ทุกคนต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง คุณมนตรา”
ทองดีลุกขึ้นเดินไปมองที่หน้าต่าง
“ถ้าพี่วิไลมีชีวิตของตัวเอง แล้วตัวฉันล่ะ”
ทองประกายถอนหายใจยาว ยืนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหงาๆ
ทางด้านมนตรานอนลืมตาอยู่บนเตียง
“เฮ้อ...ทองประกาย คุณจะคิดถึงผมบ้างมั๊ยเนี่ย”
มนตราพลิกตัว...ทั้งมนตราและทองดีต่างก็คิดถึงกัน

เช้าวันใหม่...รถของนิคแล่นมาจอด วิไลลงมาจากรถ ทองดีเดินถือถุงน้ำเต้าหู้มาเห็นเข้าก็หยุดมอง วิไลเห็นทองดียืนมองอยู่ก็หันไปบอกนิคแล้วรีบวิ่งเข้ามาหา
“อ้าวทอง...วันนี้ตื่นแต่เช้าเชียวนะ”
“นอนไม่ค่อยหลับน่ะ เลยลงมาซื้อของ ทันได้เห็นของดีด้วยละ”
วิไลเขินๆ
“บ้า...ฉันก็เขินเป็นเหมือนกันนะ...ขึ้นไปข้างบนก่อน ฉันมีเรื่องจะบอก ลับสุดยอดเลยนะ”
วิไลยิ้มๆทำหน้าแบบมีลับลมคมนัย ทองดีมองอย่างสงสัย
“อะไรล่ะ บอกตรงนี้ไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้...ลับสุดยอด”
วิไลสั่นหัวดิก รีบลากทองดีเดินไปด้วยกัน ทั้งสองเข้ามาในห้อง วิไลรีบปิดประตู แล้วดึงมือทองดีมาที่เตียง
“อะไรของพี่ จะลับขนาดนั้น”
“ใช่สิ ลับมาก ให้ใครรู้ไม่ได้เลย”
วิไลยกมือขึ้น ทองดีมองแบบงงๆ แล้วส่ายหน้า วิไลกระดิกนิ้วโชว์แหวนที่นิ้วนาง ทองดีมองๆ
“ซื้อแหวนมาใหม่หรือ ก็สวยดีนี่”
วิไลยิ้มกว้าง
“ฉันจะแต่งงาน นิคเขาขอฉันแต่งงาน เมื่อคืนนี้”
ทองดีหน้าตื่น
“อะไรนะ แต่งงานหรือ ทำไมเร็วนักล่ะ”
วิไลร่าเริงสดใสมาก
“ใช่เร็วมาก ฉันยังตั้งตัวไม่ติดเลย เธอดีใจกับฉันมั๊ยทอง”
ทองดีอึ้งพอนึกได้รีบแสดงความยินดี
“ดีใจสิ...แต่แหมกะทันหันจังเลย พี่แน่ใจแล้วหรือ”
วิไลนิ่งไปนิด
“ตอนแรกก็กลัวๆอยู่เหมือนกันแหละ แต่คิดไปคิดมา โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆหรอกนะ โดยเฉพาะกับผู้หญิงกลางคืนอย่างพวกเรา”
“มันก็จริงนะ ฉันขออวยพรให้พี่มีความสุขมากๆนะ”
“ขอบใจนะ ทองประกาย ขอให้เธอมีความสุขเหมือนกัน จำไว้ ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป อย่าไปจมกับความทุกข์ในอดีต ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป อย่าไปเข็ดกับมันเลย ความรักอ่ะ ดูอย่างพี่สิ”
ทองดีงงๆไม่เข้าใจคำพูดของวิไล

จูนตัดสินใจจะไปอยู่กับแฟน จึงมาลาออกกับนรินทร์ในห้องทำงาน จูนนั่งทำหน้าเรียบร้อยตัดสินใจพูดขึ้น
“คุณนรินทร์คะ จูนจะมาขอลาออก”
นรินทร์แปลกใจ
“อะไรนะ...ลาออก เธอล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย...”
“ไม่ได้ล้อเล่นค่ะ จูนจะลาออกจริงๆ”
นรินทร์กับจูนจ้องหน้ากัน นรินทร์หันไปมองกระเป๋าของจูนที่วางไว้ตรงหน้าประตู จูนยิ้มตีหน้าซื่อ นรินทร์หน้าเครียด

จูนทำหน้าเศร้า เดินหิ้วกระเป๋าออกจากห้องของนรินทร์ พอออกจากห้องมาเธอก็เปลี่ยนเป็นร่าเริงทันที ตรงไปหาทองดีกับวิไลที่ยืนรออยู่
“เรียบร้อย...ไม่มีปัญหา”
ทองดีถอนใจ
“คนนึงก็จะแต่งงาน อีกคนก็ลาออกไปอยู่กับแฟน ทิ้งฉันไปกันหมด”
วิไลหันไปถามจูน
“แล้วคุณนรินทร์ยอมให้แกลาออกด้วยเหรอหรือ”
“อืม...ฉันบอกว่าท้อง...คงทำงานไม่ไหว แกเลยด่าไม่ออก”
วิไลค้อน
“แหม...แกก็ทุ่มทุนสร้างนะจูน แล้วนี่แกท้องจริงหรือเปล่า”
“เฮ้ย...จะบ้าหรือ ของแบบนี้ไม่มีทาง...แต่จะให้บอกอะไรล่ะ เลยเอาเรื่องนี้แหละ อืมม...ชีวิตก็แบบนี้แหละ แต่งงานก็เหมือนเสี่ยงโชคนั่นแหละ ได้ผัวดีก็เหมือนถูกหวย ถ้าซวยก็โดนกินรวบ”
“ไอ้บ้าจูน พูดเป็นเล่นตลอดเลยนะ...แล้วคิดหรือยัง จะหากินยังไง”
“คงกลับบ้านนอกไปเปิดร้านขายของเล็กๆ พออยู่ได้”
“ขอให้โชคดีนะจูน พี่คงคิดถึงแกว่ะ มีอะไรก็ส่งข่าวมาบ้างล่ะ”
“เออ...อย่ามาพาฉันเศร้าสิวะ ทองก็เหมือนกัน ถ้าสิ่งดีๆผ่านเข้ามาในชีวิตล่ะก็ รีบคว้าไว้นะโว๊ย...”
ทองดียิ้มรับ
“จ้า...ฉันไปส่งเธอนะ จูน”
“ไม่ต้องเลย ขอร้อง เดี๋ยวแฟนฉันมาเจอเธอ มันจะเปลี่ยนใจฮ่าๆๆ”
สามสาวกอดกันแน่น เป็นการสั่งลา จูนผละออกไป แฟนของจูนเดินมารับของจากมือ แล้วเดินขึ้นรถขับออกไป ทองดี กับวิไล มองจูนจนลับสายตา ทองดีแอบเศร้า

ทองดีกับวิไลเดินเข้ามาในคลับอย่างเซ็งๆ นรินทร์เดินออกมาอย่างหัวเสีย พอเห็นวิไลกับทองดี นรินทร์รีบเดินมาโวยวาย
“รู้เรื่องแล้วใช่มั๊ย จูนเขาขอลาออกไปแล้ว”
วิไลพยักหน้า
“ค่ะ เพิ่งไปเมื่อกี้นี้เอง”
“เห็นมั๊ย...ทีนี้ฉันก็เดือดร้อนอีก พวกเธอมีแฟน คิดจะทิ้งฉันก็ทิ้งกันไปง่ายๆ เฮ้อ...ไม่มีความรับผิดชอบซะเลย เลี้ยงไม่เชื่อง เสียข้าวสุกจริงๆ”
ทองดีไม่พอใจ
“อ้าว...คุณจ่ายเงิน พวกฉันก็ทำงานให้ ทำไมต้องพูดว่าเลี้ยงไม่เชื่อง พวกฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะ”
นรินทร์เหวอ วิไลเห็นท่าไม่ดีรีบลากทองดีออกมาอย่างเร็ว
“เออ...อะไรกันวะนี่...ใครเป็นนายใครเป็นลูกน้องกันแน่...เดือดร้อนต้องหาคนเต้นเพิ่มอีกแล้ว...ยุ่งชิบเป๋งเลย”
นรินทร์หัวเสียเดินบ่นเข้าห้องไป วิไลกับทองดีเดินกลับเข้ามาในห้อง ทองดีฮึดฮัด
“อย่าไปต่อปากต่อคำกับเขาเลย คนแบบนั้นสู้ไปยังไงก็ไม่ชนะหรอก”
“ฉันไม่ชอบเลย เขาทำกับเราเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง ใช้แรงงาน ต้องทำงานทำเงินให้ ถ้าทำไม่ได้ก็หมดประโยชน์”
“มันก็แบบนี้ทั้งนั้นแหละ เขาคนค้าขาย ก็อยากได้กำไร ไม่มีใครอยากขาดทุนหรอก”
ทองดีสงบลงอย่างเหงาๆ วิไลเดินไปเก็บที่นอนของทองดีพับผ้าห่มให้เรียบร้อย
“เพื่อนไปดีมีความสุข ฉันก็ควรดีใจด้วยใช่มั๊ย” ทองดีพูดเศร้าๆ
“ใช่...จูนมันมีความสุข กับสิ่งที่มันเลือก มันก็ดีกับชีวิตมันแหล่ะ”
“แล้วพี่ล่ะ พี่จะทิ้งฉันไปเมื่อไหร่”
วิไลชะงักแล้วพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“บ้า...พูดอะไรแบบนั้น ฉันจะไปไหนได้”
“อย่ามาทำไก๋เลย ก็นิคขอแต่งงานแล้วนี่”
วิไลเขิน
“ก็ขอแต่งงาน แต่ไม่ได้บอกให้เลิกทำงานนี่”
“ฉันมั่นใจ นิคไม่ให้พี่ทำงานต่อแน่”
“อย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลย พี่ไม่ชอบฝันอะไรล่วงหน้า”
วิไลแอบยิ้มเขินอย่างมีความสุข ทองดีมองหน้าวิไลแล้วแอบเศร้าที่เพื่อนของเธอกำลังจะแยกย้ายไป

มนตรานอนตื่นขึ้นมาชะงักมองนาฬิกาเกือบเที่ยงแล้ว
“ทำไมสายได้ขนาดนี้วะ”
เขารีบวิ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
ละเอียดเตรียมอาหารไว้พร้อมสรรพอยู่โต๊ะอาหาร คอยเวลามนตราลงมาจากข้างบน มนตราวิ่งลงมาจากข้างบนอย่างเร่งร้อน
“คุณมนคะ มาทานข้าวก่อนนะ พี่เอียดต้มข้าวต้มกุ้งไว้ให้ รออุ่นแป๊บ”
“ไม่ดีกว่าสายมากแล้ว พี่เอียดไม่ยอมปลุกฉันนี่นา”
“อ้าว...จะให้ปลุกทำไมล่ะคะ เมื่อคืนคุณมนก็กลับมาเกือบเช้า แล้วนี่จะรีบไปไหนอีก มาทานข้าวต้มก่อนเถอะ”
“ไว้ก่อน ฉันไปรับคุณทองประกายก่อน แล้วจะกลับมาทานนะ”
มนตราพูดจบก็รีบวิ่งออกไปทันที ละเอียดค้อนตามไป
“อะไรๆ ก็คุณทองประกาย คุณมนนะคุณมน จะทำให้เอียดโดนไล่ออกก็ไม่รู้”

ทองดียืนรอมนตราอย่างเบื่อๆ สักครู่มนตราก็ขับรถเข้ามาจอด ทองดีรีบวิ่งไปขึ้นรถทันที มนตราทำหน้าแปลกใจ
“วันนี้คุณสายนะ”
“ขอโทษที เอ๊ะวันนี้ดูแปลกๆนะ ไม่สบายหรือเปล่า”
“พี่วิไลจะแต่งงาน จูนเขาก็ไปแล้ว...”
“ไปไหน...มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ลาออกไปแล้ว เค้าไปอยู่กับแฟนเขาแล้ว ไปกันเถอะ”
ทองดีทำท่าร่าเริง แต่เมินหน้าไปแอบเศร้า มนตรามองหน้าอย่างเข้าใจ

ทองดีเดินตามมนตราเข้ามาในบ้านตรงที่ห้องทำงาน พยายามทำท่าให้ร่าเริง มนตรามองทองประกายอย่างเป็นห่วง
“มาเริ่มกันเลย ดีมั๊ย”
“ยังก่อน ฉันอยากคุยกับเธอก่อน”
มนตราเดินไปที่หน้าต่างห้อง มองออกไป เห็นสวนดอกไม้ร่มรื่น เขาหันไปเรียกเธอ
“มาดูอะไรนี่สิ”
ทองดีลุกขึ้นเดินมาอย่างไม่กระตือรือล้นมองเห็นดอกไม้ในสวน มีผีเสื้อตอมดอกไม้เธอยิ้มออกมาได้
“ดอกไม้บ้านคุณสวยจังเลย มีผีเสื้อด้วย”
“ดอกไม้เยอะ ผีเสื้อก็แยะ เห็นมั๊ยมันเป็นของคู่กัน”
ทองดีมองหน้ามนตราอย่างไม่เข้าใจ
“แล้วยังไง...นี่...คุณพยายามจะบอกอะไรฉันหรือ เอาแบบตรงๆดีกว่า”
“อืม...ทุกอย่างมันมีของคู่กัน ดอกไม้กับแมลง ผู้ชายกับผู้หญิง”
“แล้วยังไง...”
“เพื่อนเธอเขาก็ต้องมีแฟน มีครอบครัว เมื่อมันถึงเวลา เธอต้องทำใจ จะไปยึดติดกับเพื่อนตลอดเวลาคงไม่ได้หรอก”
ทองดีถอนหายใจยาว
“ฉันรู้หรอกน่า ตอนนี้จูนไปแล้ว อีกหน่อยพี่วิไลก็คงต้องไปด้วยเหมือนกัน ฉันแค่รู้สึก...ใจหาย...ก็แค่นั้น”
“แต่ฉันยังอยู่นะ...เอ่อ...ฉันยังอยู่เป็นเพื่อนเธอ แล้วก็เพื่อนๆในวงอีก”
“แหม...อันนั้นฉันรู้ แต่คุณเป็น...ผู้ชาย คุยกันได้ไม่ทุกเรื่องนี่นา”
“คิดไปเองมากกว่า ลองเปิดใจคุยดูสิ บางที...ฉันอาจจะเข้าใจเธอมากกว่าที่เธอคิด หรือเผลอๆ อาจจะมากกว่าสองคนนั้นก็ได้”
“อย่างนั้นเชียวหรือ” ทองดีหัวเราะขำ “อ๊ะ...หรือว่า...คุณเป็นเหมือน...เออ...พี่ป๊อบ”
มนตรางงๆ
“พี่ป๊อบไหน...แล้วเขาเป็นไง”
“ก็...แบบว่า...เอ่อ...”
มนตรายังไม่เข้าใจ ทองดีอึดอัดไม่อยากพูด พยายามทำท่าให้เขาเป็นเกย์ มนตราโวยวาย
“เฮ๊ย...ไม่ใช่ ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้เป็นเกย์ อะไรกันนี่ดูไม่ออกเหรอ”
“อ้าว...จะไปรู้ได้ไง ของแบบนี้ดูยากนะ ไม่เข้าได้เข้าเข็ม ดูไม่ออกหรอก”
“พูดซะเสียหายเลย อย่างนี้จะขายใครได้เนี่ย”
“อ้าว...ก็คุณไม่เคยจะลวนลามฉัน ไม่เห็นเหมือนผู้ชายที่ฉันเคยรู้จักเลย อย่างนี้ยิ่งประหลาด”
“ฉันเนี่ยนะประหลาด”
“ใช่สิ ลองถ้าเป็นคนพวกนั้นเผลอไม่ได้ คอยจะลากฉันขึ้นเตียงตลอดเลย”
มนตราส่ายหน้า
“เออ...สงสัยฉันคงเป็นผู้ชายไม่ดีใช่มั๊ยเนี่ย เฮ้อ...แย่จัง”
ทองดีมองหน้ามนตราแล้วทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน







Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 9:19:01 น.
Counter : 842 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]