All Blog
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)



พิธีหมั้นของวันรบและมัทรียังดำเนินต่อไป ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อรอฤกษ์ วันทนีย์เชิดใส่ติรกา แต่ติรกายิ้มหวานให้ วันทนีย์สะบัดหน้าไปอีกทาง ติรกาก็ยังยิ้มให้อีก
วัทนีย์ถลึงตาแยกเขี้ยวขู่ ติรกากระพริบตาปริบ ๆ พร้อมกับฉีกยิ้มหวานเยิ้มจนวันทนีย์งง
กระถินสะกิดวันทนีย์ “ยายคุณนายโอ่งท่าทางแปลก ๆ เล่นหูเล่นตากับคุณแม่ตลอด”
“ยิ้มเยาะเย้ยที่ได้สินสอดไปนอนกอดตั้งสิบล้านน่ะสิ” วันทนีย์บอก
“หนอย... ยายคุณนายน้ำปลาทะเล เค็มยิ่งกว่ามหาสมุทรแปฟิสิกส์” กระถินฉุน
พุทรายื่นหน้ามาพูดแก้ “ มหาสมุทรแปซิฟิกค่ะ”
“เออ นั่นแหละ” กระถินหันมาเจอพุทรา “เอ๊ะ ! แล้วมายุ่งอะไรด้วยยะ”
“เอกภาษาไทย ได้ยินภาษาวิบัติแล้วอดไม่ได้ อิอิ” พุทราแซว
ติรกาขยับแขนขึ้นกำลังจะยกมือไหว้ แต่วันทนีย์กับกระถินตกใจรีบยกแขนขึ้นมาตั้งการ์ดเตรียมพร้อม ติรกาไหว้วันทนีย์และกำนันเรืองอย่างอ่อนช้อย วันทนีย์และกระถินถึงกับเหวอ
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณพี่ทั้งสองอย่างเป็นทางการนะคะ” ติรกาพูด
กำนันเรืองเห็นท่าทางของติรกาก็ถึงกับหันมองหน้าวันทนีย์
กำนันเรืองพูดเบาๆ กับวันทนีย์ “ไม่เห็นจะจิตแตกอย่างที่แม่เล่าเลย ดูเป็นมิตรกับแม่ด้วยซ้ำนะ”
วันทนีย์หลบหลังกำนันเรือง “แต่คราวก่อนมันไม่ใช่แบบนี้จริงๆ นะพ่อจ๋า”
วันรบ พชร และรชานนท์แอบสบตากันที่เห็นวันทนีย์งง ทันใดนั้น สมภพกับธงฉานก็หอบกล่องของขวัญเดินเข้ามาในงานหมั้น
“ขอโทษที่มาช้าครับ” สมภพพูดเสียงดัง
รชานนท์สวน “เราเชิญคุณด้วยเหรอ”
“ไม่ต้องจุดธูปเขาก็มาประจำล่ะค่ะ” พุทราว่า
“ชอบเร่ร่อนขอส่วนบุญว่างั้น” รชานนท์รับมุก
“ก็โหยหวนหลังวัดประจำล่ะครับ” ธงฉานตอบ
“พุทราจัดอาหารใส่กระทงให้เขาด้วย” รชานนท์หันไปสั่ง
“สองที่...เย้ย...คนนะไม่ใช่ผี!” สมภพเคลิ้อมตามก่อนจะทำฟอร์มหันไปคุยกับติรกา “ผมมาร่วมยินดีกับหนูมัทรีครับ”
ติรกาลุกเดินตรงไปหาสมภพกับธงฉาน สมภพและธงฉานผวาเล็กน้อยก่อนจะขยับมาเบียดกันเพราะกลัวติรกา
สมภพพูดกับธงฉานเบาๆ “ซ่อนปืนไว้ข้างหลังรึเปล่าวะ”
“ผมบอกอาแล้วว่าอย่าเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่” ธงฉานกระซิบ
ติรกาหยุดยืนประจันหน้ากับสมภพ สมภพกลืนน้ำลายแต่ก็ทำใจดีสู้เสือ จู่ ๆ ติรกาก็ยกมือไหว้ต้อนรับสมภพด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณที่ให้เกียรติมาร่วมงานหมั้นลูกมัทนะคะ เรื่องวันก่อนต้องขอโทษด้วย พุทราเพิ่งบอกว่าคุณสมภพติดต่อธุรกิจร่วมกับฉัน”
สมภพงง ๆ กับท่าทางของติรกา “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”
“อ่ะ ไม่ถือก็วาง” เตือนใจบอก
ธงฉานวางกล่องของขวัญอย่างว่าง่าย
“ไหน... ขอมือหน่อย” เตือนใจสั่ง
ธงฉานคลานเข้าไปหาเตือนใจแล้วยกมือทั้งสองข้างให้พร้อมกับอ้าปากแหะ ๆ เหมือนสุนัข
เตือนใจลูบหัวธงฉาน “เชื่องเหมือนกันนะเรา”
ทุกคนในงานพากันขำ สมภพอายจนต้องปรี่เข้ามาเบิ๊ดกะโหลกธงฉานหนึ่งที
“อย่าให้ฉันหมดความอดทนกับแกนะ” สมภพขู่
ธงฉานยิ้มแหยๆ

วันทนีย์แอบมาคุยกับกระถินด้วยความสงสัยที่มุมหนึ่งในบ้าน
“ท่าทางยายติรกาน่าสงสัย” วันทนีย์พูด
“เป็นแผนให้ตายใจ เพื่อเล่นงานเราทีหลังรึเปล่าคะ” กระถินข้องใจ
“ยายนี่มันเจ้าเล่ห์ ร้ายลึก โอ๊ย... ยิ่งคิดยิ่งไม่อยากเกี่ยวดองด้วย”
“เราต้องหาทางล้มงานหมั้นเงียบ ๆ พี่รบจะได้ไม่ต้องหมั้นกับยายมัทรีและไม่ต้องเสียสินสอดสิบล้านให้ยายคุณนายโอ่งน้ำปลา”
วันทนีย์แสดงสีหน้าเห็นด้วยกับกระถิน

วันรบเลื่อนหีบสมบัติสินสอดให้เตือนใจและติรการับเป็นพิธี
“ค่าสินสอดสิบล้านที่ผมเอามาหมั้นมัทรีครับ”
เตือนใจและติรกากำลังจะดึงหีบสมบัติไป แต่วันทนีย์กับกระถินรีบยื่นมือมาดึงหีบไว้ ติรกายิ้มแล้วจะดึงไปแต่วันทนีย์ดึงแน่นไม่ยอมปล่อย
“แม่ครับ...ปล่อยเถอะครับ” วันรบบอก
“ไม่” วันทนีย์ยืนกราน
“แม่จ๋า...ไม่เห็นแก่ลูกก็เห็นแก่หน้าพ่อบ้างนะ” กำนันเรืองขอ
วันทนีย์หันไปเห็นทุกคนมองมาที่ตน
รชานนท์ตัดสินใจจับมือวันทนีย์ “คุณแม่ครับ”
“มีอะ” วันทนีย์หันกลับมาเจอรชานนท์ยิ้มใส่ วันทนีย์รู้สึกเหมือนโดนฮุคใส่หน้าจึงเคลิ้ม “ไรจ๊ะ”
“ปล่อยเถอะครับ” รชานนท์บอก
วันทนีย์เคลิ้มจนปล่อยมือจากหีบ “ได้จ๊ะ”
“ขอบคุณครับ” รชานนท์กล่าว
กระถินพยายามเขย่าและเรียกวันทนีย์ “คุณแม่” กระถินเห็นวันทนีย์ยังเคลิ้มอยู่ก็เลยหยิก “แม่!”
วันทนีย์รู้สึกตัวสะดุ้งทันที
“หยิกข้าทำไมนังกระถิน!”
“โน่น” กระถินชี้ไป วันทนีย์หันไปเห็นเตือนใจกำลังดึงหีบสินสอดไปก่อนที่วันทนีย์จะคว้าไว้ได้ทัน
“ก็เป็นอันว่ามอบสินสอดเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ” เตือนใจบอก
มัทรีหันไปสบตากับรชานนท์ เธอรู้สึกขอบคุณที่รชานนท์เข้ามาช่วยแต่ยังวางฟอร์ม รชานนท์ยิ้มให้ มัทรียิ้มฝืน ๆ ตอบแล้วทำเป็นมองไปทางอื่น รชานนท์จ๋อยเล็กน้อยแต่หันไปเจอติรกามองมา เขาจึงยิ้มกลบเกลื่อนให้ติรกาสบายใจ
ธงฉานเห็นสถานการณ์แล้วจึงสะกิดลากสมภพออกไปคุยด้านนอก

ธงฉานลากสมภพออกมาที่ระเบียงด้านนอก
“เอาไงดีล่ะอา” ธงฉานถาม
“หรือคุณติจะโดนผีเข้าจริง ๆ ถึงได้ยิ้มแย้มยอมให้สวมแหวนหมั้นกันขนาดนี้ ต้องล้มงานนี้ให้ได้” สมภพยืนยัน
“แล้วจะล้มยังไงล่ะอา ถ้าผีคุณติรกาไม่ออก”
สมภพเกิดไอเดีย “ก็ถ้าผีไม่ออก ก็ผีเข้าแทนสิวะ”
สมภพหันมายิ้มให้ธงฉานเป็นการส่งซิก ธงฉานมองสมภพอย่างเข้าใจ

ธงฉานกับสมภพกลับเข้ามานั่งแทรกคนในงาน โดยที่ธงฉานไปนั่งทางหลังมัทรี ส่วนสมภพนั่งด้านหลังวันรบ พุทราขยับพานแหวนหมั้นเข้ามาระหว่างวันรบกับมัทรี
วันทนีย์พูดกับนลินี “เจ้ารบมันซื้อกี่กะรัตน่ะนั่น”
“สามกะรัตค่ะ” นลินีตอบ “น้องรบทุ่มสุดตัวเลยนะคะ”
“มันของกระถินชัด ๆ” กระถินพูด
“อะไรนะจ๊ะ” นลินีถาม
“กระถินว่าอยากเห็นชัด ๆจังเลย เพชรสามกะรัตไม่เคยเห็นน่ะค่ะ” กระถินแถ
“เอาล่ะ สวมแหวนได้แล้ว” ติรกาบอก
วันรบกำลังจะหยิบแหวน ทันใดนั้นธงฉานก็ร้องเสียงดังขึ้นมา “อ๊า!”
วันรบชะงัก ทุกคนก็หันไปมองเห็นธงฉานตัวสั่นอย่างรุนแรง ทุกคนตกใจผงะถอยออกห่างทันที
“นี่เป็นบ้าอะไรเนี่ย” รชานนท์ถาม
ธงฉานลุกขึ้นยืนชี้หน้ารชานนท์แล้วพูดด้วยเสียงดังและแหลม “สามหาว!”
“หาวเดียวก็หลับแล้ว ไม่ต้องถึงสามหรอก” พุทราขัด
“นังลูกกรอก หุบปาก!” ธงฉานหันมาตวาดด้วยเสียงแหลม
สมภพรีบพนมมือนำก่อนใคร “เอ่อ...ท่านเป็นใครครับ ทำไม”
“ข้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของไอ้หนุ่มนี่” ธงฉานชี้ไปที่วันรบ “ข้ามาเตือน ว่าถ้านังผู้หญิงคนนี้แต่งงานกับมัน ชีวิตนังผู้หญิงคนนี้จะต้องวอดวาย”
กำนันเรืองพูดกับวันทนีย์ “อ้าว แบบนี้มันด่าลูกเราเป็นตัวซวยนี่หว่า”
“ไม่จริง! ไอ้มั่ว !”วันทนีย์โวยวาย
วันรบโมโห “ธงฉาน! คุณอย่ามาลูกเล่นดีกว่า ผมไม่เชื่อหรอก”
“นนท์คะ” ติรกาพยักหน้าให้รชานนท์มองไปทางมัทรีที่กำลังนั่งหน้าเสีย
“ใช่! ถ้าไม่อยากโดนกระทืบม้ามแตกที่นี่ก็หยุดเดี๋ยวนี้ ก่อนที่..” รชานนท์หักนิ้วดังกร๊อบแกร๊บ
ธงฉานเริ่มเลิ่กลั่กส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากสมภพ สมภพเห็นไม่ได้การจึงเอาบ้าง
“บรื๋อออ...! เจี๊ยก คร่อก ๆ ๆ”
ทุกคนหันมองสมภพอย่างงงๆ สมภพกระโดด เกาหัว เกาคอ
“ใครอีกล่ะเนี่ย” เตือนใจถาม
สมภพพูดเสียงแหลมยิ่งกว่าธงฉาน “ฉันเป็นนายเวรของนังหนูนี่ นังนี่มันเป็นผู้หญิงกินผัว มันเคยแย่งผัวฉันไปกิน ฉันจะมากินผัวมันเอาคืน”
สมภพพุ่งเข้าไปนัวเนียวันรบทั้งกอดทั้งรัดอย่างแน่นหนา
“ผัวๆ ๆ ๆ” สมภพร้อง
วันทนีย์ตกใจ “ไม่ได้นะ จะมายุ่งกับลูกฉันไม่ได้! เลิก ๆ ไปเลยไม่ต้องหมั้นเมิ้นอะไรกันแล้ว”
“แม่” วันรบตกใจ
มัทรีมองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลา 09.50 น.
พุทราพูดเบาๆ กับเตือนใจ “ฤกษ์อภิมหามงคลครอบจักรวาล ต้องสิบโมงสิบนาที พ้นฤกษ์นี้ต้องรออีกหลายปีเลยนะคะ”
เตือนใจกระซิบกับพุทรา “ไอ้สองอาหลานนี่ มันหน้าด้านสุดขั้วจริงๆ เลย”
ติรกาโผล่หน้ามาระหว่างเตือนใจกับพุทรา
“ใครหน้าด้านเหรอคะ”
“ก็ไอ้คนทรงผีเก๊น่ะสิคะ” พุทราพูดแล้วหันมาเจอติรกา “เย้ย..คุณติ ตกใจหมด”
“สองคนนั้น” ติรกาสงสัย
“จงใจป่วนให้งานหมั้นล่มน่ะสิ มันน่าเบิ๊ดกะโหลกจริงๆ” เตือนใจฉุน
ติรกามองสมภพกับธงฉานแล้วคิดจะจัดการอะไรบางอย่าง วันรบดันสมภพออกไปแล้วทำท่าจะต่อย แต่สมภพรู้ทันจึงหลบไปมาทำให้วันรบต่อยวืด
“เจี๊ยก คร่อก ๆ ๆ ๆ เอาผัวฉันมา” สมภพยังเล่นละครไม่หยุด
“ถ้าแต่งมันจะต้องวอดวาย หายยะ” ธงฉานพูดเสียงแหลม
เปรี้ยง กระสุนปืนพุ่งไปเจาะที่ผนังข้างตัวธงฉาน
“นะ...เย้ย!” ธงฉานตกใจ
ทุกคนหันไปมองเห็นติรกายืนถือปืนลูกซองด้วยใบหน้าโหดอยู่
“คุณติ” พุทราตกใจ
สมภพตกใจแต่ยังทำใจดีสู้เสือเล่นละครต่อ “เจี๊ยก คร่อก ๆ ๆ”
ติรกาหันมายิงเข้าที่ข้างตัวสมภพสองนัดซ้อนทั้งซ้ายและขวา จนสมภพสะดุ้งโหยง!
“เจ้า!” สมภพชักกลัว
ติรกายิงอีกหลายนัด
“เจี๊ยก” สมภพถอยไปรวมกับธงฉาน ติรกาหันไปเล็งที่ทั้งคู่
“อย่าทำเค้า” ธงฉานร้องขอ
“จะออกไหม”ติรกาถาม
“ผัว ๆ ๆ” สมภพยังไม่ยอมหยุด
“ถ้าไม่ออกก็ตายซ้ำ เลือกเอา!”
สมภพกับธงฉานเริ่มเลิ่กลั่ก
“หนึ่ง! สอง!” ติรกานับ
สมภพสั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วฟุบสลบไปทันที
“ทิ้งกันเลย เฮ้ย!” ธงฉานตกใจ
ติรกาหันมาทางธงฉาน “ไม่ออกใช่ไหม”
“ออกแล้วจ้า..ออกแล้ว!”
ธงฉานรู้ตัวจึงสั่นแล้วโผไปทางมัทรี รชานนท์กับวันรบพร้อมใจกันยกเท้าถีบคู่เข้ากลางลำตัวธงฉานดังพลั่ก ธงฉานกระเด็นไปนอนหงายหมดสภาพ รชานนท์กับวันรบเท้าค้างกลางอากาศ
“พุทรา! ให้คนมาพาตัวออกไป!” ติรกาเสียงดัง
พุทรารีบวิ่งไปแล้วกลับมาพร้อมกับคนงาน และแจ่มช่วยกันลากธงฉานออกไป ทันใดนั้นสมภพทำเป็นรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับเนี่ย” สมภพทำเนียน
รชานนท์หันไปทางสมภพ “หลานคุณโดนหิ้วปีกออกไปแล้ว”
“ผมขอตัวไปดูอาการธงฉานหน่อยนะครับ”
พูดจบสมภพก็รีบออกไป

สมภพเดินออกมาขึ้นรถ เขาเห็นธงฉานโดนแบกมาไว้หลังกระบะ
“ธงฉาน” สมภพเข้าไปตบหน้า “ไอ้ธงฉาน!”
ธงฉานตกใจลุกพรวดขึ้นมานั่ง
“ออกแล้ว..ผีออกแล้วคร๊าบ”
“เลิกบ้าได้แล้วเว้ย เขาโยนเราออกมาทั้งคู่แล้ว” สมภพดุ
“แล้วเอาไงล่ะอา โอ่งทองหลุดลอยไปแล้ว”
“แกพลาดแต่ฉันยัง..”
“ไอ้หน้าหล่อมันนั่งหัวโด่อยู่อย่างนั้น หน้าแพะอย่างอาจะไปสู้อะไรมันได้”
“แกกลับไปก่อน ทางนี้ฉันจะดูเอง ฉันต้องหาวิธีให้ได้ มันต้องมีวิธีสิวะ”
สมภพทำสีหน้าเชื่อมั่นไม่ยอมแพ้

สมภพเดินกลับเข้ามา ทุกคนหันไปมองว่าจะมีอะไรอีกไหม
“พุทรา!” เตือนใจเรียก
“ค่ะ!” พุทรารับคำอย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบไม้หน้าสามมาวางข้างตัวเตือนใจ
“เอาไม้มาทำไมครับ คุณยาย” พชรถาม
“ตีผี! เผื่อมีผีที่ไหนมาอีก อยากตายซ้ำซ้อนก็มา” เตือนใจขู่
สมภพสะดุ้งปาดเหงื่อแล้วขยับเข้าไปนั่งห่าง ๆ พยายามทำตัวสงบเสงี่ยม
ติรกาวางปืนแล้วมานั่งที่เดิม “เอาล่ะหมดเรื่องแล้ว สวมแหวนเถอะนะ”
“พร้อมทั้งคนและสินสอดแล้ว หวังว่าคงได้หมั้นสักทีนะ” เตือนใจบอก
พุทราสะกิดเตือนใจ
“ขอขัดจังหวะนิดนึงนะคะ”
“อะไรอีก” เตือนใจถาม
“แหวนหมั้นของคุณมัทหายค่ะ”
พูดจบพุทราก็โชว์กล่องแหวนที่ว่างเปล่าให้ทุกคนดู
ทุกคนพูดพร้อมกันด้วยความตกใจ “แหวนหมั้นหาย”
“หายไปได้ยังไง?” มัทรีงง
กระถินนั่งนิ่งพยายามเก็บอาการ ในมือของเธอกำแหวนเพชรไว้โดยไม่ยอมให้ใครเห็น
“บุญมีแต่กรรมบัง พยายามแค่ไหนก็คงไม่ได้หมั้น” วันทนีย์เปรยขึ้น
“จะเลยฤกษ์หมั้นอยู่แล้วนะคะ” นลินีบอก
“มัททำอะไรผิด ถึงได้เกิดเรื่องวุ่นวายไม่หยุดในงานหมั้น” มัทรีกลุ้มใจ
“อุปสรรคแค่นี้ ไม่ได้ทำให้ผมรักมัทน้อยลงนะครับ แต่มันทำให้เราหนักแน่นที่จะรักกันมากขึ้นทุกวัน ...อย่าเพิ่งท้อนะครับที่รัก” วันรบกุมมือมัทรีไว้แน่น เสมือนยืนยันในความรักที่มีต่อมัทรี
“ต้องให้ได้อย่างนี้สิวะไอ้หลานเขย ... ได้ใจลุงเขยไปเต็ม ๆ” พชรชื่นชม
ติรกายื่นมือมากุมมือมัทรีกับวันรบอีกที
“ไม่มีใครทำลายงานหมั้นของลูกสองคนได้หรอก”
ติรกาเอากล่องแหวนที่พกติดตัวออกมา เธอเปิดกล่องหยิบแหวนทองเกลี้ยงข้างในออกมา
“นี่เป็นแหวนที่พ่อเคยหมั้นแม่เงียบ ๆ ก่อนที่จะมีมัท แม่คิดว่าวันนี้จะมอบอนุสรณ์ความรักนี้ให้กับลูก”
แหวนเกลี้ยงมรมือของติรกาด้านหนึ่งแกะสลับอักษร K&N รชานนท์เห็นก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต

วันนั้น รชานนท์ถือแหวนเกลี้ยงที่สลักตัวอักษร K&N เดินมาหาติรกาที่สวนแห่งหนึ่ง
“แหวนวงนี้แทนสัญญารักที่ผมมีต่อกระแตตลอดไป ...ผมรักคุณ”
รชานนท์บรรจงสวมแหวนให้ติรกาด้วยความรัก ติรกายิ้มรับด้วยความตื้นตันใจ
“ขอบคุณค่ะนนท์ ...ฉันก็รักคุณ”
ติรกากอดรชานนท์อย่างมีความสุข

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต รชานนท์ก็ถึงกับอึ้งเพราะไม่คาดคิดมาก่อน
“คุณเก็บแหวนวงนี้ไว้ตลอดเวลาหรือกระแต”
“แหวนวงนี้เป็นเหมือนสัญญารักของเรา ฉันต้องรักษามันไว้อย่างดีที่สุด” ติรกาบอก
รชานนท์ยิ้มปลาบปลื้มและดีใจ
พุทราแอบพูดเบาๆ กับมัทรี “แสดงว่าคุณติไม่เคยลืมคุณนนท์เลยนะคะ”
มัทรีมองติรกาอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของพุทราแต่ก็ไม่ตอบอะไร
“แหวนพร้อม ก็รีบสวม ๆ เลยได้เสร็จพิธีสักที” เตือนใจบอก
“ไม่กล่าวอะไรที่ลึกซึ้งกินใจหน่อยเหรอคะ” พุทราถาม
“เห็นลูกหลานรักกันดี ฉันก็มีความสุขแล้ว เอ้า...สวมแหวนได้วัยชราใจร้อน” เตือนใจเร่ง
บรรยากาศงานหมั้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กระถินเจ็บใจ ที่ไม่สามารถหยุดยั้งงานหมั้นได้
วันทนีย์ก็ไม่พอใจเช่นกัน
วันรบรับแหวนเกลี้ยงที่ติรกามอบให้แล้วกำลังจะสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายให้มัทรี กระถินกระแอมออกมา
วันรบจะสวมอีก กระถินไอเสียงดัง “แค่ก ๆ ๆ”
มัทรีตัดสินใจจับมือวันรบสวมแหวนให้ตัวเอง
“คุณมัทสวมแหวนหมั้นแล้ว !” พุทราดีใจ
ทุกคนร้องเฮด้วยความดีใจ กระถินกับวันทนีย์หงุดหงิดมาก
กระถินร้องไห้อ้อนวันทนีย์ “คุณแม่”
แก้วหันมาพูดกับกระถิน “น่ายินดีกับพี่ชายด้วยนะคะ”
กระถินยิ่งร้องโฮแล้วลงไปซบวันทนีย์ ติรกาหันไปอวยพรให้มัทรีกับวันรบ
“ขอให้ลูกทั้งสองรักและดูแลกันตลอดไป เหมือนที่พ่อนนท์รักและไม่เคยทอดทิ้งแม่เลยสักครั้ง”
มัทรีชำเลืองมองรชานนท์ด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำแทนติรกา รชานนท์นิ่งเครียดเพราะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่เคยดูแลติรกามาก่อน

รชานนท์หลบมายืนที่ระเบียงนอกบ้าน เขาถอนใจแรงด้วยความเครียดและกำลังจะหันหลังกลับเข้าบ้าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอมัทรียืนอยู่
“มัท”
“คุณรู้อยู่แก่ใจว่าไม่เคยทำอะไรเพื่อแม่” มัทรีบอก
“ไม่มีใครแก้ไขอดีตที่ผ่านไปแล้วได้หรอก” รชานนท์พูด
“ฉันขอบคุณนะที่คุณช่วยฉันกับพี่รบ ฉันจะให้โอกาสคุณรักษาบาดแผลในใจแม่ให้หาย ก่อนที่ความทรงจำปรกติของแม่จะกลับคืนมา”
สมภพเดินผ่านมาได้ยินที่มัทรีคุยกับรชานนท์พอดี
“คุณต้องพิสูจน์ให้ฉันเห็น ว่าคุณรักแม่จริง ๆ ทำให้ติรกาคนที่ความจำเสื่อมกับติรกาคนเก่ายอมรับความรักและให้อภัยคุณด้วยตัวเอง”
มัทรีพูดจบก็รีบเดินจากไปโดยไม่รอฟังคำตอบจากรชานนท์ รชานนท์นิ่งคิด สมภพทำสีหน้าตื่นเต้นที่ได้รู้เรื่องติรกาความจำเสื่อม

นลินีจับมือมัทรีแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“ในที่สุดก็มีวันนี้ซักทีนะจ้ะน้องมัท”
“ขอบคุณค่ะพี่นี”
วันรบกับพชรยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“มัทต้องเรียกป้านีถึงจะถูก” วันรบบอก
นลินีชะงักแล้วหันมายิ้มขู่วันรบ
“วันนี้วันดีจะใช้ปากให้ชะตาขาดทำไมจ๊ะวันรบ”
“เมียจ๋า... เราไม่พูดเรื่องตายนะจ้ะ” พชรพูดกับมัทรี “พี่ดีใจด้วยนะครับน้องมัท... ตอนนี้ได้หมั้นแล้ว ตอนหน้าได้แต่งชัวร์!”
“ชั่วต่างหาก!” เสียงกระถินดังเข้ามา
ทุกคนชะงักแล้วหันไปมองก็เห็นกระถินยืนอยู่ที่ประตูบ้านติรกา
กระถินสะอื้น “ทำไมฟ้าดินถึงชั่วร้ายกับกระถินแบบนี้ กระถินทำใจไม่ด้าย!!”
พูดจบกระถินก็ร้องไห้โฮ พุทรากับเตือนใจโผล่หน้ามาแล้วส่งกระดาษทิชชู่ให้กระถิน
“ทำใจไม่ได้ก็กลับไปเถอะจ้ะหนู อย่าอยู่ต่อให้ใจช้ำไปกว่านี้เลย” เตือนใจบอก
“งั้นกลับเลยนะคะ เดี๋ยวพุทราไปส่งขึ้นรถ” พุทราทำเป็นอาสา
กระถินกรี๊ดลั่นเพราะเจ็บใจที่โดนไล่
วันทนีย์เดินนำไปที่รถ กระถินเดินตาม กำนันเรืองเดินตามกระถินมาก่อนจะทักขึ้น
“กระถิน”
“จ๋า พ่อกำนัน” กระถินรับ
กำนันเรืองแบมือ “แหวน”
กระถินทำเป็นซื่อ “แหวนอะไรจ๊ะ”
“จะคืนให้ข้าหรือจะให้ข้าฟ้องแม่จ๋า”
กระถินหน้าจ๋อย ส่งแหวนคืนให้กำนันเรืองแต่โดยดี “อย่าบอกแม่จ๋ากับพี่รบนะจ๊ะพ่อว่ากระถิน”
“เออน่ะ ไปขึ้นรถไป”
กระถินเดินไปขึ้นรถ กำนันเรืองมองแหวนในมือ
“เสียไปสามล้าน ได้คืนมาแค่นี้...ก็ยังดีวะ” กำนันเรืองเก็บแหวนใส่กระเป๋าเสื้อ
กำนันเรืองขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ติรกากับรชานนท์ยืนส่งทุกคนอยู่ที่หน้าบ้าน ติรกาแปลกใจในท่าทางของพวกวันทนีย์
“ทำไมคุณวันทนีย์รีบกลับจัง ว่าจะชวนไปขอฤกษ์แต่งกับหลวงพ่อซะหน่อย”
กลุ่มคนงานเดินเข้ามายกมือไหว้ลาติรกา
“ขอบใจมากนะจ้ะที่มางานลูกสาวฉัน” ติรกาพูด
กลุ่มคนงานเห็นติรกาสวีทกับรชานนท์ก็รู้สึกแปลกใจ
“คุณติไม่เกลียดผู้ชายคนนี้แล้วเหรอ” คนงานคนหนึ่งถามขึ้น
“ฉันจะเกลียดสามีฉันทำไมล่ะจ้ะ” ติรกาตอบ
“สามี?”
คนงานมองหน้ากันอย่างอึ้งๆงงๆ
ภาพเหตุการณ์ตอนที่ใบประกาศติดอยู่รอบโรงงานแวบขึ้นในหัวของรชานนท์ ข้อความในใบประกาศเขียนว่า “บุคคลอันตราย ถ้าเจอ...จัดหนัก! อย่าให้รอด!” พร้อมทั้งมีรูปถ่ายของรชานนท์อยู่ในใบประกาศ
รชานนท์จำเหตุการณ์วันนั้นได้ก็รีบอธิบาย
“คราวนั้นเข้าใจผิดกันนิดหน่อย อย่าสนใจเลย”
“แล้วต่อไปเรียกฉันว่าคุณแตนะจ้ะ เรียกคุณติแล้วไม่คุ้นหูเลย” ติรการีบบอก
คนงานทั้งอึ้งทั้งเหวอแต่ก็เดินออกไป
ติรกาหันมาเห็นพชรและนลินีเดินออกมาพอดี
“จะกลับกันแล้วเหรอพี่” รชานท์ถามขึ้น
“ก็คู่แก คู่ไอ้รบลงตัวกันแล้ว... ถึงเวลาคู่ฉันไปลงตัวบ้าง” พชรบอก
นลินียิ้มเขิน ๆ แต่แล้วเธอก็นึกบางอย่างได้
“ตานนท์ วันนี้วันของลูกสาวกับลูกเขย ปล่อยให้เค้าได้อยู่กันลำพังบ้างนะ”
รชานนท์ได้ยินคำว่า”ลำพัง”ก็นึกขึ้นได้แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ได้ครับพี่นี... ปล่อยให้อยู่กันลำพัง เพื่อจะได้อยู่ลำพัง”
ทุกคนมองรชานนท์อย่างไม่ค่อยเข้าใจ

วันรบกับแจ่มช่วยกันยกโต๊ะและเก้าอี้เก็บให้เป็นระเบียบ เตือนใจ มัทรีและพุทราช่วยกันเก็บของอื่นๆ รชานนท์พาติรกาเดินเข้ามา จู่ๆ ติรกาก็เอามือจับที่ขมับ
“เอ.. ทำไมจู่ ๆ ปวดหัวขึ้นมาจี๊ด ๆ ก็ไม่รู้”
“คงเหนื่อยมั้งครับ” รชานนท์บอก
“แต่ธรรมดาไม่เคยเป็นนะคะ ปวดเหมือนร้าวไปทั้งสมอง”
“เป็นไงบ้าง” รชานนท์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ เออ.. จู่ ๆ ก็หาย แปลกดีจัง”
รชานนท์ยิ้มให้ติรกาแล้วพาเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะแกล้งพูดเสียงดังให้มัทรีได้ยิน
“กระแต ผมว่าคุณพักก่อนเถอะจ้ะ คุณท่าทางเหนื่อยมาก”
มัทรีได้ยินก็ชะงักแล้วหันมามองติรกาอย่างเป็นห่วง รชานนท์พูดจบก็แอบเหลือบมองมัทรีกับวันรบ
“ฉันไม่เหนื่อยเลยค่ะ” ติรกาบอก
“อย่าปากแข็งสิ คุณตื่นมาเตรียมข้าวของทุกอย่างตั้งแต่เช้ามืด จนป่านนี้ยังไม่ได้พักเลย จะไม่เหนื่อยได้ยังไง”
มัทรีเดินเข้ามาหาติรกาแล้วพูด
“แม่ไปพักก่อนเถอะค่ะ ที่เหลือมัทกับรบจัดการเอง”
“งั้นให้ป๋าพาว่าที่แม่ยายผมไปพักแล้วกัน” วันรบเสนอ
ติรกาได้ยินคำว่า “แม่ยาย” แล้วมีอาการ จู่ ๆ ตาของเธอก็ลุกวาวแข็งกร้าวอย่างเอาเรื่อง ติรกาเผลอตัวฟาดวันรบไปเต็มแรงแล้วพูดออกมาอย่างโกรธ ๆ
“เรียกฉันแบบนี้ได้ยังไง ! อยากลองของรึไงไอ้วันรบ !”
ทุกคนอึ้งเหวอที่อยู่ ๆ ติรกาคนเดินก็กลับมา ติรกาก็งงตัวเองที่อยู่ๆเผลอตวาดใส่วันรบอย่างนั้น
“อุ้ย ขอโทษจ้ะ... แม่แค่จะบอกว่าไม่ต้องเรียกว่าที่แม่ยาย เรียกแม่ยายได้เลยจ้ะ แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ ก็โกรธขนาดนั้น”
ทุกคนยังอึ้งและงงกับอาการของติรกาอยู่
“คุณคงเหนื่อยมาก งั้นเรารีบไปพักกันเถอะจ้ะ” รชานนท์บอก
พูดจบรชานนท์ก็รีบคว้ามือติรกาเดินขึ้นบ้านไปทันที

รชานนท์จูงติรกาเข้ามาในห้อง จู่ๆ ติรกาก็ปวดหัวขึ้นมาอีก “โอย..”
รชานนท์เห็นอาการก็เป็นห่วง “กระแต คุณเป็นอะไร”
“ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ นั่งพักก็หาย” ติรกาบอก
รชานนท์พาติรกาไปนั่งที่เตียง ส่วนตัวเขานั่งที่ขอบเตียง
“เดี๋ยวผมไปหยิบยาให้นะ”
รชานนท์จะลุกไปแต่ติรกาจับมือรชานนท์ไว้
“พาราไม่เอานะคะ...ฉันอยากได้อย่างอื่นมากกกว่า”
รชานนท์ได้ยินก็ถึงกับตาโต “อย่างอื่น...เอ่อ...”
ติรกาขยับตัวเข้าหาเหมือนจะกอดรชานนท์
“กระแต..ผมว่า..เอ่อ...”
ติรกาขยับเข้าไปใกล้รชานนท์มากขึ้นเรื่อยๆ จนปากแทบจะประกบกัน รชานนท์หลับตาปี๋เหมือนรอการจูบจากติรกา แต่เขาก็รู้สึกว่านานเหลือเกิน
“นี่ค่ะ”
รชานนท์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเห็นว่าในมือติรกาเป็นกีต้าร์ไม้เก่าๆ
“พารา...” รชานนท์โพล่งขึ้นมา
“ค่ะ..” ติรกามองกีต้าร์ “พาราของเรา รักษาให้กระแตหน่อยนะคะ” ติรกายิ้มให้
รชานนท์รับกีต้าร์มาแล้วลองสาย “เหมือนเดิมไม่มีผิดเลย”
“ทุกสิ่งที่เป็นความทรงจำของเราฉันไม่เคยลืม ไม่เคยทิ้งมัน เอ..คุณพูดเหมือนไม่ได้เห็นมันมานานเลย ฉันก็เก็บมันไว้ในห้องนี้ตลอดนะคะ”
“อ๋อ..ที่ว่าเหมือนเดิมคือ ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปคุณก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลย” รชานนท์หยอด
ติรกายิ้มเขิน
“มีดวงใจหนึ่งดวง จะมอบให้เธอไว้ครอง” รชานนท์ครวญเพลง “เมื่อยามสองเรา ต้องจากไกล พาดวงใจเลื่อนลอย ฝากบทเพลง บรรเลงให้ไว้ เธอโปรดเก็บใจ เอาไว้เพื่อรอ ฝากคำว่าคิดถึง ให้เธออยู่เสมอ แม้ไม่ได้เจอฉันก็สุขใจ หากชีวิตไม่สิ้น ฉันจะกลับเอารักมาให้ เธอโปรดจำไว้วันที่ฉันรอ”
ติรกามองรชานนท์ยิ้มๆ แล้วคิดถึงอดีต

ในอดีต รชานนท์นั่งพิงต้นไม้เล่นกีต้าร์ให้ติรกาฟัง
“แม้อยู่ห่าง ไกลส่งใจ ถึงกันบ้าง อย่าให้อ้างว้างอยู่เดียวดาย ฉันจะเฝ้ารอ รอเพื่อพบกันใหม่ วันที่ดวงใจฉันมีเธอ ดวงใจฉันคิดถึงเธออยู่ เธอโปรดจงรู้ดวงใจว่า ยังปรารถนาจะกลับมาเพื่อพบเธอ สุดที่รัก เธอโปรดส่งใจคิดถึงหน่อย อย่าให้ฉันคอยใจหงอยเศร้า จงสร้างรักเราให้มีพลัง เพื่อรอการกลับมา”
ติรกานั่งฟังแล้วค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะจูบกัน

ติรกาในปัจจุบันขยับเข้าไปใกล้รชานนท์ที่กำลังร้องเพลงอยู่
“แม้ห่างเพียงกาย ก็ไม่ห่างใจ เหมือนรักประสาน ไว้ตลอดเวลา ฉันจะรอวัน วันแห่งรักหวนมา วันที่เราสัญญา”
รชานนท์หันมาเห็นติรกามองอยู่ ติรกาขยับเข้ามาจูบเบาๆ ที่แก้มรชานนท์แล้วขยับออก
“....ต่อกัน..” รชานนท์ร้องต่อ
รชานนท์นิ่งอึ้งแล้วจ้องตากับติรกา เขาเริ่มจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ รชานนท์เป็นฝ่ายเข้าหาติรกาบ้าง เขาขยับเข้าไปใกล้หน้าติรกา
“ผมรักคุณ”
เสียงรชานนท์ดังก้องอยู่ในหัวของติรกา
ภาพรชานนท์กับติรกาในอดีตที่ส่งยิ้มให้กัน ภาพตอนที่ทั้งสองอยู่บนเตียง ภาพตอนที่สองคนตื่นมากอดกัน ภาพตอนที่ติรกาไปตรวจ ตอนที่ติรกาไปหาพ่อรชานนท์ ตอนที่ติรกาอุ้มท้องร้องไห้ ภาพทั้งหมดย้อนกลับมาในหัวของติรกา
ติรกาปวดหัวอย่างหนักจนทนไม่ไหวคล้ายจะอาเจียน “อุ๊บ!”
ติรกาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตู รชานนท์ตกใจรีบตามไปที่หน้าห้องน้ำอย่างเป็นห่วง
“กระแต คุณเป็นอะไร..กระแต!”

ติรกายังอยู่ในห้องน้ำ เธออ้วกไม่ยั้ง ก่อนจะเงยขึ้นมองตัวเองในกระจก ภาพติรกากับมัทรีตอนเด็ก ภาพมัทรีวิ่งเล่น ติรกาไล่ตาม ภาพมัทรีกับวันรบ ภาพวันรบกับรชานนท์ โดนติรกาไล่ยิง แวบขึ้นมาในหัวของเธอ
ติรกาปวดหัวจนคล้ายหัวจะระเบิด “โอ้ย!”
รชานนท์ที่หน้าห้องน้ำได้ยินเสียงก็ยิ่งเป็นห่วง
“กระแต เปิดประตูหน่อย กระแต!”
ภาพตอนที่หนีวันรบกับรชานนท์จนรถของติรกาพุ่งลงข้างทาง ภาพมัทรีร้องไห้บอกว่ารชานนท์เป็นพ่อ ภาพที่วันรบสวมแหวนหมั้นให้มัทรีแวบขึ้นมาในหัวของติรกา
ติรกาที่ร้องลั่น “ไม่!”
ติรกาสะบัดหน้าพรึ่บด้วยสายตาแข็งกร้าวเหมือนติรกาคนเดิม
“รชานนท์! วันรบ!”

วันรบในชุดผ้ากันเปื้อนอยู่ในห้องครัวบ้านตริกา โดยมีมัทรีเป็นลูกมือ เตือนใจกับพุทราเดินเข้ามาเมียงมอง
“เอาจริงเหรอ” เตือนใจถามวันรบ
“วันดีๆ แบบนี้ต้องฉลองให้เต็มที่ครับ ผมอยากแสดงฝีมือเอาใจคุณแม่ยายครับ”
วันรบจะหั่นมะเขือเทศ อยู่ดีๆ คิ้วขวาก็กระตุกขึ้นมา
“โอ๊ะ” วันรบร้องขึ้น มัทรีตกใจ
“เป็นอะไรคะพี่รบ มีดบาดเหรอคะ”
วันรบเอามือแตะที่คิ้ว
“เปล่าครับ..คิ้วผมกันกระตุก ถี่มากด้วย”
“เขาว่าขวาร้าย..ซ้ายดี อย่าบอกนะคะว่าคุณติจะจำได้แล้ว เมื่อกี้ก่อนขึ้นไปอาการก็ดูโหดๆ แปลกๆ เหมือนขาโหดจะคืนร่างนะคะ” พุทราบอก
รชานนท์เข้ามาแล้วถาม
“ใครจำอะไรได้ครับ”
“ป๋า..แม่ยายผมเขาเป็นยังไงบ้าง” วันรบถาม
“กระแตเขาปวดหัว นี่ฉันจะมาเอาน้ำไปให้เขาทานยาสักหน่อย”
“แม่ปวดหัวมากเหรอคะ” มัทรีถาม
“ก็ดูมากอยู่ แต่เดี๋ยวพ่อจะเอายาไปให้แม่เขานะ” รชานนท์พูด
มัทรีกระแอมเหมือนอะไรติดคอและพูดเน้น
“ค่ะ ป๋า”
รชานนท์ถึงกับหน้าเสียเล็กน้อย เตือนใจส่งแก้วน้ำให้รชานนทื
“ รีบขึ้นไปดูยัยติเถอะไป”
“ครับ”
รชานนท์เดินออกไป
“มัท...” วันรบเอ่ยขึ้น
“รีบทำกับข้าวเถอะค่ะพี่รบ มัทกลัวคุณแม่จะหิว” มัทรีบอก
วันรบสบตากับเตือนใจและพุทรา
“หวงจนหูดับไปแล้วค่ะ พูดไปเหนื่อยเปล่า” พุทราบอก
มัทรีดื้อดึงที่จะไม่ฟัง ยกตะกร้าผักไปล้างแล้วสะบัดผักที่ล้างอย่างโครมคราม

ภายในบ้านสมภพ ธงฉานสีหน้าตกใจมาก ธงฉานพูดขึ้น
“ไม่จริง คุณอาตินะเหรอครับ ความจำเสื่อม”
“ฉันว่าพวกมันต้องใส่ข้อมูลให้ติรกาคิดว่าไอ้รชานนท์เป็นสามีแน่ๆ” สมภพบอก
“ว่าแต่ผมไม่ได้เรื่อง อาก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน ไม่ได้ผู้หญิงบ้านนั้น อากับผมหมดตัวแน่”
“ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมเสียตัวเงินตัวทองเด็ดขาด”
ทรงสุดาถือถาดเครื่องดื่มเข้ามา จังหวะการเดินคลอราวกับรำออกมาเลยทีเดียว
“ต่อนยอน..ตะ..ต่อนยอน..ตะตอนยอน..ตอนหยอน..ต๊อนหยอน” ธงฉานร้องเพลงประกอบจังหวะ
สมภพกับธงฉานหยุดมอง แต่ทรงสุดาก็ยังเดินมาไม่ถึงสักที ธงฉานมองนาฬิกาที่ข้อมือ
“จะอีกนานไหม...ไอ้ชาถ้วยนั้นฉันจะได้กินไหมอา”
สมภพตบโต๊ะปัง!ตวาด
“จะอีกนานไหม”
ทรงสุดา สะดุ้งรีบเอามาเสิร์ฟทันที
“ชาเจ้า”
“แล้วนี่เอาจะเอายังไงต่อ” ธงฉานถามสมภพ
“ถ้าพวกมันจะใส่ข้อมูลว่าเป็นสามีติรกา ฉันก็จะใส่ข้อมูลเหมือนกัน”
“อาครับ ผมว่าเจียมตัวซะบ้างเถอะครับ หน้าอย่างอาปกติก็ขี้เหร่ไม่มีทางชนะอยู่แล้ว ต่อให้อาหลอกว่าเคยได้กัน อย่างคุณอาติเขาไม่โง่เชื่อหรอกครับ”
“ไอ้บ้า ข้อมูลที่ฉันจะใส่คือ ทำให้ติรการะแวงไอ้รชานนท์มีเมียน้อยต่างหาก ถ้าติรการักมันจริงๆ ฉันนี่แหล่ะจะแย่งให้พวกมันทะเลาะกันจนบ้านแตก”
“ฮ่าๆๆ เลวได้โล่ห์จริงๆ” ธงฉานบอก
สมภพกำลังหัวเราะร่า ถึงกับเอิ้กและเงื้อมือจะตบกระโหลกธงฉาน ธงฉานรีบจับมือสมภพไว้แล้วเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วอาจะไปหาผู้หญิงที่ไหนมาเป็นเมียน้อยไอ้หน้าหล่อล่ะอา”
“ก็คนแถวนี้แหล่ะ” สมภพบอก
“นี่อาจะให้อาสะใภ้ไปเป็นเมียน้อยไอ้หน้าหล่อเหรอครับ อาเลวมาก นี่เมียอาจะยกให้ผู้ชายคนอื่นปู้ยี่ปู้ยำได้ยังไง” ธงฉานด่าในระยะประชิดจนสมภพต้องเอนตัวหนีแต่ธงฉานก็ยังตาม
“นี่แม่ของลูกอานะ เอาอะไรคิด”
สมภพได้จังหวะจิ้มหน้าธงฉานให้ห่างออกทันที
“ไอ้โง่ โง่แล้วยังอวดรู้ ฉันไม่ได้หมายถึงทรงสุดาเว้ย แต่ฉันหมายถึงรุจีต่างหาก”
ทรงสุดา ตกใจ
“น้องรุจีเหรอเจ้า”
“ใช่ เรียกรุจีมาพบฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเธอตายแน่”

ภสยในห้องนอน ติรกานั่งอยู่บนเตียงข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งจับปืนไว้แน่น
“ตาย...ผู้ชายเลว ฉวยโอกาส มันต้องตายทั้งคู่” ติรกาพูดกับตัวเอง
เสียงประตูเปิด ติรกายังหันหลังให้มือจับปืนแน่น คิดแต่จะจัดการกับผู้ชายเลวๆ
“กระแตครับ” รชานนท์เรียก
ติรกาหันกลับตั้งใจว่า จะยกปืนขึ้น แต่พอกันมาเจอมือของรชานนท์ที่จับแก้มของติรกาอย่างอ่อนโยนก็ลืมเรื่องที่จะเอาเรื่องไปชั่วขณะ รชานนท์ยิ้ม
“หายปวดหัวแล้วเหรอครับ”
“ฉัน...เอ่อ”
รชานนท์ใช้นิ้วโป้งทั้งสองนิ้ว คลึงไล้แก้มติรกาเบาๆ
“ว่าไงครับ ยังปวดหัวอยู่ไหม”
“ฉัน..ยังปวดหัวอยู่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ทานยานะครับ คนดี...” รชานนท์ยิ้ม
รชานนท์หันหลังไปจะหยิบยากับแก้วน้ำให้ ติรกามองหลังรชานนท์ มือของติรกาที่ยังจับปลายปืนแน่น รชานนท์หันกลับมาส่งยากับแก้วน้ำให้
“ผมป้อนให้นะ..”
รชานนท์ยื่นเม็ดยาเข้ามาใกล้ติรกามากขึ้นทุกที ระหว่างนั้นเป็นช่วงเวลาที่ติรกาเริ่มสับสน มือที่จับปืนอย่างเกร็งแน่นเหมือนลังเล
“ค่ะ”
รชานนท์ยื่นยามาประชิดริมฝีปาก ติรกาอ้าปากรับยาจากรชานนท์ รชานนท์ป้อนน้ำให้ ติรกายอมดื่มแต่โดยดี มือของติรกาค่อยๆปล่อยปืนทิ้งลงพื้น เสียงดัง “ตึก”! รชานนท์ชะงักเล็กน้อย
“กระแต ได้ยินเสียงอะไรไหม”
ติรกาทำหน้าเหรอหรากลบเกลื่อน
“เสียงอะไรคะ ฉันไม่ได้ยินนี่คะ”
รชานนท์ไม่แน่ใจ
“สงสัยหูผมจะแว่ว งั้นนอนพักนะครับ”
รชานนท์กึ่งนั่งกึ่งนอนโอบให้ติรกานอนทับแขนตัวเอง รชานนท์ฮัมเพลงรอวันฉันรักเธอเบาๆ เหมือนกล่อมเด็ก แววตาของติรกายังสับสน แต่พอรชานนท์ใช้มือดันศีรษะติรกาเข้ามาชิดที่คอ ติรกาจึงค่อยๆหลับตาอย่างโอนอ่อนผ่อนตามอย่างไม่มีข้อแม้ รชานนท์มองติรกายิ้มๆ และฮัมเพลงเบาๆต่อไป

ในเวลาดียวกัน ทรงสุดานั่งโทรศัพท์อยู่ที่ห้องรับแขกภายในบ้านของสมภพด้วยท่าทางเกรงกลัวสมภพกับธงฉานซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ หลังทรงสุดาวางสายไปแล้วหันมาหาสมภพ
“น้องรุจี เปิ้นปิดเครื่องเจ้า”
สมภพโมโหขึ้นทันที
“น้องเธอไม่คิดจะติดต่อสื่อสารคนอื่นเลยหรือไง”
“ติดต่อไม่ได้แบบนี้... ก็แสดงว่าแผนสองล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย” ธงฉานโพล่งขึ้น
สมภพง้างมือจะฟาดธงฉาน ธงฉานตกใจกลัวรีบวิ่งไปหลบหลังทรงสุดาทันที
“พี่ดาช่วยผมด้วย”
สมภพลดมือลงแล้วมองท่าทางของธงฉานพลางส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ธงฉานเห็นว่าสมภพไม่ฟาดตัวเองก็โล่งใจเดินเบี่ยงออกมาจากหลังทรงสุดา สมภพได้จังหวะเขกหัวธงฉานทันที
“คิดว่ารอดเหรอ! โทษฐานที่แกจัดการมัทรีไม่ได้ ไปพาตัวยายรุจีกลับมา”
“แต่น้องเปิ้นไปนั่งสมาธินะเจ้า ไปพาปิ๊กมา มันเป็นบาปนะเจ้า”
สมภพหันมาตวาดทรงสุดาทันที
“ฉันไม่สน! ฉันต้องการให้น้องสาวเธอมาจัดการกับรชานนท์ ทำยังไงก็ได้ให้ติรกาผิดใจกับไอ้หมอนั่น รุจีต้องเข้าไปเป็นอุปสรรคในความรักระหว่างรชานนท์กับติรกา”

บนโต๊ะอาหารหลังพระอาทิตย์ตกดินที่บ้านติรกา อาหารถูกจัดเต็มอย่างสวยงามราวกับฝีมือของโรงแรมก็ไม่ปาน มัทรีขยับจัดจานอย่างภาคภูมิใจ
“โอ้โห นี่ฝีมือคุณรบเหรอคะเนี่ยอย่างกับอาหารโรงแรม” พุทราถามแล้วจะแอบหยิบชิม
เตือนใจเดินเข้ามาดึงหูพุทรา
“แม่พุทรา ใครสั่งให้หล่อนแอบชิมฝีมือหลานเขยฉันก่อนหะ”
“ก็มันน่ากินนี่คะคุณเตือน”
วันรบยกอาหารมาวางอีกจาน
“ถ้าอยากทาน คุณพุทราก็ไปเชิญแม่ยายผมลงมาเปิดงานสิครับ”
“ได้เลยค่ะ”
มัทรียกมือห้ามพุทรา
“ไม่ต้องค่ะ มัทไปเอง”
“จะไปสืบพฤติกรรมพ่อเราล่ะสิ” เตือนใจพูดขึ้น
มัทรีไม่ตอบแต่เดินงอนออกไป
“คุณมัทนี่หัวดื้อเหมือน..” พุทราพูดขึ้นและหันมาเจอกับเตือนใจที่จ้องหน้ารอคำตอบ
“...เหมือนใครน้า”
เตือนใจมองพุทราอย่างคาดโทษ
“ค่ะ .... ค่ะ ไปล่ะค่ะ”
พุทรารีบวิ่งเข้าครัวไปทันที
“คุณยายว่าคุณแม่ยายจะชอบอาหารฝีมือผมไหมครับ”
“เขามีแต่ฝีมือปลายจวัก ผัวรักจนตาย”
“ผมกะจะใช้ปลายจวัก ให้แม่ยายรักมากมายน่ะครับ”
เตือนใจมองวันรบที่ตั้งหน้าตั้งตาจัดโต๊ะอย่างกระตือรือล้น
“ถ้ายัยติจะเห็นเหมือนที่แม่เห็นก็คงจะดี” เตือนใจพึมพำ

เสียงเคาะประตูดัง แต่รชานนท์กับติรกาต่างยังหลับสนิทไม่รับรู้ พุทราค่อยๆแง้มประตูเข้ามาแล้วยืนมองตะลึงที่เห็นติรกาหลับซุกในอ้อมแขนรชานนท์ พุทราถึงกับอมยิ้ม
“อ๊าย...น่ารักอ่ะ” พุทราทำบิดเขินจนมือไปโดนรูปที่ตั้งอยู่หล่น ปัง!)
“อุ้ย!”
ติรกาสะดุ้งตื่นเห็นพุทรายืนตรงหน้า
“มีอะไรพุทรา” ติรกาเสียงแข็ง
พุทราสะดุ้งเพราะคุ้นๆกับเสียงของติรกาคนเดิม
“เอ่อ คุณเตือนให้มาตามคุณติกับคุณนนท์ไปทานข้าวค่ะ”
ติรกาหันไปมองรชานนท์ที่ยังหลับสนิทอย่างเคลิบเคลิ้ม พุทรามองอย่างสังเกตจนติรกานึกได้ว่าพุทรายังอยู่ ติรกาหันไปเจอพุทราที่กำลังชะเง้อมองอยู่
“เดี๋ยวฉันตามลงไป”
“ค่ะ” พุทรารับคำแต่ยังยืนเสนอหน้าอยู่
ติรกาหน้าตึงใส่
“อยากโดนห้าร้อยหรือไง”
“ไม่อยากค่า..ไม่อยาก” พุทรารีบเดินออกไป
รชานนท์ลืมตาตื่นมองติรกาแล้วแกล้งหลับเหมือนเดิม ติรกาขยับมองเข้าไปใกล้หน้ารชานนท์มากขึ้นเรื่อยๆราวกับจะหอมแก้มรชานนท์อยู่แล้ว รชานนท์ที่แกล้งหลับอยู่รออยู่เต็มที่จนใบหน้าเกร็งไปหมด จู่ๆติรกาก็หยุดซะอย่างนั้น และมองหน้ารชานนท์ที่หน้ากระตุกอยู่ ติรกาเรียกเบาๆอย่างห่วงใย
“นนท์...”
รชานนท์ตัดสินใจขยับแก้มเข้าหาติรกาให้ติรกาหอมซะเลยแล้วแกล้งสะดุ้งตื่น
“อุ้ย..กระแตแอบหอมแก้มผมเหรอเนี่ย”
“ฉัน..เปล่านะ”
“ก็เมื่อกี้คุณเพิ่งทำหยก ๆ”
รชานนท์เอาหน้าเข้าหาให้ติรกาหอมอีก แล้วทำเป็นตกใจ
“นั่นไง กระแตแต๊ะอั๋งผมอีกแล้ว อดใจไม่ไหวใช่ม๊า”
ติรกาทั้งเขินทั้งขำ
“บ้า”
รชานนท์หอมแก้มติรกา
“แต่ผมอยู่ใกล้คุณ ผมอดใจไม่ไหวทุกทีเลยนะ”
ติรกาเอามือกุมแก้มแล้วนิ่งไป รชานนท์ยื่นมือมาตรงหน้าติรกา ติรกาตัดสินใจวางมือบนมือรชานนท์
“ไปทานข้าวกันนะ”
ติรกามองหน้า รชานนท์กระชับมือติรกาแล้วพาติรกาออกจากห้อง

พุทราสีหน้าครุ่นคิดเดินมาที่โต๊ะอาหาร
“คุณแม่ละคะพี่พุทรา” มัทรีถามขึ้น
“กำลังลงมาค่ะ” พุทราบอกแต่แววตาและสีหน้ายังครุ่นคิดต่อ
เตือนใจมองพุทราอย่างสงสัยแล้วเดินเข้ามาสะกิด
“แม่พุทราเชื่อม ทำหน้างุนงงสงสัยอะไรของหล่อน”
พุทรา มองซ้ายมองขวาอย่างระวังและบอก
“คือ... คุณเตือนมากับพุทราทางนี้ดีกว่าค่ะ”
พุทราดึงเตือนใจออกไปที่ระเบียงบ้านริมน้ำ เตือนใจถึงกับตกใจที่ได้ยินคำบอกเล่าจากพุทรา
“ยัยติความจำกลับคืนมาแล้วเหรอ”
“เหมือนจะเป็นอย่างนั้นน่ะค่ะคุณเตือน”
“ถ้ากลับมาจริง ป่านนี้ชักปืนลูกซองยิงตารบกระจายแล้ว”
“มันก็จริงค่ะ แต่พุทราอยู่กับคุณติมานาน พุทราพอจะแยกออกว่าอันไหนคุณติขาโหด อันไหนคุณติแม่พระ แต่คนที่จะแยกออกได้มากที่สุดก็ต้องเป็นคุณเตือนแล้วล่ะค่ะ”
เตือนใจคิดตามคำพูดของพุทรา









Create Date : 24 มีนาคม 2555
Last Update : 24 มีนาคม 2555 1:43:47 น.
Counter : 306 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]