All Blog
รักออกอากาศ ตอนที่ 5





เจ้าคุณหลบมานั่งโดดเดี่ยวคนเดียว ไม่นานนักสมใจก็เดินตามมาจนพบ

“ขอบใจนะ” สมใจเอ่ยขึ้น
“เรื่อง...” เจ้าคุณย้อนถามกลับทันที
“ยังจะมาถาม ก็เรื่องนังแค๊บไง
สมใจค้อนขวับ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ เจ้าคุณไม่ว่าไร เบือนหน้ามองไปข้างหน้า แต่ก็อดถามสมใจไม่ได้
“เธอเชื่อกะเขาด้วยเหรอ”
“เอาจริงๆ นะ ก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ”
“ตกลงแคบหมูเป็นอะไร”
เจ้าคุณหันขวับมามองสมใจแบบไม่อยากจะเชื่อหู แต่เจ้าคุณเองต้องจำนนด้วยหลักฐาน เพราะเพิ่งเห็นกับตาตัวเองเหมือนกัน เมื่ออุ๊ยรักษาแคบหมูแบบวิธีโบราณ
“อุ๊ยบอกว่านังแค๊บมันดันไปฉี่ลงแม่น้ำ”
“ฉี่ลงแม่น้ำ”
“น้ำในแม่น้ำเป็นน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกแม่อุ๊ยนางรอที่พวกเราเคารพนับถือกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่
นังแค๊บทำลงไป ทำให้วิญญาณแม่อุ๊ยนางรอโกรธจนมาเข้าสิงมันเป็นการลงโทษ”
เจ้าคุณมองหน้าสมใจแบบไม่อยากจะเชื่อ เหมือนได้ฟังนิทานหลอกเด็ก
“แล้วแม่อุ๊ยนางรออะไรนี่เขาเป็นใคร ทำไมถึงได้เฮี้ยนขนาดนี้”
เจ้าคุณถามไม่ได้อยากรู้ แต่อยากชวนสมใจคุยมากกว่า
“อย่าล้อเล่น!”
“ก็ได้ ก็ได้ ตกลงแม่อุ๊ยนางรอนี่ท่านเป็นใคร” เจ้าคุณถามต่อ สมใจเล่าให้ฟังโดยดี
“นานมาแล้ว ที่หมู่บ้านม่วนแต๊มีหญิงสาวคนนึงชื่อว่า “นาง” เธอสวยมากเป็นที่หมายปองของผู้ชายในหมู่บ้าน แต่เธอก็ไม่สนใจใคร เธอกลับไปรักกับผู้ชายเมืองกรุงคนนึง ที่หลงทางเข้ามา พ่อของเธอรวมทั้งผู้คนในหมู่บ้านกีดกันความรักของทั้งสองคน แต่ไม่ได้ผลนางมอบทั้งกายและใจให้กับผู้ชายคนนั้น แต่ต่อมา ผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจก็ทิ้งเธอไว้ที่ม่วนแต๊ และไม่กลับมาอีกเลย
เจ้าคุณอึ้งกับเรื่องราวที่ได้ฟัง
“เธอเสียใจมาก ทั้งเจ็บทั้งอาย สุดท้ายเธอก็ไปยืนอธิษฐานที่น้ำตกว่าถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจได้กลับมาหาเธออีกครั้ง เธอจะรอเขาอยู่ที่นี่ ตลอดไป”
“ห๊า!” เจ้าคุณหันไปมองหน้าสมใจ
“เธอโดดลงมา ฆ่าตัวตายที่น้ำตกนั้น หลังจากนั้นเริ่มมีเสียงเล่าลือว่ามักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ที่น้ำตกนั่นบ่อยๆ บางคนก็บอกว่าเห็นผู้หญิงนั่งเหมือนรอใครซักคนอยู่ที่ริมน้ำตกทุกคืน จนต่อมาชาวบ้านก็พากันเรียกน้ำตกนั้นว่าน้ำตกแม่อุ๊ยนางรอ”
เจ้าคุณเริ่มเข้าใจที่มามากขึ้น
“พวกเราเชื่อกันว่าน้ำจากน้ำตกแม่อุ๊ยนางรอเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ใครเจ็บไข้ไม่สบายให้ไปตักมากินตักมาอาบก็จะหาย แต่ถ้าใครไม่เคารพ ไม่ช่วยกันรักษาก็จะเป็นเหมือนนังแค๊บ”
“ไม่น่าเชื่อ” เจ้าคุณพึมพำกับตัวเอง
“พวกเราเชื่อกันยิ่งกว่านั้นอีกนะ” สมใจเล่าต่อ
“พวกเราเชื่อกันว่า ถ้าหนุ่ม-สาวที่รักกันพากันไปอธิษฐานและดื่มน้ำร่วมสาบานกันที่น้ำตก ความรักก็จะสมหวังและรักกันตลอดไป เหมือนกับว่าแม่อุ๊ยนางรอจะเอาใจช่วย อยากให้ทุกคู่รักสมหวัง ไม่ต้องผิดหวังเหมือนแม่อุ๊ยนางรอ”
เจ้าคุณอึ้งเหมือนเชื่อ ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มแล้วส่ายหน้าเหมือนไร้สาระ
“นี่! ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ อย่าให้รู้ก็แล้วกันว่าแอบพาสาวที่ไหนย่องไปดื่มน้ำร่วมสาบานที่น้ำตก แม่จะ
แฉให้รู้กันทั้งหมู่บ้านเลย”
“กล้าเหรอ” เจ้าคุณสวนทันที สมใจชะงักกึก แต่ก้ยังทำใจสู้กลัวเสียฟอร์ม
“ทำไมจะไม่กล้า”
เจ้าคุณจ้องหน้าสมใจ ยิ้มก่อนจะส่ายหน้าน้อยไม่ยอมพูดต่อ จนโดนสมใจฟาดเอาที่แขวน
“ฉันถามว่าทำไมฉันจะไม่กล้า”
“โอ๊ย! เจ็บนะ!” สมใจฟาดที่แขนเจ้าคุณอีกหนึ่งครั้ง
“บอกมาก่อนซิ ทำไมฉันจะไม่กล้า”
เจ้าคุณอดขำไม่ได้ สมใจฟาดรัวเลย เจ้าคุณร้องและแอบหลบ สุดท้ายคว้ามือสมใจไว้ทั้ง 2 ข้าง จ้แล้วสบตากัน
“บอกมา!” สมใจอึ้งแต่ยังทำใจสู้ แล้วลุ้นตา
“ก็ ไม่รู้ พูดไปงั้นแหละ
สมใจเซ็งเล็กน้อย สองคนนั่งเงียบไปสักครู่ แล้วชวนกันคุยเรื่องอื่นต่อ
“ถามจริง ทำไมเธอถึงเชื่อเรื่องพวกนี้”
“ชีวิตคนเรา อยู่ได้ด้วยความเชื่อไม่ใช่เหรอ”
สมใจพูดหน้านิ่ง เจ้าคุณหันมองหน้าสมใจ
“ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยปราศจากความเชื่อ เราจะอยู่ไปเพื่ออะไร ความเชื่อทำให้เรามีพลัง มีความมุ่งมั่น มีความศรัทธาถ้าเรามีความฝัน แล้วเชื่อว่าจะทำฝันนั้นให้เป็นจริงได้ เราก็จะมีพลังทำให้ฝันเป็นจริง นายว่าจริงมั้ย”
เจ้าคุณจ้องสมใจอย่างแอบทึ่งความคิดผู้หญิงคนนี้
“เอ่อ ลืมไป นายจะฟังอะไรยากๆ อย่างนี้เข้าใจได้ไงเนี่ย เฮ้อ! ฉันนี่ท่าจะติงต๊องยิ่งกว่านายซะแล้ว”
พูดจบสมใจก็หาวหวอด ไม่ห่วงสวย
“โหย ง่วงชะมัดเลย ไม่ได้นอนมาทั้งคืน”
พูดจบก็หงายหลังผลึ่งนอนหลับตาไม่พูดไม่จามันตรงนั้นเฉยเลย เจ้าคุณอึ้งก่อนจะแอบมองสมใจหลับพริ้มอย่างเพลิน สมใจแกล้งลืมตาพรึ่บ เจ้าคุณรีบหลบตาทันที
“ไม่ง่วงเหรอเราน่ะ”
“ฮึ!”
สมใจพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะหลับตานอน เจ้าคุณแอบมองสมใจอีกครั้ง ด้วยแววตาสนใจ ด้วยสายตาอ่อนโยนเอ็นดูสมใจ โดยที่เจ้าคุณก็ไม่รู้ตัว

ที่ร้านหวานเจี๊ยบ ลำยองกับลำใยกำลังช็อกอย่างแรง เมื่อรู้ข่าวว่าสมใจไปน้ำตกอุ๊ยนางรอสองคนกับเจ้าคุณ
“พี่ใจ/ นังใจ๋ ไปน้ำตกกะอ้ายขุนทอง!”
หวานเจี๊ยบ ลำยองและลำใยสามคนพูดพร้อมกัน โดยที่มีคำปุยเมาท์อยู่อีกฝั่งหนึ่งด้วย
“เออซิ ไปตั้งแต่ตี 5 กว่าจะกลับมาเกือบจะช่วยนังแค๊บไม่ทันแล้ว”
“ไปตั้งแต่ตี 5!” สามคนยังอุทานพร้อมกัน
“แล้วไปกะอ้ายขุนทอง 2ต่อ2 เนี่ยนะ!” สองแม่ลูกถามย้ำ
“เออซิ! นี่ๆตกลงที่ให้ฉันเล่ามาตั้งนานนี่ไม่ได้ห่วงใยนังแค๊บมันเลยใช่มั้ย”
คำปุยรู้ทันทีว่าสองแม่ลูกลำยองกับลำใย อยากถามเรื่องเจ้าคุณมากกว่า
“ก็ใช่น่ะเซ่! จะไปห่วงนังมันหมูมันทำไม แทใยเป็นห่วงอ้ายขุนทองมากกว่า ตายล่ะ ไปกะนังใจ๋ 2ต่อ2 จะโดนนังใจ๋มันทำมิดีมิร้ายยังไงบ้างก็ไม่รู้”
ลำใยลอยหน้าลอยตาพูด ปลัดจืดเดินเข้ามา ได้ยินก็ชะงัก
“นั่นซิ! ดีไม่ดี ป่านนี้โดนนังใจ๋มันตักน้ำจากน้ำตกแม่อุ๊ยนางรองกรอกปาก มัดมือชกให้ไอ้ขุนทองมันสาบานยอมเป็นผัวไปแล้วล่ะมั้ง”
“แม่! อย่าพูดจาดับฝันลูกอย่างนั้นซิจ๊ะ ลูกเสียใจ” ลำใยจะร้องไห้
“นี่! หยุดได้แล้วทั้งแม่ทั้งลูกน่ะ ขืนพูดจาหมาๆ ใส่พี่ใจ๋กะอ้ายขุนทองของฉันอีกล่ะก็ไม่ใช่แค่ดับฝันนะ
แต่ชีวิตแกดับด้วยแน่ๆ” หวานเจี๊ยบขึงขัง
“หนอย! นังหวานเจี๊ยบ ไม่รู้จักหัวหงอกหัวดำนะนังนี่” ลำยองสวนกลับหวานเจี๊ยบ
“ใช่เซ่! คำพูดพวกเรามันจี๊ดใจดำแกใช่มั้ยล่ะแ ล้วตกลงว่าหึงใครล่ะยะ ตัดสินใจถูกรึยังว่าจะหึงนังใจ๋ รึว่าหึงอ้ายขุนทอง”
ลำใยถามเชิงประชดหวานเจี๊ยบแล้วสองแม่ลูกฮากันกลิ้ง หวานเจี๊ยบฉุน คว้าน้ำเขียวสาดหน้าลำใยทันที คราวนี้ก็เริ่มจะตะลุมบอนกัน คำปุยต้องปรี่เข้าห้าม สุดท้ายลากหวานเจี๊ยบออกมาห่างจนเห็นหน้าปลัดที่ยืนจ๋อยอยู่
“เอ๊า! มายืนหน้าจืดอยู่ตรงนี้ทำไมวะ เกะกะ หึ้ย!” หวานเจ๊ยบพาลใส่ปลัด จนคำปุยต้องลากออกมา
“นี่! หยุดบ้าซะทีน่ะนังหวานเจี๊ยบ ไป ไปไสน้ำแข็งต่อไป๊!”
ปล่อยให้ปลัดจืด ยืนจ๋อยอึ้งอยู่ตรงนั้น

ที่บ้านสมใจ อาหารพื้นเมืองวางอยู่ที่พื้น แคบหมูคว้าอาหารจับใส่ปากกินอย่างเอร็ดอร่อย สมศรี สมหมาย และคำปุย นั่งจ้องอย่างสยดสยอง แคบหมูสำลักและไอออกมา สมศรีต้องส่งขันน้ำให้
“เฮ่ย! เบาๆ นังแค๊บ เอ้าๆ กินน้ำก่อน”
“เฮ้อ! พอผีแม่อุ๊ยนางรอออกไป แล้วมันโดนผีปอบเข้าสิงแทนรึเปล่าวะเนี่ย กินยังกะปอบลง”
แคบหมูหันขวับตาขวางทันทีโดยมีไส้หมูห้อยอยู่ที่ปากเหมือนปอบ
“อร้าย! นังแค๊บมันโดนปอบสิงจริงๆ ด้วย”
คำปุยตกใจโดดกอดสมหมาย สมศรีเลยตีแขนสมหมายกับคำปุยพร้อมกัน
“เอ๊! พอกันเลยคู่นี้ อู้ไปเรื่อย ค่อยๆ กินนังแค๊บ เดี๋ยวติดคอตาย”
แคบหมูรีบยัดไส้หมูเข้าปากเคี้ยว
“แกไม่ได้โดนปอบสิงจริงๆ นะนังแค๊บ!” คำปุยยังสงสัย
“โห่! เจ๊ปุ๋ย ตอนนี้ฉันน่ะน่ากลัวยิ่งกว่าปอบอีกนะ ให้กินหมูทั้งตัวยังได้ หิวจะตายชัก ไม่ได้กินอะไรทั้ง
วันทั้งคืนเลย”
พูดจบก็ยัดข้าวเหนียวเคี้ยวตุ้ยๆ
“เออๆ ค่อยยังชั่ว”
“เฮ้อ! นึกแล้วยังขนลุก นี่ถ้าไอ้ใจ๋กับไอ้ขุนทองมันไปเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์มาให้แกไม่ทันเวลาล่ะก็..นังแค๊บเอ๊ย”
“เจ๊ใจ๋ กับอ้ายขุนทอง!”
แคบหมูตาโตตกใจ สมศรีพยักหน้า ส่วนสมหมายแอบรู้สึกผิดที่เคยนึกรังเกียจไอ้ขุนทอง หรือเจ้าคุณในอดีตที่ผ่านมา

บ่ายนั้นสมใจยังนอนหลับพริ้มอยู่ที่เดิม ส่วนเจ้าคุณนั่งกอดเข่าเอาหลังพิงต้นไม้หลับตาอยู่ ซักพักสมใจขยับพลิกตัวค่อยๆ ลืมตา เห็นเจ้าคุณหลับปุ๋ยราวกับเด็ก เลยนอนมองก่อนจะยิ้มๆ เอ็นดู เจ้าคุณนึกอยากจะแอบดูใกล้ๆ เจ้าคุณลุกขึ้นค่อยๆ คลานเข้าไปใกล้ ยื่นหน้าจ้องมอง พิจารณาใบหน้าเจ้าคุณอย่างชิด ทันใดนั้น เจ้าคุณลืมตาพรึ่บสมใจตกใจตาโต
“ทำอะไร” สมใจถามเจ้าคุณ
“เอ่อ เอ่อ”
“ฉันถามว่าทำอะไร”
“คะ..คะ..คือ..”
“อ้าว ติดอ่าง”
“ชะ ฉัน”
“จะปล้ำฉันเหรอ” สมใจโพล่งถาม
“บ้า!”
สมใจผลักหน้าเจ้าคุณหงายเงิบ หัวไปชนต้นไม้โป๊กใหญ่อีกต่างหาก
หันรีหันขวางแบบทั้งเคืองทั้งเขิน แล้วชี้หน้าด่า
“ไอ้บ้า! เชอะ นึกว่าหล่อตายล่ะ หน้ายังกะ ยังกะ”
“ยังกะอะไร”
“ยังกะ ยังกะ สมเสร็จ!”
“ห๊า! สมเสร็จ” เจ้าคุณงงไม่รู้ว่าคืออะไร
“เออ! สมเสร็จ ละมั่ง หมีควาย อะไรก็ได้ทั้งนั้นอ่ะ ไอ้บ้า!”
พูดจบสมใจสะบัดตัววิ่งออกไปด้วยความอาย ทิ้งให้เจ้าคุณมองตามยิ้มอย่างมีความสุข
“สมเสร็จหวิดจะเสร็จสมใจซะแล้ว”
เจ้าคุณยิ้มขำอย่างเอ็นดูสมใจ สายตามีความสุขเป็นประกาย

สมใจอายเดินหนีออกมา แต่ต้องชะงัก เมื่อชนเปรี้ยงเข้ากับใครคนหนึ่ง
“ปลัด!”
ปลัดจืดมองสมใจนิ่ง ส่วนสมใจนิ่งในใจคิดว่าเมื่อสักครู่ปลัดได้เห็นเหตุการณ์ของตัวเองและเจ้าคุณหรือไม่
“เอ่อ ปลัดมาทำอะไรแถวนี้ เอ่อ มานานรึยัง” ปลัดจิดนิ่งทิ้งไว้เป็นปริศนา เลยตอบสีหน้าเรียบเฉย
“ก็เห็นว่าใจ๋หายไป เป็นห่วง”
“ง่วงน่ะ เมื่อกี๊เผลอ เอ่อ เผลอหลับไปอ่ะ” สมใจหลบตาตอบ
“ทีหลังอย่ามาหลับแถวนี้ มันอันตราย ถ้าง่วงก็กลับไปนอนที่บ้าน เข้าใจมั้ย”
สมใจรู้สึกผิด แต่ก็พยักหน้าตอบแทน ปลัดจืดถอนหายใจ
“ไป กลับบ้าน ฉันไปส่ง”
สมใจเดินออกไปกับปลัดจืดแต่โดยดี เจ้าคุณยืนมองอยู่ แอบใจหายวูบ ความสุขเมื่อสักครู่หายวับไปกับตา

เจ้าคุณขึ้นไปบนภูเขาที่มีหน้าผาชัน เจ้าคุณเดินเหงา มายืนหน้าเศร้าที่ปากเหว
“แม่ครับ...ผมเหงา...เหงาเหลือเกิน”
เจ้าคุณก้าวใกล้ปากเหวเข้าไปอีก
“ทำไม ไม่มีใครรักผมเลย”
คุณก้าวใกล้เข้าไปอีก จนดูหวาดเสียว
“พ่อครับ ผมขอโทษ ที่เคยทำผิดต่อพ่อ มารับผมไปอยู่ด้วยนะครับพ่อ”
เจ้าคุณคิดถึงเรื่องราวของพ่อในอดีต เห็นพ่อเอื้อมมือไขว่คว้าขอให้เจ้าคุณเอายาป้อนให้ แต่เจ้าคุณยืนกลัวตัวสั่น เจ้าคุณค่อยๆ หลับตาลง แล้วทิ้งตัวหน้าคว่ำลงหน้าผาเลย

ห้องนอนรวมภายในวัด รจนาวรรณกรี๊ดสนั่นเมื่อเธอฝันร้าย เกีย่วกับเจ้าคุณลูกชายสุดที่รักของเธอ
“ลูกคุณ!”
เอมี่ที่นอนถัดไปตกใจตื่นพรวดขึ้น ผู้ร่วมปฏิบัติธรรมต่างตกใจพากันตื่นงัวเงียกันทั้งศาลา
“ไม่จริง ลูกคุณ ลูกต้องไม่ตาย”
เอมี่ได้ยินเข้าถึงกับรำคาญปนงัวเงีย
“คุณหญิงแม่ขา ใครจะตายดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้คะ”
“ลูกคุณ ลูกคุณน่ะซิ ลูกคุณโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย ลูกคุณทิ้งแม่ไปอีกคนแล้ว หนูมี่!”

รจนาวรรณร้องไห้โผกอดเอมี่ อีกฝ่ายตกใจ
“อะไรนะคะ คุณคะของมี่โดดหน้าผาฆ่าตัวตาย! ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วคุณหญิงแม่รู้ได้ยังไงคะ”
“เมื่อกี๊ แม่รู้เมื่อกี๊ ฮือๆ” เอมี่ยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“เมื่อกี๊ ก็คุณหญิงแม่นอนอยู่ นี่คุณหญิงแม่ฝันเหรอคะ คุณหญิงแม่ฝันค่ะ!”
เอมี่โกรธผสมเซ็ง รจานาวรรณชะงักไป
“อ้าว เหรอ ฝันเหรอ”
“ก็ฝันน่ะซิคะ เฮ้อ เมื่อกลางวันทานเยอะไปรึเปล่า มี่บอกแล้วว่าให้ทานน้อยๆ หน่อยก็ไม่เชื่อ ง่วงจะตายอยู่แล้ว”
เอมี่จะก้มตัวลงนอน แต่โดนรจนาวรรณกระชากไว้
“เดี๋ยว หนูมี่!”
“อะไรอีกล่ะค้า”
“แต่ที่แม่ฝันน่ะ มันเหมือนจริงมากเลยนะ แม่ไม่เคยฝันอย่างนี้มาก่อน แม่ฝันเห็นลูกคุณโดดหน้าผาตาย แม่ใจคอไม่ดีเลย”
“คุณหญิงแม่ มันก็แค่ฝันอ่ะค่ะ นอนเถอะนะคะ มี่ง่วง”
เอมี่พูดไปหาวไป รจนาวรรณถอนหายใจ เอมี่ไม่สบอารมณ์แต่ก็ล้มตัวลงนอน
“แม่ไม่ยอม! แม่จะไปหาเจ้าคุณ ที่อังกฤษ!”
“ก็ดีค่ะ มี่ไปด้วย ว๊าย! คุณหญิงแม่ จะไปหาคุณคะที่อังกฤษ”
“ใช่ แม่จะไปพรุ่งนี้!”
“พรุ่งนี้!”
เอมี่ตาเหลือกตกใจ แต่รจนาวรรณมุ่งมั่น เอมี่กังวลขึ้นมาทันที

คอนโดแมทธิว ไฟห้องถูกเปิด แมทธิวนอนบนเตียงอยู่กับสาวคนเดิม ควานหาโทรศัพท์มือถือที่เสียงดังลั่น
“ใครตายวะถึงได้โทร.มาดึกๆ ดื่นๆ โหล! โหลๆ”
เอมี่ แอบพูดโทรศัพท์อยู่มุมนึงมืดๆ เหลียวซ้ายแลขวากลัวใครมาเห็น
“แมท! แย่แล้ว”
“เอมี่! อะไรอ่ะ โทร.มาทำไมป่านนี้”
แมทธิวเสียงรำคาญใส่ทันที
“ไม่โทร.ตอนนี้จะให้โทร.ตอนไหน พรุ่งนี้ยัยคุณหญิงแม่จะไปหาเจ้าคุณที่อังกฤษ!”
“ก็ช่างหัวมันดิ! ว่าไงนะ คุณหญิงแม่จะไปหาเจ้าคุณที่อังกฤษ!” แมทธิวตกใจผลักสาวในอ้อมกอดกระเด็น
“โหย หนูเจ็บนะคะพี่” เอมี่ได้ยินหูผึ่งอยากรู้ว่าเสียงใคร
“เฮ้ย! เสียงใครน่ะ”
“แค่นี้นะ” แมทธิววางสายทันที
“เดี๋ยว! ฮาโหล แมท เสียงใคร บอกมาเดี๋ยวนี้! แมท”
แมทธิวหน้าเครียดเมื่อรู้ว่ารจนาวรรณแม่ของเจ้าคุณจะไปหาตัวลูกชายในวันพรุ่งนี้

เช้าวันใหม่ที่ลานวัด รจนาวรรณกำลังนั่งดูรูปเจ้าคุณที่ถูกตัดต่อให้เหมือนว่าถ่ายที่ลอนดอน แบคกราวน์เป็นสถานที่สำคัญของลอนดอน อย่างบิ๊กเบน พระราชวังบัคกิ้งแฮม รถเมล์สีแดง ทหารอังกฤษ
โดยมีก้องเกียรติ กิ่งแก้ว แมทธิว เจอาร์ และเอมี่นั่งอยู่ด้วย
“เห็นมั้ยครับคุณแม่ว่าเจ้าคุณสบายดี ไม่ได้เป็นอะไรเลย” ก้องเกียรติยืนยัน
“นี่เป็นรูปล่าสุดที่เจ้าคุณอีเมล์มาให้พวกเราสดๆ ร้อนๆ เลยนะครับคุณหญิงแม่” เจอาร์คอยเสริมอีกทาง
“โถ ลูกคุณของแม่ ดูซิ ซูบลงไปเป็นกอง”
“ก็แหงล่ะครับ ตกระกำลำบากซะขนาดนั้น”
รจนาวรรณ ก้องเกียรติ กิ่งแก้ว เอมี่ และเจอาร์หันขวับไปมองแมทธิว แมทธิวชะงัก
“ผมหมายความว่าเจ้าคุณไปปฎิบัติธรรมในวัดไทยที่ลอนดอน ก็ต้องกินข้าวมื้อเดียว ช่วยกวาดวัด ล้างส้วม ลำบากขนาดนั้นก็น่าจะผอมลงนะครับ”
ทุกคนโล่งอก
“โธ่! ลูกแม่ แต่เห็นอย่างนี้แม่ก็ค่อยสบายใจหน่อย”
“เจ้าคุณยังไม่ท้อถอย แล้วคุณหญิงแม่ล่ะคะ อยู่ปฎิบัติธรรมต่ออายุให้เจ้าคุณต่อเถอะนะคะ” กิ่งแก้วอ้อนวอนอีกรอบ
“จ้ะ แม่จะไม่ท้อถอย แม่จะสู้เพื่อลูกคุณของแม่ ขอบใจพวกหนูมากเลยนะจ้ะ”
ทุกคนโล่งอก รจนาววรณก้อมมองรูปเจ้าคุณยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุข

อีกมุมหนึ่งบริเวณวัด ทุกคนกำลังเดินทางกลับ
“ขอบใจมากนะไอ้เจอาร์ ถ้าไม่ได้แกช่วยตัดต่อภาพไอ้คุณให้ทันเวลาล่ะก็ ซวยกันหมดแน่” ก้องเกียรตขอบคุณเจอาร์ที่ช่วยได้ทันเวลา
“โน พล็อบเบล็ม มาย เฟรนด์ เรื่องแบบนี้ขอให้บอกเจอาร์ จัดให้!”
ก้องเกียรติ กิ่งแก้ว และเจอาร์ ตีมือกันแบบฝรั่งดีใจ
“เฮ้อ! นึกๆ ดูก็บาปกรรมเนอะ โกหกคุณหญิงแม่ยังไม่พอ นี่ยังต้องเข้ามาโกหกกันถึงในวัด อโหสิให้ลูกด้วย ลูกทำไปเพราะความจำเป็นจริงๆ เจ้าค่ะ”
กิ่งแก้วพนมมือไหว้เช่นเดียวกันกับก้องเกียรติที่แอบรู้สึกผิดเหมือนกัน
“เว่อร์น่ะกิ๋ง เรื่องแค่นี้” แมทธิวไม่พอใจ
“แค่นี้ที่ไหนกัน นับวันฉันก็ยิ่งสังหรณ์ใจว่าอีกหน่อย เรื่องของเจ้าคุณ มันจะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ” กิ่งแก้วโต้แมทธิวทันที
“เฮ้ย! จริงเหรอ ไม่ธรรมดามันจะสเปเชียลยังไงเหรอกิ๋ง เทลมี เทลมี ไรท์นาว”
“งี่เง่าน่า! น้ำหน้าอย่างไอ้เจ้าคุณเนี่ยนะจะมีอะไรสเปเชียล เชอะ!” แมทธิวไม่เชื่อ
“นายนี่น่าสงสารจริงๆ นะแมทธิว” กิ่งแก้วพูดด้วยแววตาสมเพช
“ทำไม จะมาสงสารฉันทำไม”
“ก็สงสารที่นายเป็นโรคขี้อิจฉาชนิดที่รักษาไม่หายน่ะซิ”
“กิ๋ง!”
แมทธิวเดือด แต่ก้องเกียรติกับเจอาร์มาหย่าศึกไว้ได้
“เฮ้ๆ! ไม่เอาน่า อย่าทะเลาะกันซิ วี อาร์ เฟรนด์ โอเค้”
“ใจเย็น กิ๋ง” ก้องเกียรติห้ามแฟน
“นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นผู้หญิงนะกึ๋ง ฉันต่อยปากเธอไปแล้ว” แมทธิวโพล่งขึ้น
“แต่ถึงนายจะเป็นผู้ชาย ฉันก็ไม่เคยกลัวนะ แมท”
“กลับๆไอ้เจอาร์ช่วยหน่อยซิวะ”
เจอาร์ช่วยลากกิ่งแก้วออกไป โดยมีแมทธิวตะโกนไล่หลัง
“สั่งสอนแฟนแกด้วยนะไอ้ก้อง ว่าฉันเป็นคนทำให้บริษัทแกมีงานทำ หัดสำนึกบุญคุณซะมั่ง”
พูดจบก็หันหลังกลับมา ผงะเงิบ
“เฮ๊ย!”
เอมี่ยืนจ้องตาวาวอยู่หน้าตาเอาเรื่อง
“เอมี่!”
“ตกลง ที่เอมี่ได้ยินเสียงผู้หญิงทางโทรศัพท์เมื่อคืนนี้น่ะ เสียงใคร”
“เสียง เสียงอะไร เสียงผู้หญิงที่ไหน ไม่มี้!” แมทธิวยังไก๋
“อย่ามาโกหก! เสียงใคร”
“อย่ามาขึ้นเสียงใส่!”
“ทำไมจะขึ้นไม่ได้”
“ก็เพราะเธอไม่ใช่แม่ฉัน! และเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกับฉันทั้งนั้น!”
“ฉันจะแฉแผนการของแกให้ทุกคนรู้”
เอมี่โกรธและอาฆาต
“ฉันก็จะแฉให้ไอ้เจ้าคุณแล้วก็คุณหญิงแม่รู้เหมือนกัน ว่าฉันน่ะฟาดว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณหญิงแม่ไป
เรียบร้อยแล้ว”
“ไอ้ ไอ้เลว!”
“เธอกับฉันมันกระดูกคนละเบอร์ เอมี่! อย่าบังอาจมาหือกับฉันอีก!”
แมทธิวผลักคางเอมี่หน้าหัน แล้วเดินออกไปอย่างเร็ว
“ไอ้แมทธิว! ไอ้นรก”

บ่ายวันนั้นที่ใต้ถุนบ้านกำโป๊ง เจ้าคุณกับไส้อั่วช่วยกันหิ้วน้ำเดินเข้าบ้านมา แล้วต้องหยุดชะงัก
“ลุงกำโป๊ง!”
กำโป๊ง หันหน้ามาอย่างหล่อ ใส่เสื้อลายดอกสดใสผิดปกติ ผิดหูผิดตา
“อะไร เรียกทำไมซะดังวะ ตกใจหมด”
“ทำไมวันนี้แต่งตัวหล่อ”
“หล่อเหล่อที่ไหน ข้าก็แต่งตัวให้ดูดีมีกาลเทศะ”
“ไม่ต้องบอกก็รู้ แต่งตัวอย่างนี้ต้องมีนัดพิเศษกะน้าเครือฟ้าชัวร์!”
กำโป๊งแอบค้อนแต่ก็เขินอาย
“นัดพิเศษพ่อเอ็งน่ะซิไอ้ไส้อั่ว วันนี้แม่เครือฟ้าเขามีนัดประชุมที่บ้านเขาเว๊ย”
“นัดประชุมอะไรเหรอลุง”

ใต้ถุนบ้านเครือฟ้า กำลังทำการประชุม ชาวบ้านมากันครบถ้วนหน้า เครือฟ้าเตรียมแถลงการณ์ท่ามกลางผู้เข้าประชุมที่นั่งล้อมวงกันอย่างพร้อมเพรียง
“ข้าเจ้าขอขอบใจพี่น้องม่วนแต๊ทุกคน ที่เห็นด้วยกับงานฟ้อนที่ข้าเจ้าจะจัดขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการ
อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของบ้านเราให้สืบต่อไป โดยลูกหลานม่วนแต๊จะเป็นผู้สืบสานรักษามรดกชิ้นสำคัญนี้ไว้ให้นานแสนนาน”
ทุกคนปรบมือปลาบปลื้มชื่นใจ โดยเฉพาะกำโป๊ง
“งานฟ้อนนี้คงจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีพ่อปลัดจืดของเราเป็นเรี่ยวแรงสำคัญ”
ทุกคนปรบมือลั่น ยกเว้นเจ้าคุณหน้าจ๋อยปรบมือเปาะแปะ
“เอ่อ แต่ผมทำไม่สำเร็จนะครับน้าเครือฟ้า”
ทุกคนอึ้ง
“โครงการงานฟ้อนที่ผมเข้าไปเสนอในเมือง เขาไม่สนใจเลย”
“ใครไม่สน แต่พ่อปลัดจืดสนนี่เจ้า”
“แค่คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างพ่อปลัดแสดงความสนใจในศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของเรา แค่นี้น้าก็ชื่นใจขนาดล่ะ อนาคตของบ้านเราอยู่ในมือคนรุ่นใหม่อย่างพวกพ่อปลัด อีกหน่อยพ่อปลัดเป็นใหญ่เป็นโต น้าก็ขอฝากไว้ด้วย ให้ช่วยกันดูแล ไม่ใช่ช่วยกันแชเชือนเหมือนพวกที่พ่อปลัดว่า”
“ครับ ผมสัญญา ถึงแม้ผมจะไม่ใช่ชาวม่วนแต๊โดยกำเนิด แต่ผมก็รัก...”
ปลัดเหลือบมองสมใจ
“...ผมก็รักม่วนแต๊ และจะไม่มีวันทอดทิ้งมรดกที่ชาวม่วนแต๊ภาคภูมิใจอย่างเด็ดขาด”
ชาวบ้านปรบมือเฮอย่างถูกใจ
“ขอบใจพ่อปลัดมากเจ้า และบุคคลสำคัญที่ข้าเจ้าต้องขอขอบคุณเพราะเป็นตัวจริงเสียงจริงที่เสนอตัวเป็นสปอนเซอร์หลักอย่างเป็นทางการให้แก่งานฟ้อนครั้งนี้ ก็ได้แก่ พี่สมหมาย และพี่สมศรีแห่งไร่ชาม่วนใจ๋เจ้า”
ชาวบ้านเฮสนั่น สมหมายกับสมศรี ลุกขึ้นโบกมือยิ้มแย้มเต็มใจ
“ส่วนอีกคนสำคัญที่ขาดไม่ได้ ก็คือผู้สนับสนุนอุปกรณ์ไฟฟ้าเครื่องเสียงครบชุด พี่กำโป๊งเจ้า”
ชาวบ้านเฮสนั่น ลุงกำโป๊งลุกขึ้นโค้งหล่อเท่ ลำยองลุกขึ้นทะลุกลางป้องขึ้นมา
“เอ้าเฮ้ย! ฟังมาตั้งนานแล้ว ตกลงยังไม่รู้เลยว่างานฟ้อนอะไรเนี่ยมันเป็นยังไง แล้วจะเอาใครมาฟ้อนวะ”
ชาวบ้านพึมพำสงสัยตาม
“คืองี้จ้ะ งานฟ้อนก็จะจัดขึ้นที่เรือนชั้นนี่แหละ เพื่อโชว์ให้นักท่องเที่ยวฝรั่งได้ดู ส่วนผู้ที่จะมาฟ้อนก็คือลูกหลานบ้านเรา”
ชาวบ้านเริ่มฮือฮา
“ลูกหลานมันจะฟ้อนเป็นที่ไหนวะ แกก็มีคนฟ้อนอยู่แล้วนี่” ลำยองย้อนถาม เครือฟ้ายัวะลืมตัว
“เอ๊ะ! นังนี่!!ก็พูดอยู่ว่าต้องการเอาลูกหลานมาสืบสาน หูหนวกรึไงวะนังลำยอง”
“ใช่! ถ้าไม่หูหนวกก็โง่” หวานเจี๊ยบช่วยน้าสาวตัวเองทันที
“อ้าวเฮ้ย! ลุยเลยมั้ยคุณแม่ขา” ลำยองกับลำใยสองแม่ลูกจะเอาเรื่อง ผู้คนเริ่มฮือ
สมหมายกับสมศรีต้องคอยห้าม
“หืมม์ เท่จริงๆ นะแม่เครือฟ้า” กำโป๊งชื่นชมต่อ
“เอ้า! สรุปว่าลูกหลานบ้านเราจะมาฟ้อน ว่าแต่ ไอ้ลูกหลานที่ว่าน่ะมันจะเป็นใครมั่งล่ะ แม่เครือฟ้า”
“อันนี้เราก็จะต้องทำการคัดตัวกันน่ะจ้ะ”
“คัดตัว!”
ลูกหลานที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน สมใจ หวานเจี๊ยบ คำปุย ลำใย แคบหมู ไส้อั่ว เด็กรุ่นๆ ที่นั่งอยู่ตกใจที่ต้องมาคัดตัวฟ้อนรำด้วย

สมใจ หวานเจี๊ยบ คำปุย แคบหมู ลำไย และไส้อั่ว ร่วมฟ้อนอยู่ด้วย ทุกคนดูกระโดกกระเดก ยกเว้น คำปุย กับไส้อั่ว สมใจแอบอาย เมื่อเห็นเจ้าคุณมองอยู่มุมหนึ่ง แต่พอมองตากัน เจ้าคุณก็เดินหายไป สมใจมองอย่าง เอะใจ เครือฟ้าที่ยืนดูอยู่กับเหล่าผู้ปกครอง และปลัดจืดที่ยังจ๋อยเหมือนเดิม
“โอย ข้าเจ้าจะเป็นลม! เดี๋ยวก่อนนะ ตกลงใครฟ้อนผู้ชาย ใครฟ้อนผู้หญิงกันแน่”เครือฟ้าปรี่เข้ามาถามลูกหลานทันที
“ต๋ายล่ะ! ทำไมน้าเครือฟ้าพูดแบบนี้ งามอย่างปุ๋ยนี่น้าจะให้ไปฟ้อนเป็นผู้ชายได้ยังไง” คำปุยรีบตอบ
“เหรอแล้วนี่ล่ะ” เครือฟ้ามองไปที่ไส้อั่วทันที
“น้าก็ลองคิดดูซิ”
“แน้”
“อ้าวเฮ้ย! ไงวะเนี่ย ไอ้อั่วหลานข้า”
“เห็นทีเราคงต้องยกเลิกการคัดตัว” เครือฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่
“อ้าว!” ทุกคนตกใจ
“ทำงี้ได้ไงยะ นังเครือ” ลำยองดูไม่พอใจ
“ก็ถ้าขืนยังคัดตัว คงตกรอบกันหมด แล้วจะเหลือใครไว้สืบสานงานฟ้อนของเราล่ะ”
ทุกคนพึมพำเห็นด้วยเพราะรำได้กระโดกกระเดกมาก
“ถ้างั้นน้าเครือฟ้าจะทำยังไงต่อไปครับ” ปลัดจืดถาม
“ก็ไม่ต้องคัดตัว แต่จับมาหัดมันซะทั้งหมดนี่แหละ”
ผู้ปกครองเออออเห็นดีด้วย
“เอ้าๆ ทั้งหมด เริ่มใหม่ ฟ้อนตามน้านะ”
เครือฟ้าเริ่มฟ้อน ทุกคนเริ่มตามเก้ๆ กังๆ ผู้ปกครองลุ้น ชื่นชม สมใจแอบชะเง้อมองหาเจ้าคุณ ปลัดจืดแอบสังเกตเห็น แอบรู้สึก แต่ถูกสมหมายชี้ชวนให้ดูสมใจฟ้อน ก็เลยต้องเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้

เย็นนั้นที่บ้านสมใจ คำปุยกำลังเหยียบแก้เมื่อยให้สมใจที่นอนคว่ำอยู่เพราะฝึกฟ้อนรำกันนานหลายชั่วโมง
“เออ แรงอีกนิด อีกนิดนึง”
“ตาฉันมั่งซิไอ้ใจ๋ เมื่อยน่าดูเลย”
สมใจสลับลุกขึ้นเหยียบให้คำปุยมั่ง
“จริงด้วย ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่ามันจะทำเอาปวดเมื่อยขนาดนี้ ไม่รู้น้าเครือฟ้าเขาฟ้อนได้ไงทุกวัน”
“อือ เก่งจริงๆ นะ”
“เฮ้อ! กว่าจะฟ้อนเป็น พวกเรามิตัวหักกันหมดเหรอ ให้ฉันไปเก็บใบชาอย่างเดียวดีกว่ามั้ง”
“ไม่นะ! ยังไงชฉันก็จะฟ้อนนะนังใจ๋ มันเป็นความใฝ่ฝันของฉันเลยนะยะ”
สมใจหมั่นไส้คำปุยเลยเหยียบแรงขึ้น
“นี่แน่ะ!”
“โอ๊ย! แกล้งฉันเหรอนังใจ๋ กลัวฉันได้ดิบได้ดี ฟ้อนเกินหน้าเกินตาแกใช่มั้ย”
“เออ! ไม่เอาแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวมืด ไปด้วยกันมั้ย”
“ยังก่อน! ขอนอนพัก ชวนนังแค๊บไปซิ”
“เออ จริง นังแค๊บ!”
แคบหมูนอนหายใจหอบอยู่อีกมุมนึง สมใจคกใจคิดว่าแคบหมูเป็นอะไรขึ้นมาอีก
“เฮ้ย! เป็นไรอ่ะ”
“ระบมไปทั้งตัวดิเจ๊ใจ๋ ฟ้อนอะไรไม่รู้ เจ๊ไปคนเดียวเหอะนะ แค๊บไม่ไหวจริงๆ”
สมใจชวนใครอาบน้ำก็ไม่มีใครไปด้วย จึงต้องไปคนเดียว

สมใจเดินถืออุปกรณ์มา ค่อยๆ ลงน้ำ เช่นเดียวกับเจ้าคุณเดินถือขัน สบู่มาจะอาบน้ำเหมือนกัน แต่เห็นสมใจก็ชะงัก คิดนิดนึง แล้วจะเดินกลับ สมใจหันมาเห็น เลยร้องเรียกไว้
“ขุนทอง!”
เจ้าคุณชะงัก ค่อยๆหันมา
“จะไปไหนล่ะ” สมใจถามขึ้น
“เอ่อ...” เจ้าคุณยังพูดไม่ออก
“ไม่ได้มาอาบน้ำหรอกเหรอ”
สมใจมองขันและสบู่ในมือขุนทอง ขุนทองมองตาม
“เอ่อ...”
“นายเป็นอะไรอ่ะ โกรธฉันเหรอที่วันก่อนฉันว่านายว่า เอ่อ..ว่าหน้านายเหมือนสมเสร็จ ละมั่ง หมีควาย”
เจ้าคุณแอบยิ้ม
“พอ..พอแล้ว ไม่ต้องพูดหมดก็ได้”
“ขอโทษนะ ปากฉันมันก็ยังเงี้ย”
เจ้าคุณพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็จะเดินกลับ
“อ้าว! จะไปไหน นายยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
“เธออาบก่อนเถอะ”
พูดจบเจ้าคุณก็ค่อยๆ เดินออกไป ปล่อยให้สมใจมองตามด้วยความงง เจ้าคุณค่อยๆ เดินไกลออกมาจากสมใจ

ภาพของทั้งคู่เล่นน้ำตก ช่วยกันซ่อมมอเตอร์ไซค์ สมใจนอนหลับ สมใจคลานมาหน้าใกล้เจ้าคุณ ฉากปลัดจืดมารับสมใจกลับไป ยังคงวนเวียนใจหัวของเจ้าคุณ

เจ้าคุณสะบัดหน้าราวกับว่าอยากสลัดภาพพวกนี้ออกไปจากความคิดและหัวใจ
เช้าวันใหม่ กำโป๊งกับเจ้าคุณกำลังโปรยข้าวเปลือกให้ไก่ในเล้าด้วยความเซ็ง เผลอพูดลอยๆกับไก่เป็นระยะ

“เกิดเป็นไก่นี่มันก็ดีเหมือนกันนะ แกเคยเหงามั่งมั้ย”
ไก่จิกข้าวไป ไม่รับรู้แต่เจ้าคุณเริ่มเหงามากขึ้น
“โคตรเซ็งเลย! อยู่ไปวันๆ เฮ๊ย! เราอยู่ที่นี่มากี่วันแล้ววะ จะเดือนนึงแล้วนี่หว่า จะเดือนนึงแล้ว! จะ
เดือนนึงแล้วเว๊ย จะได้กลับบ้านแล้ว วู้ๆ จะได้กลับบ้านแล้ว! ไอ้แมท! แกเตรียมตัวไว้ให้ดี อีกไม่นาน แกจะต้องกราบเท้าฉันแล้วเว๊ย!
เจ้าคุณทำให้ แมทธิวนั่งจิบกาแฟดูทีวีอยู่ สำลักกาแฟพรวด
“ไม่จริง!”
แมทธิวหน้าตาเครียดร้ายไม่ยอมแพ้

ในขณะที่เจ้าคุณดีใจอยู่กับไก่ในเล้า แต่ที่ห้องคอนโทรลของก้องเกียรติและกิ่งแก้วดีใจเช่นกันที่ใกล้ครบ 1 เดือนตามที่เจ้าคุณไปอยู่บ้านนอกในรายการเรียลิตีไฮโซบ้านเฮา
“เยส!”
ทั้งคู่หันมาตีมือกัน กอดกันด้วยความดีใจ
“เจ้าคุณเก่งจริงๆ นะก้อง”
กิ่งแก้วชมเจ้าคุณ
“อืมม์ ไอ้คุณมันเจ๋ง สะใจว่ะ!”
ก้องเกียรติยิ้มภูมิใจในตัวเพื่อน
“นี่อีกกี่วัน เจ้าคุณจะได้กลับบ้านนะก้อง”
“7 วัน”
“7 วัน ไชโย้!”
สองคนกอดกันแน่น พนักงานที่นั่งคุมเครื่องอยู่เรียกขึ้นมา
“พี่ๆ”
“อะไรวะ” ก้องเกียรติเอ่ยถาม
“อีก 7 วัน รายการก็จะจบแล้วเหรอพี่”
“ก็เออซิวะ!”
“แล้วพวกเราจะเอาอะไรกินกันล่ะพี่”

ก้องเกียรติกับกิ่งแก้วอึ้ง หันมองหน้ากันแล้วก่อนจะหันกลับไปที่จอมอนิเตอร์เฝ้ามองเจ้าคุณอย่างครุ่นคิดในใจ
เจ้าคุณยังคงดีใจอยู่ที่เล้าไก่อย่างเดิม กำโป๊งกับไส้อั่วยืนถืออุปกรณ์เครื่องเสียงบางส่วนมองอยู่อย่างเห็นท่าทางดีใจของเจ้าคุณที่ดีใจกับไก่ในเล้าก็อดคุยกันไม่ได้
“เฮ้อ ตอนแรกก็ไม่อยากจะเชื่อว่าต๊อง แต่ตอนนี้...เฮ้อ!”
ไส้อั่วพูดขึ้นมาพร้อมส่ายหัว กำโป๊งสะดุ้งนิดนึง ที่ไส้อั่วแอบไม่เชื่อก่อนจะเรียกเจ้าคุณ
“ไอ้ขุนทอง!”
“เอ่อ จะไปไหนกันน่ะ” เจ้าคุณเอ่ยถาม
“จะไปไหน ก็ไปเรือนแม่เครือฟ้าน่ะซิเว๊ย!”
“อ๋อ”
“ยังจะมาอ๋อ! เอ็งก็ต้องไปด้วย มาช่วยข้าขนเครื่องเสียงไปช่วยงานฟ้อนเขาสิเว๊ย! เร็ว!”
“จ้ะๆ”
เจ้าคุณวิ่งจะมาคว้าของในมือกำโป๊ง
“อันนี้ข้าถือเอง เอ็งไปเอาอันใหญ่ที่หลังบ้านนู่น ไป๊!”
“จ้ะๆ”
เจ้าคุณวิ่งออกไป กำโป๊งส่ายหัว บ่นด้วยความเซ็งในความงงของเจ้าคุณ
“เมื่อไหร่เอ็งจะมาเอาของเอ็งคืนไปซะทีวะไอ้ก้อง”
“ไอ้ก้อง ใครอ่ะลุง” ไส้อั่วถามอย่างสงสัย
“อ้าว! ไอ้ง่าว แค่นี้ก็ไม่รู้ ไอ้ก้องมันก็เป็น...เฮ้ย! ไม่ใช่เรื่องไปได้แล้ว
ไส้อั่วโดนกำโป๊งเขกหัว แต่ก็ยังไม่วายสงสัยต่ออีก
“ใครวะไอ้ก้อง”
เช้าวันนั้นที่บ้านเครือฟ้าเครือฟ้ากำลังดัดนิ้วสมใจให้อ่อนในการฟ้อนรำ สมใจร้องลั่น
“โอ๊ย!”
“อะไร แค่นี้เจ็บ เฮ้อ! ฉันล่ะอ่อนใจ เด็กสมัยนี้ไม่มีแล้ว ไม่เหลือแล้วความเป็นไทย ศิลปวัฒนธรรมก็ไม่ช่วยกันรักษาไว้ ปล่อยให้ใครต่อใครเขามาฮ๊วบกันไปซะหมด อย่างนี้อีกหน่อยเราจะเหลืออะไรไว้ให้ภูมิใจกันฮึ”
“ไม่เจ็บแล้วจ้า ไม่เจ็บแล้วน้าเครือฟ้า แหม ก็คนมันไม่เคยอ่ะ อย่ามาว่ากันอย่างนี้ซิ บ้านฉันๆ ก็รักนะ” สมใจตอบเครือฟ้า
“จริงด้วยน้าเครืออ่ะ อย่ามาว่าพี่ใจ๋ของชั้นแบบนี้ซิ ไปว่านังเต้าหู้ยี้ นั่นดีกว่ามั้ง บ้าของนอกตลอด!”
หวานเจี๊ยบป้องสมใจ แต่แอบกัดลำใยที่ชอบเกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ
“อ้าวๆ นังลิงเจี๊ยก ข้านั่งสวยๆ ของข้าอยู่ดีๆ มาแขวะกันอย่างนี้ อยากมีเรื่องเหรอยะ” ลำใยของของขึ้น
“ฉันพูดถึงนังเต้าหู้ยี้ แกเป็นนังเต้าหู้ยี้เหรอ”
ลำใยหันไปถามลำยอง
“คุณแม่ขา!แทใยเป็น เต้าหู้ยี้รึเปล่าคะ”
“ตรงไหน เต้าหู้ยี้ตรงไหน ไม่มี๊ ไม่เป๊น สวยๆ อย่างลูกแม่ ไม่มีทางเป็นเต้าหู้ยี้เด็ดขาด นี่ นังหวานเจี๊ยบ ต่ำทรามมากนะแก พูดจาหมาๆ นังน้าไม่สั่งสอน”
ลำยองแขวะเครือฟ้า
“อ้าว! นังนี่! พูดงี้ก็งามเซ่” เครือฟ้าของขึ้น ไม่เรียบร้อยแบบเก่าซะแล้ว
ก่อนสงครามจะเกิด กำโป๊งก็โผล่มาพร้อมเจ้าคุณ ไส้อั่ว และเครื่องเสียงบางส่วน
“มาแล้วจ้า กำโป๊งไลท์แอนด์ซาวด์ เดลิเวรี่ถึงที่”
กำโป๊งส่งเสียงมาแต่ไกลเครือฟ้ากับลำยอง แยกวงทันที
“ขอบใจพี่โป๊งมากนะจ้ะ” เครือฟ้าขอบคุณกำโป๊งจนลำยองหมั่นไส้
“แหวะ! จะอ้วก น้องช่วยนะจ๊ะโอ๊ปป้า!”
ลำยองปรี่ไปหากำโป๊งยังไม่วายติดเรียกกำโป๊งว่าพี่ชายเป็นภาษาเกาหลีไปด้วย
“ไม่ต้องๆ ของอย่างนี้สุภาพสตรีไม่ต้อง”
“อูย โอ๊ปป้า น่ารักอ่ะ!”
ลำใยกับหวานเจี๊ยบ พุ่งไปหาเจ้าคุณ
“หนักมั้ยจ๊ะ โอ๊ปป้า”
ลำใยพูดกับเจ้าคุณ ส่วนหวานเจี๊ยบเตรียมช่วยเจ้าคุณเช่นกัน
“ฉันช่วยนะ”
“ไม่ต้องมันหนักมาก”
สมใจย่นจมูกใส่เจ้าคุณ เจ้าคุณมองกลับไป
เจ้าคุณมองสมใจแล้วเดินหลุดไป เครือฟ้าเรียกเด็กๆมาสอนฟ้อนรำต่อ
“เอาล่ะจ้ะ เด็กๆ เรามาซ้อมกันต่อได้แล้วจ้ะ”
ทุกคนซ้อมกันไป สมใจยังกระโดกกระเดก เจ้าคุณจัดเตรียมเครื่องเสียงอยู่ห่างๆแอบอมยิ้ม
สมใจค้อนขวับ เครือฟ้าตีก้นสมใจซ้ำอีก
“โอ๊ย!”
“ก้าวขาก็ผิด! ขาซ้าย! เฮ้อ สอนไม่จำ”
เจ้าคุณยิ้มขำ ส่ายหน้า สมใจทั้งเจ็บทั้งอาย หันไปทำหน้ายักษ์ใส่เจ้าคุณ

มุมหนึ่งของบ้านเครือฟ้า เจ้าคุณนั่งอยู่บนม้านั่งยาว หวานเจี๊ยบเอาถุงน้ำแดงยื่นใส่หน้า เจ้าคุณหันมอง เห็นเป็นหวานเจี๊ยบจับมือสมใจยืนอยู่ด้วยกัน
“น้ำแดงหวานเจี๊ยบชื่นใจจ้ะ”
เจ้าคุณรับมาถือไว้ หวานเจี๊ยบนั่งลงที่ข้างเจ้าคุณ แล้วฉุดสมใจให้นั่งลงข้างๆ ตัวเองด้วย
“เฮ้ย ไปซ้อมต่อดีกว่า”
“ซ้อมต่ออะไร น้าเครือเขาเพิ่งสั่งให้พัก นั่งด้วยกันกับหวานเจี๊ยบซิพี่ใจ๋”
สมใจจำต้องนั่งลง มีเพียงหวานเจี๊ยบที่ดูสดชื่นเป็นพิเศษ
“เฮ้อ! ชื่นใจ ซ้ายก็พี่ใจ๋ ขวาก็อ้ายขุนทอง ฮิๆ”
“นั่งด้วยคนซิ!”
สามคนหันไปมอง เมื่อได้ยินเสียงปลัดจืดจะขอมานั่งร่วมวงด้วย
“เวร! ทำไมต้องโผล่มาตอนนี้ด้วยห๊า! ปลัดจ๋อย”
หวานเจี๊ยบเกิดอารมณ์เซ็งขึ้นมาทันที ปลัดจืดเดินเข้ามาไม่ยอมพูดจาใดๆ เดินเข้ามานั่งเบียดต่อจากสมใจทันที ทั้ง 4 เลยต้องเบียดกันแน่นบนม้านั่งตัวเดียวกัน จนเจ้าคุณจะร่วงแต่ไม่ยอมรีบเบียดกลับทันทีแบบหน้าตาเฉย หวานเจี๊ยบยิ่งชอบใจโดนเบียด แต่สมใจทำหน้าไม่ถูก ปลัดจืดทำไม่รู้ไม่ชี้ สักพักปลัดจิดยื่นขนมส่งให้สมใจ
“ชาวบ้านเขากวนกาละแมมาให้ฉัน ฉันเอามาฝากใจ๋”
“ขอบใจ”
“ชิมหน่อยซิ อร่อยนะ”
“ยังไม่หิว”
“ชิมหน่อยนะ อ่ะ”
ปลัดจืดหยิบมาแกะให้เอง สมใจรับมาแบ่งกินคำหนึ่ง
“อร่อยมั้ย”
“อืมม์”
“แหวะ!”
หวานเจี๊ยบหมั่นไส้ สมใจเลยส่งกาละแมร์แบ่งให้บ้าง
“อร่อยนะ ลองซิ”
“ไม่เอาหรอก อ้ายขุนทองลองชิมมั้ยจ้ะ มา.หวานเจี๊ยบป้อนให้นะ”
เจ้าคุณปฎิเสธหวนเจียบไม่ทัน จำต้องอ้าปากรับ
ปลัดจืดทำหน้านิ่ง เพราะไมได้ชวนเจ้าคุณกินด้วย เจ้าคุณเคี้ยวแล้วโพล่งขึ้น
“หวาน เกิน”
“อ้าว เฮ๊ย”
ปลัดจืดจำว๊ากใส่ สมใจตำหนิเจ้าคุณให้ทันที
“นิสัยไม่ดี กินของเขาแล้วยังมาว่าเขาอีก”
“ใครอยากกิน”
“เห็นมั้ย คนเขานั่งคุยกันอยู่ดีๆ พอแกโผล่เข้ามาบรรยากาศก็เหม็นเลย ไอ้ปลัดจ๋อย!” หวานเจี๊ยบตะโกนใส่ปลัดจืดผ่านหน้าสมใจเพื่อช่วยเจ้าคุณทันที
“เหม็นมากก็ไปที่อื่นเลยซิไป!”
“พอได้แล้ว” สมใจตัดบท หวานเจี๊ยบคว้ามือสมใจลุกขึ้น
“ไปเหอะ พี่ใจ๋ ขืนอยู่ต่อมีหวังได้ตบฟันเหล็กคนแถวนี้ร่วงแน่”
พูดจบก็สะบัดพรืดออกไป ทั้งสองหนุ่มนั่งกันคนละมุมเก้าอี้

ก้องเกียรติยืนเหม่อคิดเรื่องเจ้าคุณอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ มือก็กดน้ำร้อนไปเรื่อยจนล้นไหลมาโดนอีกมือที่ท้าวโต๊ะอยู่จนร้องลั่น
“โอ๊ย! บ้าเอ๊ย!”
ก้องเกียรติหันรีหันขวาง หาผ้าจะเช็ด กิ่งแก้วรีบยื่นผ้าให้
“มา!”
ก้องเกียรติส่งมือให้กิ่งแก้วซับให้
“โชคดีไม่พอง”
“โชคดี”
“เอาน่ายังมีเวลาเหลืออีกตั้ง 7 วัน
“แค่ 7 วัน”
“ทำไงได้ล่ะ ตามข้อตกลง เสี่ยวิบูลย์เขาก็ให้เวลาเราแค่ 1 เดือนตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ จบรายการนี้ เราก็ลองเสนอรายการใหม่เสี่ยเขาดูละกัน”
“อืมม์ อีกแค่ 7 วัน ไฮโซบ้านเฮาก็จะจบแล้ว
สองคนมองหน้ากันด้วยความเศร้า

แมทธิวโกรธจัด ถีบเก้าอี้ล้มไปหมด เพราะว่าเจ้าคุณกำลังจะอยู่หมู่บ้านม่วนแต๊ครบหนึ่งเดือนตามสัญญาแล้ว
“ไอ้บ้า! ไอ้เจ้าคุณ แกอยู่ได้ไงวะจะครบเดือนนึงแล้ว หึ้ย ไม่มีวัน ฝันไปเถอะ เป็นตายยังไงฉันก็ไม่มีวันกราบเท้าแกเด็ดขาด!”
แมทธิวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

เย็นวันนั้น เครือฟ้าประกาศต่อหน้านางรำที่ตั้งแถวกันอยู่ สั่งพักการซ้อมฟ้อนรำเพราะซ้อมกันมาทั้งวันแล้ว
“เอาล่ะจ้ะ เด็กๆ วันนี้พอแค่นี้ ทุกคนทำได้ดีขึ้นมาก ขอให้กลับไปซ้อมที่บ้านเยอะๆ หวังว่าวันงานทุกคนคงจะฟ้อนได้งามที่สุดนะเจ้า”
ทุกคนยิ้มๆ จะพยายาม ลำยองมีข้อสงสัยตามคำ
“เดี๋ยว! ข้ามีคำถาม ข้าข้องใจ”
ทุกคนหันมองแทยอง
“ข้าข้องใจว่าทำไม แทใยลูกสาวแสนสวยของข้าถึงต้องอยู่แถวสุดท้าย ทำไมไม่ได้อยู่แถวหน้าสุด”
เครือฟ้ายิ้มสุภาพแต่น้ำเสียงเย้ยหยัน
“ต๊าย! ยังจะกล้าถาม”
“ไม่แฟร์นี่หว่า เล่นเส้นเห็นได้ชัด ที่นังใจ๋มันได้อยู่แถวหน้าก็เพราะว่าพ่อแม่มันเป็นสปอนเซอร์ ส่วนนังหวานเจี๊ยบก็เพราะมันเป็นหลานแกใช่มั้ย จริงมั้ยพวกเรา”
ลำยองหาพวกหันไปทางชาวบ้านที่เริ่มวิจารณ์
“ไม่จริงนะ ฉันก็ว่าไปตามเนื้อผ้า คนอย่างเครือฟ้าไม่มีคำว่าเส้น ทุกคนก็เห็นๆ กันอยู่ว่าใครฟ้อนงามกว่าใคร”
“อ้าว! พูดอย่างนี้ก็ว่าแทใยฟ้อนไม่สวย ซึ่งไม่เป็นความจริงเลยซักนิดค่ะคุณแม่ขา”
“ใช่! ไม่จริงซักนิด” ลำยองเข้าข้างลูกสาว
“แต่ผมว่าน้าเครือฟ้าพูดถูกแล้วนะครับ”
ทุกคนหันมองปลัดจืด
“ไม่จริ้ง!” ลำใยยังรับความจริงไม่ได้
“ผมมองอย่างเป็นธรรม ตามความเหมาะสม ผมก็ว่าน้าเครือฟ้าทำถูกต้องแล้ว”
ชาวบ้านเห็นด้วยกับปลัด เครือฟ้ายิ้ม หวานเจี๊ยบแอบเบ้ปาก หมั่นไส้ ปลักจืดมองสมใจ สมใจเฉไฉหันไปสบสายตาเจ้าคุณที่มองอยู่ แต่เจ้าคุณกลับเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

ค่ำลง เจ้าคุณม้วนสายไฟเตรียมเก็บกลับบ้าน จู่ๆสมใจก็โผล่มาถามเรื่องการฟ้อนของตนเองจนเจ้าคุณตั้งตัวไม่ทัน
“นายว่าฉันฟ้อนเป็นไง”
เจ้าคุณชะงักหันไปเห็นสมใจยืนอยู่ ม้วนต่อ
“เป็นอย่างที่ยัยสองคนแม่ลูกนั่นว่ารึเปล่า”
“ใครจะกล้าวิจารณ์ เด็กเส้นก๋วยจั๊บ!”
พูดจบก็เดินไปเลย
“อ๊าย ไอ้บ้า!”

เครือฟ้าฉุดหวานเจี๊ยบมาหลบมุมคุยกัน
“น่ารักขนาดนะ”
“ใครน่ารัก”
“จะใคร ก็พ่อปลัดน่ะซิ ดีทั้งนอกทั้งใน งามทั้งกายทั้งใจ แหม้ น่าได้เป็นหลานเขย”
“พอเลยน้า ชาติหน้าชาติไหนก็ไม่มีทาง”
หวานเจี๊ยบพุ่งออกไปเลย
“หึ้ย! นังหลานคนนี้”

คืนนั้น ที่บ้านสมใจ กำลังล้อมวงกินข้าว
“กินเยอะๆ นะปลัด แม่ศรีเคขาแกงโฮะอร่อยที่สุดไม่มีใครเทียบ”
สมหมายชมภรรยา
“ตาหมายก็พูดเว่อร์ แค่พอกินได้นะปลัดนะ”
สมศรีถ่อมตัว
“อร่อยจริงๆ ครับ อร่อยมาก”
“อร่อยมากก็มากินบ่อยๆ”
สมหมายเปิดทางให้ปลัดจืดเต็มที่ คำปุยกับแคบหมูหันขวับตาวาวใส่กันทันที
“คิดซะว่าคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
คำปุยกับแคบหมูหันขวับตาวาวใส่กันอีกที
“เป็นไรเยอะ” สมใจถามคำปุย
“ฉันน่ะเปล่า พ่อแกตะหาก เยอะ!”
คำปุยตอบสมใจสมใจหันไปมองสมหมายที่กำลังตักแกงให้ปลัดจืด

คำปุยกำลังเมาท์ได้ที่กับแคบหมู โดยมีสมใจอยู่ด้วยในห้องนอน
“ไม่เชื่อก็ให้นังแค๊บเล่า” คำปุยชง
“จัดไป! ฉันได้ยินกะหู ลุงหมายน่ะอยากได้ปลัดจืดมาเป็นลูกเขย อยากให้แต่งงานกับเจ๊ใจ๋ อยากให้...”
คำปุยเขกหัวแคบหมู
“เยอะอีกคนแล้วนังนี่ วันก่อนไม่เห็นเล่าให้ฟังขนาดนี้”
“แหม โดยรวมมันก็ประมาณๆนี้แหละเจ๊ปุ๋ย”
“อ้าว! นังใจ๋ แกไม่ตกใจเลยเหรอวะ”
“จะไปตกใจทำไม ถึงพวกแกไม่บอก ฉันก็รู้อยู่แล้ว”
“อ้าว!”
“แหม พ่อฉันนะยะพ่อฉัน เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก”
“ตกลงใครเป็นพ่อเป็นลูกกันแน่วะเนี่ย” คำปุยย้อนถามกลับเพื่อน
“โห่ เซ็งว่ะ อุตส่าห์แช่น้ำแอบฟังอยู่แทบตาย” แคบหมูอารมณ์เสียที่ความลับนี้สมใจรู้ก่อนแล้ว
“แล้วแกจะทำไงต่อไปหา นังใจ๋”
“จะทำไง เรื่องของหัวใจ..มันบังคับกันได้ที่ไหน”
สมใจพูดเหมือนบอกกับตัวเอง แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง

คืนนั้นเจ้าคุณนั่งมองฟ้าอยู่คนเดียว กำโป๊งเดินเข้ามาตบไหล่ อยากคุยด้วย
“ไง คิดถึงบ้านเหรอ”
เจ้าคุณยิ้ม ไม่ตอบอะไร เพราะไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว คิดถึงอะไรกันแน่ กำโป๊งเหลียวซ้ายขวา ดูว่าไส้อั่วไม่อยู่จึงโพล่งขึ้น
“อีกไม่กี่วันก็ได้กลับบ้านแล้วนะเว๊ย!”
เจ้าคุณยิ้ม
“เอ็งนี่ก็เก่งนะ ตอนแรกไม่คิดเลยว่าเอ็งจะรอด ไฮโซอย่างเอ็ง...นี่ถ้ากลับไปคงไม่คิดจะกลับมาม่วนแต๊อีก เข็ดตายโหงเลยใช่มั้ย”
พูดจบก็ตบไหล่เจ้าคุณแล้วเดินออกไป ทิ้งให้เจ้าคุณมองคิดอะไรคนเดียวเจ้าคุณถอนใจเฮือก แหงนมองฟ้าอย่างด้วยความเหงา เศร้า เหมือนจะคิดถึงใครคนหนึ่ง เช่นเดียวกันกับสมใจ ที่ออกมานั่งที่บันไดบ้านแหงนมองท้องฟ้าเหมือนจะคิดถึงใครคนหนึ่งเช่นกัน

ก้องเกียรติกับกิ่งแก้ว นั่งจ้องอึ้งไปตามๆกัน ก้องเกียรติหันมาบอกกิ่งแก้ว
“ไงวะเนี่ย ไอ้เจ้าคุณ”
“บอกแล้ว งานนี้ไม่ธรรมดา”
กิ่งแก้วยิ่งมั่นใจว่าเจ้าคุณแอบรักสมใจแน่นอน
“ไม่มีทาง คนอย่างไอ้คุณ ไม่มีทาง ไอ้คุณมันมีเอมี่อยู่ทั้งคน”
“เจ้าคุณมีเอมี่ที่ไหน คุณหญิงแม่ต่างหากที่มีเอมี่”
“จริงเหรอกิ๋ง นี่ตัวเองกำลังจะบอกว่า...” ก้องเสียงอ่อนลง
ก้องเกียรติกับกิ่งแก้ว จ้องตากันแบบรู้ความหมาย ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ออฟฟิศดังขึ้น กิ่งแก้วรับสาย
“ค่ะ ก้องกิ๋งสตูดิโอค่ะ โอ๊ย! ใจเย็นค่ะใจเย็น โอ๊ย ค่ะๆ ทราบค่ะ แต่ได้โปรดเข้าใจด้วยนะคะ โอ๊ย!”
ปลายสายกระแทกหูพร้อมด่าใส่ไม่ยั้ง กิ่งแก้ววางหูไปด้วยความตกใจ
“ทำไม ใครโทร.มาน่ะ”
กิ่งยังไม่ทันตอบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก ก้องรีบรับสาย
“ฮาโหล โอ๊ย! ฟังก่อนครับ ฟังก่อน โอ๊ย โอ๊ย”
ก้องวางหูไปเพราะโดนด่าใส่เช่นกัน ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ออฟฟิศดังแว่วมาจากด้านนอกกริ๊งกร๊างระนาวลั่นออฟฟิศ ก้องเกียรติกับกิ่งแก้วมองหน้ากันอย่างตกใจ แล้วลูกน้องก็โผล่หน้าเข้ามาหน้าตาตื่น
“แย่แล้วครับพี่!”
“ มีอะไร”
“แฟนรายการโทร.มาด่าเพียบเลยครับพี่”
ก้องเกียรติกับกิ่งแก้วหันมองหน้ากันสยอง ทันใดนั้น มือถือก้องเกียรติดังขึ้น
“เสี่ยวิบูลย์ ฮาโหล สวัสดีครับ เสี่ย”
“ซาหวัดไม่ค่อยจะลีแล้วล่ะอาคุณก้อง!”
ก้องเกียรติหน้าเสีย
“อาคุณก้องจะปล่อยให้อาคุณเจ้าคุณกลับบ้านไม่ได้เด็ดขาด อาคุณเจ้าคุณจะต้องเป็นไฮโซบ้านเฮา ต่อไปอีก
“แต่ว่า…”
“แต่ ไม่ได้ ไม่มีคำว่าแต่ ตอนนี้คนดูกำลังชอบอีมาก ขืนรายการจบดื้อๆ ขัดใจคนดูแบบนี้ มีหวังโดนด่าเละ พังป่นปี้กันหมดแน่ อาคุณก้องต้องยืด ยืดเวลาออกไปอีก”
“เดี๋ยวครับเสี่ย...”
“ไม่มีเดี๋ยวครับ มีแต่คำว่าเดี๋ยวนี้ อาคุณก้องต้องทำยังไงก็ได้ให้อาคุณเจ้าคุณกลับบ้านไม่ได้”
“แต่...”
“ถ้าอาคุณก้องทำได้ เสี่ยจะยกเวลาให้อีก เพิ่มให้อีกชุดใหญ่ สปอนเซอร์กำลังไหลมาเทมาอย่างนี้ อาคุณก้องอย่าบอกนะว่าจะไม่เอา ไม่เอาก็โง่!”ฃ
พดจบวิบูลย์วางหูไปดื้อๆ
“เสี่ยครับ เสี่ยๆ”
ก้องถอนใจเฮือก วางสาย
“ว่าไงอ่ะ” กิ่งแก้วถามอย่างร้อนใจ
“เสี่ยจะให้ยืดรายการ ไม่ยอมให้ไอ้คุณกลับบ้าน”
“ห๊า!”
ก้องเกียรติกับกิ่งแก้วมองหน้ากันอย่างกังวลกับสถานการณ์รายการไฮโซบ้านเฮากับอนาคตของบริษัทตัวเองและความเป็นอยู่ของเจ้าคุณในตอนนี้

เช้าวันใหม่ที่บ้านเครือฟ้า เสียงดนตรีแว่วมาแต่ไกล การแสดงฟ้อนของลูกหลานม่วนแต๊ มีวงดนตรีพื้นบ้านอยู่ด้านหลัง ผู้คนแต่งตัวงดงาม ลูกหลานโชว์ฝีมือฟ้อนเต็มเหนี่ยว พ่อแม่และชาวบ้านชื่นชมอย่างภาคภูมิใจ เครือฟ้าลุ้นลูกศิษย์อย่างชื่นใจ ปลัดจืดปลื้มแต่สมใจ เจ้าคุณเผลอจ้องสมใจแบบไม่รู้ตัว ลำยองลุ้นลำใยสุดตัว ฝรั่ง 5-6 คน ดูอย่างชื่นชม และ 1 คนในนั้นถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอสุดฤทธิ์เพราะเป็นนักข่าวจากต่างประเทศ ชื่นชมด้วยความปลาบปลื้ม ทุกคนปรบมือเกรียวกราว ชื่นใจกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะเครือฟ้าที่ปลื้มจนน้ำตาแทบไหล
“ดีมากเจ้า เก่งมากเจ้า ไม่นึกไม่ฝันว่าลูกหลานม่วนแต๊จะรับมรดกบ้านเราไว้ได้เต็มขนาดนี้ เห็นอย่างนี้ น้าก็ตายตาหลับแล้ว”
“พูดอะไรอย่างนั้นแม่เครือฟ้า”
กำโป๊งขัดขึ้น
“นั่นซิแม่เครือ พวกเราม่วนแต๊ต้องอยู่ด้วยกัน อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้ไปนานๆ จริงมั้ยพวกเรา” สมหมายเอ่ยขึ้น ชาวบ้านเห็นด้วย ยกเว้นเจ้าคุณที่มองๆ ความน่ารักจริงใจของทุกคนแล้วเผลอยิ้ม
ออกมาก่อนจะกวาดสายตามาจ๊ะ สมใจที่มองอยู่พอดี นักข่าวฝรั่ง วิ่งเข้ามาขอถ่ายรูปหมู่ของนางรำ
“เมย์ไอเทกยัวร์โฟโต้”
หวานเจี๊ยบตาโตหวังคิดเงิน
“ ชัวร์ๆ ทูฮันเดรดบาท”
“ยัยเค็มปิ๊ด!เดี๋ยวเหอะ อะไรนิดอะไรหน่อยก็คิดตังค์ อย่างนี้มันเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเขา”
“เอ๊ะ!”
หวานเจี๊ยบจะเถียง แต่โดนเครือฟ้าเอ็ดให้อีกรอบ
“จริง! นังหวานเจี๊ยบ เงียบๆ เลย พ่อปลัดเขาพูดถูกแล้ว อย่าเถียงเขา เอ้า! ฟรีๆ เจ้า!”
นางรำรวมกลุ่มกันโพสต์ท่ารำ ฝรั่งถ่ายภาพกันใหญ่
“วันมอร์ ออล ออฟ ยู”
“เขาอยากถ่ายพวกเราหมดเลยอ่ะจ้ะ” สมใจแปลให้
ชาวบ้านเฮเข้ามารวมกลุ่ม กำโป๊งลากเจ้าคุณเข้ามาด้วย เจ้าคุณไม่ค่อยอยากถ่ายเท่าไหร่ แต่ก็ยอมในที่สุด
“เอาล่ะ พวกเรา! อย่างนี้มันต้องฉลอง”
สมหมายเอ่ยขึ้นทุกคนดีใจและเห็นด้วยอย่างยิ่ง

คืนนั้นที่บ้านสมใจ มีงานเลี้ยงฉลอง วงดนตรีพื้นบ้าน ไม่กี่ชิ้นกำลังเล่นเพลง บรรยากาศงานเลี้ยง เรียบง่าย โดยมีสมหมายกับสมศรีเป็นโต้โผจัดเลี้ยงให้อย่างเคย

“โถ พี่หมายกับพี่ศรี ไม่น่าต้องลำบากเลย เป็นสปอนเซอร์งานฟ้อนให้แล้ว ตกกลางคืนยังต้องมาเลี้ยงให้อีก”
เครือฟ้าเอ่ยอย่างเกรงใจ
“นี่! แม่เครือพูดจายังกะเป็นคนอื่นคนไกล เรามันคนม่วนแต๊ด้วยกัน แล้วฉันเองก็ภูมิใจที่เห็นลูกหวานมันฟ้อนกันงามเหลือเกิน น่าภูมิใจจริงๆ!”
สมหมายตอบกลับอย่างภูมิใจ
“นั่นซิ อย่าคิดมากเลยแม่เครือ แล้วนี่ก็เลี้ยงเลิ้งอะไร ว่างเมื่อไหร่พวกเราก็ต้องมาสังสรรค์พร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่แล้ว” สมศรีเอ่ยเสริมสมหมาย
“พร้อมหน้าพร้อมตาซะที่ไหนจ๊ะ”
ดำเกิงแหลมขึ้นมา ทุกคนหันมองเห็นเป็นดำเกิงกับสมุนยืนเก๊กอยู่ ก่อนจะเดินปรี่เข้ามา
“อะไรกันนี่ จัดงานฟ้อน จัดงานเลี้ยง แต่ดำเกิงไม่รู้เรื่องเลยซักนิด ไม่มีใครเชิญดำเกิงเลย”
หวานเจียบส่งเสียงแจ๋ใส่ทันที
“ก็นี่มันงานมงคลนี่อ้ายเกิง ไว้งานอัปมงคลเมื่อไหร่จะรีบเชิญแกเลยนะ”
“โห ขอบใจ ทำปากดีไป เดี๋ยวก็ได้จัดงานมงคลสมรสร่วมกับพี่หรอกน้องหวานเจี๊ยบ”
“งานศพก่อนมั้ยไอ้เกิง!” เครือฟ้าปราม
“อูย น้าเครือแวร้งงงง!”
“นี่ ไอ้ดำเกิง งานกลางวันไม่มีโผล่หัวมาช่วยกัน แต่พองานสังสรรค์ล่ะเสนอหน้าเชียวนะเอ็ง” กำโปงแซวดำเกิง
“เอ้า! เลิกทะเลาะกัน มาๆ กินข้าวกันดีกว่า”
สมศรีเรียกทุกคนมากินข้าวสังสรรค์ ดำเกิงเข้ามาจอย ปลัดจืดที่ลุกเดินไปหาสมใจที่เกาะกลุ่มกับคำปุย แคบหมู หวานเจี๊ยบ และไส้อั่ว อยู่อีกมุมใกล้ๆ นั้น แล้วลงนั่งข้างสมใจทันที
“วันนี้ใจ๋รำสวยมากเลย”
สมใจยิ้ม ที่เหลือสะกิดกันยิกๆ
“ไอ้ใจ๋รำสวยคนเดียวเหรอ พวกเรารำไม่สวยเลยเหรอ” คำปุยแกล้งล้อปลัดจืด จนอีกฝ่ายเขิน
“ก็ สวย แต่ใจ๋สวยที่สุด”
“โห่!”
“อ้วก! เลี่ยนว่ะ ใครสอนให้จีบผู้หญิงมุกนี้วะ ไอ้ปลัดจ๋อย” หวานเจี๊ยบใส่ทันที
“ไม่มีใครสอน จากใจ!”
ทุกคนอุทานพร้อมกันยกเว้นสมใจ
“ โห!”
สมใจอมยิ้มก่อนจะหันไปเห็นเจ้าคุณที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งมองมาอยู่ ลำใยแถมาหาเจ้าคุณยื่นแก้วน้ำให้
“อ้ายขุนทอง น้ำเขียวหอมหวานจากแทใยจ้ะ”
“ขอบใจ”
“ทำไมมานั่งคนเดียวตรงนี้ เหงาแย่ แทใยนั่งเป็นเพื่อนแก้เหงานะจ๊ะ”
ลำใยนั่งเบียดทันที
“ไม่เป็นไร ไม่เหงา”
“อ้าว! ไม่เหงาเหรอจ้ะ ไม่เป็นไร อ้ายขุนทองเหงา งั้นแทใยเหงาเองก็ได้จ้ะ เหง้า เหงาอ่ะ”
ลำใยเอียงซบ สมใจมองอมยิ้ม เจ้าคุณทำหน้าไม่ถูก หวานเจี๊ยบเห็นก็ปรี่เข้ามา ผลักลำใยกระเด็น
“นังหน้าหนอน! ไปหลอกไปหลอนคนอื่นไป๊ อย่ามายุ่งกับอ้ายขุนทองของฉัน”
ลำใยลุกขึ้นเท้าสะเอว
“นังลิงเจี๊ยก! หน้าด้าน! ตกลงแกจะเอายังไงก็เลือกไปซักอย่างซิยะ จะเอานังใจ๋ หรือจะเอาอ้ายขุนทอง”
“2 คนเลย มีอะไรป๊ะ”
“หนอย นังนี่ โลภมาก”
สองคนปรี่เข้าหากัน เจ้าคุณต้องห้าม
“พอเถอะ!อย่าทะเลาะกันเลย”
สมใจส่ายหน้า ในขณะที่กำโป๊งกำลังขึ้นเวที
“ฮาโหลๆ พี่น้องม่วนแต๊ทั้งหลาย”
ทุกคนหันไปสนใจกำโป๊งบนเวที
“วันนี้เป็นวันดีที่เราได้มาป๊ะมาสังสรรค์กันแหม”
ทุกคนเฮฮา
“และก็ตามระเบียบ งานดี อาหารดี ต้องมีดนตรีไพเราะ โดยเฉพาะเสียงเพลงจากพ่อหมายและแม่ศรีเจ้าเก่า เชิญพ่อหมายกับแม่ศรีจ้า”
ทุกคนเฮกรี๊ดกร๊าด สมหมายกับสมศรีขึ้นเตรียมจะร้องเพลง สาวมอ’ไซค์ เหมือนเดิม
“อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ เพราะฉันก็จะร้องเพลงเดิม” สมหมายรีบบอก
“โห่ ลุงหมาย ทำไมกี่งานๆ ก็ร้องเพลงเนี้ย” ดำเกิงแซว
“อ้าว! ข้ามันคนรักเดียวใจเดียวเว๊ย มันก็ต้องร้องเพลงเดิมกับแม่ศรี เมียคนเดิมคนเดียวของข้าน่ะซิวะ”

ทุกคนเฮฮากรี๊ดกร๊าด เพลงขึ้น...สมหมายกับสมศรีร้องเพลง “สาวมอ’ไซค์” สมใจ แอบปลื้มมองพ่อกับแม่ที่รักกันยาวนานเหลือเกิน







Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 18:22:51 น.
Counter : 252 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]