All Blog
แม่ยายที่รัก ตอนที่ 4 (ต่อ)


เตือนใจหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขกภายในบ้านติรกาในช่วงเวลาต่อมา

“ติ ครั้งนี้แม่ว่าลูกทำเกินไป ยัยมัทมีสิทธิ์จะเลือกชีวิตของตัวเอง”
“แต่หนูเป็นแม่ หนูต้องการให้ลูกแต่งงานกับคนดีที่จะไม่มีวันทำให้ยัยมัทเสียใจ”
“แล้วก็เลือกนายธงฉานเนี่ยนะ”
“ธงฉานเป็นคนหัวอ่อน ไม่ว่าหนูจะพูดอะไรจะต้องยอมทำตาม ยัยมัทจะไม่ต้องอยู่ใต้อำนาจใคร”
พุทราแทรกขึ้น
“นอกจากอำนาจคุณติ นี่ถ้าคุณมัทยอมแต่งก็เท่ากับติดคุกโดยมีคุณธงฉานเป็นผู้คุม มีคุณติเป็นหัวหน้าผู้คุมอีกทีน่ะสิคะ บ้าอำนาจชัดๆ”
“พุทรา” ติรกาเสียงดังชัดเจน
“ติ..ดูปากแม่นะ” เตือนใจขยับปากให้ติรกาเห็นอย่างชัดเจน
“ยัยมัทไม่มีวันยอมแต่งงานกับธงฉานแน่นอน”
“หนูก็จะไม่ยอมให้ยัยมัทแต่งงานกับผู้ชายห่วยๆ อย่างไอ้วันรบแน่นอน”
“แม่ขอเตือนนะ...ถ้าติยังคิดจะเอาชนะลูก ติจะต้องเสียใจเพราะการกระทำของตัวเอง “
สีหน้าของติรกายังแสดงความดื้อดึง
“หนูเหนื่อย..อยากพัก” ติรกาลุกเดินขึ้นไปที่ข้างบน
“ห้าวันสิบล้าน..คุณรบจะไหวเหรอคะเนี่ย” พุทราพูดขึ้น
สีหน้าของเตือนใจแสดงความหนักใจมาก

ช่วงเวลากลางวันทั้งวันรบ มัทรี รชานนท์ พชร นลินีกำลังประชุมกันอย่างคร่ำเคร่งอยู่ในห้องพักของวันรบในรีสอร์ตของสมภพ วันรบสีหน้ามุ่งมั่นมาก
“ไหวสิครับ..เพื่อมัท ผมทุ่มสุดตัว”
บริเวณหน้าห้องพัก กระถินพยายามเอาหูแนบประตูแอบฟังสุดชีวิต
“ไอ้ที่ว่าสุดตัว แบกระเป๋ามาให้ชมหน่อยสิว่ามีอยู่เท่าไหร่” พชรว่า
วันรบควักสมุดบัญชีออกมาวาง
“ผมมีเงินเก็บในบัญชี”
พชรหยิบมาเปิดดู
“สี่ล้าน”
กระถินตื่นเต้นตาลุกวาวทันทีที่ได้ยิน
“พี่รบมีตั้งสี่ล้าน..อ๊ายย ผู้ชายในฝันของกระถิน” กระถินยิ่งแนบหูเข้าไปใกล้อีก
“วันที่ผมแต่งงาน ผมอยากมีบ้านสักหลังเป็นของขวัญให้กับมัท บ้านของเรา”
วันรบหันไปทำตาเยิ้มใส่มัทรี มัทรียิ้มอย่างประทับใจ ขณะที่กระถินที่แอบฟังอยู่เหยียดปากด้วยความหมั่นไส้
“บ้านของเรา..แหวะ”
รชานนท์มองท่าทีของมัทรีกับวันรบที่ดูรักกันมาก
“นี่ท่าจะเก็บนานนะเนี่ย ได้ขนาดนี้”
“ผมก็เก็บเล็กผสมน้อยมาสี่ห้าปีแล้วครับ”
“อ่ะ..ตอนนี้มีสี่ล้านตั้งต้นแล้ว ขาดอีกหกล้าน รบจะเอามาจากไหน” นลินีถามขึ้น
“จากพี่ระครับ”
“เฮ้ย” พชรร้องขึ้นทันที
“รีสอร์ทคุณแก้วผมเป็นทั้งสถาปนิกกับอินทิเรีย รีสอร์ทมูลค่าการสร้างทั้งหมดยี่สิบล้าน ผมได้สิบห้าเปอร์เซนต์ทั้งหมดเสร็จงานก็สามล้าน”
“แต่นั่นมันต้องรอจนงานเสร็จ ก็อีกสองเดือน แต่นี่อีกห้าวันแกต้องจ่ายแล้วนะ” รชานนท์บอก
วันรบหันไปมองพชร
“ผมเชื่อว่าพี่ระช่วยผมได้”
“บ้า นี่มันเงินบริษัท” พชรบอก
วันรบกระซิบกับพชรเสียงเบา
“ผมรู้นะว่าพี่แอบยักยอกกำไรไว้ส่วนตัวไม่ให้พี่นีรู้ แค่สามล้านพี่มีอยู่แล้ว”
“ไม่ๆๆ”
“งั้นพี่นีคงต้องรู้เรื่องที่พี่ทำบุญแด่น้องๆ ผู้ขาดแคลนทั้งน้องตาล น้องออม น้องกิ๊ก” วันรบขู่เบาๆ
พชรยังส่ายหัว วันรบหันไปหานลินีทันที
“พี่นีครับ..พี่ระเขา”
พชรตกใจทันทีรีบรับปาก
“เออๆๆ ฉันจะให้แกเบิกก่อน”
“เขาใจดีอย่างนี้ล่ะครับ ผมถึงรัก..ผมให้ใจพี่เลย”
พชรแอบส่งสายตาอาฆาตให้กับวันรบ
“รวมเป็นเจ็ดล้านแล้ว ขาดอีกแค่สามล้าน” นลินีบวกตัวเลขให้เบ็ดเสร็จ
วันรบหันมาหารชานนท์
“ป๋า”
รชานนท์รู้ทัน หยิบกระเป๋าเงินส่งให้วันรบทันที
“ได้..ทั้งหมดที่มีเลย”
วันรบเปิดออกมาเห็นในกระเป๋ามีเงินอยู่สามพันบาท
“สามพัน! ผมขาดสามล้านนะป๋า อ๋อ..ป๋าจะเขียนเช็คให้ผมใช่ป่ะ”
วันรบรีบรื้อค้นกระเป๋าสะพายของรชานนท์ เอาทุกอย่างเทออกมา
“ไหนล่ะป๋า สมุดเช็ค” วันรบตามมาตบตามกระเป๋าและล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“เฮ้ยๆๆ นั่นมันท่อดับเพลิง” รชานนท์รีบยันวันรบออกไปแล้วบอก
“เช็คอะไรฉันไม่มีเว้ย เงินฉันอยู่กับคนโน้น” รชานนท์ชี้ไปที่นลินี
วันรบหันไปทำตาละห้อยใส่นลินี
“พี่นีครับ”
“เงินตานนท์ พี่เอาไปลงทุนหุ้นกับเพื่อนทำธุรกิจ ไม่มีเงินสดหรอก”
“อีกแค่สามล้านเอง.. มีงานไหนตกหล่นไม่ได้ทวงค่าจ้างบ้างเนี่ย” วันรบถามขึ้น
“ค่าจ้าง! ใช่..มัทพอมีทางแล้วค่ะ มัทจะไปทวงเงินกับแม่ให้พี่รบนะคะ” มัทรีพูดขึ้น
“เงินอะไร มัทเดี๋ยวก่อน..มัท”
มัทรีวิ่งออกไปโดยไม่ฟังเสียงวันรบ มัทรีเปิดประตูเข้ากระแทกหน้ากระถินแบบเต็ม ๆ พลั่ก!

“โอ้ย ! จะเปิดก็ส่งเสียงก่อนสิยะ”
มัทรีพอหายตกใจก็หันมามองกระถินอย่างจับผิด
“แล้วเธอมายืนทำอะไรอยู่หน้าห้อง”
“ฉัน..ฉัน”
“แอบฟัง”
“ใช่ เอ๊ย ไม่ใช่ ฉันกำลังจะกลับห้องก็แค่เดินผ่าน”
“ไม่เนียนเลยนะ”
“อะไร พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”
กระถินทำหน้ามึนๆ แล้วเดินไป มัทรีส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ แล้วรีบเดินออกไป

วันรบยังละล้าละลังกับการตกลงกับพชรแต่ใจก็ห่วงมัทรีที่วิ่งไปแล้ว
“ผมรบกวนพี่ระช่วยจัดการเบิกเงินมาให้ผมพรุ่งนี้นะครับพี่”
พชรสีหน้าเซ็งมาก เพราะไม่ค่อยเต็มใจนัก
“เออ”
วันรบหันไปหานลินีทันที
“พี่นีครับ”
“เฮ้ย”
“ผมจะบอกว่า...”
“ไอ้รบ”
“พี่ระเป็นคนดีมากครับ เหมาะกับคนสวยจิตใจงามอย่างพี่นีจริงๆ”
พชรโล่งอกทันที คำชมของวันรบเล่นเอานลินีเขิน
“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะรบ พี่ช่วยสุดตัว”
“ขอบคุณครับ งั้นผมไปหามัทก่อนนะครับ ฝากด้วยนะพี่” วัชระว่าแล้วก็ออกไป
“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าชู้อย่างไอ้รบจะยอมสยบให้กับน้องมัทจริงๆ” พชรว่า
“ก็เหมือนคุณไงคะ ที่ถอดเขี้ยวเล็บเพื่อนี”
พชรกับรชานนท์สบตากัน นลินีมองเห็นและจับผิดทันที
“เอ๊ะ..หรือว่ายังไม่ถอด”
“โอ้ย..ถอดแล้วคร๊าบ มีเมียดุ..เอ๊ย..มีเมียดีขนาดนี้ ผมไม่กล้าหรอกครับ”
“พี่ระ พี่นี..คิดว่าเจ้ารบมันรักน้องมัทจริงๆ ใช่ไหมครับ”
“ชัวร์,ใช่จ๊ะ” พชรกับนลินีพูดขึ้นพร้อมกัน
“ว่าแต่ปล่อยไอ้รบกับน้องมัทไปเจอว่าที่แม่ยาย มันจะตายก่อนได้ตังค์ไหมวะ”
“เดี๋ยวผมไปดูเอง” รชานนท์ว่า
รชานนท์เดินออกไป พชรกับนลินีมองตามและพูดขึ้นพร้อมกัน
“ห่วงหนักกว่าเดิมอีก..เฮ้อ”

บริเวณสวนภายในรีสอร์ตของสมภพ วัทนีย์หูผึ่งเมื่อรู้เรื่องราวจากกระถินที่แอบได้ยินมา
“ตารบจะเอาเงินเก็บให้ยัยจิตแตกนั่นเหรอ”
“ทั้งเงินเก็บ เงินยืม นี่ก็ขาดแค่สามล้านเองค่ะคุณแม่..คุณแม่ขากระถินเสียดายเงินถ้าต้องเอาไปให้ยัยคุณนายจิตแตกนั่น”
“นั่นสิ ตารบอุตส่าห์เก็บมาจะไปให้ยัยจิตแตกนั่นเอาไปใช้สบายๆ ได้ยังไง”
“ให้กระถินใช้ยังดีซะกว่า”
“หือ”
กระถินนึกได้จึงรีบบอกว่า
“กระถินหมายถึง ถ้าเป็นกระถินจะเอาไปใช้จัดสรรเพื่อดูแลคุณแม่กับพ่อกำนันให้สุขสบายจ๊ะ”
“โถ..ลูกกระถินมีใจกตัญญู แบบนี้สมบัติของแม่หลายสิบล้าน แม่ก็คงวางใจ”
กระถินดีใจมากแต่ยังเก็บอาการอยู่
“เพื่อคุณแม่เหนื่อยแค่ไหน กระถินก็ยอมค่ะ..”
“หน้าที่ของเราตอนนี้ต้องขัดขวางตารบไม่ให้หาเงินได้ตามกำหนด”
“เรานี่...คุณแม่กับกระถินใช่ไหมคะ”
“ใช่สิจ๊ะ เราสองคน”
“สู้” กระถินกับวันทนีย์พูดขึ้นพร้อมกัน
จังหวะนั้น เสียงมือถือวันทนีย์ดังขึ้น วันทนีย์กดรับ
“พ่อกำนัน มีอะไรเหรอพ่อ แม่กำลังยุ่ง”

กำนันเรืองนั่งอยู่ที่ชานบ้านที่สุพรรณบุรี หน้าเซียวดูแห้งเหี่ยว
“แม่จ๋า พ่อคิดถึงจะขาดใจอยู่แล้ว”
วันทนีย์ยังเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องที่กระถินมาเล่าให้ฟัง จึงไม่ได้พูดอะไรมาก
“อดทนไว้นะพ่อ” วันทนีย์พูดแล้ววางสายกำนันเรืองไปทันที
วันทนีย์คว้ากระเป๋าเดินทางขึ้นมากวาดของใส่ปิดปึ้ก!
“แม่จะไปไหนจ๊ะ” กระถินถาม
“ภารกิจด่วน แม่ต้องไปกู้หัวใจพ่อจ๋าที่สุพรรณ”
“แล้วเรื่องพี่รบล่ะแม่”
“กระถินลุยไปก่อนเลยลูก แม่เชื่อมือกระถิน แม่ไปนะ พ่อจ๋า...แม่มาแล้วววว”
วันทนีย์ลากกระเป๋าอออกจากห้อง กระถินสายตามุ่งมั่นกับภารกิจปฏิบัติการล่าผู้ชายสุด ๆ
“อ้าว..ทิ้งกันเลยเหรอแม่...กระถินตัวน๊อย..น้อยจะรับมือกับยัยมัทรียังไงล่ะเนี่ย...แต่คนอย่างกระถินเพื่อให้ได้ผู้ชายแล้ว...สู้โว้ย”

บริเวณโรงงานทำโอ่ง ภายในบ้านติรกา คนงานกำลังดูโอ่งใบที่วันรบประทับหน้าไว้ นึกไม่ออกว่าจะเอายังไงดีกับโอ่งใบนี้ ขณะที่โอ่งใบรอบๆนั้นเป็นโอ่งใบที่ออกแบบลายโดยวันรบ คนงานคนหนึ่งพูดขึ้น
“ถามคุณพุทราแล้วกันจะเอาไง”
ติรกาเดินเช็คงานที่ขึ้นรูปเรียบร้อยแล้ว แล้วตรวจดูงานที่กำลังจะเข้าเตาเผา มีพุทราคอยตามจดรายละเอียดอยู่ยิกๆ คนงานเดินมาหาพุทรา
“คุณพุทราครับ” คนงานเรียกพุทรา
“พุทรา งานที่ลูกค้าสั่งล็อตนี้ขึ้นรูปลงลายหมดหรือยัง” ติรกาถาม
พุทราหันมาหาคนงานแล้วถาม
“ขึ้นรูปหมดหรือยัง”
“ขึ้นหมดแล้วครับ..แต่ว่า” คนงานตอบ
“ขึ้นหมดแล้วค่าคุณติ” พุทราบอกกับติรกา
“ถ้างั้นก็จัดการเอาเข้าเตาเผาเลย ให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้นะ จะได้มีเวลาเช็คสินค้าก่อนส่ง” ติรกาว่า
“ได้ยินแล้วใช่ไหม” พุทราหันไปย้ำกับคนงาน
“ครับ..แล้วเอาเข้าเตาเผาทุกชิ้นเลยเหรอครับ” คนงานถามย้ำอีกครั้ง
“ก็งั้นสิ รีบไปจัดการให้เรียบร้อยเลย อย่าให้คุณติสั่งซ้ำ ไม่งั้นคอขาดแน่” พุทราบอก
คนงานทยอยเข็นงาน รวมทั้งโอ่งที่มีใบหน้าของวันรบแปะเป็นลายอยู่ด้วย มัทรีเดินเข้ามาโดยมีเตือนใจเดินตามหลังมา
“ยัยมัท..บอกยายก่อนว่ามีเรื่องอะไร” เตือนใจถาม
วันรบวิ่งตามเข้ามาแทรกข้างมัทรีทันที
“มัท ผมว่าอย่าดีกว่านะ”
“เดี๋ยวมัทจัดการเอง พี่รบอยู่เฉยๆ ทุกอย่างจะเรียบร้อยค่ะ” มัทรีบอก
มัทรีเข้ามาตรงหน้าติรกา วันรบถึงกับรำพึง
“ตายแน่”
“มัทมาเป็นตัวแทนพี่รบค่ะ โอ่งลายใหม่ที่กำลังจะผลิตทั้งหมดนี้เป็นผลงานการออกแบบของพี่รบและทุกคนก็รับรู้” มัทรีบอกติรกา
“มัทจะเรียกร้องค่าออกแบบกับค่าลิขสิทธิ์ของลายโอ่งครั้งนี้สามล้านบาท”
มัทรี ทวงเงินค่าออกแบบลายโอ่งแทนวันรบ
“สามล้านก็ครบสิบพอดีสิ ผมได้ค่าสินสอดครบแล้ว เราได้แต่งงานกันแล้วมัท”
วันรบอุ้มมัทรีด้วยความดีใจ ติรกาปรี๊ดแตกทนไม่ได้ รีบเข้าไปแย่งตัวมัทรีออกจากวันรบทันที
“ยังไม่ได้ ปล่อยลูกฉันนะ ปล่อยๆๆ แกมันไอ้ขี้โกง ไอ้คนฉวยโอกาส”
มัทรี แบมือทวงเงินจากติรกา
“แม่ต่างหากที่เบี้ยวรบก่อน จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวงค่ะ”
“ฉันไม่ให้” ติรกาเสียงแข็ง
“ไม่เป็นไรครับ ผมยกให้เป็นของขวัญแม่ยาย” วันรบบอก
“ฉันไม่เอา” ติรกาบอก
“แต่ยายเอา” เตือนใจโพล่งขึ้น ทุกคนหันขวับมองเตือนใจ
“เพราะยายอยากได้หลานเขย แม่พุทราเชื่อมเตรียมนัดช่างตัดชุดไปงานแต่งงานให้ฉันด่วน หลานฉันจะได้แต่งงานแล้ว มงๆๆ มง ติ้ง มง อ่ะ มง ติ้ง มง” เตือนใจกับพุทรารำป้อด้วยความดีใจ
ติรกาเครียดกลัจะเสียท่าจึงรีบเดินหนีไปดื้อ ๆ
“แม่คะ”
มัทรีจะตามไปทวงเงินจากติรกา แต่วันรบรั้งไว้

รชานนท์เข้ามาในบ้านติรการะหว่างที่กำลังจะเดินผ่านสวนเข้าไปในตัวบ้านก็ชะงักที่ได้ยินเสียงวันรบกับมัทรีคุยกันอยู่ในสวนทั้งมัทรีกับวันรบไม่เห็นรชานนท์เพราะมีพุ่มไม้บังอยู่
“มัทกลัวจังเลยค่ะพี่รบ เวลาแค่ห้าวันเราจะไปหาเงินจากที่ไหนตั้งสามล้าน มัทไม่น่าเอาเงินเก็บไปไว้กับแม่เลย ไม่งั้นก็ยังพอเอามาสมทบได้บ้าง”
“ผมไม่รับเงินของมัทหรอกครับ”
มัทรีมองวันรบอย่างไม่เข้าใจ
“ผมเป็นผู้ชายนะมัทต้องเป็นผู้นำครอบครัว ผมรู้ว่าเรื่องที่แม่มัทให้หาสินสอดสิบล้านเพื่อพิสูจน์ว่าผมรักมัทจริงหรือเปล่าที่ผมยอมรับเงื่อนไขเพราะอยากให้แม่มัทเห็นว่าผมรักมัทจริง ผมไม่อยากให้มัททำอะไรแต่ขอให้มัทเป็นกำลังใจให้ผมต่อสู้เพื่อความรักของเรา” วันรบพูดและจับมือของมัทรีมากุมไว้
“มัทไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องตั้งแง่กับพี่รบขนาดนี้ ทั้งที่แม่กับพ่อก็รักกัน”
รชานนท์ฟังด้วยความสะเทือนใจ
“มัทอยากจะมีครอบครัวอบอุ่นกับพี่รบ พ่อแม่ลูก มัทขอแค่นี้แต่ทำไมแม่ไม่ยอมให้มัท”
“คิดในแง่ดี เรากำลังจะพลิกวิกฤติเป็นโอกาสนะถ้าผมทำสำเร็จแม่มัทก็จะขัดขวางเราไม่ได้แล้ว”
มัทรีนึกขึ้นมาได้
“จริงด้วย เพราะท่านเป็นคนตั้งเงื่อนไขเอง ผิดคำพูดไม่ได้ ดีจังเลยค่ะ”
มัทรีกอดวันรบ วันรบได้แต่ยืนตัวแข็ง
“เอ่อ...มัทผมว่าเราใกล้กันไปแล้วนะ..สงสารผมบ้าง”
“ก็ได้ค่ะ”
มัทรีคลายมือแต่เขย่งตัวหอมแก้มวันรบแทน
“รางวัลสำหรับคนเก่งค่ะ เฮ้อ..ถ้าพ่อยังอยู่ พ่อจะต้องช่วยมัทคานอำนาจแม่แน่ๆ น่าเสียดาย”
มัทรีมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วบอก
“พ่อขา..ช่วยมัทด้วยนะคะ”
ทั้งวันรบและมัทรีจับมือกันอย่างให้กำลังใจ แววตาของรชานนท์มุ่งมั่นและตัดสินใจจะช่วยมัทรีให้ได้

วันรบกลับมาที่ห้องพักในรีสอร์ตช่วงเวลากลางคืน ระหว่างที่วันรบเดินมาตามทางเดิน รู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตามอยู่ วันรบรู้สึกแปลก ๆ จึงหันกลับมา ธงฉานหลบวูบ วันรบหันมาไม่เจอใคร วันรบก้าวเดินต่ออีกสองสามก้าว ธงฉานออกมา วันรบหันกลับมา ธงฉานชะงักค้างอึ้งเห็นสายตาของวันรบที่จ้องมาสุดโหด ธงฉานค่อย ๆ ก้าวถอยก่อนจะรีบหลบฉากไปทันที วันรบสุดเซ็งจึงเดินเข้าห้องไปทันที

วันรบเปิดประตูห้องพักเข้ามาในห้องเห็นรชานนท์ พชร นลินีกำลังนั่งเครียด
“ประชุมเครียดเรื่องอะไรเหรอครับ” วันรบถามขึ้น
“เรื่องแกกับลูกมัท เอ๊ย! น้องมัทน่ะ” รชานนท์บอก
“นนท์มันบอกว่าจะช่วยแกกับน้องมัทให้แต่งงานกันให้ได้น่ะ” พชรพูดขึ้น
“จริงเหรอครับพี่”
“ใช่..และฉันลองคิดอย่างละเอียดแล้ว หนทางที่จะได้เงินก้อนที่เร็วที่สุดตอนนี้ก็จากแม่ของแก” รชานนท์บอก
“แม่ผมไม่มีทางยอมหรอกป๋า คัดค้านสุดตัวขนาดนั้น”
“แกก็อย่าขอตรง ๆสิวะ” รชานนท์แนะนำ
“แล้วจะให้ทำไงล่ะพี่”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น วันรบมองอย่างหงุดหงิดแล้วเดินไปเปิดประตูห้อง กระถินซึ่งตั้งท่าอยู่แล้วพุ่งเข้าหาวันรบอย่างเร็วทันที
“พี่รบ”
วันรบเบี่ยงตัวหลบซ้าย กระถินพุ่งไปทางรชานนท์ที่หลบขวา กระถินโผไปทางพชร ซึ่งนั่งอยู่บริเวณที่เป็นทางตัน พชรร้องตกใจทันทีเพราหลบไม่ทัน กระถินกำลังพุ่งตัวไปหา เสี้ยววินาทีนั้นเองนลินีรีบกระชากพชรหลบได้หวุดหวิด กระถินอัดเข้ากำแพงเต็มๆ กระถินมึนหงายตึง! กระถินถึงกับตาเหล่ ปากเบี้ยวไปชั่วขณะ พชร รชานนท์ วันรบ นลินีเข้ามายืนมุง
“ตายไหมพี่” วันรบถามขึ้น
“สภาพหน้าเสียศูนย์ขนาดนี้ ไม่น่ารอด” นลินีบอก
“ลองเอาไม้เขี่ยดูไหมพี่” รชานนท์ว่า
“พี่ว่าเอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อไปทิ้งดีกว่า” พชรบอก
กระถินสุดทนลุกขึ้นมา
“กระถินเป็นคนนะไม่ใช่...ขี้ พี่รบขา..คุณแม่กลับสุพรรณไปแล้ว กระถินเหง๊า..เหงา”
“กระถินกลับห้องไปก่อนนะ พี่มีเรื่องต้องประชุมกัน”
“ค่า”
“ ถ้างั้นผม” วันรบทำท่าจะพูดต่อ แต่เมื่อหันไปก็พบว่ากระถินยังนั่งเสนอหน้าอยู่ในห้อง
“เย่ย..กระถิน ทำไมยังไม่กลับห้องไปอีก”
“คุณแม่สั่งให้กระถินคอยดูแลพี่รบอย่าให้คลาดสายตา กระถินขัดคำสั่งคุณแม่ไม่ได้ค่า อยากคุยอะไรคุยกันตามสบายเลยค่า”
รชานนท์ พชร วันรบ นลินีมองหน้ากันอย่างงๆ

ขณะนั้นประตูที่เชื่อมระหว่างห้องธงฉานกับวันรบโดนกระแทกจนมีเสียงตึ้ก! ทุกคนชะงัก วันรบส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบแล้วเดินไปที่ประตูเชื่อมหยุดฟัง
“ทำไมเงียบจังวะ” เสียงธงธานพูดขึ้นเบาๆอีกด้านหนึ่งของประตู
วันรบตัดสินใจเปิดประตูกระแทกออกไปทันที
“โอ๊กก!”
ธงฉานล้มลงและร้องขึ้นทันที ใบหน้าธงฉานเป็นรอยขอบประตูยาวคาดกลางหน้าตามแรงกระแทกของวันรบ
“คุณมาตะกายประตูห้องทำไม แอบฟังพวกผมเหรอ”
“เปล่า เหรียญผมมันกลิ้งมาที่ประตู ผมจะหยิบเหรียญแล้วคุณก็เปิดประตูเข้ามา แล้วนี่มันห้องผม ผมจะทำอะไรตรงไหนก็ได้”
“นั่ง” วันรบสั่งเสียงดัง
ธงฉานตกใจไม่ทันคิดนั่งลงทันที
“ขอมือ”
ธงฉานส่งมือให้
“นอน กลิ้ง กลิ้งไป กลิ้งๆๆ” วันรบสั่ง
ธงฉานทำตามกลิ้งจนไปชนเตียงแล้วขึ้นมานั่งงง
“เว้ย คนนะไม่ใช่หมา”
“แล้วทำตามทำไมไ วันรบถาม
“เออว่ะ..ทำทำไมวะเนี่ย” ธงฉานงงกับตัวเองเหมือนกัน
วันรบปิดประตูปัง! ธงฉานตามมาแปะแหมะที่ประตูอีก วันรบที่หันมาหาพวกรชานนท์ด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด
“ผมว่าอยู่ที่นี่มันไม่เวิร์คแล้วล่ะ พวกสอด”
วันรบทุบประตูอย่างแรงดังปัง! อีกด้านหนึ่งธงฉานเจอแรงทุบของวันรบถึงกับผงะ ถอยห่างทันที รชานนท์มองหน้าทุกคนอย่างตัดสินใจ
“งั้นก็ย้าย” รชานนท์บอก
“ย้าย! ย้ายไปไหนกันคะ” กระถินถามขึ้น

เช้าวันใหม่ ทุกคนย้ายจากรีสอร์ตของสมภพไปที่รีสอร์ตของคุณแก้วและสามี คุณแก้วกับสามี เดินนำวันรบ รชานนท์ พชร นลินี และกระถินเข้ามา
“ผมเตรียมไว้สำหรับคุณรบกับทีมงานที่จะมาทำงาน มันอาจจะเล็กไปหน่อยนะคะ” สามีคุณแก้วบอก
ทุกคนเมื่อเห็นบ้านสองชั้นดูดี มีบริเวณที่คุณแก้วจัดไว้รับรองต่างก็มองหน้ากันในอารมณ์ประมาณว่าเล็กแล้วเหรอเนี่ย คุณแก้วยิ้มหวานแล้วบอกว่า
“แก้วอยากให้คุณรบทำงานอย่างสะดวกสบายที่สุดน่ะค่ะ”
กระถินแถเข้ามาหาวันรบทันที
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ว่าที่เจ้าสาวอย่างกระถินจะดูแลพี่รบตั้งแต่ภายนอก จนถึงภายใน..เลยค่ะ” กระถินพูดพลางกวาดสายตาไปทั่วบริเวณจนมาหยุดที่เป้าของวันรบ
วันรบกุมเป้าด้วยความตกใจ ทุกคนสะดุ้ง
“ผมว่าเราย้ายของเข้าไปข้างในดีกว่านะครับ” รชานนท์บอก
กระถินกระวีกระวาดหยิบของเดินนำหน้าเข้าไปทันที พชรมองตามเดินแล้วเดินเข้ามาคุยกับวันรบ
“หนีจากไอ้อ้วนธงฉานมาได้ ก็มีพุดเดิลทอยกระถินเกาะติดแกเป็นตังเม แล้วจะคุยกันเรื่องหาสินสอดแกเป็นเรื่องเป็นราวตอนไหนวะ”
“ป๋า...แล้วไอ้แผนของป๋าที่จะขอเงินจากแม่ผมมันเป็นยังไง” วันรบพูดกับรชานนท์
รชานนท์มองซ้ายมองขวาแล้วก็อ้าปากจะบอก
“แผนมันก็..”
กระถินวิ่งเข้ามาเกาะแกะวันรบทันทีเล่นเอารชานนท์ วันรบ พชร วงแตกทันที
“พี่รบ”
“บ่ายนี้อยากกินอะไรจ๊ะ กระถินจะทำให้กิน”
“อะไรก็ได้จ๊ะ กระถิน..เอ่อ..ช่วยยกกระเป๋าเข้าไปข้างในทีนะจ๊ะ” วันรบบอก
กระถินยกเข้ากระเป๋าเข้าไป
“ไอ้รบ แผนของเราต้องไม่ให้กระถินรู้เด็ดขาดนะ เพราะกระถินรู้ แม่แกต้องรู้ด้วยแน่ๆ” รชานนท์บอก
“ถ้างั้นผมจะกำจัดกระถินออกไปเอง” วันรบพูดพลางส่งสายตาเด็ดขาด

บริเวณหน้าบ้านหลังที่คุณแก้วจัดให้ วันรบกำลังออดอ้อนขอร้องกระถินอยู่ วันรบจับตรงบริเวณไหล่กระถินแล้วจ้องหน้ากระถินด้วยแววตาอ้อนวอนสุดๆ
“พี่ไม่รู้จะพึ่งใครจริงๆนอกจากกระถิน กระถินเป็นคนเดียวที่พี่ไว้ใจ”
กระถินแปลกใจในท่าทีของวันรบที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน พชร นลินีและรชานนท์มองท่าทีของวันรบอย่างอึ้งๆเหวอๆและแปลกใจเช่นกัน
“แล้วตกลงพี่รบจะให้กระถินทำอะไรเหรอจ้ะ”
“พี่อยากให้กระถิน... กลับบ้าน”
กระถินนิ่งไปและตกใจที่วันรบไล่กลับบ้านหน้าตาเฉย
“ไม่นะจ้ะพี่รบ! กระถินไม่กลับจนกว่าจะได้ตัวพี่” กระถินหลุดปากพูดออกไป
“อะไรนะ” ทุกคน พูดขึ้นพร้อมกัน
กระถินเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากออกไปจึงรีบแถไปตามเรื่อง
“กระถินบอกว่ากระถินไม่กลับจนกว่าจะได้...ตั๋วฟรี”
“ห๊ะ” ทุกคนร้องขึ้นอีก
“ตั๋วรถทัวร์ไงจ้ะ... คือกระถินไม่มีเงิน กระถินจะไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อตั๋วรถทัวร์กลับบ้าน” กระถินแถไปอีกดอก
นลินีรีบยื่นตั๋วรถทัวร์ชั้นหนึ่งให้กระถินทันที
“เตรียมให้แล้วจ้ะ ชั้นหนึ่งด้วย นั่งสบายไม่เมื่อยแน่นอน” พชรบอก
กระถินรับตั๋วมาแล้ว ทำท่าแล้วหันไปหาข้ออ้างกับวันรบต่อ
“แต่แม่พี่รบสั่งไว้ให้กระถินอยู่ดูแลพี่รบ อยู่ๆกลับไปกระถินโดนว่าแน่ๆ”
พชร รชานนท์และนลินีหันมามองหน้าวันรบ อยากรู้ว่า วันรบจะพูดอะไรต่อ
“แต่พี่.. เอ้อ..พวกพี่.. ต้องไปทำงานที่เมืองนอก”
“พวกพี่”
วันรบพยักหน้าแล้วพูดไปชี้ไปที่แต่ละคน
“พี่... ป๋า... พี่ระ... พี่นี”
กระถินหันไปมองพวกรชานนท์ ทั้ง4 คนรีบพยักหน้ายอมรับว่า ใช่
วันรบเห็นกระถินกำลังจะพูดก็รีบคว้ามือกระถินมากุมไว้แล้วพูดอ้อนวอน
“อย่าปฏิเสธพี่เลยนะกระถิน”
ทุกคนมองวันรบอึ้งๆที่จับมือกระถิน โดยเฉพาะกระถินถึงกับอ้าปากค้าง
“พะ...พะ...พี่รบจับมือกระถิน”
วันรบเห็นหน้ากระถินเริ่มหวั่นไหวก็ได้ที รีบอ้อนวอนขอความเห็นใจทันที
“ช่วยพี่เถอะนะกระถิน... กลับบ้านไปซะ แล้วไปดูแลแม่ของพี่ให้ดี พี่เป็นห่วงแม่... ท่านต้องเสียใจมากที่พี่ต้องจากบ้านไปอยู่ต่างแดนแถมยังไม่รู้จะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่”

วันรบพูดพลางตีหน้าเศร้า
วันรบแกล้งทำเป็นสะอื้นเสียใจอยู่อย่างนั้น

“พี่มองไม่เห็นใครที่จะดูแลแม่ได้ดีไปกว่ากระถินอีกแล้ว... เชื่อพี่นะกระถิน พี่ไม่ไว้ใจใครจริงๆ นอกจากกระถิน”
พชร รชานนท์และนลินีทำหน้าเบ้กับท่าทางของวันรบ รชานนท์กระซิบถามนลินี
“ไอ้รบมันทำบ้าอะไร”
“ก็หาทางหลอกให้กระถินกลับบ้าน” นลินีกระซิบตอบ
“ใครเชื่อมันก็บ้าแล้ว” พชรกระซิบบอก
วันรบยังแกล้งสะอึกสะอื้นเศร้าใจอยู่ กระถินมองวันรบอย่างอึ้งๆแต่พยักหน้าเห็นใจ
“แต่พี่รบต้องสัญญานะคะว่าจะกลับมา ไม่ว่านานแค่ไหนกระถินก็รอพี่ได้ค่ะ”
กระถินพูดจบก็โผเข้ากอดวันรบทันที วันรบหันมายกนิ้วให้พวกรชานนท์ว่าสำเร็จ รชานนท์ พชรและนลินีอึ้งไปที่กระถินเชื่อในคำโกหกของวันรบ

ภายในโรงงานงานโอ่งแม่เตือน ตอนกลางวันในวันเดียวกัน ติรกา พุทรา พาสมภพและทองเอก ฮึกเหิมเดินเข้าเยี่ยมชมโรงงานโอ่งแม่เตือน โดยมีเตือนใจกับพุทราตามหลัง
“สองคนนี่เป็นใคร” เตือนใจพูดกับพุทรา
“คุณทองเอกเป็นคนที่จะผลักดันโอ่งแม่เตือนไปโชว์ระดับนานาชาติ อีกคนคืออาจารย์ฮึกเหิมเป็นศิลปินวาดภาพค่ะ” พุทราบอก
“โอ่งแม่เตือนของเรา รับประกันความแข็งแรงทนทาน ใช้งานได้นานนับสิบปี” ติรกาบอก
“ผมทราบเรื่องคุณภาพของโอ่งแม่เตือนดี แต่เมื่อเราต้องนำไปจัดแสดงในระดับนานาชาติ สินค้าจากประเทศไทยนอกจากจะขายคุณภาพต้องมีความสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจตั้งแต่แรกเห็น” ทองเอกบอก
ฮึกเหิมซึ่งอยู่ข้างๆติรกาเสียงดังโพล่งขึ้นมา
“มันคือจิตวิญญาณ”
“ต้องทำให้คนที่พบเห็นผลิตภัณฑ์สัมผัสได้” ทองเอกบอก
“มันคือพลัง” ฮึกเหิมเสียงดังขึ้นมาอีก
“มาตราฐานของงาน อาจารย์ฮึกเหิมจะช่วยผมตัดสิน” ทองเอกบอก
สมภพกระซิบบอกติรกา
“ถ้าอาจารย์ฮึกเหิมไม่โอเค เรื่องจะไปโชว์ระดับชาติผมก็คงช่วยไม่ได้”
ติรกาได้ยินดังนั้นก็รีบนำเสนอขึ้นทันที
“เรามีโอ่งลายใหม่ที่เพิ่งผลิตออกมาไม่นาน ลายมังกรเหยียบดวงอาทิตย์”
ฮึกเหิมเข้าไปพินิจใช้มือแตะแล้วหลับตา
“ไม่มีพลัง! เป็นแค่ผลงานแต่ยังไม่สื่อความหมาย มันไม่ใช่ศิลปะ”
ติรกาหน้าเสียทันที สมภพกระซิบติรกา
“ถ้าอาจารย์ฮึกเหิมไม่ชอบ ก็คงหมดหวังแล้วล่ะครับ”
ติรกาไม่ยอมแพ้
“ถ้าไม่ชอบลายนี้ เรายังมีลายอื่น ๆ ให้เลือกอีกนะคะ”
“ว่ายังไงครับอาจารย์” ทองเอกถาม
ฮึกเหิมมองไปรอบๆเพื่อพิจารณา
“เท่าที่เห็นผมไม่..” แล้วฮึกเฮิมก็ชะงักทันที
“โอ๊วววว..นั่น ๆ”
ฮึกเหิมหันไปเจอโอ่งใบหนึ่งที่รูปทรงยวบลงไป มีลายรูปหน้ากับสองมือของวันรบประทับอยู่เป็นลายของโอ่งซึ่ง วางรวมอยู่กับโอ่งไปอื่น ๆ ก่อนวิ่งเข้าไปยืนมองความตื่นตะลึงมาก
“โอ้วว! ไม่ ไม่”
ทุกคนขยับตามเข้าไป
“โรงงานเรามีโอ่งแบบพิลึก ๆ ด้วยเหรอคะ” พุทราบอก
“คุณอาติโดนตัดสิทธิ์แน่ๆครับ” ธงฉานพูดขึ้น
ติรกาตกใจจนต้องรีบชี้แจง
“คือโอ่งใบนี้มันไม่ใช่..”
“ไม่ธรรมดา..มันคือศิลปะ”
“ศิลปะ” ทุกคนร้องขึ้น ยกเว้นทองเอก
“ไอ้โอ่งพิการเนี่ยนะ ศิลปะ” ธงฉานพูดขึ้น
“มีตาแต่ไร้ปัญญา ไร้บุญบารมีที่จะเห็นความหมายที่ซ่อนอยู่ โอ่งใบนี้มันกำลังสื่อถึงโลก รูปร่างที่ไม่สมประกอบมันคือโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่ไม่สมบูรณ์แบบในยุคพุทธกาล ลวดลายสองมือขนาบข้างกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก มันกำลังสื่อถึงพลัง” ฮึกเหิมพูดขึ้น
“รูปมือกับหน้ายับ ๆ เนี่ยนะ” พุทราโพล่งขึ้น
ฮึกเหิมเสียงดังกว่าเดิม
“มันคือพลังแห่งธรรมะที่ชนะอธรรม แรงกดรูปมือทั้งสองลึกได้ระดับบ่งบอกถึงการยอมศิโรราบของพญามารที่มีต่อองค์พระพุทธเจ้า ใบหน้าด้านซ้ายมีรอยยับที่ดวงตาบ่งบอกถึงความอาดูรของพญามารที่ได้วนเวียนอยู่ในวัฎจักรของกิเลส มันคือการสร้างสรรค์”
ทองเอกปรบมืออย่างชื่นชม
“ยอดเยี่ยมมากครับ เป็นผลงานนอกกรอบที่จะช่วยเผยแพร่ทั้งฝีมือและความเชื่อของชาวไทยได้เป็นอย่างดี ผมยินดีสนับสนุนผลงานของโอ่งเตือนใจเต็มที่”
ติรกาหันมองเตือนใจกับพุทราด้วยสีหน้าดีใจมาก ฮึกเหิมพูดกับติรกา
“มันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม มันเปี่ยมด้วยพลัง”
ติรกาดีใจจนลืมตัว
“เพราะมันเป็นศิลปะ! ที่เราควรจะช่วยสร้างสรรค์เพื่อโลกน่ะค่ะ”
ทุกคนหันมามองติรกา
“ผลงานยอดเยี่ยมแบบนี้ ผมอยากจะซื้อไปจัดแสดงในแกลลอรี่เดียวกับงานของอาจารย์ฮึกเหิม คุณขายเท่าไหร่ผมยินดีจ่ายไม่อั้น” ทองเอกพูดขึ้น
“ไอ้โอ่งพิลึกใบนี้ใครเป็นคนทำเนี่ย” ติรกาพูดกับพุทรา
เตือนใจมองฮึกเหิมแล้วลูบคลำโอ่งใบดังกล่าว ด้วยความรู้สึกคุ้น ๆ ภาพของวันรบที่เสียหลักล้มเข้าหาโอ่งโดยเอาสองมือยันไว้ผ่านเข้ามาในความทรงจำของเตือนใจ
“นี่มันโอ่งที่ตารบล้มใส่วันก่อน” เตือนใจพูดขึ้น
“ของไอ้วันรบเหรอ งั้นฉันไม่” ติรกากำลังจะบอกว่าไม่ขาย แต่ทองเอกแทรกขึ้น
“สำหรับศิลปะ!ห้าล้านบาทขาดตัว ผมเซ็นเช็คให้เดี๋ยวนี้เลย”
ทุกคนตกใจคาดไม่ถึงกับเงินจำนวนมากขนาดนั้น พุทราเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น
“สะดุดหน้ากระแทกโอ่งเนี่ยนะ ศิลปะตรงไหนวะ” พุทรานึกบางได้จึงหันไปทางเตือนใจ
“แต่ห้าล้านนี่พอค่าสินสอดแถมเหลือกำไรให้คุณวันรบด้วยนะคะ”
สมภพหูผึ่งทันทีและรีบห้าม
“คุณทองเอกครับ ผมว่ายังมีโอ่งให้คุณเลือกอีกเยอะ”
“แต่ผมต้องการใบนี้ โอ่งหนึ่งเดียวในโลกที่มีความหมายลึกซึ้งขนาดนี้” ทองเอกย้ำ
“มันมีพลัง มันคือสุดยอดศิลปะ” ฮึกเหิมย้ำขึ้นอีก
เตือนใจรีบขัดทันที
“ตกลงที่ห้าล้านบาทค่ะ ขอบคุณมาก”
เตือนใจยิ้มเย้ยติรกา ติรกาพูดไม่ออก ไม่คิดว่าจะถูกเตือนใจตัดหน้าขายให้ลูกค้าแบบนี้ สมภพกับธงฉานสบตากันด้วยความเครียด ขณะที่ฮึกเหิมกับทองเอกกำลังชื่นชมกับโอ่งศิลปะใบนั้นอยู่ แต่ติรกาแอบคุยกับพุทราด้วยความเครียด
“ฉันต้องขายโอ่งใบนั้น โดยที่ไอ้วันรบต้องไม่รู้เรื่อง”
“พุทราว่าไม่ทันแล้วล่ะค่ะ” พุทราบุ้ยใบ้ไปทางเตือนใจที่กำลังกดมือถือด้วยสีหน้าดีใจ

ในช่วงเวลาเดียวกัน รชานนท์ขับรถออกจากจากบ้านพักในรีสอร์ตของคุณแก้ว โดยมีพชรและวันรบหัวเราะลั่นกันอยู่ในรถ
“ความรักทำให้คนตาบอดจริงๆเว้ย แถมหูบอดด้วย” พชรว่า
“หูหนวก” รชานนท์กับวันรบพูดขึ้นพร้อมกัน
“นั่นแหละ แค่ไอ้คุณน้องรบทำเสียงออดอ้อนหน่อยเดียว” พชรบอก
“ไม่ใช่แค่เสียงนะพี่... จังหวะนั้นมันต้องใช้แววตาด้วย”
วันรบจ้องตาพชรและแสดงออกทางแววตาว่าหลงใหลในตัวพชรมาก แล้วตามด้วยเสียงสะอื้น
“แบบนี้”
รชานนท์มองด้วยความหมั่นไส้ แล้วเขกหัววันรบไปเต็มแรง
“ไอ้กะล่อน ถ้าฉันรู้ว่าแกหลอกลูกสาวฉันแบบนี้ แกตาย” รชานนท์พูดขึ้น
“ลูกสาว” วันรบกับพชรพูดขึ้นพร้อมกัน
รชานนท์รู้สึกตัวทันที
“ก็ฉันเอ็นดูน้องมัทเหมือนลูกสาวน่ะ น้องมัทเป็นคนดีห้ามแกหลอกน้องมัทเด็ดขาด”
จังหวะนั้น เสียงมือถือวันรบดัง วันรบกดรับ
“ครับคุณยาย...มีคนมาขอซื้อโอ่งที่ผมปั้นตั้งห้าล้าน”
รชานนท์กับพชรมองวันรบที่กำลังยิ้มอย่างดีใจมาก เตือนใจบอกกับวันรบว่า
“ใช่จ๊ะ ยายจัดการขายให้เรียบร้อยแล้ว เสร็จงานแล้วรบเตรียมมารับเงินได้เลยนะ”
เตือนใจวางสายแล้วเดินไปหาฮึกเหิมกับทองเอกอย่างยิ้มแย้ม ติรกาสีหน้าเครียดทันที
“แม่นะแม่..ไปบอกมันทำไม”
“ไม่อยากขายก็บอกเขาว่าไม่ขายสิคะ” พุทราว่า
“ทำได้ไงล่ะ คุณทองเอกไม่พอใจขึ้นมาเรื่องที่จะดันโอ่งเตือนใจไประดับโลกก็อดหมดน่ะสิ”
“ขายก็ไม่ได้ ไม่ขายก็ไม่ดี แล้วจะทำไงล่ะค่ะ”
ติรกาเครียด คิดอะไรไม่ออก ขณะที่ธงฉานกับสมภพ แอบคุยกันอยู่อีกมุม
“หาทางทำลายโอ่งใบนั้นซะ”
“จะดีเหรอครับ”
“หรือแกจะปล่อยให้ไอ้รบได้เงินมาสู่ขอมัทรี แล้วเราสองคนก็ตกกระป๋อง”
“อันหลังนี้ไม่ดีกว่ามาก ๆ ผมไม่มีวันยอมให้ไอ้วันรบได้ตัวน้องมัทแน่”
ทั้งสมภพและธงฉานยิ้มร้ายอย่างมีแผน

บริเวณหน้าบ้านเตือนใจ ทองเอกกำลังจะเซ็นเช็คให้ติรกา สมภพนั่งลุ้นระทึกใจคอไม่ดี
“ทางเราจะจัดส่งให้ถึงบ้านภายในวันนี้เลยนะคะ” เตือนใจพูดขึ้น
มัทรีเดินกลับเข้ามาที่บ้านพอดี รู้สึกแปลกใจที่เห็นทุกคนอยู่เต็มบ้าน
“ยายมัทมาพอดี ยายมีข่าวดีจะบอก” เตือนใจพูดกับมัทรี
จังหวะนั้น พุทราวิ่งหน้าตื่นเข้า หอบแฮ่กและเสียงดังเข้ามา
“แย่แล้วค่ะ”
“เสียงดังโวยวายไม่เกรงใจลูกค้ามั่ง” ติรกาดุใส่ทันที
“มีอะไรเหรอพี่พุทรา” มัทรีถาม
“โอ่งราคาห้าล้านของคุณวันรบ กลายเป็นเศษดินไม่ถึงสิบบาทไปแล้วค่ะ”
“หา” เตือนใจร้องขึ้น
มัทรีที่เพิ่งเข้ามายังงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเรื่องอะไร

ทุกคนเดินกลับไปยังโรงงานโอ่งแม่เตือนอีกครั้ง เห็นเศษโอ่งกระจัดกระจายกองอยู่ที่พื้น ทุกคนมองเศษโอ่งด้วยความตกใจ อาจารย์ฮึกเหิมถึงกับทรุดคร่ำครวญ ราวกับเสียของรักมาก
“โอ้ววว ไม่จริง ไม่ ใครทำลายความงามของโลก ไม่”
ธงฉานเดินกลับเข้ามาทำเนียนๆสบตากับสมภพ ยิ้มร้ายอย่างรู้กัน เตือนใจถอนใจ
“เกือบได้ค่าสินสอดพ่อรบแล้วแท้ๆ”
“ต้องเป็นฝีมือของคนที่ไม่อยากให้มัทแต่งงาน” มัทรีพูดขึ้น
ธงฉานสะดุ้งเฮือก สมภพรีบดึงธงฉานให้ทำตัวปรกติ ไม่มีพิรุธ
“อย่ามาโทษแม่อย่างนี้นะยายมัท”
“แม่คะ..มัทไม่ได้คิดว่าแม่เป็นคนทำนะคะ” มัทรีพูดแล้วเหล่ไปทางธงฉานกับสมภพ
“แม่ไม่ได้ทำนะ” ติรการ้อนตัวไปเองเพราะไม่ได้สังเกตแววตาที่มัทรีมองไปที่สมภพกับธงฉาน
“ค่ะ..มัทขอตัวก่อนนะคะ”
มัทรีเดินออกไปอย่างผิดหวัง สมภพ ธงฉานยิ้มร้ายกับความสำเร็จของตัวเอง

พชรกับรชานนท์หลังจากดูความเรียบร้อยในรีสอร์ตคุณแก้วก็เดินออกมาเห็นวันรบถือมือถือยืนอึ้งอยู่
“ไอ้รบ! ยืนฝันหวานอยู่ได้ ไป พวกพี่เช็คงานเรียบร้อยแล้วไปรับเงินสินสอดแกกัน” พชรพูดขึ้น
วันรบหันมาทำหน้าเซ็ง
“ไม่ต้องไปแล้วพี่ระ มัทโทรมาบอกว่าโอ่งผมโดนใครไม่รู้ทุบเละ อดเลย”
“โห..นี่เขาเรียกบุญมีแต่กรรมบังเลยนะเนี่ย
“หรือว่าแกจะไม่มีวาสนากับน้องมัท สงสัยจะอดนะไอ้รบงานนี้” รชานนท์ว่า
วันรบฮึดแล้วหันมาหารชานนท์
ผมไม่ยอมแพ้หรอก ว่าแต่ป๋าจะบอกแผนของป๋าได้หรือยังว่าจะไปขอเงินจากแม่ผมด้วยวิธีไหน”
รชานนท์ยิ้มกริ่ม

คืนนั้น มัทรีพูดกับเตือนใจอยู่ที่บริเวณระเบียงบ้านเตือนใจ เตือนใจตกใจที่มัทรีมาขอร้องให้ช่วย
“จะให้ยายช่วยปิดเรื่องที่มัทไปบ้านที่สุพรรณกับพ่อรบเนี่ยนะ ตายๆๆ งานนี้แม่ติได้แหกอกเหี่ยว ๆ ยายแน่”
“เดี๋ยวมัทออกเงินอัพอึ๋มให้ยายเอง”
“เออดี” เตือนใจพูดไม่ทันคิด แต่เมื่อคิดได้ก็สะดุ้ง
“เอ๊ย บ้าเหรอ ... แก่ปูนนี้แล้ว ยายไม่เอาด้วยหรอก”
“ยายยังไม่แก่สักหน่อย ยังสาวสวยสมวัยอยู่เลย”
“วัยชราน่ะสิ”
เตือนใจแกล้งมองค้อน มัทรีตามตื๊อทันที
“โธ่ยายจ๋า... แค่ช่วยมัทปิดแม่ ยายไม่บอกแม่ก็ไม่รู้”
“คิดเหรอว่าจะมีอะไรลอดหูตาสับปะรดของคุณนายติรกาไปได้”
“มัทถึงมาขอให้เซียนปราบสับปะรดอย่างยายช่วยไงจ๊ะ”
“เฮ้อ... หาเรื่องให้ยายเดือดร้อนทุกที”
มัทรีกอดเตือนใจอย่างอ้อน ๆ
“แต่ทุกครั้งยายก็เต็มใจช่วยหลานรักไม่ใช่เหรอ”
“ก็ยายมีหลานรักคนเดียว ไม่ช่วยมัทแล้วจะช่วยแมวที่ไหน”
มัทรียิ้มเศร้าแล้วว่า
“โชคดีที่มัทมียายที่รักและหวังดีกับมัทเสมอ”
“ถ้ามัทไม่มองด้วยอคติ ก็จะเห็นว่ายังมีแม่ที่รักและห่วงใยมัทเหมือนกัน”
มัทรีชะงัก เตือนใจเตือนสติมัทรี
“แต่แม่...”
“ไม่มีใครทำอะไรบนโลกนี้โดยไม่มีเหตุผล แต่เหตุผลของคน ๆ นั้น อาจไม่ถูกใจเรา.. มันก็เท่านั้น”
มัทรีเงียบ ไม่ตอบอะไร เตือนใจได้แต่มองมัทรี หวังว่าข้อคิดนี้จะทำให้มัทรีคิดได้บ้างเท่านั้นเอง

ภายในครัวบ้านเตือนใจ ในวันรุ่งขึ้น มัทรีกับเตือนใจมองไปที่ถังข้าวสาร มัทรีล้วงมือลงไปในถังข้าวสารแล้วหยิบไอโฟนของเตือนใจขึ้นมาแล้วลองเปิดเครื่อง หน้าจอไอโฟนเปิดใช้ได้ปกติ
“โว้ๆๆ ใช้ได้จริง ๆ ด้วยยายมัท”
“เห็นมั้ยหนูบอกแล้วว่าได้ผล... แต่ยายก็อย่าทำมือถือตกน้ำอีกนะจ้ะ”
เสียงมือถือมัทรีดังขึ้น มัทรีหยิบมาดู เตือนใจชะโงกหน้ามาดูด้วย ข้อความที่เครื่องมัทรีขึ้นว่า “ผมพร้อมเดินทางแล้วนะครับ” มัทรีกับเตือนใจมองหน้ากัน
“แผนจะสำเร็จจริงๆหรือยายมัท”
“ไม่ลองไม่รู้จ้ะยาย”
“งั้นทานข้าวกับยายก่อน แล้วค่อยไปนะ”

มัทรีกับเตือนใจเดินออกมาที่โต๊ะทานข้าวแล้วก็ชะงัก เพราะติรกายืนอยู่ พร้อมแก้วน้ำส้มคั้นในมือ
“จะออกไปข้างนอกเหรอยายมัท แม่ไปส่งมั้ย”
มัทรีนิ่งไม่ตอบติรกาแล้วหันหน้าหนี เตือนใจเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้าไปคุยกับติรกาแทน
“มาหาแม่แต่เช้าเลย มีอะไรรึเปล่า”
“หนูมาทานข้าวเช้ากับแม่กับยายมัทค่ะ”
มัทรีหันมามองติรกาอย่างไม่เชื่อสายตา
“วันนี้เหรอคะ”
“เมื่อก่อนแม่ไม่มีเวลาให้มัทกับยาย... แต่ต่อไปนี้แม่จะพยายามมาทานข้าวกับลูกกับยายให้ได้ทุกมื้อ ดีมั้ยคะแม่” ติรกาพูดแล้วหันมาหาเตือนใจ
“จริงเหรอยายติ งั้นคืนนี้ทานอะไรดี แกงเลียงของโปรดลูกดีมั้ย”
มัทรีหันมาพูดเบาๆกับเตือนใจ
“ยายคะ คืนนี้มัทต้องไปนะคะ”
เตือนใจนึกได้ว่าเตรียมแผนกับมัทรีไว้ก็เหวอไป ติรกานึกว่ามัทรีไม่อยากทานข้าวด้วย
“อะไรกันยายมัท แม่จะขอมาทานข้าวด้วยไม่ได้เลยหรือไง”
“เปล่านะคะ แต่...” ติรกามองมาที่มัทรีที่ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น
“...แต่...แต่มัททานไม่ลงค่ะ เพราะมัทกำลังเศร้าที่พี่รบไม่ได้เงินค่าแบบจากแม่ ไม่ได้ค่าโอ่ง อุปสรรคความรักมัทเยอะเหลือเกิน มัท..”
มัทรีสบตามาที่เตือนใจแล้วขยิบตาให้ เตือนใจขยิบตาตามอย่างงงๆ แล้วนึกได้ปล่อยโฮ
“น่าสงสารหลานยายจริงๆ ยัยมัทเห็นกันอยู่หลัดๆ แท้ๆ”
มัทรีเหวอไปทันที
“มัทยังไม่ตายค่ะคุณยาย แค่เศร้าที่ไม่ได้เงินค่ะ”
เตือนใจได้สติแล้วว่า
“เหรอ ๆ...โธ่หลานยายคิดมากจนทานข้าวไม่ลงเลยเหรอลูก”
มัทรีเห็นท่าไม่ดีรีบตัดบท
“มัทขอไปพักก่อนนะคะ หัวใจมัทเหมือนจะสลาย โฮๆๆ”
มัทรีรีบชิ่งออกไปทันที
“ยัยมัท” ติรกาพูดแล้วจะตามไป เตือนใจตกใจรีบดึงไว้
“ลูกกำลังเศร้าอย่าตามไปกดดัน บีบคั้นอีกเลยนะยัยติ”
“แต่หนูห่วงลูกนะคะแม่”
“ปล่อยให้อยู่คนเดียวซักวันสองวันก็คงดีขึ้น”
เตือนใจพยาบยามกล่อม ติรกานิ่งไม่ตาม เตือนใจแอบถอนใจโล่งอก

มัทรียืนแอบฟังเตือนใจกับติรกาอยู่ที่ตีนบันไดบ้านแล้วถอนใจอย่างเครียดๆ
“เกือบไปแล้ว” มัทรีพูดขึ้นเบาๆ
มัทรีชะโงกหน้าแอบมองดูเตือนใจคุยกับติรกาต่อ มัทรีเห็นติรกาส่ายหน้ากลุ้มใจ
“งั้นหนูฝากแม่ดูยายมัทด้วยนะคะ... ห้ามติดต่อกับวันรบเด็ดขาด”
เตือนใจยิ้มเจื่อนๆแล้วพยักหน้าตกลง มัทรีรีบหยิบมือถือมาส่งข้อความหาวันรบทันที
“ทางสะดวกแล้ว คืนนี้เจอกัน”

บรรยากาศยามค่ำที่บ้านวันรบ ในจังหวัดสุพรรณบุรี วันทนีย์ปะแป้งหน้าผ่องเดินออกมาที่ชานบ้านพยายามกดโทรศัพท์โทรหาวันรบ
“ตารบนะ ทำไมไม่เปิดมือถือ”
กระถินคลานเข่าเข้ามาเสนอหน้าทันที
“ติดต่อพี่รบได้หรือยังจ๊ะแม่”
“ยังน่ะสิ”
“โธ่พี่รบ ป่านนี้จะไปลำบากที่ต่างบ้านต่างเมืองแค่ไหนก็ไม่รู้”
“กระถินก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาบ้านทำไม แม่บอกแล้วให้เฝ้าตารบไว้”
“คุณแม่คะ สายตาอ้อนวอนของพี่รบ น้ำเสียงที่ห่วงใยคุณแม่อย่างจริงใจ น้ำตาคลอเบ้าขนาดนั้นกระถินต้องยอมค่ะคุณแม่ ถึงแม้ว่ากระถินจะต้องเจ็บปวดที่ต้องจากพี่รบแค่ไหน กระถินก็ยอม” กระถินเข้าไปกอดวันทนีย์ วันทนีย์ลูบหัวกระถินอย่างเอ็นดู
“รักเขาไปแล้วนี่นะ”
วันทนีย์พูดพลางร้องเพลงปลอบ - - “สี่ในสี่ ห้องหัวใจฉันให้คุณหมดหมด ไม่มีเหลืออยู่ คุณ ไม่รักแล้วไม่เอ็นดูพอหัวใจคุณเปิดประตูไม่มีฉันอยู่ ในนั้นเลย...”
เสียงปรบมือดังจากด้านล่างทั้งวันทนีย์และกระถินประสานตากัน
“สวดยอด...เพราะสวดยอดจิงๆ” เสียงของพชรดังขึ้นที่ด้านล่าง
วันทนีย์ตกใจทันที ร้องถาม
“นั่นใครน่ะ”
“โจรแน่ๆ เลยคุณแม่” กระถินบอก
“โจร พ่อจ๋า..โจร” วันทนีย์ร้องโวยเรียกกำนันเรือง
กำนันเรืองถลาออกมาจากห้องพร้อมปืน อาไทวิ่งมาจากอีกทาง
“ใครมันกล้ากระตุกหนวดเสือวะ ตาย” กำนันเรืองว่า
“ลุยเลยพ่อกำนัน” อาไทบอก
กำนันเรืองรีบวิ่งลงไปข้างล่างพร้อมกับปืน อาไท กระถินกับวันทนีย์รีบวิ่งตามลงไปเป็นพรวน กำนันเรืองวิ่งลงมาข้างล่างหันปืนไปทางเงาดำที่ยืนอยู่หกคน
“ตาย”
กำนันเรืองจะยกปืนเล็ง แต่สี่คนที่ล้อมพชรกับรชานนท์ชักปืนออกมาเล็งมาทางกำนันเรือง ทั้งกำนันเรือง อาไท วันทนีย์ กระถินตกใจยกมือยอมแพ้ทันที
“ยอม” กำนันเรืองบอก
“โอ้ย พ่อกำนันจะยอมทำไมก็ยิงสู้มันไปสิพ่อ” อาไทบอก
กำนันเรืองเบิ๊ดหัวอาไทย
“พูดไม่คิด สี่ต่อหนึ่ง สู้ก็ตายสิวะ”
“ไม่สู้ก็ตาย ก็สู้สิพ่อ”
“เออ..จริง ตายเป็นตาย” กำนันเรืองทำท่าจะเล็งปืน
“สต๊อปๆๆ! พุทเดอะกัน ดาวน์”
กำนันเรืองชะงักแต่ยังเล็งปืนไว้ อาไท วันทนีย์กับกระถินชะงักมองตาม
“ ใครน่ะ พวกเอ็งเป็นใคร” วันทนีย์ถามขึ้น
พชรกับรชานนท์ในมาดนักธุรกิจเกาหลี มีมิสเตอร์ดำจังมึงใส่แว่นดำยืนอยู่ด้วยอีกคน บรรดาบอดี้การ์ดอีกสามอยู่ด้านหลังสองคน ด้านหน้าอีกหนึ่งคน
“เฮลโล่ไทยแลนด์ ไอแอมโกเรียน” พชรในมาดของนักธุรกิจพูดขึ้น
“โกร้านไหนวะ” กำนันเรืองถาม
“เอ่อ..โน ๆ โกเรียน..เอ่อ..” รชานนท์มองทางพชรเลิ่กลั่ก
ดำจังมึง เห็นพวกกำนันเรืองยังนิ่งจึง ทำมือเป็นรูปหัวใจ
“วีอาร์อันยองฮาเซโย.. เอ่อ..ซารางเฮโย ยูโน”
“อ๋อ..พ่อกำนันจ๋าไม่ใช่โกขายกาแฟจ๊ะ พวกนี้เขาเป็นโกเรียน คนเกาหลีจ๊ะ”
“เยสๆๆ เกาหลี ไอแอม คันจึงเกา” รชานนท์แนะนำตัวเอง
พชรแนะนำตัวและชี้ไปที่ดำจังมึง
“ไอ แอม เบน ยาง เอือม แอนด์ มิสเตอร์ดำจังมึงและคณะ มายบอดี้การ์ด”
อาไทมองไปที่ดำจังมึงแล้วถาม
“นี่ก็เกาหลีด้วยเหรอ”
“เออ..มีปัญหาหรือไง” ดำจังมึงพูดเป็นภาษาไทยแต่ไม่ชัด
รชานนท์ในมาดนักธุรกิจพูดไม่ชัดเหมือนกันบอก
“เอ่อ.. เขาเป็นครึ่งลูก..เอ๊ย..ลูกครึ่งน่ะครับ”
“ครึ่งคนครึ่งหนำเลี๊ยบป่ะเนี่ย” กระถินถามขึ้น
“เกิดมาไม่เคยเตะผู้หญิงเลย คงต้องลองสักที” ดำจังมึงบอก
“เฮ้ยๆๆเขาแค่ล้อเล่ง ก็บอกเขาไปดีๆ” รชานนท์กับพชรพูดขึ้นพร้อมกัน
ดำจังมึง พูดเร็วๆ รัว
“ลูกครึ่งไทยกาหลี”
“ไทยอะไรนะ” กำนันเรือง ถามขึ้นเพราะฟังไม่ชัด
“ฉันบอกว่า ฉันเป็นลูกครึ่งไทย-กาน่า-เกาหลี เป็นไทยกาหลี เข้าใจยัง” ดำจังมึงบอก
“อ๋อ” กำนันเรือง,วันทนีย์,กระถิน,อาไทพูดขึ้นพร้อมกัน
“แล้วพวกแกมาทำลับๆ ล่อๆ แถวบ้านข้าทำไม” กำนันเรือง ถาม
“พวกลาวจามาติดต่อขอซื้อที่ดินแถวนี้ ผ่านมาได้ยินเสียงเพลงดังจากบ้านนี้ เป็นเพลงที่เพราะมากจนอดใจไม่ไหวที่จายืนฟัง เสียงคนร้องดีจริงๆ” รชานนท์พูดไม่ชัดอีกตามเคย
“แม่ฉันเป็นแม่เพลงพื้นบ้านของจังหวัดจ๊ะ” กระถินบอก
“มิน่าถึงได้ร้องเพราะม๊ากมาก” พชรบอก
รชานนท์ยังไม่ได้เข้าเรื่องสักที จนดำจังมึงชักรำคาญ
“เอ้ย..ก็บอกเขาไปสิว่าจะมาซื้อที่ด้านหลังบ้านนี้ อ้อมโลกกันอยู่ได้ ถามเขาไปว่าที่ด้านหลังน่ะของใคร ฮ่วย”
“แบบนี้มีลูกเสี้ยวอีสานผสมด้วยแน่” อาไท บอก
“แบบนี้อย่าถามนะว่าพ่อชาติไหน ตอบไม่ถูกหรอก” กำนันเรืองบอก
“นินทาพ่อได้ยินนะเว้ย เดี๋ยวปั๊ด” ดำจังมึงโวยวาย
รชานนท์กระซิบกับพชรเบาๆว่า
“ไปจ้างพวกมันมาจากไหนเนี่ยพี่ แผนเราจะแตกไหมเนี่ย”
“เอาน่า...เดี๋ยวพี่จัดการเอง โผมอยากถามว่าที่ดินที่อยู่ด้านหลังบ้านพวกคุณเป็นของใครครับ” พชรเริ่มเข้าเรื่อง
“ของลูกชายฉัน ถามทำไม” กำนันเรืองบอก
“คือโผมสนใจจะซื้อที่ดินที่อยู่ด้านหลังทั้งหมดนี่ โผมอยากคุยกับเจ้าของที่” รชานนท์ว่า
“ตอนนี้ลูกฉันไม่อยู่” วันทนีย์ตอบ
“น่าเสี๊ยดายจริง ๆ โผมกะจะเสนอราคาให้เขาสักยี่สิบล้าน” พชรบอก
วันทนีย์กับกำนันเรืองตาโตขึ้นทันที
“ยี่สิบล้าน”
“พ่อจ๋า..โทรเรียกไอ้หมากลับบ้านด่วนเลย..เร็ว”
“นังกระถินรีบขึ้นไปโทรศัพท์เร็ว” กำนันเรืองสั่ง
ทันใดนั้น รถวันรบวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เอี๊ยดด! วันรบกับมัทรีลงมาจากรถ
“ตารบ” วันทนีย์ร้องเรียก
“คิดถึงผมอยู่หรือเปล่าครับแม่”
“มาทันเวลาพอดีเลยลูก สองคนนี้เขาจะซื้อที่ของลูกจะให้ตั้งยี่สิบล้านเลยนะ”
วันรบทำท่าตกใจมาก
“ยี่สิบล้าน ตกลงเลยครับ”
พชรควักสัญญาขึ้นมา
“งั้นเซ็น”
วันรบเซ็นทันที
“เฮ้ย ไอ้รบไม่ดูสัญญาก่อนเหรอ” กำนันเรืองถาม
“โอ้ย พ่อราคานี้ไม่ต้องคิดแล้ว เดี๋ยวอด”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะโอนเงินให้ทันทีหลังจากโผมสำรวจที่ดินของคุณเรียบร้อยแล้วว่ามีของที่เราต้องการ” รชานนท์ว่า
“ที่ดินลูกมีของอะไรอยู่เหรอ”
วันรบตีหน้าซื่อใส่วันทนีย์
“ไม่รู้เหมือนกันครับแม่ “
วันรบหันไปพูดกับกับรชานนท์
“ที่ดินของผมมีของอะไรเหรอ”

รชานนท์กับพชรยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา








Create Date : 13 มีนาคม 2555
Last Update : 13 มีนาคม 2555 13:50:40 น.
Counter : 520 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]