งั้นก็ถือโอกาสนี้สนิทสนมกับจุนเซเลยสิคะ ยงนังบอกลูกสาว เพราะรู้ว่าชองยีปลื้มจุนเซมาตั้งแต่เด็ก ๆ
ขอเตือน อยู่ที่นั่นห้ามสร้างปัญหาเด็ดขาด ห้ามทำให้จุนเซเค้าเดือดร้อน จังซุกจาบอก
คุณแม่ ยอมให้ไปทำรึคะ ยงนังถาม
ต้องรู้สิ คนนะไม่ใช่สิ่งของ อีกอย่างก็ดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย จุนเซเป็นคนมีหลักการ มีความเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเธอคิดจะจับจุนเซ เธอต้องทำตัวให้เก่งมีความสามารถอย่างเขา
ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่จุนเซรักและเป็นห่วงหนูจะตายไป...ฮ่ะ...ฮ่ะ... ชองยีดีใจสุด ๆ
อุนซองฝึกให้ยูฮังเคารพนบนอบลูกค้า พร้อมกับพูดจาสุภาพและดีกับลูกค้า แต่ยูฮังก็ยังขัด ๆ เขิน ๆ ไม่กล้าพูดเพราะกลัวเสียฟอร์ม อุนซองไม่รู้จะทำยังไงดีจึงเดินตามและสั่งสอน
เธอเดินตามฉันทำไม
นึกว่าฉันอยากเดินตามนักรึ นายทำให้ฉันถูกผู้จัดการด่า คนถูกด่าคือฉัน มีผลต่อการทำงาน การเลื่อนตำแหน่งเงินเดือนฉันด้วย
เธอเลยใช้วิธีตามติดหนึบรึ
ฉันรายงานท่านประธานแล้ว แบ่งการทำงานเป็นทีมละสองคน
อะไรนะ
จ่ายมาห้าพัน นายเป็นหนี้ฉันเจ็ดแสนเจ็ดหมื่น เริ่มวันนี้จ่ายมาวันละห้าพัน อุนซองทวงเงินที่ยูฮังเป็นหนี้อยู่
นี่...ตกลงแล้วเงินเดือนออกค่อยจ่าย
เดือนนี้นายเบิกล่วงหน้าแล้วสามแสน เหลือรับแค่แปดแสน แล้วเจ็ดแสนเจ็ดของฉันเมื่อไหร่จะได้คืน เดือนหน้าขอค่ารถฉันอีกรึ
อย่างกหน่อยเลย
เป็นหนี้ไม่จ่ายสิงก
ฉันบอกรึไม่จ่าย
งั้นเอามาเลยห้าพัน ยูฮังควักเงินส่งให้ อุนซองรีบเอาสมุดเล็ก ๆ ขึ้นมาเขียน ลงบัญชีประจำวัน
ถึงเวลาเที่ยง ยูฮังไม่ยอมกินข้าวที่คนครัวในร้านทำให้ และจะไปกินข้างนอกเหมือนเช่นทุกครั้ง ยูฮังจึงขอเงินที่จ่ายให้อุนซองคืน เพื่อเอาไปจ่ายค่าข้าว แต่อุนซองไม่ให้
เธอจะปล่อยฉันหิวรึ
หิวได้ยังไง ที่นี่ก็มีข้าวกิน
เคยเห็นฉันกินที่นี่รึ
นายไม่อยากนั่งกินข้าวกับฉัน หรือไม่อยากนั่งกินข้าวกับพนักงาน ทั้งที่รู้นายออกไปกินข้างนอก พนักงานครัวยังเตรียมส่วนของนาย เพราะคิดว่าจะนั่งกินด้วย งั้นฉันก็ต้องกินแทน เพราะว่าฉันทำร้ายพนักงาน ทำร้ายความรู้สึกพวกเขา ฉันละอายต่อพวกเขา ฉันจะเอาไก่ตุ๋นโสมเข้าไปนั่งกินต่อบนพื้นครัวให้ นี่ไก่ตุ๋นโสมนะ ไม่ใช่อย่างอื่น กินชามเดียวจะตายรึไง
มากินด้วยกันเถอะ ฉันทำไก่ตุ๋นโสมอร่อยสุด ๆ เชียวนะ...มา เพื่อนพนักงานชวนยูฮัง
ฉันไม่ชอบไก่ตุ๋นโสม ยูฮังพูดแบบไว้ฟอร์ม
อึ่ม...อร่อย... เพื่อนพนักงานกินและพูดขึ้น ยูฮังมองกลืนน้ำลอยลงคอเอี๊อก ก่อนจะนั่งลงกิน ยูฮังพอได้ลิ้มรสไก่ตุ๋นโสมก็ถึงกับกินไม่หยุด อุนซองยิ้มที่ทำให้ยูฮังมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับคนอื่น ๆ ได้
โคพิงจูมาหาปั๊กเซ็งฮีที่บ้าน และก็พบว่าปั๊กเซ็งฮีขายบ้านไปอยู่ที่อื่นแล้ว ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับโคพิงจูเป็นอย่างมาก ปั๊กเซ็งฮีนำเงินส่วนหนึ่งมาเปิดร้านเฟอร์นิเจอร์ และซึงมีชวนยูฮังมาร่วมฉลอง แต่ยูฮังไม่มีเงินจึงไปขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าจากจังซุกจา
คุณย่าบอกงานเปิดร้าน อย่าไปมือเปล่า
เท่าไหร่ ไม่ใช่ใช้สุรุ่ยสุร่าย ใช้อย่างมีสาระ ฉันให้เบิกได้ ชีวิตคน หนีไม่พ้นเกิดแก่เจ็บตาย จะเบิกเท่าไหร่
แล้วแต่คุณย่า
ซื้อผลไม้สักตระกร้านึงก็พอ...อ้าว...หักจากเงินเดือนทีหลัง
บอกแล้วเบิกล่วงหน้า ยูฮังบ่น ยงนังได้ทีขอเบิกด้วย คุณแม่ ดิฉันขอด้วยค่ะ ดิฉันก็ไปงานเปิดร้านของเซ็งฮี ต้องมีเงินติดตัวนะคะ
จังซุกจาเรียกพ่อบ้านเข้ามาสั่ง แม่ซึงมีเปิดร้านใหม่ เธอจัดกระเช้าดอกไม้ในนามบริษัท กับอีกกระเช้าชื่อสะใภ้ฉัน เอากระเช้าใหญ่ ๆ
สวย ๆ ส่งไปให้ที...บ่ายสองร้านอาหารพัวโล อย่างานยุ่งจนไปสายปล่อยสาว ๆ รอล่ะ ตอนท้ายจังซุกจาบอกให้พ่อบ้านไปพบสาว ๆ เพราะอยากให้พ่อบ้านแต่งงานมีครอบครัวเสียที
ทราบแล้วครับ ผมไปนะครับ
ไหนว่าไม่อยากแต่งงาน ออกไปรอตั้งแต่หัววันรึคะ ยงนังถามแปลกใจ
ทำธุระอื่นก่อนไม่ได้รึยังไง
เห็นปกติพ่อบ้านไม่เคยไปไหนนี่คะคุณแม่ ถ้าพ่อบ้านแต่งงาน กับข้าวจะทำยังไงคะ...เฮ้อ...ทั้งงานครัว งานบ้าน ตั้งเยอะตั้งแยะ
ยงนังและทนายพั๊กมางานเปิดร้านของปั๊กเซ็งฮี
แขกน้อยเกินไปรึเปล่า ไม่เชิญเพื่อนเธอกับเพื่อนทางสามีมาร่วมงานล่ะ
เรื่องแค่นี้เอง ฉันไม่อยากรบกวนหรอก ที่จริงฉันอยากเชิญ แต่เธอแนะนำทนายพั๊กให้ช่วยฉัน ฉันเลยต้องเชิญ ปั๊กเซ็งฮีบอก
//www.dailynews.co.th