All Blog
รักออกอากาศ ตอนที่ 12




ตอนบ่ายวันเดียวกัน รจนาวรรณกับเอมี่อยู่ที่คฤหาสน์ และกำลังดูรูปข่าวสังคมในหนังสือพิมพ์ เป็นภาพคุณหญิงคนอื่นๆ กำลังมอบเงินบริจาคให้หน่วยงานที่ดูแลเด็กๆ ผู้ขาดแคลน

“อืมม์ คุณหญิงอรวรรณนี่ใจบุญจริงนะ ขยันบริจาคนู่นนี่ตลอด”
รจนาวรรณเอ่ยชม
“แหวะ! พวกทำบุญเอาหน้า อยากมีรูปลง หนังสือพิมพ์น่ะซิคะคุณหญิงแม่”
เอมี่รีบขัด เจ้าคุณนั่งฟังอยู่ด้วยแต่ไม่แสดงความเห็นใดๆ
“ไม่นะ หนูมี่ แม่รู้จักคุณหญิงเธอ เธอใจบุญจริงๆ ชอบช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากตลอดเลย”
“อยากดังค่ะ ฟันธง!”
เอมี่ยังค้านต่อ ส่วนเจ้าคุณแอบคิดถึงคนม่วนแต๊ที่ทำดีไม่หวังผลตอบแทน
“คนที่เขาให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทนน่ะ มีอยู่จริงๆ นะเอมี่”
“อะไรเนี่ย เดี๋ยวนี้คุณคะคุณขาพูดจาอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอคะ ไม่อยากจะเชื่อ” เอมี่แปลกใจ
“นั่นซิ” รจนาวรรณแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
เจ้าคุณยังคงพูดต่อ
“และถึงแม้คนที่ให้เขาจะหวังอะไรตอบแทน ก็ยังดีกว่าพวกที่ไม่ทำอะไรแล้วเอาแต่นั่งวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเขาไปวันๆ ไร้ค่า”
เจ้าคุณพูดจบแล้วเดินออกไปทันที เอมี่อ้าปากค้างเหมือนถูกด่าทางอ้อม
“ห๊า! นั่น คุณคะคุณขาพูดเหรอคะ คุณหญิงแม่”
รจนาวรรณอึ้งไป “นั่นซิ”
“แล้ว แล้ว ตะกี๊คุณคะคุณขาด่าใครคะ ไร้ค่า”
เอมี่ยังไม่เข้าใจ
รจนาวรรณเหลือบตามามองพูดคำเดิม “นั่นซิ”
“อร้าย!”
เอมี่เริ่มรู้ตัวว่าถูกด่า ไมเคิลกับมะขิ่น แอบหัวเราะตาม ส่วนรจนาวรรณยังมองตามเจ้าคุณไม่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นนี้

เวลาต่อจากนั้น เจ้าคุณนั่งคิดถึงสมใจและม่วนแต๊ คิดถึงบรรยากาศของการช่วยเหลือกัน และวันที่ติดฝนต้องเอาใบตองมาคลุมฝนให้สมใจอย่างมีความสุข
“ใจ๋”
เจ้าคุณยังคงคิดถึงสมใจตลอดเวลาและอยากอธิบายในสิ่งที่อยู่ในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้

คืนนั้น สมใจเดินเข้ามามองพ่อกับแม่ที่นั่งซึมอยู่ด้วยกัน ถอนหายใจนิดนึงก่อนจะเดินเข้ามานั่งใกล้พ่อกับแม่
“ไง ไอ้ใจ๋ หิวข้าวแล้วเหรอ รอแป๊บนึง”
สมศรีหันมาคุยกับลูกสาว สมใจดึงมือแม่ไว้ด้วยความห่วงใย
“ไม่หิวหรอกแม่ ฉันจะช่วยอะไรพ่อกับแม่ได้บ้าง”
สมศรีลูบหัวสมใจในความมีน้ำใจ
“โธ่ ใจ๋เอ๊ย”
“ไอ้ใจ๋ พ่อกับแม่ขอโทษนะที่ทำให้เอ็งต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้”
สมหมายรีบพูดขึ้น
“พ่อ! ทำไมพ่อพูดแบบนี้ ฉันต้องขอบคุณพ่อ ขอบคุณแม่ต่างหาก ที่ทำให้ฉันภูมิใจที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อสมหมายกับแม่สมศรี”
สมใจเข้าไปกอดสมหมายและจับมือสมศรีไว้แน่น จนทั้งพ่อน้ำตาซึมด้วยความปลาบปลื้ม
“ไอ้ใจ๋”
สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันแน่น คำปุยกับแคบหมู แอบปาดน้ำตาแล้วกอดกันแน่นอยู่อีกมุมหนึ่ง

อีกมุมของบ้านสมใจ หวานเจียบมาคอยดูแลปลัดจืดที่ยังบาดเจ็บอยู่ดว้ยการถือข้าวต้มมาให้
“อื่อ กินซะ!”
ปลัดจืดยังมองอยู่
“นี่อย่าคิดว่าฉันเป็นห่วงอะไรนายมากมายนะ ฉันแค่อยากให้นายหายเร็วๆ จะได้มาช่วยพี่ใจ๋ช่วยลุงหมายเขาต่างหาก”
ปลัดจืดหยิบถ้วยข้าวต้มมาแล้วตักใส่ปาก
“ขอบใจ ทำเองเหรอ”
“เออซิยะ”
“พอกินได้”
“หืมม์ นี่ถ้าไม่ติดพี่ใจ๋นะแม่จะปล่อยให้อดตายซะให้เข็ด กินเร็วๆ จะได้กินยา”
หวานเจี๊ยบยื่นยาให้ปลัดจืด
“อ้าวเฮ๊ย! อิ่มแล้วเหรอ”
“เออ ไม่อร่อย”
ปลัดจืดกวนแต่วันนี้หวานเจี๊ยบไม่มีอารมณ์ต่อปากต่อคำด้วย
“หืมม์ เฮ้อ!”
“ ไงเนี่ย ทำไมวันนี้ไม่เฮี้ยนวะ”
“ถ้าเป็นเมื่อวานนะฉันตบแกปากหักไปแล้วล่ะ แต่วันเนี้ย สงสารพี่ใจ๋ว่ะ หมดแรง”
ปลัดจืดมองหวานเจี๊ยบ เพราะคิดเหมือนสงสารสมใจดเหมือนกัน
“ปลัด! นายว่าลุงหมายจะยอมขายไร่ม่วนใจ๋มั้ย”
ปลัดจืดครุ่นคิด
“ไม่น่ะ ฉันมั่นใจว่ามันจะต้องมีทางออกที่ดีกว่านั้น”
ปลัดจืดกับหวานเจียบกำลังคุยกัน ทันใดนั้นเสียงชาวลบ้านตะโกนลั่นมาแต่ไกล
“แย่แล้ว! ช่วยด้วยๆ!”
ปลัดจืดกับหวานเจี๊ยบตกใจ มองหน้ากัน

เวลาต่อจากนั้นทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้านสมใจอีกครั้ง ชาวบ้านมากันพร้อมหน้าพร้อมตา โดยมีลำยองกับลำใยเป็นแกนนำอีกเช่นเคย
“แย่แล้วนะพ่อหมาย ถ้าไม่ได้เงินไปรักษาตัวในเมืองล่ะก็ ไอ้ฟ้าลั่นหลานแม่อุ๊ยมันตายแน่”
“โฮ! ฟ้าลั่นหลานยาย โฮๆ”
แม่อุ๊ยร้องไห้กอดหลานไว้
“แย่แล้วๆ”
ชาวบ้านต่างมีปัญหาไม่ต่างกัน สมใจหนักใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ทำไงดีล่ะพ่อ”
ปลัดจืดพุ่งเข้ามาพร้อมหวานเจี๊ยบ
“ให้ผมพาไปอนามัยก่อนนะครับอุ๊ย”
“อู๊ย! ไปมาแล้วจ๊ะปลัด หมอที่อนามัยบอกว่าต้องส่งเข้าในเมือง และค่ารักษาก็คงจะหนักเอาการอยู่ อุ๊ยแกก็หวังจะมาพึ่งลุงหมายกะป้าศรีนี่แหละจ๊ะ”
ลำใยรีบขัดขึ้น
“โฮ! พ่อหมาย แม่ศรี ช่วยไอ้ฟ้าลั่นมันด้วย โฮๆ”
แม่อุ๊ยรีบขอความช่วยเหลือ
สมหมายกับสมศรี ใจหายวาบ
“ใจเย็นๆ นะแม่อุ๊ยใจเย็นๆ”
สมศรีปลอบ
“เย็นอีกแล้ว เย็นไม่ไหวแล้ว ฉันว่าพ่อหมายกะแม่ศรีน่าจะรีบหาเงินช่วยเหลืออุ๊ยแกนะ โถ คนเก่าคนแก่ช่วยงานไร่มาตั้งหลายสิบปี จะใจดำทำกันได้ลงคอเชียวเรอะ”
ลำยองใส่สมหมายกับสมศรีทันที สมใจเริ่มฉุน
“น้าลำยอง พูดจาอย่างนี้ได้ยังไง”
“อ๊ะๆ จะไปรู้เหรอ ก็ไม่เห็นพ่อหมายจะตัดสินใจทำอะไรซักทีนี่ โถ น่าเวทนาจริงๆ นี่ถ้าฉันช่วยอะไรได้ฉันก็อยากจะช่วยอุ๊ยนะอุ๊ยนะ เออ จริงซินึกออกแล้ว”
“นึกอะไรออกเหรอจ๊ะ แม่จ๋า”
ลำใยช่วยเสริม
“พ่อหมาย แม่ศรี ฉันพอจะรู้จักคนที่เขาน่าจะช่วยเราได้”
“ใครกันแม่ลำยอง ใครที่ไหนเขาจะมาช่วยเราได้”
สมหมายถามขึ้น
“คืองี้ เขาเป็นเศรษฐีต่างเมือง น่าจะช่วยเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้พ่อหมายได้”
“ใครกัน อย่าเลยพ่อ”
สมใจเอ่ยห้าม
“นั่นซิ ไอ้พวกคนรวยๆ ข้าไม่เคยไว้ใจ”
ปลัดจืด สมศรี หวานเจี๊ยบ คำปุย และแคบหมู ต่างเห็นด้วย แต่ลำยองเริ่มหงุดหงิด ทันใดนั้น แม่อุ๊ยร้องกรี๊ดลั่น เพราะฟ้าลั่นหลานแม่อุ๊ยเริ่มชักตาตั้ง
“โฮๆ ช่วยด้วย ไอ้ลั่น ไอ้ลั่น”
ลำยองกับลำใยส่งเสียงร้องโวยวายขึ้นมา
“ตายละ พ่อหมาย อย่ามัวชักช้าเลย จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ”
ลำยองเร่ง ในขณะที่สมหมาย สมศรีและสมใจ สามคนพ่อแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความเครียด

เวลาเดียวกัน รจนาวรรณเดินมาส่งเอมี่หน้าประตูคฤหาสถ์ โดยสั่งเจ้าคุณให้ขับรถไปส่งเอมี่ให้ถึงบ้าน
“พาหนูมี่ไปส่งบ้านให้เรียบร้อยนะจ๊ะ แล้วถ้าหนูจะอยู่เป็นเพื่อนหนูมี่อีกซักหน่อยก็ไม่เป็นไร คนกำลังท้องกำลังไส้”
เจ้าคุณเดินตาม ไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบ
“เฮ้อ! มี่สงสารคุณคะคุณขาจังค่ะ ต้องขับรถดึกๆ ดื่นๆ นี่ถ้าแต่งงานแล้วมี่ย้ายมาอยู่กับคุณคะคุณขาก็คงไม่ต้องยุ่งยากแบบนี้นะคะ คุณหญิงแม่”
“นั่นน่ะซิ แต่ แหม ทำไม๊ทำไมซินแสกี่คนต่อกี่คนก็บอกเหมือนกันหมดว่าดวงของหนู 2 คนน่ะยังหาฤกษ์ดีที่จะแต่งงานกันยังไม่ได้”
“โธ่! คุณหญิงแม่ขา นั่นมันเรื่องงมงายไร้สาระ สมัยนี้น่ะ ฤกษ์ดีก็คือฤกษ์สะดวกนะคะ”
เอมี่อยากรีบแต่งเพราะท้องโตขึ้นทุกวัน
“อืม ก็จริงเหมือนกันนะ”
“ถ้างั้นหมั้นเช้า แล้วแต่งเย็นเลยนะคะคุณหญิงแม่”
เอมี่รีบเสนอฤกษ์ รจนาวรรณชะงักไป
“เอ๊ะ! นี่เจ้าคุณยังไม่เอาแหวนหมั้นไปสวมให้หนูมี่อีกเหรอนี่”
เจ้าคุณถอนใจ เอมี่ได้ทีชูมือข้างซ้ายที่ปราศจากแหวนมั้นเชิงฟ้องรจนาวรรณ
“ยังค่ะ”
รจนาวรรณเสียงเข้มขึ้น
“เจ้าคุณ!”
“โธ่ แม่ครับ ผม...”
“ผมอะไร นี่ใจคอหนูจะดื้อแม่ไปถึงไหน จนป่านนี้ยังลืมนังสาวไร่ชานั่นไม่ลงอีกเรอะ”
เจ้าคุณนิ่งไป
“นั่นไงคะ ไม่ปฎิเสธแปลว่าใช่ ฮือๆ”
เอมี่มารยา ร้องไห้ให้รจนาวรรณสงสาร
“เจ้าคุณ! ฟังแม่ให้ดีนะ แม่ขอสั่งให้หนูรีบลืมนังเด็กนั่นให้เร็วที่สุด แล้วเอาแหวนหมั้นมาสวมให้หนูมี่ซะ จากนั้น แม่จะรีบหาฤกษ์สะดวกจัดงานแต่งงานของหนูกับหนูมี่อย่างเร็วที่สุด”
รจนาวรรรสั่งเจ้าคุณด้วยแววตาจริงจัง
“ว๊าย! คุณหญิงแม่ คนดีที่สุดของเอมี่”
เอมี่ดีใจสุดๆ กระโดดกอดรจนาวรรณ ส่วนเจ้าคุณยังคงเต็มไปด้วยความเซ็งไม่อยากขัดใจแม่ แต่หัวใจก็ยังลืมใจสมใจไม่ได้อยู่ดี

คืนนั้น ที่บ้านของสมใจ ชาวบ้านยังคงคุยกันเรื่องปัญหาของคนม่วนแต๊อีกเช่นเคย
“ขอบใจมากนะแม่ลำยองที่ช่วยเป็นธุระให้”
ทุกคนต่างนั่งหน้าเศร้า ต่างกับลำยองกับลำใยที่ชื่นมื่นมากกว่าใครเพื่อน
“ยินดีเจ๊า ฉันอนุโมทนาบุญกับพ่อหมาย แม่ศรี แล้วก็ไอ้ใจ๋ด้วยนะที่ตัดสินใจแบบนี้”
ลำยองยิ้มดีใจผิดปกติ หวายเจี๊ยบคงไม่เข้าใจการแก้ปัญฟหาของสมหมาย
“ตัดสินใจจำนองไร่ชาม่วนใจ๋เอาเงินไปช่วยเด็กคนเดียวเนี่ยนะ”
สมศรีรีบปราม
“หวานเจี๊ยบ ชีวิต หนึ่งชีวิตเชียวนะเว๊ย”
“ประเสริฐที่สุด น้ำใจป้าศรีช่างประเสริฐที่สุด ไม่เหมือนแก อีนังเค็มปิ๊ด”
ลำใยกับหวานเจี๊ยบมองหน้าจะตีกันอีกครั้ง จนสมใจโวยขึ้นมา
“พอทีน่า จะทะเลาะกันไปถึงไหน แค่นี้มันก็แย่พออยู่แล้ว”
“ว่าแต่ น้าลำยองแน่ใจนะครับว่าเศรษฐีอะไรของน้าน่ะ เชื่อใจได้”
“ใช่ เป็นใคร อะไร ยังไง ก็ไม่รู้”
หวานเจี๊ยบยังไม่ไว้วางใจ
“นังนี่! เป็นเจ้าของไร่รึยังไง”
ลำยองดุหวานเจี๊ยบ
“นั่นซิ ฉันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ทำไมเขาถึงช่วยเราง่ายๆ แบบนี้”
สมใจนึกสงสัยขึ้นมา
“ผมก็คิดเหมือนใจ๋ ลุงหมายน่าจะใจเย็นอีกนิด รอให้ผมเข้าไปคุยกับในเมืองให้อีกซักครั้ง”
ปลัดจืดทักท้วง
“ขืนช้า ไอ้ฟ้าลั่นมันคงตายก่อนซิจ๊ะปลัด”
ลำใยรีบตัดบท ส่วนลำยองตีหน้าซื่อ
“โธ่! อย่าคิดมากกันนักเลย คนดีๆ มีน้ำใจมีอยู่เยอะแยะ เศรษฐีคนเนี้ยเขาเป็นคนเก็บตัว อีกอย่างเขาก็รวยมาก กะอีแค่ที่ดินแค่เนี้ยเค้าไม่มีทางโกงพ่อหมายหรอก แล้วพ่อหมายก็ขอยืมเงินเขาแค่แป๊บเดียวไม่ใช่เรอะ พอใบชาใหม่ออก เราก็มีเงินไปคืนเขา แค่นี้ก็จบ”
สมหมายถอนใจเฮือก สมศรีตบไหล่ปลอบอย่างเห็นใจสามี ลำยองยื่นเงินให้
“อ่ะ! นี่เงินที่เหลือจากที่ช่วยไอ้ฟ้าลั่นมัน แล้วก็สัญญากู้ยืมที่ฉันจัดการให้ไปเรียบร้อย หมดธุระแล้ว ฉันลาล่ะนะ ไปซิ รีบไป”
ลำใยรีบร่ำลาสมหมาย สมศรี และปลัดจืด แล้วรีบออกไปทันที
“แม่ศรี ฉัน”
สมหมายยังไม่รู้ว่าตัดสินใจผิดหรือถูก
“เอาน่า แกทำถูกแล้วล่ะ ตาหมาย”
สมศรีจับมือสมหมายแน่น
“ไอ้ใจ๋”
สมใจเข้าไปกอดพ่อ
“ไม่เป็นไรพ่อ ใบชาใหม่ออกมาเมื่อไหร่ เราก็จะได้ม่วนใจ๋กลับมา”
ทุกคนเศร้า สมใจยังแอบหวั่นใจ ครุ่นคิดว่าไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีกับคนม่วนแต๊อีก

เช้าวันใหม่ บ้านอาฟงกำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข
“ฮ่าๆเ ยี่ยม เยี่ยมจริงๆ ในที่สุด ไอ้หมายมันก็เสร็จอั๊ว ฮ่าๆ แหม ลื้อนี่มันร้ายจริงๆ อาลำยอง”
อาฟงเอ่ยชม
“ต๊าย เถ้าแก่ใหญ่คะ ร้ายเร้ยอะไร ฟังดูแรง อย่างนี้เค้าเรียกว่าฉลาดค่ะ เถ้าแก่ใหญ่”
“เออ ฉลาด ฉลาดมาก”
“เดี๋ยวป๊า! แล้วถ้าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พวกมันเก็บใบชาใหม่ เอาเงินมาคืนเรา แล้วป๊าจะทำไง”
อาเฟยถามขึ้น
“เฮ๊ย! อาฟง ลื้อซี้ซั้วถามอะไรเนี่ย พวกมันอยากเก็บใบชาก็ให้มันเก็บไปซิ มันเก็บได้ เราก็เผาอีกได้นี่หว่า ฮ่าๆ ทีนี้มันจะมีปัญญาเอาเงินที่ไหนมาไถ่ไร่ชาคืน
“แล้วไร่ชาม่วนใจ๋ก็จะต้องเป็นของเถ้าแก่ใหญ่ คริๆ”
ลำยองกับลำใย แบมือขอเงินพร้อมกัน อาฟงพยักหน้าให้อาเฟยยื่นเงินก้อนนึงให้สองแม่ลูกไปสูดดมอย่างชื่นใจ
“ม่วนใจ๋!”
อาเฟยยิ้มร้ายสะใจที่จะเอาชนะคนม่วนแต๊ได้ โดยมีลำยองกับลำใยเป็นสายลับให้อย่างแนบเนียน

เวลาต่อมาที่บ้านกำโป๊ง สองลุงหลานยังคงวิจารณ์เรื่องสมหมายเอาไร่ชาม่วนใจ๋ไปจำนอง
“เอ็งว่าไงนะไอ้อั่ว พ่อหมายเอาไร่ชาม่วนใจ๋ไปจำนอง!”
กำโป๊งตกใจ
“ใช่จ้ะลุง นังแค๊บมันคอนเฟิร์ม!”
“นี่มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ โธ่!”
“นี่ถ้าฉันเป็นลุงนะ ฉันจะโทรศัพท์ไปบอกอ้ายขุนทอง รับรอง อ้ายขุนทองต้องมาช่วยเจ๊ใจ๋ล้านเปอร์เซนต์ ฟันธง!”
กำโป๊งตีหัวไส้อั่วทันที
“นี่แน่ะ! ฟันธง หนอย ใครถามความเห็นเอ็งวะ ไอ้อั่ว อีกอย่างสอนแล้วไม่จำ อย่าเอ่ยชื่ออ้ายขุนทองให้ใครเขาได้ยินเชียว คนที่นี่เขาโกรธเกลียดมันยังกะขี้ ไป๊! จะไปเล่นที่ไหนก็ไป!”
“นั่น! ได้ข่าวแล้วไล่แหล่งข่าวทุกทีเลย”
“ไป๊!”
กำโป๊งเงื้อมะเหงก ไส้อั่วรู้ทันวิ่งหนีไปก่อน กำโป๊งอดนึกถึงชื่อของอ้ายขุนทองไม่ได้ เพราะคราวที่แล้วเจ้าคุณคือคนที่นำเงินมาช่วยชาวม่วนแต๊ไว้รอบหนึ่งแล้ว ตอนแมลงกัดกินใบชาจนชาวบ้านเดือดร้อน

บ่ายวันใหม่ ที่ห้างสรรพสินค้า เอมี่ลากเจ้าคุณมาช็อปปิ้งที่มุมสินค้าเด็กอ่อน
“ต๊าย!น่ารักจังเลย นี่ก็น่ารักๆ ดูซิคะคุณ น่ารักมั้ย”
เจ้าคุณมองไปด้วยความจำยอม
“ก็ดี”
“งั้นซื้อเก็บไว้ให้ลูกของเราเลยดีมั้ยคะ”
“ดีสิจ๊ะ”
แมทธิวโผล่เข้ามาทันที เอมี่รีบหันไปดู
“เอมี่!”
“แมทธิว! มาช็อปปิ้งเหมือนกันเหรอ”
“อืมม์ ก็ตั้งใจจะมาซื้อของใช้เบบี๋ซะหน่อย”
เอมี่สงสัยร้อนตัว
“ซื้อทำไม”
“เอ๊า! จะซื้อทำไมก็ซื้อไว้รับขวัญลูก...”
เอมี่แทบช็อก พูดไม่ออก เจ้าคุณหันมามอง
“ลูกของเธอ กับ...”
เอมี่ร้อนรน
“...ไอ้คุณเพื่อนรักของฉันน่ะซิ”
“ไม่ต้องก็ได้ ฉันกับเจ้าคุณซื้อเองได้”
“แหม ทำไมถึงพูดอย่างนั้น เรามันเพื่อนสนิทกันขนาดไหน จริงมั้ยวะไอ้คุณ”
เข้าคุณไม่ได้สนใจ
“งั้นฝากแกช่วยเอมี่เลือกของละกัน ฉันเมื่อยแล้ว”
เจ้าคุณพูดจบรีบเดินออกไป เอมี่ตะโกนตามไปแต่โดนแมทธิวรั้งไว้
“คุณคะ! คุณคะ มี่ไปด้วย”
“จะรีบไปไหน อยู่ช็อปปิ้งพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูกก่อนซิจ๊ะ”
“ไอ้บ้า!”
เอมี่เงื้อมือจะตบ แมทธิวคว้าไว้
“อย่าฤทธิ์เยอะนักนะ รึอยากให้ฉันแฉความจริงให้ไอ้คุณมันรู้”
“อย่านะ!”
“ฮ่าๆ สะใจจริงเว้ย ในที่สุด ฉันก็ชนะไอ้คุณได้จริงๆ”
แมทธิวหัวเราะสะใจ
“ชนะยังไง จนถึงวันนี้ ฉันยังไม่เห็นเธอจะมีอะไรเหนือเจ้าคุณได้ซักอย่างเลย แมทธิว”
“โธ่! เอมี่ หน้าตาดีแต่โง่จริงๆ ฉันสามารถทำให้ไอ้คุณของเธอมันต้องมารับเลี้ยงลูกให้ฉันซะขนาดนี้ ถ้าไม่เรียกว่าฉันชนะ แล้วจะให้เรียกว่าอะไร ฮ่าๆ”
แมทธิวเดินหัวเราะออกไป ทิ้งให้เอมี่ยืนรมร์บูดอยู่ตรงนั้น
“ไอ้แมท! ไอ้เลวนรก!”
เอมี่มองแมทธิวด้วยสายตาเคียดแค้นและเห้นธาตุแท้อีกฝ่ายมากขึ้น

เวลาถัดมา เจ้าคุณเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้า เมื่อก้องเกียรติกับกิ่งแก้วเห็นเข้าจึงเรียกไว้
“ไอ้คุณ!”
เจ้าคุณยกมือทักแล้วเดินมานั่งร่วมวงด้วยในร้านกาแฟ คนในร้านเริ่มนมีมองแล้วซุบซิบกัน
“ไง”
“นึกไงมาช็อปปิ้งวะ”
ก้องเกียรติถาม
“แล้วก็ไม่โทร.ชวนมั่งเลย”
กิ่งแก้วเอ่ยทัก
“มากับเอมี่”
สองเพื่อนมองกันด้วยความงงเมื่อได้ยินเจ้าคุณบอกว่ามาเดินห้างฯกับเอมี่
“กาแฟมั้ย น้องครับๆ”
ก้องเกียรติเรียกพนักงาน
“กาแฟร้อน กาแฟดำ”
เจ้าคุณสั่ง
“ต้องขอโทษนะครับ เครื่องทำกาแฟเพิ่งจะเสียเมื่อกี๊ รับอย่างอื่นแทนก่อนได้มั้ยครับ”
พนักงานรีบรายงาน ส่วนก้องเกียรติและกิ่งแก้ว ตกใจกลัวเจ้าคุณจะวีนใส่พนักงานเหมือนที่เคยทำมา
“ใจเย็นนะเว๊ยไอ้คุณ อย่างอื่นก็อร่อย”
“ใช่ๆ”
กิ่งแก้วรีบเสริม แต่เจ้าคุณไม่ได้แสดงอาการโกรธแต่อย่างใด
“มีอะไรมั่งน้อง”
“ชาที่นี่ก็อร่อยมากครับ หอมชื่นใจ ส่งตรงจากไร่ ซักครู่นะครับ”
พนักงานวิ่งไปหยิบห่อชามา
“ชาของคนไทย พี่โชคดีมากนะครับ เพราะเหลือห่อนี้ห่อสุดท้ายแล้วด้วย”
พนักงานโชว์ห่อชาให้ดูชัด ซึ่งเป็นยี่ห้อ “ม่วนใจ๋” เจ้าคุณ กิ่งแก้ว และก้องเกียรติต่างอึ้ง
“ไอ้คุณ...”
“ได้ เอาชานี่แหละ เดี๋ยวน้อง ไม่ต้องชง”
พนักงานเต็มไปด้วยความงง แล้วส่งชาให้เจ้าคุณ เจ้าคุณเอาห่อชามาถือไว้อย่างทนุถนอม แล้วนึกได้
“เออ น้อง ขายดีมาก เหลือห่อเดียวเลยเหรอ”
“ครับ แล้วก็ไม่ส่งมาอีกเลยนะครับ ทำไมไม่รู้ จู่ๆ ก็หายเงียบไปเลย”
เจ้าคุณฟังแล้วอึ้ง ทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีน้ำมาสาดหน้าเจ้าคุณอย่างแรงจนเปียกโชก ก้องเกียรติกับกิ่งแก้วรีบลุกมาดูเจ้าคุณ
“เฮ๊ย! อะไรกันเนี่ย”
แฟนคลับไม่พอใจพุ่งจะตบตีเจ้าคุณซ้ำอีก แต่เพื่อน ๆ ดึงเอาไว้
“ใจร้าย! ไอ้เจ้าคุณใจดำ ทำกับไอ้ใจ๋อย่างนั้นได้ยังไง ยังมีหน้ามาเดินช้อปปิ้งอีกเหรอ ไอ้คนใจดำ”
กิ่งแก้วเข้ามาห้าม “นี่! หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“พวกแกก็ด้วย! ไอ้ก้องกะนังกิ๋ง ตัวดีนัก”
แฟนคลับคว้าน้ำจะสาด แต่กิ่งแก้วกระโดดหลบได้ทัน
“ว๊าย!”
“อย่าวู่วามๆ”
เพื่อนของแฟนคลับมาลากตัวออกไป เจ้าคุณยังนั่งอึ้งอยู่ตรงนั้น
“ไอ้คุณ...”
“ฉันไม่เป็นไร”
ใบหน้าเจ้าคุณเปียกน้ำ เหลือบตาไปมองห่อชาไร่ม่วนใจ๋ในมือ เจ้าคุณคิดถึงสมใจขึ้นมาทันที เพราะครั้งหนึ่งสมใจเคยชงชาให้ดื่มแถมยังเป็นห่อสุดท้าย

คล้ายกับชาที่อยู่ในมือเจ้าคุณในเวลานี้ไม่มีผิดเพี้ยน
บ่ายนั้น กำโป๊งนั่งมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด และนึกไปถึงคำพูดของไส้อั่วที่ว่า ถ้าหากรู้เรื่องไร่ชาม่วนใจ๋เจ้าคุณต้องช่วยอย่างแน่นอน กำโป๊งมองโทรศัพท์ ทำหน้าเหมือนตัดสินใจได้แล้ว

เวลาเดียวกัน มือถือของก้องเกียรติวางอยู่บนโต๊ะที่ร้านกาแฟ โชว์เบอร์กำโป๊งขึ้นมาแต่ไม่มีเสียงเพราะเป็นระบบสั่น ก้องเกียรติกับกิ่งแก้ว ยืนหันหลังให้ และกำลังช่วยเจ้าคุณเช็ดหน้าตาหลังจากโดนแฟนคลับสาดน้ำใส่
“ไม่เป็นไร ขอบใจๆ”
เจ้าคุณไมได้โกรธแฟนคลับ กิ่งแก้วหน้าสลดลง
“ขอโทษจริงๆ นะเจ้าคุณ เป็นเพราะฉันแท้ๆ”
“เออๆ ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร”
เอมี่ผ่านมาเห็นเจ้าคุณเนื้อตัวเลอะเทอะ รีบโวยวายทันที
“อร๊าย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย ทำไมคุณคะคุณขาของมี่ถึงได้เปียกซ่กแบบนี้”
เจ้าคุณตัดบท เพราะรำคาญเอมี่ “ไม่มีอะไรน่า อย่าเสียงดังได้มั้ย อายเขา”
“จะอายทำไมคะ บอกมานะ ใครทำเจ้าคุณ”
เอมี่หันไปถามเอาความกับก้องเกียรติและกิ่งแก้วแทน
“ก็บอกว่าไม่มีอะไร ไป กลับบ้าน”
เจ้าคุณตวาดเอมี่จนสะดุ้ง
“โฮ! พูดดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องตวาดกันด้วย มี่อุตส่าห์เป็นห่วง คนกำลังท้องกำลังไส้ ประเดี๋ยวเบ่บี๋ก็ตกใจไปด้วยล่ะแย่เลย”
“เบ่บี๋”
ก้องเกียรติกับกิ่งแก้วอุทานพร้อมกัน
“ใช่! ลูกของเรา เจ้าคุณกับเอมี่!”
ก้องเกียรติกับกิ่งแก้วหันขวับมองหน้าเจ้าคุณ
“ไอ้คุณ” / “เจ้าคุณ” ทั้งคู่ร้องประสานเสียง
เจ้าคุณได้แต่ถอนใจ เป็นการยอมรับกลายๆ
“ไม่จริงอ่ะ ไม่ใช่แน่ๆ” กิ่งแก้วบ่นพึมพำไม่อยากเชื่อ
“ไม่จริง ไม่ใช่ยังไงยะ พูดจาระวังปากหน่อยนะกิ๋ง”
เอมี่ของขึ้นใส่กิ่งแก้วทันที
“เอาน่า พอได้แล้ว กลับ! แล้วเจอกัน”
เจ้าคุณลากเอมี่กลับไปส่งสัญญาณบอกก้องเกียรติกับกิ่งแก้วไว้พบกันใหม่ กิ่งแก้วกับก้องเกียรติยกมือตอบทั้งๆ ที่ยังตะลึงช็อกอยู่ไม่หายเรื่องเอมี่ตั้งท้องกับเจ้าคุณ ซึ่งทั้งคู่คิดเหมือนกันว่าไม่น่าเป็นไปได้
“ไอ้คุณ”
ก้องเกียรติสงสารเพื่อน แต่ทันใดนั้นกิ่งแก้วหันไปเจอโทรศัพท์สายที่ไม่ได้รับ 3 สาย ซึ่งขึ้นเป็นชื่อกำโป๊ง
“ลุงกำโป๊ง!”
“ห๊า!”
ก้องเกียรติตกใจ หันมองหน้ากับกิ่งแก้วเดาไม่ออกว่ากำโป๊งโทร.มาด่าเรื่องโกหกคนม่วนแต๊ หรือมีเรื่องอะไรกันแน่

เวลาเดียวกันกำโป๊งที่โทรศัพท์หาก้องเกียรติกับกิ่งแก้วยังนั่งมองโทรศัพท์อย่างหมดอาลัย เพราะก้องเกียรติไม่ยอมรับสาย
“พวกเอ็งคงจะลืมม่วนแต๊กันหมดแล้ว”
กำโป๊งกำลังจะลุกออกจากห้องลับไปแล้ว เสียงโทรศัพท์จึงดังขึ้น
ก้องเกียรติรอสาย อย่างหมดหวัง
“ลุงกำโป๊งไม่รับสาย”
“ต้องมีเรื่องอะไรด่วนแน่ๆ ไม่งั้นลุงแกคงไม่โทร.มาหรอก”
ก้องเกียรติเริ่มเครียด
“หรือจะเรื่องสมใจ”
“นี่ถ้าสมใจรู้เรื่องเอมี่ท้องกับเจ้าคุณละก็”
กิ่งแก้วกับก้องเกียรติสองคนมองหน้ากันด้วยอารมณ์กลืนไม่เข้า คายไม่ออก

เวลาต่อมา แคบหมูมาที่บ้านกำโป๊ง เพื่อส่งข่าวกับไส้อั่ว
“จบข่าว”
ไส้อั่วรีบโดดตะปบปากแคบหมูสองคนนั่งเม้าท์ข่าวกันอย่างมีพิรุธมาก
“ชู่ว์! จะแหกปากไปทำไมนังแค๊บ”
แคบหมูดิ้นรนจนปัดมือไส้อั่ว เพราะปิดจมูกแคบหมูไว้ด้วยจนหายใจไม่ได้
“ไอ้อั่ว! ไอ้ว่อก! ไอ้เปรต! แกจะฆ่าฉันเหรอวะ”
“เปล่า! ฉันเชือดหมูไม่เป็น!”
แคบหมูค้อนขวับ
“อีนังอั่ว!”
“ก็แหกปากทำไมเล่า เดี๋ยวลุงกำโป๊งได้ยินล่ะโดนเตะแน่”
“หูย! นังนี่! ไม่ได้ยินหรอกน่ะ เออ ว่าแต่ไงต่อนะเรื่องอ้ายขุนทองน่ะ”
แคบหมูถามอย่างอยากรู้
“ก็แค่นั้นแหละ บอกแล้วไงจบข่าว”
“อะไรวะ มีข่าวแค่เนี้ย แกยุให้ลุงกำโป๊งโทร.หาอ้ายขุนทอง แต่ลุงกำโป๊งไม่โทร. แค่เนี้ย”
“อือ”
“เฮ้อ! สงสารเจ๊ใจ๋ ลุงหมาย ป้าศรี คราวนี้จะทำยังไง จะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้เขา”
ไส้อั่วกับแคบหมูมองหน้ากันด้วยความเศร้า จู่ๆกำโป๊งโผล่พรวดมาแล้วโพล่งขึ้น
“มานั่งจ้องตาหาพระแสงอะไรกันวะ”
สองคนกระโดดเหยง
“เย้ย!”
“อ๊ะๆ อย่าบอกนะว่าเอ็งสองคน..”
กำโป๊งมองไส้อั่วกับแคบหมูอย่างมีเลศนัย
“ลุ๊ง!”
ไส้อั่วลืมตัวเผลอกรี๊ด
“อร้าย!”
“นั่นไง! ฟังเสียงมันซะก่อน มันกรี๊ดซะขนาดนี้ลุงยังจะกล้าคิดอีกเรอะ”
“เออว่ะ ว่าแต่เอ็ง 2 คน คุยความลับอะไรกัน ถึงได้ต้องมาทำหลบๆ ซ่อนๆ”
“เปล๊า!”
ไส้อั่วตอบเสียงสูง
“เปล่าจ๊ะเปล่าคุยอะไรกันเลย เออว่าแต่ลุงมีอะไรรึเปล่า จะใช้ ไอ้อั่วทำอะไร เดี๋ยวฉันช่วย”
“เออ ดี ขอบใจ แต่ไม่ต้องหรอก ไปตักน้ำ เก็บไข่ไก่ จับปลา ให้อาหารหมู แค่นี้ ไอ้อั่วมันทำได้”
“โห! ลุงแค่นี้ ใครจะไปทำไหว”
“ทำไมจะทำไม่ไหว ตะก่อนเอ็งก็เคยทำ”
“ก็เคยทำ แต่พอมีอ้ายขุนทองมาช่วยนะ สบาย อย่าบอกใครเลย อ้ายขุนทองเก๊งเก่ง ช่วยอั่วทำได้ทู้กอย่าง เฮ้อ! พูดแล้วก็คิดถึง”
กำโป๊งอึ้งไป
“นั่นซิ ฉันก็คิดถึง อ้ายขุนทองเคยอุ้มฉันโยนลงน้ำตู้มๆ สนุกที่สุดเลย เพราะไม่มีใครเคยยอมอุ้มฉันซักกะคน”
แคบหมูแอบคิดถึงเจ้าคุณ
“ก็ใครเขาจะไปอุ้มแกไหวล่ะ นังแคบหมู!”
ไส้อั่วกับแคบหมู นั่งเม้าท์ไป แต่กำโป๊งใจลอยคิดถึงอ้ายขุนทองไม่ต่างจากคนอื่นเหมือนกัน

เวลาเดียวกันที่บ้านเจ้าคุณ เอมี่กลับมาจากช็อปปิ้งกับเจ้าคุณ รจนาวรรณนั่งอยู่จึงเอ่ยทัก
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ ลูกแม่”
มะขิ่นปรี่เข้าไปช่วยรับจากเจ้าคุณที่ถือมา3-4ถุง แต่มีเพียงถุงชายี่ห้อม่วนใจ๋เท่านั้นที่เป็นของเจ้าคุณ
“ทั้งหมดนี่ของคุณเอมี่ อันนี้ของฉัน เอาไปเก็บบนห้องวางไว้หัวเตียง ถือดีๆ นะมะขิ่น”
“ค่ะ คุณหนู”
เอมี่ได้ยืนถึงขั้นของขึ้น รีบกรากถุงไปจากมือมะขิ่นทันที
“อะไรน่ะ ไอ้ของในถุงนี่มันอะไร มี่เห็นคุณคะคุณห่วงนักห่วงหนา ตอนขับรถมายังต้องวางไว้บนตัก แล้วนี่ยังจะต้องเก็บไว้ที่หัวเตียงด้วย มันสำคัญอะไรนักหนา ขอดูหน่อยเถอะ”
เอมี่จะเปิดถุงดู แต่เจ้าคุณกระชากเมือไว้ก่อน
“อย่า! เอมี่ อย่ายุ่ง”
“ทำไมจะยุ่งไม่ได้ มี่เป็นเมียคุณคะคุณขานะคะ”
“อย่า บอกว่าอย่า!”
สองคนยื้อแย่ง ท่ามกลางความงุนงงและตกใจของรจนาวรรณ
“เจ้าคุณ! ระวังหลานแม่ เอมี่ท้องอยู่นะ ไอ้ไมค์ ช่วยห้ามคุณหนูเร็ว!”
“ครับ คุณผู้หญิง”
ไมเคิลโดดเข้ากอดรัดดึงเจ้าคุณออกมาได้สำเร็จ
“ไอ้ไมค์! ปล่อย!”
เอมี่ยึดถุงไปได้
“ไหน ขอดูหน่อยเถอะว่าไอ้ของในถุงเนี่ยมันคืออะไร ทำไมคุณคะคุณขาถึงหวงมันนัก”
“อย่า!”
เจ้าคุณร้องสุดเสียง เอมี่แกะถุงแล้วหยิบห่อชาขึ้นมามอง
“ชาม่วนใจ๋!”
เจ้าคุณอึ้ง รจนาวรรณตาลุกวาว เอมี่แกล้งร้องไห้
“แค่นี้เหรอคะ กะอีแค่ใบชาจากไร่นังบ้านนอกแค่ห่อเดียว คุณคะคุณขาถึงกับจะต้องเอาไปวางหัวเตียง”
“เอมี่! เอาคืนมา”
เจ้าคุณทวงห่อใบชาคืน แต่เอมี่ไม่ยอมคืนให้
“ไม่!”
เจ้าคุณเริ่มตวาด จนเอมี่ต้องเข้าฟ้องรจนาวรรณ
“เอาคืนมา!”
“แค่นี้ก็ต้องตวาดด้วย มี่ตกใจหมดเลยค่ะคุณหญิงแม่”
“เจ้าคุณ พูดจาดีๆ กันก็ได้ หนูมี่กำลังท้องกำลังไส้ เห็นใจกันบ้างซิ”
“ก็เอาคืนมาก่อนซิ”
“ได้ รักมากหวงมาก มี่คืนให้ก็ได้”
พูดจบเอมี่ก็ชูห่อใบชาขึ้นตรงหน้าเจ้าคุณแล้ว ค่อยๆ ฉีกห่อใบชาให้ใบชาร่วงพรูลงพื้นต่อหน้าต่อตาเจ้าคุณทันที เจ้าคุณอึ้งเจ็บปวดจนพูดไม่ออก
“แต่คุณคะคุณขาคงต้องให้มะขิ่นกวาดแล้วค่อยเอาไปวางที่หัวเตียงนะคะ”
เอมี่ยิ้มร้ายสะใจ ก่อนจะเอาเท้าเหยียบใบชา เจ้าคุณโกรธ ปรี่เข้าหาเอมี่
“เอมี่!”
เอมี่หลบไปหลังรจนาวรรณ
“ช่วยด้วยค่ะ คุณหญิงแม่”
“หยุดนะ เจ้าคุณ”
เจ้าคุณชะงักเริ่มหงุดหงิด
“แม่ครับ...”
“หนูมี่ทำถูกแล้ว”
เจ้าคุณอึ้งไปที่แม่ตัวเองเข้าข้างเอมี่ ในขณะที่เอมี่ยิ้มสะใจที่ทำลายของรักเจ้าคุณได้
“ขอโทษหนูมี่เดี๋ยวนี้”
“ขอโทษ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด เอมี่ต่างหากที่..”
“ผิด! ผิดคำสั่งที่แม่เคยสั่งไว้ว่าให้ลืมนังเด็กคนนั้นซะ แล้วก็ห้ามยุ่งเกี่ยวกับมันอีก”
“แต่ว่า...”
เจ้าคุณจะเถียง แต่เถียงไม่ออก
“ห้ามยุ่งเกี่ยวทั้งการกระทำ และแม้แต่ความคิด”
รจนาวรรณสั่งลูกชาย ในขณะที่เจ้าคุณอึ้งไป
“แม่...”
รจนาวรรณไม่สนใจเจ้าคุณ หันไปคุยกับเอมี่เรื่องช็อปปิ้งหน้าตาเฉย
“ไหนจ๊ะ ซื้ออะไรมาบ้างขอแม่ดูหน่อยซิ มะขิ่น”
รจนาวรรณกับเอมี่ เดินคุยกันอย่างถูกคอ มะขิ่นห้อวถุงตามอย่างไปอย่างสงสารเจ้าคุณยืนอึ้งอยู่ ไมเคิลมองอย่างเห็นใจเดินมาคุกเข่าจะเอามือเก็บใบชา แต่เจ้าคุณห้ามไว้
“ไม่ต้อง”
ไมเคิลชะงักไป เพราะเจ้าคุณนั่งลงเก็บใบชาห่อกระดาษที่ร่วงลงพื้นด้วยตัวเองด้วยความรักและคิดถถึงคำพูดของสมใจ
“กว่าพ่อฉันจะสร้างไร่ชาม่วนใจ๋มาได้ขนาดนี้ รู้มั้ยว่ามันต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา พวกเราไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่ได้เป็นพวกไฮโซไฮซ้อที่มีเงินซื้อรถคันละเป็นสิบล้าน เงินทองทุกบาททุกสตางค์มีค่า แต่ยิ่งไปกว่านั้น ใบชาทุกใบมันคือชีวิตจิตใจของพวกเรา”
เจ้าคุณเศร้าเสียใจ ค่อยๆหยิบใบชาขึ้นมาวางในอุ้งมือตัวเองทีละใบ ไมเคิลนายตัวเองด้วยความเศร้า เพราะเจ้าคุณบรรจงเก็บใบชาอย่างรักใคร่ทะนุถนอมสุดหัวใจ

บ่ายวันใหม่ ที่ม่วนแต๊ สมใจเดินมาตามทาง ชะงักเพราะสมุนดักหน้าขวางทางโดยมีอาเฟยเดินทางมาด้วย แต่สมใจไม่ไดมีท่าทางหวาดกลัวแต่อย่างใด
“ไง ไอ้มาเฟียหน้าเลือด”
อาเฟยยิ้มกวนประสาทก่อนจะตอบโต้
“สบายดี ขอบใจ เธอล่ะสบายดีรึเปล่า”
“ก็ดี จนมาเจอแกนี่ล่ะ เริ่มจะซวยแล้ว”
ลูกน้องอาเฟยเริ่มฮึดฮัด แต่อาเฟยยกมือสั่งห้ามไว้
“ถามจริงเถอะ จิตใจแกทำด้วยอะไร ทำไมมันถึงชั่วช้าโหดร้ายได้ขนาดนี้ มีเรื่องชั่วๆ อะไรที่แกยังไม่ได้ทำอีกมั้ย ทั้งตัดไม้ทำลายป่า ฆ่าช้างเอางาไปขาย รีดไถดอกเบี้ยเงินกู้กับชาวบ้านตาดำๆ ต่อไปแกจะทำอะไรเลวๆ อีกห๊า!”
อาเฟยยิ้มเจ้าเล่ห์
“อยากรู้เหรอ อีกเดี๋ยวเธอก็จะได้รู้แล้วล่ะ”
สมใจมองด้วยความสงสัย
“แล้วถ้าถึงตอนนั้นเธอคงไม่มีแรงด่าฉันแบบนี้ มีแต่จะคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องฉันแทน”
สมุนนายว่าขี้ข้าพลอย หัวเราะเสียงดังลั่น
“ไอ้บ้า ขำอะไร แกพูดอะไรของแก”
ทันใดนั้นปลัดจืดโผล่มาพอดี
“อะไรกันใจ๋”
ปลัดจืดรีบเดินเข้ามา ดึงสมใจไปไว้ข้างหลังตัวเองอย่างปกป้อง
“หมู่นี้เข้าออกม่วนแต๊บ่อยเกินไปแล้วนะ”
ปลัดจืดถามกลุ่มอาเฟย สมุนคนหนึ่งรับสวนกลับ
“ก็เถ้าแก่น้อยเขาทำหัวใจหล่นไว้แถวนี้ ก็เลยต้องมาตามหาบ่อยๆ มีอะไรอ๊ะป่าว”
ลูกน้องกับอาเฟยหัวเราะกวนประสาท ปลัดจืดกับสมใจเริ่มไม่พอใจ
“ม่วนแต๊มีกฎคนแปลกหน้าเข้ามาต้องแจ้งและแสดงตัวให้ถูกต้อง ไม่ใช่นึกจะมาก็มาแบบนี้”
“กฎมันมีไว้แหก”
อาเฟยยียวน
“ปากแกนั่นแหละที่จะแหก”

ปลัดจืดพูดจบจะต่อย สมุนอาเฟยเริ่มขยับตัว สมใจห้ามปลัดจืดไว้
“อย่าปลัด! อย่าให้เลือดคนชั่วๆ เปื้อนมือปลัดเลย อ้อ แล้วก็จำไว้ด้วย ไม่ต้องมาเหยียบม่วนแต๊อีก หัวใจเลวๆ ของแกน่ะ ป่านนี้โดนหมามันคาบไปทิ้งแล้วล่ะ”
สมใจพูดจบดึงปลัดจืดออกไป สมุนอาเฟยจะตามไปเล่นงาน แต่อาเฟยยกมือห้ามไว้
“ปากเก่งนัก อยากจะรู้ว่าจะเก่งได้อีกนานแค่ไหน สมใจ”

เวลาต่อจากนั้น สมใจกลับมาที่บ้าน ต้องตกใจสุดขีด
“อะไรนะพ่อ”
สมใจโวยวาย สมหมายนั่งอึ้งทั้งแค้นและช็อกไปพร้อมๆกัน สมใจหันไปทางสมศรีพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เมื่อกี๊ พ่อบอกว่าอะไรนะแม่”
สมศรีถอนใจเฮือกด้วยความเศร้า สมใจนั่งลงอย่างหมดแรง น้ำตารื้นขึ้นมา
“ไม่จริง ไม่จริง”
คำปุยสะอื้นร้องไห้
“จริงซิไอ้ใจ๋ ไอ้มาเฟียนั่นมันเพิ่งกลับไปเมื่อตะกี๊ มันมาทวงดอกเบี้ยลุงหมายกับป้าศรี มันบอกว่า เราเอาไร่ม่วนใจ๋ไปจำนองไว้กับมัน”
“ไม่จริง! ก็ไหนน้าลำยองบอกว่า…”
“นั่นล่ะ นังน้าลำยองตัวแสบ แสบที่สุด ฉันจะไปตบมัน”
คำปุยพร้อมลุย แคบหมูเห็นด้วย
“ฉันไปด้วย”
สมศรีต้องห้ามไว้
“เฮ่ยๆ ไม่เอา อย่าทำอะไรไง่ๆนะนังปุ๋ย นังแค๊บ มันไม่มีประโยชน์”
“แต่คนฉ้อโกงอย่างนี้เราก็ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับป้าศรี เรื่องนี้ผมจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย”
ปลัดจืดไม่ยอมง่ายๆ สมหมายน้ำเสียงอ่อนแรงไม่โวยวายอย่างเคย แต่ในใจสุดแค้น
“ปลัด กฎหมายทำอะไรคนเลวนรกอย่างไอ้มาเฟียฟงมันไม่ได้หรอก”
“ต้องได้ซิครับ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ไม่งั้นเราจะมีกฎหมายไว้ทำไม”
สมใจโพล่งขึ้น
“ฉันจะไปหาเงินมาไถ่ที่คืน!”
“เงินตั้งมากมาย เอ็งจะไปที่ไหน ไอ้ใจ๋เอ๊ย”
สมศรีเอ่ยถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ
“ฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันจะต้องหามาให้ได้ ฉันไม่มีวันจะยอมให้ม่วนใจ๋ตกเป็นของไอ้มาเฟียชั่ว 2 พ่อลูก นั่นเด็ดขาด!”
สมหมายกับสมศรี มองหน้ากันในโชคชะตา ส่วนสมใจยั่งมุ่งมั่นจะเอาไร่ชาม่วนใจ๋กลับคืนมาให้ได้ แม้ว่าจะแอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อย

เวลาเดียวกันที่บ้านอาฟง กำลังมีความสุขเสียงลูกน้องเจ้านายหัวเราะลั่นบ้าน
“ฮ่าๆ สะใจจริงๆ อั๊วอยากเห็นหน้าไอ้หมายตอนที่รู้ความจริงเหลือเกิน หน้ามันซีดเป็นไก่ไหว้เจ้าเลยรึเปล่าวะ อาตี๋น้อย”
อาฟงถามลูกชาย
“ประมาณนั่นล่ะป๊า”
“ฮ่าๆ อยากเห็นๆ แหม ลื้อนี่มันเลว เอ๊ย! เก่งสมเป็นลูกอั๊วจริงๆ อาเฟย อยากได้อะไรบอกมา อั๊วจะให้รางวัลลื้อในฐานะที่ช่วยให้ไร่ชาม่วนใจ๋กลายมาเป็นของเราได้ ว่าไง อยากได้อะไร”
อาเฟยยิ้มแต่ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันอยากได้สมใจ”
อาฟงจิบน้ำชาอยู่ถึงกับอึ้งไป
“อยากได้สมใจ ฮ่าๆ มันต้องอย่างนี้ ลูกชายอั๊วมันต้องอย่างนี้ อาเฟย ฮ่าๆ”
อาฟงหัวเราะชอบใจประสานเสียงกับสมุนอย่างมีความสุข ในขณะที่อาเฟยสายตามุ่งมั่นหมายปองในตัวสมใจและต้องการครอบครอง

เวลาต่อมา ที่บ้านสมใจยังคงช็อกกับเรื่องไร่ชาม่วนใจ๋โดนอาฟงยึดใบโฉนดไว้ สมศรีนั่งลูบหลังปลอบใจสมหมายที่เสียใจและสุดแค้น สองคนกอดกันอย่างให้กำลังใจ สมใจมองดูพ่อและแม่ถึงกับน้ำตารื้น ปลัดจืดแตะไหล่สมใจเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“ใจเย็นๆ นะใจ๋ ฉันจะหาทางช่วยใจ๋ให้ได้”
สมใจถอนใจ เพราะรู้ว่าเรื่องนี้หาทางออกได้ไม่ง่าย
“ฉันรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ฉันก็จะต้องพยายามเต็มที่ ฉันจะลองทำเรื่องขอเงินกู้ข้าราชการดู อาจจะพอมีทาง”
สมใจซาบซึ้งในน้ำใจของปลัดจืด
“ขอบใจมากปลัด..แต่ว่า..”
“เพื่อใจ๋ ยังไงฉันก็จะไม่ยอมแพ้”
ปลัดจืดยิ้มให้กำลังใจ สมใจทั้งซาบซึ้งทั้งสงสารปลัดจืด เพราะรู้ดีว่าความดีที่อีกฝ่ายมีให้ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นความรักที่เกินกว่าเพื่อนได้เพราะหัวใจยังไม่เคยลืมเจ้าคุณ

เวลาเดียวกัน เจ้าคุณนั่งมองโหลใบน้อยที่ข้างในมีชาม่วนใจ๋วางอยู่ในนั้น เจ้าคุณมองใบชาอย่างทะนุถนอม จนกระทั่งไมเคิลเข้ามา
“นี่ครับคุณหนู”
ไมเคิลยื่นกรรไกร พร้อมสก็อตเทปให้เจ้าคุณ เจ้าคุณค่อยๆหยิบชิ้นส่วนกระดาษห่อใบชาที่เอมี่ฉีกออกเป็น 2 ชิ้นเอามาประกบกัน แล้วเอาสก็อตเทปติดให้เหมือนเดิมมากที่สุดจนโลโก้ ชาม่วนใจ๋ติดกัน ก็ไม่วายแอบคิดถึงสมใจขึ้นมา

เวลาต่อมา สองแม่ลูกลำยองกับลำไยเดินอย่างมีความสุขมาตามทางในหมู่บ้านม่วนแต๊ ทั้งคู่แต่งตัวเต็มยศ เครื่องประดับราวกับตู้เก็บเคลื่อนที่ เพราะได้เงินจากอาเฟยในฐานะสายลับมาจำนวนมาก
“คุณแม่ขา ถ้าต่อไปเรามีจ๊อบอย่างนี้อีก ลูกขอให้คุณแม่เรียกเงินให้เยอะกว่านี้ จะได้พาลูกไปช็อปปิ้งที่เกาหลีซักครั้ง”
ลำใยพูดอย่างมีความสุขมาก
“ได้ซิจ๊ะลูกจ๋า ไปเกาหลีเผื่อจะพบเจ้าชายเย็นชา รึว่า นักร้องซุป’ตาร์ มาตกหลุมรัก ลูกสาวแม่ แม่ก็จะดื้อเป็นแม่ยายอินเตอร์ จริงมั้ยๆ”
สองแม่ลูกกำลังทำท่าดี๊ด๊า แล้วก็ต้องชะงักกึก เมื่อมีคนขวางหน้า
“อ๊าย!”
หวานเจี๊ยบ คำปุย แคบหมู และไส้อั่ว ยืนเรียงหน้ากระดานหน้าตาเอาเรื่อง ลำยองรีบโวย
“อะไร เป็นไรยะ พวกแกมายืนขวางทางข้าทำไม”
“ใช่ค่ะคุณแม่ ไร้มารยาท” ลำใยรีบด่าสวน
“ก่อนจะไปเกาหลี ไปคลุกขี้หมูซะก่อนมั้ยแก๊”

พอหวานเจี๊ยบพูดจบทุกคนก็กรูเข้าไปเอากระสอบคลุมหัว 2 แม่ลูก แล้วอุ้มไปทันที โดยไม่สนว่าสองแม่ลูกจะร้องโวยวายมากเพียงใด







Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 23:33:20 น.
Counter : 265 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]