All Blog
มรดกรักฉบับพันล้านวอน วันที่ 3 เมษายน 2555



ยงนังมาพบกับทนายพั๊กเพื่อเจรจา ขอให้จุนเซแต่งงานกับชองยี “ฉันรู้ ว่าจุนเซเคยว่าทำร้านอาหารให้อยู่ตัวก่อนยังไม่อยากแต่งงาน แต่ลูกสาวฉันกับจุนเซต่างถึงวัยอันควรแล้วนะคะ”

“คุณมาที่นี่เพื่อขอจุนเซแต่งงานรึครับ...ฮ่ะ...ฮ่ะ...”

“ทนายพั๊กกับฉัน เราเคยคุยกันอยู่บ้าง แต่เราไม่เคยคุยกันเป็นทางการ ไม่ทราบเรื่องนี้คิดยังไงคะ”

“ตอนชองยีเกิด คำแรกที่มินโซพูด คือให้ผมเลี้ยงจุนเซให้ดี จองไว้เป็นลูกเขย ฮ่ะ...ฮ่ะ...” ทนายพั๊กพูดถึงสามีของยงนัง เพื่อนรักของเขาอย่างขำ ๆ

“จุนเซ...คงไม่มีสาวอื่นอยู่ในใจนะคะ”

“เขาวัน ๆ เฝ้าอยู่แต่ร้าน หาสาวที่ไหนกันเล่า”

“งั้น ...ฉันเดินหน้าต่อนะคะ” ยงนังดีใจ

“ได้เลยครับ คุณเกริ่นกับเขาแล้ว ผมจัดการต่อเอง...ฮ่ะ...ฮ่ะ...”

ยังนงเอาเรื่องที่ทนายพั๊กไฟเขียวที่จะสนับสนุนจุนเซให้แต่งงานกับชองยีมาเล่าให้ชองยีฟัง ทำให้ชองยีดีใจมาก “คุณอาพั๊กชอบหนูจริงรึคะแม่”

“แม่เพิ่งไปพบกับทนายพั๊กกลับมานี่แหละ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด แม่ว่าจะไปหาจุนเซสักหน่อย ลูกไม่อยู่คุยสะดวกกว่า”

“คุณแม่ปรึกษาคุณย่ารึยังคะ”

“คุณย่ากลับมาก่อนค่อยบอก” เป็นเวลาเดียวกับที่จังซุกจากลับมาถึงบ้าน ยงนังจึงรีบเอ่ยปาก “เอ้อ...คุณแม่ ๆ...ดิฉันมีเรื่องปรึกษาค่ะ พอฟังเซ็งฮีพูด ดิฉันเป็นห่วงมากนะคะ จุนเซเอาแต่ทำงานทำการ ถ้าถูกสาวอื่นคว้าไปจริงจะทำยังไง”

“เธอเลยจะรีบให้ชองยีแต่งงานกับจุนเซใช่มั้ย”

“คุณแม่เห็นเขามาแต่เล็ก ยังอยากได้เป็นหลานเขยด้วยซ้ำ”

“แค่อยากมีประโยชน์อะไร ทนายพั๊กต้องรับชองยีเป็นสะใภ้ด้วย ที่สำคัญต้องถามตัวจุนเซก่อน” จังซุกจาบอก

“ดิฉันคุยกับทนายพั๊กแล้วค่ะ”

“เขาเห็นดีเห็นงามรึ”

“ไม่ใช่ว่าเป็นชองยีดีหรอก แต่เพราะเป็นหลานคุณแม่หรอกค่ะ”

“ควรสอนชองยี ให้รู้กาลเทศะ แบบนี้จะเป็นสะใภ้ใครได้”

“เรื่องแบบนี้สอนกันได้ค่ะ ตอนนี้คุณย่าก็ยังอยู่ ไม่กลัวขึ้นคานหรอกค่ะ แต่ถ้าเป็นไรไป ชองยีก็เหมือนว่าวที่สายป่านขาดลอย”

“ใช่นะถ้าเป็นจุนเซ หลังจากฉันตาย ไม่ต้องห่วงชองยีอีกแล้ว” จังซุกจาพูดอย่างเชื่อมั่นในตัวจุนเซ โดยที่ไม่รู้ว่าจุนเซมีใจให้กับอุนซอง

“คุณแม่คะ งั้นขอยืมเงินนิดนึงนะคะ ถ้าจะคุยเรื่องแต่งงาน น่าจะคืนเงินประกันตัวยูฮังให้จุนเซเค้า การผ่อนทีละงวดให้เขา ขายหน้านะคะ” ยงนังรีบพูดขึ้น

“งั้นก็หักจากเงินเดือนเดือนนี้” จังซุกจาบอกเสียงเรียบ

ยูฮังมาที่ร้านของยองโชและเห็นอุนยูเล่นเปียโนและมีท่าทีแปลก ๆ ยองโชบอกว่าเป็นญาติของเขาเองและเป็นเด็กออทิสติก มีชื่อว่ายงเจ “ญาติผู้พี่ฉันพาไปด้วยไม่ได้ เลยฝากไว้ ชอบเล่นเปียโนเป็นชีวิตจิตใจ เล่นเก่งซะด้วย”

ยูฮังนึกถึงคำพูดของพ่อบ้านที่ว่าน้องชายของอุนซองที่หายไปก็เป็นเด็กออทิสติกและเล่นเปียโนเก่งเช่นกัน แต่ไม่ได้ชื่อยงเจ ทำให้ยูฮังคิดว่าเป็นคนละคนกัน

ยูฮังกลับมาบ้าน ชองยีก็รีบเข้ามาพูดด้วยอาการดีใจว่าตนเองกำลังจะแต่งงาน “แม่บอกว่า จะจัดการให้ฉันกับพี่จุนเซแต่งงานกัน จะคุยพรุ่งนี้”

“จริงรึครับ” ยูฮังแปลกใจ เพราะรู้ว่าจุนเซชอบอุนซอง

“อ้อ...แม่ได้ปรึกษากับคุณย่า แล้วก็ทนายพั๊กเรียบร้อยแล้ว”

“พี่จุนเซ มีแฟนรึเปล่า” ยูฮังรีบถามขึ้น

“คุณอาพั๊กรับรอง เขายังไม่มีแฟน” ยงนังบอก ยูฮังรีบบอกว่าคนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าจุเซมีแฟนแล้ว เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ชองยีซึ่งชอบจุนเซมากรีบบอกว่าจุนเซยังไม่มีแฟน

“ลูกฮัง ทนายพั๊กว่า มีมรดกอีกส่วนที่ต้องคงอยู่”

“รอคุณย่าตาย เราก็ฟ้องเรียกส่วนของเรา...”

“รู้แล้ว” ยูฮังไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ทำให้ยงนังและชองยีแปลกใจ “ลูกรู้ได้ยังไง รู้แล้วทำไมไม่บอกสักคำ”

“ไม่มีประโยชน์ บริษัทถูกแย่งไปแล้ว”

“บริษัทถูกแย่ง หมายความยังไง เราค่อยฟ้องทีหลัง เรียกคืนส่วนที่เป็นของเรา ยังมีบ้าน ยังมีที่ดิน แล้วก็หุ้นบริษัท”

“เขายังถือหุ้นใหญ่อยู่”

“อำนาจบริหารรึ แล้วมีอะไรพี่ไม่สนใจบริหารงานต่ออยู่แล้ว” ชองยีบ่น ๆ

“บริหารไม่ได้เพราะไม่สนใจ กับถูกแย่งเหมือนกันที่ไหน”

“พี่ พี่พูดแปลกชอบกล ยังไงกว่าคุณย่าจะตาย เราคงตายก่อน มีเงินแค่ยาไส้ไปวัน ๆ”

“ลูกไปร้านสาขาสอง เพราะไม่อยากให้บริษัทถูกแย่งรึ” ยงนังถามลูกชาย

“ผมบอกแล้วไง ยังไงผมก็ไม่ยอม” น้ำเสียงยูฮังจริงจัง

ซึงมียังใช้อีเมลในชื่อของอุนซองติดต่อกับพ่อ โดยบอกว่าเธอไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพ่อยังไม่ตาย เพราะเธอและอุนยูคงรับสภาพไม่ได้

อุนซองและยูฮังนั่งรถเมล์มาทำงานด้วยกัน แต่รถเมล์คนแน่นมาก เวลารถเบรกก็มักจะมีผู้ชายเข้ามาเบียดอุนซอง ยูฮังรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเมื่อเห็นเช่นกัน จึงเข้ามายืนชิดกับอุนซองและคอยกันคนอื่น ๆ ไม่ให้เข้ามาใกล้อุนซอง อุนซองมองยูฮังอย่างแปลกใจ แต่ก็เอ่ยขอบคุณอย่างมีมารยาท แต่ยูฮังก็ยังไม่วายมาดเยอะจนอุนซองหมั่นไส้

ยงนังมาหาจุนเซที่ร้าน

“คุณย่ามีอะไรให้ผมช่วยรึครับ”

“คือว่า จุนเซ เธอช่วยรับชองยีไว้ทีได้มั้ยจ๊ะ ความหมายฉัน คือพาชองยีไปซะที” ยงนังพูดยกลูกสาวให้จุนเซ ทำให้จุนเซงง “ผมยังไม่เข้าใจ”

“คุณย่าบอกว่า เอ่อ...ขอยกชองยีให้กับเธอ ท่านจะได้หมดห่วง นอนตายตาหลับซะที”

“คุณน้า เขาเป็นเหมือนน้องสาว” จุนเซบอกความรู้สึกของเขาที่มีต่อชองยี

“น้องสาว อีกหน่อยเป็นสามีภรรยา ของแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ต่อไปนี้ เธอรับเขาเป็นแฟนได้มั้ยล่ะ”

“เฮ้อ...ขอโทษครับ ผมช่วยไม่ได้ ผมมีคนที่ชอบแล้ว” จุนเซพูดตรง ๆ ยงนังตกใจมาก

“อะไร เธอมีคนที่ชอบแล้วรึ”

“ครับ เป็นหญิงสาว...ที่ผมชอบมาก”

ยงนังนำเรื่องที่จุนเซปฏิเสธการแต่งงานมาบอกชองยี สร้างความเสียใจให้กับชองยีเป็นอย่างมาก บอกว่าจะไปถามจุนเซให้รู้เรื่อง ยงนังยังนำเรื่องไปบอกทนายพั๊กว่าลูกชายของเขามีแฟนอยู่แล้ว ทนายพั๊กก็แปลกใจเพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน

ชองยีมาหาจุนเซที่ร้านแต่ไม่พบ เพราะจุนเซออกไปหาอุนซองและชวนอุนซองไปที่บ้านของเขา โดยจุนเซบอกว่าอยากกินอาหารฝีมืออุนซอง

“คราวก่อนเธอทำข้าวอบซี่โครงให้บ้านยูฮังกินใช่มั้ย ฉันอยากกินบ้าง”

“ที่บ้านเนี่ยนะ ล้อเล่นรึเปล่า” อุนซองรู้สึกแปลก ๆ เพราะคิดว่าไม่เหมาะที่ชายหญิงจะอยู่กันสองต่อสอง

“ฉันเป็นพี่ชายไม่ใช่รึ พี่ชายน่ากลัวมากรึ”

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”

“อุนซอง ไม่ได้คิดว่าฉันเป็นพี่ชาย”

“แหม...ทำไมล้อเล่นกันแบบนี้” อุนซองพูดยิ้ม ๆ

“ฉันเพียงอยากกินเมนูใหม่ อยากลองทำเอง อยากชิมรสชาติ ฉันอยากเอาเมนูข้าวอบซี่โครงขายที่ร้าน แต่ไม่ได้ทำสักที ถือโอกาสเรียนจากเธอ อยากพิสูจน์ฝีมือทำอาหารของเธอด้วย ใจก็กลัวชวนมาบ้าน เปิดประตูทำครัวได้มั้ย” จุนเซบอกอย่างบริสุทธิ์ใจ

อุนซองเข้าบ้านจุนเซและเริ่มทำอาหาร ทั้งสองช่วยกันทำและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

หลังกินอาหารกันเสร็จ ทั้งคู่ก็ออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะ “ได้กินอาหารอร่อย ดื่มกาแฟเดินเล่น นานแล้วสินะ”




//www.dailynews.co.th



Create Date : 04 เมษายน 2555
Last Update : 4 เมษายน 2555 10:35:44 น.
Counter : 411 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]