All Blog
ดุจดาวดิน ตอนที่ 13 (ต่อ)


ทุกคนในห้องรับแขกถึงกับตะลึง เมื่อเห็นว่าทินภัทรที่พ่วงบอก คือบุญทิ้งนั่นเอง และต่างอุทานขึ้นพร้อมๆ กัน

“บุญทิ้ง”
บุญทิ้งกลัวไปหมด ทุกคนสับสน สายอุษาทำท่าจะเป็นลม ป้าแก้วคอยดูแล ปานดาวจูงธัญวิทย์เข้ามาพอดี
“แกโกหก! ไอ้พวก 18 มงกุฎ หนอยเอาไอ้เด็กบุญทิ้งมาสวมรอยเป็นทินภัทร คิดว่าพวกฉันโง่รึไง ทินภัทรน่ะ ตายไปแล้วได้ยินไหมว่า ทินภัทรตายไปนานแล้ว”
พ่วงโต้ทันที...
“ยัง ทินภัทรยังไม่ตาย ยังยืนอยู่ตรงนี้”
ปานดาวมองบุญทิ้งอย่างสุดทน
“ไม่ มันต้องไม่ใช่อย่างนี้ ไม่ใช่ บ้านนี้มีหลานคนเดียวคือลูกชายฉัน คนอื่นไม่ใช่”
“ดาว พอแล้ว” เติมบุญมองพ่วง “เล่ามาให้หมด ว่าเรื่องจริงมันคืออะไร”
ปานดาวมองพ่วง อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ แต่พ่วงไม่สนใจ เล่าเรื่องราวที่ผ่านมา...
“เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ผู้หญิงในบ้านนี้ ขโมยเด็กมาให้ผม มันบอกให้เอาไปขายแถวชายแดน แต่ผมเห็นเด็กหน้าตา น่ารักดีเลย เลี้ยงไว้ พอโตขึ้นหน่อยก็ให้ไปขอทาน หาเงิน เด็กคน นั้น ก็คือ...ไอ้บุญทิ้ง”
บุญทิ้งก้มงุดๆด้วยความกลัว ปานดาวโวยทันทีที่ฟังเรื่องจบ
“ไม่จริง แกโกหก จะเป็นไอ้บุญทิ้งไปได้ยังไง ดูหน้าก็รู้แล้วว่าไม่ใช่หลานฉัน พวกแกรวมหัว กันมาหลอกเอาสมบัติบ้านนี้ใช่ไหม”
เติมบุญขัดขึ้น...
“ยัยดาว...นายพ่วง บอกฉันมาสิ ผู้หญิงที่เอาทินภัทรไปให้ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว คือใคร ใครมันเป็นคนที่ขโมยหลานฉันไป”
พ่วงมองไปรอบห้อง สบตาปานดาวที่ทั้งโกรธทั้งกลัว หลบตาพ่วงอย่างมีพิรุธ จังหวะนั้นพิมเดินเข้ามาในบ้านพอดี ธัญวิทย์ร้องขึ้น...
“พิมมาแล้ว พิมหาข้าวให้ฉันกินเลย หิวมาก”
พิมเห็นพ่วงก็ชะงักด้วยความตกใจ คาดไม่ถึง พ่วงหันไปเห็นพิม ยิ้มสะใจ ชี้นิ้วไปที่พิม แล้วบอกกับทุกคน
“นังตัวแสบนี่ไง มันนี่แหละที่เป็นคนเอาตัวทินภัทรมาให้ผม”
พิมตกใจ ทำอะไรไม่ถูก

ภาคินขับรถพาปานฟ้าที่ยังอ่อนเพลีย เพราะเพิ่งฟื้นจากถูกวางยา ภาคินพูดโทรศัพท์ มือถือ...
“ขอบคุณมากครับคุณอนิรุทธิ์ อีกไม่เกินห้านาที เราไปถึง” ภาคินกดวางหู แล้วหันมาบอกปานฟ้า “ตอนนี้ ทินภัทรอยู่ที่บ้านฟ้าแล้วนะครับ”
ปานฟ้ารีบถามตื่นเต้น
“แสดงว่า ทินภัทรยังมีชีวิตอยู่จริงๆหรอคะ แล้วใช่ ทินภัทรตัวจริงรึเปล่า หลานฟ้าเป็นยังไงบ้าง หน้าตาเหมือนใคร แล้วใครเป็นคนพามา”
ภาคินยิ้มนิดๆอย่างเอ็นดู
“ถามหลายอย่างจริง เดี๋ยวไปดูเองดีกว่าครับ...เราอาจจะเจอเรื่องที่นึกไม่ถึง”
ปานฟ้าฟังอย่างสงสัยแปลกใจ แต่ก็ตื่นเต้น อยากถึงบ้านโดยเร็ว

ในบ้านบุญเติม...ป้าแก้วมองพิมอย่างแค้นใจ
“นึกแล้วว่าต้องมีเกลือเป็นกลอน แค่ออกไปเอาของแป๊บเดียวกลับมาคุณหนูก็หายไปแล้ว ถ้าไม่ใช่คนในทำ แล้วจะเป็นใคร แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแก...นังพิม ทำไมแกถึงใจร้ายอย่างนี้”
พิมหน้าตาตื่น
“ไม่จริง ทุกคนอย่าไปเชื่อมัน แกใส่ร้ายฉัน ใครเชื่อโจรอย่างแกก็โง่แล้ว ไอ้โกหก”
อนิรุทธิ์ที่ฟังอยู่นาน หันไปถามพ่วง
“นั่นสิ มีหลักฐานอะไรยืนยันสิ่งที่นายพูด”
ปานดาวขัดทันที
“จะไปเอาหลักฐานอะไรกับหัวขโมยอย่างมัน อมพระมาพูดฉันก็ไม่เชื่อ แต่งเรื่องมาหลอกเอาเงินพวกเราไม่ว่า เรียกตำรวจมาจับมันเลยคุณรุทธิ์ ไอ้พวกหลอกลวงแบบนี้ต้องให้ติดคุก”
บุญทิ้งมองพ่วงที่กำลังโดนรุม
“ถ้าไม่ได้ขโมยตัวทินภัทรไป....แล้วทำไมพี่พิมถึงได้ จับตัวคุณตาไปขัง แล้วยังจะฆ่าผมอีก
เติมบุญชะงัก นึกถึงตอนที่โดนจับตัวไป”
พิมมองบุญทิ้งอย่างโกรธแค้น
“แกพูดอะไรของแกไอ้ทิ้ง ใครไปจับใคร ใครจะฆ่าแก”
เติมบุญยิ้มนิดๆ แต่แววตาโกรธ
“จริงด้วย ขอบใจนะบุญทิ้ง ตานึกตั้งนาน ว่าลักษณะท่าทางของนังโจรที่จับฉันไปวันนั้น เหมือนใคร”
พิมหน้าเสีย พยายามแก้ตัว
“ไอ้ทิ้งมันปั้นเรื่องโกหก พูดจาเลอะเทอะเหมือนไอ้พ่วง อย่าไปเชื่อนะคะ มันสองคนเป็นพวกเดียวกัน”
เติมบุญมองพิมนิ่ง
“เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาชื่อพ่วง ฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อเขาเลย”
พิมชะงัก หน้าเสีย อ้ำๆ อึ้งๆ พูดต่อไม่ออก ปานดาวเห็นพิมจะแย่ เลยรีบช่วย
“นี่คุณพ่อเชื่อพวกมันเหรอคะ พิมจะไปทำเรื่องเลวๆอย่างนั้นได้ยังไง”
พ่วงเล่าต่อ...
“นังพิมมันไม่ได้ลงมือทำคนเดียวนะครับ มันรวมหัวกับไอ้ก้าน ผัวมันอีกคน”
ตุลย์ ปานฟ้า และ ภาคิน เดินเข้ามาถึงบ้านพอดี
“ตอนนี้ นายก้านตายแล้วะครับ มันกับพวก พยายามลักพาตัวคุณปานฟ้า เลยถูกยิงตาย” ตุลย์เล่า
พิมหน้าเสีย รีบปฎิเสธพัลวัน
“ไม่จริง ฉันไม่รู้จัก ไอ้ก้านไหน...เป็นใคร ไม่รู้จัก”
พ่วงมองพิมอย่างสะใจ เดินย่ามเข้าไปหาพิม
“เลิกสะตอได้แล้วอินังพิม” พ่วงหันไปมองธัญวิทย์ “เด็กนี่อีกคน อยากรู้ไหม ว่าจริงๆเป็นลูกใคร”
ปานดาวจับตัวธัญวิทย์ไว้ รีบแก้ตัว
“อะไรของแก นี่ลูกฉัน อย่ามาพูดอะไรบ้าๆ อีกนะ”
พิมมองพ่วงตาเหี้ยม ค่อยๆ ถอยมาจนติดโต๊ะ เอื้อมมือไปคว้ามีดปลายแหลมที่วางไว้บนถาดผลไม้ พ่วงไม่ได้สังเกต เดินเข้าไปใกล้พิมอีก หวังให้พิมกลัว จนตรอกแล้วยอมพูดความจริง
“จริงเหรอ...แต่ที่รู้มา ไอ้เด็กนั่น มันเป็นลูกของ...”
ยังไม่ทันที่พ่วงจะได้พูดต่อ พิมเอามีดปอกผลไม้ จ้วงท้องพ่วง 2-3 ที ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น พิมผละออกจากตัวพ่วง มองร่างพ่วงล้มลงกับพื้น ทำเป็นตกใจ ปล่อยมีดในมือทิ้ง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันจะฆ่าฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแทงมันนะ”
ตุลย์รีบวิ่งมาจับชีพจรพ่วง เงยหน้าบอกทุกคน
“ตายแล้ว”
ทุกคนฟังอย่างตกใจ หันมามองพิมเป็นตาเดียว

บุญทิ้งนั่งร้องไห้ เสียใจที่พ่วงจากไป สายอุษาเป็นลม ป้าแก้วต้องคอยบีบนวด ปานฟ้าคอยพยาบาลให้ดมยาดม จิบยาหอม
“อยู่ดีไม่ว่าดี มีคนมาตายในบ้าน เราต้องทำบุญใหญ่กันแล้ว ทำไมถึงมีแต่เรื่องวุ่นวายนักนะ” สายอุษาคร่ำครวญ เมื่อฟื้นขึ้นมา
“ทำใจดีดีไว้ค่ะคุณแม่ เรื่องร้ายๆมันกำลังจะผ่านไปแล้วค่ะ” ปานฟ้าพยายามปลอบ
เติมบุญมองบุญทิ้งอย่างสงสารจับใจ พยุงให้บุญทิ้งลุกขึ้นมานั่งโซฟาข้างตัว กอดปลอบใจบุญทิ้ง
“อย่าร้องไห้ไปเลยบุญทิ้ง นายพ่วงไปดีแล้ว อย่างน้อย ก่อนตาย นายพ่วงก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง และดีที่สุด สำหรับเราทุกคน ต่อไป ตาจะดูแล หลานเอง”
บุญทิ้งมองสบตาเติมบุญ
“คุณตาเชื่อที่ลุงพ่วงพูดเหรอครับ”
“เชื่อตัวตาเองต่างหาก สายตาคนแก่ มองอะไรไม่ผิดหรอก ต้องคนมีสายเลือดเดียวกันเท่านั้น ถึงจะยอมตายแทนกันได้ ไม่งั้นเจ้าคงไม่เสี่ยงชีวิตช่วยตาหรอก จริงมั้ย ตาดีใจที่สุดนะ ที่บุญทิ้ง คือทินภัทร หลานชายที่แท้จริงของตา”
บุญทิ้งกอดเติมบุญ ด้วยความตื้นตัน สายอุษาน้ำตาคลอด้วยความสุข อนิรุทธิ์มองบุญทิ้ง อย่างทั้งดีใจ นึกไม่ถึง เอื้อมมือมา บุญทิ้งสบตาแล้วส่งมือให้จับ อนิรุทธิ์ดึงบุญทิ้งมากอด แล้วร้องไห้ดีใจ
“คุณอนิรุทธิ์”
“เรียกพ่อสิลูก”
บุญทิ้งมองหน้านิ่ง เรียกอย่างไม่ค่อยกล้า
“พ่อ...” บุญทิ้งนิ่งไปแล้วเรียกเสียงดัง “พ่อครับ”
“ลูกพ่อ”
ทั้งคู่กอดกัน ร้องไห้อย่างดีใจ

พิมให้ปากคำกับตุลย์ โดยมีปานดาว ยืนดูอยู่ด้วย ภูวดล เพิ่งกลับเข้าบ้านมายืนฟังอย่างร้อนใจ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะฆ่ามันนะหมวด มันจะมาทำร้ายฉันก่อน ฉันป้องกันตัวต่างหาก” พิมพยายามแก้ตัว
ตุลย์มองอย่างไม่เชื่อ
“แน่ใจ ว่าไม่ใช่การฆ่าเพื่อปิดปาก”
พิมอึ้ง ภูวดล ส่งสายตาให้ปานดาวช่วย
“ก็เห็นกันอยู่ว่ามันเดินเข้าไปหานังพิม นี่ถ้าคนของฉันไม่เฉลียวใจ เอามีดแทงมันซะก่อน ป่านนี้คนที่ไปเฝ้ายมบาล ก็เป็นนังพิมไปแล้ว”
“คุณปานดาวพูดเหมือนพยายามปกป้อง ทั้งที่พวกเราทุกคนก็เห็นว่านายพ่วงมามือเปล่า ไม่ได้มีท่าทีจะทำร้ายใครเลย “ตุลย์สบตาปานดาวตรงๆ “แค่มาพูดเรื่องจริง ให้พวกเรารู้เท่านั้น”
ภูวดเห็นจะไม่รอดจึงรีบแก้แทน
“พูดอย่างนี้ก็เกินไปนะหมวด พิมทำงานกับเรามานาน เลี้ยงลูกผมมาตั้งแต่เกิด ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหมวดล่ะก็ ผมคงต้องให้ทนายมาช่วยจัดการ”
พิมยิ้มเยาะอย่างสะใจ ตุลย์เอะใจ คิดว่าภูวดลและปานดาว ท่าทีแปลกๆที่เข้าข้างพิมเกินเหตุ

ภาคินยืนคุยอยู่กับปานฟ้าอีกด้านหนึ่งของบ้าน...
“ป้องกันตัว ผมว่าเป็นข้ออ้างที่อ่อนมาก พ่วงไม่ได้จะทำร้ายพิมเลยนะ พิมก็ไม่น่าจะตกใจขนาดแทงพ่วงจนตาย” ภาคินออกความเห็น
“นั่นสิคะ...ตอนนั้น...พ่วงเค้าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง”
ปานฟ้านึกถึงคำพูดพ่วงก่อนโดนแทง ภาคินพบักหน้ารับ...
“เหมือนพ่วงกำลังบอกว่า ธัญวิทย์เป็นลูกคนอื่น ไม่ใช่ลูกของคุณปานดาว”
ปานฟ้าคิดหนัก
“เป็นไปไม่ได้หรอกคะ อย่างพี่ดาวเนี่ยนะ จะเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยง ขนาดลูกตัวเองยังไม่ค่อยดูแลเลย ตั้งแต่วิทย์เกิด ก็มีแต่พิมนี่แหละที่ดูแลมาตลอด...คงไม่ใช่หรอกค่ะ”
พูดจบปานฟ้าก็คิดขึ้นมาได้ถึงท่าทีแปลกๆของพิมที่แสดงออกต่อธัญวิทย์ แต่ก็สลัดความคิดทิ้ง ไม่อยากเชื่อตัวเอง ภาคินเองก็ยังข้องใจ

หลังจากตุลย์สอบสวนพิมเสร็จแล้ว เติมบุญบอกกับทุกคนในห้องรับแขก...
“ฉันคงให้พิมอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้”
ปานดาวตกใจ
“คุณพ่อคะ แต่ตำรวจก็ยอมให้พิมประกันตัวแล้วนะคะ คุณพ่อก็น่าจะ...”
“น่าจะยอมให้ฆาตรกร ที่ฆ่าคนต่อหน้าต่อตาเนี่ยนะ อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน นี่ยังไม่รวมกรณีเป็นผู้ต้องสงสัยที่จับฉันไปเรียกค่าไถ่ และพยายามฆ่าทินภัทร อีกนะ”
พิมพยายามเก็บสายตาโกรธแค้น ปานดาวยังพยายามช่วย
“แต่พิมเค้าก็บอกแล้วว่าไม่ได้ทำ ไม่รู้ไม่เห็นทั้งนั้น คุณพ่อไม่เชื่อใจคนในบ้าน แต่ไปเชื่อพวกโจร อย่างนั้นเหรอคะ”
“ฉันเชื่อว่า ใครทำอะไรไว้ จะได้อย่างนั้น เวรกรรมมันมีจริง ให้พิมเค้าออกไปพิสูจน์ตัวเองก่อน ว่าเค้าบริสุทธิ์ จากนั้นค่อยมาพูดกัน”
ธัญวิทย์ร้องไห้ทันที...
“ฮือๆๆ พิม จะให้พิมอยู่ที่นี่ ให้พิมอยู่ที่นี่”
พิมมองธัญวิทย์ ร้องไห้ ด้วยหัวใจปวดร้าว สายอุษา สงสารหลานเรียกธัญวิทย์เข้าไปกอด
“ตาวิทย์ ไม่งอแงนะหลานยาย”
ธัญวิทย์กอดยายร้องไห้ เติมบุญลูบหัวหลานปลอบใจ
“พิม เขาเป็นแค่คนใช้ วันนึงเค้าก็ต้องไป แต่เราต้องอยู่กับพ่อกับแม่ตลอดชีวิตนะ”
พิมทนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หันหน้าหลบไปร้องไห้อีกมุมไม่ให้ใครเห็น ภูวดลเห็นจึงเดินไปกระซิบด้วยเบาๆ
“ช่วงนี้แกก็หลบไปไหนสักที่ก่อน รอให้เรื่องเงียบ แล้วฉันจะทำให้แกกลับมาเอง”
พิมพูดกระซิบตอบภูวดลทั้งน้ำตา
“ก็ลองฉันไม่ได้กลับมาที่นี่อีกสิ ธัญวิทย์ก็ต้องไม่อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน”
พิมอาฆาตแค้น ทั้งน้ำตา

เติมบุญจับธัญวิทย์กับบุญทิ้งมายืนตรงหน้า มองทั้งสองคนอย่างเมตตา
“ธัญวิทย์ ทินภัทร หลานทั้ง 2 คน เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันนะเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรต้องรู้จักให้และ แบ่งปันกัน เป็นพี่น้องกันต้องรักกัน...ไหน จับมือกันซิ”
บุญทิ้งยื่นมือไปหา ธัญวิทย์เอามือปัดออก ปานดาว มองอย่างสะใจ ภูวดลทำเป็นดุ
“ธัญวิทย์ จับมือกับพี่เค้าดีๆ”
ธัญวิทย์ หน้างอที่ถูกพ่อดุ เอามือไปจับบุญทิ้งอย่างแรง กระชากตัวบุญทิ้งมาทำเหมือนกอดแรงๆ แล้วกระซิบที่ข้างหู
“ไอ้ขอทาน ฉันเกลียดแก”
บุญทิ้งผละตัวออกมา ก้มหน้าด้วยความเสียใจ

กลางดึก...ปานดาวฝันถึงเหตุการณ์ที่พิมจ้วงมีดแทงพ่วง แล้วเห็นพ่วงที่ตัวเต็มไปด้วยเลือดถลึงตาให้ พ่วงยื่นมือทั้งสองข้างมาตรงหน้าเธอ
“เอาไอ้เด็กคนนี้มา...มันไม่ใช่ลูกแก...ไอ้วิทย์ต้องไปกับข้า ตัดแขนตัดขามัน เอาไปนั่งขอทาน บาปกรรมมันตามทันแกแล้ว นังปานดาว แก...ต้องช้ำใจจนตาย”
พ่วงหัวเราะสุดเสียงอย่างสะใจ ปานดาวที่นอนบนเตียงกรีดร้อง หลับตากระสับกระส่ายด้วยความหวาดกลัว
“อย่า...อย่าเอาลูกฉันไป...ไม่นะ....วิทย์...”
ปาดดาวสะดุ้งตื่น รีบหันไปหาวิทย์ที่นอนหลับนิ่งไม่รู้สึกตัว เธอรีบคว้าตัวธัญวิทย์มากอดไว้แน่น มองซ้ายขวา ล่อกแล่กอย่างระแวง
“วิทย์...วิทย์ตื่นเร็วลูก ตื่น ตื่น...”
ธัญวิทย์งัวเงียตื่น ลืมตา อึดอัดที่ดาวกอดรัดอย่างแน่น
“อาไร...แม่ หายใจไม่ออก ปล่อยก่อน...”
ปานดาวรู้สึกตัวได้สติ ว่าตัวเองฝันไป ค่อยๆคลายธัญวิทย์ออก
“เออ...แม่ขอโทษจ๊ะ แม่ฝันร้าย โธ่เอ๊ย นึกว่ามันเรื่องจริง นอนต่อเถอะ เดี๋ยวแม่ไปเข้า ห้องน้ำก่อน”
ธัญวิทย์งัวเงีย หันกลับไปนอนต่อ ปานดาวลุกจากเตียง นึกได้ก็หันมาหาแล้วเขย่าตัว
“วิทย์ลุกมาก่อน อย่าพึ่งหลับ ไปเป็นเพื่อนแม่นะ”
ปานดาวผวาหันซ้ายขวาด้วยความกลัว ธัญวิทย์พูดอย่างงัวเงียไม่สบอารมณ์
“วิทย์ง่วง ไม่เอา...เดินสองก้าวก็ถึงห้องน้ำแล้ว ให้วิทย์ไปทำไม”
ปานดาวลังเลใจ ทั้งห่วงลูกทั้งกลัวผีพ่วง
“แม่ไม่กล้าไปคนเดียว...ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยสิ ตื่นเร็วๆ เอ๊ะ พึ่งพาอะไรไม่ได้เลยไอ้ลูกคนนี้”
ภูวดลกลับมาจากข้างนอก เปิดประตูห้องเข้ามา
“ยังไม่นอนกันอีก แม่ลูกคู่นี้”
ปานดาวอุ่นใจขึ้น เมื่อเห็นภูวดลแต่ยังไม่ถอดสีหน้าหวาดกลัว
“กลับมาซะดึกเลย...ฉันฝันร้าย ไอ้พ่วงมันไม่ยอมไปผุดไปเกิดจะมาเอาตัววิทย์ไป กลัวแทบแย่...ผีบ้าผีบออะไรไม่รู้”
ภูวดลมองอย่างขำๆ
“ป่านนี้ไอ้พ่วงลงนรกขุมไหนไปแล้วไม่รู้ คุณก็กลัวเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไอ้ที่ควรกลัวมากกว่าผีกลับไม่กลัว”
“คุณพูดถึงอะไร”
“ก็ไอ้พวกผีฮุบสมบัติไง น้องสาวคุณกับคู่รักมัน น่ากลัวกว่าผีไอ้พ่วงเยอะ”
ปานดาวมองค้อนแล้วถอนใจ นิ่งคิดที่ภูวดลพูด

เช้าวันใหม่...อนิรุทธ์จูงมือบุญทิ้งมาที่โรงพยาสบาล เดินมาหยุดมองปานเดือนที่นั่งเหม่อ หน้าเศร้าคิดถึงลูก อนิรุทธิ์ก้มลงบอกบุญทิ้ง
“ไปหาแม่สิลูก”
บุญทิ้งสบตาแล้วยิ้ม เดินมาตรงหน้าปานเดือน มองนิ่ง แล้วเอื้อมมือไปจับมือ ปานเดือนหันมามอง บุญทิ้งสบตา เรียกเสียงดังอย่างดีใจที่ได้เรียกแม่อย่างเปิดเผยสักที
“แม่ครับ”
ปานเดือนนิ่งไป แล้วยิ้มดีใจ
“ทินภัทร”
ปานเดือนนั่งกอดบุญทิ้ง อย่างมีความสุข
“ในที่สุดลูกก็ได้กลับมา อยู่ในอ้อมกอดของแม่”
“เดือน ต่อไปนี้เราสามคนพ่อแม่ลูก ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างเดิมแล้วนะจ้ะ”
ปานเดือนยิ้มรับ
“แม่จะไม่ให้ใครมาเอาลูกไปไหนอีกแล้ว”
“พ่อก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
อนิรุทธิ์กอดบุญทิ้งและปานเดือนอย่างปกป้อง บุญทิ้งยิ้มดีใจ กอดพ่อแม่อย่างมีความสุข
“ผมก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น”

เติมบุญมองไปที่สนามหญ้าที่บ้านเห็น ปานเดือน อนิรุทธิ์ และบุญทิ้ง อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หันมาคุยกับสายอุษาและปานฟ้า
“พอทินภัทรกลับมา ยัยเดือนก็อาการดีขึ้นทุกวันๆ”
สายอุษาพยักหน้ารับ
“ฉันว่าแล้ว เด็กบุญทิ้งมีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนแม่เดือน กับพ่ออนิรุทธิ์ แล้วมันก็ใช่จริงๆ โถ หลานยาย ไประหกระเหินซะตั้งนาน”
“ดาวต่อให้ตกลงมาบนพื้นดิน ก็ยังส่องแสงให้คนเห็น เพราะดาวก็คือดาววันยังค่ำ” ปานฟ้าพูดอย่างสบายใจ
“บ้านเราได้กลับมาปกติสุขเสียทีนะคะ”
“แล้วเราล่ะยัยฟ้า พาคุณภาคินเค้ามาบ้านบ่อยๆสิ” เติมบุญพูดแล้วหันไปทางสายอุษา “ลูกเขยบ้านนี้ ไม่ต้องรวยหรอก ขอให้เป็นคนดีก็พอ แต่ตอนนี้ คนดีเค้าก็รวยแล้วซะด้วยสิ คุณแม่ยายเค้าคงไม่รังเกียจแล้วมั้ง”
สายอุษาค้อนเติมบุญ
“แหม ฉันไม่ได้งกนะคุณ ผิดเหรอ ที่กลัวลูกสาวจะลำบาก เอาเข้าจริง ลูกรักใคร ฉันก็รักด้วยค่ะ”
ปานฟ้ายิ้มดีใจเข้าไปกอดแม่
“คุณแม่ ไม่รังเกียจคุณภาคินแล้วใช่ไหมคะ”
“คนดีที่ช่วยชีวิตคุณพ่อ ช่วยครอบครัวเราไม่รู้จักกี่ครั้ง แม่จะรังเกียจเค้าลงเหรอจ๊ะ ยัยฟ้า”
“ฟ้าดีใจที่สุดเลยค่ะ”
ปานฟ้าดีใจ กอดแม่ด้วยความรัก

ก้องภพโกรธจัด คลั่ง ทำลายข้าวของในบ้าน กระจุยกระจาย วิมลวรรณกับอานนท์ เข้ามาเห็นตกใจ กับภาพที่เห็นรีบเข้าไปห้ามก้องภพ
“ก้อง...อย่าทำแบบนี้ลูก พอเถอะ ทำของพังหมดบ้านมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ใจเย็นๆก่อน เรื่องมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ คนอย่างคุณสายอุษาเหรอ จะยกลูกสาวให้ไอ้ลูกเมียน้อย”
ก้องภพโวยวายไม่เลิก
“แม่เลิกหลอกผมสักที เลิกหลอกตัวเองด้วย ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น ว่าฟ้ากำลังจะแต่งงานกับไอ้ภาคิน”
อานนท์ส่ายหน้า
“รู้อย่างนี้แล้วแกจะยังโวยวายทำไม ผู้หญิงเค้าไม่ได้รักเรา จะยังไปรั้งไปอะไรนักหนา เลิกบ้าสักที”
“ไม่ได้ ฟ้าต้องรักผม ผมคอย ดูแล เอาใจฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างผมผิดตรงไหน ทำไมฟ้าไม่รักผม”
วิมลวรรณพูดเข้าข้างลูก
“แกไม่ผิดหรอกตาก้อง แต่มันผิดที่โลกนี้มีไอ้ภาคิน มันเกิดมาเพื่อทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของลูก เหมือนแม่ของมันที่เกิดมาเพื่อทำลายแม่”
อานนท์ปราม
“ไปกันใหญ่แล้วคุณ แทนที่จะสอนลูกให้รู้จักมองตัวเอง แล้วยอมรับความจริง นี่กลับโทษคนอื่น”
“ก็ฉันเป็นของฉันอย่างนี้ ไม่เหมือน แม่แสนประเสริฐอย่างนังลิเก ชั้นต่ำ ที่ทิ้งลูกในไส้ ไว้ให้คนอื่นเลี้ยงหรอก”
อานนท์ไม่พอใจ
“พอได้แล้ว ผมเบื่อที่จะทะเลาะกับคุณเต็มที จะทำอะไรก็ทำกันไปเถอะ”
อานนท์เดินออกจากห้องไปอย่างหัวเสีย ก้องภพยังนั่งคร่ำครวญ ถึงปานฟ้า
“ทำไม ทั้งพ่อ ทั้งฟ้า ถึงไม่รักผม พ่อไม่ยอมเข้าข้างผม ฟ้าก็ไม่เคยจะเหลียวแลผมเลย”
“ถ้าไม่มีมัน พวกเราคงไม่ต้องเป็นแบบนี้ เพราะไอ้ภาคินคนเดียว” วิภาวรรณบอกอย่างแค้นใจไม่น้อยกว่ากัน...
ก้องภพอาฆาตแค้น
“คอยดูนะ ผมจะไม่ยอมแพ้ ฟ้าจะต้องเป็นของผมให้ได้ ผมจะทำทุกอย่าง กำจัดมันให้พ้นทาง”
วิมลวรรณคิดแผนร้าย
“ดี แต่จะทำอะไร อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงหรือออกหน้านะ จะทำลาย คนอย่างมัน ต้องคิดแผนให้รอบคอบ รับรอง มันเสร็จเราแน่”

ก้องภพคิดแผนร้าย ด้วยความอาฆาตแค้น










Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 20:53:21 น.
Counter : 222 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]