All Blog
ดุจดาวดิน ตอนที่ 11 (ต่อ)


ภาคินกับปานฟ้า มาหาตุลย์ที่ห้องทำงาน

“มีการติดต่อซุ้มมือปืน ระดมคนล่าตัวบุญทิ้ง เห็นว่าคนจ้างให้ราคา ค่าหัวอย่างงาม” ตุลย์บอกอย่างหนักใจ
ภาคินกับปานฟ้าฟังงงๆ
“บุญทิ้งเป็นเด็กกำพร้านะหมวด ไม่ใช่ลูกหลานมหาเศรษฐี ทำไมจะสำคัญขนาดต้องโดนตามล่าตามฆ่า”
ปานฟ้าตกใจ
“นั่นสิคะ สายรายงานผิดรึเปล่าคะ”
“ไม่ผิดครับคุณฟ้า ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน เรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหลังอะไรสักอย่าง”
ภาคินกับปานฟ้าฟังอย่างเห็นด้วย ข้องใจเหมือนกัน

ปานฟ้าชวนภาคินไปที่บ้าน เพื่อเล่าเรื่องบุญทิ้งให้ทุกฟัง สายอุษากับเติมบุญนั้นแปลกใจ ขณะที่ปานดาวถามอย่างไม่พอใจ
“แล้วเด็กบุญทิ้ง เขาสำคัญถึงขนาดต้องจ้างคน มาฆ่ามาแกงกันเลยเหรอ ตัวนิดเดียวแค่นั้น”
เติมบุญครุ่นคิด
“หรือบุญทิ้งจะไปรู้ความลับของมาเฟียคนไหน มันถึงตามล่าเอา”
“อืม...ก็เป็นไปได้นะคะคุณพ่อ ไม่งั้นจะต้องตามล้างตามฆ่ากันทำไม” ปานฟ้าเห็นด้วย
“อีกไม่นาน หมวดตุลย์คงพอสืบได้ครับ ตอนนี้ก็กำลังตามหาตัวบุญทิ้งให้พบก่อนไอ้พวกมือปืน” ภาคินอธิบาย
“เรื่องนี้มันแปลก พ่อชักอยากรู้แล้วสิ ว่าบุญทิ้งไปทำอะไรมา”
ปานดาวหน้าซีดรีบพูดแทรก
“โอ๊ยคุณพ่อคะ จะไปอยากรู้อะไรกัน ตำรวจมั่วหรือเปล่า กะอีแค่เด็กจรจัดคนเดียวถึงจะมีคนคิดฆ่าเลยเหรอ ไร้สาระ เธอเอานิยายอะไรมาเล่าให้คุณพ่อฟัง ฮึยายฟ้า”
“ไม่ใช่นิยาย ฟ้าพูดเรื่องจริง”
ภาคินมองปานดาว
“ถ้าไม่เชื่อ สอบถามจากหมวดตุลย์ได้ครับ ผมสงสัยตั้งแต่มีคนจับตัวบุญทิ้งไปแล้ว ต้องมีเบื้องหลังอะไรสักอย่าง”
ปานฟ้าพยักหน้า
“ใช่ค่ะ แล้วทำไมบุญทิ้งถึงต้องไปเล่นลิเก ทำไมไม่กลับมาบ้านนี้ทั้งที่ ที่นี่มีคนรัก คนเอ็นดูเขาอยู่ มิหนำซ้ำพอฟ้ากับคุณภาคินไปตามตัว ยังหนีไปอีก บุญทิ้งจะต้องทำอย่างนั้นทำไม ถ้ามันไม่มีเรื่องอะไรสักอย่าง”
ปานดาวตาวาวแต่แกล้งยิ้ม
“โอ๊ย...จะไปเอาอะไรกับไอ้เด็กพรรค์นั้น” ปานดาวมองปานฟ้ากับภาคิน “กลับมาติดกันเป็นปาท่องโก๋อีกแล้วหรอ ก้องภพรู้ยังเนี่ย อย่าลืมนะยะว่าเธอมีคู่หมั้นแล้ว อ้อลืมไป คู่หมั้นหรอจะ…สู้กิ้กได้”
ปานฟ้าหน้าเสีย ภาคินเองก็เจื่อนไป สายอุษามองภาคินกันปานฟ้า แววตาไม่พอใจและเป็นกังวล
“ฟ้ารู้ตัวดีค่ะว่ากำลังทำอะไร และฟ้าก็ให้เกียรติคู่หมั้นเสมอ คงไม่รบกวนให้พี่ดาวมาสอน”
พิมรีบสอด
“ให้เกียรติกันน่าดูเชียว เห็นสบตาหวานซึ้งกันแบบนี้ ถึงปากว่ามี คู่หมั้นๆแต่ในใจไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ อย่างนี้ใช่มั้ยคะคุณดาว ที่เรียกว่ามือถือสากปากถือศีล”
ปานฟ้ามองพิมโมโห
“จะมากไปแล้วนะพิม”
พิมลอยหน้าไม่เกรงใจ
“ก็พูดไปตามที่เห็น คู่หมั้นก็มีอยู่แล้วยังไปกอดไปจูบกัน ไม่อายใครก็อายผีสางบ้างเหอะ ผู้ชายก็เหมือนกัน เห็นผู้หญิงมีตังค์ก็หวังมาเกาะกิน หน้าไม่อายบ้างหรือไง หรือทำจนชินแล้ว”
เติมบุญจ้องหน้าพิม
“หยุดพูดได้แล้วพิม จะไปไหนก็ไป”
“แกพูดตรงๆ แบบนี้ ยัยฟ้ากับนายภาคินเขาก็ทนฟังไม่ได้น่ะสิ หน้าบางกันทั้งคู่” ปานดาวแดกดัน
ปานฟ้าชักฉุน
“พี่ดาว”
ปานดาวยิ้มหยัน พิมแบะปาก แค่นยิ้ม
“ลูกผู้ดีนี่หน้าบางจริงจิ๊ง บางเป็นเมตร”
ปานฟ้าแววตาเอาเรื่อง
“ต่ำ ขอโทษฉันกับคุณภาคินเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างงั้นก็ไม่ต้องทำงานที่นี่อีก”
พิมลอยหน้าลอยตาไม่กลัว
“เออ นังพิมมันต่ำ แล้วบ้านนี้สูงกันนักนี่ ผู้ดีอาไร้ระริกระรี้ตามผู้ชายไปนู่นนี่ สงสัยหลงกลิ่นแมงดา”
ปานฟ้าตบหน้าพิมฉาด ทุกคนนิ่งอึ้ง ภาคินรู้ตัวก่อนปราดเข้าไปจับแขนปานฟ้าไว้ พิมเงยหน้ามองอย่างแสนแค้น

พิมผลุนผลันจะวิ่งไปหาธัญวิทย์
“คุณวิทย์...คุณวิทย์”
ปานดาววิ่งตามมาคว้าแขนเอาไว้
“แกจะเรียกวิทย์ทำไมนังพิม”
“ก็จะพาลูกของฉัน ไปจากไอ้บ้านเฮงซวยนี้ไง”
“ไม่...แกจะเอาตาวิทย์ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“งั้นคุณก็ต้องจัดการนังปานฟ้าให้พิม ไม่งั้นพิมไม่ยอมแน่ พิมกับลูกจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย แต่ถ้าคุณไม่ให้ไป พิมจะแฉความจริงทั้งหมดให้ทุกคนรู้…ว่าธัญวิทย์เป็นลูกใคร อย่าคิดว่าฉันจะทำไม่ได้”
พิมพูดอย่างเป็นต่อนัยน์ตาสะใจ ปานดาวนิ่งอึ้งแววตาหวาดหวั่น

ภาคินอึดอัด ขยับตัวจะลากลับ ปานฟ้ามองภาคินสายตาขอโทษ
“งั้น...ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
ภาคินยกมือไหว้แต่สายอุษาทำเมินไม่รับ เติมบุญรับไหว้ยิ้มให้กำลังใจ ปานฟ้าขยับตัวลุกจะไปส่ง
“เดี๋ยวฟ้าไปส่งที่หน้าบ้านนะคะ”
ปานดาวเดินเข้ามาพร้อมพิม
“แกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นยัยฟ้า จนกว่าจะขอโทษที่แกตบพิมเมื่อกี๊”
ปานฟ้าทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ มองไปที่พิม พิมยิ้มเยาะวางท่าเชิดใส่ สายอุษามองหน้าลูกสาวอย่างอึ้งๆ
“อะไรกันยัยดาว”
เติมบุญไม่พอใจ
“พ่อไม่เห็นด้วย ทำไมฟ้าต้องขอโทษในเมื่อพิมเป็นคนที่ดูถูกฟ้ากับคุณภาคินเขาก่อน”
พิมมองอาฆาต
“ได้ หนูมันปากไม่ดี หนูมันเป็นแค่คนจนให้คนอื่นตบตีได้อย่างเดียว ไม่มีปากเสียงเรียกร้องอะไร งั้นหนูลาออก”
ปานฟ้าจ้องหน้า
“คิดได้ก็ดี งั้นเธอก็เก็บกระเป๋าได้เลย”
พิมมองแค้น แต่เห็นธัญวิทย์ก็นึกแผนเดิมได้
“งั้นก็ถามคุณวิทย์ก่อน ว่าให้พิมไปได้หรือเปล่า”
ทุกคนหันไปมองธัญวิทย์ที่วิ่งเข้ามากอดเอวพิม รั้งเอาไว้ พิมยิ้มเป็นต่ออย่างคนชนะ
“เห็นแล้วใช่มั้ยล่ะ”
เติมบุญกับสายอุษามองอึ้ง แต่ปานดาวมองเศร้าๆปนโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้ เติมบุญหันไปเรียกหลาน
“วิทย์ มาหาตามาลูก ปล่อยพิมเขา”
ธัญวิทย์ไม่ยอม
“ไม่เอา วิทย์ไม่ให้พิมไป” ธัญวิทย์เกาะแขนแน่นหลบด้านหลัง “พิม อย่าไปไหนนะ”
เติมบุญถอนใจหันไปพูดกับปานดาว
“นี่เราเลี้ยงลูกยังไง ให้มันติดพี่เลี้ยงมากกว่าแม่แท้ๆกัน”
ปานดาวหน้า เสียแต่พยายามนิ่ง
“คุณพ่ออย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยค่ะ ยัยฟ้า แกก็รีบขอโทษนังพิมมันซะจะได้จบเรื่อง”
ปานฟ้าสบตาปานดาว ภาคินแอบแตะบ่าให้กำลังใจ ปานฟ้าเชิดหน้าขึ้นพูดเสียงเด็ดขาด
“ไม่ค่ะ ฟ้าไม่ผิด”

พิมเก็บเสื้อผ้ายัดๆใส่กระเป๋า ธัญวิทย์เข้ามายืนดูมองเศร้าๆ พิมเก็บของเสร็จลุกยืนถือกระเป๋า
“ไม่ไปไม่ได้เหรอพิม ไม่เอานะ อยู่ด้วยกันนะ”
พิมมองแล้วจับมือไว้
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณวิทย์ โดนตบขนาดนี้พิมอยู่ไม่ได้แล้ว”
พิมจะเดินออกแต่ถูกดึงชายเสื้อไว้
“ไม่เอา พิมจะทิ้งกันใช่มั้ย ไม่ยอมนะ ถ้าพิมจะไป วิทย์ไปด้วย”
พิมทิ้งกระเป๋าหันมาเอาธัญวิทย์กอดแนบอก ลูบหัวอย่างดีใจ
“คุณวิทย์...วิทย์ ลูกรักของแม่ สมแล้วที่เราเป็นแม่ลูกกัน”
พิมกอดธัญวิทย์ดีใจ
“แม่ที่ไหน พี่เลี้ยงต่างหาก อย่ามั่ว”
“ค่ะ ค่ะ พิมน่ะ...เป็นทุกอย่างของคุณวิทย์ แล้วถ้าไม่มีพิมเมื่อไหร่ คุณปานดาวตีคุณตายแน่ จำได้มั้ยเวลาโกรธขึ้นมา เขาตีคุณขนาดไหน”
ธัญวิทย์พยักหน้า
“เพราะงั้น เราต้องอยู่ด้วยกัน พิมต้องอยู่คุ้มครองคุณวิทย์ จำไว้"
ธัญวิทย์พยักหน้า พิมยิ้มพอใจ

พิมจูงมือธัญวิทย์ อีกมือก็หิ้วกระเป๋าแฮนแบ็ค เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ปานดาวตกใจปรี่ไปหาธัญวิทย์
“ตาวิทย์ มากับแม่นี่”
“ไม่เอา วิทย์จะไปกับพิม วิทย์จะไป”
“เอ๊ะ อย่ามาดื้อนะ เดี๋ยวโดนเลย เอามั้ย”
ปานดาวยกมือทำท่าจะตี ธัญวิทย์ หลบหลังพิม
“ไม่เอา คุณแม่ไม่รักวิทย์ ตียันเลย มีแต่พิมคนเดียวที่รักวิทย์”
ปานดาวดึงไว้แต่ธัญวิทย์ยิ่งงอแง สะบัดหลุดวิ่งไป พิมรับมากอดไว้อย่างเป็นต่อ ปานดาวหันไปเล่นงานปานฟ้าแทน
“เป็นเพราะแกยัยฟ้า ไปตบตีทำร้ายมัน ถ้านังพิมคิดจะฟ้องแกเอาผิดกันทางกฎหมายก็ทำได้”
ปานฟ้านิ่งอึ้ง พิมยิ้มสะใจปานฟ้าเลยยิ่งโมโห
“ฟ้าก็ฟ้องได้ว่าพิมหมิ่นประมาท”
สายอุษาเบื่อหน่าย
“พอเถอะ จะเถียงอะไรกันให้ใหญ่โต ยัยฟ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษสักหน่อย ยัยดาวเองก็อย่าไปเข้าข้างคนอื่นสิ”
พิมไม่พอใจ
“จะให้ฉันโดนตบฟรีใช่มั้ย ใช่สิ ฉันมันก็แค่คนยากจนไม่มีการศึกษา ถึงได้ถูกคนรวยๆรังแก ไม่มีใครเห็นหัว แต่ถึงฉันจะจน แต่ฉันก็เป็นคน แล้วฉันไม่ยอมแน่ถ้าผู้ดีอย่างพวกคุณไม่ขอโทษ”
ปานฟ้าชะงักเถียงกลับ
“เรื่องทั้งหมดเพราะเธอปากไม่ดี เป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์เรื่องของนายจ้าง”
“ก็นายจ้างอยากทำตัวแร่ดนักนี่ ขี้ข้าอย่างฉันถึงต้องสอนให้ไง”
เติมบุญกับสายอุษาอึ้งไป ปานฟ้าโมโห
”มันจะเกินไปแล้วนะ”
สายอุษาไม่พอใจ
“ทะลึ่งมากไปแล้ว ว่าคุณฟ้าแบบนี้ได้ไง”
เติมบุญ โกรธ
“ถ้าเธอกล้าว่าเจ้านายขนาดนี้ ออกไปเถอะ ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว”
พิมยิ้มหยัน บอกอย่างอวดดี
“ถามคุณวิทย์รึยังคะ ว่ายอมให้พิมไปรึเปล่า”
ธัญวิทย์ไม่ยอม
“ไม่ให้ไป ถ้าพิมไป วิทย์ไปด้วย”
สายอุษากับเติมบุญส่ายหัว ภาคินสบตาปานฟ้าแอบบีบมือกันเบาๆ
“ผมขอยืนยันครับ ว่าเราคบหากันอย่างบริสุทธิ์ใจ และผมไม่เคยคิดจะทำให้คุณฟ้าเสียหาย”
ปานดาวแค่นหัวเราะ
“ใครจะไปเชื่อ หน้าอย่างแกมีอะไรมายืนยันได้ ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย เฮอะ ริอ่านจะกินเนื้อหงส์ระวังจะติดคอตาย”
พิมมองเหยียด
“ฉันพูดตามที่เห็น ไม่มีมูลหมาไม่ขี้หรอก”
เติมบุญตวาด
“หุบปากไปเลยพิม อย่าปากเสียให้มากนัก เดี๋ยวได้โดนอีกที”
ปานดาวรีบเข้าข้างพิม
“คุณพ่อก็เอาแต่เข้าข้างยัยฟ้า ได้ดูกันหรือเปล่าว่าลูกสาวคนดีของคุณพ่อมันเหลวแหลกแค่ไหน เอาสิยัยฟ้า รีบๆขอโทษเรื่องจะได้จบซะที เพราะแกคนเดียวบ้านเราถึงได้วุ่นวายขนาดนี้”
เติมบุญไม่พอใจ
“ถ้าน้องต้องขอโทษ พิมเองก็ต้องขอโทษฟ้าด้วยที่ปากเสียใส่เจ้านาย”
“คุณพ่อก็แบบนี้ทั้งปี เข้าข้างฟ้าทุกเรื่อง ไม่เคยฟังดาวเลย”
“โอย...อะไรกันนักหนา”
ปานฟ้านิ่งอยู่โพล่งขึ้นมา
“พอเถอะค่ะ หยุดได้แล้ว ถ้าอยากให้ฟ้าขอโทษ...ฟ้าก็ขอโทษก็ได้ แค่นี้พอใจแล้วใช่มั้ย”
ปานฟ้าสาวใช้อย่างเจ็บแค้น...พิมยิ้มเยาะเย้ยอย่างสะใจ ปานฟ้าสะกดอารมณ์ไม่ตอบโต้ ภาคินลอบมองปานฟ้าอย่างเห็นใจ เติมบุญมองหน้าพิม
“เอ้า เจ้านายเค้าขอโทษก่อนทั้งที่ไม่ควร เธอล่ะพิม ขอโทษเขาเสียสิที่เธอพูดไม่ดี จะได้จบทั้งสองฝ่าย”
พิมมองเติมบุญสลับกับปานดาว
“พิมไม่...”
เติมบุญพูดแทรก
“ไม่อะไร ต่อให้ไม่ใช่เจ้านายกับคนใช้ แต่การที่เราว่าร้ายใครโดยไม่รู้ความจริงชัดเจนก็ทำให้เขาเสียหาย และถ้าเธอไม่ยอมขอโทษ บางทีฉันก็คงต้องคิดเรื่องหาพี่เลี้ยงคนใหม่แล้ว ก้าวร้าวแบบนี้ ไม่สมควรจะเลี้ยงหลานฉัน แล้วก็ไม่ต้องมีใครสอดมาถือหางด้วยล่ะ”
เติมบุญมอง ปานดาวที่จะอ้าปากเถียงแทน ปานดาวเลยหุบปาก พิมมองเติมบุญอย่างแค้นใจ จำใจพูดออกมาอย่างกระชากๆ
“ขอโทษ”
เติมบุญเอ็ดเสียงเบาแต่เด็ดขาด
“ขอโทษแบบนี้ไม่เอา”
พิมเค้นไรฟันพูด ยกมือไหว้
“ขอโทษ...ค่ะ”
พิมเอามือลง สองมือกำแน่นมองปานฟ้ากับเติมบุญราวกับจะฆ่าให้ตาย พึมพำบอกกับตัวเอง
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้แก่”

ภาคินกับปานฟ้าเดินมาในสวนแล้วหยุดยืน ชายหนุ่มจับหญิงสาวขึ้นมากุมเบาๆแล้วก้มมองสายตาเศร้า
“คุณไม่เป็นไรนะ”
ปานฟ้าฝืนยิ้ม
“ค่ะ...เรื่องแค่นี้...ฟ้าไม่เก็บมาคิดให้ปวดหัวหรอก”
“ดีแล้วครับ ผมเชื่อว่าคุณเข้มแข็ง...ขอโทษนะครับที่ทำให้วุ่นวาย...ครอบครัวของคุณคงไม่พอใจเท่าไหร่ที่คุณยังคบกับคนอย่างผม”
ปานฟ้ายิ้ม ส่ายหน้าเบาๆ
“ใครคิดยังไง ไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของฟ้าหรอกค่ะ”
ทั้งสองจ้องตากันสบสายตาซึ้งๆ ภาคินกุมมือปานฟ้า เธอเงยขึ้นมองเขาน้ำตาค่อยๆไหลออกมา
“แล้วอย่างนี้ฟ้าจะทำใจ...แต่งงานกับก้องภพได้ยังไง”
ภาคินนิ่งเงียบไปยกมืออีกข้างเช็ดน้ำตาให้เธออย่างขมขื่น สายอุษาโผล่มาจากมุมสวนมอง เห็นก็ชะงัก มองอย่างกังวล นึกรู้ว่าทั้งสองรักกันแน่ๆ

ปานฟ้ากำลังจะเดินไปส่งภาคิน ปานดาวโผล่มาดักหน้าไว้
“พี่ดาวมีอะไรคะ”
“เปล๊า ฉันก็แค่มาดูเฉยๆ กลัวใครทำอะไรประเจิดประเจ้อในบ้าน เหมือนที่นังพิมมันพูดไว้”
“ฟ้ารู้ค่ะ ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ไม่ต้องให้ใครมาคอยจับผิด พี่ดาวเองเถอะ ทำไมถึงเข้าข้างพิมจังค่ะ พิมเป็นคนใช้ทำไมพี่ดาวต้องทำเหมือนกลัวเขาขนาดนั้น”
“ใคร...ใครกลัว แกอย่ามาหาเรื่องฉันนะ”
“ฟ้าต้องถามพี่ดาวมากกว่าว่า กลัวพิมเรื่องอะไร”
ปานฟ้าจ้องเหมือนจะหาความนัย ปานดาวหลบตาวูบนิ่งอึ้งไป นึกย้อนไปถึงเรื่องที่ภูวดลตบแล้วตะคอกใส่เธอเสียงเหี้ยม
‘อย่ามาลำเลิก...ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ผัวคนนี้ เพราะไอ้พิม แกก็โดนคนบ้านนี้เหยียบติดดินแล้ว พวกฉันต่างหากที่คุ้มกะลาหัวแก อย่าปากเสียมากนัก’
ปานดาวหวาดกลัว แล้วรวบรวมสติ ทำหน้าบึ้ง เชิดใส่ เถียงกลับ
“ทำไมฉันต้องกลัวนังพิม แกต่างหากยัยฟ้า ทำตัวตกต่ำไม่มียางอายให้คนใช้อย่างนังพิมดูถูกได้ ยังมีหน้ามาโวยอีก เสียแรงเป็นลูกรัก ดันทำตัวไม่ไว้หน้าพ่อแม่ ฉันล่ะอายแทน”
ปานฟ้าได้ยินก็น้ำตาคลอ ปานดาวยิ้มสะใจปนโล่งที่ปัดเรื่องออกไปได้ ภาคินส่งสายตาหาปานฟ้า
“ก่อนจะว่าใครหัดดูตัวเองซะบ้าง คู่หมั้นก็มีเป็นตัวเป็นตนยังไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่น”
“ผมบอกหลายครั้งแล้วนะครับ ว่าไม่ใช่อย่างนั้น คุณเข้าใจคุณฟ้าผิด เราสองคนไปตามหาบุญทิ้งต่างหาก”
ปานดาวอ้าปากจะว่าภาคิน แต่เห็นสายอุษากับเติมบุญเดินมา เลยแกล้งว่าปานฟ้าเสียงดัง
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทน เธอทำตัวน่าอายอย่างนี้ แล้วจะปกครองลูกน้องได้ยังไง ขืนพนักงานที่บริษัทรู้เข้า คงได้นินทากันสนุกปาก ดีไม่ดี ได้เป็นข่าวซุบซิบตามอินเทอร์เนท คุณพ่อคุณแม่คงไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว ฉันว่าเธอไม่เหมาะที่จะดูแลศูนย์การค้าแล้วอย่าให้พวกเราต้องตกต่ำไปกว่านี้เพราะเธอเลย”
สายอุษามองตำหนิปานฟ้า เติมบุญเม้มปากแน่นสายตากังวล ภาคินไม่พอใจ
“คุณดาวเลิกว่าคุณฟ้าเสียทีเถอะครับ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดที่พวกคุณคิดไปเองแท้ๆ คุณกำลังทำร้ายน้องสาวตัวเอง ผมขอร้องพอสักที”
ปานดาวหัวเราะเยาะ
“กล้าพูดนะว่าเข้าใจผิด สาบานมั้ยล่ะว่าแกกับยัยฟ้าไม่ได้ชอบกัน กล้ามั้ย”
ปานฟ้ากับภาคินอึ้ง พูดไม่ออก ปานดาวแค่นยิ้มหยัน
“อย่าคิดว่าคนอื่นเขาโง่ ดูไม่ออก คนอย่างแกดีแต่คิดเกาะผู้หญิงรวยสนใจเงินของน้องสาวฉันล่ะสิ ออกไปจากบ้านนี้ดีกว่า ที่นี่...ไม่ต้อนรับ”
ปานดาวมองภาคินอย่างเหยียดหยาม แววตาร้ายกาจ

ภาคินเดินเข้าในบ้านเห็นก้องภพนั่งหน้าเครียด ดูรูปภาคินกับปานฟ้าในโทรศัพท์มือถือ ก้องภพเห็นภาคินก็ลุกขึ้นปรี่มาหา
“แหกตาดูซะ ปานดาวพึ่งส่งมาให้ ทำไมยังไปยุ่งกับคู่หมั้นชั้นอีก อีกไม่กี่วันฟ้าก็จะเป็นเมียฉันแล้ว ยังไปวอแวทำไม หรือเป็นอย่างเขาว่า แกคิดเกาะผู้หญิงกิน ไอ้แมงดา...ไอ้ลูกไม่มีแม่”
ก้องภพชกหน้า ภาคินมองหน้าแล้วชกกลับจนก้องภพล้มคว่ำ
“ไอ้...ไอ้...”
“ผมไม่ใช่แมงดา แล้วผมกับคุณฟ้าก็ไม่เคยทำผิดกับใคร อย่าเอาความคิดต่ำๆของคุณมาทำให้เขาเสียหาย”
ภาคินมองเอาจริง ก้องภพอึ้ง วิมลวรรณเห็นเข้า ก็วิ่งออกมา กรี๊ดเสียงดัง
“แก...ไอ้ภาคิน ไอ้เลว กล้าชกลูกฉันเหรอ ไอ้เนรคุณ”
วิมลวรรณเงื้อมือจะตบ แต่ภาคินจับมือที่เงื้อไว้ จ้องหน้าเขม็งไม่ยอมให้
“ปล่อย ไอ้ภาคิน แกถือดียังไงถึงกล้ามาทำฉันแบบนี้ ไอ้ลูกนังลิเกชั้นต่ำ ปล่อยนะ อย่าเอามือต่ำๆของแกมาโดนชั้น”
ภาคินบีบมือจนวิมลวรรณนิ่วหน้า
“ถ้าคุณว่าแม่ผมอีกคำเดียวผมไม่ยอมแน่ ผมยอมพวกคุณมามากอดทนมามาก แต่ความอดทนผมมันมีจำกัด อย่านึกว่าพวกคุณจะทำผมได้ฝ่ายเดียว”
วิมลวรรณอึ้งไป แต่ยังไม่ยอมแพ้
“อ๋อเหรอ ทำไมฉันจะว่าแม่แกไม่ได้ แกกับแม่ก็เหมือนกัน คิดเกาะคนรวย ๆ แม่เป็นยังไงลูกเป็นอย่างงั้น เชื้อไม่ทิ้งแถว…โอ๊ย”
ภาคินกำแขนวิมลวรรณแน่น จนเธอหน้าซีดด้วยความกลัว เขาหันไปมองหน้าน้องชายที่ยืนเก้ๆกังๆ แล้วสะบัดผลักวิมลวรรณเข้าไปใส่ วิมลวรรณเซไปหยุดที่ก้องภพ หน้าตาหวาดกลัว
“ใครกันแน่ที่คิดจะเกาะคุณฟ้า หวังจะฮุบสมบัติยัดเยียดให้หมั้นทั้งๆที่ไม่ได้รัก พวกคุณน่ะทำตัวเป็นผู้ดี แต่ก็มีแค่เปลือกนอกกลวงๆ ลูกชายเป็นอันธพาล ดีแต่ลอบกัดคนอื่น ไม่กล้าสู้ซึ่งหน้า แม่ก็ให้ท้ายตามใจกันจนเสียคน ผมถามหน่อย ใครกันแน่ที่คิดจะหลอกคุณฟ้า ใครกันแน่ที่เห็นแก่เงินจนหน้ามืด ทำได้ทุกอย่าง”
“แก...แกกล้าด่าฉันเหรอวะ”
“ผมพูดเรื่องจริงต่างหาก เรื่องจริงที่พวกคุณทำ”
ภาคินเดินเข้าไปในตัวบ้านกำลังจะขึ้นบันได วิมลวรรณปรี่เข้ามาหาแล้วดึงแขนไว้ เขาหันมองแล้วสะบัดมือออก
“แกจะหนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แกต้องมากราบขอโทษฉันกับตาก้องเดี๋ยวนี้”
ภาคินมอง ส่ายหัวเบาๆ
“ไม่...ผมไม่ได้ทำผิด”
วิมลวรรณกรี๊ด ชี้หน้า
“ได้...ถ้าแกไม่ขอโทษ อย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างมีความสุข ฉันจะจองล้างจองผลาญแกไปตลอดชีวิต”
ภาคินแค่นหัวเราะ
“เหมือนที่คุณเอาไอ้เกย์ฝรั่ง กับเด็กผู้หญิงนั่นมาใส่ร้ายเล่นงานผมกับมูลนิธิผม ใช่มั้ยครับ คุณวิมลวรรณ”
วิมลวรรณเชิดหน้ายิ้มเยาะ
“ใช่ แล้วแกจะทำไม บอกไว้ก่อนว่าครั้งหน้าฉันจะเล่นแกไม่ให้รอดแน่”
ภาคินมองนิ่ง
“ที่จริงก่อนหน้านี้ ผมก็ไม่แน่ใจแต่คุณสารภาพมาก็ดี ผมจะได้ระวังตัว ขอบคุณครับ”
วิมลวรรณอึ้ง เสียหน้าที่เสียรู้
“นี่แกหลอกให้ฉันยอมรับใช่มั้ย แกมันร้ายเหมือนแม่ไม่มีผิด ไอ้ลูกเจ้าเล่ห์ ลูกผีลูกมาร”
ภาคินมองแม่เลี้ยงอย่างสมเพช
“พูดผิดแล้ว ผมเป็นเด็กที่เกิดมาจากความรักของพ่อกับแม่ พ่อยังรักแม่ผมจนถึงทุกวันนี้ และจะรักตลอดไปโดยที่ไม่มีใครมาทำลายมันได้ แม้แต่คุณ...”
วิมลวรรณอึ้ง เจ็บใจจนพูดไม่ออก ภาคินเดินหนีขึ้นไปสวนกับอานนท์ที่เดินลงมา วิมลวรรณจ้องหน้าสามี อานนท์มองกลับด้วยสายตาว่างเปล่า
“พูดสิ อยากด่า อยากว่าอะไร บอกมาเลย แต่อย่าทำเย็นชาแบบนี้ ได้มั้ย”

อานนท์สบตาเย็นชา แล้วเดินจากไป ไม่ยอมพูดด้วย วิมลวรรณกรี๊ดอย่างคั่งแค้นและเจ็บใจ
สายอุษาเดินเข้ามาหาปานฟ้าที่ห้อง ทำหน้าตึงใส่ด้วยความไม่พอใจ

“ทำไมนายภาคินถึงมาวุ่นวายด้วยอีก แม่ไม่ชอบเลยนะ”
“เราเป็นเพื่อนกันนะคะคุณแม่คุณภาคินเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ฟ้าคบแล้วสบายใจ”
“เพื่อนประเภทไหน ถึงจับมือถือแขน แทบจะกอดกันในสวน อย่านึกว่าแม่ไม่เห็นนะ ฟ้าอย่าคิดมาหลอกแม่เลย”
ปานฟ้านิ่งอึ้งมองสบตา สายอุษามีแววไม่พอใจ ปานฟ้าก้มหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นพูดอีกที
“ฟ้า...รักคุณภาคินค่ะแม่”
สายอุษาตกใจ
“แล้วตาก้องล่ะฟ้า”
ปานฟ้านิ่งคิดแล้วพูดตัดใจ
“ฟ้าไม่เคยรักคุณก้อง ไม่มีวันรักได้ด้วย ฟ้าจะไม่แต่งงานกับเขาแล้วคะ”
สายอุษานิ่งอึ้ง ตกใจจนหน้าเสีย

บุญทิ้งเปิดประตูเข้ามาในห้องผู้ป่วยที่โรงพยาบาล เห็นปานเดือนกำลังหลับอยู่ กัญญาเดินตามเข้ามาปิดประตูให้ บุญทิ้งค่อยๆ เดินกล้าๆ กลัวๆ เข้าไปแตะที่ขอบเตียง มองหน้าปานเดือนที่หลับอยู่ด้วยความรัก น้ำตาค่อยๆ ไหลพูดเบาๆ
“แม่...แม่จ๋า”
บุญทิ้งกอดปานเดือนร้องไห้สะอึกสะอื้น ปานเดือนไม่ได้ตื่นแต่น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว กัญญาที่มองอยู่น้ำตาซึมต้องแอบปาดน้ำตา
ขณะเดียวกันด้านนอก...อนิรุทธิ์เดินมากับภาคิน ตรงไปที่ห้องปานเดือน
“ผมรู้มาจากคุณพ่อเรื่องบุญทิ้ง โชคดีนะครับที่ไม่เป็นอะไร”
“บุญทิ้งเป็นเด็กดีไม่มีใครทำอะไรแกได้หรอกครับ แต่ผมยังอดเสียดายไม่ได้ที่ไปไม่ทันเจอบุญทิ้งที่คณะลิเกนั่น”
“นั่นสิ ถ้าคุณภาคินพาตัวกลับมาได้...คงดี เดือนคงจะดีใจมาก”
อนิรุทธิ์กับภาคินเดินห่างออกไป ภูวดลที่แอบอยู่ยื่นหน้าออกมาจากด้านข้าง แววตาร้ายกาจ
อนิรุทธิ์เปิดประตูเข้าไปในห้อง ปานเดือนนั่งบนเตียง มองหาบุญทิ้งไปรอบตัว
“ตื่นแล้วเหรอคุณ...คุณภาคินมาเยี่ยมจ้ะ”
“ลูก...เมื่อกี้เดือนฝันว่าลูกมาหา มากอดเดือนแล้วร้องไห้ ลูกจ๋า หนูไปไหนแล้ว...ทินภัทร”
“แค่ฝันไปน่ะ”
“ไม่ได้ฝัน ลูกมาหาเดือน...จริงๆ นะคะ”
อนิรุทธิ์กอดภรรยาพยักหน้ารับอย่างเอาใจ ภาคินฟังอย่างสงสัย ว่าบุญทิ้งจะมาหาจริงๆ ภูวดลที่แอบฟังอยู่หน้าเหี้ยม นึกรู้ทันทีว่าบุญทิ้งกลับมาหาแม่

บุญทิ้งกับกัญญา เดินเข่ามายังสถานีตำรวจ มองหันรีหันขวางก่อนจะเข้าไปหาตำรวจที่นั่งประจำอยู่
“เอ่อ ฉันมาขอพบหมวดตุลย์ค่ะ”
“หมวดตุลย์ไปข้างนอกครับ ไม่ได้บอกไว้ว่าไปไหน มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีค่ะ ขอบคุณมาก”
กัญญาพาบุญทิ้งเดินออกมา
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกัน ตอนนี้เราต้องไปหาที่พักกันก่อนพรุ่งนี้หมวดเขาคงกลับมาแล้ว”
“ครับแม่ครู ถ้าเราเล่าเรื่องให้ฟัง หมวดคงช่วยเราได้”
กัญญาลูบหัวเอ็นดู
“แล้วเราจะไม่ลองไปหาภาคินกันเหรอ เขาคงเป็นห่วง”
“ถ้ากลับไป พี่ภาคินจะเดือดร้อนเพราะผม เราอย่าเพิ่งไปเลยนะครับแม่ครู”
กัญญาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ทั้งสองคนเดินออกจากโรงพักผ่านหน้าชายคนหนึ่งที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ชายคนนั้นลดหนังสือลง เห็นบุญทิ้งแล้วชะงักลุกลี้ลุกลน หยิบรูปบุญทิ้งมาเทียบดู กัญญากับบุญทิ้งเดินห่างออกไป ชายคนนั้นมองตามมีรอยยิ้มมาดหมายอย่างประสงค์ร้าย

ปานฟ้าอ่านเอกสารของบริษัท แล้วเงยหน้ามองเติมบุญอย่างตกใจ
“หมายความว่าไงคะคุณพ่อ ทำไมทางบริษัทถึงออกจดหมายเวียนว่าฟ้าจะหยุดพักงานชั่วคราว”
เติมบุญนิ่ง สายอุษาบอกหน้าเฉย
“แม่เห็นว่าพักนี้ ฟ้าวุ่นวายหลายเรื่อง หยุดทำงานสักพักดีกว่า จะได้มีเวลาตั้งหลัก คิดว่าควรทำยังไงต่อไป”
“แล้วงานของศูนย์การค้าล่ะคะ”
ปานดาวลอยหน้าลอยตาพูด
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันดูแลเอง”
ปานฟ้าฟังอย่างไม่อยากเชื่อ มองหน้าเติมบุญ ที่ถอนใจอย่างเซ็งเหมือนกัน แต่ไม่มีทางเลือก
“แม่เขาทำเพราะหวังดีกับลูก”
“แม่อยากให้ฟ้ามีเวลาคิด จะได้ไม่หลงเพ้อเจ้อไปกับ...”
ปานดาวรีบพูดแทรกทันที
“ไอ้คนกระจอกๆ อย่างนายภาคิน”
ปานฟ้าอึ้ง พยายามตั้งสติ
“แม่จะให้ฟ้าวางมือไปเฉยๆ ได้ไงคะ งานทางนี้กำลังยุ่งจะตาย พี่ดาวก็ไม่เคยทำ แล้ว...”
“ฉันไม่ได้โง่นะยะ ไม่ต้องมาห่วงแทน มีปัญญาทำละกัน อย่านึกว่าตัวเก่งคนเดียว”
เติมบุญหันไปหาอนิรุทธิ์
“รุทธิ์ช่วยดาวด้วยแล้วกัน”
อนิรุทธิ์นิ่งคิด
“ผมคงช่วยไม่ได้มากนะครับ ตอนนี้อาการคุณเดือนก็ไม่ดีเลย ตั้งแต่บุญทิ้งหายไป ก็เครียดหนักกว่าเดิม ผมต้องไปดูคุณเดือนมากขึ้น”
ปานดาวพอใจ
“ไปเลย ไม่ต้องมายุ่งกับดาวเลย ถ้าทุกคนกลัวว่าดาวจะดูศูนย์การค้าคนเดียวไม่ได้ ก็ให้ภูมาช่วยดาวละกัน ดีมั้ยคะพ่อ”
เติมบุญอึ้งไป แล้วบอกเรียบๆ
“ก็ลองดู”
ภูวดลยิ้มกริ่มพอใจ ปานดาวยิ้มดีใจ ท่าทางเอาใจภูวดลมาก ปานฟ้าได้แต่สุดจะเซ็ง

ภาคินกับปานฟ้านั่งที่ม้านั่ง เข้าเอื้อมมือไปจับมือเธอเบาๆอย่างให้กำลังใจ ปานฟ้าเอนหัวซบบ่าเขา
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณแม่ของคุณไม่พอใจ แล้วก็ขอโทษที่ทำให้คุณต้องวางมือจากงานที่คุณรัก ผม...เสียใจจริงๆ แต่อีกสักพักครอบครัวของคุณก็จะรู้ ว่างานบริหารศูนย์การค้า เหมาะกับคุณมากกว่า ใครๆ”
ปานฟ้าฝืนยิ้มนิดๆ
“หวังว่าจะเป็นอย่างงั้นค่ะ แต่ตกงานอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ฟ้าทำงานหนักมาตลอดตั้งแต่เรียนจบ ก็ถือซะว่าโชคดี ใช้โอกาสนี้พักผ่อนยาวให้หายเหนื่อยสักที”
ภาคินจูบเบาๆที่กลางกระหม่อม มองหญิงสาวอย่างทะนุถนอมแววตารักใคร่อย่างเปิดเผย
“ผมก็ว่าง คุณปานดาวสั่งให้คนโทรมาบอก ว่าผมไม่ต้องไปเป็นกรรมการตัดสินรายการยุวทูตน้อยแล้ว”
ปานฟ้าโกรธแทน
“เอ๊ะ...พี่ดาวทำอย่างนี้ได้ไง ก็ตกลง วางตัวกันเรียบร้อยแล้ว คุณก็เป็นกรรมการรอบแรกไปแล้ว จะมายกเลิกง่ายๆได้ยังไง อย่างนี้งานก็เสียหมดสิ เดี๋ยวฟ้าจะโทรหาพี่ดาว”
ปานฟ้าทำท่าหยิบโทรศัพท์แต่เขาจับมือไว้ส่งสายตาปราม เธออ่อนลงยอมเก็บโทรศัพท์ไป
“ว่างอย่างงี้ก็ดีครับ ผมอยากอยู่กับคุณมากกว่าอะไรทั้งนั้น”
ปานฟ้าสบตามองภาคินอย่างดีใจ ยิ้มหวาน ชายหนุ่มแตะแก้มหญิงสาวสบตาลึกซึ้ง

บริเวณห้องแถวมีคนเดินไปเดินมาขวักไขว่ บุญทิ้งกับกัญญาเดินมาหยุดยืนหน้าห้องเช่า มีผู้ชายสองคนโผล่มาดักหน้า กัญญาดึงบุญทิ้งไว้ข้างหลัง ทำถามเสียงแข็ง
“พวกคุณมายืนขวางเราทำไม”
ชายสองคนผลักกัญญาจนเซ ยืนมองหน้าบุญทิ้ง
“หลบไปป้า ว่าไงไอ้หนู ไปด้วยกันซะดีๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”
บุญทิ้งรู้ตัวรีบวิ่งหนีออกไป ชายสองคนขยับจะตามแต่กัญญาเข้ามาขวางไว้
“หนีไปบุญทิ้ง ไม่ต้องเป็นห่วง วิ่งไปสิ วิ่งไปเร็วๆ”
บุญทิ้งหันมามองแล้ววิ่งต่อ ผู้ชายสองคนสะบัดจะวิ่งตามแต่กัญญารั้งเอาไว้ ผู้ชายคนหนึ่งผลักกัญญากระเด็นล้มลงกับพื้น
“โอ๊ย”
“นังนี่เกะกะจริงโว้ย”
ชายสองคนวิ่งตามบุญทิ้งไป กัญญาทำท่าลุกตามแต่เจ็บจนล้มไปอีก เธอค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่งมองไปทางที่บุญทิ้งวิ่งหนีไป อย่างเป็นห่วง

ชายสองคนวิ่งตามมาเข้าไปในซอกตึก ที่มีลังผักถังน้ำมันถังขยะกองอยู่ มองซ้ายขวาอย่างหัวเสีย
“หายไปไหนแล้ววะ ไวชิบ”
“สงสัยวิ่งไปอีกซอยแล้วมั่งพี่ ลองไปดูเหอะ”
สองคนวิ่งจากไป บุญทิ้งโผล่ออกมาจากถังโล่งใจ แต่ก็เปลี่ยนเป็นกังวลแทน เด็กชายปีนออกมายืนลังเลมองไปทางเก่าแล้วก็มองไปอีกทาง มองเหมือนตัดใจแล้วเดินไปอีกทาง ขณะเดียวกันนั้นเสียงกัญญาดังขึ้น
“บุญทิ้ง...บุญทิ้ง อยู่ไหนลูก”
บุญทิ้งได้ยินเสียงกัญญาก็ทำหน้าเศร้า กัญญาเดินเขยก มองหา บุญทิ้งกัดฟัดน้ำตาคลอ ตัดสินใจวิ่งหนีออกไปไม่อยากให้กัญญาต้องมามีอันตราย
“บุญทิ้ง โธ่...บุญทิ้ง”
กัญญาน้ำตาคลอ มองไปตรงทางแยก นึกรู้ว่าบุญทิ้งหนีจากไปแล้ว

ค่ำนั้น...ปานฟ้าเดินเข้ามาในบ้านสบายใจขึ้น ก้องภพโผล่มาจากด้านข้างกระชากแขนไว้
“ปล่อยนะ”
“ไปอยู่กับไอ้ภาคินมา มีความสุขมากมั้ย เห็นผมเป็นตัวอะไร วิ่งแร่ไปกับผู้ชายคนอื่นได้ทุกวัน อย่านึกว่าผมโง่นะฟ้า ผมยอมคุณมามากแล้ว คุณจะทำอะไรผมก็แกล้งมองไม่เห็น แต่คุณทำแบบนี้มันหักหน้ากันชัดๆ ถ้าเป็นคนอื่น ไม่ใช่มัน ผมจะไม่โกรธเท่านี้เลย ทำไมต้องเป็นมัน ทำไมต้องเป็นไอ้ภาคิน...ตอบผมมาสิฟ้าทำไม”
ปานฟ้ากระชากแขนตัวเองออก มองอย่างโมโห
“ถ้าใช้อารมณ์พูดแบบนี้ กลับบ้านคุณไปเถอะ พูดไปก็ไม่รู้เรื่อง”
“อ๋อ อยากให้รู้เรื่องไปเลยใช่มั้ย...ได้”
ก้องภพกระชากแขนปานฟ้ามาที่ห้องนั่งเล่น สายอุษา เติมบุญ ปานดาวนั่งอยู่ในห้อง สายอุษากับเติมบุญตกใจ ปานดาวยิ้มเยาะอย่างสะใจ
“นี่มันอะไรกันตาก้อง ทำไมต้องกระชากแขนกันรุนแรงขนาดนี้”
ปานฟ้ากระชากแขนตัวเองออก
“คุณป้าก็ถามลูกสาวดูสิครับ คนเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าหมั้นอยู่กับผม จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ยังจะกล้าไปไหนต่อไหนไอ้ภาคิน ไปอยู่กับมันตามลำพังสองคน ไอ้ภาคินมีอะไรดีนักถึงติดใจมันขนาดนี้ หรือว่าโดนมันเล่นของใส่จนหลง”
สายอุษามองปานฟ้า เติมบุญลุกยืน
“หยุดพูดจาหยาบคายใส่ลูกสาวฉันได้แล้ว กลับบ้านไปสงบสติซะ”
“ผมไม่กลับ เป็นเพราะพวกคุณลุงคุณป้านี่ล่ะให้ท้ายกัน เลี้ยงลูกประสาอะไรไม่รู้จักดูแล ปล่อยให้แล่นไปกับผู้ชายคนอื่น ให้คนนินทาทั้งเมือง ผมถามหน่อยเหอะพวกคุณไม่อายมั่งเหรอไง”
“หยุดลามปามพ่อแม่ฉันเดี๋ยวนี้คุณก้องภพ”
“ไม่หยุด ทำไม ตอนนี้มาทำเป็นหน้าบาง ทีตอนทำไม่รู้จักอาย คุณเป็นคู่หมั้นผมไม่ใช่มัน หัดเข้าใจมั่ง คุณกับมันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว อย่าทำตัวให้มีปัญหานักเลยฟ้า”
“ได้...ถ้าการที่ฉันหมั้นด้วยมันเป็นปัญหานัก ก็จบกันเถอะ”
ปานฟ้าถอดแหวนออกขว้างใส่ก้องภพ แหวนกระทบเสื้อกลิ้งลงบนพื้น
“ฉันขอถอนหมั้นกับคุณ เดี๋ยวนี้เลย”
ปานฟ้าจะเดินออกไป แต่ก้องภพเก็บแหวนแล้วกระชากแขนเอาไว้
“ผมไม่ยอม อย่าคิดว่าจะเลิกกันได้ง่ายๆ ยังไงผมก็ไม่ยอมถอนหมั้นแน่ๆ ใส่แหวนซะฟ้า”
ก้องภพยัดใส่มือแต่เธอสะบัดมือ ไม่ยอมรับ แหวนตกลงพื้น ก้องภพสบตา บอกอย่างโกรธจัด
“อย่าคิดว่าจะถอนหมั้นกันได้ง่ายๆ ผมไม่มีวันปล่อยคุณ...จำไว้”
ก้องภพตะโกนใส่หน้า แล้วเดินไปอย่างโมโห ปานฟ้ามองแหวนบนพื้นไม่คิดจะเก็บขึ้นมา ปานดาวเอื้อมลงหยิบแหวนขึ้นมาหมุนเล่น ยิ้มร้าย
“เสียใจด้วยนะจ๊ะยัยฟ้า ดูเหมือนว่าเรื่องรักของแกกับไอ้กระจอกนั่น คงไม่ง่ายซะแล้ว”

เช้าวันใหม่...ภาคินยืนมองกรอบใบอนุญาตจัดตั้งมูลนิธิบนผนัง ปลดลงมา จะเอาใส่กล่อง ตุลย์กับเฟื่องแก้วเดินเข้ามาใบหน้าแจ่มใส
“อ้าวๆๆๆ รีบเก็บไปไหนคร้าบ เอาออกมาอย่างด่วน แขวนไว้ที่เดิมให้เป๊ะเลยนะ”
ภาคินทำหน้างง เฟื่องแก้วยิ้ม
“ข่าวดีค่ะ มูลนิธิของเราเปิดได้แล้ว”
ภาคินอึ้ง ฟังอย่างดีใจ ตุลย์รีบแทรก
“อ๊ะๆๆ อย่าขโมยซีนผมครับคุณแก้วที่รัก” ตุลย์หันมาหาภาคิน “จากการที่นายหลอกล่อให้ยัยคุณหญิงแม่เลี้ยงใจยักษ์หลุดปากว่าเป็นคนจ้าง หมวดตุลย์สุดหล่อคนเก่งพร้อมทีมก็เลยสืบสานต่อจนได้เบาะแสว่ายายคุณหญิงนั่นมีการโอนเงินให้ฝรั่งจริง แต่เป็นการโอนผ่านคนกลางหลายต่อเพราะนึกว่าจะตบตาพวกเราได้ ไม่สิ ที่จริงก็ได้น่ะนะแต่เพราะนายทำให้ยัยนั่นสารภาพออกมาได้ ตอนนี้ทุกอย่างเลยเคลียร์คัทตัดจบ เรียบร้อยกันไป มูลนิธินายก็กลับมา เปิดได้เหมือนเดิม”
ภาคินยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“อย่าๆ อย่าทำหน้าซาบซึ้งอย่างงั้น” ตุลย์หันไปหาเฟื่องแก้ว “แต่ถ้าจะขอบคุณขอเป็นจุ๊บหวานๆจากคนสวยสักทีก็ไหวครับ”
เฟื่องแก้วค้อน
“ทะเล้น ไปห่างๆเลย แบบนี้เขาถึงว่า คนดีอย่างพวกเรา ผีคุ้ม พระก็คุ้มครอง ส่วนไอ้คนชั่ว ยังไงเดี๋ยวหางมันก็ต้องโผล่มาให้ทุกคนเห็นจนได้”
ภาคินยิ้มอย่างขอบคุณ
“ขอบใจมากหมวด ขอบใจจริงๆที่ช่วยทุกอย่าง”
“ไอ้ผมมันก็ทำไปตามหน้าที่ แต่งานนี้ ก็มีอีกคนที่คอยช่วยอยู่เหมือนกันนะ คนที่นายควรไปขอบคุณจริงๆไม่ใช่ผมหรอกเว้ย”
“งั้นใคร” ภาคินงง

ภาคินค่อยๆ กราบลงที่ตักของพ่อ อานนท์รับไหว้ลูบหัวลูกชาย ภาคินเงยหน้าขึ้นยิ้ม
“พ่อให้นักสืบเอกชนตามฝรั่งนั่นอยู่หลายเดือน มีเบาะแสนิดหน่อยว่าอาจเชื่อมโยงมาถึงคุณหญิงเขา แต่ก็ไม่แน่ใจ ไม่กล้าคิดด้วย ว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนี้ ที่จริงพ่อก็รู้นิสัยเขาดี แต่ขนาดรู้ บางทีก็กลัวที่จะยอมรับ สักวันวิมลวรรณจะได้รู้ ว่ากรรมเวรมันมีจริง”
“ผมดีใจนะครับที่พ่อเป็นห่วงผม”
อานนท์มองอย่างรักใคร่
“แล้วสักวันลูกจะได้รู้ ว่าพ่อรักลูก...รักมากกว่าที่ลูกคิด”

ภาคินมองอย่างซาบซึ้ง แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพรัก









Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 15:51:03 น.
Counter : 260 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]