|
ล้างพิษให้ผิวพรรณ
การล้างพิษสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวพรรณได้ทั้งหมด และยังช่วยบำบัดปัญหาเฉพาะอย่างได้เช่น สิว โรคสะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบ ผื่นคัน ผิวหมองคล้ำ และรอยเส้นเลือดฝอยแตกที่บริเวณแก้มและจมูก
--------------------------------------------------------------------------------
สภาพผิวพรรณเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะภายในและระบบกรองสารพิษ ถ้าผิวไม่ดีหมายถึงว่าระบบกรองสารพิษในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งอาจเป็นเพราะการกินอยู่ที่ไม่ดี หรือได้รับมลพิษจากสิ่งแวดล้อมมากเกินไป การกินอาหารที่ไม่ถูกไม่ควรมากเกินไป และอาหารเหล่านี้จะคอยบ่อนทำลายผิวพรรณ และยังเพิ่มภาระให้ระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
ตับมีส่วนอย่างมากในกระบวนการล้างพิษให้ผิวพรรณ แต่การซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวหนังคือส่วนที่สำคัญที่สุด หากคุณต้องการรักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง สดใสอยู่เสมอ
ขั้นตอนที่ 1 ล้างพิษ 3 วัน
ดื่มน้ำส้มคั้นสดผสมน้ำสับปะรดและน้ำมะนาวทุกชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงกลางวัน น้ำผลไม้เหล่านี้จะช่วยขจัดไขมันที่ตกค้างในตับ และช่วยให้ตับทำหน้าที่ล้างพิษได้เต็มที่ โดยใช้น้ำส้ม 40% น้ำสับปะรด 40% และน้ำมะนาว 20% และอาจเติมน้ำขิงอีก 1 ช้อนชา เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ สับปะรดมีสรรพคุณที่ช่วยแก้อับเสบตามธรรมชาติ โดยเฉพาะที่เกิดกับผิวหนังและข้อต่อ มือ้กลางวัน ให้ทานสลัดผักจานใหญ่และดื่มน้ำแครอทผสมน้ำบีทรูท เส้นใยอาหารจากผักจะช่วยล้างลำไส้และกระตุ้นการหลั่งเอนไซม์ช่วยย่อยต่างๆ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (พบมากในบีทรูท แครอท หอมใหญ่ และกระเทียม) ผักอื่นๆ ที่สามารถนำมาทำสลัดได้อีกได้แก่ บรอกโคลี แรดิช ผักกาดหอม และร็อคเก็ต ในช่วงนี้ควรงดกินมะเขือเทศ ควรดื่มน้ำและชาสมุนไพรบ่อยๆ ชาสมุนไพรที่ใช้ได้ดีคือชาแดนดิไลออน ชาเรดโคลเวอร์ หรือชาเพทอล และชาทริปเปิ้ลอี น้ำแตงโมจะเหมาะสำหรับฤดูร้อนเป็นพิเศษ แต่ห้ามใช้ผสมกับน้ำผลไม้อื่นเด็ดขาดเพราะจะทำให้ย่อยยากและท้องอืดได้ง่าย ช่วงบ่ายให้ดื่มน้ำแครอทและน้ำบีทรูทสลับกับน้ำส้มและชาสมุนไพร ถ้าหิวให้กินผักสดเพิ่ม เช่น เซเลอรี่และแครอท กับพริกชี้ฟ้า แต่จำได้ว่าแตงกวาจะทำให้ท้องขึ้น มื้อเย็นควรเป็นผักนึ่งจานโตอย่างแครอท บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ กะหล่ำดาว มันฝรั่ง และผักโขมหรือถั่วฝักอ่อนเช่นถั่วลันเตา เป็นต้น น้ำกรีนแมกนาหรือผงกรีนบาร์เลย์ใช้ล้างพิษให้ผิวหนังได้ดีมาก โดยผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำผัก 1/2-1 ช้อนชา รสชาติจะเฝื่อนๆ แต่จะช่วยปรับสภาพด่างของเลือดให้สมดุล และลำเลียงธาตุเหล็กซึ่งจำเป็นต่อการซ่อมแซมผิวหนังส่งไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย วันที่ 2 และ 3 ควรทำอย่างเดียวกับวันแรก ถ้ามีอาการท้องผูกให้ชงวิตามินซีผงดื่ม โดยผสมวิตามินซีผง 1 ช้อนชา กับน้ำสะอาดหรือน้ำผลไม้ที่ดื่ม ถ้าท้องอืดให้กินอะซิโดฟิลัสผง 1 แคปซูลก่อนอาหาร 3 มื้อและก่อนนอน ผักที่กินในวันที่2 และ 3 อาจใส่น้ำมันมะกอกเพิ่มลงไปได้สัก 1 ช้อนชา ปรุงรสเค็มด้วยสาหร่ายทะเลอีกเล็กน้อย พืชสมุนไพรประเภทผักชีฝรั่ง สะระแหน่ ผักชี และกะเพรา สามารถใช้ได้ตามชอบ อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ผิวหนังคุณจะดีขึ้นถึง 50% เมื่อผ่านขั้นตอนการล้างพิษครบ 3 วัน แต่อาการของผิวหนังอาจกำเริบหนักมากก่อนจะผื้นตัวก็ได้ ปกติแล้วในช่วงล้างพิษ ตับจะระบายของเสียและพิษออกมาในอัตราที่เร็วกว่าปกติ ทำให้ผิวหนังต้องพลอยเร่งกำจัดของเสียออกมามากตามไปด้วย อย่างเพิ่งหยุดหากเกิดกรณีเช่นี้ ควรทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในวันที่ 2 และ 3 เพื่อช่วยเร่งขั้นตอนการล้างพิษ คุณอาจกินผลกรีนบาร์เลย์หรือดื่มน้ำกรีนแมกนา กินวิตามินซี และวิตามินต้านอนุมูลอิสระ 2 เม็ดทุกครั้งหลังอาหร ถ้าทานกระเทียมได้ให้กินกระเทียมเม็ดอีก 1-2 เม็ดหลังอาหาร เพราะกระเทียมเป็นสมุนไพรที่ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียให้ผิวหนังได้ดี
ขั้นตอนที่ 2 เสริมสุขภาพ ให้ทำตามสูตรอาหารปรับสภาพ และกินสลัดผักสดต่อไป แต่เพิ่มโปรตีนในมื้อกลางวันและเย็น พยายามหลีกเลี่ยงเนยแข็งและอาหารที่ใส่นมมากๆ เพราะจะไปขัดขวางการทำงานของระบบขับของเสียต่างๆ โดยเฉพาะระบบต่อมน้ำเหลือง ที่ต้องคอยผลิตเซลเม็ดเลือดขาวเพื่อป้องกันการติดเชื้อในร่างกาย
ขั้นตอนที่ 3 เสริมอาหาร รายการเสริมอาหารนี้ใช้ในแผนการกินในขั้นตอนที่ 2
ดื่มน้ำส้มและน้ำสับปะรดคั้นทุกวัน รวมทั้งน้ำแครอทติดต่อกันอย่างน้อย 2-3 เดือน กินวิตามินต้านอนุมูลอิสระ 2 เม็ดหลังอาหารทุกมื้อตลอด 6 สัปดาห์ หลังจากนั้นลดเหลือวันละ 2-4 เม็ด ติดต่อกันอีก 3 เดือน ผู้หญิงอาจต้องทานเพิ่มเป็นวันละ 4 เม็ดในช่วงก่อนมีประจำเดือน ดื่มน้ำสะอาดหรือชาสมุนไพร8-10 แก้วต่อวัน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอคินาเซียดีมากสำหรับคนที่มีสิวและตุ่มน้ำ ทานวันละ 2 เม็ดติดต่อกัน 3-5 เดือน กระเทียมเม็ด 1 เม็ดหลังอาหารทุกมื้อ น้ำกรีนแมกนาหรือกรีนบาร์เลย์ ดื่มวันละ 2 ครั้ง นาน 3 เดือน ผลิตภัณฑ์น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสใช้ได้ดีมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวแห้ง เช่นมาอาการผิวหนังอักเสบหรือเป็นโรคสะเก็ดเงิน ควรกินครั้งละ 1-2 เม็ด หลังอาหารทุกมื้อ (3000 มล.ต่อวัน)
Create Date : 09 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 21:23:29 น. |
Counter : 265 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ล้างพิษให้ข้อต่อและกล้ามเนื้อ
การล้างพิษนี้ไม่ใช่การรักษาโรค ดังนั้นหากต้องการบำบัดโรคข้อเสื่อมควรรับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น นอกจากโรคข้อเมื่อมแล้วบางคนก็จะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง และข้อต่อ โดยอาการมักกำเริบในช่วงหน้าหนาว ซึ่งเป้นช่วงที่การไหลเวียนของเลือดไม่ค่อยดีนีก หรืออาจเกิดจากพันธุกรรมหรือการเล่นกีฬา
--------------------------------------------------------------------------------
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเครื่องบ่งชี้ถึงความผิดปกติบางอย่างในระบบการทำงานในร่างกาย การรักษาด้วยวิธีการทางธรรมชาติน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าการใช้ยาแก้ปวดหรือแก้อักเสบติดต่อกันเป็นเวลานาน หลักในการล้างพิษประเภทนี้ค่อนข้างง่าย คือเราต้องมีกระแสเลือดที่สะอาดและไหลได้ตลอดเวลา ซึ่งหมายรวมถึง เราต้องหล่อเลี้ยงเลือดด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และต้องดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอเพื่อช่วยในการไหลเวียนของเลือด
ขั้นตอนที่ 1 ล้างพิษ 3 วัน วันที่ 1
ดื่มน้ำผักทั้งวัน ส่วนผสมที่ใช้ได้คือแครอท เซเลอรี่ และบีทรูท คั้นในสัดส่วน 40:40:20 แครอทจะช่วยล้างพิษให้ตับ เซเลอรี่จะช่วยเติมเกลือธรรมชาติทำให้ลดการคั่งค้างของน้ำในข้อต่อ ในขณะที่บีทรูทจะช่วยดูดซับอนุมูลอิสระและกระตุ้นให้เกิดการลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลได้ดีขึ้น น้ำผักสูตรนี้ใช้ได้ผลดีมาก ควรดื่ม 300 มล. ทุกชั่วโมงทั้งวัน และดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 7 แก้ว ถ้ารู้สึกหิวให้กินผักสดที่นำมาคั้นได้ วันที่ 2
ทานซุปผักเพิ่ม โดยใช้ส่วนผสมจากเซเลอรี่ ผักชีฝรั่ง แครอท และหอมใหญ่สักสองสามหัว ถ้ารู้สึกหิวก็อาจเติมมันเทศเข้าไปด้วยได้ รวมถึงส่วนผสมอื่นๆ เช่น ขิง พริกป่น และกระเทียม ที่จะช่วยทำให้ข้อต่ออบอุ่นและทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณข้อต่อดีขึ้นด้วย พยายามดื่มน้ำผักหรือน้ำซุปให้ได้ทุกชั่วโมง โดยระหว่างชั่วโมงอาจดื่มน้ำชาสมุนไพรที่มีรากชะเอมแท้เป็นส่วนประกอบเพิ่มก็ได้ (ห้ามอมลูกชะเอมเด็ดขาด) หรือชงชาทริปเปิ้ลอี ในขั้นตอนนี้ คุณกำลังขจัดกรดที่สะสมอู่ในข้อต่ออย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก้ได้กำจัดสารพิษอื่นๆ ที่สะสมอยู่และที่กำลังทำลายเนื้อเยื่อของคุณด้วย จะเกิดผลดีทันตาเห็นหากคุณบริโภคอาหาร วิตามิน และสมุนไพรที่ถูกต้องหลังการล้างพิษ
วันที่ 3 ดื่มน้ำผักปละน้ำซุปต่อไป และค่อยๆ เริ่มกินผักนึ่งใส่น้ำมันมะกอกเพิ่มด้วย ผักที่ดีที่สุดได้แก่มันเทศ ซูกินี ดอกกะหล่ำ กะหล่ำดาว แครอท และหอมใหญ่ น้ำมันมะกอกจะช่วยล้างลำไส้และทำให้ข้อต่อหล่อลื่นได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเตรียมความพร้อมให้ร่างกายเมื่อจะปรับนิสัยการกินต่อไป
ขั้นตอนที่ 2 เสริมสุขภาพ
สำหรับอีก 6 สัปดาห์ต่อมาให้งดเนื้อแดงทุกชนิด เพราะกรดยูริกที่เป็นผลพลอยได้จากการย่อยเนื้อแดงจะทำให้เกิดภาวะกรดและด่างในร่างกายผิดสมดุล และจะทำให้อาการปวดข้อรุนแรงขึ้น แต่ถ้าอาการดีขึ้นก็อาจกลับมากินใหม่ได้ไม่เกินสัปดาห์ละครั้ง ควรบริโภคอาหารที่เป็นกรดให้น้อยที่สุด (ประมาณวันละ 3 วันครั้ง) อาหารเหล่านี้ได้แก่ ส้ม มะเขือเทศ น้ำตาลทรายขาว อาหารขัดสีต่างๆ เช่นขนมปังและพาสต้าขัดขาว เค้ก บิสกิต และแอลกอฮอล์ อาจกินเนื้อขาวอย่างไก่ได้บ้าง แต่ปลาสดอยากให้ทานเป็นปลาทะเลลึกอย่างปลาแซลมอนและปลาค้อดจะดีที่สุด กินข้าวกล้อง ผักนึ่ง หรือผักสุกได้ตามสะดวก ขั้นตอนที่ 3 เสริมอาหาร รายการเสริมอาหารนี้ควรจัดอยู่ในแผนการกินในขั้นตอนที่ 2
น้ำมันปลาแซลมอนชนิดแคปซูล เพื่อช่วยหล่อลื่นข้อต่อ รับประทาน 1-2 แคปซูลทุกครั้งหลังอาหาร และอาจปรับเพื่ออีกในช่วงหน้าหนาว กินแมกนีเซียมชนิดผงหรือชนิดเม็ดวันละ 2 ครั้ง แร่ธาตุชนิดนี้จะช่วยปรับภาวะด่างให้สมดุล และยังมีส่วนในการซ่อมแซมอวัยวะในข้อต่อและเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อต่างๆ กินวิตามินต้านอนุมูลอิสระวันละ 2 ครั้ง นักสมุนไพรอาจช่วยปรุงเครื่องดื่มสมุนไพรบำรุงกำลังให้ได้โดยดื่ใวันละ 2 ครั้ง สมุนไพรที่ควรใช้ได้แก่ เบอร์ดอค (พืชตระกูลหญ้าเจ้าชู้) เยลดลดอค กัวอิคัม (guaiacum) พริคลีแอช (prickly ash) เดวิลส์คลอว์ (devil's claw) และขิง ในปริมาณที่เท่าๆ กัน ดื่มวันละ 3-4 ครั้งหลังจากดื่มซุปในขั้นตอนการล้างพิษ (ขั้นตอนที่ 1) สมุนไพรบอสเวลเลียใช้ไดผลดีมาก และทานกรดอมิโนที่เรียกว่ากลูโคซามินเพิ่มเติมด้วย ซึ่งจะช่วยให้ซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเอ็นข้อต่อได้ดีขึ้น เลือกกินแบบชนิดเม็ด รวมสมุนไพรและกรดอมิโนวันละ 3 ครั้ง หรือกินอย่างละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ตอนเช้า 1 ช้อนชา จะช่วยกระตุ้นให้ภาวะด่างในเลือดสมดุลขึ้น พยายามดื่มน้ำแครอทผสมน้ำเซเลอรี่ให้ได้ทุกวัน น้ำผักสูตรนี้ประกอบด้วยเอ็นไซม์หลายตัวที่สำคัญ หรือเปลี่ยนมากินเซเลอรี่ชนิดเม็ดทุกวันวันละ 2 เม็ดแทนก็ได้
Create Date : 09 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 21:46:38 น. |
Counter : 269 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สูตรชาสมุนไพร
ชาสมุนไพรเป็นเครื่องดื่มที่มีคามสำคัญอย่างยิ่งในขั้นตอนล้างพิษและรักษาสุขภาพ ของเหลวที่ร่างกายรับเข้าไปนั้นมีความสำคัญพอๆ กับอากาศบริสุทธิ์ที่คุณหายใจเข้าปอดเลยทีเดียว ชาสมุนไพรยังมีผลต่อภาวะกรดด่างที่สมดุลในร่างกาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ กระบวนการล้างพิษในร่างกาย ซึ่งชาสมุนไพรนี้จะช่วยกระตุ้นระบบย่อยและการดูดซึมอาหาร ช่วยผ่อนคลายระบบประสาทหรือช่วยลำเลียงสารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย และช่วยปรับของเสียออกจากเลือดด้วย
--------------------------------------------------------------------------------
การเลือกชาสมุนไพรที่เหมาะกับสภาพปัญหาของคุณจึงเป็นเรื่องสำคัญ และควรดื่มอย่างต่อเนื่องทุกวันเพื่อสังเกตผลที่ได้ โดยดื่มสลับกับน้ำผักผลไม้คั้นสดและน้ำเปล่าเป็นระยะ
ต่อไปนี้เป็นสูตรชาสมุนไพรที่ได้นำมาจากหนังสือ "ล้างพิษ ฟื้นสุขภาพและพลังงานแห่งชีวิต" หนังสือในเครืออมรินทร์ค่ะ ใครสนใจจะไปซื้อมาอ่านก็ได้นะคะ
สูตรที่ 1 อะแพรส์ (Apres) ประกอบด้วย คาโมมายล์ เฟนเนล อนิซีด และเปปเปอร์มินต์ ชานี้เหมาะกับปู้ที่มีมีอาการวิตกกังวล เครียด การย่อยไม่ดี มีอาการแสบร้อนกลางหน้าอก นอนไม่หลับขั้นอ่อนๆ แต่เดิมคาโมมายล์จะใช้ในการแก้จุกเสียด ท้องเสียในผู้ใหญ่ ระงับประสาท ส่วนเฟนเนล อนิซีดและเปปเปอร์มินต์ จะช่วยเรื่องระบบย่อยและดูดซึมอาหารและลดอาการไม่สบายท้อง
สูตรที่ 2 เบอร์รี่ (Berry) ประกอบด้วยฮอว์ธอร์นเบอร์รี่ เอลเดอร์เบอร์รี่ และจูนิเปอร์เบอร์รี่ โดยฮอว์ธอร์นนั้นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และมีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระด้วย ส่วนเอลเดอร์เบอร์รี่ และจูนิเปอร์เบอร์รี่ นั้นจะทำให้ชามีรสหวานกลมกล่อม
สูตรที่ 3 เลมอนแทง (Lemon Tang) ประกอบด้วยตะไคร้และเปปเปอร์มินต์ ชาสูตรนี้เหมาะกับการดื่มหลังอาหารที่มันจัดๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายย่อยและดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น ช่วยระบายความร้อนและทำให้สดชื่นเมื่อดื่มตอนอากาศร้อน และเสริมประสิทธิภาพการทำงานของไต
สูตรที่ 4 เพทอล (Petal) ประกอบด้วย ตะไคร้ เรดโคลเวอร์ ลาเวนเดอร์ กลีบกุหลาบ คาโมมายล์ และบูชู ชาสูตรนี้ช่วยทำความสะอาดเลือดโดยเฉพาะ เรดโคลเวอร์นั้นจะใช้ในการฟอกเลือดและปรับสมดุลฮอร์โมนของทั้งชายและหญิง ส่วนตะไคร้และบูชุ จะกระตุ้นการทำงานของไต เป็นยาขับปัสสาวะอ่อนๆ ส่วนคาโมมายล์ แลีบกุหลาบ และ ลาเวนเดอร์นั้นช่วยคลายประสาท บรรเทาอาการเครียด วิตกกังวลได้
สูตรที่ 5 ซัมเมอร์ดีไลท์ (Summer Delight) ประกอบด้วยสเปียร์มินต์ เปปเปอร์มินต์ ตะไคร้ และอนิซีด ชากลิ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังล้างพิษระบบย่อยและดูดซึมอาหาร เพราะจะช่วยกระตุ้นเอนไซม์ช่วยย่อยต่างๆ ช่วยผ่อนคลาย เหมาะกับที่จะดื่มหลังอาหาร
สูตรที่ 6 ทริปเปิ้ลอี (Tripple E) ประกอบด้วยรากชะเอม อนิซีด เฟนเนล และเปปเปอร์มินต์ ชานี้ช่วยบำรุงลำไส้และกระเพาะอาหาร ช่วยแก้อาการเกียจคร้าน และอาการแสบร้อนกลางหน้าอก รากชะเอมมีสรรพคุณแก้อักเสบ จึงมักนำมาเป็นส่วนผสมในยาแก้ไอและยาระบาย
เพื่อให้ได้ผลในการล้างพิษจากชาสมุนไพรเหล่านี้ ควรรอให้ชาที่ชงเย็นลงที่อุณหภูมิห้องก่อนแล้วค่อยดื่มค่ะ
Create Date : 09 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 21:46:12 น. |
Counter : 419 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
การล้างพิษแอลกอฮอล์
เป็นที่รู้ๆ กันอีกแหละค่ะว่าแอลกอฮอล์มีโทษต่อร่างกาย ซึ่งคนสมัยก่อนใช้แอลกอฮอล์รักาาไม่ให้ศพเน่าเปื่อย แอลกอฮอล์เป็นมลพิษภายในที่คนรับเข้าไปมากและเป็นปัณหาใหญ่ในทุกเพศทุกวัยในขณะนี้
--------------------------------------------------------------------------------
อาการที่เกิดจากการใช้แอลกอฮอล์เกินขนาดได้แก่ อาการซึมเศร้า อารมณ์เสียง่าย เหนื่อยเพลีย น้ำหนักไม่คงที่ ก้าวร้าว พฤติกรรมแปรปรวน เป็นต้น ตับเป็นอวัยวะที่จะได้รับผลกระทบเทือนมากที่สุด นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังมีผลต่อเนื้อเยื่อสมอง ระบบย่อยและดูดซึมอาหาร และตับอ่อนด้วย การบริโภคแอลกอฮอล์มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการขาดวิตามินบี เนื้อเยื่อตับถูกทำลาย และอาจทำให้สมองฝ่อได้ด้วย
คำกล่าวที่ว่า "ควรดื่มไวน์เพื่อป้องกันโรคหัวใจ" นั่นคือดื่มได้ไม่ควรเกิน 1-2 แก้ว ใน 2-3 วันครั้งสำหรับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงดื่มได้น้อยกว่านี้ค่ะ จึงจะได้ผลดีตามที่กล่าวมา เพราะไวน์แดงมีฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารที่จะทำหน้าที่คล้ายสารต้านอนุมูลอิสระ ฟลาโวนอยด์นี้มีส่วนช่วยการทำงานของระบบหลอดเลือดหัวใจซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พบในสมุนไพรชื่อฮอว์ธอร์นเบอรรี่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายิ่งดื่มไวน์แดงมากยิ่งดีนะคะ เพราะอย่างไรแอลกอฮอล์ก็ยังมีผลกระทบกับตับอยู่ดี
ทีนี้เรามาเริ่มล้างพิษดีกว่าค่ะ เริ่มที่ขั้นตอนแรกเหมือนเดิมค่ะ ขั้นตอนที่ 1 ล้างพิษ 3 วัน เราจะล้างพิษด้วยการกินผักผลไม้รวมกับวิตามินและชาสมุนไพร คุณอาจดื่มน้ำผักและน้ำผลไม้ได้บ้างแต่ต้องน้อยๆ ต้องระวังไม่เพิ่มน้ำตาลให้เป้นภารกับตับ ควรเน้นเป็นผักผลไม้สดและโปรตีนคุณภาพดีดีกว่าค่ะ ข้างกล้องเป้นอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะกับการล้างพิษนี้ เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานได้นาน และใช้เวลาย่อยเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวได้นานถึง 3-4 ชั่วโมง ดังนั้นจะช่วยในคนที่มีอาการอยากน้ำตาล
ดื่มน้ำผสมน้ำมะนาวคั้นสดครึ่งผลเมื่อตื่นนอน ถ้ารู้สึกอยากของหวานๆ ให้เติมน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อช่วยกระตุ้นตับและถุงน้ำดีให้เริ่มทำงานอันดับแรก ทำโจ๊กใสๆ ทานเป้นอาหารเช้า เติมน้ำผึ้งได้แต่ไม่ควรเกิน 2 ช้อนชา อาจทำโจ๊กเป็นโจ๊กข้าวโอ๊ต ซึ่งจะมีฤทธิ์เป็นด่างที่จะช่วยเคลือบกระเพาะและช่วยปรับระบบประสาทให้สงบขึ้นขณะที่กำลังเลิกเหล้า ระหว่างมื้อเช้าและเที่ยง ให้ดื่มน้ำส้มและน้ำสับปะรดคั้นสดทุกๆ ชั่วโมง เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ มื้อกลางวัน ให้ล้างพิษภาวะกรดในกระเพาะอาหารด้วยการกินผักทั้งและสดและนึ่งสุก ผักที่ควรทานได้แก่ มันฝรั่ง หอมใหญ่ เทอร์นิป และแครอท หรือสลัดผักใบเขียว แครอท บีทรูท และอโวคาโด (ห้ามใส่ชีส) หรือกินสลัดผักที่ประกอบด้วยผักหลากชนิดเท่าที่จะทำได้ อย่างผักกาดหอม แครอท แตงกวา ผักชีฝรั่ง พริกชี้ฟ้า และหอมใหญ่ ไม่ควรทานมะเขือเทศมากเกินไป เพราะจะเป็นกรดมากเกินไปสำหรับการล้างพิษชนิดนี้ ให้ดื่มน้ำผักตลอดช่วงบ่าย น้ำแครอทผสมน้ำบีทรูทจะดีที่สุด แครอทจะช่วยทำความสะอาดตับและบีทรูทจะช่วยฟื้นฟูสภาพของตับอ่อนและม้าม ดื่มให้ได้ทุกชั่วดมง (อาจเติมน้ำเซเลอรี่ ผักโขม หรือแอปเปิ้ลเพิ่มได้) มื้อเย็นทำซุปผักรับประทานโดยใช้ผักหัวเป็นหลักเช่น เช่นมันผรั่ง เทอร์นิป พาร์สนิป หอมใหญ่ กระเทียม และถั่วสปลิตพีหรืออาจเปลี่ยนนำผักหัวมานึ่งกินรวมกับปร็อกโคลี และดอกกะหล่ำก็ได้ กินเครื่องดื่มบำรุงจากสมุนไพร ถ้าต้องการเร่งกระบวนการล้างพิษให้ตับ โดยส่วนผสมที่ดีที่สุดคือสารสกัดจากแดนดิไลออน เซนต์แมรี่ส์ธิสเทิล อาติโชค ฟรินจ์ทรี รากชะเอม คาโมมายลื และข้าวโอ๊ต ในสัดส่วนที่เท่ากัน โดยผสมเครื่องดื่มดังกล่าว 1 ช้อนชา ลงในน้ำสะอาดหรือแครอทคั้นสด 1 แก้ว ดื่มวันละ 4 ครั้ง ติดต่อกัน 6-8 สัปดาห์ ในช่วงล้างพิษ 3 วันและอีก 6 สัปดาห์ถัดมา คุณควรดื่มเครื่องดื่มคลอโรฟิลล์สีเขียว ซึ่งหาซื้อได้จากร้านทั่วไป เพื่อช่วยปรับสภาวะด่างเลือดให้สมดุล ฟื้นฟูการดูดซึมธาตุเหล็กธรรมชาติ และกระตุ้นการแลกเปลี่ยนออกซิเจนระหว่างเซล กินครั้งละ 1 ช้อนชา วันละ 2-3 ครั้ง โดยผสมเครื่องดื่มกับน้ำผักหรือน้ำสะอาด ขั้นตอนที่ 2 เสริมสุขภาพ ทานผักและผลไม้ที่แนะนำไว้ให้ได้ทุกวัน และปฏิบัติตามโปรแกรมปรับสภาพ ทานของว่างแต่น้อยๆ แต่ทานบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน เพื่อลดอาการต่างๆ ที่เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดลดลง กินผลไม้เป็นของว่างระหว่างมื้อและดื่มน้ำผักน้ำผลไม้พร้อมอาหาร ถ้ายังรู้สึกหิวให้กินของว่างประเภทอาหารโปรตีนเพื่อมเช่นถั่วอัลมอนด์ แต่ห้ามกินถั่วลิสงเพราะจะทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักเกินไป ปลาทูน่า หรือปลาแซลมอนทาขนมปังปิ้ง แต่ห้ามกินเนย เพราะไขมันมากเกินไป
ขั้นตอนที่ 3 เสริมอาหาร รายการเสริมอาหารนี้ควรจัดไว้ในแผนการกินในขั้นตอนที่ 2
ให้ดื่มเครื่องดื่มบำรุงที่สกัดจากพืชหรือสมุนไพรวันละ 3-4 ครั้งติดต่อกันอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น และดื่มน้ำกรีนเมกนาหรือกรีนบาร์เลย์ต่อไปอีกวันละ 2-3 ครั้ง กินวิตามินบีคอมเพลกซ์ (บี1 2 และ 6) 1 เม็ดหลังอาหารสามมื้อ 6 สัปดาห์ จากนั้นลดเหลือวันละครั้ง กินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดรวมแร่ธาตุได้แก่แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และโพแทสเซียม เพื่อช่วยปรับสมดุลระบบประสาทและปรับความแข้งแรงให้เอ็นยึดข้อต่อและเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อโดยกิน 1 เม็ดก่อนอาหารแต่ละมื้อ หากมีปัญหานอนไม่หลับให้กิน 2 เม็ดก่อนนอนและงดกินมื้อกลางวัน กินน้ำมันปลาชนิดแคปซูลที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิวแห้งในช่วงเลิกแอลกอฮอล์ โดยกิน 1 แคปซูลหลังอาหารแต่ละมื้อ ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ จากนั้นเปลี่ยนมากินวันละ 2 เม็ด เช้าหรือเย็นก็ได้ แต่ต้องหลังอาหาร ถ้ากระเพาะคุณเป็นกรดค่อนข้างมาก สามารถกินสลิปเปอรี่เอ็ล์มช่วยได้ เพราะเอ็ล์มจะช่วยเคลือบกระเพาะและดูดซับกรดส่วนเกิน กินครั้งละ 2-3 แคปซูลก่อนอาหาร คนที่มักตื่นกลางดึกเพราะปวดท้องให้กิน 3-4 แคปซูล เสริมด้วยแคลเซียมเม็ดเพื่อช่วยให้หลับต่อได้และลดกรดไปด้วย อาจดื่มชาสมุนไพรเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเต็มที่ตลอดทั้งวัน แนะนำชาเปปเปอร์มินต์ ชาคาโมมายล์ และชาแดนดิไลออน หลีกเลี่ยงกาแฟและบุหรี่ เพราะจะกระตุ้นให้กลับมาอยากแอลกอฮอล์อีก
Create Date : 09 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 21:45:54 น. |
Counter : 301 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ล้างพิษจากบุหรี่
บุหรี่เป็น 1 ในมลพิษที่เราเป็นคนเลือกสูดเข้าไปเอง จากสถิติในอเมริการะบุว่า จำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งทั้งหมดมีผู้เสียชีวิตด้วยมะเร็งปอดเป็นสัดส่วนถึง 25% สารคาร์บอนจากควันบุหรี่จะทำให้เกิดการรวมตัวของอนุมูลอิสระที่คอยบ่อนทำลายเซลต่าๆ ในร่างกาย ไม่ต่างจากคาร์บอนในท้องถนน แต่บุหรี่เป้นสิ่งที่เราสูดเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ดังนั้นคาร์บอนที่เข้าไปจะเข้มข้นมาก จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อและเซลปอดที่บอบบางจนเกิดอนุมูลอิสระสะสมจนกลายเป็นมะเร็งในที่สุด
--------------------------------------------------------------------------------
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะมีวิธีการล้างพิษจากบุหรี่แล้ว คุณก็ควรที่จะเลิกบุหรี่ด้วย ซึ่งหากทำตามโปรแกรมเหล่านี้แล้ว ควบคุมอาหารและเสริมอาหารที่จำเป็น คุณก็จะเริ่มเบื่อบุหรี่ไปได้เองด้วย เริ่มต้นกันเลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 ล้างพิษ 3 วัน ทำเช่นเดียวกับการล้างพิษจากสิ่งแวดล้อม วิธีนี้สามารถใช้เลิกบุหรี่แบบหักดิบได้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 เสริมสุขภาพ กุญแจสำคัญในขั้นตอนนี้คือรับประทานวิตามินซีมากๆ ร่างกายต้องสูญเสียวิตามินจำนวนมากทุกครั้งที่เราอัดควันบุหรี่เข้าปอด วิตามินซีจะไปช่วยป้องกันเนื้อเยื่อปอดไม่ให้ถูกทำลายได้ง่ายๆ ชงวิตามินซีแบบผงดื่มอย่างน้อยวันละ 3-4 กรัม ใน 6 สัปดาห์แรก เพราะดูดซึมได้ง่ายถ้าท้องร่วงให้ลดปริมาณลง
อย่าลืม
ดื่มน้ำมะนาวคั้น 1 ผลผสมน้ำสะอาดและน้ำผึ้งเป็นประจำทุกวันเพื่อลดเสมหะหลังเลิกบุหรี่ กินอาหารต้านอนุมูลอิสระตามรายการในหัวข้อล้างพิษจากมลภาวะ ดื่มน้ำส้มคั้นมากๆ ทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย 6 สัปดาห์ จากนั้นลดลงเหลือ 2 วันครั้ง ปลาสดที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ปลาแซลมอน ปลาค้อด และปลากซาร์ดีน เพื่อเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ อาหารรสเผ็ดและฉุนอย่างมัสตาร์ด จะช่วยขับเสมหะออกจากปอดและทำให้โพรงไซนัสโล่งขึ้น เติมสะระแหน่ลงในสลัด เพื่อช่วยให้ทางเดินหายใจสดชื่นและความคิดปลอดโปร่ง กินของว่างทีละน้อยแต่บ่อยๆ เพื่อชดเชยเวลาที่หยิบบุหรี่ขึนมาสูบ แปรงฟันทุก 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพื่อลดอาการอยากบุหรี่ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อชะล้างพิษออก ขั้นตอนที่ 3 เสริมอาหาร รายการเสริมอาหารที่ควรจัดไว้ในแผนการกินเมื่อเริ่มต้นขั้นตอนที่ 2
วิตามินซีผงที่เสริมไฟโอฟลาโวนอยด์ 1 ช้อนชา ชงดื่มกับน้ำสะอาดหรือน้ำผลไม้ 1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้ง วิตามินอีขนาด 500 หน่วยสากล วันละ 1-2 ครั้ง (คนที่กำลังกินยาแก้โรคหัวใจหรือยาละลายลิ่มเลือดควรปรึกษาแพทย์ก่อน) น้ำมันปลาแซลมอนชนิดแคปซูลที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 กินครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง วิตามินบีคอมเพลกซ์ (บี1 และ บี2) เพื่อป้องกันอารมณ์หงุดหงิดเมื่อจากนิโคติน โดยกิน1 เม็ดหลังอาหาร 3 มื้อ เมื่อรู้สึกดีขึ้นให้ลดเหลือวันละ 1 ครั้ง ดื่มชามิ้นต์ชนิดใดก็ได้ เช่นชาเปปเปอร์มินต์ หรือชาขิงเพื่อขับเสมหะ นักสมุนไพรบำบัดอาจช่วยจัดเครื่องดื่มบำรุงจาก อิเลคามเพน (ขับเสมหะ) เอคินาเซีย (ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน) เฟนูกรีก (ลดเสมหะในทรวงอก) ขิง (ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ปอด) เปปเปอร์มินต์ (ช่วยให้ปอดโล่ง) ข้าวโอ๊ต (ลดความอยากนิโคติน) คาโมมายล์ (ลดอาการหงุดหงิดและฟื้นฟูเส้นประสาท) โรสแมรี่ (ต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นสมองส่วนความจำ) ผสมสมุนไพรข้างต้นในปริมาณเท่าๆกัน ดื่มครั้งละ 1 ช้อนชา วันละ 3 ครั้ง ตลอด 6 สัปดาห์และดื่มต่ออีกอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์
Create Date : 09 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 21:45:23 น. |
Counter : 374 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
Tried to take a picture Of love Didn't think I'd miss her That much I want to fill this new frame But it's empty
Tried to write a letter In ink It's been getting better I think I got a piece of paper But it's empty It's empty
Maybe we're trying Trying too hard Maybe we're torn apart Maybe the timing Is beating our hearts We're empty
And I even wonder If we Should be getting under These sheets We could lie in this bed But it's empty It's empty
|
|
|
|
|
|
|
|