วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ควรฉีดหรือไม่ ?
ปัจจุบัน วิทยาการแพทย์ก้าวหน้าไปมาก พวกเราก็ได้มีวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกมาใช้กันแล้วค่ะ พบกับรายละเอียดจาก คอลัมน์ พบแพทย์จุฬา โดย รศ.นพ.ธีระพงศ์ เจริญวิทย์ ได้เลยค่ะ
ในโลกที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ข้อมูลข่าวสารที่คุณผู้หญิงหลายท่านได้รับ อาจเข้าใจว่าปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกป้องกันได้แน่นอน แล้วถ้าฉีดวัคซีน
แต่ในทางวิชาการ ความเป็นจริงแล้วการติดเชื้อ Human papilloma virus (HPV) เป็นเพียงสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ประมาณร้อยละ 50-80 ของประชากรมีโอกาสติดเชื้อนี้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งในชีวิตอัตราการติดเชื้อสูงสุดเกิดในช่วงวัยรุ่นทั้งหญิงและชายอายุก่อน 20 ต่อเนื่องไปจน 20 ต้นๆ
การติดเชื้อเริ่มตั้งแต่วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์เชื้อ HPV สายพันธุ์ที่พบว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกมากที่ สุดคือ เชื้อ HPV16 และ HPV18 ซึ่งเป็นสาเหตุประมาณร้อยละ 70 การฉีด HPV Vaccine เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื ้อ HPV เป็นวิธีหนึ่งเท่านั้นที่จะช่วยป้องกันปากมดลูกจากกา รติดเชื้อได้ประสิทธิภาพของ HPV จะสูงที่สุดในสตรีที่ยังไม่ติดเชื้อ HPV ดังนั้น ควรฉีดวัคซีนก่อนถึงวัยมีเพศสัมพันธ์
การฉีด HPV ไม่สามารถใช้ทดแทนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้แล ะหลังจากฉีด HPV Vaccine แล้วไม่ควรมีเพศสัมพันธ์แบบสำส่อน ควรมีเพศสัมพันธ์เชิงป้องกัน และควรฉีด HPV Vaccine เข้ากล้ามเนื้อจำนวน 3 ครั้ง ห่างกันตามกำหนดและหลังฉีด HPV Vaccine 16 และ 18 แล้ว ควรรับการตรวจกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ เพราะเชื้อ HPV16 และ HPV18 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกประมาณร้อยละ 70 เท่านั้น
ใครที่ตัดสินใจไม่ถูกว่าสมควรจะฉีดวัคซีนนี้ดีหรือไม ่ สามารถปรึกษาสูติ-นรีแพทย์ได้ตามโรงพยาบาลเพื่อให้เข้าใจความคุ้มค่าว่ าคุณควรจะควักกระเป๋าฉีดวัคซีนตัวนี้แล้วหรือรอเอาไว ้ก่อนให้ราคาถูกลงค่อยตัดสินใจ เหมือนซื้อโทรศัพท์มือถือแหละครับตอนออกมาใหม่ราคาก็ แพงเป็นธรรมดาแถมบางคนก็ไม่เห็นจำเป็นต้องฉีด เหมือนไม่ใช้มือถือก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจดีที่สุด
ข่าวจาก มติชน
Create Date : 28 กรกฎาคม 2551 | | |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2551 8:02:52 น. |
Counter : 336 Pageviews. |
| |
|
|
|