Q[-___-Q ma leaw ja
Group Blog
 
All Blogs
 

ระวังเลขที่บัญชี

เรื่องมีอยู่ว่า....... มีเด็กนักศึกษาวิศวะคอมพิวเตอร์ 2 คน เป็นเพื่อนกัน ..... แล้ววันหนึ่ง เด็กคนหนึ่งบอกกับเพื่อนว่า จำเป็นต้องใช้เงินด่วนมาก และทางบ้านกำลังจะโอนเงินมาให้แต่ไม่มีบัญชี เลยขอยืม ATM และเลขที่บัญชีของอีกคนไปใช้ก่อน.....

เด็กคนที่สองก็เชื่อเพื่อนและให้ไป
เพราะคิดว่าถึงอย่างไรถ้าจะโกง......
ก็คงได้ไปไม่กี่ร้อย เพราะเงินในบัญชีที่เหลือ มีไม่เกิน500 บาท

หลังจากที่ให้เพื่อนไปแล้ว ไอ้เจ้าเพื่อนตัวแสบ
ก็เอาเลขที่บัญชีไป post ในInternet ว่า......
มีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ราคาถูกมาก
สามารถซื้อได้โดยส่งเงินบางส่วนมาเข้าที่บัญชีเลขที่.................ก่อน

..... ผลปรากฏว่ามีคนหลงเชื่อนะ

โอนเงินมาหลายคนรวมแล้วแสนกว่าบาท
แล้วเจ้าเพื่อนตัวแสบ...ก็กดเงินนั้นเอาไปใช้จนหมด(เกลี้ยง)
โดยที่เพื่อนที่เป็นเจ้าของบัญชีไม่รู้เรื่องเลย(สักกะนิด..สักกะนิด)

หลังจากนั้น....ผู้คนที่ถูกหลอกทาง Internet
ได้ไปร้องเรียนที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ให้ตรวจสอบหาเจ้าของบัญชีเลขที่............... นั้น ผลปรากฏว่า......
นักศึกษาเจ้าของบัญชีคนนั้นโชคร้ายไป

เพราะถูกตำรวจดำเนินคดี ถึงจะปฏิเสธอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด
เพราะหลักฐานมันฟ้องอยู่ ก็เลยต้องสู้คดีกันต่อไป.....

อ่านแล้ว ก็ให้ระวังกันหน่อยนะคะ เดี๋ยวนี้มีคนใช้ Internet
เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงกันเยอะมากค่ะ


ผู้ที่เล่าเรื่องนี้คือ พ.ต.อ. ญานพล ยั่งยืน
ศูนย์สารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2551    
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 13:17:06 น.
Counter : 257 Pageviews.  

ระวัง!! เว็บไซต์ขโมยรหัสผ่าน MSN

เว็บไซต์ประเภทนี้จะทำขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อหลอกเอา Username และ Password ของเราไปครับ โดยจะทำให้เราหลงเชื่อว่า เว็บไซต์นี้จะสามารถบอกว่า ใครบล็อกเราไว้บ้าง หรือ ดึงเอาจุดเอ็มของเราทำไม่ได้ ซึ่งทำให้เราหลงเชื่อ และพร้อมที่จะยอมกรอก Username และ Password ของ MSN เพื่อแลกกับข้อมูลที่เราอยากรู้


และเมื่อเราหลงกล กรอกข้อมูลต่างๆ เสร็จเจ้าเว็บพวกนี้ ก็อาจจะขึ้นว่า ตอนนี้ระบบขัดข้อง เพราะคนใช้เยอะ คนโง่แยะ หรืออาจจะขึ้นหน้า ข้อมูลหลอกๆ แต่หารู้ไม่ว่า รหัสผ่าน MSN โดยเจ้าเว็บไซต์พวกนี้ฉกไปแล้ว ทีนี้ วันดีคืนดี ก็จะมีคนแอบเข้ามาอ่านเมล์ และเล่นเอ็มของเรา หน้าตาเฉย

นอกจะจะใช้เว็บหลอกเราแล้ว บางทีอีเมล์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งครับ เช่น มีคนเมล์มาหาเราว่า เป็นเมล์ที่ส่งจาก Microsoft หรือ Hotmail โดยให้คลิกลิงค์จากเมล์ แล้วก็จะพบกับเว็บ ให้เรากรอกรหัสผ่านเพื่อยืนยันเมล์เพือทาง Hotmail จะไม่เก็บเงินค่าบริการท่านอะไรเทือกนี้

จริงๆ กลยุทธ์พวกนี้เป็นวิธีหนึ่งที่ทางแฮกเกอร์ใชักัน เรียกเป็นภาษา IT ว่า Phishing (อ่านว่า ฟิชชิ่ง ให้จำง่ายๆ ว่าขุดบ่อล่อปลานั่นเอง ฮ่า) ส่วนใครที่ทราบความหมายขอคำว่า Phishing คลิกเข้าไปดูได้ที่นี่ครับ (ขอบคุณเว็บ thaicert.org )

ขอสรุปว่า หากใครส่งลิงค์มา ดูนิดนึงก็ดีว่า Link อะไรไปไหน หรือ เว็บนั้นเป็นเว็บอะไร ถ้าเจอเว็บพวกนี้ โฆษณาว่า สามารถทำให้คุณทราบ ได้ว่า ใคร Block คุณไว้บ้าง ให้ฟันธงว่า หลอกลวงประชาชนแน่นอน




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2551    
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 13:15:15 น.
Counter : 251 Pageviews.  

ใครขับรถ.. หรือมีแฟนสาวขับรถต้องอ่าน (เลวจริงๆ) [!!! Safe to Open !!!]

สังคมทุกวันนี้มัน เลว ระยำ จริงๆ

ใครต้องขับรถ..หรือ มีแฟนสาวขับนรถก็อ่านไว้นะ.. น่ากลัวนะ

อ่านไว้จะได้ระวังตัว คัดลอกจาก ตามล่ามาเล่า : ประไพพัตร โขมพัตร นิตยสารดิฉันภัยมืด

ผู้หญิงคนหนึ่งนั่ง อยู่บนสถานีตำรวจก้มหน้านิ่งตลอดเวลา

ใบหน้าเธอซีดขาว บางครั้งก็เหม่อลอย แววตาหมดหวัง และบางครั้งหมดอาลัยตายอยากในชีวิต

ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบตี 2 แล้ว ท่าทางของเธอสะดุดในผู้หญิงอีกคนซึ่งอยู่ที่นั่นด้วย

จนอดไม่ได้ที่จะหา โอกาสเข้าไปพูดคุยด้วยความสงสัย ผู้หญิงทั้งคู่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน

แต่เหตุที่ต้องมาอยู่บนสถานีตำรวจในเวลาเดียวกัน ก็เนื่องจากอุบัติเหตุรถชนกัน!

เป็นการเฉี่ยวชนแล้วพยายามขับหนี แต่ไม่พ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้

เธอซึ่งเป็นผู้เสียหายให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จนเมื่อถึงเวลาสอบปากคำอีกฝ่าย เธอพยายามเข้าไปพูดคุยกับผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้วยความสงสัย

ตอนแรกคิดว่าอาจจะกลัวหรือตกใจที่แฟนตัวเองพยายามหลบหนี หรือกังวลกับคดีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

จึงบอกว่า ถ้าชดใช้ค่าเสียหาย ก็จะไม่เอาความใดๆ แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรไปกว่านั้น

ผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้ออกมาอย่างน่าตกใจ พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่า ไม่ได้เป็นอะไรกับผู้ชายคนนั้น

ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย อากัปกริยาเช่นนี้ยิ่งทำให้น่าสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม

และยิ่งทำให้ต้องปลอบโยน เพื่อหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นแน่

ด้วยความเป็นผู้หญิงด้วยกัน ทำให้ใช้เวลาไม่นาน

เรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดออกมา เธอบอกว่ากำลังถูกผู้ชายคนนั้นจับตัวไว้เหมือนกัน

เธอกลัวมากและอายมาก และกำลังช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น กับสิ่งที่เกิดขึ้นจนทำอะไรไม่ถูก

เมื่อเธอเล่าจบ ทำให้ผู้ฟังรีบเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับกุมชายคนนั้นไว้ทันที

ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้โชคร้าย ความจริงบ้านของเธออยู่ที่จังหวัดนครปฐม

ในขณะที่เธอกำลังขับรถกลับบ้าน เป็นเวลา 3 ทุ่ม ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาชนท้าย

ผู้ขี่จักรยานยนต์เป็นผู้ชายคนหนึ่ง รีบจอดรถลงมาดูความเสียหาย และขอโทษขอโพยเธอเป็นการใหญ่

พร้อมทั้งบอกว่า ไม่ต้องกังวล จะชดใช้ค่าเสียหายให้

และพร้อมจะไปตกลงที่สถานีตำรวจด้วยท่าทางที่สุภาพนอบน้อม

ทำให้เธอไม่รู้สึกกลัว และยินดีที่จะไม่เอาเรื่อง หากชดใช้ค่าซ่อมรถที่มีรอยบุบเพียงเล็กน้อย

ชายคนนั้นบอกให้เธอขับรถตามเข้าไปยังอู่ซ่อมรถที่อยู่ไม่ไกล เพื่อให้ช่างตีราคาและตกลงค่าซ่อม

แต่ระหว่างทาง ขอนำรถมอเตอร์ไซด์เข้าไปเก็บที่บ้านก่อน เพราะรู้สึกว่าเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหา

เธอก็ขับรถตามไปจนถึงปากทางเข้าบ้าน และนั่งคอยอยู่ที่รถ

ชายคนนั้นกลับออกมาพร้อมชายคนหนึ่ง เปิดประตูและขึ้นนั่งประกบทันที

ดันตัวเธอไปนั่งตรงกลาง ใช้มีดบังคับให้นั่งเฉยๆ และขับรถเข้ามากรุงเทพฯ

ถึงธนาคารแห่งหนึ่งบริเวณงามวงศ์วาน ก็จี้ตัวเธอลงไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม

ได้เงินจำนวนที่ธนาคารกำหนดให้กดจากตู้ในวงเงินเท่านั้น

แต่เมื่อเห็นเงินในบัญชียังมีเหลืออีกมาก จึงยังไม่ปล่อยตัวไปง่ายๆ

กันตัวไว้ รอเวลาให้เลยเที่ยงคืน แล้วจะกดเงินจากตู้เอทีเอ็มอีกครั้ง

ในช่วงการรอคอยเวลา ก็ขับรถมาแถวถนนลาดพร้าว เลี้ยวเข้าไปในโรงแรมม่านรูด

และผลัดกันข่มขืนเธอหลายครั้ง แล้วก็สั่งอาหารรวมทั้งเบียร์มาดื่มกินในห้อง

จนมีอาการมึนเมา แล้วก็ข่มขืนอีก จนกระทั่งตี 2

ชายคนหนึ่งจึงขับรถพาเธอมา บังคับให้กดเงินให้อีก

โดยให้สัญญาจะปล่อยตัวไป หากได้เงินที่ต้องการแล้ว

ยังไม่ทันที่จะถึงธนาคาร ชายคนนั้นก็ขับรถชนท้ายรถคันหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าเสียก่อน

แล้วพยายามหลบหนี จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้

เจ้าหน้าที่ตำรวจพาไปจับเพื่อนร่วมแก๊งอีกคนที่นอนคอยอยู่ในโรงแรมได้ และพาตัวมาสอบสวน

ทั้งคู่รับสารภาพว่า ทำอย่างนี้กับผู้หญิงมาแล้วหลายครั้ง

ส่วนใหญ่จะตระเวนมองหารถที่มีผู้หญิงขับเพียงคนเดียว

และมักจะหาเหยื่อตามจังหวัดที่อยู่รอบๆกรุงเทพฯ

ผู้หญิงส่วนใหญ่อาย ไม่กล้าแจ้งความ กลัวเสียชื่อเลย ทำให้ยิ่งได้ใจ

ฝาก Forward ต่อไปให้เพื่อนคุณ ด้วยความห่วงใยด้วยน่ะครับ




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2551    
Last Update : 7 สิงหาคม 2551 15:33:36 น.
Counter : 1135 Pageviews.  

ระวัง!!! ใช้พีซีนานๆ อาจตายได้

แพทย์เชื่อว่าอาการเลือดจับตัวเป็นก้อนลิ่มในเส้นเลือดของผู้ป่วยใกล้ตายรายหนึ่งสาเหตุมาจากการที่ใช้เวลานั่งทำงานอย่างต่อเนื่องกับพีซีนานเกินไปโดยที่ไม่ได้มีการขยับร่างกาย หรือลุกออกไปไหนเลย

มันเป็นเรื่องจริงที่ว่า พีซีสามารถทำให้คุณตายได้
ซึ่งเราไม่ได้กำลังพูดถึงนักเล่นเกมที่ตายหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์
หลังจากอดอาหาร และน้ำต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน
แต่หมายถึงใครก็ตามที่จะได้รับผลกระทบจากการใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่กับโต๊ะคอมพิวเตอร์

นักวิจัยที่ประเทศนิวซีแลนด์พบว่า การนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาหลายๆ
ชั่วโมง อาจทำให้เลือดแข็งตัวเป็นก้อนลิ่ม และเป็นอันตรายถึงตายได้
ลักษณะจะคล้ายๆ กับการเกิดอาการที่เรียกว่า DVT (Deep-Vein Thrombosis)
ซึ่งเกิดจากการนั่งเครื่องบินในระยะทางไกลๆ โดยเฉพาะชั้นที่นั่งราคาประหยัด
บางทีจึงเรียกอาการนี้ว่า “economy-class syndrome”

ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ถูกค้นพบโดยนักวิจัยที่ได้ข้อมูลว่า
ชายวัย 32 ปีผู้หนึ่งที่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าเทอร์มินัลคอมพิวเตอร์ประมาณ 18 ชั่วโมงต่อวัน
ซึ่งมีอาการโคม่า เนื่องจากเกิดอาการเลือดจับตัวเป็นก้อน
โดยก้อนเลือดที่เกิดขึ้นนี้จะอยู่ในบริเวณขาของเขา ก่อนที่จะแตกกระจาย
และเดินทางไปยังปอดทั้งสองของเขาอีกทีหนึ่ง

อาการที่เรียกว่า DVT นี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีเลือดข้นอยู่ในเส้นเลือดดำ
ซึ่งมันจะค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองไปเป็นก้อนลิ่ม
โดยอาการที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดคือ ขาจะเริ่มบวม
ส่วนอาการที่อันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อลิ่มเลือดแตกออก และเดินทางไปยังหัวใจ
หรืออวัยวะภายในที่สำคัญๆ ซึ่งผลลัพธ์ของอาการที่เกิดขึ้นจะไม่อาจคาดเดาได้

สำหรับข้อแนะนำ
นอกจากการที่ไม่ควรนั่งทำงาน หรือเล่นเกมกับพีซีนานเกินไปแล้ว
ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่รู้สึกว่านั่งนานเกินไปให้พยายาม กระดิกนิ้วเท้า
และข้อเท้า ดื่มน้ำ และไม่ควรดื่มอัลกอฮอล์
นอกจากนี้ ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่นั่งนานควรจะลุกขึ้น และยืดขาอย่างน้อยๆ ชั่วโมงละ 1 ครั้ง
การใช้ยาแอสไพริน ซึ่งช่วยให้เลือดไม่ข้นเกินไปก็สามารถช่วยได้เหมือนกัน

การนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ในท่าทางที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงบ้าง
ผู้เชี่ยวชาญบางท่านยังตั้งข้อสังเกตว่า
ผู้ใช้โน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์จะเสี่ยงต่ออาการผิดปกติที่ว่านี้เป็น 2 เท่า
โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานกับโน้ตบุ๊กในชั้นที่นั่งราคาประหยัดบนเครื่องบิน




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2551    
Last Update : 7 สิงหาคม 2551 13:37:15 น.
Counter : 275 Pageviews.  

ระวังคนไปเกาหลี

ลองอ่านเรื่องนี้ดูนะค่ะ พอดีได้มาจาก Email ที่ส่งๆ ต่อๆ กันมา เท็จจริงยังไง ก็ลองพิจารณาดูนะค่ะ

วันนี้เรามีเรื่องที่เกิดจากประสบการณ์จริงจะมาเล่า เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกคนที่ฝันใฝ่อยากไปเที่ยวประเทศเกาหลีกันเพื่อจะได้รู้ข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่งที่เกิดขึ้นที่เกาหลีก่อนที่ใครจะตัดสินใจไปและกลายเป็นเหยื่อบริษัททัวร์ของไทย กับข้อเท็จจริงที่คุณอาจจะพบ คือ
1. กองตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี ไม่มีมาตรฐาน ใช้วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่เป็นคนตัดสิน (ชี้นิ้วเลือกมั่ว) ให้คนเข้าห้องสอบสวนและส่งตัวกลับประเทศเยี่ยงนักโทษ
2. ตม.เกาหลี ปฎิบัติกับคนไทย เหมือนดูถูก แย่มากๆ ประเทศเกาหลีไม่ดีเหมือนภาพที่เราเห็น
3. ถ้าคุณยังอยากจะไป ขอให้เตรียมใจเผื่อจะดวงดีอย่างเรา (แต่ต้องทำใจยอมรับได้ว่ามีสิทธิ์จะโดนกักตัวเพื่อสอบสวนเกือบ 10 ชั่วโมง) และ ถูกอดอาหาร
4. ถ้าจะไปเลือกทัวร์ที่เชื่อมั่นได้ อย่าเชื่อแค่ชื่อบริษัท อย่างเรา ถ้าถามว่าทัวร์ไหนไม่ควรไป บริษัท ซันมูนทัวร์ แอนด์ทราเวล จำกัด เพราะคุณจะไม่ได้รับการรับรองการเข้าไปท่องเที่ยวหรือการช่วยเหลือใด ๆ ในการเดินทางเมื่อเกิดปัญหาที่ด่าน ตม. –เข้าประเทศเกาหลีไม่ได้ก็เรื่องของคุณ ทัวร์ไม่รับผิดชอบ (กลุ่มที่เราไป กับซันมูนทัวร์ ทั้งกลุ่มมีประมาณ 20 กว่าคน แต่ไม่สามารถผ่านเข้าเกาหลีได้ 7 คน แล้วคุณลองเอา 30,699 บาท คูณเข้าไปสิ บริษัทซันมูนทัวร์จะได้กำไรมากแค่ไหน ถ้าคนที่ไม่ผ่านเดินทางไปกับทัวร์ไม่ได้)

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เรากับครอบครัวตัดสินใจไปเที่ยวเกาหลีกัน (กรุงโซล) โดยจอง ทัวร์ผ่านบริษัท ซันมูนทัวร์ โดยมีการติดต่อบริษัท ส่งมอบพาสปอร์ตและชำระเงินก่อนเดินทาง ตามขั้นตอน (ไปเกาหลีไม่ต้องทำวีซ่า จึงใช้แค่พาสปอร์ต) โดยโปรแกรมทัวร์ที่เค้าส่งมาให้จะมีระบุในหมายเหตุว่า บริษัททัวร์จะไม่รับผิดชอบใดๆ หากกองตรวจคนเข้าเมืองไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ (เราก็อ่านแล้วแต่ไม่ได้ติดใจอะไร นึกว่าคงเป็นเรื่องธรรมดาของทัวร์)

ทีนี้เรื่องก็มาเริ่มตอนวันเดินทาง ก่อนเดินทางบริษัททัวร์ก็จะเอาเอกสารมาให้เซ็นยอมรับเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง ประมาณว่า เราจะยอมไม่เรียกร้องใดๆ ทั้งสิ้นหากประเทศเค้าไม่ให้เข้าประเทศ (ก็แหม ลากกระเป๋า, จ่ายตังค์แล้วมาถึงสนามบินแล้วนี่เนอะ จะไม่เซ็นก็ไม่ได้) แล้วแถมไปกับทัวร์ก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถึงแม้หัวหน้ากรุ๊ปทัวร์จะให้เราดำเนินการเองตั้งแต่เดินไปโหลดกระเป๋า ยื่นเอกสาร จนถึงเดินขึ้นเครื่อง

พอมาถึงประเทศเกาหลี หัวหน้าทัวร์ก็พยายามนัดแนะว่าก่อนยื่นพาสปอร์ตเข้าเมือง หาก ตม. เกาหลี กองตรวจคนเข้าเมืองถามให้บอกว่ามากับทัวร์ ชื่อ JTS travel ซึ่งชื่อทัวร์ land ของเกาหลีที่เค้าติดต่อด้วย และชื่อสถานที่ที่เที่ยวที่จะไป พร้อมให้กระจาย ๆ กันไปยื่นพาสปอร์ต – นี่หละคำแนะนำของเค้ามีแค่นี้จริง ๆ

ตอนเรากับครอบครัวไปยื่นพาสปอร์ต ก็เริ่มเห็นแล้วว่าเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลี เริ่มเดินไปมาและชี้ให้คนที่ต่อแถวอยู่ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทย เพราะเป็นไฟล์ที่บินจากไทยไป) เดินออกจากแถวไปที่ห้อง สอบสวน ทั้งที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ยื่นเอกสารเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องเดินไปตามคำสั่ง พอตาแม่เรายื่น อยู่ดีๆ เจ้าหน้าที่ก็ให้แม่เราออกจากแถวไปเข้าห้องสอบสวนด้วย เราก็เฮ้ยจะบ้าป่าว แม่เราอายุเกือบ 50 แล้วนะแล้วมากันทั้งครอบครัวเนี่ยนะ แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อ พอตาเรายื่นบ้าง (เราต่อแถวต่อจากแม่เรา) เจ้าหน้าที่เห็นนามสกุลเดียวกัน เค้าเลยถาม ว่าเป็นอะไรกัน พอเราบอกเป็นแม่ เค้าก็เลยให้เราออกจากแถวไปห้องสอบสวนด้วย เราก็เออหวะ ไม่เป็นไรอย่างน้อยได้ไปอยู่เป็นเพื่อนแม่เรา

ซักพักน้องเราอีก 2 คน ก็โดนไล่มาด้วย ส่วนพี่กับน้องอีก 2 คน ผ่านเข้าไปได้ ที่นี้ก็เข้ามาในห้อง จะขอบอกว่าบรรยากาศเลวร้ายมากๆๆๆ เจ้าหน้าที่เกาหลี ค่อนข้างดูถูกคนไทย (มาก) และเค้าก็ไม่มีมาตรฐานในการเลือกคน (อยู่ดี ๆ ก็ไล่มามั่วๆ) พอเข้ามาในห้องแล้ว โห บรรยากาศ เหมือนทุกคนเป็นนักโทษ ต้องเดิน นั่งหรือทำอะไรตามคำสั่ง คุณลองนึกดูในห้องที่เค้าสั่งให้เราเข้าไป จะเป็นห้องสี่เหลี่ยม ไม่ใหญ่ กว้างประมาณ 4x4 เมตร มีเก้าอี้วางเรียงกันแบบแออัด เหมือนเก้าอี้ที่วางเรียงตอนนั่งรอรถทัวร์ แต่วางแถวชิดๆ กัน แล้วก็มีคนที่เค้าเลือกออกมาอยู่เต็มห้อง อยู่แบบแออัด อากาศภายในห้องร้อนมาก (ทั้ง ๆที่ช่วงที่เราไปเค้าบอกอุณหภูมิ -10ถึง -15 องศา) หายใจไม่ออก เอาคนมารวม ๆ กัน (เรากับแม่และน้องเริ่มรู้สึกแย่ เฮ้ยเรามาเที่ยวนะทำไมทำกับเราอย่างนี้) ในใจก็รอให้บริษัททัวร์ ที่เราไปกับมันมาช่วยเคลียร์ให้เพราะเราตั้งใจมาเที่ยวจริงๆ ทำไมต้องเจอแบบนี้

บางคนที่มาทัวร์บริษัทอื่น หัวหน้าทัวร์ก็พยายามเข้ามาเคลียร์ให้ ) โดยระหว่างนี้ เจ้าหน้าที่เกาหลี มันก็พยายามเรียกตัวแต่ละคนไปสอบสวน คิดดูคนในห้องเกือบ 30 คน เจ้าหน้าที่เค้ามีแค่ 2-3 คนและยังไม่ค่อยสนใจคนที่เรียกตัวเข้ามา ปล่อยให้นั่งรอไปเรื่อย ๆ ใครจะลุกเดินก็แทบไม่ได้ ลุกปั๊บเค้าเดินมาปุ๊บ ถามทันทีว่าจะไปไหนและพยายามไล่กลับไปนั่ง เราก็พยายามใจเย็นนั่งรอ

รอไปรอมาจนเที่ยงกว่า ทุกคนในห้องก็ยังไม่ได้กินข้าว แต่เจ้าหน้าที่เดินออกไปกินข้าวกันเฉยเลย เหลือเจ้าหน้าที่อยู่ในห้องแค่ 2 คน คนที่ถูกเรียกมาก็นั่งรอไปสิ จะทำไม ทำให้คนที่อยู่ต้องอยู่อย่างสิ้นหวัง บางคนเค้าก็เรียกตัวไปสอบตั้ง 3-4 รอบ

บางตนเค้าเรียกตัวไปสอบถามเสร็จก็สรุปให้เซ็นชื่อจะส่งกลับประเทศอย่างไม่มีเหตุผล สำหรับเรามันก็ไม่ยอมเรียกเรากับแม่และน้องซักที คิดดูสิ เราลงจากเครื่องมาตั้งแต่ 10 โมง จนเกือบ 5 โมงกว่า (5 โมงเย็น) 7 ชั่วโมง ข้าวก็ไม่ได้กิน ภายในห้องแคบๆ ที่มีคนรวมกันกว่า 30 คน คงกะจะทรมานให้ตาย แถมเจ้าหน้าที่ที่นี่ก็ทำเหมือนเราทำความผิดมาก ๆ จะไปห้องน้ำก็มีเจ้าหน้าที่มาตามคุม รู้มั้ยเรากับครอบครัวต้องนั่งรอด้วยความทรมานใจและความหวังที่เริ่มริบหรี่ นั่งดูคนอื่น ออกไปทีละคน

แล้วเราก็เริ่มนึกแค้นใจบริษัททัวร์ ทำไมไม่มีความช่วยเหลือใด ๆ จากบริษัททัวร์นี้ นั่งนึกเกลียดประเทศเกาหลี และคิดในใจว่าหลาย ๆ คนคงเคยเห็นแต่ภาพลวงตามหนังหรือละครที่คิดว่าเป็นประเทศที่ดี แต่จริง ๆ ไม่ใช่ จริง ๆ เค้าไม่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนไทยอย่างเราเลย เรานั่งรอๆๆๆ จน 5 โมงกว่า หลังจากเค้าส่งคนอื่นกลับจนจะหมดแล้ว เค้าเพิ่งจะเรียกเราไปถาม .. ทำไมถึงมาเที่ยวที่นี่, ทำไมเลือกเกาหลี, อยู่ประเทศไทยทำงานอะไร, มาทำไม , มากับทัวร์ไหน.... 108 พัน คำถาม

และ สรุปสุดท้ายเค้าว่าไงคุณรู้ไหม ?? นอกจากความคับแค้นใจที่ถูกปฎิบัติเหมือนกับนักโทษแล้ว เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่า เค้าจะส่งเรากลับประเทศ เพราะที่เค้าให้เราเข้าประเทศไม่ได้ เนื่องจากบริษัททัวร์ที่เกาหลี ไม่รับรองการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของเรา ดังนั้นเค้าต้องส่งเรากลับไทย ความรู้สึกนั้นนะเราว่าสุดยอดเลย เฮ้ย เรามาเที่ยวกับครอบครัวนะ เราติดต่อซื้อทัวร์มาถูกต้อง แล้วไหนจะแม่ที่ตั้งใจอยากมาเที่ยวที่นี่อีก ทำไมบริษัททัวร์ไม่ให้การช่วยเหลือประสานงานใด ๆ เลย และด้วยเหตุผลที่บริษัททัวร์ฝั่งเกาหลีไม่รับรองการเข้ามาเที่ยวเนี่ยนะ แล้วเราจะซื้อทัวร์มาทำไมนี่ ถ้าหากเป็นเพราะเรามีปัญหาก็ว่าไปอย่างแต่นี่ไม่ใช่อะ มันเป็นเพราะความไม่รับผิดชอบของทัวร์ โดยเฉพาะทัวร์ที่เราซื้อจากประเทศไทย แล้วยังไงหละเราเสียเงินซื้อทัวร์ เราเข้าประเทศเค้าไม่ได้เพราะทัวร์ไม่รับผิดชอบ แล้วบริษัททัวร์ก็ลอยตัวไปด้วยคำอ้างว่าไม่รับผิดชอบใด ๆ หาก จนท.เกาหลีไม่ให้เข้าประเทศเท่านั้นเหรอ เงินค่าทัวร์หนะ เราไม่เสียดายหรอกแต่ความแค้นใจเหมือนโดนหลอกนี่หละที่ทนไม่ได้ เลยต้องมาเล่าข้อเท็จจริงให้ทุกคนรู้

และสำหรับบทสรุปของการเดินทางครั้งนี้นะเหรอ
1. สรุปเรากับแม่ และน้อง รวม 4 คน ต้องถูกส่งกลับประเทศไทยหลังจากถูกกักตัวไว้ 12 ชั่วโมง โดยถูกคุมตัวตลอดการเดินทาง แม้กระทั่งขึ้นเครื่องมาลงประเทศไทย ก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคนไทยมารับมอบ พร้อมสายตาแปลกประหลาดของแอร์ฯ บนเครื่องบิน
2. พี่และน้องเราอีก 2 คน ต้องจำใจเที่ยวต่อเพราะทั้งครอบครัวเข้าไปได้แค่ 2 คน พร้อมแบกกระเป๋าเดินทางของแม่และน้องไปด้วย ด้วยความหวังตอนแรกว่า แม่และน้องๆ จะผ่านเข้ามาได้
3. เราและครอบครัวไม่สามารถเข้าประเทศเกาหลีได้อีก เพราะกลายเป็นตราบาปที่ติดอยู่ตลอดไป (ตราบาปที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ ตม.เกาหลี และบริษัททัวร์ที่เราหลงเชื่อว่ามีชื่อเสียง)
4. บริษัททัวร์ลอยตัวไป เพราะประสบการณ์ของทัวร์ ก่อนเดินทางก็ให้เซ็นเอกสารยินยอมแล้วนี่ ผ่านไม่ผ่านไม่ใช่เรื่องของทัวร์ (รับเงินอย่างเดียว ชะตากรรมของใครรับผิดชอบเอาเอง กำไรเยอะดี) พร้อมรอเหยื่อกลุ่มใหม่ๆ ที่หลงมาซื้อทัวร์
5. หลังจากเราคุยกับ จนท.ตรวจคนเข้าเมืองคนไทย เค้าบอกว่าวันนี้มีคนไทยถูกส่งกลับมาเกือบ 40 ราย และส่วนใหญ่ไปกับซันมูนทัวร์ ดังนั้นเพราะเราไม่อยากให้ใครเจออย่างนี้อีก เลยขอให้ทุกๆ คนช่วยส่งต่อให้คนรู้จัก ต่อไปจะได้ไม่มีใครมีชะตากรรมเช่นเดียวกับเราอีก T T




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2551    
Last Update : 7 สิงหาคม 2551 13:28:11 น.
Counter : 1529 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

นากาชิม่า
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Tried to take a picture
Of love
Didn't think I'd miss her
That much
I want to fill this new frame
But it's empty

Tried to write a letter
In ink
It's been getting better
I think
I got a piece of paper
But it's empty
It's empty

Maybe we're trying
Trying too hard
Maybe we're torn apart
Maybe the timing
Is beating our hearts
We're empty

And I even wonder
If we
Should be getting under
These sheets
We could lie in this bed
But it's empty
It's empty
Friends' blogs
[Add นากาชิม่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.