Miffy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




I'm nothing special, in fact I'm a bit of a bore.
If I tell a joke, you've probably heard it before.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Miffy's blog to your web]
Links
 

 

Beauty diary mask : Q10 Rejuvenating


เมื่อก่อนเราไม่ค่อยชอบใช้แผ่นมาส์กหน้าเท่าไหร่ 
เพราะมักเจอปัญหาว่าแผ่นมาส์กไม่พอดีกับหน้าบาง แปะแล้วไม่แนบสนิทกับผิวหน้าบ้าง 
แถมบางยี่ห้อตาข่ายแผ่นมาส์กห่างมาก ทำให้ไม่สามารถอุ้มเซรั่ม / เอสเซนส์ ในซองได้ดีพอ
แปะหน้าทีน้ำไหลโจ๊กเปียกไปหมด แถมมีเหลือเจิ่งนองในซองอีกเพียบ 

แต่ตอนนี้เราเจอลูกรักตัวใหม่ที่ไม่มีปัญหาต่าง ๆ อย่างยี่ห้ออื่น
นั่นคือยี่ห้อ Beauty Diary ซึ่งมีขายในร้านวัตสัน ราคาไม่แพงเลย
แถมชอบมีโปรโมชั่นลดราคาอยู่บ่อย ๆ ด้วย 
แต่ที่มีวางขายในเมืองไทยนั้นมีไม่ครบทุกสูตร 
แล้วเราก็อยากลองสูตรอื่นดูบ้าง เลยฝากเพื่อนซื้อมาจากไต้หวัน 




เราเลือกสูตร Q10 Rejuvenating ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย ช่วยให้ผิวเต่งตึง
ที่เลือกสูตรนี้เพราะเพื่อนที่เราฝากซื้อแนะนำมาอีกที ซึ่งเพื่อนเราคนนี้หน้าใสมากกกก
เราก้เลยเอาวะ อยากหน้าใสบ้าง ขอลอกเลียนแบบหน่อยแล้วกัน 





แผ่นมาส์กสีขาวจั๊วะ พับมาเรียบร้อยอยู่ในซอง 
เนื่องจากซองจะมีขนาดพอดี ๆ กับเเผ่นมาส์ก เวลาฉีกต้องระวังนิดนึง
เดี๋ยวจะฉีกโดนแผ่นมาส์กขาดไปด้วย





เวลาใช้อย่าลืมลอกเเผ่นพลาสติกออกก่อนด้วยนะคะ





ตาข่ายของแผ่นมาส์กละเอียดมากกกก ดูดซับเซรั่มไว้ชุ่มทั้งแผ่นเลย 





ลองดูจากรูปนี้จะเห็นว่าในซองไม่มีเซรั่มเหลืออยู่เลย แผ่นมาส์กดูดเก็บไปทุกเม็ดจริง ๆ





แปะแล้วแนบสนิท พอดีกับใบหน้า ไม่มีปัญหาเลื่อนหลุดใด ๆ ทั้งสิ้น 
เว้นแต่ว่าตรงช่วงเหนือริมฝีปากมันชอบไหลลงมาคลุมปาก ทำให้รู้สึกรำคาญบ้าง


หลังใช้รู้สึกผิวเด้งมากกก ยังไม่เห็นผลเรื่องลดเลือนริ้วรอย อาจะเพราะเราเองก็ยังไม่มีมากนัก
เรามาส์กหน้าก่อนนอน โดยไม่ได้ทาครีมอะไรตามหลังอีก
ตื่นมาผิวก็ยังนุ่ม ชุ่มชื้นอยู่เลย แถมหน้าไม่มันแผล่บแบบทุกครั้งด้วย
ประทับใจมาก แต่ครั้งหน้าจะลองสูตรอื่นอีก







 

Create Date : 27 ธันวาคม 2555    
Last Update : 27 ธันวาคม 2555 22:04:14 น.
Counter : 1098 Pageviews.  

Patisserie MORI Osaka


วันนี้มีร้านเค้กสไตล์ญี่ปุ่นมาแนะนำ ชื่อร้าน Patisserie MORI Osaka
ร้านนี้มี 2 สาขา สาขาแรก เป็นคาเฟ่กิ๊บเก๋ อยู่ที่ RCA ฝั่งตรงข้าม Route 66 เลย
ถ้าเลี้ยวเข้าจากทางพระราม 9 จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือ หาไม่ยากค่ะ
สาขาที่ 2 อยู่ที่เอ็มโพเรียม แต่สาขานี้จะไม่มีโต๊ะให้นั่งค่ะ สำหรับซื้อกลับอย่างเดียว



(รูปจากเพจของทางร้าน)





ในตู้มีเค้กให้เลือกสิบกว่าอย่าง หน้าตาน่าทานทั้งนั้น ตัดสินใจไม่ถูกเลยว่าจะเอาชิ้นไหนดี
ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 90 ~ 130 บ.
ด้านบนคือ Fruit Basket หน้าตาอลังการมาก แต่ราคาแค่ 100 บ.





มุมขวาบนคือ strawberry short cake เมนูขายดีอันดับ 2 ของทางร้าน
เค้กของร้านนี้จะชิ้นไม่ใหญ่มากนัก เราว่าดูแล้วน่าทานกว่าเค้กชิ้นโตซะอีก





ทางขวาคือ Maron crepe cake หรือเครปเค้กเกาลัด ซึ่งเป็นเมนูขายดีอันดับ 3 ทางซ้ายคือ ทีรามิสุ





ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกมา 2 ชิ้น คือ เครปเค้กเกาลัดกับเค้กกล้วยช๊อกโกแลต (ลืมชื่อเมนูไปแล้ว)
บอกตามตรงว่าผิดหวังกับรสชาดของเค้กเกาลัดเล็กน้อย เพราะมันไม่มีกลิ่นเกาลัดหรืออะไรโดดเด่นเลย
ที่เลือกก็เพราะเห็นเป็นเมนูแนะนำ (=.=) รู้งี้สั่ง Fruit Basket มาดีกว่า
ถ้าไม่นับเรื่องไร้ความโดดเด่นแล้ว อย่างอื่นก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ
คือเนื้อเครปนุ่มมาก และครีมที่แทรกอยู่แต่ละชั้นนั้นมีเนื้อเบา หวานละมุนกำลังดี
ไม่หวานเลี่ยนเกินไป (เป็นเอกลักษณ์ของเค้กญี่ปุ่นเลย)

ส่วนอีกชิ้นที่สั่งมานั้นอร่อยกว่าเค้กเกาลัดเยอะเลย
รสชาดของกล้วยหอมกับช๊อกโกแลตเข้ากันดี หอม ๆ หวาน ๆ ทานเพลินมาก
ด้านบนเป็นดาร์กช๊อกโกแลต รสขมนิด ๆ ช่วยให้ไม่รู้สึกเลี่ยนเกินไป :D





เราสั่งเครื่องดื่มมาแค่เเก้วเดียว คือ apple green soda
รสชาดกลาง ๆ ค่ะ แต่ความซ่าจากแก้วนี้ช่วยให้ลดความเลี่ยนได้ดี

โดยรวมแล้ว 
เค้กรสชาดกลาง ๆ 
มีเมนูให้เลือกหลากหลาย
ราคาไม่โหดเกินไป 
ร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นน่ารักดี




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2555    
Last Update : 23 ธันวาคม 2555 23:07:21 น.
Counter : 3484 Pageviews.  

time machine






เมื่อวันก่อนนั่งจัดห้องนอน พยายามจะคัดของเก่าเก็บและสมบัติบ้าทั้งหลายทิ้งให้เยอะที่สุด

ของบางอย่าง เราสามารถโยนทิ้งไปโดยที่ไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจนานเกิน 5 วินาที
แถมยังด่าตัวเองซ้ำด้วยว่า ซื้อมาได้งัยวะ ตอนซื้อนี่แกคิดอะไรอยู่
แต่ของบางอย่างที่เราเก็บมานานนับสิบปี ของที่เก็บไว้เฉย ๆ ในกล่อง แถมเก็บกล่องเข้าลิ้นชักอีก
เรากลับไปกล้าโยนทิ้งซะที แม้เราไม่รู้ว่าจะเอาของพวกนี้ไปทำอะไรก็ตาม

พอนั่งนึกดี ๆ เราว่าของเก่าที่เราเก็บไว้นี่ก็มีหน้าที่ของมันนะ
หน้าที่ของพวกมันคือเป็นไทม์แมกชีน พาเราย้อนเวลากลับไปยังตอนที่เราได้เจอมันครั้งแรก
ถ้าเราไม่ได้เก็บของเก่าเหล่านี้เอาไว้ ความทรงจำช่วงนั้นของเราอาจจะหล่นหายไปก็ได้

เห็นบัตรนักเรียน ก็นึกถึงชีวิตนักเรียนหญิงล้วน
เห็นรูปที่ถ่ายคู่กับรุ่นพี่ขวัญใจสมัยมัธยม ก็นั่งเขินว่าเมื่อก่อนเรากรี๊ดพี่เค้าขนาดไหน
เห็นสาสน์ขยุกขยิกที่ส่งคุยกับเพื่อน ก็คิดถึงบรรยากาศห้องเรียน ที่เราไม่ต่อยจะตั้งใจเรียน

สรุป การจัดห้องครั้งนี้ เราเก็บของเก่าไว้ครบทุกชิ้นเหมือนเดิม T.T




 

Create Date : 21 ธันวาคม 2555    
Last Update : 21 ธันวาคม 2555 22:45:36 น.
Counter : 770 Pageviews.  

Welmel : fennex fox earrings

ร้าน Welmel ทำต่างหูออกมาขายแล้ว ! หลังจากที่มีแต่แหวนกับสร้อยคอมานาน
ตอนนี้มีแค่ 2 ลาย คือ ลายหมาบีเกิ้ลกับจิ้งจอกเฟนเนกซ์
ดูจากรูปที่ลงในเพจเเล้ว ต่างหูดูใหญ่เหมือนกันนะ กลัวใส่แล้วจะหนักถ่วงหู
แถมยังไม่มีรูปตอนใส่ให้ดูด้วย เลยไม่แน่ใจว่าขนาดมันใหญ่มากน้อยแค่ไหน
เลยส่ง line ไปถามรายละเอียดกับน้องแพรวเจ้าของร้าน
น้องเค้าบอกว่าขนาดประมาณ 1.5 ซม. และมีน้ำหนักเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับหนักมาก
เราเลยตัดสินใจสั่งลายจิ้งจอกเฟนเนกซ์มาเสี่ยงดวงดู :))

Welmel : Fennex Fox Earrings
price : ฿450









คราวนี้เปิดออกมาก็เจอต่างหูเลย ไม่ได้ใส่กล่องมาเหมือนแหวนหรือสร้อยคอ
แต่ทางร้านได้ยัดกระดาษกันกระแทกมาให้อย่างดี แบบไม่มีกล่องก็ไม่ต้องกลัวสินค้าจะชำรุด









ตัวต่างหูทำจากทองเหลือง มีขนาดประมาณ 1.5 x 1.5 ซม. ด้านในกลวงจึงไม่หนักถ่วงหู 
ตัวแป้นเป็นพลาสติกกลม เราชอบแป้นแบบนี้เพราะใส่แล้วแน่นดีและไม่กดหูเกินไป
ตัวจิ้งจอกเป็นสีครีมอ่อน ๆ ที่เลือกลายนี้เพราะคิดว่าสีอ่อน ๆ นั้นใส่เข้ากับเสื้อผ้าได้ง่ายดี







ใส่แล้วใหญ่เต็มติ่งหูพอดี สำหรับเราพอใส่ไปสักพักจะเริ่มรู้สึกหน่วง ๆ ถ่วง ๆ
คงเพราะปกเราใส่แต่ต่างหูคู่เล็ก ๆ ตลอด ไม่ค่อยได้ใส่คู่ใหญ่ ๆ 





 

Create Date : 14 ธันวาคม 2555    
Last Update : 14 ธันวาคม 2555 20:57:25 น.
Counter : 1440 Pageviews.  

Tokyo ViVi magazine


ช่วงปลายเดือนเก่าย่างเข้าเดือนใหม่นี้คือช่วงเวลาแห่งการหาซื้อนิตยสารเล่มใหม่ที่เพิ่งวางแผง
เราอ่านได้ทุกแนว แต่ส่วนใหญ่พวกนิตยสารแฟชั่นญี่ปุ่นอย่าง ViVi, Ray, S Cawaii นี่จะเช่าอ่านมากกว่า
เพราะเนื้อหาของบางเดือนไม่ถูกใจ แถมโฆษณายังเยอะอีก (โดยเฉพาะ Ray จะเยอะกว่าใครเป็นพิเศษ)





แต่เดือนนี้เราเห็นบนแผงมีนิตยสารเล่มใหม่ใสกิ๊งชื่อ  Tokyo ViVi ที่เพิ่งวางแผงฉบับที่ 1  
ดูท่าทางแล้วจะเป็นนิตยสารที่แตกย่อยออกมาจาก ViVi อีกทีนึงค่ะ
ตอนแรกก็ตัดสินในอยู่นานว่าจะซื้อดีมั้ย เพราะราคาตั้ง ฿100 แถมเล่มบางกว่า ViVi ครึ่งนึง
แถมมีถุงพลาสติกหุ้มไว้อีก ไม่กล้าขอแกะดูข้างใน
แต่สุดท้ายก็ซื้อมาเพราะชอบเลย์เอาท์หน้าปก แถมให้ Lena คนโปรดของเราขึ้นปกซะด้วย





พอเปิดอ่านข้างในแล้วรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูกมากที่ซื้อมา !
อันดับแรกเลย โฆษณาน้อยมากกกกก มีไม่ถึง 10 หน้าด้วยมั้ง
อันดับสอง รูปถ่ายในเล่มสวยมาก แม้ทั้งเล่มจะมีนางแบบแค่ 3 คน คือ
Sara Mary, Ellie Rose และ Lena Fujii
อันดับสาม แฟชั่นในเล่มสามารถนำมาประยุกต์ใส่ได้จริง และเป็นแนวที่เราชอบด้วย















คอลัมน์ใน Tokyo ViVi อาจจะไม่เยอะและหลากหลายเหมือนนิตยสารเล่มอื่นที่อยู่ในแนวเดียวกัน
แต่เมื่อดูโดยรวมแล้ว เราว่าเค้าก็พยายามทำออกมาให้ครอบคลุมเนื้อหาหลัก ๆ ที่ควรมีไว้หมด
เราไม่แน่ใจว่าจะออกทุกเดือนรึเปล่า แต่ถ้าออกรายเดือนก็ดี เพราะเราชอบค่ะ :D




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2555    
Last Update : 11 ธันวาคม 2555 20:24:52 น.
Counter : 1977 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.