อิตาลี ตอนที่ 3 Verona


Day5 23/08/05




เช้านี้ตื่นมาแดเริ่มออก ค่อยใจชื่นขึ้นหน่อยว่าคงไม่ต้องนั่งจับเจ่าอยู่แต่ในแคมปิ้ง เพราะเมื่อคืนนี้ฝนตกทั้งคืนเลย วันนี้เราจะไปเมือง Verona กัน หลังจากชมธรรมชาติมาสองวันแล้ว เมืองนี้อยู่ทางตะวันออกของทะเลสาป สีชมพูคือจุดที่เราพัก สีแดงคือเวโรนา เมืองที่เราจะไปเที่ยวกันวันนี้ เราออกเดินทางกันประมาณ 10 โมง เพราะระยะทางไม่ไกลจากที่พัก จั้งใจว่าจะขับรถเลียบทะเลสาปไปเรื่อยๆ แต่พอออกจากที่พักได้ไม่เท่าไหร่ รถเริ่มติดอีกแล้ว จึงจำใจต้องเข้าทางด่วนกัน ไม่งั้นเด๋วเวลาไม่พอชมเมือง อากาศวันนี้เริ่มดีขึ้น แม้จะมืดครึ้มเป็นบางช่วงแต่ฝนไม่ตก

ระหว่างทาง มชล ถ้า มชล เห็นสนามเด็กเล่น หรือไม้ลื่นก็จะดีใจมาก แล้วก็เรียกชี้ชวนให้ดู เค้าก็อยากเล่นตามประสาเด็ก แต่ต้องมาตะลอนกับเรา ก็สงสารเค้าเหมือนกันนะ


ไปเล่นไม้ลื่นกันเถอะ



เรียกประตูเมืองน่าจะพอได้



หลังจากไปถึงหาที่จอดรถได้แล้ว เริ่มออกมาก็เจอกับ Palazzo Barbieri คือซิตี้ฮอลล์ the neoclassical City Hall rises สร้างในศตวรรษที่ 19 ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ Giuseppe Barbieri เอาประวิตคร่าวๆแค่นี้พอดีกว่า

Palazzo Barbieri



ในหนังสือท่องเที่ยวเค้าบอกว่า เวโรนาเป็น เรียลอิตาลี่จริง มีประชากร 250000 คน เป็นเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่าน มีที่ช๊อปปิ้งมากมายแต่ราคาค่อนข้างสูง ที่มีมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นที่รู้จักคือ Arena di Verona ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับคลีเซี่ยมที่กรุงโรม ช่วงกลางวันเราสามารถเข้าไปชมข้างในได้ ส่วนกลางคืนจะใช้เป็นที่แสดงโอเปรา สร้างขึ้นในสใยศตวรรษที่1 ในศตรรษที่ 12 เกิดแผ่นดินไหว ทำให้ได้รับความเสียหาย ที่ตั้งก็อยู่ติดกับซิตี้ฮอลนั่นเอง

ด้านหน้าจะมีสิ่งของและอุปรณ์ที่ใช้แสดงตอนกลางคืน



เราไม่ได้เข้าไปชมข้างในอารีน่า เพราะว่าดูจะลำบากสำหรับ มชล แล้วก็ยังมีอีกหลายๆที่ที่เรายังต้องเดินอีกเยอะ จากตรงนี้เดินต่อไปอีนิด ก็จะเข้าย่านช๊อปปิ้ง มีร้านแบรนด์เนมดังๆมากมาย เช๋น หลุยสืติ้งต๊อง กุชชี่ แล้วก็อีกหลายๆยี่ห้อ เดินจนสุดถนนร้านดัง ก็มาถึง Piazza Bra เป็นจตุรัสที่มีร้านอาหาร หรือนั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ตรงนี้มีอาคารที่เรียกว่า Casa Mazzanti ด้านบนจะมีภาพวาดลวดลายสวยงาม ถัดมาด้านข้างก็จะเป็น Domus Nova


ด้านหลังจะเป็นย่านช๊อปปิ้ง


Piazza Bra


วันนั้นพอดีมีตลาดนัด เลยไม่ได้เห็นภาพเต็มๆของเปียซ่าบรา


Casa Mazzanti






จากนั้นเราเดินต่อไปยังถนนมุ่งหน้าสู่ Casa Capuleti บ้านของดาราโอเปราชื่อดังในอดีต Julia officieel ซึ่งเป็นจุดนึงที่นักท่องเที่ยวมาดูกัน

ทางเข้าบ้านนักแสดงโอเปรา


ด้านข้างจุดถ่ายรูป ข้างบนเป็นที่ที่นักแสดงจะออกมาโบกมือทักทาย


ถนนหน้าบ้าน


จากบ้านนักแสดงโอเปรา เราเดินไปยังแม่น้ำ Adige ชมวิวริมแม่น้ำ สวยงามไปอีกแบบ ฝั่งตรงข้ามมีปราสาทอยู่ด้านบน แต่เราไม่ได้ข้ามไป เพราะถ้าจะต้องเดินกันนานมาก ไปกับลูก มันไม่สะดวกแบบนี้แหละ อะไรที่มันยากนิดหน่อยเราก็ไปไม่ได้แล้ว ต้องคำนึงถึงเค้าเป็นหลัก ถ้าไปกันเองสองคน ป่านนี้อาจจะไปลุยแล้วล่ะ

ด้านหน้าของโบสถ์แห่งหนึ่งระหว่างทางเดิน แต่เราไม่ได้แวะ


วิวริมแม่น้ำ



จากนั้นเราเดินต่อไปยังโบสถ์ Santa Matricolare ต้องเสียค่าเข้าชม 2.50 ยูโร ถ้าจะปีนขึ้นไปดูวิวด้านบน ต้องเสียค่าปีนด้วย แต่ว่าเราไม่ปีนเพราะต้องใช้เวลามาก คนคอยจะเบื่อซะก่อน ภายในมีภาพวาดต่างๆ สวยงาม ก็คุ้มที่เข้ามา (บาร์ทกับ มชล รอข้างนอก)

ทางเดินสู่โบสถ์


ด้านข้างของโบสถ์



ด้านใน





ระหว่างคอยด้านนอกต้องเอาแอปเปิ้ลมาล่อ


อะไรจะใหญ่ปานนี้ ถ่ายรูปหน่อยทำเป็นเชิด


ออกจากโบสถ์ก็สี่โมงเย็นแล้ว คงไม่มีเวลาดูที่อื่นๆอีก มชล ก็ดูจะเหนื่อยมากแล้ว เพราะเดินกับเราทั้งวัน แม้จะมีงอแงให้อุ้มบ้าง แต่ก็ยังถือว่าเดินได้เก่งมากๆ อีก พอขึ้นรถได้ก็หลับทันทีเลย อีกอย่างขากลับเราอยากไปซื้อน้ำมันมะกอกที่พิพิธภัณฑ์น้ำมันมะกอก (Olie museum) ที่เมือง Cisano ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆเลียบทะเลสาป ซึ่งเราต้องผ่านอยู่แล้ว ซึ่งที่นี่จะมีประวัติการทำน้ำมันมะกอกตั้งแต่ยุคดั้งเดิม จนถึงปัจจุบัน ระหว่างทางก็มีหลงทางมั่งเป็นเรื่องปกติ จนกระทั่งเข้าเมืองนี้แล้ว ก็ยังหาพิพิธภัณฑ์ไม่เจอ วนไปวนมาจนอ่อนใจ เมืองก้มีเท่าเนี๊ยแต่หาไม่เจอ จนต้องจอดรถถามร้านค้าแถวนั้น ถึงได้รู้ว่า มันเป็นอาคารเล็กๆริมถนนที่เราผ่านไปแบบไม่สนใจนั่นเอง ใครจะรู้อ่ะ ก็นึกว่าจะใหญ่โต ที่ไหนได้ อาคารเล้กนิดเดียวเอง ข้างในก็จะมีร้านขายผลิตภัณฑ์จากมะกอกแทบทุกชนิดให้เลือกซื้อ แล้วก็ส่วนที่จัดแสดงวิวัฒนาการของการสกัดน้ำมันมะกอก เราซื้อน้ำมันมะกอกมา 4 ขวด สำหรับตัวเอง 2 ขวด และเป็นของฝาก 2 ขวด อยากจะซื้อเป็นแกลลอน แต่ก็ยังเหลือระยะทางอีกยาวไกล แถมรถก็เต็ม เลยตัดใจไม่ซื้อ

ภาพบางส่วนในพิพิภัณฑ์




ขากลับ หลงทางอีกแล้วง่ะ บาร์ทบ่นประจำว่าป้ายถนนที่นี่ไม่เคลียร์เลย อยู่ๆก็ไม่มีป้ายซะดื้อๆ กว่าจะหาทางเข้าทางด่วนเจอก็วนไปหลายรอบ กลับถึงบ้านเกือบทุ่ม เลยทำของง่ายๆกินกัน อิอิ สปาเก็ตตี้ ระหว่างทำอาหาร บาร์ทต้องพา มชล ไปเล่นแบดมินตันกัน สงสารลุกต้องมาตะลอนๆกับเราทั้งวัน หลังกินอาหารเสร็จให้เค้าเล่นอีกหน่อย แล้วค่อยพาเข้านอน อ้อ ช่วงนี้ มชล มีเพื่อนเล่นใหม่ เป็นเด็กผู้หญิงเยอรมัน อายุ 4 ขวบกว่าๆ นั่นก้ลูกคนเดียวเหมือนกัน เลยเข้าคู่กันได้กับ มชล พุดกันไม่รู้เรื่องหรอก แต่เล่นกันได้

ในรถเธอจะเป็นเจ้านาย คอยสั่งว่าเปิดเพลงชุดนั้นชุดนี้




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2548    
Last Update : 11 มกราคม 2549 4:28:27 น.
Counter : 619 Pageviews.  

อิตาลี ตอนที่ 2 Lago Ledro en Lago d' Idro


Day 4 22/08/05





วันนี้ตื่นเช้ามา ฝนตกพรำๆอีกแล้ว กินอาหารเช้าเสร็จ ก็นั่งจับเจ่ากันอยู่ในบ้าน ดีที่มีทีวีให้ดู ก็ดูข่าวสารไปเรื่อยเปื่อย บาร์ทก็ต้องทำหน้าที่เอนเตอร์เทนให้ มชล นานเข้าเริ่มเบื่อ เริ่มกระสับกระส่าย อยู่ไม่ไหวแล้ว เลยตกลงกันว่าออกไปขับรถเที่ยวไปตามเส้นทางสวยๆดีกว่า เราเลือกเส้นทางท่องเทียวมาหนึ่งเส้นทางจากหนังสือของ ANBW ซึ่งรวบรวมรายละเอียดที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ รวมทั้งข้อมูลเกือบทุกอย่าง เหมือนเป็นไกด์นำทางที่ดีมากๆเลย เส้นทางที่เลือกคือ Ledro, Idro และ Valvestino ทั้งสามชื่อนี้คือชื่อทะเลสาบ ซึ่งเป็นทะเลสาปที่อยู่ในภูเขา ซึ่งอยู่ในเส้นทางที่เราจะไปกัน

เราออกจากที่พักที่ San Felice del Benaco ขับรถเลียบทะเลสาป ผ่านเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆคือ Salo - Gardone Riviera - Tignale ระหว่างทางที่ผ่านมา ก็ลดเลี้ยวไปตามไหล่เขา วิวข้างซ้ายเป็นภูเขา มีบ้านกระจายไปเป็นกลุ่มๆ ด้านขวาก็เลียบทะเลสาป มีอุโมงค์ลอดเขาเป็นระยะๆ บางแห่งก็ยาวมากๆ ก่อนจะถึงเมือง Riva Del Garda รถเริ่มติดอีกแล้ว อันนี้เป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดเลย ถ้าบางช่วงติดใหนอุโมงค์ยิ่งเซ็งใหญ่ เพราะมันมืดๆแล้วก็กลิ่นเหม็นของท่อไอเสียอีก พอผ่านไปได้ เราก็เลยไปแวะกินกลางวันกันที่เมืองนี้ ก็สปาเกตตี้ ของประจำชาติอิตาลีไง ความจริงกะจะเข้าไปกินที่ท่าเรือ แต่หาที่จอดรถไม่ได้ ก็เลยขับวนเข้าไปในตัวเมือง ไปเจอป้ายชี้ทางไปกินสปาเกตตี้ ก็เลย เอานี้แหละ ก๊ากกกกกก ทางมันลึกลับซับซ้อน ปรากฎว่า มันเป็นโรงแรม แล้วก็มีส่วนที่เป็นภัตตาคารด้วย ไม่มีคนเลยอ่ะ มองไป อ้อ มีอยู่ 1 โต๊ะ เอาเหอะ ไหนๆก็มาแล้ว เกือบบ่ายโมงแล้วด้วย เอาที่นี่แหละ ถ้า มชล จะวิ่ง จะกวนก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวใครจะว่า เพราะไม่มีคน ฮ่าๆๆๆ กินเสร็จก็บ่ายสองแล้ว ไปต่อดีกว่า ไม่ดูแล้วเมือง

วิวระหว่างทาง

วิวระหว่างทาง ฝนยังคงตกพรำๆ

สภาพรถติดประจำ


ตอนนี้รถไม่ติดแล้ว แต่ฝนก็ยังตกพรำๆอยู่ หนักบ้างเบาบ้าง หยุดบ้างสลับกันไป ก็ขับรถไปตามเส้นทาง เจอแล้วทะเลสาปแรกชื่อ Ledro น้ำเป็นสีเขียวเข้ม สวยงาม ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่เมื่อ 4000 ปีที่แล้ว บ้านที่อยู่อาศัยจะเป็นลักษณะคล้ายๆกระท่อมมุงจาก เสียดายที่ช่วงนี้ฝนเริ่มเม็ดหนาขึ้น เลยไม่ได้เดินเที่ยวเท่าไหร่ แค่ถ่ายรูปแล้วก็ออกเดินทางไปยังทะเลสาปที่สองกัน

ระหว่างลงไปถ่ายรูปทะเลสาป มชลหลับค่ะ

บ้านสมัย 4000 ปีที่แล้ว ที่ริมทะเลสาป Ledro

อีกมุมนึง Ledro

ฝนเริ่มหนาเม็ด ถ่ายจากในรถ ชอบภาพนี้จัง

อีกมุมนึงของ Ledro ถ้าฝนไม่ตกคงจะเห็นสีเขียวชัดเจน

Ledro



หลังจากถ่ายรูปเสร็จเราออกเดินทางกันต่อไปยังจุดที่สอง เราขับรถเลียบไปตามเขา ซึ่งเส้นทางช่วงนี้สวยงามมาก ลดเลี้ยวไปตลอดทาง แต่ไม่อันตราย เกือบชั่วโมงเราก็มาถึงทะเลสาปในจุดที่สองคือ Lago d'Idro ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ บรรยากาศเงียบสงบ รอบทะเลสาปล้อมรอบไปด้วยป่าทึบ บนยอดเขานั้นมีปราสาทที่สร้างโดยครอบครัว Lodron สร้างในสมัยศตวรรษที่ 16 เราตั้งใจว่าจะขึ้นไปชมปราสาท แต่พอขับขึ้นไปทางยิ่งสูงชันมากๆและค่อนข้างอันตราย ตอนแรกก็มีป้ายบอกทาง แต่พอขับไปเรื่อยๆ ก็ไม่เจอแล้ว เลยตัดสินใจกลับดีกว่า เพราะอากาศไม่เป็นใจด้วย

วิวระหว่างไปทะเลสาปที่สอง

ลักษณะหมู่บ้านตามทางที่เห็นได้ทั่วไป

บรรยากาศเงียบสงบที่ Lago d'Idro

อีกมุมหนึ่ง Lago d'Idro

สองพ่อลูก



หลังจากชื่นชมความงามของทะเลสาปแห่งนี้กันแล้ว เราก็ตัดสินใจกันว่า คงไม่ไปแห่งที่สามแล้ว เพราะตอนนั้นก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว อีกอย่าง เส้นทางที่จะไปนั้นเป็นถนนที่เล็กและแคบ อีกทั้งยังลดเลี้ยวไปตามไหล่เขาสูงชัน คงใช้ความเร็วในการขับรถไม่ได้ เราจึงมุ่งหน้ากลับที่พักกัน เพื่อเข้าเมืองให้ทันจะได้แวะซุปเปอร์มาร์เกตเตรียมหาของกินในวันต่อไป





 

Create Date : 05 ธันวาคม 2548    
Last Update : 11 มกราคม 2549 4:38:55 น.
Counter : 405 Pageviews.  

อิตาลี่ ตอนที่ 1 Lago di Garda


บันทึกการเดินทางครั้งล่าสุด
Day1 19/08/05

หลังจากกลับจากเมืองไทยได้ 3 อาทิตย์ ก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว คราวนี้เป็นคิวพักร้อนของบาร์ท ปีนี้เราเลือกไปทางเหนือของอิตาลี เพราะเข้าปลายเดือนสิงหาแล้ว อากาศในประเทศยุโปทางตอนกลางและตอนบนเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ดังนั้น อิตาลีจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ จุดหมายที่เราจะไปที่แรกคือ ทะเลสาบคาร์ดาเมียร์ ( Lago di Garda )เป็นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากๆในอิตาลี ยิ่งเป็นช่วง มิย และ กค คนก็จะยิ่งหนาแน่นมาก



เราออกดินทางกันเช้าวันอาทิตย์ที่ 19/08/05 วันนี้อากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฝนตกปรอยๆเป็นระยะๆ เราเลือกขับเข้าไปทางเยอรมันนี และจะหยุดพักค้างคืนที่เมือง Augsburg โดยเริ่มจาก Eindhoven-venlo-Duisburg-Köln-Frankfurt-Wüzburg-Uim-Augsburg รวมระยะทางประมาณ 652 กม เราเลือกพักที่โรงแรม AccorHotels ซึ่งเป็นโรงแรมที่เหมาะสำหรับพักระหว่างทาง ห้องพักเรียบง่าย เตียงแบบสองชั้น

Day2 20/08/05




เช้าวันที่สองเราของการเดินทาง วันนี้เราจะแวะไปบ้านซันด้วย (น้องที่รู้จักกันทางเนต)ที่ Garmisch Partenkirchen เราจึงต้องออกเดินทางกันตั้งแต่แปดโมงเช้า วันนี้เราจะใช้เส้นทาง Augsburg-Garmisch Partenkirchen-Insbruck(ออสเตรีย)แล้วจึงมุ่งหน้าเข้าอิตาลี จุดมุ่งหมายคือหมู่บ้าน San Felice del del Benacoในทะเลสาบคาร์ดา

ระหว่างทางฝนตกพรำๆอีกแล้ว ระหว่างที่รถแล่นไปเรื่อยๆ ยิ่งเข้าใกล้เขตเมืองที่ซันอยู่ เรานึกสงสัยว่า ทำไมยังไม่มีภูเขาอีกนะ เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่เค้ามีการเล่นสกีแล้วก็ใช้เป็นที่แข่งขันการกระโดดสกีระดับโลกด้วย ขณะที่กำลังนึกอยู่นั้น เหลือระยะทางอีกประมาณ 60 กม ก็จะถึงเมืองนี้แล้ว จู่ๆก็ปรากฎภูเขาขึ้นมาทันที ต้องบอกก่อนว่า โดยทั่วไปเวลาที่เราเข้าเขตเทือกเขาเนี่ย เราก็มักจะเห็นเทือกเขาใหญ่น้อยลดหลั่น สลับกันไป แต่ที่นี่ไม่เป็นอย่างนั้น เป็นพื้นราบ แล้วจู่ๆก็เป็นเขาเลย ภูมิประเทศแถบนี้สวยมาก แต่เสียดายฝนตกเลยไม่ได้แวะถ่ายรูปเลย ได้แต่รูปเนี๊ย


ไปถึงบ้านซันก็สิบโมงครึ่งกว่าแล้ว บ้านซันน่ารัก มีต้นแอ๊ปเปิ้ลหน้าบ้านด้วย ไปถึงก็ทักทายกันยังไม่ทันไรก็จัดการกินกันซะแล้ว อิอิ สำหรับเจ้าบ้านคงเป็นมื้อเช้า ของเรากลายเป็นมื้อเที่ยงไป มื้อนี้สามีซันลงทุนไปซื้อมาด้วยตัวเอง เป็นไส้กรอกเยอรมันแบบต้ม เป็นอาหารท้องถิ่นของที่นี่ ซันเตรียมไว้คนละสองชิ้นแต่เรากินได้แค่ชิ้นกับอีกนิดหน่อยเอง ก็มันชิ้นเล็กซะเมื่อไหร่ล่ะ แล้วก็เพิ่งกินอาหารเช้ามาจากโรงแรม เลยไม่มีที่ว่างให้ใส่ ทั้งๆทีเป็นของชอบของเราเลย ก็ไส้กรอกเยอรมันน่ะอร่อยนนี่นา กินไปก็คุยกันไป สามีซันก็เป็นคนเงียบๆ คล้ายบาร์ท งานนี้เลยมีแต่เรากับซันคุยกันแบบรีบๆเลย ก็มีเวลาน้อยอ่ะ ซันก็ต้องรีบไปดูกระเบื้องทำบ้าน เราก็ต้องออกเดินทางต่อ เพราะระยะทางยังอีกยาวไกล แถมฝนก็ต้งเค้ามาอีกแล้ว


ลีนุสกับมิเชลเลอร์


หลังจากร่ำรากันเสร็จเราก็ต้องออกเดินทางกันต่อ โดยใช้เส้นทางเล็กมุ่งหน้า Insbruck ประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจของออสเตรียอีกเมืองนึง แต่เราไม่ได้แวะ เพราะเคยไปมาแล้ว ตอนที่มิเชลเลอร์ขวบกว่า พอเข้าเขตชายแดนออสเตรียได้ไม่เท่าไหร่ ฝนก็ตกพรำๆ แถมรถติดอีก ติดนานมากๆเลยเราต้องเปลี่ยนไปใช้ทางด่วนแทน พอเริ่มเข้าเขตอิตาลี ขับรถมุ่งหน้าสู่ Verona เพื่อจะไปทะลสาบคาร์ดา เราตัดสินใจว่าจะใช้เส้นทางด่วนตลอด เนื่องจากระยะทางไกลมาก แต่พอเข้าทางด่วนไปได้ไม่เท่าไหร่ รถก็ติดนานมากๆ รถมากจริงๆ ที่เห็นก็เป็นคนที่จะไปเที่ยวทั้งนั้น แต่ละคันก็มีสัมภาระเต็มรถ มีทั้งคนอิตาลีเอง แล้วก็ที่เยอะก็เห็นจะเป็นคนเยอรมัน แต่รถของคนดัชท์มีบ้างประปราย ไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมกันแล้ว แต่เราไปช่วงนี้ได้ เพราะมิเชลเลอร์ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน


เริ่มจะเข้าเขตอิตาลีแล้ว


เนื่องจากรถติดแบบไม่ขยับเอาซะเลย เราเลยตัดสินใจออกไปใช้ทางเล็กคู่ขนานดีกว่า เพราะในบางช่วงเราเห็นว่ามันไม่ติด แล้วรถก็ไปได้เรื่อยๆ พอตัดสินใจออกจากทางด่วน ก็อยากจะบ้าตายอีก ดันมาติดตรงช่องจ่ายเงินอีก พอผ่านช่องจ่ายเงินมาได้ ก็มาติดแหงกอีก เพราะรถทางเลนซ้ายเลนขวาวิ่งตัดกันให้วุ่น เฮ้อ นึกว่าเราอยู่เมืองไทยซะอีก อิอิ พอหลุดมาได้ ขับไปได้ซักพัก ติดอีกแล้ว ติดแบบขยับได้ทีละนิดๆ เริ่มอารมณ์เสียล่ะ เอ้า มองเข้าไปทางด่วนใหม่ เออ ทีนี้มันโล่งอีกแล้ว เอาไงดี เอาวะ เข้าไปใหม่ วิ่งไปได้เรื่อยๆ ติดอีกแล้วอ่ะ แต่ว่ายังไม่ถึงกับติดแหงก ยังไปได้เรื่อยๆ ติดบ้างวิ่งบ้าง จนท้องเริ่มร้องอีกแล้ว เลยแวะปั๊มน้ำมันเพื่อเข้าห้องน้ำแล้วก็หาอะไรรองท้องกันเพราะตอนนั้นก็สี่โมงเย็นแล้ว พอเลี้วเข้าปั๊มมาได้หน่อยนึง โอ๊ยจะบ้าตาย คนเยอะมากๆ ทั้งรถบัส รถส่วนตัว รถคาราวาน มองไปตรงห้องน้ำ คิวยาวมากกกกกกกกกกกโดยเฉพาะห้องน้ำหญิง ส่วนห้องน้ำชายไม่แน่น เพราะว่าผู้ชายไปปล่อยข้างทางข้างป่ากันได้ เรายังไม่ปวดมากเลยรอไปก่อนดีกว่า หาอะไรกินก่อน รอให้คนซาลงแล้วค่อยไปเข้า แต่ว่า มชล (ต่อไปนี้คือคำย่อของมิเชลเลอร์) ทนไม่ได้แล้วอ่ะ จะให้ฉี่ข้างๆรถเธอก็ไม่ยอม แบบว่าคนเยอะไง แหมตัวแค่เนี้ยทำเป็นอาย สุดท้ายเลยให้ไปฉี่กับพ่อที่ห้องน้ำชายซะเลย อิอิ

ออกจากปั๊มไปได้สักพักรถเริ่มติดอีกแล้ว เวรกรรม มาเที่ยวแล้วเจอแบบนี้อยากกลับเลย นี่ขนาดเลยช่วงซัมเมอร์ไปแล้วนะเนี่ย ถ้ามาช่วงซัมเมอร์คงบอกกลับบ้านกันเถอะ ทำไงดี เอาวะออกจากทางด่วนไปใช้ทางคู่ขนานแล้วกัน เห็นรถมันว่างๆ มันหลอกเราอีกแล้วค่ะ วิ่งฉิวได้แค่พักใหญ่ๆ ทีนี้ติดหนึบเลย ยังเหลือระยะทางอีกยาวไกล ยังไม่มีวี่แววว่ามันจะเลิกติดเลย หกโมงเย็นกว่าๆแล้ว จะบ้าตายอยู่แล้ว ต้องตัดสินใจขับรถย้อนกลับไปเข้าทางด่วนอีก คราวนี้โชคดี รถเริ่มบางตาแล้ว ขับไปได้เรื่อยๆ จนกระทั่งไม่ติดเลย มาแวะหาของกินรองท้องอีก เพราะสองทุ่มครึ่งแล้ว กินเสร็จต้องโทรไปที่แคมปิ้งอีกว่าเราคงเข้าไปเช็คอินไม่ทันแน่(เค้าให้ถึงสี่ทุ่มอ่ะ) ก็โอเคเค้าให้ไปเอากุญแจกับยาม ออกจากปั๊มสามทุ่มแล้ว ตอนนี้เริ่มใช้ความเร็วของรถได้เต็มที่ เพราะถนนเริ่มว่าง อาจเป็นเป็นช่วงอาหารค่ำ หรือว่าบางส่วนก็ออกนอกเส้นทางไปแล้วหรือถึงที่พักไปแล้วก็ได้ สรุปเราถึงที่พักที่เมือง San Felice del Benacoประมาณสี่ทุ่มครึ่ง เก็บข้าวของอย่างคร่าวๆเสร็จแล้วก็เข้านอนกันเลย เพราะเหนื่อยมาทั้งกัน ตื่นกันตั้งแต่เจ็ดโมงกว่าๆ ขับรถกันมาตลอดทั้งวัน (จริงๆเรานั่งอย่างเดียว ก๊ากกกกกก ยังบ่นอีก)

อ้อ หลังจากที่เรามาถึงอิตาลีได้สองวัน ก็ได้ข่าวว่า มีฝนตกหนักในเขตเยอรมัน น้ำท่วมเสียหายหนัก โดยเฉพาะเส้นทางที่เราขับผ่านมานั้นถูกน้ำตัดขาด เมืองAugsburg ที่เราพักนั้นก็ถูกน้ำท่วมเสียหายหนัก เมืองที่ซันอยู่ก็น้ำท่วมเสียหายหนัก นึกเป็นว่าบ้านซันจะเป็นไงมั่ง จะโทรไปก็โทรไม่ได้เพราะการสื่อสารถูกตัดขาดหมด มารู้ข่าวซันสองสามวันหลังจากเกิดเหตุแล้วว่า บ้านซันไม่ได้โดนน้ำท่วม ก็ค่อยยังชั่ว เรียกว่าโชคดีมากๆเลยที่เราผ่านมาก่อน ไม่งั้นคงไม่ได้เดินทางต่อแน่ๆเลย

Day3 21/08/05

วันนี้ตื่นกันเก้าโมงกว่าๆ แต่บาร์ทต้องตื่นเช้าเพื่อไปซื้อขนมปังกับนมในหมู่บ้าน เพราะเมื่อวานเราไม่มีเวลาจะเตรียมซื้อของกันเลย ที่จริงในแคมปิ้งก็มีขาย แต่ไปซื้อใหหมู่บ้านดีกว่าทำใหม่ๆสดๆ วันนี้เราตัดสินใจกันว่าจะไม่ไปไหนเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง โดยเฉพาะ มชล ถ้าเป็นเรากันเองก็ไม่แน่ อาจออกตะลอนกันได้อีก อิอิ นั่งๆนอนๆอยู่ในบ้าน เพราะช่วงเช้าฝนตกนิดหน่อย ก็วางแผนกันไปเรื่อยๆว่าวันไหนจะไปไหนหรือทำอะไร พอฝนเริ่มหยุด ก็หาเรื่องออกกันล่ะ อยู่กันไม่ติด บ้านเนี่ย ก็เลยออกไปใกล้ๆแล้วกัน เราไปช๊อปปิ้งกัที่เมือง Dezenzano di Garda อยู่ทางตอนเหนือของที่พัก ขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ก็เป็นศูนย์การค้าขนาดกลาง แล้วก็เจอรถติดอีก เอาเข้าไป เริ่มเซ็ง คนเยอะมากๆ คงเป็นเพราะอากาศไม่ค่อยดี คนเลยแห่ไปห้างกัน อีกอย่างช่วงนี้จะเป็นช่วงลดราคาถึง 50 % ก็ดูๆของไป เราไม่ได้อะไร ได้แต่กระโปรงแล้วก็กระเป๋าสะพายเล็กๆของ มชล เธอเลือกเองแล้วเราก็ไปหาของกินกัน ก็ไม่มีอะไรมาก เลยต้องกินพิซซ่ากัน ระหว่างนั้น ก็เห็นคนหลายๆคนมองไปที่จุดเดียวกัน เค้ามองอะไรวะ เรามองด้วย อ๋อ เข้าใจล่ะ เจอคนแก่คู่นึงเดินย่องแย่งถือพิซซ่ามานั่งโต๊ะกินกันสองคน ถ้าแค่นั้นมันก็ไม่น่ามองใช่ป่ะ แต่ที่น่ามองคือ คุณยายน่ะ เธอเปรี๊ยวจี๊ดเชียว ใส่ชุดแซ็กสั้นเหนือเข่า สวมรองเท้าบู๊ทถึงเข่า นั่งไขว้ห้างกินพิซซ่า ยังกะสาวๆก็ไม่ปาน พอกินเสร็จสองตายายก็ลุกเดินควงกันไปแบหนุ่มสาว ควงแบบแนบชิดกันนะ ไม่ใช่แค่คล้องแขนกันเฉยๆ ขนาดฝรั่งยังมองกันเลย อิอิ ตกลงเย็นนั้นเราไม่ทำอาหารเย็นกันแล้ว กินพิซซ่านีแหละ สะดวกดี หมดไปอีกวัน




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2548    
Last Update : 11 มกราคม 2549 4:38:11 น.
Counter : 1100 Pageviews.  

ชมสวนทิวลิปกันจ้ะ


ที่จริงตอนนี้มีสต๊อคเรื่องเที่ยวอยู่หลายเรื่อง แต่ว่าวันนี้ประเดิมด้วย Keukenhof สวนทิวลิปของฮอลแลนด์ก่อนดีกว่า เอามาให้แดงกับหลีดู สองคนนี้นัดไว้ว่าปีหน้าจะมาเที่ยว เอาอันนี้มายั่วตายั่วใจอีก จะได้ไม่เปลี่ยนใจ รีบตัดสินใจเร็วๆน้า เด๋วถ้าพี่จัดทัวร์เป็นเรื่องเป็นราวต้องเสียเงินค่าไกด์นำเที่ยวเด้อ แน่ะ มีขู่ด้วย 555555555

ใครที่อยากมาเที่ยวฮอลแลนด์แล้วไม่ได้ดูสวนทิวลิป น่าเสียดายนะเออ ปี 2006 เค้าจะเปิดให้ชมตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ถึง 19 พฤษภาคม เท่านั้นจ้ะ ช่วงเมษาจะดีที่สุดเพราะทิวลิปบานพอดี ถ้ามาปลายๆเดือนมันจะเริ่มโรยแล้ว หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่จ้ะ //www.keukenhof.nl/

เชิญชมสวนได้เลยจ้ะ
































 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 11 มกราคม 2549 4:37:26 น.
Counter : 599 Pageviews.  

1  2  3  4  

jeab&michelle
Location :
ตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ Netherlands

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






บล๊อคของคนชอบเที่ยวค่ะ พาลูกตระเวนเที่ยวไปทั่ว จนเดี๋ยวนี้ลูกก็ติดเที่ยวด้วยแล้วเหมือนกัน
หนังสือเราเองค่ะ

เที่ยวเนเธอร์แลนด์บายเจี๊ยบ

Promoot jouw pagina ook

web page hit counter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jeab&michelle's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.