Group Blog
 
All blogs
 

Review : เบสสี่สีจาก Biotherm White D-TOX มาดูกันว่าเบสสี่สีใช้ต่างกันอย่างไร ^^


      สวัสดีค่ะสาวๆวันนี้ทรายมีรีวิวเบสสี (Correcting Base) จาก Biotherm White D-TOX มาฝาก เบสที่มีสีต่างกันนั้นใช้ต่างกันอย่างไรเคยสงสัยกันบ้างรึเปล่าเอ่ย วันนี้ทรายจะมาไขข้อข้องใจให้ในรีวิวนี้ค่ะ ^^


BIOTHERM WHITE D-TOX [Bright-cell] SPF30 /PA++
         มีทั้งหมด 4 สี (หลอดล่างสุดเป็น BB ทรายแถมเอามารีวิวสีกับเนื้อให้ชมกันจ้า ^^) ซึ่งเบสนั้นใช้ในการเตรียมผิวซึ่งเบสจะช่วยในการปรับโทนสีผิว โดยแต่ละสีจะใช้แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ตามนี้จ้า..........

- เบสสีขาว [instant whitening correcting base] ช่วยในการปรับสภาพผิวให้ดูกระจ่างใสและช่วยกระจายแสงบนใบหน้า เหมาะกับคนผิวค่อนข้างขาวจะทำให้ผิวหน้าดูผ่องขึ้น แต่ถ้าผิวสองสีอาจจะทำให้ดูลอยได้ถ้าลงเยอะเกินไปจ้า
- เบสสีชมพู [instant rosy glow correcting base] ช่วยปรับสีผิวให้ดูโกลว์และอมชมพูขึ้น สำหรับสาวผิวค่อนข้างซีด เบสชมพูจะช่วยให้ผิวดูมีเลือดฝาดมากขึ้น
- เบสสีม่วง [instant eveness correcting base] ช่วยในการปรับโทนสีผิวที่โทนค่อนข้างเหลือ หรือผิวที่ดูล้าๆ ให้ดูอมชมพูและดูกระจ่างใสมากขึ้น
- เบสสีเขียว [instant anti-redness correcting base] ช่วยปรับผิวที่มีรอยแดง เช่น รอยแดงจากสิว สีเขียวเป็นสีคู่ตรงข้ามกับสีแดงจึงช่วยลดเอฟเฟคของสีแดงให้ดูจางลงค่ะ
----------------------------------------------------
- BB อันนี้แถมนะคะ BB คือ Blemish Balm ซึ่งเป็นกลุ่มเบสเมคอัพที่รวมทุกสิ่งในหลอดเดียว ได้แก่ ครีมบำรุง + เบส + รองพื้น ดังนั้นความสามารถในการปกปิดของ BB จะหนากว่าเบส แต่บางกว่ารองพื้น ซึ่งบีบีจะมีสีให้เลือกประมาณหนึ่งถึงสองเฉดไม่มีให้เลือกมากเท่ารองพื้น เหมาะสำหรับผิวที่ไม่ต้องการการปกปิดในระดับสูงจ้า


เทียบสีเรียงจากซ้ายไปขวา เบสสีขาว-เบสสีชมพู-เบสม่วง-เบสเขียว-บีบี จ้า ในเบสทั้งสี่ตัวนั้นจะมีเบสสีชมพูตัวเดียวที่มีกลิตเตอร์เล็กๆผสมอยู่ค่ะ เนื้อเบสทุกตัวนั้นเป็นลักษณะเนื้อครีม มีความเข้มข้นปานกลาง แต่เกลี่ยได้ง่ายและเมื่อซึมผิวหมดแล้วจะเคลือบผิวให้ผิวดูเรียบขึ้น ไม่เหนอะหนะค่ะ


เปรียบเทียบสีเบสบนใบหน้าโดยทรายจะเทียบใบหน้าซีกซ้ายเป็นเบสสีขาว และซีกขวาเป็นเบสม่วงค่ะ ภาพซ้ายคือผิวเปล่าๆและภาพขวาคือเมื่อเกลี่ยเบสเรียบร้อยแล้ว ภาพทั้งสองทรายใช้ตั้งค่าในการถ่ายภาพเหมือนกันเป๊ะๆ แสงเดียวกันเป๊ะๆ และถ่ายในเวลาที่ต่างกันนิดเดียว จะเห็นว่าสีคอนั้นเหมือนเดิมแต่......สีผิวหน้าต่างอย่างเห็นได้ชัด อเมซิ่งมากกกกกกกกกก !!! นี่หล่ะค่ะเอฟเฟคของเบสในการช่วยปรับสีผิวและกระจายแสง
- ใบหน้าซีกซ้ายเบสสีขาวจะช่วยให้ผิวดูกระจ่างขึ้น
- ใบหน้าซีกขวาเบสสีม่วงช่วยให้ผิวดูอมชมพูขึ้นลดความเหลืองของสีผิวและทำให้ผิวดูผ่องขึ้นเช่นกันค่า ^^<<< ทรายชอบและหยิบใช้บ่อยสุด หน้าดูไบรท์ๆเนอะ ^^


- ใบหน้าซีกซ้ายเบสสีชมพูช่วยให้ผิวทรายดูนวลๆและฉ่ำขึ้นค่ะ ตัวนี้เป็นเบสตัวเดียวที่มีวิ้ง แต่ว่ากลิตเตอร์เค้าละเอียดมากคือมองไม่เห็นเป็นวิ้งทาแล้วจะดูเงาน้อยๆทำให้ผิวดูโกลว์ๆเฉยๆค่ะ
- ใบหน้าซีกขวาใช้เบสสีเขียว ซึ่งสำหรับทรายไม่มีปัญหาเรื่องรอยแดงเบสเขียวเลยไม่ค่อยแตกต่างมากจ้า


แถมๆกับ BB Cream White D-TOX SPF25/PA+++ , 24HR Hydration and Oil Free ทรายลงบีบีเฉพาะหน้าซีกขวานะคะ คงไม่ต้องอธิบายภาพเห็นชัดเจนมาก อิอิ เนียนใสปกปิดปานกลาง เนื้อบีบีตัวนี้สีออกโทนชมพูนะคะสีไม่ขาวเกินไปทาแล้วจะกลืนผิว จุดเด่นที่สุดคือเนื้อบีบีค่อนข้างเหลวและเกลี่ยง่ายมว๊ากกกก ไม่ต้องใช้ฝีมือในการเกลี่่ยแต่อย่างใด สำหรับทรายผิวแห้งติดทนเลยแต่เรื่องคุมมันทรายคิดว่าไม่น่าคุมมันมากนักค่ะ ใครผิวแห้งจะชอบเลยฉ่ำกำลังสวย ได้ลุคดิวอี้นิดๆผิวฉ่ำๆดูใสๆเป็นธรรมชาติ


เปรียบเทียบสี่ภาพที่เพิ่งถ่ายสดๆร้อนๆวันนี้กับเบสสีม่วงตัวโปรดค่ะ เทคนิคง่ายๆของทรายคือถ้าใช้เบสทรายจะตามด้วยแป้งผสมรองพื้นโดยใช้แปรงปัดจะทำให้ผิวดูเนียนขึ้นปกปิดกลางๆดูใสๆ ซึ่งถ้าเป็นการใช้รองพื้นทรายจะตามด้วยแป้งฝุ่น การที่เราใช้รองพื้นซ้ำซ้อนมันค่อนข้างจะมีความเสี่ยงจะเป็นคราบได้ง่ายจ้า แค่เบสและแป้งนั้นหน้าก็เนียนและเห็นรอยกระจางลงมาแล้ว วันไหนอยากได้ลุคเบาๆจัดเซตนี้เริ่ดไปเลย <3 [ แป้งผสมรองพื้นที่ใช้ในภาพคือ Bisous Bisous #1 ค่ะ]


ภาพนี้คือเพิ่งแต่งเสร็จค่ะ คนผิวแห้งแต่งหน้าเสร็จผิวจะยังดูแป้งๆลอยๆเป็นเรื่องปกติค่ะคือคสอ.ยังไม่เซ็ตตัวกับผิว ซึ่งทรายจะพ่นน้ำแร่ลงไปหลังแต่งหน้าเพื่อช่วยให้คสอ.เซ็ตตัวเร็วขึ้นแต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอซักชั่วโมงสองชั่วโมงผิวทรายถึงจะเริ่มมีน้ำมันออกมาเซตเบสเมคอัพให้กลมกลืนกำลังดี


           ภาพนี้ถ่ายเมื่อตะกี๊ ทั้งวันไม่มีการซับการเติมแป้งแต่อย่างใด ทรายแต่งหน้าตอน บ่ายสองยันเที่ยงคืน ถือว่าเบสช่วยให้แป้งติดทนมากขึ้นและให้ผิวดูใสขึ้น เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสาวที่ต้องการลุคใสๆเป็นธรรมชาติเลยจ้า
           ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าหวังว่าจะถูกใจกันนะค๊า ขอบคุณคร๊าบบบบบบ ^^




 

Create Date : 06 เมษายน 2555    
Last Update : 6 เมษายน 2555 1:10:06 น.
Counter : 15802 Pageviews.  

Mini Review : คอนแทคเลนส์ GEO Honey Wing และ แอบเทสๆรองพื้น Lola จ้า

สวัสดีค่าสาวๆวันนี้มีมินิรีวิวแบบกระทัดรัดมาฝากจ้า มันเกิดจากแค่แต่งหน้าถ่ายรูปเล่นแล้วออกมาสวยโดนใจ ทรายก็เลยถ่ายรูปไว้ จะถ่ายเปล่าก็เสียพลังงานเปล่าประโยชน์เลยถ่ายเป็นมินิรีวิวคอนแทคที่ใส่อยู่ตอนนี้มาให้ชมค่ะ นั่นก็คือ GEO Honey Wing คอนแทคสีน้ำตาลที่ขนาดเท่าลูกตาดำไม่บิ๊กอายจ้า เทียบๆ ตาออริจินอล (ตาทรายออกโทนน้ำตาลค่ะ) , ใส่ข้างขวาข้างเดียว และ ใส่สองข้าง



สำหรับทรายความนิ่มเลนส์ยังสู้ NEO ที่ใส่ประจำไม่ได้ สีไม่แตกต่างจากตาเดิมมากขนาดไม่ใหญ่ ใส่เหมือนไม่ใส่ใครชอบธรรมชาติๆคงชอบแต่สำหรับทรายคงไม่ซื้อต่อเพราะมันแทบจะไม่ต่างกับตาปกติเล้ยยย แค่ช่วยให้มองเห็นชัดขึ้นเพราะทรายสายตาสั้น ^^




วันนี้แต่งหน้าแล้วผิวได้ลุคใส๊ ใส โดยใจมาก  เป็นการแกะทดลองรองพื้นของ Lola
ที่อยู่ในกรุ สีได้ตรงผิวเนื้อบางๆแต่แอบเกลี่ยยากเล็กน้อย
แต่สรุปผลแล้วปลื้มนะเนี่ยใสจริงแต่ขอย้ำว่าไม่ปกปิดนะคะ
(ในภาพคือรองพื้นแล้วตามแป้งฝุ่นไม่รีทัชจ้า)




ปลื้มกับผิวหลังจี้กระ เนียนขี้นเนอะ ^^




ภาพปิดท้ายจ้า



ขอจบมินิรีวิวแต่เพียงเท่านี้ สั้นจริงๆ 555 ขอบคุณคร๊าบบบบ Smiley





 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2555 22:48:05 น.
Counter : 5913 Pageviews.  

Review : รีวิวรวมมิตรเซตสกินแคร์ derma E ที่ทดลองใช้มาสองเดือนเต็มๆจ้า

          สวัสดีค่ะสาวๆห่างหายการรีวิวสกินแคร์ไปพักใหญ่เพราะไปซุ่มใช้สกินแคร์เซตหนึ่งมา ซึ่งจะได้รับชมกันในรีวิวนี้ค่ะ แบรนด์ที่จะกล่าวถึงนี้สาวไทยหลายคนอาจจะยังไมุ่คุ้นเท่าไหร่นักแต่เป็นแบรนด์ของอเมริกาที่มีชื่อเสียงมานานแล้วค่ะ นั่นคือแบรนด์ "derma E" จ้า จุดเด่นของเดอร์มา อี นั่นคือการเน้นส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงวิตามินต่าง ๆโดยยึดคอนเซปต์ที่ว่า"ผิวสวยคือผิวสุขภาพดี" ค่ะ



         ผลิตภัณฑ์ทั้งเซ็ตนี้ทางผู้นำเข้าคือ //www.princessofnaturals.com ได้ทำการส่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมาให้ทรายทดลองใช้และทำการรีวิวตามการใช้จริง ซึ่งสำหรับเซตนี้ทรายได้ทำการทดลองใช้เป็นระยะเวลาประมาณ 2 เดือนเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งปกติแล้วการเทสสกินแคร์ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งรอบวงจรผิวคือ 28 วัน เซตนี้จัดไปสองรอบวงจรเลย คือตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมจนถึงปัจจุบัน (ปลายมกราคมซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ยังใช้ต่อไปจ้า) โดยทรายใช้สกินแคร์เซตนี้เป็นเซตหลัก ซึ่งแทบไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์อื่นๆร่วมด้วยเลยยกเว้นกันแดดค่ะ ก่อนจะชมรีวิวในผลิตภัณฑ์แต่ละตัวทรายจะแจ้งให้ทราบถึงลักษณะเบื้องต้นของสภาพผิวของทรายกันก่อนจ้า...

>>>สภาพผิว : ผิวตอนแรกก่อนใช้เลยคือ "ผิวแห้ง" ค่อนไปทางผิวธรรมดาไม่แห้งมากคะ เป็นคนผิวค่อนข้างขาวเนื้อผิวเป็นผิวค่อนข้างละเอียด รูขุมขนไม่กว้างมาก และเป็นคนที่ไม่เป็นสิวโดยธรรมชาติอยู่แล้วค่ะ แต่มีกระเนื้อและกระใต้ผิวที่เกิดจากกรรมพันธุ์ ซึ่งวันที่ 14 ธันวาคม และ 24 มกราคม ทรายได้เข้ารับการจี้กระเนื้อด้วย CO2 และทำเลเซอร์ Gental Yag เพื่อกระตุ้นผิวให้ทำการสร้างคอลลาเจนค่ะ ดังนั้นผลส่วนหนึ่งของสภาพผิวที่เห็นก็จะเกิดจากการทำเลเซอร์ด้วยนะคะ
>>>สภาพแวดล้อม : กลางวันอยู่ในอุณหภูมิอากาศปกติยกเว้นไปเดินห้าง หรือไปงาน ฯลฯ แต่ทรายจะนอนห้องแอร์ในตอนกลางคืนค่ะ
>>>ขั้นตอนการใช้ผลิตภัณฑ์ :
1. ล้างหน้าในตอนเช้า-เย็นด้วย Vanilla Bean Cleansing Mousse แต่สำหรับวันที่ทำการแต่งหน้าจะคลีนด้วยรีมูฟเวอร์สำหรับคลีนเครื่องสำอางโดยตรงก่อนแล้วจึงล้างด้วยคลีนซิ่งมูสตัวนี้ค่ะ แต่สำหรับคลีนซิ่งนั้นขอยอมรับโดยดีว่าได้มีการสลับล้างด้วยผลิตภัณฑ์ตัวอื่นบ้างซึ่งจะแถลงไขให้ทราบกันในรีวิวมูสตัวนี้ค่ะ
2. เช็ดหน้าด้วย Papaya Enzyme and Soy Refreshing Skin Toner โดยการหยดใส่สำลีแล้วเช็ดทั้งใบหน้าและลำคอ มีการเว้นใช้น้ำเกลือล้างแผลเช็ดแทนช่วงสี่ห้าวันแรกของการจี้กระด้วย CO2 ค่ะ แต่หลังจากนั้นก็ใช้ตัวนี้หลังล้างหน้าปกติ
3. ทา Vitamin E Skin Oil 3,600 I.U. บริเวณใบหน้าและลำคอเฉพาะตอนรอบเย็น เพราะเป็นเนื้อออยซึ่งทำให้รู้สึกหนักหน้าได้ถ้าทาในตอนเช้าแล้วทำการเมคอัพ ซึ่งตัวนี้เป็นวิตามินอีเข้มข้นทรายเลยแอบใช้ทาตามรอยแผลเป็น และตามข้อศอกหรือเข่าที่ผิวด้านๆด้วยค่ะ
4. ทา Skin Lighten Natural Age Spot Cream เป็นขั้นตอนสุดท้ายของสกินแคร์ทั้งเช้าและเย็นโดยทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอค่ะ (แต่สำหรับตอนเช้าทรายทากันแดดตามหลังจากทาตัวนี้ทุกครั้งค่ะ)

      เมื่อได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นของทรายกันแล้วก็มาชมรีวิวผลิตภัณฑ์แบบเรียงตัวกันได้เลยค่ะ ซึ่งทรายจะสรุปผลการใช้แบบยกเซตได้ตอนท้ายนะคะ ^^
---------------------------------------------------




Vanilla Bean Cleansing Mousse, Age-Defying Facial Formula (ผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง,ผิวมีริ้วรอย)

คำอธิบายผลิตภัณฑ์ :     มูสล้างหน้า กลิ่นหอมวนิลา จุดเด่นอยู่ที่สารแอนติออกซิแดนท์ อุดมไปด้วยคุณค่าจากธรรมชาติ เช่น Pycnogenol , Green Tea Extract,  ส่วนผสมจากธรรมชาติอื่นๆ และ สาหร่ายทะเล ช่วยทำความสะอาดและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทิ้งไว้ซึ่งผิวที่สะอาด แลดูอ่อนเยาว์ สดใสอยู่เสมอ

ส่วนผสม : Water (Aqua), Cetearyl Alcohol, Polysorbate, Stearyl Alcohol, Cetyl Alcohol, Disodium Laureth Sulfosuccinate, Glycol Stearate, Cocamidopropyl Betaine, Cocamidopropylamine Oxide, Allantoin, Panthenol, Organic Chamomilla Recutita (Matricaria) Flower Extract*, Organic Camellia Sinensis (Green Tea) Leaf Extract*, Equisetum Arvense (Horsetail) Extract, Cymbopogon Schoenanthus (Lemon Grass) Extract, Organic Aloe Barbadensis Leaf Extract, Pinus Pinaster (Pycnogenolฎ) Bark Extract, Glycerin, Macrocystis Pyrifera (Sea Kelp) Extract, Citric Acid, Vanilla Planifolia Fruit Extract, Gluconolactone (and) Sodium Benzoate

ขนาดและราคา : 6 fl oz / 175 ml. ราคา 650 บาท




ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ (เนื้อ และกลิ่น) : คลีนเซอร์ล้างหน้าบรรจุมาในขวดพลาสติกใสเนื้อนิ่มมีหัวปั๊ม เนื้อคลีนเซอร์เป็นเนื้อมูสข้นๆสีขาวครีมมุกๆ กลิ่นหอมวนิลาม๊ากกกกดมแล้วอยากกิน 555 ทรายกดใช้ปั๊มเดียวล้างทั้งหน้าและลำคอค่ะ ที่ขวดเขียนว่า Shake Well คือควรเขย่าก่อนใช้น่าจะให้ผลที่ดีกว่าแต่ด้วยความขี้เกียจก็เขย่าบ้างไม่เขย่าบ้างแต่เนื้อก็ดูเข้าเป็นเนื้อเดียวกันดีไม่มีการแยกชั้นใดๆค่ะ

ผลการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ : สำหรับตัวนี้เขียนว่าเป็นมูสล้างหน้า ซึ่งทรายว่ามันไม่มีสัมผัสของความเป็นมูสนะคะเหมือนเนื้อครีมข้นๆมากกว่า เมื่อผสมน้ำนั้นให้ฟองค่อนข้างน้อยตามรูป นวดวนๆบนหน้าให้กลิ่นหอมวนิลามากๆๆๆๆๆ ใครชอบกลิ่นขนมๆน่าจะชอบคลีนเซอร์ตัวนี้ หลังล้างหน้าให้ความรู้สึกว่าความมันหายเกลี้ยงเพราะรู้สึกหน้าฝืดๆ ตามคำอธิบายสูตรนี้สำหรับผิวธรรมดาถึงผิวแห้งหรือผิวมีริ้วร้อย สำหรับทรายที่ผิวค่อนข้างแห้งใช้ตัวนี้ล้างหน้าแล้วให้ความรู้สึกหลังล้างหน้าที่ค่อนข้างแห้งนะคะ แต่อันนี้คือความรู้สึกส่วนตัว ถ้าวันที่ไม่เมคอัพทรายชอบคลีนเซอร์ที่ให้ความรู้สึกผิวยังชุ่มๆมากกว่าล้างเกลี้ยงแบบฝืดๆ แต่ถ้าสำหรับวันที่เมคอัพแล้วคลีนด้วยรีมูฟเวอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ทราบชอบเพราะมูสตัวนี้ช่วยล้างคราบมันได้เกลี้ยงจริงจังลูบแล้วฝืดเลย ดังนั้นสำหรับทรายมูสตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนผิวธรรมดาหรือค่อนไปทางมันมากกว่า ทรายจึงไม่ได้ใช้ทุกวันเช้าเย็น ส่วนใหญ่จะใช้ในรอบเย็นในวันที่เมคอัพมากกว่าค่ะ
---------------------------------------------------



Papaya Enzyme and Soy Refreshing Skin Toner (ผิวบอบบาง,ผิวแพ้ง่าย)

คำอธิบายผลิตภัณฑ์ :
โทนเนอร์ที่ช่วยปรับสมดุลผิว อย่างอ่อนโยน เข้มข้นด้วยสารสกัดจากมะละกอ น้ำนมถั่วเหลือง อะลันโทอิน และวิตามินบี 5 ด้วยค่า PH ที่เป็นกลาง ปราศจากแอลกอฮอล์ จึงช่วยนำพาสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์ล้างหน้า และผิวที่เสื่อมสภาพออกอย่างอ่อนโยน นอกจากนั้นยังช่วยกระชับรูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื่น และปลอบประโลมผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย เพือเผยผิวที่สะอาด เปล่งปลั่ง สดใส

ส่วนผสม : Water (Aqua), Glycerin, Panthenol, Carica Papaya (Papaya) Fruit Extract, Glycine Soja (Soymilk) Seed Extract, Allantoin, Organic Aloe Barbadensis Leaf Extract*, Organic Chamomilla Recutita (Matricaria) Flower Extract*, Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract, Rosmarinus Officinalis (Rosemary) Leaf Extract, Organic Camellia Sinensis (Green Tea) Leaf Extract*, Rosa Canina (Rose Hips) Fruit Extract, Lavandula Officinalis (Lavender) Essential Oil, Citric Acid, Polysorbate, Phenoxyethanol, Ethylhexylglycerin, Fragrant Oils (Essential Oils).

ขนาดและราคา : 6 fl oz / 175 ml. ราคา 650 บาท




ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ (เนื้อ และกลิ่น) : โทนเนอร์บรรจุมาในขวดพลาสติกเนื้อขุ่นเป็นขวดแบบนิ่มไม่ใช่ขวดแข็ง ฝาเป็นฝาเกลียวพลาสติกสีขาว บรรจุภัณฑ์ยังไม่น่าช่วยในการป้องกันการเสื่อมสภาพจากแสงแดดได้นักดังนั้นควรเก็บให้พ้นจากความร้อนและแสงแดดจะดีกว่าค่ะ เนื้อโทนเนอร์มีลักษณะใส มีกลิ่นหอมสดชื่นแบบอ่อนๆกลิ่นแบบนี้ทรายชอบไม่เวียนหัว ตัวนี้มีน้ำหอมนะคะแต่ในส่วนผสมจะบอกไว้ว่าเป็นน้ำหอมที่สกัดจากธรรมชาติค่ะ ปกติทรายจะไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมในสกินแคร์ถ้ากลิ่นแรงๆทาแล้วจะเวียนๆมึนๆค่ะ โทนเนอร์ตัวนี้ทรายใช้โดยการหยดใส่สำลีให้ชุ่มแล้วทำการเช็ดจากกึ่งกลางใบหน้าออกกรอบหน้าและเช็ดลากจากลำคอลงมาที่ไหปลาร้า

ผลการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ : โดยปกติแล้วเป็นคนไม่ชอบใช้ขั้นตอนโทนเนอร์นักเพราะเหตุผลง่ายๆเลยคือขี้เกียจจ้า แหะๆ ไม่มีเหตุผลใดแอบแฝงเลย แต่สำหรับโทนเนอร์ตัวนี้ทรายใช้แล้วติดแฮะ ยิ่งวันไหนที่แต่งหน้าต่อให้คลีนหน้าอย่างดีขนาดไหนเช็ดด้วยโทนเนอร์ตัวนี้แล้วมันก็ยังมีคราบออกมาให้เห็นเพราะบางทีเราคลีนทั่วหน้าแล้วก็จริงแต่ตามกรอบหน้าและลำคอ บริเวณใบหูเป็นจุดที่เราคลีนได้ไม่ทั่วถึงพอเช็ดโทนเนอร์ก็จะเห็นคราบติดออกมากับสำลีอย่างชัดเจน หลังๆมาเลยรู้สึกโรคจิตติดโทนเนอร์ไปด้วยเลย เนื้อโทนเนอร์เมื่อเช็ดไปบนผิวจะให้ความรู้สึกเย็นสบายผิวและเหลือกลิ่นสดชื่นจางๆไว้บนผิว ผิวหลังเช็ดจะจับแล้วหนึบๆเล็กน้อยนะคะ ไม่แห้งสนิทและไม่ทำให้รู้สึกผิวแห้งตึงเนื่องจากไม่มีแอลกอฮอล์ค่ะ เช็ดเสร็จแล้วรู้สึกได้ว่าผิุ่วชุ่มๆขึ้น ช่วงที่ทำการจี้กระและทำเลเซอร์ทรายได้งดใช้โทนเนอร์ตัวนี้ไปห้าวัน หลังจากกลับมาใช้โดยผิวยังคงมีสะเก็ดแผลจี้กระอยู่ผิวก็ไม่ได้เกิดอาการแพ้หรืออักเสบแต่อย่างใดเลยค่ะดังนั้นตัวนี้ที่เคลมว่าสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายทรายเห็นด้วยนะ สรุปสำหรับทรายโทนเนอร์ตัวนี้ทรายชอบและประทับใจในเรื่องคุณสมบัติที่ว่าช่วยคลีนสิ่งตกค้างและเติมความชุ่มชื่นให้ผิวเทียบความถูกใจตัวนี้ให้คะแนนเต็มไปเลยค่ะ<3<3<3 แต่เรื่องบรรจุภัณฑ์ขอหักคะแนนหน่อยนะคะฝาขวดของทรายมันมีแอบรั่วซึมเล็กน้อยเวลาพกพาแล้วขวดมันวางนอนอ่าค่ะ
---------------------------------------------------



Vitamin E Skin Oil 3,600 I.U. (เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว)

คำอธิบายผลิตภัณฑ์ : Derma e ‘s Vitamin E Skin Oil 3,600 I.U. สกัดจากน้ำมันดอกคำฝอยเข้มข้น มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ปลอบประโลมผิวที่หมองคล้ำจากความเครียด และ มลภาวะภายนอกที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆวัน โดยผลิตภัณฑ์จะมอบความชุ่มชื่นให้กับผิว ช่วยให้ผิวนุ่มเนียน ลดความหยาบกร้าน
    ด้วยเนื้อน้ำมันที่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ปราศจากน้ำหอม และสารอุดตันต่างๆ และเป็นสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ จึงสามารถใช้เป็นประจำได้ทุกวันเพื่อผิวที่เนียบนุ่มชุ่มชื้น

ส่วนผสม : Tocopheryl Acetate (Vit. E), Carthamus Tinctorius (Safflower) Seed Oil.

ขนาดและราคา : 2 fl oz / 60 ml ราคา 400 บาท




ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ (เนื้อ และกลิ่น) : เป็นวิตามินอีในรูปของออยที่บรรจุมาในขวดแก้วใส มีฝาพลาสติกสีขาว โดยด้านในไม่มีฝาจุกพลาสติกอีกชั้นที่จะช่วยกันปริมาณออยที่เทออกมานะคะ ดังนั้นต้องเทอย่างระมัดระวังสุดฤทธิ์ แต่ฝาพลาสติกสีขาวตัวนี้ปิดสนิทดีค่ะทรายพกพาขวดวางนอนก็ไม่มีออยซึมออกมาเลอะเปรอะกระเป๋าแต่อย่างใด แต่ก็นั่นหล่ะขวดแก้วเป็นแบบใสตั้งห่างแสงกับความร้อนไว้ก็ดีกว่าเนอะ เนื้อออยเป็นสีเหลืองใสจางๆ นวดให้ซึมผิวได้ง่ายค่ะ

ผลการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ : ตัวนี้จริงๆแล้วตามข้างขวดเค้าไว้ทาก่อนลงมอยซ์เจอร์ทั้งเช้าและเย็นแต่ก็นะตามสภาพอากาศเมืองหนาวแล้วทำได้แต่บ้านเราร้อนตับแล่บลงออยตอนเช้าแต่งหน้าระหว่างวันคงทอดไข่ได้อ่าค่ะ ตัวนี้จึงเหมาะแก่การบำรุงในรอบเย็นมากกว่า แต่สำหรับคนที่ผิวแห้งจริงๆถึงขั้นผิวลอกทรายว่าออยตัวนี้ช่วยได้นะคะเพราะมีช่วงหลังเลเซอร์ใหม่ๆที่ผิวบริเวณข้างจมูกลอกทรายก็เอาออยตัวนี้หล่ะนวดๆเช้าและเย็นแต่ตอนเช้าใช้นิดเดียวพร้อมซับๆส่วนเกินทิ้งด้วยก็ช่วยบรรเทาอาการลอกได้ในระดับนึงค่ะ เนื้อออยซึมผิวได้ง่ายไม่เหนะหนะแต่ให้ความรู้สึกมันๆบนผิวนะคะ ยังไงออยก็คือออยไม่สามารถซึมหายเกลี้ยงไปได้แน่นอนค่ะ นอกจากใช้ในการทาหน้าและลำคอแล้วทรายแอบใช้ในการทารอยแผลเป็น และตามจุดที่ด้านๆเช่นข้อซอก หัวเข่า เนื่องจากวิตามินอีสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผนังเซลล์ได้โดยการช่วยดูดซับสารอนุมูลอิสระค่ะ แต่ประโยชน์หลักจริงๆของวิตามินอีก็คือการเพิ่มความชุ่มชื่นค่ะ ซึ่งเมื่อผิวเรามีความชุ่มชื่นในระดับที่ดีก็จะทำให้ความยืดหยุ่นผิวดีสิ่งที่ตามมาคือการเกิดริ้วรอยที่ช้าลงนั่นเองจ้า แต่วิตามินอีนั้นเป็นวิตามินแบบที่ละลายในไขมันจึงต้องทำใจว่าถ้าเป็นในผลิตภัณฑ์กลุ่มที่ใช้ภายนอกวิตามินอีก็มักจะมาในรูปแบบของออยค่ะ สรุปสำหรับตัววิตามินอีสกินออยตัวนี้เรื่องประโยชน์เราทราบดีแต่เรื่องความมันในแบบออยทำให้แอบใช้บ้างเว้นบ้างช่วงไหนผิวชุ่มมากอยู่แล้วก็มีแอบเว้น แต่การใช้ทาจุดอื่นที่แห้งได้ถือเป็นข้อดีดังนั้นมีติดบ้านไว้ก็ไม่เสียหายอะไรค่ะ นอกจากการรับวิตามินอีจากการทาแล้วการรับจากการทานอาหารที่มีประโยชน์ก็สำคัญซึ่งวิตามินอีจะมีอยู่ในข้าวซ้อมมือ, ไข่, น้ำมันพืช, ผักสีเขียว และในข้าวหรือแป้งค่ะ แต่ไม่ว่าของที่มีประโยชน์อย่างไรการรับในปริมาณที่มากเกินไปย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีเราจึงควรทำอะไรอย่างเป็นกลางและทำการศึกษาก่อนเสมอนะคะ

ปล.ช่วงหลังจากจี้กระจนแผลสะเก็ดหลุดได้ทาวิตามินอีค่อนข้างเป็นประจำเหมือนแผลจะไม่เหลือให้เห็นและผิวบริเวณนั้นก็เนียนเรียบเสมอกันดี ซึ่งทรายไม่สามารถฟันธงได้ว่าเป็นเพราะวิตามินอีตัวนี้หรือไม่แต่ก็คิดว่าน่าจะมีส่วนช่วยบ้างหล่ะ ^^


ปล2.แต่สำหรับวิตามินธรรมชาติในรูปของออยบางรายอาจจะมีอาการแพ้สำหรับวันแรกควรเทสบริเวณกกใบหูก่อนก็ดีค่ะ
---------------------------------------------------



Skin Lighten Natural Age Spot Cream (ลดเลือนจุดด่างดำ)

คำอธิบายผลิตภัณฑ์ : Skin Lighten สูตรใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประกอบไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ Alpha-Arbutin สกัดได้จากต้น Bearberry, วิตามิน A และ E, Licorice, และสารสกัดจากโสม ที่สามารถลดเลือนจุดด่างดำ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้อย่างธรรมชาติ โดยไม่ทำร้ายผิวในระยะยาว เผยผิวใหม่ที่ใสกระจ่างขึ้นในทุกๆ 28 วันเมื่อผิวได้มีการผลัดเซลล์ใหม่

หมายเหตุ : Derma E Skin Lighten ไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อผิว จึงสามารถใช้ได้ทุกวันและใช้ต่อเนื่องได้ในระยะยาว และเพื่อให้ได้รับผลสูงสุด ควรใช้ร่วมกับครีมกันแดดทุกวัน

ส่วนผสม : Water (Aqua), Caprylic/Capric Triglyceride, Stearic Acid, Cetyl Alcohol, Stearyl Alcohol, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Silybum Marianum (Milk Thistle) Extract, Zinc Oxide, Alpha-Arbutin, Ascorbyl Palmitate (C-Ester), Glyceryl Stearate and Peg-100 Stearate, Tocopheryl Acetate (Vitamin E), Retinyl Palmitate (Vitamin A), Panax Ginseng Root Extract, Dimethicone, Phenoxyethanol, Ethylhexylglycerin, Potassium Sorbate.

ขนาดและราคา : net 2 fl oz / 56 g ราคา 1,050 บาท




ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ (เนื้อ และกลิ่น) : ครีมตัวนี้บรรจุมาในกระปุกพลาสติกเนื้อขุ่นหนาสองชั้น ฝาเป็นฝาเกลียวสีขาวเปิดมาจะพบฝาพลาสติกสีขาวบางๆปิดทับอีกชั้นหนึ่ง ครีมต้องใช้มือจกเอาเองไม่มีที่ป้ายมาให้นะคะดังนั้นการใช้ครีมในลักษณะนี้ถ้าเราไม่ใช้ไม้พายก็ต้องมั่นใจว่ามือเรานั้นสะอาดจริงไม่อย่างนั้นจะเป็นการนำพาเชื้อโรคจากมือเข้าไปในกระปุกครีมได้ง่ายค่ะ กระปุกเป็นแบบขุ่นแต่ไม่ได้ทึบแสงดังนั้นจึงควรเก็บในที่พ้นแสงแดดและความร้อนจะเซฟสุดจ้า อยากให้ทำขวดแบบปั๊มๆที่ไม่ต้องเอามือจกจัง เนื้อครีมตัวนี้เป็นสีเหลืองครีม เนื้อมีความเข้มข้นแต่เกลี่ยแล้วซึมเข้าผิวง่าย เนื้อครีมอธิบายลำบากแฮะเนื้อคล้ายมูสข้นๆที่ป้ายท่าไหนก็จะเกาะขึ้นมาที่นั้นไม่มีการเหลียวเปลี่ยนรูปแต่อย่างใดค่ะ ในเนื้อครีมตัวนี้ทรายสังเกตด้วยสัมผัสและดูจากการถ่ายโคลสอัพจะพบว่าในเนื้อครีมเหมือนมีเม็ดบีทส์เล็กๆสีขาวกระจายอยู่ ตอนทาอาจจะรู้สึกสากๆผิวเล็กน้อยแต่เม็ดบีทส์นั้นสามารถซึมลงผิวได้เลยค่ะ เนื้อครีมเกลี่ยให้ซึมลงผิวง่ายเคลือบผิวได้ดีและครีมตัวนี้ไม่มีกลิ่นค่ะ เมื่อทาแล้วให้เอฟเฟคแบบเนื้อแมทไม่ทำให้ผิวขึ้นเงาค่ะ

ผลการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ : ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ทรายได้ลองแล้วประทับใจเนื้อครีมมากมาย ชอบความรู้สึกตอนทาและหลังทาที่ชุ่มชื่น ผิวรู้สึกนุ่มขึ้นทันตา ซึ่งเก๋ตรงให้ผลแบบเนื้อแมท ไม่ทำให้ผิวขึ้นเงาและไม่มีกลิ่น มันไม่มีความหนึบหรือเหนอะหนะสำหรับทรายที่ผิวแห้งนะคะ และในช่วงที่ไปเจออากาศเย็นก็ถือว่าให้ความชุ่มชื่นในระดับที่ดีแต่ก็ไม่ได้มากขนาดครีมเนื้อหนักบางตัว เพราะจริงๆแล้วตัวนี้จะเน้นในเรื่องความกระจ่างใสของผิวมากกว่า แต่สำหรับเมืองร้อนแบบบ้านเราทรายว่ามันเหมาะนะชุ่มชื่นแต่ไม่มากเกินและไม่สร้างภาระให้ผิวมีน้ำมันมากขึ้นจนเกินไป บางอย่างเราอธิบายไม่ได้เนอะว่าชอบเพราะอะไรเหมือนครีมตัวนี้หล่ะทรายชอบในเนื้อในความรู้สึกหลังทาที่อธิบายออกมาเป็นตัวหนังสือไม่ถูกแต่คิดว่าถ้าหลายคนได้ลองน่าจะประทับใจกับตัวนี้ได้ไม่ยากค่ะเรื่องผลการใช้จะสรุปรวมๆด้านล่างแต่เรื่องความประทับใจในตัวครีมให้คะแนนเต็มเช่นเดียวกับโทนเนอร์จ้า <3<3<3
---------------------------------------------------



             สรุปผลการใช้แบบยกเซตนะคะ สำหรับทรายแล้วมีตัวที่ชอบและจี๊ดใจอยู่สองตัวคือ Papaya Enzyme and Soy Refreshing Skin Toner และ Skin Lighten Natural Age Spot Cream ซึ่งผิวในช่วงที่ใช้สองเดือนมานั้นเนียนละเอียดขึ้นจริงๆแต่ต้องยอมรับด้วยว่าน่าจะเป็นผลมาจากการทำเลเซอร์ด้วยส่วนนึง แต่ก็ยังคงสรุปในส่วนของผิวที่บอบบางได้ว่าสำหรับทรายแล้วเดอร์มา อี เซตนี้ไม่ทำให้ผิวหลังการจี้กระและทำเลเซอร์เกิดอาการแพ้เลย แต่กลับกันสำหรับทรายแผลจากการจี้กระหายไวขึ้นด้วยค่ะ เรื่องความกระจ่างใสนั้นบริเวณใบหน้ากระจ่างขึ้นจริงๆค่ะอันนี้ทราบได้เพราะว่ารองพื้นที่ใช้อยู่ประจำแอบทาแล้วหมอง พอลองขยับมาใช้เฉดที่ขาวขึ้นหนึ่งเฉดมันดูพอดีแฮะ ถือว่าเรื่องกระจ่างผ่านค่ะแต่ขอเน้นย้ำว่าทรายเป็นคนทากันแดดอย่างสม่ำเสมออยู่แล้วไม่เคยไม่ทากันแดดแม้ว่าจะอยู่แต่ในบ้านก็ตามจ้า
             โดยรวมทั้งผลสำหรับสกินแคร์เดอร์มา อี ทรายพอในเรื่องของเท็กเจอร์เนื้อของผลิตภัณฑ์ ความสามารถในการซึมผิว และความรู้สึกหลังใช้ค่อนข้างมากค่ะ จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ต้องการสกินแคร์ที่เน้นส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ และไม่มีการเทสผลิตภัณฑ์ในสัตว์ทดลองเลยค่ะ
             ผลการทดสอบทั้งหมดนั้นเกิดจากการทดลองของทรายแต่เพียงผู้เดียวนะคะ ความพึงพอใจของแต่ละคนต่างกัน พื้นฐานสภาพผิว ปัจจัยแวดล้อม อาหารการกิน การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและผิวพรรณเสมอ อยากให้สาวๆใช้ข้อมูลเบื้องต้นในการรีวิวเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ เลือกสิ่งที่เหมาะกับผิวเหมาะกับฐานะใช้แล้วไม่เดือดร้อน เราจะได้สวยอย่างสบายใจ และสวยในแบบที่เราเป็นนะคะ ขอบคุณมากๆสำหรับการติดตามชม แล้วเจอกันรีวิวหน้าขอบคุณค่า ^^







 

Create Date : 31 มกราคม 2555    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2555 10:43:41 น.
Counter : 8583 Pageviews.  

Review : รองพื้น Dior Capture Totale & แป้งผสมรองพื้น Lancome Blanc Miracle จ้า ^^

สวัสดีค่ะวันนี้ทรายจะมารีวิวรองพื้นและแป้งผสมรองพื้นที่จริงๆสอยมาน๊านนานแล้ว และประทับใจมากด้วยแต่เพิ่งจะเอามาลง เนื่องด้วยทรายเพิ่งไปทดลองจี้กระเนื้อด้วย CO2 มาทำให้หน้ามีรอยสะเก็ดจากการจี้กระตรึมแต่ว่าต้องออกงานไปเจอหน้าประชาชีเลยต้องทำการโบกกลบร่องรอย ถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่ได้ทดลองคุณสมบัติในเรื่องการปกปิดเป็นอย่างไรบ้าง มาเริ่มจากตัวแรกก่อนคือรองพื้นตัวที่ได้มาเป็นของขวัญวาเลนไทน์ <3 คือ "Dior Capture Totale"



ขวดเป็นขวดแก้วมีหัวปั๊มค่ะ ขนาด 30 ml FPS 15 SPF (เป็นค่ากันแดดในแบบที่ไม่คุ้นเคย ถ้าทราบความหมายแล้วจะมาแจ้งให้อีกทีนะคะ) ราคาประมาณสองพันต้นๆไม่เกินสองพันห้าค่ะ



ทรายใช้เบอร์ #011 ขาว-เหลือง ดูในภาพก็ค่อนข้างเหลืองแต่เมื่อเทียบกับรองพื้นยี่ห้ออื่นขาวเหลืองของดิออร์ก็ยังออกชมพูมากกว่า ตอนเลือกสีแนะนำให้ป้ายจากในห้างแล้วออกมาดูที่แสงธรรมชาติข้างนอกจ้า ภาพนี้เป็นการลงรองพื้นบนหน้าเพียวๆค่ะ รองพื้นให้การปกปิดแบบปกปิดแบบปานกลางแต่ดูเนียนกลืนไปกับผิว ลักษณะผิวที่ได้จะดูฉ่ำๆเนื่องจากรองพื้นรุ่นนี้จะผสมตัวบำรุงไปด้วยจึงช่วยให้ผิวชุ่มชื่น สำหรับทรายที่ผิวแห้งมันช่วยให้เซตตัวได้เร็วขึ้นและไม่ดูลอยระหว่างวัน แต่สำหรับคนผิวมันแนะนำว่าไปลองด้วยตัวเองดีกว่าค่ะตอบให้ไม่ได้จริงๆ แต่อยากให้สาวๆเข้าใจนิดนึงว่ารองพื้นที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวไม่ได้ทำให้หน้ามันเพิ่มขึ้นนะคะ ความชุ่มชื่นกับความมันคนละอย่างกันจ้า



 


ก่อนจะดูผลเปรียบเทียบการใช้มาดูที่แป้งผสมรองพื้นอีกตัวหนึ่งคือ "Lancome Maqui Blanc Miracle SPF35 PA+++" แป้งตัวนี้ตลับแรกทรายได้มาจากงานเปิดตัวแต่เมื่อใช้หมดก็ซื้อรีฟิวเติมใช้ต่อ โดนใจแบบต้องซื้อต่อจริงๆค่ะ



 


ตัวตลับสีขาวจะมีช่องแยกใส่พัฟด้านข้าง ดีไซน์เก๋ตรงการเปลี่ยนรีฟิวคือจะถอดออกมาได้ทั้งชิ้นรีฟิวเลยไม่ต้องงัดแงะ ตัวรีฟิวทรายถอยจากดิวตี้ฟรีอยู่ที่ประมาณพันหกกว่าๆค่ะตลับนึงทรายใช้อยู่ได้ประมาณเจ็ดแปดเดือนเลยจ้า ทรายใช้ #BO-01 จะบอกว่าสีเหมือนผิวเป๊ะๆๆๆๆๆๆ ทาแล้วกลืนผิวมากถึงมากที่สุดนี่เป็นเหตุผลใหญ่ๆเลยที่สอยต่อ



 


ภาพนี้เป็นใบหน้าหลังลงรองพื้นแล้วทรายใช้แปรงปัดแป้งตัวนี้ทับบางๆ พอดีวันนั้นรอยสะเก็ดจากการจี้กระชัดมากๆจึงบัฟ mmu ของ Lauress เบาๆตรงที่มีรอยสะเก็ดชัดๆเล็กน้อยจ้า




แต่ถ้าใครสงสัยในคุณสมบัติของแป้งตัวนี้อย่างเดียวอีกวันทรายได้ถ่ายหน้าแบบเพียวๆกับการลงแป้งตัวนี้อย่างเดียวมาให้ชมค่ะ ไม่มีเบสหรือรองพื้นแต่อย่างใดจะเห็นว่าแป้งให้การปกปิดปานกลางแต่ทำให้สีผิวทั้งหน้าดูกลมกลืนถ้ามองไกลๆรอยที่ปกปิดมันก็ดูเนียนสวยเลยนะคะ สำหรับทรายใช้พกพาติดกระเป๋าเติมระหว่างวัน ไม่เคยเป็นคราบ !!! ยิ่งดึกยิ่งกลืนไปกับผิวไม่ตกร่องไม่แตกลาย สรุปง่ายๆว่าโดนใจสำหรับทรายเลยค่ะ ^^


 



สี่ภาพเปรียบเทียบ


- ซ้ายบน >>>หน้าเพียวๆเลยจะเห็นว่าสะเก็ดจากรอยจี้กระชัดมว๊ากกกกก


- ขวาบน >>>เกลี่ยรองพื้น Dior ทั่วใบหน้ารอยจางไปเกือบ 80%


- ซ้ายล่าง >>>ปัดแป้ง Lancome ทับบางๆแสงมันเพี้ยนเลยดูเข้มกว่าภาพอื่นแต่ผิวมีความเงาจากรองพื้นลดลงแต่ยังคงดูฉ่ำๆ


- ขวาล่าง >>>บัฟ mmu Lauress ในบริเวณที่ยังเห็นรอยชัดๆเล็กน้อยค่ะ



 


ซูมๆเปรียบเทียบแบบชัดๆ ผิวเปล่าๆ >>> รองพื้น Dior >>>แป้ง Lancome + MMU Lauress



 


Before & After เป็นเมคอัพแบบปกปิดที่เนียนจริงๆ ^^



 


เปรียบเทียบตอนแต่งเสร็จบ่ายสามกับเมื่อเวลาผ่านไปเกือบสี่ทุ่มไม่ได้ซับไม่ได้เติมแม้แต่น้อย



 


หวังว่ารีวิวนี้คงพอเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของสาวๆได้บ้าง แต่อย่างไรแล้วการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเบสเมคอัพทรายก็สรุปได้ว่าต้องลองเองผิวแต่ละคนต่างกันสภาพแวดล้อมต่างกันทำให้ประสิทธิภาพที่ได้ต่างกันมากสนใจตัวไหนหาข้อมูลได้แต่อย่าลืมไปลองด้วยตัวเองนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าจ้า ขอบคุณค่ะ ^^







 

Create Date : 30 ธันวาคม 2554    
Last Update : 2 มกราคม 2555 23:57:08 น.
Counter : 20075 Pageviews.  

Review : แชร์ผลการใช้ Smooth-E Baby Face Scrub >>>โฟมสครับสูตรไม่มีฟอง ^^

           สวัสดีค่าสาวๆทรายเงียบหายไปนานคิดถึงกันบ้างรึเปล่าเอ่ย หลังจากไปอยู่ออสเตรเลียมาได้เจ็ดเดือนก็ได้ลองใช้สกินแคร์มากมายหลายขนานซึ่งทรายจะทยอยๆนำออกมารีวิวแบ่งปันข้อมูลให้สาวๆชมกันนะค๊า โดยเริ่มจากตัวนี้ก่อนเลย Smooth-E Baby Face Scrub : สมูท อี เบบี้เฟส สครับ โฟมสครับสูตรไม่มีฟองซึ่งตัวนี้ทางแบรนด์ส่งไปให้ทรายลองที่ออสฯค่ะ ทรายเชื่อว่าแบรนด์ Smooth-E เป็นแบรนด์ที่สาวๆรู้จักกันดีในเรื่องของโฟมล้างหน้าสูตรไม่มีฟองรายแรกๆของไทยเลยทีเดียว ตัวทรายเองนั้นเคยใช้สูตรดั้งเดิมหลอดเขียวมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น (เอ๊ะตอนนี้ก็ยังไม่แก่นะแต่สังขารมันก็ร่วงโรยบ้าง 555) ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ทดลองสมูทอีอีกครั้งในสูตรใหม่ที่มีเม็ดสครับในตัว เม็ดสครับอย่างที่เราทราบกันว่ามีหน้าที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วโดยเฉพาะผิวของเราเมื่อมีอายุมากขึ้นจะผลัดเซลล์ได้ช้าลงสครับจึงเป็นสิ่งที่ช่วยเราในการผลัดได้ดีขึ้น ซึ่งทรายได้ทดลองใช้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ออสฯ จนกลับมาไทย ซึ่งด้วยสภาวะอากาศที่แตกต่างกันค่อนข้างมากทำให้สามารถเปรียบเทียบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ได้ดีจึงขอนำข้อมูลมาแชร์ให้สาวๆชมกันจ้า ^^


-------------------------------------------------------------------------------



Smooth-E Baby Face Scrub
สมูท อี เบบี้เฟส สครับ โฟมสครับสูตรไม่มีฟอง


คำอธิบายผลิตภัณฑ์ :
             โฟมสครับสูตรไม่มีฟอง ลดสิวเสี้ยน ควบคุมความมัน เพื่อผิวหน้าอ่อนเยาว์ โฟมสครับไม่มีฟอง ไร้สารตกค้าง จึงช่วยลดสิว และริ้วรอยอย่างได้ผล พร้อมกำจัดสิวเสี้ยน ด้วย Smooth Beads นำเข้าจากสวิสเซอร์แลนด์ เป็นเม็ดสครับที่กลม ละเอียด อ่อนโยนไม่บาดผิว หรือทำให้ รอยสิวช้ำเหมือน สครับทั่วไป และขจัดไขมัน อุดตันตามรูขุมขน พร้อมขจัดสิ่งสกปรก ที่ตกค้างได้อย่างล้ำลึก เพื่อผิวหน้าอ่อนเยาว์ด้วย Collagen และ Vitamin E ธรรมชาติทำให้ผิวหน้าตึงกระชับ ดูขาวกระจ่างใส อ่อนกว่าวัยและยังป้องกันปัญหาผิวแห้งและริ้วรอยก่อนวัย เผยผิวใหม่ ที่มีสุขภาพดีจน คุณรู้สึกถึง ความแตกต่างได้ทันที หลังการใช้เพียงครั้งแรก

ส่วนผสม : Distilled Water , Coco-Glucoside ,  Decyl Glucoside , Cocamidopropyl Betaine , Propylene Glycol , Butylene Glycol , Glycol Distearate , Glyceryl Stearate , Cyclomethicone , Walnut Shell Powder , Tocopherol , Fragrance , Phenoxyethanol , Methyl Paraben , Ethyl Paraben , Isobutyl Paraben , Butylene Paraben , Propyl Paraben

ขนาดและราคา : 1.2 กรัม 110 บาท




ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ (เนื้อ และกลิ่น) :
                   เนื้อโฟมเป็นสีขาวมีเม็ดสครับเป็นเม็ดกลมขนาดเล็กสีน้ำตาลผสมอยู่ในปริมาณไม่มากเท่ากับสครับทั่วไปเนื่องจากตัวนี้ใช้เป็นโฟมล้างหน้าได้ทุกวัน บรรจุมาในหลอดพลาสติกทึบแสงสีเขียวอ่อน กลิ่นของโฟมสครับตัวนี้สำหรับคนที่เคยใช้สมูทอีมาก่อนกลิ่นจะเป็นเอกลักษณ์เหมือนกับสมูทอีสูตรอื่นๆคือเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆไม่ฉุนค่ะ

ลักษณะของผลิตภัณฑ์เมื่อทดลองใช้ :
                    สำหรับทรายในวันที่แต่งหน้าจะทำการเช็คเครื่องสำอางออกก่อนด้วยรีมูฟเวอร์หลังจากนั้นจึงล้างตามด้วยสมูทอีโฟมสครับตัวนี้ โดยบีบโฟมลงบนมือที่เปียกน้ำแล้วทำการนวดวนเบาๆบนใบหน้า เน้นขัดเบาๆบริเวณจมูกเนื่องจากเป็นจุดที่มีสิวเสี้ยนและมีความมันมากสุด เนื้อของโฟมจะมีความเข้มข้นคล้ายกับการนำครีมไปนวดวนๆบนหน้า เม็ดสครับมีปริมาณไม่มากนักและมีรูปทรงกลม มีขนาดเม็ดเล็กจึงไม่รู้สึกบาดหน้า เมื่อนวดโฟมสครับไปทั่วหน้าแล้วสำหรับทรายชอบล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วตามตบท้ายด้วยน้ำเย็น ซึ่งจะรู้สึกว่าสะอาดเกลี้ยงและช่วยปิดรูขุมขนหลังล้างหน้าได้ดีค่ะ เนื้อโฟมไม่มีฟองแต่ล้างออกได้ง่าย เมื่อลูบบนหน้าหลังล้างหน้ารู้สึกได้ว่าล้างคราบมันได้เกลี้ยงโดยที่ไม่ทำให้ผิวรู้สึกแห้งตึงหลังการล้างหน้าค่ะ

ผลการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ :
                     ทรายเริ่มทดลองใช้โฟมสครับตัวนี้ตั้งแต่อยู่ที่ออสฯ ซึ่งอากาศค่อนข้างเย็นประมาณสิบกว่าองศา และหลังจากกลับมาไทยก็ได้ทดลองใช้ต่อ สำหรับสาวผิวค่อนข้างแห้งอย่างทรายรู้สึกว่าการใช้โฟมสครับตัวนี้ล้างหน้าทั้งเช้า-เย็นทุกวันนั้นไม่ได้ทำให้ผิวหน้ารู้สึกแห้งแต่อย่างใดค่ะ โดยเฉพาะตอนที่อยู่ออสฯอากาศเย็นและแห้งกว่าบ้านเรามาก หน้าก็ไม่มีอาการแห้งตึงหรือลอก สำหรับทรายรู้สึกว่าการเกิดสิวเสี้ยนที่จมูกนั้นเกิดน้อยลง อยู่นู่นด้วยความขี้เกียจจึงไม่ได้สครับหน้าเลยจนมาใช้ตัวนี้แหละค่ะ แหะๆ หลังจากกลับมาไทยแล้วลองใช้ตัวนี้ต่อก็พบว่าตัวนี้สามารถล้างคราบมันและสิ่งสกปรกบนใบหน้าได้ดีเลยค่ะ พวกคลีนซิ่งหรือรีมูฟเวอร์แบบออยเจอตัวนี้ไปก็ออกหมด แต่ถ้าคนไม่ชินแรกๆอาจจะรู้สึกแปลกๆได้เพราะมันไม่มีฟอง อย่าเผลอขัดหน้าแบบมันส์มือนะคะเม็ดสครับถ้าเราขัดแรงไปไม่ได้ช่วยให้สะอาดขึ้นแต่จะเป็นการทำร้ายผิวได้น๊า แต่หลังล้างทรายว่าสัมผัสเช่นกันว่าสะอาดไม่เหลือคราบมันบนใบหน้า


 




-------------------------------------------------------------------------------

             สรุปผลสำหรับ สมูท อี เบบี้เฟส สครับ โฟมสครับสูตรไม่มีฟอง ตัวนี้ เทียบกับราคาแล้วทรายว่าเป็นโฟมสครับตัวนึงที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีโดยไม่ต้องจ่ายในราคาแพงๆ สำหรับน้องๆนักศึกษาที่อยากเริ่มทดลองใช้สครับตัวนี้ก็อ่อนโยนและช่วยลดการเกิดสิวเสี้ยน สิวหัวดำได้ค่ะ แต่สำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบทรายแนะนำว่าให้เลี่ยงการใช้สครับไปก่อนจะดีกว่าค่ะ
             หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นข้อมูลหนึ่งที่ช่วยให้สาวๆตัดสินใจในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเองได้ดีขึ้นนะจ๊า สกินแคร์ทุกอย่างผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับผู้ใช้เป็นหลักเนื่องจากสภาพผิวที่แตกต่างกันและปัจจัยภายนอกอื่นๆดังนั้นคนที่จะตอบได้ดีที่สุดว่าอะไรเหมาะกับเราคือตัวเราเอง ไว้เจอกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้า ขอบคุณทุกคนที่ติดตามชมล่วงหน้าจ้า ขอบคุณค่า ^^









 

Create Date : 20 ตุลาคม 2554    
Last Update : 3 ธันวาคม 2554 16:20:58 น.
Counter : 11571 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]




..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน
http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้
ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!

---------------------------------------------------------

hits
New Comments
Friends' blogs
[Add SaRaY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.