Group Blog
 
All blogs
 

Review : Head & Shoulders แชมพูขจัดรังแคกลิ่นแอปเปิ้ลหอมฟุ้งมาก

รังแค คืออะไร???
"รังแค" ปัญหากวนใจที่ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็เจอ
ทำให้เสียบุคลิกและถ้าเป็นระยะยาวนี่เป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงได้ด้วย Smiley
ดังนั้นก่อนจะกำจัดรังแคเราต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่ารังแคเจ้าปัญหาคืออะไร
ผิวหนังเราไม่ว่าผิวหน้า ผิวตัว หรือหนังศีรษะนั้นจะมีการผลัดเซลล์ทุก 28 วัน
แต่ถ้าวงจรการผลัดเซลล์ทำงานมากไปก็จะเห็นออกมาเป็นขุยขาวๆนั่นก็คือรังแค
ซึ่งรังแคจะไปดูดซับน้ำมันทำให้หนังศีรษะแห้ง ยิ่งแห้งยิ่งเกา ยิ่งเกายิ่งมัน หุหุ
การเกาแรงๆ การปล่อยให้เป็นรังแคนานๆจะก่อเกิดการสะสมของเชื้อราบนหนังศีรษะ
ทำให้เกิดปัญหาผิวหนังอักเสบ รากผมอุดตันไม่แข็งแรงส่งผลให้ผมร่วง โอ้ปัญหามาเป็นลูกโซ่เลย
ช่วงไหนมีรังแคร่วงกราวเป็นหิมะนี่ทำเอาเสียเซลฟ์ต้องงดเสื้อสีเข้มไปเลย เฮ้อ!

-------------------------------------------------------------------------------



สำหรับบล็อคนี้เค้าจะมารีวิวแชมพูขจัดรังแคแบรนด์ที่เราคุ้นเคยให้ชมกัน
กับแบรนด์ Head & Shoulders (Anti-Dandruff Shampoo)
แต่สูตรที่นำมาให้ชมกันเป็นสูตรปรับปรุงใหม่ "กลิ่นแอปเปิ้ลเฟรช : Apple Fresh"

เก๋อ้ะปกติแชมพูขจัดรังแคจะมีแต่กลิ่นมินต์ๆเมนทอลๆเท่านั้นเนอะ
ซึ่งกลิ่นนี่แหละที่น่าสนใจเพราะกลิ่นที่ได้เค้าว่าแตกต่างจากแชมพูขจัดรังแคปกติทั่วไป

กับ นวัตกรรมเฟรช เบิร์สต์ เทคโนโลยี (Fresh Burst Technology)
ตั้งแต่เปิดฝาจะได้ สัมผัสกลิ่นหอมแรก (Top Note) ที่เข้มข้น
ซึ่งกลิ่นหอมจะยิ่งฟุ้งกระจายตัวขึ้นเมื่อสัมผัสกับน้ำ สระผมทีหอมฟุ้งทั้งห้อง อิอิ
ที่เค้าเน้นพัฒนาในเรื่องกลิ่นเพราะกลิ่นเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อจิตใจ
จากการวิจัยนักจิตวิทยาบอกไว้ว่าประสบการณ์การอาบน้ำที่ดีในแต่ละวัน
จะส่งผลให้เรารู้สึกสดชื่น และอารมณ์ดีได้ตลอดวันจ้า Smiley



รายละเอียดประกอบ

สารทำความสะอาดที่ใช้คือ Sodium Lauryl Sulfate(SLS)
และ Sodium Laureth Sulfate (SLES)
ซึ่งเป็นสารที่ทำความสะอาดคราบมันได้ดีทั้งคู่แต่ตัว SLES จะเป็นอ่อนโยนกว่า
ถ้ามี SLS มากอาจจะทำให้หนังศีรษะแห้งได้แต่ก็มีการใส่สารกลุ่ม Glycol มาเติมความชุ่มชื่น
ถ้าไม่ได้มีปัญหาหนังศีรษะที่ผ่านเคมีมากๆหรือว่าระคายเคืองง่ายก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาจ้า
ส่วนสารหลักที่ใส่มาเพื่อขจัดรังแคคือ ซิงค์ไพริไทโอน (zinc pyrithione หรือ ZPT)
ซึ่งจะทำงานด้วยการลดการแบ่งตัวของเซลล์ที่หนังศีรษะ และต้านเชื้อแบคทีเรีย
ที่ทางแบรนด์บอกมาว่าช่วยขจัดรังแคที่มองเห็นได้ถึง 99% เมื่อใช้เป็นประจำจ้า



ขวดพลาสติกสีขาวทึบแสงฝาปิดเปิดสีน้ำเงิน
ฝาแบบนี้เค้ามีปัญหานิดหน่อยตรงความซุ่มซ่ามทำตกข้อต่อฝาหักเรื่อยเลย แหะๆ

-----------------------------------------------------------------------

ขนาดและราคา

ขนาด   70   มล. ราคา  29   บาท
ขนาด  180  มล. ราคา  78   บาท
ขนาด  350  มล. ราคา  150   บาท (ขนาดในภาพ)
ขนาด  675  มล. ราคา  229   บาท

หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป

***นอกจากสูตร Apple Fresh แล้วยังมีอีกสองสูตร ได้แก่
Smooth & Silky ช่วยให้ผมนุ่มลื่น และ Cool Menthol เป็นสูตรเย็นจ้า




ลักษณะเนื้อและกลิ่น

เนื้อแชมพูเข้มข้นสีเขียวมินต์ กลิ่นแอปเปิ้ลหอมเว่อร์ๆๆๆๆ
ได้กลิ่นตั้งแต่เปิดฝาขวดเลย เทออกมากลิ่นยิ่งชัด
กลิ่นหอมเหมือนซูกัสรสแอปเปิ้ลเลย อยากจะลองชิม 555 Smiley



ความรู้สึกเมื่อทดลองใช้

ตามที่เค้าบอกเลยเมื่อขยี้เนื้อแชมพูกับน้ำกลิ่นจะฟุ้งขึ้น
กลิ่นกระจายทั้งห้องน้ำเลย สระเสร็จยังเหลือความเป็นแอปเปิ้ลอยู่จางๆ
ชอบอ้ะเค้าว่าให้สุนทรียภาพที่ดีเวลาลั้นลาในห้องน้ำ
ก็ผู้หญิงใช้เวลาในห้องน้ำนานอ่าเนอะ
555 กลิ่นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ลักษณะฟองเป็นฟองละเอียด ตีให้ขึ้นฟองได้ง่าย
สระแล้วรู้สึกสะอาดดีจ้าสูตรนี้ไม่เย็นนะ ล้างออกง่าย เหลือกลิ่นติดผมจางๆไม่ฉุน
แต่เค้าลงครีมนวดตามหลังสระ กลิ่นเลยออกไปทางครีมนวดชัดกว่า



ความรู้สึกหลังทดลองใช้

หนังศีรษะสะอาดเอี่ยมแต่ช่วงที่ลองใช้เค้าไม่เป็นรังแคอยู่แล้วน้า
รังแคเค้าเป็นบ้างนานๆที จะเป็นเวลาที่สระแล้วไม่เป่าโคนผมให้แห้ง
ความชื้นนี่แหละตัวดีทำให้เชื้อราเติบโตไวรังแคฟ่อนเลยจ้า
ดังนั้นไม่อยากเป็นรังแคสิ่งสำคัญคือต้องรักษาความสะอาด
และไม่ปล่อยให้หนังศีรษะเกิดความอับ ชื้น แฉะ สระผมแล้วควรเป่าให้แห้ง
ไม่นอนทั้งๆที่ผมยังเปียก ไม่ใช้น้ำอุ่นสระผมเพราะยิ่งทำให้หนังศีรษะแห้ง
และท้ายที่สุดถ้าเป็นรังแคแล้วควรเลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมในการช่วยขจัดรังแค
ถ้าเป็นไม่มากใช้สลับกับแชมพูอื่นอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าเป็นมากใช้ทุกวันได้จ้า
โดยหลังจากขยี้จนเกิดฟองทั่วแล้วควรทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีก่อนค่อยล้างออก นะคะ!
สำหรับเค้าสูตรใหม่นี้โดนใจที่สุดตรงกลิ่น หอมฟุ้งมุ้งมิ้งน่าหม่ำมากอ้ะ
สระแล้วรู้สึกเพลินๆ จะเอาไว้สลับใช้เวลาเป็นรังแคนะฮับ Smiley

***การใช้แชมพูขจัดรังแคถ้าใช้ไปสักพักเริ่มกลับมาเป็นอีก
เกิดจากหนังศีรษะดื้อยา แก้ไขได้ด้วยการสลับใช้แชมพูที่มีสารขจัดรังแคชนิดอื่น
แล้วค่อยกลับมาใช้ยี่ห้อเดิมรังแคก็จะหายไปได้ค่ะ




เมื่อผมไร้รังแคก็มั่นใจที่จะใส่เสื้อสีเข้มแล้วหล่ะ อิอิ
จริงๆแล้วในห้องน้ำเค้าอ้ะมี
Head & Shoulders วางไว้ตลอด
มีมาแล้วทุกสูตรเพราะคุณแฟนเค้าเป็นแฟนพันธุ์แท้นั่นเอง
ผู้ชายอ่าเนอะสระผมบ่อยสระทุกครั้งที่อาบน้ำวันละสองรอบ
เค้าก็เลยชอบใช้แชมพูที่เป็นสูตรเย็นและช่วยขจัดรังแค
เพราะปัญหาเส้นผมอื่นๆมันไม่ค่อยมี ก็ผมสั้นซะขนาดนั้น
คุณแฟนชอบตรงฟอง สัมผัส ความเย็น และกลิ่น
ผู้ชายมักจะชอบอะไรที่ใช้แล้วเย็นๆ แต่เค้าเองชอบกลิ่น
สูตรคูลเมนทอลเพิ่งหมดพอดี บังคับใช้กลิ่นแอปเปิ้ลดีกว่า
หัวหอมๆน่าดม กรั่กๆ ใช้ระบบบังคับใช้โลดดดด Smiley
สรุปเค้าเองตอบไม่ได้เรื่องรังแคจะดีขึ้นแค่ไหนเพราะไม่เป็นรังแค
แต่เท่าที่เห็นคุณแฟนใช้มาหลายปีหนังศีรษะก็ดูสุขภาพดีไร้รังแคกวนใจ
ถ้าใครมีปัญหารังแคก็ลองใช้กันดูเน๊อ กลิ่นใหม่เค้าว่าสระผมแล้วรู้สึกรีแล็กซ์ดีฮับ

-------------------------------------------------------------------------------------------

แถมท้ายด้วยกิจกรรมสวีทวี้ดวิ่วกับ
Head & Shoulders



H&S มั่นใจ! กอดกันใกล้ขึ้น


เป็นกิจกรรมท้าความมั่นใจกับผมหอมไร้รังแคในการกอดให้แนบชิดที่ซู้ดดดด
โดยเค้าจะมีการจัดตั้งของโฟโต้บูทใน 7 โรงภาพยนต์ รวมถึงตามหน้าอาคารออฟฟิศต่างๆ
เข้าไปดูวันและสถานที่สำหรับร่วมกิจกรรมได้ที่ //www.hugbooth.com/
ไปร่วมสนุกกันๆเค้ามีแจกบัตรชมภาพยนต์สำหรับผู้ร่วมกิจกรรมที่บูทด้วยคร๊าบ



เค้าแอบไปเล่นมาแล้วที่พารากอน ฮี่ๆ
เป็นบูทสังเกตง่ายตั้งอยู่ชั้น 5 ด้านหน้าโรงหนัง
เป็นตู้ถ่ายภาพรื้อฟื้นความหลังในยุคที่ตู้สติกเกอร์เฟื่องฟู 555
ไปเล่นกันได้ฟรีๆเลย สำหรับ 40 คนแรกต่อวันจะมีการปรินท์ภาพให้ด้วยฮับ
ถ่ายภาพต่อเนื่อง 9 แอค โดยที่หน้าจอจะมีท่าไกด์ไลน์ให้
เป็นท่ากอดกันแบบแนบชิดสุดๆเพื่อโชว์ความมั่นใจไร้รังแค
ไม่จำเป็นต้องไปกับคู่รักเท่านั้นน้า ไปกะเพื่อน กะพ่อกะแม่ กะครอบครัวได้หมด



อวดรูปๆแอบเขิลล์เหมือนกันนะ 555
ถ่ายทันบ้างไม่ทันบ้างมันส์ดี อิอิ อย่าลืมไปร่วมสนุกกันน้า

-------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณ
Head & Shoulders ที่ส่งผลิตภัณฑ์มาให้ทดลองนะคะ
รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่

https://www.facebook.com/HeadandShouldersThailand
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่าไปร่วมกอดๆกับ H&S กันน้า

Smiley ขอบคุณค่ะ Smiley




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2556    
Last Update : 24 ตุลาคม 2556 17:37:13 น.
Counter : 14935 Pageviews.  

Review : แว๊กซ์ขนน้องจั๊กครั้งแรกในชีวิตที่ Yves Rocher !!!

ขนๆๆๆสิ่งที่สาวๆไม่พึงปรารถนา โดยเฉพาะขนใต้วงแขนหรือขนรักแร้ Smiley
แหม่มันเป็นจุดที่ไม่น่าพิศมัยอยู่แล้วยิ่งมีขนเข้าไปอีกยิ่งรับมิได้เนอะ
ซึ่งวิธีการกำจัดขนนั้นก็มีมากมายไม่ว่าจะถอน โกน หรือแว็กซ์
ซึ่งสองวิธีแรกเบสิกสุด ซึ่งเค้าเองพึ่งพาวิธีถอนเนื่องจากเป็นคนขนไม่เยอะ
และขนเส้นไม่หนา เวลาโกนมันจะเก็บได้ไม่เกลี้ยงอ่าน้า
อีกอย่างคือขนจะงอกช้ากว่าเพราะเอาออกไปทั้งราก
และขนที่ขึ้นใหม่ปลายจะเรียวๆ ไม่เหมือนการโกนที่ทำให้ขนเป็นปลายตัด
ถ้าคนขนเส้นใหญ่ก็จะเห็นเป็นตอดำๆเขียวๆอ่าน้า
แต่บล็อคนี้จะมาเล่าถึงประสบการณ์ใหม่ล่าสุดของเค้าในการกำจัดขนน้องจั๊ก
นั่นก็คือการ "แว็กซ์" (Wax) หลายคนอาจจะรู้สึกว่าไม่เห็นจะแปลกใหม่เลย
แต่สำหรับเค้านี่คือครั้งแรกเลยนะกับการแว็กซ์น้องจั๊ก 555 Smiley
เอาจริงๆเป็นการแว็กซ์ครั้งแรกเลยเพราะเค้าไม่มีขนแขนขนขาเลยไม่เคยคิดจะลองแว็กซ์อ่านะ
ซึ่งครั้งนี้ทาง Yves Rocher (อีฟ โรเช) แบรนด์ดังจากฝรั่งเศส ที่เราเห็นมีสาขาอยู่แทบทุกห้างดัง
ได้เชิญทรายไปทดลองรับบริการ Waxing ของเค้าไปชมกันเลยจ้า



เค้าเลือกไปรับบริการที่ Yves Rocher สาขาสยามเซ็นเตอร์ชั้น 4
ที่นี่จะมีชอป 2 แห่ง ตั้งอยู่ชั้น 2 และชั้น 4 จ้า



บรรยากาศภายในร้านโทนขาวเขียว
แบรนด์นี้เค้ามีทั้งเมคอัพ สกินแคร์ แฮร์แคร์ น้ำหอม ครบครันนะ
เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ปี 1959 โห 54 ปีแล้วแฮะ
ยอมรับว่าเคยเห็นมาน๊าน นานแล้ว แต่เชื่อไหมเมื่อก่อนหมูอ่านชื่อร้านไม่ออก 555 Smiley



ควงคู่กันมา....หมูกะหมี <<< นิชา MinipandaZ จุ๊ฟๆ Smiley



รายละเอียดราคาและสาขาที่ให้บริการ
เค้าเลือกรับบริการเป็นแว็กซ์ Under Arm (รักแร้)
ราคา 360 บาท นี่คือราคาแบบรวมสองข้างแล้วจ้า
ของนิชาเลือกเป็นแว็กซ์ Finger (นิ้วมือ)



บรรยากาศห้องแว็กซ์ เรียบร้อยสวยงามเป็นสัดส่วน
เคยเห็นตามร้านทั่วไปนั่งแวกซ์โชว์กันโจ่งแจ้งเลย อันนั้นไม่ไหวเค้าอายนะ แหะๆ
ที่สำคัญคือเรื่องของมาตรฐานความสะอาด อันนี้ก็เลือกเอาตามที่เราสบายใจเนอะ



แว็กซ์ของที่นีใช้เป็น "แว็กซ์ร้อน"
หม้อต้มแว็กซ์เค้าแบ่งเป็นสองหม้อเพราะเค้ามีแวกซ์สองแบบ
แว็กซ์แข็ง ใช้สำหรับแว็กซ์น้องจั๊ก และ บิกินี่ไลน์
ส่วนอีกแบบคือ แว็กซ์เหลว ใช้คู่กับกระดาษสำหรับดึง
ใช้สำหรับแว็กซ์แขน ขา นิ้วมือ นิ้วเท้า จ้า
ซึ่งจุดเด่นของแว็กซ์ที่นี่คือเป็นขี้ผึ้งออแกร์นิก
จากผึ้งที่เลี้ยงในฟาร์มพิเศษปลอดสารพิษ
เพื่อนำมาใช้ทำแว็กซ์ของ Yves Rocher เท่านั้น



ก่อนทำการแว็กซ์จะต้องเปลี่ยนคอสตูมกันนิดนึง
เพื่อกันตัวแวกซ์เลอะเปื้อนเสื้อผ้า เป็นผ้าขนหนูกระดุมแป๊ก



พร้อมละขึ้นอันเชิญหมูขึ้นเขียง ฮี่ๆ ตื่นเต้นอ้ะไม่เคยทำ



ขั้นตอนแรกคือการทำความสะอาดน้องจั๊กของเราก่อน
เพื่อเช็ดพวกผลิตภัณฑ์ดูแลใต้วงแขนที่ทามาออกให้เกลี้ยง
โดยเช็ดด้วย Baby Wipe (ทิชชู่เปียก) แล้วซับด้วยทิชชูให้แห้ง
สาเหตุที่ต้องเช็ดให้แห้งเพราะถ้าชื้นจะทาแว็กซ์ไม่ติดผิวจ้า



สำหรับน้องจั๊กจะใช้เป็นแวกซ์แข็งตามที่เกริ่นไว้
โดยจะปรับระดับความร้อนไว้ประมาณ Level 2 คือไม่ร้อนมาก
เนื่องจากผิวน้องจั๊กเป็นจุดที่บอบบางร้อนมากมิไหวค้าบ อิอิ
เนื้อแว็กซ์สีอำพันเหมือนน้ำผึ้งเลย แอร๊ยน่าหม่ำเนอะเห็นอะไรก็เป็นของกินไปหมด กรั่กๆ Smiley



ก่อนทำการป้ายแวกซ์ที่น้องจั๊กพี่เจ้าหน้าที่จะเทสให้เราบนหลังมือดูก่อนว่าร้อนไปไหม
เนื้อแว็กซ์แค่อุ่นๆไม่ร้อนเลยจ้า ป้ายลงไปแป๊บเดียวจะแข็งตัวแล้วลอกออกได้ชิลๆเลย



ขั้นตอนหลักเมื่อจั๊กสะอาดพร้อม ก็ทำการป้ายเนื้อแว็กซ์ลงไปตามแนวเส้นขน
จะไม่ป้ายพื้นที่กว้างมากนักประมาณในรูป ต้องค่อยๆทำไปทีละส่วนค่ะ



พอป้ายเสร็จพี่เค้าจะเอามือกดๆลงไปบนแว็กซ์
เพื่อให้เนื้อแว็กซ์อัดลงไปให้แนบโคนเส้นขน
พอแว็กซ์แข็งตัวทั้งแผ่นก็ทำการลอกออกได้เลย
การลอกจะดึงปื้ดเดียวตามแนวเส้นขนเหมือนตอนทา
ขนจะติดออกมากับแว็กซ์ได้เกลี้ยงกว่าทำย้อนแนว
ตอนกระชากพี่เค้าไม่บอกให้รู้ตัว กดๆจับๆดึงโลด
เมื่อถึงแผ่นแว็กซ์ออกแล้วพี่เค้าจะเอามือมาประคบน้องจั๊กเรา
อุณหภูมิมืออุ่นๆจะช่วยให้สบายขึ้น ลดความรู้สึกเจ็บจากแรงดึงจ้า
ถามว่าเจ็บไหม? คือเค้าขนน้อยและเส้นไม่หนา
ตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า "ไม่เจ็บ" เลยแฮะ จี๊ดๆมันส์ๆนิดเดียว อิอิ
แต่ถ้าใครขนเยอะเส้นใหญ่เส้นก๋วยจั๊บเค้าว่าก็ต้องมีซี้ดบ้างและ
ขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณของเส้นขนแต่ละกันอ่าค่ะ
รักแร้ข้างนึงของเค้าป้ายแค่สองครั้งเก็บขนได้เกลี้ยงเกลาครบถ้วน
แว็กซ์น้องจั๊กสองข้างรวมเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าใช้เวลาไปแค่ 15 นาทีเท่านั้น ไวเว่อร์!



แว็กซ์เสร็จเรียบร้อยได้มะมวงกวนมาสี่แผ่น เย้ย! แต่คล้ายป่ะล่า 555
ขนจะหลุดติดออกมาแบบถอนรากถอนโคนเลย แอบอายนะโชว์ขนจั๊กแบบซูมๆ Smiley



หลังจากแว็กซ์เสร็จจะทำการลงมูส Yves Rocher : Post-Epil Mousse 4 in 1
เป็นมูสที่ช่วยปรับสภาพผิว ลดการระคายเคือง
พร้อมบำรุงให้ชุ่มชื่น เรียบเนียน ใช้สำหรับหลังการแว็กซ์ขนโดยเฉพาะ
ซึ่งเค้าบอกมีสารที่ช่วยให้เส้นขนขึ้นช้าลงด้วย มูสมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ใช้สำลีป้ายมูสไปบางๆ มูสจะค่อยๆซึมลงไปไม่ต้องล้างออก
ถ้าใครรู้สึกหนึบๆ จะขอให้พี่เค้าลงแป้งฝุ่นทับให้บางๆก็ได้จ้า

***ทั้งแว็กซ์และมูสไม่มีขายที่หน้าร้าน มีเฉพาะบริการแว็กซ์ที่ร้านเท่านั้นค่ะ




มาอีกแล้วภาพหลอนตา แหะๆ ซูมๆน้องจั๊กหลังกำจัดขนด้วยแว็กซ์ร้อน
สะอาดเกลี้ยงเกลา หลังแว็กซ์ทันทีคนที่ผิวบอบบางอาจจะแดงๆเรื่อๆถือเป็นเรื่องปกติ
เนื่องจากแว็กซ์ใช้ความร้อน และเกิดการดึงเส้นขนด้วย แต่เดี๋ยวก็จะหายไปเองจ้า

***น้องจั๊กเค้าไม่คล้ำขนน้อยเป็นปกติไม่ได้ดูแลอะไรพิเศษเลย
ต้องขอบคุณกรรมพันธุ์จากหม่อมแม่ค่า แม่กะน้องสาวเค้าเริ่ดกว่านี้อีก
จั๊กเนียนเว่อร์ขนแทบไม่มีเลย เค้ายังมีขนที่ต้องกำจัดออกบ้างอ่าน้า


---------------------------------------------------------------------------------

BEFORE & AFTER



สรุปข้อดี-ข้อเสียของการแว็กซ์ขน

- การแว็กซ์เป็นการกำจัดขนที่สะอาดเกลี้ยงเกลากว่าการถอนและโกน
เพราะดึงออกทั้งเส้น ถอนรากถอนโคน เส้นเล็กเส้นน้อยก็โดนกำจัดจนหมด

- นอกจากกำจัดเส้นขนออกไปแล้วยังเป็นการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
ซึ่งทับถมกันอยู่บนผิวชั้นบนออกไปด้วย หลังแว็กซ์จึงรู้สึกว่าดูใสและเรียบเนียนขึ้นจ้า

- หลังการแวกซ์เส้นขนจะเกิดใหม่ช้าลงและเส้นจะค่อยๆบางลง
เนื่องจากรากขนถูกดึงรั้งจะต้องค่อยๆใช้เวลาในการฟื้นฟูตัวเอง
รากขนที่อ่อนแอจึงสร้างเส้นขนได้ช้าลงและได้เส้นที่เล็กลง

- ใช้เวลารวดเร็วมากแป๊บเดียวเกลี้ยงเกลา เค้าติดใจไม่ต้องเอี้ยวตัวถอนจนตาเหล่555

- ผิวจะเกิดการระคายเคืองน้อยกว่าการโกนด้วยใบมีด
ไม่ต้องเสี่ยงต่อการโดนบาด หรือเกิดรอยแดงจากคมใบมีด

- ผิวหลังการแว็กซ์จะเซนซิทีฟเนื่องจากโดนความร้อนเปิดรูขุมขน
และเกิดการดึงกระชากดังนั้นจึงต้องเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ใต้วงแขน
หรือน้ำหอมใดๆหลังการแว็กซ์อย่างน้อย 3-4 วัน หรือให้ดีเว้นซักอาทิตย์นึงค่ะ
และควรรักษาความสะอาดให้ดี เนื่องจากรูขุมขนเปิดอยู่
ถ้ามีการสัมผัสเชื้อโรคจะทำให้เกิดปัญหารูขุมขนอักเสบได้
แต่ไม่ใช่เพียงแค่การแว็กซ์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดขนวิธีใด ถอนหรือโกน
ก็ทำให้ผิวมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ทั้งนั้นดังนั้นต้องดูแลความสะอาดให้ดีค่ะ
อย่างที่บอกตอนแรกเรื่องสถานที่ในการทำความจะสะอาดได้มาตรฐานก็เพราะเหตุนี้ด้วย

---------------------------------------------------------------------------------

การดูแลตัวเองก่อนและหลังเข้ารับบริการแว็กซ์ขน


- ไม่ว่าจะแว็กซ์ส่วนใดควรจะบำรุงผิวให้แข็งแรงและชุ่มชื่นก่อน

- ก่อนจะมาแว็กซ์ควรไว้ขนให้ยาวอย่างน้อยครึ่งเซ็นต์ก่อน
จะทำให้แว็กซ์ออกได้ง่ายและเกลี้ยงเกลากว่าจ้า

- ผิวที่เพิ่งผ่านการตากแดดมาจะบอบบางยังไม่ควรแว็กซ์
ควรเว้นไปซักอาทิตย์นึงก่อนให้ผิวฟื้นตัวจะดีกว่า

- หลังการแว็กซ์รักแร้ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลใต้วงแขน
เพื่อลดความเสี่ยงใสการเกิดการระคายเคือง
ควรงดอย่างน้อย 3-4 วันค่ะ และควรงดโดนแดดด้วย

---------------------------------------------------------------------------------



ปิดท้ายแถมด้วยส่วนลดพิเศษ
ที่ Yves Rocher ฝากมาให้เพื่อนๆจ้าโดยมีรายละเอียดตามนี้จ้า Smiley

เงื่อนไข
(1) ปรินท์หน้าบล็อคนี้ไปแสดงที่ร้าน
(2) ต้องเป็นลูกค้าใหม่ (ไม่เคยเป็นสมาชิกอีฟ โรเชมาก่อน)
(3) เมื่อเข้ารับบริการ ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เพื่อเปิดบัตรสมาชิก

สิทธิ์ประโยชน์
- ได้รับส่วนลดค่า wax 10% ทันที
(ปกติแล้วต้องซื้อคอร์ส อย่างต่ำ 4 ครั้งขึ้นไป จึงจะได้ส่วนลด 10% ค่ะ)
- สามารถใช้สิทธิ์นี้สำหรับการ wax ได้ทุกส่วน
เลือกได้ไม่ว่าจะเป็นขา, รักแร้, บิกินี่, ฯลฯ
- หมดเขต 29 ต.ค. 2556 นี้นะคร๊าบบบ !!!

ปล.ถ้าลองแล้วติดใจสามารถซื้อคอร์สแบบ 6 ครั้งลด 10%
โดยสามารถคละจุดในการแว็กซ์ได้ ซึ่งปกติเค้าห้ามคละจ้า

---------------------------------------------------------------------------------



ขอบคุณ
Yves Rocher นะคะที่เชิญให้ไปทดลองรับบริการในครั้งนี้
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปชมหรือสอบถามได้ที่

https://www.facebook.com/yvesrocherthailand

//www.yvesrocher.co.th


หวังว่าบล็อคนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในการกำจัดขนด้วยการแว็กซ์นะค้า
Smiley ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าค่ะ Smiley




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2556    
Last Update : 18 ตุลาคม 2556 19:59:26 น.
Counter : 42867 Pageviews.  

Review : Vaseline Healty White Instant Fair Lotion โลชั่นทาตัวให้ผิวมีออร่าทันใจจริงอ้ะ?

  ท่าโพสไขว้แขนสุดฮิตที่เห็นกันอยู่ใน Instagram ตอนนี้
เป็นแคมเปญใหญ่ของทาง Vaseline กับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่



Vaseline Healty White Instant Fair Lotion

ที่เค้าบอกว่า "ผิวสว่างใสทันทีเหมือนมีออร่า และสว่างใสยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
สามารถไขว้แขนเทียบ Before & After เพื่อเทียบความแตกต่างได้เลย
เค้าเองก็ได้มาลอง เทสมาพักนึงละเลยจะมารีวิวสรุปให้ชมกันจ้า



ข้อมูลผลิตภัณฑ์

Vaseline Healty White Instant Fair Lotion
วาสลีน เปิดตัว วาสลีน เฮลธี้ ไวท์ อินสแตนท์ แฟร์ โลชั่น

ขนาดและราคา
100 ml. 89 บาท

200 ml. 145 บาท

350 ml. 239 บาท
หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตชั้นนำทั่วไปค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------

เพื่อผิวสว่างใสทันที และสว่างใสขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อใช้เป็นประจำ
มั่นใจได้ด้วยส่วนผสมที่ผ่านการทดสอบและรับรอง
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแล้วว่าปลอดภัยต่อผู้บริโภค
โลชั่นบำรุงผิวมีอนุภาคไมโคร รีเฟลคเตอร์
ที่ช่วยให้ผิวดูสว่างใสทันที 4 เท่าเหมือนมีออร่า
พร้อมวิตามินบี 3 และทริปเปิ้ล ซันสกรีน ให้ผิวสว่างใสยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งเค้ามีผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Instant Fair ออกมาให้เลือกใช้ 2 แบบ
แตกต่างกันที่คุณสมบัติและลักษณะเนื้อ คือ แบบโลชั่นและเซรั่มจ้า
Vaseline Healthy White Instant Fair Lotion
Vaseline Healthy White Instant anti-Blemish Serum

(แบบเซรั่มมีเทคโนโลยีทริปเปิ้ล สปอต คอร์เรคเตอร์
ช่วยให้รอยหมองคล้ำและจุดด่างดำดูลดเลือนทันทีที่ใช้จ้า)



วิเคราะห์ส่วนผสมแบบง่ายๆ Smiley

ส่วนผสมหลักคือ Isopropyl Myristate หรือ IPM เป็นสารหลักๆที่มักพบในครีมบำรุง
เป็นตัวที่ทำให้ครีมเนื้อลื่นซึมผิวได้ไว ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ เคลือบผิวให้ความชุ่มชื่น
มี Niacinamide หรือที่เรารู้จักกันในชื่อวิตามินบี 3 มาเป็นอันดับ 7 อยู่อันดับต้นๆเลย
ซึ่งเป็นวิตามินสารพัดประโยชน์ช่วยบำรุงผิวได้เริ่ดจึงเป็นที่นิยมในการเป็นส่วนผสมหลัก
วิตามินบี 3 ช่วยทั้งเรื่องริ้วรอย ช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน ให้ความชุ่มชื่น
ส่วนในด้านช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นเจ้าตัวนี้จะช่วย
ลดการส่งเม็ดสีผิวมาที่ผิวชั้นบนสุด
ทำให้ผิวดูขาวขึ้นนั่นเอง แต่ผิวยังคงมีปริมาณเม็ดสีตามปกติทำให้ผิวไม่ไวแดดค่ะ
มาถึงสารป้องกันแสงแดดที่เค้าบอกช่วยป้องกันรังสี UV แบบทริปเปิ้ลซันสกรีนก็คือ
Titanium Dioxide สารกันแดดในกลุ่ม Physical ที่ช่วยสะท้อนรังสี UV
และสารกันแดดในกลุ่ม Chemical อีกสองตัวคือ
Hthylhexyl Methoxycinnamate
ช่วยดูดซับรังสี UVB
Butyl Methoxydibenzoylmethane (Avobenzone) ช่วยดูดซับรังสี UVA
ตัวท้ายสุดที่เห็นเป็น CI 77491 คือพิกเมนต์สีจ้า

***มีส่วนผสมของน้ำหอมและพาราเบนค่ะ



ฝาเป็นแบบปิดเปิด เนื้อโลชั่นเข้มข้นแต่บีบออกจากขวดง่าย
จากส่วนผสมด้านบนที่เห็นว่ามีพิกเมนต์สี ที่เห็นจากเนื้อผลิตภัณฑ์คือสีชมพูอ่อนจ้า



ลักษณะเนื้อและกลิ่น


เนื้อโลชั่น
สีชมพูอ่อน เข้มข้นไม่เหลวแต่เมื่อเกลี่ยบนผิว
จะพบว่าเป็นโลชั่นที่เนื้อลื่นๆซึมผิวง่ายมาก ไม่เหนอะหนะ
กลิ่นหอมสไตล์วาสลีนคล้ายๆสูตรเดิมๆ แต่ตัวนี้กลิ่นค่อนข้างชัด
ถ้าใครใช้น้ำหอมกลิ่นโลชั่นอาจจะปนกับกลิ่นน้ำหอมได้จ้า



ปริมาณการใช้ที่แนะนำที่ทาแล้วเห็นผล
คือแขนหนึ่งข้างใช้โลชั่นประมาณ 1 เหรียญห้า



เค้าบอกว่าการใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
โดยควรทาทุกวัน วันละสองครั้ง จึงจะเห็นผลลัพธ์ในระยาวได้ค่ะ



เทียบสีแบบซูมๆให้ชมระหว่างผิวปกติกับผิวที่ทา

Vaseline Healty White Instant Fair Lotion

สำหรับคนที่ผิวค่อนข้างขาวอยู่แล้วอาจจะสังเกตความแตกต่างยากนิดนึง
จะไม่เหมือนบีบีในกลุ่มที่ทาให้ตัวขาวที่จะเนื้อหนึบๆใส่พิกเมนต์สีเยอะๆ
ทาแล้วเห็นปุ๊บปั๊บว่าดูขาวขึ้น แต่ตัวนี้แค่ช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น
และด้วยพิกเมนต์ชมพูจึงทำให้สีผิวดูเปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดีขึ้นค่ะ
เค้าว่าเนื้อโลชั่นแบบนี้ทาแล้วผิวดูสวยกว่าทาบีบีตัวขาวนะ
มันดูไม่ว่อก ไม่ลอย ซึมผิวได้หมดไม่เลอะเปรอะเสื้อผ้า
แต่ด้วยพิกเมนต์ที่เป็นสีชมพูเค้าว่าผิวที่ค่อนข้างขาวเหลืองทาแล้วจะทำให้สีผิวดูเฟรชขึ้นจ้า



สรุปผลสำหรับเค้าลองใช้เองแล้วเปรียบเทียบ
หลังทาทันทีที่รู้สึกได้คือความชุ่มชื่น จับแล้วผิวนุ่มๆหยุ่นๆขึ้นทันที
โดยที่เนื้อโลชั่นข้นแต่เกลี่ยง่าย ไม่รู้สึกเหนอะหนะจับแล้วแค่หนึบๆเล็กน้อย
แต่ในเรื่องของความกระจ่างใสแบบมีออร่าเค้าอาจจะไม่ต่างในเรื่องสี
แต่ด้วยความที่หลังทาผิวจะขึ้นเงามากขึ้นก็สะท้อนแสงดีขึ้น
ผิวเลยดูใสๆเด้งๆมากกว่าผิวปกติที่ไม่ได้รับการบำรุงจ้า
แต่ถ้าจะหวังผลในระยะยาวต้องทาแบบต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน
รวมถึงต้องป้องกันแสงแดดเพิ่มเติมด้วย แม้จะผสมสารกันแดดมาด้วย
แต่ถ้าต้องออกแดดจัดแนะนำว่าจำเป็นต้องทากันแดดเพิ่มนะคะ
รวมถึงต้องพยายามเลี่ยงแดดด้วย จึงจะเห็นผลว่าผิวดูขาวขึ้นจ้า
แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถขาวได้มากกว่าผิวปกติของเราที่ได้จากกรรมพันธุ์ค่ะ
สรุปเรื่องผิวต้องใช้เวลาและต้องดูแลต่อเนื่อง ใครขยันบำรุงมากกว่าผิวก็สวยกว่าจ้า Smiley

--------------------------------------------------------------------------------

ติดตามกิจกรรมดีๆจาก Vaseline ได้ที่

www.facebook.com/vaseline

www.vaselinethailand.com


***เจ้าแม่ 7-11 อย่างเค้าขอกระซิบว่าตอนนี้ซื้อ Vaseline Lotion ใน 7-11
ได้แสตมป์ 21 ดวงด้วยแหละ ฮี่ๆนักสะสมแสตมป์ห้ามพลาดคุ้มเว่อร์


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้านะค๊า Smiley
Smiley Smiley Smiley





 

Create Date : 14 ตุลาคม 2556    
Last Update : 14 ตุลาคม 2556 9:54:59 น.
Counter : 10108 Pageviews.  

Preview : ขี้เห่อเปิดกล่องความงาม Beauty Hunter กล่องแรกของเค้าประจำเดือนตุลาคม มีอะไรบ้างมาดูกัน!

สวัสดีค่าห่างหายจากคลิปเห่อเปิดกล่องไปพักใหญ่
ขอกลับมาเปิดเห่อกันกับ Beauty Box แบรนด์ใหม่ที่เค้าเพิ่งได้รับมา



กับแบรนด์ Beauty Hunter
มีให้ชมกันทั้งแบบคลิปและแบบภาพนิ่งเลือกรับชมได้ตามชอบเลยฮับ Smiley





Beauty Hunter แต่ละเดือนจะมีธีมน่ารักๆ
สำหรับธีมกล่องประจำเดือนตุลาคม คือ Pack the Bag
ซึ่งเค้าจะอัพเดทเรื่องราว Tips & Tricks ที่เข้ากะธีมแต่ละเดือน
อย่างเดือนตุลานี้ก็เป็นเรื่องราวของการจัดกระเป๋าไปเที่ยว
พร้อมแหล่งเที่ยวเด็ดๆ เข้าไปอัพเดทกันได้ที่หน้าแฟนเพจของเค้าเลยจ้า
www.facebook.com/beautyhunterthailand



ของในกล่องประจำเดือนตุลาอัดแน่นมากมีทั้งหมด 8 ชิ้น
เป็นของไซส์จริง 2 ชิ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง



ไซส์จริง 2 ชิ้นในกล่องคือ
Hakubi C Gel : เจลบำรุงผิวด้วยวิตามินซีเข้มข้น 6%
LUCIDO-L Hair Wax Natural : แว็กซ์เนื้อครีมให้ผมนุ่มพลิ้วเป็นธรรมชาติ

***แว็กซ์ตัวนี้เค้ามีฮาวทูวิธีใช้เอาไว้เข้าไปชมกันได้จ้า
https://www.youtube.com/watch?v=V8-jaC5YEL0




ไซส์พกพาที่เหลือมีทั้งหมด 6 ชิ้นตามนี้จ้า

1. Neogence Pore Reducing Serum : เซรั่มช่วยกระชับรูขุมขน
2. GumAlive Toothpaste สูตร Fresh Breath : ยาสีฟันจากสมุนไพรธรรมชาติ
3. Belif Peat Miracle Revital Cream : ครีมบำรุงช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูคอลลาเจน
4. Papulex Oil-Free Cream : ครีมบำรุงผิวสำหรับผิวมันและเป็นสิวปราศจากน้ำมัน
5. Touch In Sol Pure Dew Water Drop BB Cream : บีบีที่แตกตัวเป็นหยดน้ำ
6. Ladykin Hydro White Illumination Cream
และ Hydro White Shimmering Essence

ครีมและเอสเซนส์บำรุงผิวหน้าให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื่น


รายละเอียดราคาและโปรโมชั่น

- สมัคร 1 เดือน 395 บาท ได้ของ 7 ชิ้น (ขนาดจริง 2 ชิ้น)


- สมัคร 3 เดือน 1,100 บาท ได้ของ 8 ชิ้น (ขนาดจริง 2 ชิ้น)
***แบบที่เค้าได้มาคือกล่องแบบ 3 เดือนได้ของ 8 ชิ้นจ้า


- สมัคร 6 เดือน 1,990 บาท ได้ของ 7 ชิ้น (ขนาดจริง 2 ชิ้น)
เลือกรับของชิ้นพิเศษชิ้นใดชิ้นหนึ่งระหว่าง
Blackmores Radiance Marine Q10 (ขนาด 30 เม็ด 1,230 บาท)
หรือ Lamer The Eye Concentrate (ขนาด 3ml 1,580 บาท)

- สมัคร 12 เดือน 3,600 บาท ได้ของ 7 ชิ้น (ขนาดจริง 2 ชิ้น)
พร้อมรับของชิ้นพิเศษทั้งสินชิ้นได้แก่
Blackmores Radiance Marine Q10 (ขนาด 30 เม็ด 1,230 บาท)
และ Lamer The Eye Concentrate (ขนาด 3ml 1,580 บาท)


--------------------------------------------------------------------

ขอบคุณ Beauty Hunter ที่ส่งกล่องความงามมาให้นะค๊า
ต้องการสมัครหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปชมได้ที่

www.facebook.com/beautyhunterthailand

www.beautyhunter.co.th


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าค่า

Smiley XOXO
Smiley




 

Create Date : 08 ตุลาคม 2556    
Last Update : 10 ตุลาคม 2556 4:32:24 น.
Counter : 4128 Pageviews.  

Review : PHYSIOGEL Cream ไม่มีสี,ไม่มีน้ำหอมและสารกันเสีย เหมาะกับผิวแห้ง แพ้ง่าย เป็นสิว หน้าพังจ้า


ขอเกริ่นก่อนว่าการบำรุงผิวที่สำคัญที่สุดที่หลายคนละเลยกันก็คือ "ความชุ่มชื่น"
เพราะผิวสุขภาพดีคือผิวที่มีความสมดุลของปริมาณความชุ่มชื่น และปริมาณของน้ำมันบนผิว
อย่างคนผิวแห้งเรารู้จักอยู่แล้วว่าต้องบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นเพื่อลดอาการแห้งของผิว
แต่สำหรับผิวมันมักจะกลัวว่าทามอยส์เจอร์แล้วจะยิ่งทำให้ผิวมัน
ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดถนัดนะจ๊ะ ผิวมันคือผิวที่มีปริมาณน้ำมันผิวมาก
แต่เมื่อความชุ่มชื่นในผิวน้อยลงผิวจะยิ่งผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวมากขึ้น
เพื่อป้องกันไม่ให้ความชุ่มชื่นในผิวระเหยออก ผลคือผิวมันเยิ้มมากกว่าปกติ
ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะแก้ปัญหากันด้วยการหาครีมบำรุงหรือเมคอัพที่คุมความมัน
ยิ่งทำให้บาลานซ์ผิวเราเสียไปทำให้ผิวไม่แข็งแรงซึ่งส่งผลให้เกิดผิวกร้านหรือระคายเคืองได้
ดังนั้นไม่ว่าเราจะมีสภาพผิวแบบไหนสกินแคร์ในกลุ่มที่ให้ความชุ่มชื่นจึงมีความสำคัญเสมอ
การดูแลผิวที่ดีที่สุดคือการทำให้ผิวเราแข็งแรง และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา
ไม่ใช่ปล่อยจนเกิดเป็นปัญหาแล้วมาหาสกินแคร์ทาเพื่อแก้ปัญหานั้นๆค่ะ

เรามักจะคาดหวังกับการทาสกินแคร์ว่าต้องช่วยให้ขาว ใส ลดริ้วรอย ฯลฯ
แต่จริงๆแล้วสกินแคร์เบสิกๆที่ให้แค่ความชุ่มชื่นก็ทำให้ผิวสวยๆอยู่กับเราไปได้นานเลยจ้า



คำถามที่เค้าโดนถามมาเรื่อยๆที่หน้าเพจคือ

ทานยาสิวหน้าแห้งลอกทำอย่างไร
?
ผิวแพ้ครีมที่มีสเตียรอยด์มาทาครีมอะไรดี
?
เป็นคนผิวแพ้ง่ายมากใช้อะไรก็แพ้มีครีมอะไรแนะนำไหม?


หนึ่งในคำตอบที่เค้ามักตอบให้ก็คือ "Physiogel"
เป็นครีมที่ส่วนผสมธรรมด๊าธรรมดาเบสิกมาก เน้นแค่ให้ความชุ่มชื่น
แต่ทำไมเค้าถึงแนะนำครีมตัวนี้ มีความแตกต่างจากครีมตัวอื่นอย่างไร
บล็อคนี้จะมารีวิวให้ชมกันแบบละเอียดเลยค่ะ
บอกเลยว่าตัวนี้จัดเป็นครีมสามัญประจำบ้านที่ควรมีจ้า



จุดเด่นที่สุดของครีมตัวนี้คือเหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย
เพราะไม่มีส่วนผสมของตัวการหลักๆที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
ได้แก่ สี น้ำหอม และสารกันเสีย ค่ะ
โดยเนื้อครีมของ Physiogel จะมีโครงสร้างคล้ายคลึง
กับเกราะป้องกันผิวหนังตามธรรมชาติของเรานั่นเอง



รายละเอียดผลิตภัณฑ์
Physiogel Cream

ครีมบำรุงผิวทั่วไปมักมีส่วนผสมของ Emulsifier = สารลดแรงตึงผิว
สารลดแรงตึงผิวนี้ทำหน้าที่ละลายสารต่างขั้วกันให้เข้ากัน เช่น น้ำกับน้ำมัน
ซึ่งเมื่อมีการชะล้างผิว เจ้าสารลดแรงตึงผิวนี้จะไปดึงเนื้อครีม
รวมถึงเกราะคุ้มกันผิวตามธรรมชาติหลุดออกไปด้วย
เรียกปรากฎการณ์นี้ว่า Wash Out Effect
ส่งผลให้ ผิวไวต่อสารก่อระคายเคืองจากภายนอก และสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย
ด้วยนวัตกรรม Derma Membrane Structure Technology (DMS)
จึงไม่มีส่วนผสมของ Emulsifier เมื่อผ่านการชะล้างผิวจะไม่ทำลายเกราะธรรมชาติของผิว
อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูและเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงอย่างแท้จริง
แม้ล้างออกด้วยน้ำ ผิวยังคงเก็บกักความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง
เนื้อครีมของ Physiogel มีโครงสร้างและส่วนประกอบ
คล้ายคลึงกับเกราะป้องกันผิวหนังตามธรรมชาติ (Physiological lipid)
จึงสามารถซ่อมแซมและชดเชยเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ

และมี Ceramide ที่ช่วยเติมเต็มชั้นไขผิวหนังที่พร่องไป
สูตร Hypoallergenic, Non-comedogenic
เหมาะกับผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย และผิวที่ต้องการการบำรุง
เพราะปราศจากสารแต่งสี น้ำหอมและสารกันเสียอันอาจเป็นอันตรายต่อผิวที่บอบบาง

-----------------------------------------------------------------------------------

Ingredients : Water, Caprylic/Capric Triglyceride, Glycerin, Pentylene Glycol,
Cocos Nucifera, Hydrogenated Lecithin, Butyrospermum Parkii, Hydroxyethylcellulose,
Squalane, Xanthan Gum, Carbomer, Sodium Carbomer, Ceramide-3

วิเคราะห์ส่วนผสมแบบง่ายๆ

ส่วนผสมหลักอันดับสองรองจากน้ำเลยได้แก่
Caprylic/Capric Triglyceride
เป็นกรดไขมันที่สกัดได้จากน้ำมันมะพร้าวที่สกัด
ผ่านกระบวนการ fraction
ไม่ถือเป็นน้ำมัน แต่ถือเป็น Triglyceride ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่อุดตันรูขุมขน
หรือ non-comedogenic ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น น้ำหนักเบา ซึมผิวไว ให้ความชุ่มชื่นได้ดี
ตามมาด้วย Glycerin และ Pentylene Glycol ซึ่งเป็นกลุ่มให้ความชุ่มชื่นเช่นกัน
ตามมาด้วย
Cocos Nucifera เป็นสารสกัดจากน้ำมันมะพร้าวอีกแล้ว
Hydrogenated Lecithin และ Butyrospermum Parkii (Shea Butter)
เป็นสารให้ความชุ่มชื่นอีกเช่นกัน ต่อด้วย Hydroxyethylcellulose
เป็นสารให้ความหนืดหรือความข้นแก่ผลิตภัณฑ์
Squalane เป็นสารธรรมชาติที่สกัดได้จากพืชหรือสัตว์บางชนิด
เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ

ที่ร่างกายผลิตได้เองแต่จะผลิตได้น้อยลงเรื่อยๆเมื่ออายุเพิ่มขึ้นค่ะ
Xanthan Gum, Carbomer, Sodium Carbomer สามตัวนี้
จัดเป็นสารในกลุ่มที่ให้ความหนืดให้สกินแคร์จับตัวเป็นเนื้อเจลหรือครีม
ปิดท้ายด้วย
Ceramide-3 เป็นสารที่ช่วยลดการเกิดการระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อมจ้า

***ไม่มีส่วนผสมของ
สารแต่งสี น้ำหอมและสารกันเสีย
***มีสารสกัดจากน้ำมันมะพร้าว 2 ตัวซึ่งบางคนอาจจะกลัวในเรื่องการอุดตัน
ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าเป็น
Non-comedogenic ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
และจากที่สังเกตหลายๆคนที่เป็นสิวง่ายลองใช้ก็ยังไม่พบปัญหาอะไร
ก็เลือกใช้เอาตามที่เราสบายใจนะคะ แต่จากส่วนผสมที่ไม่ได้มีอะไรมาก
และไม่มีส่วนผสมในกลุ่มที่จะทำให้เกิดการระคายเคือง จัดเป็นครีมที่ปลอดภัย
มีความเสี่ยงน้อยที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองค่ะ



Physiogel มีเนื้อให้เลือกสองแบบคือ
แบบ Cream เหมาะกับผิวแห้งหรือผิวที่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ
และแบบ Lotion เหมาะกับผิวที่ค่อนข้างมันกว่า ใช้ทาได้ทั้งใบหน้าและลำตัวเช่นเดียวกันจ้า

ขนาดและราคา

Physiogel Cream ขนาด 75 Ml ราคา 590 บาท

Physiogel Lotion ขนาด 200 ML ราคา 989 บาท
หาซื้อได้ตามร้าน Boots, Watsons และร้านขายยาทั่วไปจ้า



เค้าเองลองใช้แบบครีมหน้าตาจะมาเป็นหลอดพลาสติกสีขาวทึบแสง
ซึ่งเป็นแพ็คเกจที่ดีป้องกันการเสื่อมจากแสง
ปกติอะไรที่เป็นเนื้อครีมมักจะใส่กระปุก
ทำให้ต้องใช้มือป้ายลงไปแบบนี้ใช้ง่ายกว่าเยอะเลย
ไม่ต้องกลัวเชื้อโรคจากมือลงไปเปื้อนด้วยจ้า



ลักษณะเนื้อของผลิตภัณฑ์และความรู้สึกเมื่อทดลองใช้

เนื้อครีมสีขาวข้นแต่เป็นครีมที่ให้ความรู้สึกหยุ่นๆกึ่งเนื้อเจล ไม่มีกลิ่น
เนื้อเข้มข้นแต่มีความลื่น เกลี่ยแล้วซึมลงผิวได้ง่าย หนึบนิดหน่อย
ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นฟิลม์เคลือบผิว หลังทาผิวจะดูวาวๆหน่อย
เค้าเองผิวแห้งทาแล้วเฉยๆไม่รู้สึกหนักหน้าอะไรเพราะชินกะการโบกครีมหนักๆอ่าน้า
แต่ถ้าใครผิวมันเลือกใช้เป็นเนื้อโลชั่นจะสบายผิวกว่า
หรือถ้าอยู่ในช่วงที่ผิวพัง แพ้ แห้งกร้าน หรือทานยารักษาสิวแล้วผิวแห้ง
ก็แนะนำว่าใช้เป็นตัวครีมนี่หล่ะจ้าชุ่มดีกว่า ถ้ายังไม่ชินกับเนื้อแบบครีมๆ
ให้ทาเกลี่ยแค่บางๆก็พอ หรือทาให้ชุ่มไว้ตอนก่อนนอนก็พอค่ะ
ผิวหลังทาชุ่มแบบสัมผัสได้ทันที จับแล้วผิวจะหยุ่นๆผิวแห้งแบบเค้าปลื้มเลย
ทาก่อนนอนแบบโบกชุ่มๆเช้ามาหน้าแน่นดีคงความชุ่มชื่นได้ตลอดคืนแม้นอนแอร์จ้า



สรุปเป็นครีมที่ส่วนผสมไม่เยอะไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
เลยเป็นครีมที่เค้ามักแนะนำให้คนที่มีปัญหาผิวอยู่ในช่วงผิวบอบบางใช้
เพื่อค่อยๆปรับสมดุลผิวให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมซึ่งบอกเลยว่าต้องใช้เวลา
ผิวที่แพ้อะไรมาไม่ได้หายได้ในคืนเดียวอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี
ต้องใจเย็นๆหันมาใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมเบสิกที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงที่จะแพ้อีก
ที่สำคัญทากันแดดและเลี่ยงแดดด้วยผิวจะค่อยๆฟื้นฟูตัวเองจนกลับมาปกติได้จ้า สู้ๆน้า Smiley

ขอขอบคุณ Stiefel ที่ส่งเซ็ตผลิตภัณฑ์ตัวเด่นมาให้ทดลองนะคะ
เป็นตัวที่เค้าเคยใช้แล้วและยังใช้อยู่ทั้งนั้นเลย
ได้แก่ กันแดด SpectraBAN , ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า Acne-Aid และ Physiogel Cream
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อยค่า Smiley

-----------------------------------------------------------------------------------




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2556    
Last Update : 13 ตุลาคม 2556 2:58:28 น.
Counter : 70850 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]




..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน
http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้
ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!

---------------------------------------------------------

hits
New Comments
Friends' blogs
[Add SaRaY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.