"แมงเม่าของเมื่อวันวาน คือ เซียนหุ้นของพรุ่งนี้"
Group Blog
 
All Blogs
 
RSI vs OBV โดย แมงเม่ามือใหม่

ผมเป็นคนหนึ่งที่เล่นหุ้นโดยดูการสะสมหุ้นเสมอ
เพื่อที่จะได้รู้คร่าวๆว่า หุ้นตัวนั้นมีความเสี่ยงในการเข้าซื้อมากน้อยเพียงไหนครับ

ผมไม่ได้มีความรู้ หรือตีความหมายของสิ่งเหล่านี้ ได้ตามหลักวิชาการ แต่ผมสังเกต เท่าที่ผมเข้าใจ อาจจะถูกบ้าง หรือผิดบ้างไปตามเรื่อง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
(ผู้ที่เข้าใจเรื่อง obv และ rsi อย่างดีแล้ว ผ่านไปเลยก็ได้ครับ ขอผมโชว์วัวนิดหนึ่ง)

หลายคนบอกว่า ในการพิจารณาเรื่องการสะสมหุ้น obv คืออินดิเคเตอร์ตัวหนึ่งที่มีความแม่นยำมาก

ส่วนตัวแล้ว ผมให้ความสำคัญ obv น้อยกว่า rsi เสียอีก
เพราะ obv บางครั้งก็ทำให้เราเขวได้มากๆ
เพราะ ณ ราคากรอบแคบๆใด กรอบหนึ่งที่มีการซื้อขายกันนานๆด้วย โวลุ่มมากๆ เราจะเห็นค่าของ obv เคลื่อนไหวในแนวโน้มที่สูงขึ้นเสมอ แต่นั่น ก็ไม่ได้หมายความว่า ณ ราคาแถวนั้น เกิดการสะสมหุ้นแต่อย่างใด
มันหมายความแค่เพียงว่า ณ ราคาแถวนั้น มีการซื้อขายมากๆต่างหาก

จุดที่เป็นทั้งจุดดี และด้อย ในเวลาเดียวกันของ obv คือ ในแต่ละวัน การเปลี่ยนแปลงจะถูก weight ด้วยโวลุ่ม

สำหรับผมที่ส่วนใหญ่เล่นหุ้นที่ถูกทำราคาขึ้นมาเล่นเป็นช่วงๆ
การสังเกต obv จะให้ประโยชน์น้อยมาก เพราะในช่วงก่อนขึ้น obv จะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก(เพราะอยู่ในช่วงสะสมหุ้น หลังราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาอย่างยาวนาน โวลุ่มจะน้อย จึงส่งผลต่อ obv น้อย)
ซึ่งหุ้นแบบนี้ จะเริ่มสังเกตเห็น obv ก็หลังจากหุ้นได้ขึ้นมาแล้วครับ(ซึ่งเสี่ยงที่จะไปไล่ตามราคาแล้ว)

สิ่งนี้ กลับไม่เกิดขึ้น ใน rsi เพราะในขณะที่ หุ้นเหล่านี้ มีการสะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไป rsi ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ในสโลปที่ชันขึ้นเป็นระยะ และถ้าการสะสม หุ้นนั้น มีระยะเวลายาวนาน การพักตัวของ rsi เป็นขั้นๆ ยิ่งส่งผลให้ภาวะการขึ้นนั้น ชัดเจนมากขึ้นไปอีก
และสามารถทำกำไร ให้ผู้ที่สังเกต ได้อย่างสม่ำเสมอพอควรครับ
ดังนั้น ในขณะที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง แต่ค่า rsi มีสโลปชันขึ้น และมีการพักฐานเป็นระยะ โดยไม่เคยกลับมาเล่นในกรอบต่ำอีก โดยราคาเปลี่ยนแปลงไม่มาก อันนี้ ก็เป็นการตีความว่ามีการสะสมหุ้นที่ชัดเจนได้ดีทีเดียวครับ

ตัวอย่าง obv ไม่สามารถอธิบายการสะสมหุ้นได้ เช่น หุ้น bnt ในช่วงเดือนมีนาคมถึง มิถุนายน obv พุ่งขึ้นสูงตลอด โดยที่ราคาไม่ไปไหน-อันนี้ กลับเป็นสัญญาณอันตรายไป เพราะหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาระยะหนึ่งก่อน แสดงถึงการไม่สามรถหาที่ลงได้ของคนทำราคา จึงต้องวนเวียนทำการซื้อขายในปริมาณมากๆต่อไป เพื่อให้คนไม่รู้หลงเข้าไปซื้อ
ส่วน rsi ได้แต่ทำไซด์เวย์อยู่ในกรอบแคบๆ ไม่เคยขึ้นไปทำขั้นบันไดใหม่ไดสักทีครับ

ตัวอย่าง rsi บอกถึงการสะสมหุ้น เช่น
us-w1 ตลอดเดือน กรกฎาคม
และ kce ในเดือนพฤษภาคม ต่อต้นเดือนมิถุนายน ก่อนขึ้นครับ

ขอให้โชคดี รวยๆครับ

จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 21 ส.ค. 48 15:22:01 A:58.136.74.106 X: TicketID:080268 ]


เพิ่มเติมนิดหนึ่งครับ

ด้วยเหตุที่ว่า obv จะให้ความสำคัญที่โวลุ่มเป็นสำคัญครับ
ดังนั้น ในหุ้นที่ทำราคามาเล่นเป็นช่วงๆ ไม่ได้มีโวลุ่มใกล้เคียงกันอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงที่เล่นกับไม่ได้เล่น
ค่า obv จะถูกปรับฐานทันที เมื่อโวลุ่มเทรดเข้ามาอย่างมากมาย และสำหรับหุ้นประเภทนี้ หลังการทำราคาขึ้นมาแล้วเทขายใส่แมงเม่าแล้ว obv มักจะไม่ยอมปรับตัวลงตามราคาไปด้วย

เหตุผลก็คือ หุ้นนั้น ได้มีการทำซื้อขายอย่างมากมายไปแล้วเมื่อหุ้นถูกทำราคาขึ้นมา และทำให้ค่า obv ถูกเลี้ยงอยู่ในระดับสูงต่อไป
หุ้นเหล่านี้ แม้ว่าหลังจากนั้น ราคาจะไหลลงไปอย่างต่อเนื่อง (จนกว่าจะถูกเข้ามาเก็บหุ้นของผู้ทำราคารอบใหม่) แต่เนื่องจาก โวลุ่มในขณะไหลเอื่อยๆนั้น มีเพียงเล็กน้อย
obv จึงจะดูคล้ายกับว่า ไม่ได้ลดลงเลย หรือรักษาระดับไว้ได้ที่ระดับสูงๆ

ตัวอย่างเช่น หุ้น mida, uv, stpi เป็นต้น

ซึ่งจะเห็นได้แล้วว่า มันไม่สามารถบ่งบอกได้ว่า เกิดการสะสมหุ้นในระยะยาวแต่อย่างใด

ดังนั้น หุ้นที่จะใช้ obv ได้ดี จึงควรเป็นหุ้นที่มีโวลุ่มสม่ำเสมอ ซึ่งมักจะเป็นหุ้นในกลุ่มบลูชิพนั่นเองครับ

จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 21 ส.ค. 48 18:25:36 A:58.136.77.146 X: TicketID:080268 ]


ขอบคุณครับ คุณแมงเม่าพันธ์ใหม่
ผมเปลี่ยนชื่อให้เลยนะ

ส่วนตัว ผมก็ไม่ดู OBV

จากคุณ : S-sung - [ 21 ส.ค. 48 19:40:06 ]


ขอบคุณครับ

ผมให้ความสำคัญกับ OSC มากกว่า แต่ต้องดูตัวอื่นประกอบมากมาย เพื่อไม่ให้หลงวูบ...

จากคุณ : แคนนอน - [ 21 ส.ค. 48 22:22:30 ]


ผมโหวตให้ก่อน

OBV ถ้าดูรายวัน อาจทำให้สับสนอย่างที่คุณแมงเม่าพันธุ์ใหม่ (เปลี่ยนชื่อให้มั่ง) ว่าแหละครับ

แต่ถ้าเจาะลงไปดูราย 60 30 15 นาที จะให้ประโยชน์มากเลย

ส่วนใหญ่ผมดู OBV ผสมกับ RSI ถ้าชี้นำไปในทางบวกทั้งคู่ และเครื่องมืออื่นๆ สนับสนุนตามสองสัญญาณนี้ เช่นถ้าแท่งเทียนเกิดสัญญาณบวกด้วย หุ้นตัวนี้ใช้ได้เลยครับ โอกาสทำกำไรจะสูง และความผิดพลาดจะต่ำ (คือในโลกนี้ ผมเชื่อว่าไม่มีเครื่องมือใดๆ ที่บ่งบอกได้ถูกต้อง 100%)


ผมว่าหลาย ๆ ท่านก็ดู indicator เป็นกันหมด สามารถสื่อความหมายออกมาได้คล้าย ๆ กัน

แต่ต่างกันที่ความระมัดระวัง รอบคอบในการวิเคราะห์ ทำให้ช่วงเวลาลงทุนแตกต่างกัน

ซื้อเร็วก็กำไรก่อน หรือติดดอยก่อน ซื้อช้าก็กำไรน้อย หรือไม่ติดดอย...

จากคุณ : แคนนอน - [ 22 ส.ค. 48 21:06:06 ]


Create Date : 30 กันยายน 2548
Last Update : 30 กันยายน 2548 15:40:29 น. 0 comments
Counter : 964 Pageviews.

หมากเขียว
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




สวัสดีครับทุกท่าน...ผมหมากเขียวแห่งสินธร...จาก Head of Prop Trade สู่ Private Trader อิสรภาพที่รอคอย



สงวนลิขสิทธิ์ © พ.ศ.2553 โดย หมากเขียว™ ห้ามลอกเลียน ทำซ้ำ หรือคัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความที่เขียนโดยข้าพเจ้านอกจากจะได้รับอนุญาต

Copyright © 2010.All rights reserved. These articles and photos may not be copied, printed or reproduced in any way without prior written permission of Mhakkeaw™.
Friends' blogs
[Add หมากเขียว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.